ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนกินผัว(รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 13

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 59






    “ผมยังหาโอกาสที่เข้าหากันไม่ได้เลยเซน”

    ธนทัตว่าอย่างเซ็ง  ในขณะที่กอดก่ายภูหิรัณย์หลังจากที่ทั้งคู่เสร็จกิจกรรมเร่าร้อนแล้ว

    ภูหิรัณย์ไม่ค่อยสบอารมณ์

    “แล้วแบบนี้จะทำยังไง  อักไม่กี่วัน  หมอริทก็จะกลับมาแล้ว  แกงส้ม  คุณนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ  แค่นี้ยังทำไม่ได้  ชิ”

    ภูหิรัณย์ไม่ค่อยพอใจก็จริง  แต่ยังคงกอดคนบนเตียง

    “เอาน่า  ถึงแม้ว่าจะพลาด  แต่ผมว่าครั้งหน้าก็คงมีโอกาส  ช่างเถอะ  ผมว่าเป็นแบบนี้ก็ดีไปอย่าง”

    “หมายความว่ายังไง”ภูหิรัณย์ถาม

    “เอ้า  คุณลองคิดดูนะ  ถ้าไอ้ริทมันกลับมาพบว่ากันยังไม่เป็นอะไรในช่วงที่มันไม่อยู่  มันก็คงเบาใจขึ้น  อีกหน่อย  มันคงไม่ถึงกลับหวงกันจ้า  อาจจะปล่อยให้กันอยู่ตามลำพังบ้าง  และถ้าโอกาสนั้นมันมาเมื่อไหร่  ทีนี้ล่ะ  ผมไม่ปล่อยให้กันรอดมือผมไปได้แน่นอน  ทีนี้  คุณก็สมหวังกับไอ้ริท  ส่วนผมก็ได้กันเป็นเมีย  คิดว่ายังไงล่ะ”

    ภูหิรัณย์ยิ้ม  จะว่าไป  ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดี

    โอกาสหน้ายังมี  วันพระไม่ได้มีหนเดียวเสียหน่อย

    “ที่คุณพูดก็ถูกเหมือนกัน  เอาเถอะ  แต่ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส  อย่าให้พลาดเชียวนะแกงส้ม  ไม่อย่างนั้น  คงไม่มีทางที่คุณกับผมได้สมหวังกันแน่  แกงก็รู้ว่าหมอริทหวงน้อง  ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่”

    “เซน  ผมรู้น่า  แต่ผมไม่เข้าใจจริงๆ  คุณหลงรักไอ้เตี้ยนั่นได้ยังไง”

    ภูหิรัณย์ยิ้มเป็นกระกาย

    “ไม่รู้สิ  เซนสัมผัสได้ว่า  หมอริท  มีเสน่ห์น่าประหลาด  ไม่ว่ายังไงก็ตาม  เซนจะหาทางทำให้หมอริทรักเซนให้ได้”

    “เอาเหอะ  ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ผมว่าเรามาสนุกก่อนดีกว่านะเซน”

    “คิกๆ  ก็เอาสิ”

     

    ภาคิณขับรถมารอที่บริษัทของนภัทร  จนกระทั่งคนที่ตนรอ  เดินลงมาจากบริษัทแล้ว  ภาคิณจึงเปิดประตูรถเพื่อเข้าไปหานภัทร

    “กัน”

    นภัทรเงยหน้าตามเสียงเรียก  พอเห็นภาคิณก็ตกใจ

    “อ้ะ  พี่โน่”

    นภัทรเดินหนีทันที  ภาคิณคิดยังไงนภัทรพอจะเดาออก  เขาจึงเลี่ยงที่จะหนี  เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

    “กัน  เดี๋ยว”

    ภาคิณเห็นนภัทรรีบไปดักหน้าไว้ก่อน  นี่มันเรื่องอะไรกัน  นภัทรถึงต้องเดินหนีเขาทุกครั้ง

    “กัน  จะกลับบ้านแล้วหรอครับ”

    ภาคิณถามเสียงสุภาพอ่อนโยน 

    “ครับ  กันจะกลับบ้าน”

    “งั้นพี่ไปส่งนะ  วันนี้พี่ตั้งใจจะมารับกัน”

