ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนกินผัว(รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 59







    “คุณหมอครับ  เอ่อ  น้องชายผมเป็นอย่างไรบ้างครับ”

    ภาคิณถามหมอที่ตรวจร่างกายนภัทร  คุณหมอได้แต่ส่ายหน้า

    “คือ  คนไข้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เลยส่งลให้เกิดอาการวิงเวียนบ่อยๆ  โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ  ดูท่าทางแล้วคนไข้จะมีปัญหาพอสมควร  อย่างไรอย่าให้คนไข้เครียดมากนะครับ  ร่างกายจะได้ไม่กระทบมาก”

    “ครับ  คุณหมอ”

    ภาคิณโล่งอกขึ้นมาบ้างที่นภัทรไม่ได้เป็นอะไร  แต่เรื่องที่นภัทรจะมีปัญหาทางด้านจิตใจนี่  ทำเอาเขากังวล

    “อ้ะ  อืม”

    นภัทรเริ่มรู้สึกตัว  เปลือกตาที่ปกปิดดวงตาทรงประกายค่อยๆเปิดเพื่อรับแสงที่ค่อยๆชัด 

    ก่อนที่จะตกใจ

    “ที่นี่  ที่ไหนกันนะ”

    “ตื่นแล้วหรอ”

    นภัทรรู้สึกแปลกใจ  ก่อนที่จะหันไปต้นเสียง

    “พี่โน่”

    ภาพที่นภัทรเห็นตรงหน้า  เป็นภาพภาคิณที่ยืนยิ้มอยู่ข้างเตียง  ใบหน้าคมมองนภัทรด้วยสายตาที่ฉายประกายความอบอุ่น  ส่งมาให้นภัทร

    “กัน  มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรครับ”

    ร่างบางถาม  ภาคิณตอบอ่อนโยน

    “กัน  เราเป็นลมน่ะ”

    “เอ่อ  ครับ”

    นภัทรรู้สึกทำตัวไม่ถูก  เห็นภาคิณยืนอยู่ข้างๆก็กังวล  ถ้าฝาแฝดพี่เขาอย่างเรืองฤทธิ์รู้ว่าภาคิณมาช่วยตนแบบนี้ล่ะก็  มีหวัง  เรืองฤทธิ์ได้อาละวาดเหมือนคราวก่อนแน่  แต่ตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะ  ตอนนี้เขาไม่ค่อยสบายเสียด้วยซิ

    “กัน  พี่ว่าเรานอนพักผ่อนก่อนมั้ย  ร่างกายเรายังไม่ค่อยแข็งแรงเลยนะ”

    นภัทรปฏิเสธ

    “ไม่ครับ  กันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว  ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลกัน  แต่กันขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่าครับ”

    นภัทรพยายามลุกขึ้นจากเตียง  แต่แล้วเพราะเขาไม่ค่อยสบายนัก  นภัทรเลยเริ่มทำท่าจะหน้ามืดอีกครั้ง

    “เห็นมั้ยกัน   พี่ว่าเราควรพักผ่อนดีกว่านะ”

    ภาคิณเตือนด้วยความห่วงใย  นภัทรที่ไม่ค่อยมีแรงขัดขืนเลยจำทำตาม  แต่สีหน้ายังคงกังวล  กลัวถ้าถ้าเรืองฤทธิ์มาเจอสภาพแบบนี้  กับเจอภาคิณด้วยคงไม่ดีแน่ล

    “แต่กัน อยากกลับบ้าน”

    เมื่อท่าทางของเด็กดื้อทำเอาภาคิณไม่รู้จะทำอย่างไร  เลยจัดการดันนภัทรให้นอนราบไปกับเตียง  เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหนีไปไหน

    “กัน  พี่ว่าเราพักผ่อนจะดีกว่ามั้ย  ไว้มีแรงค่อยกลับบ้านก็ได้นี่”

    ภาคิณว่า  นภัทรเองก็ไมสามารถขัดอะไรได้เท่าไหร่ 

    “กัน  แล้วริทไปไหนล่ะ  วันนั้นไม่อยู่กับริทหรอ”

    ร่างสูงถาม  นภัทรเลยตอบ

    “พอดีริทต้องไปต่างจังหวักนะครับ”

    “อืม”

