ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนกินผัว(รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 24

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 97
      0
      3 ก.ค. 59






    หลังจากผ่านวันนั้นมาสองสามสัปดาห์  อาการของนภัทรก็ดีขึ้น  หลังจากต้องจมกับตัวเองเมื่อถูกธนทัตข่มขืน  กว่าจะทำใจได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร  โดยที่เรืองฤทธิ์อยู่เคียงข้าง  นภัทรแอบถอนหายใจโชคดีที่เรืองฤทธิ์ไม่รู้เรื่องที่เขาถูกธนัทตข่มขืนถึงในบ้าน 

    เพราะเขากลัวว่าถ้าเรืองฤทธิ์รู้ขึ้นมา   มีหวังเรื่องนี้เป็นเรื่องแน่  เพราะเรืองฤทธิ์ไม่ชอบธนทัตเอาเสียแล้ว  และเขาเองก็ไม่อยากจะจำอะไรที่ทำร้ายจิตใจอีก

    แค่นี้  เจ็บมากพอแล้ว

    “ริท  วันนี้กันหิวจังเลย  มีอะไรให้กันกินบ้าง”

    นภัทรยังทำตัวให้สดใสเพื่อปกปิดความเจ็บปวดของตนเอง  เรืองฤทธิ์หันมายิ้ม

    “ก็มีแกงส้มกุ้ง  ปลาเก๋าทอดน้ำปลา  ผัดคะน้าปลาเค็ม  แล้วก็หมูกระเทียม  นี่ไง”

    เรืองฤทธิ์ว่า  ก่อนที่จะเอาจานหมูกระเทียมมาให้นภัทร

    ตอนแรกที่ไม่ได้กลิ่น  นภัทรก็ไม่รู้สึกอะไร

    แต่พอเรืองฤทธิ์เอามาให้ดมใกล้ๆ

    “อุ้บส์  อ้วก”

    นภัทรรู้สึกเหม็นหืน  คลื่นไสส้จะอาเจียน

    เรืองฤทธิ์งง

    “เป็นอะไรหรอกัน”

    “อ้วกกกก”

    นภัทรรู้สึกคลื่นไส้อย่างแรง  ก่อนที่จะวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

    เรืองฤทธิ์มองตามด้วยความสงสัย

    “กัน  เกิดอะไรขึ้น

    ห้องน้ำ        

    นภัทรวิ่งมาที่ห้องน้ำให้เร็วที่สุด  พอถึงอ่างล้างหน้าได้  ก็อ้วกทันที

    “อ้วก  อ้วก”

    นภัทรยังคงอาเจียนออกมาหลายครั้ง  ก่อนที่จะทาบมือไปที่หน้าอก

    “เกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย”

    นภัทรคิดได้แค่นั้น  ก็รู้สึกคลื่นไส้อีกแล้ว

    “อ้วก”

    เป็นอีกครั้งที่นภัทรอาเจียนออกมาอีก  ก่อนที่นภัทรจะเปิดน้ำล้างอ่างล้างหน้าให้อาด

    “กัน  เป็นอะไรหรือเปล่า”

    นภัทรสะดุ้ง  ก่อนที่จะหันไปทางเรืองฤทธิ์

    “มะ  ไม่มีอะไร”

    “ไม่มีได้ยังไง  หน้าซีดขนาดนี้ยังจะว่าไม่มีอะไรอีก”

    “ไม่มีอะไรจริงๆ  กันแค่เวียนหัว  อ้วก”

    นภัทรรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้ง  ก่อนที่จะหันไปที่อ้างล้างหน้า

    เรืองฤทธิ์มองนภัทรด้วยสายตาแปลกๆ  รู้สึกสงสัยว่านภัทรเป็นอะไร  แต่ไม่พูดอะไรมาก

    “วันนี้กันไหวไหม  ริทว่ากันหยุดเถอะวันนี้”

    “แต่ว่า”

    “ไม่มีแต่  ไม่สบายขนาดนี้จะมีแรงทำงานไหวได้ไงกัน  เอาเถอะ  เดี๋ยวริทโทรบอกเจ้านายกันให้”

    เรืองฤทธิ์พูดจบ  ก่อนที่จะหันไปโทรศัพท์

    นภัทรรู้สึกสับสน

    “เกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย”

     

    “เอ่อ  แคน”

    ศุภรุจมาที่อติรุจ  ที่เป็นเพื่อร่วมงานของนภัทร

    “ครับ  พี่รุจ”

    “นนี้  พี่ชายของกันโทรมาลา  บอกว่ากันไม่สบาย  วันนี้แคนทำงานคนเดียวไหวไหม”

    อติรุจได้ยินศุภรุจพูดแบบนี้ทำเอาตกใจไม่น้อย

    “พี่กันไม่สบายหรอครับ”