    นภัทรส่ายหน้า  ปฏิเสธความหวังดีของร่างสูง

    “อย่าดีกว่าครับ  กันไม่อยากรบกวนพี่โน่”

    “ไม่นะกัน  พี่ไม่เคยคิดว่ากันรบกวน  พี่เต็มใจ”

    “แต่กัน  ไม่สบายใจ  และลำบากใจครับ”

    คำตอบนภัทร  ทำเอาภาคิณอึ้ง

    “กัน  รังเกียจพี่ขนาดนี้เลยหรอ”

    นภัทรเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง 

    “พี่โน่ครับ  กันรู้นะครับ  ถึงแม้ว่าเราจะเจอกันไม่กี่ครั้ง  แต่กันรู้นะครับพี่โน่  ว่าพี่คิดอะไรกับกัน”

    ภาคิณนิ่ง

    “กัน  พี่เข้าใจนะว่ากันอาจจะอึดอัด  แต่ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้กันอึดอัด  พี่แค่อยากพากันไปผ่อนคลายบ้าง”

    “พี่โน่”

    “พี่พอจะรู้มาเหมือนกัน  ว่าทำไม  กันถึงกันสิ่งสวยงามออกไปจากตัวกัน  พี่ไม่ได้หมายถึงว่าสิ่งที่สวยงามที่ว่านั้นคือว่ากันต้องรับรักพี่นะ  มันไม่ใช่  พี่หมายถึงว่ามิตรภาพ  ที่พี่ตั้งใจมอบให้  พี่ไม่ได้อยากให้กันรับรักพี่ขนาดนั้น  พี่หมายถึงว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันได้นะกันถ้ากันยังไม่พร้อม  แต่ตอนนี้กันทำท่าจะรังเกียจพี่  พี่ไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ  กันถึงรังเกียจ  หนีพี่ทุกครั้ง”

    นภัทรส่ายหน้า

    “ไม่ใช่นะครับ  คือ  พี่โน่  กันไม่อยากให้พี่โน่มาเดือดร้อนเพราะกัน  ถ้าพี่โน่รู้อะไรมาบ้างพี่โน่น่าจะเข้าใจ  กันไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะกันอีกแล้ว  กันเจ็บมามากแล้วครับพี่โน่  กันขอตัวนะครับ”

    “กัน  ถ้ากันไม่ได้รังเกียจพี่จริง  พี่ขอเป็นพี่ชายได้ไหม”

    นภัทรอึ้ง

    “อย่างน้อย  ขอพี่เป็นพี่ชายของกันอีกคน  จะได้ไหม”

    “พี่โน่”

    สองคนมองตากัน  ภาคิณเห็นแววตาเศร้าสาหัสในดวงตาหวาน  ภัทรธิดาเล่าความเป็นมาของนภัทร  ยิ่งทำให้เขา

    อยากเป็นคนนั้น  คนที่ปกป้องกัน

    ด้วยหัวใจ

    เขารักนัทรมานาน  ไม่สนใจ  ว่าอดีตที่ผ่านมา  กันเจอกับอะไรมาบ้าง

    “พี่โน่  กันขอร้อง  อย่ามายุ่งกับเสนียดอย่างกันเลยครับ  พี่โน่เป็นคนดี  อย่ามาแปดเปื้อน  เพราะตัวซวยอย่างกันเลย  กันไม่เหมาะกับคนดีๆอย่างพี่  แม้แต่คำว่าพี่น้องของพี่และกัน  มันยังสูงกว่าที่กันจะได้รับ  กันไม่มีค่าที่จะให้พี่โน่มาเป็นแม้แต่พี่ชายของกัน”

    นภัทรเริ่มสะอื้น  บาดแผลมันลึกเกินกว่าที่จะได้รับเยียวยา  และนภัทรก็ไม่พร้อมที่จะให้ใครมาเยียวยาเช่นกัน