    ภาคิณรับคำ  ก่อนที่จะส่งน้ำดื่มให้คนป่วย

    “ดื่มน้ำนะ   ร่างกายจะได้ฟื้นไวๆ”

    “ขอบคุณครับ”

    ภาคิณและนภัทรไม่ได้พูดอะไรอีก  จะมีก็มีเพียงที่ภาคิณมองนภัทรด้วยสายตาอ่อนละมุน  ทำอานภัทรสงสัยไม่ได้

    “เอ่อ  มีอะไรหรือครับพี่โน่”

    ภาคิณได้สติ

    “อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอก  พี่แค่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะ  กันพักไปเถอะ  เดี๋ยวถ้าเราหายเมื่อไหร่  พี่จะไปส่งงเอง”

    “แต่ว่า  กัน  คือ”

    นภัทรจะปฏิเสธ

    แต่ภาคิณห้าม

    “กัน  เรากลับเองไม่ไหวหรอกนะ  พี่ว่าพี่ไปส่งดีกว่า  ริทก็ไม่อยู่  พี่เป้นห่วงนะ”

    นภัทรไม่รู้จะทำยังไง  เรืองฤทธิ์ไม่ค่อยพอใจที่ภาคิณมาอยู่ใกล้ตนแบบนี้เสียด้วยสิ

    “แต่ว่ากัน”

    “นะกัน  ทำตามที่พี่บอกเถอะ”

    นภัทรพยักหน้า  ยอมให้ภาคิณพากลับบ้านเมื่อหายดีแล้ว

    ร่างบางตัดสินใจหลับต่อเพราะว่ายังเพลียอยู่เอาการ  ร่างสูงได้แต่มอง

    ด้วยความรักที่มีมานาน

    หลายปีทีเดียว

    “ไม่ว่ายามหลับ  ยามไหน  นายยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงนะ”

     

    อิสริยะโทรหานภัทร  ที่ป่านนี้ไม่มีทีท่าว่าจะรับซักนิด

    “กันเป็นอะไรไปหรือเปล่านะ  ไม่รับโทรศัพท์เลยแฮะ  แล้วถ้าเกิดกันเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเราไปดูแลไม่ทัน  มีหวัง  ไอ้ริทมันกระทืบกูตายคาตีนมันแน่  ตัวมันเล็กก็จริง  แต่เวลาโมโห  ยังกะฮัทเขียว”

    อิสริยะขนลุก  เมื่อนึกยามที่ริทโมโห  รายนั้นนี่เวลาโมโหหรือโกรธใคร  ไม่มีใครยั้งอยู่ซักนิด

    อิสริยะบ่นไปโดยไม่ได้สังเกต  ว่าธนทัตแอบมองอยู่

    “หึหึ  ไอ้ริทไม่อยู่  งานนี้หวานหมูล่ะ”

    ธนทัตยิ้มร้าย  เวลานี้มันมาถึง  เขาจะฉวยโอกาสที่เรืองฤทธิ์ไม่อยู่นี่แหละ

    เขาจะต้องเอานภัทร  มาเป็นเมียเขาให้ได้

     

    นภัทรรู้สึกว่าตนเองดีขึ้น  เลยจะลุกเพื่อที่จะกลับบ้าน

    “กันครับ  กันจะกลับบ้านหรอ”

    นภัทรพยักหน้า  เมื่อร่างสูงถาม

    “ครับ  พี่โน่  คือ  กันหายมานาน  เกิดริทกลับมาแล้วไม่เจอ  กันไม่อยากให้ริทเขาโมโหนะครับ  แล้วที่สำคัญ  ถ้าริทไม่เจอกันที่บ้าน  ริทคงเป้นห่วงกันมากแน่ๆ”

    ภาคิณจำได้ว่า  เรืองฤทธิ์ไปสัมมนาหลายวันนี่  คงไม่กลับในเร็ววันนี้หรอก

    “แต่ถ้ากันกลับ  กันก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ”

    นภัทรยิ้ม

    “ไม่เป้นไรครับ  กันอยู่ได้  งั้นกันขอตัวกลับก่อนนะครับ”

    นภัทรยืนยันว่าจะกลับท่าเดียว  ภาคิณเห็นว่านภัทรต้องการกลับจริงๆ  เลยยอมตามใจ

    “ก็ได้  งั้นพี่พากลับละกัน  บ้านเราอยู่ไหนล่ะ”