    “ใช่  วันนี้แคนรับมือคนเดียวไหวหรือเปล่า  เดี๋ยวพี่ช่วย”

    ศุภรุจถามตามประสาเจ้านาย  เพราะนิสัยเขาไม่เอาเปรียบลูกน้อง

    แต่อติรุจปฏิเสธ  เพราะแค่นี้เขาสบายอยู่แล้ว

    “ไม่เป็นไรครับ  ผมจัดการเอง”

    “อืม  เหนื่อยหน่อยนะ”

    “ครับ”

    ศุภรุจหายไปในห้องทำงาน  อติรุจมองตาม ก่อนที่จะรู้สึกเป็นห่วงนภัทร

    “พี่กัน  พี่เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ”

     

    นภัทรยังคงอ้วกเป็นระยะ  จนเรืองฤทธิ์ตัดสินใจลางานอีกคนเพื่อจะดูแลนภัทร  ที่ท่าทางฝาแฝดตนเองจะไม่สบายหนัก

    “อ้วก”

    “กัน  ไหวหรือเปล่า”

    นภัทรพยักหน้า

    “ไหว  ริท”

    “ค่อยๆเดินนะ”

    นภัทรทำตาม  ก่อนที่จะถูกเรืองฤทธิ์ประคอง

    “ริทว่าริทพากันไปโรงพยบาลดีกว่าไหม”

    “ไม่ดีกว่า  กันคงแค่เพลีย”

    “แต่”

    “นะริท  กันไม่อยากให้วุ่นวาย”

    นภัทรขอร้อง  ที่จริงสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างมากกว่า  เพราะอาการที่ตนเป็นนั้น  มันคุ้นมาก  คุ้นจนน่าเหลือเชื่อ

    “ก็ได้  งั้นวันนี้ริทอยู่บ้านละกัน”

    “อย่าดีกว่านะริท  ริทเป็นหมอ  อย่าหยุดงานเพราะกนัคนเดียวเลย”

    “แต่กันเป็นน้องชายคนเดียวของริทนะ”

    นภัทรส่ายหน้า

    “ไม่เป็นไร  กันไหว”

    เรืองฤทธิ์ทั้งสงสัยและไม่แน่ใจว่านภัทรไหวจริงหรือเปล่า

    “แน่ใจนะกัน”

    “อืม  แน่นอน  เชื่อใจกันสิ”

    เรืองฤทธิ์ถอนหายใจ  ท่าทางแฝดของเขาจะไม่ยอมจริงๆ

    “งั้นก็ได้  แต่ถ้ากันเป็นอะไรต้องโทรบอกริทนะ”

    นภัทรยิ้ม  และพยักหน้า

    “อืม”

    “เฮ้อ”

    เรืองฤทธิ์ลุกขึ้น  ยังคงหันมาทางนภัทรอยู่

    “งั้นดูแลตนเอง  อะไรที่ไม่ไหวก็อย่าฝืน  เราร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนะกัน  จำไว้”

    “ครับ  ริท”

    “ดี  งั้นริทไปทำงานก่อนนะ”

    เรืองฤทธิ์ขึ้นไปแต่งตัว  เพื่อที่จะไปทำงานตามปกติ

    พอเรืองฤทธิ์ขึ้นชั้นบนไปแล้ว  นภัทรก็ถอนหายใจ  ก่อนที่จะมีสีหน้าเครียด

    “หวังว่า  ตะไม่เป็นอย่างที่เราคิดนะ”

    ซักพัก  เรืองฤทธิ์ก็ลงมา

    “กัน  ริทไปทำงานก่อนนะ”

    “อืม”

    นภัทรพยักหน้ารับ  ก่อนที่จะมองแฝดผู้พี่เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ  ก่อน่ที่สตาร์ทเครื่องยนต์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า

    นภัทรมองตาม  ก่อนที่จะรู้สึกเครียด

    “อย่านะ  ขอร้อง  อย่าเกิดขึ้นกับผมเลยนะ”

    นภัทรรู้สึกสับสน  ไม่รู้จะทำไง  กลัว  กลัวเหลือเกิน

    กลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิด

    “พี่โม  พี่โน่  ช่วยผมที”

     

    “อะไรนะ  น้องกันสงสัยว่าตนเองท้องหรือ”

    ภัทรธิดาตกใจ  หลังจากที่ฟังนภัทรเล่า  ภาคิณเองก็เช่นกัน

    นภัทรร้องไห้

    “ครับ  ฮึก  ฮือ  กันจะทำยังไงดีล่ะพี่โม  กันกลัว”