    เพราะกลัวว่า  บาดแผล  มันจะลึกกว่าเดิม

    แค่ทุกวันนี้  คำว่าคนกินผัว  ตัวกาลกิณี  แค่นี้

    มันก็บาดลึกเข้าไปสุดขั้วหัวใจแล้ว

    นภัทรไม่ได้โง่ 

    พอที่จะไม่รู้ว่า  ภาคิณคิดกับตนยังไง

    “อย่าให้คนดีๆอย่างพี่โน่  ต้องมาซวยเพราะคนไม่ดีอย่างกันเลยครับ”

    “กัน”

    “แท็กซี่”

    นภัทรชิงหนีภาคิณโดยการหนีขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี  ภาคิณห้ามไม่ทัน

    “กัน  ยิ่งกันเป็นยังงี้  พี่อยากจะเป็นคนปกป้องกันเหลือเกิน”

    “คุณครับ  ถ้าคุณรักพี่กันจริง  คุณต้องให้เวลาพี่กันครับ”

    ภาคิณหันไปตามเสียง 

    “คุณ”

    ภาคิณเรียกเชิงถาม  ก่อนที่ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งจะยิ้มให้

    “ผมเป็นรุ่นน้องที่ทำงานเดียวกันกับพี่กัน  เรียกผมว่าแคนก็ได้”

    อติรุจแนะนำตัวเอง  เขาเห็นนภัทรและภาคิณสนทนากัน  ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง  แต่ว่ามันได้ยินเอง   จากคำพูดของทั้งคู่  พอจะรู้ว่าภาคิณ  ไม่ต่างกับตน

    “คุณแคน”

    “เรียกแคนดีกว่าครับ  ผมอายุอ่อนกว่าพี่กันเกือบหนึ่งปี  เรียกคุณผมว่ามันดูแปลกๆ”

    อติรุจพูดอย่างอ่อนโยน  ภาคิณสัมผัสได้ว่าคนนนี้  ท่าทางดูสุขุมดีเหมือนกัน  ถึงแม้ว่ารูปร่างอาจจะพอๆกับนภัทร

    “ขอโทษนะครับ  ที่เมื่อกี้  ผมอาจจะเสียมารยาท  แต่บังเอิญว่าผมได้ยินทุกอย่าง  พอจะเดาได้  เอ่อ  พี่ชื่อ”

    “เรียกผมว่าโตโน่ล่ะกัน  เรียกพี่โน่ล่ะกัน”

    “ครับ  พี่โน่”

    ภาคิณรู้สึกว่าอติรุจท่าทางจะรู้เรื่องราวของนภัทร  เลยสนใจ

    “เอ่อ  คุณคงสนิทกับกันสินะ”

    อติรุจยิ้มให้ตามฉบับ

    “ครับ  แต่สำหรับพี่กัน  ผมคงเป็นได้แค่น้องชายล่ะมั้ง”

    “พูดแบบนี้  แสดงว่า”

    “ครับ  ผมยอมรับ  พี่กับผม  ความรู้สึกที่มีต่อพี่กัน  ไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว  คอเดียวกันพี่คงจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่กัน”

    อติรุจว่าตรงๆ  ภาคิณยอมรับเลยว่า  ผู้ชายคนนี้  ลูกผู้ชายมากๆ  เขาไม่เคยเห็นคนที่ยอมรับตรงๆขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน

    “พี่โน่ครับ  พี่กันเขาเจ็บปวดมาก  อดีตของเขามันสร้างรอยแผลลึกเกิน  เกินกว่าที่พี่กันจะยอมปล่อยวางง่ายๆ  ผมพยายามทำให้พี่กัน  ลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมา  แต่พี่กันไม่เคยลืม  แม้แต่นิดเดียว  ถ้าพี่รักพี่กันจริง  เท่าที่ผมเดา  พี่เองก็อาจจะรักพี่กันมานานเหมือนกัน”

    “นายเป็นคนแรกเลยนะ  ที่นอกจากยอมรับขนาดนี้แล้ว  ยังเดาแบบนี้ได้ไม่ยาก”

    “ครับ  คงอย่างที่ผมบอกนั่นแหละ  แต่ว่า  ถ้าหากพี่คิดจะรักพี่กัน  พี่อยากจะเป็นคนปกป้องพี่กัน  พี่ต้องให้พี่กันค่อยทำใจ  เรื่องแบบนี้จะมาให้ทำใจเลย  ยากครับ”

    ภาคิณพยักหน้าตามอติรุจ  ยอมรับเลยว่า  คนที่อายุน้อยกว่า  ความคิดอ่านนี่  ไกลกว่าเขาทีเดียว

    “นายพูดแบบนี้  นายไม่กลัวเลยนะว่าผมจะเป็นคู่แข่ง  เพราะนายเองก็รักกัน”

    “ครับ  ผมรักพี่กัน  อยากเป็นคนปกป้องพี่กันเหมือนกับพี่นั่นแหละ  แต่ผมไม่เคยคิดว่าใครจะมาเป็นคู่แข่งกับผมซักนิด  เพราะถ้าพี่กันไม่ได้รักผม  แต่ให้ผมพยายามแข่งแค่ไหน  สุดท้าย  ผมก็ไม่ใช่คนที่พี่กันรักอยู่ดี  แต่ใช่ว่าผมจะยอมแพ้  ถ้าสุดท้าย  สำหรับผมนะ  ถ้าพี่กันไม่คิดจะรักผมเลย  ผมก็ขอแค่เป็นน้องชายที่คอยยืนเคียงข้าง  ยามที่เขาต้องการ  ถ้าสมมติว่าถ้าใครซักคนมาเป็นคนที่พี่กันรักจริงๆ  ผมก็ยินดีกับคนคนนั้นด้วยเหมือนกัน”

    อติรุจว่าจากใจจริง  นิยามเขา  รักแท้ไม่ใช่การแย่งชิง  แต่เป็นการที่เห็นคนที่เขารัก  มีความสุข  นั่นแหละ  เขาพอใจมากแล้ว

    แม้ว่าเขาจะเจ็บก็ตาม

    “นายลูกผู้ชายมาก  ผมไม่เคยเห็นใครออกมายืดอกรับได้ขนาดนี้มาก่อน”

    “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ  ผมแค่พูดไปตามความคิด  เอาล่ะ  ในฐานะที่เราไม่ต่างกัน  เรามาจับมือดีกว่า  เพราะพี่กันเจ็บมาก  ผมเห็นเขาเป็นแบบนี้ผมเองก็เจ็บด้วย  ถ้าพี่รักพี่กันจริง  เรามาช่วยกัน  ทำให้พี่กันหายจากบาดแผลนั้นด้วยกันก่อนครับ  แล้วหลังจากนั้น  ถ้าพี่กันรักใคร  แล้วแต่เขา”

    ภาคิณรู้สึกว่าคนนี้น่าคบ  สัมผัสได้ว่าคนนี้มีความจริงใจจริง  คำพูดของอติรุจ  ถ้าหากว่าหลังจากที่นภัทรเลิกจมกับความเจ็บปวดที่ก่อไว้ในจิตใจ  และถ้านภัทรรักคนนี้  เขาก็จะไม่เสียดาย

    เพราะอติรุจ   เป็นคนดี  ถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกัน  แต่การที่คนนี้มายอมรับได้ขนาดนี้  นับว่าลูกผู้ชายมากจริงๆ

    ถ้าหากเขาไม่ใช่คนที่นภัทรรัก  แต่เป็นอติรุจ  เขาจะไม่เสียดายทีเดียว

    “เช่นกัน  แต่หากว่ากันเขาเลือกผม  หรือรักผม  คุณคง”

    “แน่นอนครับ  ผมจะมองคุณกับพี่กันด้วยความสุขและยินดีเช่นกัน  เพราะอย่างที่ผมบอกไป  ถ้าพี่กันรักใคร  ผมก็จะยินดี  ถ้าผมคิดไม่ผิดและมองไม่พลาด  คุณเองก็เหมาะสมกับพี่กันเหมือนกัน”

    สองหนุ่มแม้จะต่างไซส์ไปบ้าง  แต่ความเป็นลูกผู้ชายของทั้งคู่ไม่ได้เหนือไปกว่ากันเลย  และภาคิณกับอติรุจ  จับมือกันราวกับทำพันธะสัญญา

    ปลดล็อกความทรมาน  ที่กักขังนภัทรที่มันมีมานานเหลือเกิน

     

    “นายนี่มีคู่แข่ง  สมน้ำสมเนื้อจริงๆ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกนี้  ผู้ชายดีๆยังมีหลงเหลือในโลก”