    ภาคิณเข้ามากอด

    “พี่ว่าเราควรไปหาหมอนะกัน  อย่าเพิ่งคิดมาก  บางที  มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่กันคิดนะ”

    นภัทรส่ายหน้ารัว

    “แต่กันกลัวครับพี่โน่  กลัวกลัวจริงๆ  ถ้ากันท้องขึ้นมา  ริทต้องรู้แน่ๆว่ากันถูกข่มขืน”

    “แต่ยังไงก็ตาม  ถ้ากันท้องจริง  พี่ว่ายังไงริทก็ต้องรู้นะกัน”

    ภัทรธิดาว่า  เพราะเรื่องแบบนี้ถ้านภัทรท้องขึ้นมาจริงๆ  ยังไงริทก็ต้องรู้อยู่ดี  ท้องมันโตขึ้นนะกัน”

    นภัทรทำอะไรไม่ถูก  ภาคิณที่อยู่ข้างๆ  คอยกอดประโลม

    “เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนนะกัน”

    “พี่โน่”

    นภัทรมองหน้าภาคิณนิ่ง

    ภัทรธิดากลุ้มใจ  เรื่องเก่ายังไม่ทันจางหาย  เรื่องใหม่มันก็มาแทรก

    นี่มันเวรกรรมอะไรกัน 

    “ไปกันเถอะ  แล้วเกิดอะไรขึ้น  พวกพี่สองคนไม่ทิ้งกันแน่นอน”

    “ครับ  พี่โม”

    นภัทรกำลังจะลุกขึ้น  แต่แล้ว

    “น้องกัน”

    อยู่ๆนภัทรก็เป็นลมล้มพับลงไป  ภาคิณที่อยู่ข้างๆรับได้ทัน

    ภัทรธิดาตกใจ

    “โน่  น้องกันเป็นหนักขนาดนี้  กูว่ารีบพาไปหาหมอเถอะ”

    “เออๆ”

    ภาคิณอุ้มนภัทรไปที่รถ  โดยมีภัทรธิดานำไป  หญิงสาวให้ภาคิณคอยกอดนภัทรเอาไว้  ส่วนตนเองจะขับรถเอง

    โรงพยาบาล

    “พี่โมคะ  พี่กันเป็นยังไงบ้างคะ”

    วริฏฐิสามาที่โรงพยาบาลหลังจากที่ภัทรธิดาเล่าให้ฟัง

    “น้องสา”

    ภัทรธิดามองหน้าแฟนสาว  ก่อนที่จะแปลกใจ

    “พี่เคลลี่  พี่เองก็มาด้วยหรือคะ”

    เคลลี่พยักหน้า

    “อืม  พอดีเห็นสาพูดกับโมเรื่องน้องกันไม่สบาย  พี่ก็เลยมาเยี่ยม”

    ภัทรธิดางง  เพระเคลี่ไม่ได้รู้จักครองครับนภัทรโดยตรง

    แต่ตอนนี้

    ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องนภัทรเสียแล้วล่ะ

    ภาคิณเองก็อยู่ที่ห้องประตูฉุกเฉน  ยังคงเฝ้ารอนภัทรด้วยความรักและห่วงใย

    ไม่ว่ายังไง  นภัทรอยู่ในสภาพแบบไหน  เขาก็ขออยู่เคียงข้าง  ไม่ว่านภัทรจะเป็นยังไงพบเจออะไรมาก่อนเขาไม่สน 

    เจารักนภัทร

    ยิ่งเห็นนภัทรเป็นแบบนี้  เขายิ่งเจ็บปวด

    “น้องกัน  อย่าเป็นอะไรไปนะ  พี่เป็นห่วงกัน  รู้มั้ย”

    ภัทรธิดาเดินเข้ามาตบบ่า

    “โน่  กูเชื่อ  ว่าน้องกันไม่เป็นไร”

    “กูก็ขอให้เป็นอย่างนั้นโม  กูทนไม่ได้  น้องกันเป็นอะไรไปจริงๆ”

    ภาคิณน้ำตานองหน้าไร้เสียงสะอื้น  เขาเจ็บปวดยิ่งกว่านภัทร  เจ็บปวดที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตนเองรักได้เลย

    ”โม”

    ภัทรธิดาหันไปตามเสียง

    “มีอะไรคะพี่เคลลี่”

    “พี่ขอคุยอะไรแปบนึงได้ไหม”

    “ค่ะ”

    ภัทรธิดารับคำ  ก่อนที่จะหันมาทางภาคิณ

    “โน่  เดี๋ยวกูมานะ  สาจ้ะ  สาอยู่เป็นเพื่อนพี่โน่เขาก่อนได้ไหม”

    “ได้ค่ะ”

    ภัทรธิดาหันมาทางพี่เขย

    “ไปกันเถอะค่ะ”