    ภัทรธิดาว่า  หลังจากที่ภาคิณเล่าให้ฟัง 

    “อืม  ผมเองก็ทึ่งเหมือนกัน”

    “แล้วแบบนี้  นายจะทำยังไงต่อ  แต่ว่า  โมห่วงว่ะ  เฮ้ย  ชั้นไม่ได้เชื่ออะไรพวกนี้นะ  แต่ว่า  เรื่องราวที่ผ่านมาของน้องกัน  คือ  มันทำให้ฉันอดห่วงไม่ว่ะ  แกไม่กลัวหรอ  เพราะคนรักน้องกันกี่คน  มีอันเป็นไปทุกคนเลยนะ  ไม่กลัวหรอ”

    ภาคิณยิ้ม

    “ถ้ากลัว  ก็ไม่ใช่เราสิโม  แล้วยิ่งเห็นกันเป็นแบบนี้  เรายิ่งอยากจะเป็นคนดูแลน้องกัน  อยากเป็นคนนั้นที่คอยปกป้องกันตลอดไป  ถ้าหากกันเปิดใจยอมรับ  เราสาบานเลย  ว่าไม่มีทางให้กันเสียใจเด็ดขาด  ขอแค่  ถ้าได้เป็นคนที่กันเชื่อใจให้เราดูแล  แค่นี้เราก็ไม่จออะไรมากแล้ว”

    ภัทรธิดาเบาใจไปบ้าง  แต่ใช่ว่าจะทั้งหมด

    ไม่ใช่แค่กังวลเรื่องดวงกินผัวของนภัทรเท่านั้น  แต่ว่า

    อุปสรรคตัวจริงมันไม่ใช่อะไร

    แต่เป็นเรืองฤทธิ์  แฝดพี่ของกัน  ที่กิตติศักดิ์  ใครๆก็รู้ดี

    ว่าหวงน้องชายฝาแฝดตัวเอง  ยิ่งกว่า จงอางหวงไข่

    “แล้ว  แก  ไม่กลัวไอริทหรอ  อย่าลืมนะ  ริทน่ะ  เห็นมันตัวเล็กแบบนั้น  แต่เวลาโกรธ  โมโห  หรือไม่พอใจอะไรขึ้นมา  น่ากลัวเอาเรื่องมากๆเลยนะเว้ย  อย่างที่เห็นในวันนั้นน่ะ  แค่เห็นแกอยู่ใกล้กันแค่นั้น  มันชกแกแบบไม่มีถามสุขภาพซ้ากคำ”

    ภัทรธิดาว่าติดตลกนิดนึง  แต่ที่เธอพูดน่ะ มันจริงจัง

    ภาคิณหันมาทางอดีตแฟนสาว  ที่ปัจจุบันเป็นเพื่อนสนิทชนิดที่ตบหัวเตะก้นกันได้

    “ยิ่งเป็นแบบนั้น  เราก็จะพิสูจน์ให้ริทมันรู้ว่า  นอกจากมันที่ดูแลกันได้  ก็มีเราเหมือนกัน  ที่ปกป้องกันได้เหมือนกัน  ริทน่ะ  อีกหน่อย  ถ้าริทแต่งงาน  มันก็ต้องแยกออกไป  แล้วกันล่ะ  กันจะอยู่กับใคร  เราจะทำให้ริทเชื่อใจ  ว่าเรารักน้องชายเขา  และดูแลน้องชายเขา  ไม่แพ้มันเหมือนกัน”

    ภัทรธิดาพยักหน้า

    “เออ  ขอให้สมหวังนะเพื่อนยาก  โมขอเป็นคนให้กำลังใจห่างๆ  อย่างห่วงๆเหมือนกัน  ยังไง  ขอให้นาย  ได้เป็นคนดูแลกันตลอดไป  อย่างที่นายใฝ่ฝันมานานนะ”

    “ขอบใจวะโม”

    “เออ”

    ตื้ดดดดดด

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของภัทรธิดาดังขึ้น  จนหญิงสาวเอาออกมารับ

    “ฮัลโหล  ว่าไงคะ  ฐิสาของพี่”

    ภาคิณหันขวับทันที  โอ้โห  เพื่อนกู  เสียงหวานทีเดียวเมื่อแฟนโทรมา

    “วันนี้คิดถึงพี่หรอคะ  จ้ะๆ  พี่ก็คิดถึงฐิเหมือนกัน  รักนะคะ  น้องฐิว่างหรือเปล่า  ว่างหรอ  จ้าๆ  เดี๋ยวพี่ไปหานะที่รัก  รอพี่ก่อนนะคนสวย  เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้เลยจ้า  รักนะคะ”

    ภัทรธิดาวางสาย  ก่อนที่จะลาด้วยความรีบร้อน

    “เฮ้ยไอ้โน่  โมไปก่อนนะ  แฟนโทรมา  ไปละ”

    “อ้าว  เฮ้ย  ทิ้งเพื่อนเฉยเลย  เฮ้ย  ไม่ห่วงกูแล้วหรอ”

    “ไม่  ตัวเท่าควายไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ  ไปหาฐิสาดีกว่า  ไปนะจ้ะเพื่อนเอ๋อ  ขอตัวไปหาหัวใจตัวเองก่อนนะจ้ะ  บาย”

    พูดจบ  ภัทรธิดาไปลิ่วทันที

    ภาคิณงงเต้ก  เมื่อกี้มันยังว่ารักเพื่อนห่างๆอย่างห่วงๆอยู่เลย

    พอแฟนโทรมา  ทิ้งเลยนะแก

    “เออ  โมนะโม  ทิ้งกันง่ายดายมาก  แกนี่ใช่ได้”

    ภาคิณหัวเราะ  กับอาการติดแฟนของภัทรธิดา

     

    คืนนั้น

    นภัทรหลับอยู่บนเตียง  แต่ว่าไม่ได้หลับสบายนัก  เพราะร่างบางส่ายหน้าละเมอไปมา  น้ำตาออกจากหางตาเป็นสาย

    “ยะ  อย่า  มะ  ไม่  อย่านะ  ฮึก  อย่า”

    เพราะดิ้นไปมาอย่างรุนแรงเพราะฝันร้าย  ความทรงจำตอนที่นภัทรถูกข่มขืน  มันตามมาหลอกหลอนเขา

    “หึหึ”

    เสียงคนชั่วมันยังหัวเราะกึกก้องดังในสมอง  นภัทรทุรนทุรายราวกับจะขาดใจ  หยดน้ำใสแห่งความทรมานไหลออกมาไม่หยุด

    “ฮึก  ฮืออออออ”

    นภัทรสะดุ้งตื่นกลางดึก

    “ฝัน  ฝันนี้อีกแล้ว  ฮึก  ฮือออ  ริท  เมื่อไหร่จะกลับมาซักที  ฮึก  ฮืออออ  เมื่อไหร่เราจะหลุดพ้นบ่วงกรรมอันนี้เสียที  ฮือออ”

    นภัทรสะอึกสะอื้นบนเตียง  แม้ว่ามันผ่านมาหลายปี  แต่มันไม่เคยเลือนลบออกไปจากใจ  บาดแผลมันลึกเกินไปสำหรับเขา  จนป่านนี้  ภาพที่เขาถูกข่มขืนในเงามืด  ในค่ำคืนมืดมิดอันเลวร้าย  มันยังตามหลอกหลอนเขาไม่ขาด

    ไม่มีวันไหนที่เขาจะหลับสนิท

    เพราะฝันร้าย  ยังคงตามมาราวีเขาไม่หยุด  ราวกับว่ามันเกิดขึ้นตลอดเวลา

    “ฮึก”

    ร่างสีน้ำผึ้งสะอื้นไปกับหมอน  เป็นอีกคืน  ที่หมอนใบนี้  เปียกชุ่มด้วยน้ำตา

    ยิ่งภาพคนรักเก่าผุดขึ้นมาในความทรงจำ  ความทรงจำที่คนรักแต่ละคน  ไม่ว่าจะเป็นยุกต์  สุกฤษฎิ์  ณัฐพัชร์  วาโย  และอาณัตพลที่ต้องมามีอันเป็นไปจากเขาทุกคน  ทั้งที่ใกล้จะแต่งงานแล้วแท้ๆ 

    มันยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับนภัทรหลายเท่าตัว

    “ฮึก  คนตัวซวย  กาลกิณีอย่างเรา  ใครจะมาสนใจ  เราเองก็ไม่มีหน้ารักใครได้อีก  ฮึก  ฮือออ”

     

    เช้าวันต่อมา

    ปี๊นๆๆ

    เสียงรถคันนึงดังขึ้น  ก่อนที่ประตูรั้วหน้าบ้านจะเปิดออกอัตโนมัติ

    รถคันสีขาวได้จอดเรียบร้อย ก่อนที่ร่างเล็กที่ไปสัมมนามาหลายวันได้ย่างลงจากรถออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน

    “กันจะเป็นยังไงบ้างนะ”

    เรืองฤทธิ์เอ่ยขึ้นมาเรียบๆเบาๆ  ก่อนที่จะมองไปในบ้าน  สองเท้าเล็กๆค่อยก้าวเข้ามาด้วยความคุ้นชิน  เมื่อมาถึงบ้านเสียที  หลังจากที่เขาไม่อยู่หลายวัน

    “กัน  ริทกลับมาแล้วนะ”

    เรืองฤทธิ์ร้องเรียกแฝดน้อง  ก่อนที่จะมองไปรอบบ้าน

    “อืม  ดูเรียบร้อยดีนะ  เอ้ะ  กัน  นี่มันก็แปดโมงไปแล้ว  จริงสิ  วันนี้วันหยุดนี่นา  เฮ้อ  สงสัยตัวแสบของเรายังไม่ตื่นสิ”

    เรืองฤทธิ์เลยขึ้นไปดูน้องแฝด  คาดว่ายังคงไม่ตื่น  อาจจะเพราะเป็นวันหยุด  นภัทรคงนอนตื่นสายเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์

    “กัน  ตื่นหรือยัง  ริทกลับมาแล้วนะ  ตื่นยังหืม”

    เรืองฤทธิ์เคาะประตูเรียกหลายครั้ง  แต่ดูเหมือนว่านภัทรยังไม่ตื่น

    “ริทกลับมาแล้วนะ  มีของฝากของชอบกันทั้งนั้นเลยนะ   เปิดประตูเร็ว”

    ยังคงเงียบ  ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก

    “เป็นอะไรไปเปล่านะ”

    คิดได้ดังนั้น  เรืองฤทธิ์จึงไปเอากุญแจสำรองมาเปิด  ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ

    “กัน  ยังไม่ตื่นอีกหรอ”

    เรืองฤทธิ์เรียกนภัทรอีกที  เมื่อเข้ามาในห้องนอนสีฟ้าของนภัทร  ก่อนที่จะเดินไปที่เตียง  พบว่านภัทรยังหลับสนิท

    “เด็กน้อยเอ้ย  ยังไม่ตื่นอีก  กัน”

    เรืองฤทธิ์สะกิดปลุก  แต่ทันทีที่แตะ  เรืองฤทธิ์แทบชักมือกลับไปทัน

    พบว่า  นภัทร  ตัวร้อนมาก  ราวกับไฟ

    “กัน  กัน  กันไม่สบายหรอเนี่ย  กัน”

    เรืองฤทธิ์ร้อนรน

    “ตัวร้อนขนาดนี้  ไปโรงพยาบาลดีกว่า”

    คิดได้ดังนั้น  เรืองฤทธิ์ตัดสินใจซ้อนตัวนภัทรขึ้นแนบอก  ที่ถึงตัวจะไม่ได้สูงใหญ่  แต่เขาเรี่ยวแรงมากพอจะจะอุ้มนภัทรได้  ร่างเล็กร้อนรน  รีบพานภัทรไปโรงพยาบาลทันที

    ........................................................................................................................................................

    มาอัพแล้วจ้า  หายไปนานนิดนึง  ลีดเดอร์อาจจะทำใจนิดนึงนะคะ  เพราะดราม่าถึงจะไม่มากแต่ว่ายาว  เป็นกำลังใจให้พี่กันด้วยนะ  เรื่องนี้เขาน่าสงสารจริงๆ

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×