    “อืม”

    เคลลี่และภัทรธิดาเดินไปที่นึงเพื่อที่จะคุยกัน

    “พี่โน่คะ  พี่กันเป็นคนดี  สาเชื่อค่ะ”

    “ขอบใจนะน้องสา”

    ภาคิณรับคำ  ก่อนที่ยังคงจดจ่อกับการเฝ้า  

    ได้แต่ภาวนาขอให้น้องกันปลอดภัย

    เวลาผ่านไปสาบสิบนาที

    ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกก่อนที่จะมีชายหนุ่มเสื้อสีขาวสวมทับชุดคลุมสีเขียวมีหมวกอนามัยคลุมศรีษะ

    เป็นจังหวะที่ภัทรธิดากับเคลลี่มาพอดี

    “คุณหมอครับ  น้องกันเป็นยังไงบ้างครับ”

    ภาคิณถามคนแรก  ก่อนที่ภัทรธิดาจะเข้ามา

    “คนไข้เป็นอย่างไรคะ  หมอเจมส์”

    จิรายุมองไปรอบๆ  ก่อนที่สายตาจะสะดุดไปที่คนนึง

    “ก่อนอื่นผมขอถามก่อนนะครับ   ใครเป็นสามีของคุณนภัทรครับ”

    ทุกคนตกใจทันที  โดยเฉพาะเคลลี่

    “หมอเจมส์  เมื่อกี้หมอว่าอะไรนะ”

    “ครับ  แล้วใครคือสามีของคนไข้ครับ”

    ภาคิณรับเอง

    “ผมเองครับ”

    จิรายุหันมายิ้ม

    “ยินดีด้วยครับ  ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์แล้วครับ  และตอนนี้ทั้งแม่และลูกปลอดภัยดีครับ  แต่ว่าสภาวะจิตใจคุณนภัทรดูท่าทางค่อนข้างน่าเป็นห่วง  ยามนี้คนไข้ต้องการกำลังใจอย่างมาก  สามีช่วยใกล้ชิดภรรยาหน่อยนะครับ”

    “ครับ”

    “ถ้าอย่างนั้น  หมอขอตัวก่อนนะครับ”

    จิรายุเดินออกจากตรงนั้นไปแล้ว  เหลือเพียงสี่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

    โดยเฉาพะภาคิณ  ที่ตกใจไม่หาย

    “ไอ้โน่”

    “น้องกัน  น้องกันท้องจริงๆ”

    ภาคิณสะอึก  ไม่ใช่ว่าเขารับไม่ได้ว่านภัทรท้อง  รับได้สิ  เพราะเขารักนภัทรมาก

    หากนภัทรไม่มีใคร  เขาพร้อมที่จะรับเด็กในท้องเอง

    “ไอ้โน่  เอาไงดีวะ  ไม่อยากเชื่อว่าน้องกันจะท้องกับไอ้คนชั่วนั่น”

    “โมหมายถึงนายธนัทตหรอ”

    ภัทรธิดาพยักหน้า

    “ค่ะพี่เคลลี่  หมอไม่อยากให้ไอ้ชั่วเป็นพ่อของลูกของน้องกันเลย  แต่มันเกิดขึ้นแล้วสินะ”

    “สาสงสารพี่กันจังเลยค่ะพี่โม”

    “ที่จริง  น่าจะแจ้งความตั้งแต่แรกนะ”

    เคลลี่บอก  ภาคิณหนักใจเหมือนกัน

    “ผมเองก็อยากทำแบบนั้น  แต่น้องกันไม่ยอม  เขากลัวพี่ชายเขารู้เรื่อง”

    “แต่นี่มันเรืองใหญ่นะ  แล้วทำไมถึงปล่อยให้คนชั่วลอยนวลแบบนั้น”

    ภัทรธิดาหันมาทางว่าที่พี่เขย

    “เพราะน้องกัน  ไม่ต้องการจำความเจ็บปวดแบบนั้นต่อไป  โมเองก็สงสารน้องกันนะคะ  แต่ว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่โดนกับตัว  ไม่รู้หรอกคะ”

    ภัทรธิดาพูด  ก่อนที่จะหันมาทางภาคิณ

    “ไอ้โน่  มึงจะเอายังไงต่อ”

    ภาคิณถอนหายใจ

    “กูไม่มีทางให้ธนทัตนั่นเป็นพ่อ  กูจะเข้าไปคุยกับริท  และรับเด็กในท้องกันเป็นลูกของเราเอง  ลูกของน้องกัน  จะมีพ่อคือเรา  ไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น”

    ภาคิณปณิธาน  ภัทรธิดารู้สึกเป็นห่วง

     

    ........................................................................................................................

    มาอัพแล้วจ้า  


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×