    ร่างสูงถามอ่อนโยน  นภัทรสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจนตัวเองรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อย

    แต่ว่า  ถ้าเรืองฤทธิ์รู้ว่าภาคิณมาเข้าใกล้ตน  คงไม่ดี  ถึงแฝดพี่เขาจะตัวเล็กไปบ้าง  แต่ยามที่ฝ่ายนั้นโมโห  นับว่าเรืองฤทธิ์เป็นคนที่น่ากลัวเอาการทีเดียว

    ขนาดอิสริยะ  เพื่อนสนิทของเรืองฤทธิ์  ยังหวาดๆเลย

    “อย่าดีกว่าครับ  กันเกรงใจ”

    “แต่ว่า  พี่เป็นห่วงกันนี่นา”

    ภาคิณห่วงจากใจจริง  แม้แต่นภัทรก็สัมผัสได้

    แต่ว่า  เขาไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่

    “อย่าดีกว่าครับ  กันกลับเองดีกว่า”

    เมื่อนภัทรไม่ยอมให้ภาคิณพาตนเองกลับบ้านท่าเดียว  ไม่ต้องการให้ภาคิณไปส่งอย่างที่ภาคิณตั้งใจ  ร่างสูงจึงจำยอม

    “ก็ได้ครับ  ถ้ากันต้องการแบบนั้น  พี่คงไม่กล้าขัดแล้วล่ะ”

    ภาคิณยิ้ม   นภัทรยิ้มรับกลับ  ก่อนที่ภาคิณจะมองตามนภัทร  ที่เดินออกไปจากห้องพักดูอาการ

    “พี่อยากจะเป็นคนที่ดูแลกันจัง  กันสมควรได้รับการทะนุถนอม  อากให้กันเปิดใจรับรักพี่จัง”

    ภาคิณมองนภัทรด้วยสายตาที่จริงใจ  เขายอมรับ  ว่ารักนภัทร

    แถมรักมานานแล้ว  ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้  จะไม่มีโอกาสแม้แต่รู้จักชื่อก็ตาม

     

    นภัทรเดินมาหน้าโรงพยาบาล  สอดส่ายสายตาหารถแท็กซี่

    “อ้ะ  แท็กซี่นี่  ว่าวพอดีเลย”

    นภัทรโบกรถแท็กซี่  แม้ว่าจะมีอาการมึนๆบ้าง  แต่ว่ามีแรงมากพอที่จะกลับบ้านได้

    “ลุงครับ  ไปxxครับ”

    “ครับ”

    แท็กซี่ที่นภัทรนั่งไปได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว  ภาคิณเองก็เห้นว่านภัทรไปแล้ว  แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

    “ขับตามไปดีกว่า  เผื่อว่าวันหลังเราจะมาดูเป็นระยะๆ”

    ภาคิณตัดสินใจขับรถตามไปเงียบๆ

     

    “163 บาทครับ”

    “นี่ครับ  ขอบคุณมากครับ”

    นภัทรจ่ายเงินค่าโดยสารก่อนที่จะเดินเข้าบ้านตนเอง  ภาคิณแอบขับรถตามมา  เพราะอยากรู้ว่านภัทรอยู่ที่ไหน

    “ที่นี่นี่เอง  บ้านริทมันก็ใหญ่เหมือนกันนะ  แต่ท่าทางอยู่แค่สองคนกับไอ้ริทมัน  แต่ไอ้ริทมันไม่อยู่  แบบนี้กันก็อยู่คนเดียวสิ”

    ภาคิณถอนหายใจ  ครั้นจะขอเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนนภัทรคงไม่ยอม

    หรือว่า  เขาจะแวะเวียนมาดูเรื่อยๆดีนะ

    ตื้ดดดดด

    โทรศัพท์ภาคิณดังขึ้น  ร่างสูงหยิบมันมาดู

    “เอ้ะ  ไอ้โมมันโทรมา”

    เมือ่เห็นชื่อเพื่อนตนเองก็รับ

    “ฮัลโหลโม  มีอะไรวะ  อืม  อ้อ  เรอะ  เออ  เดี๋ยวเราไปหา”

    ภาคิณวางสาย  ก่อนที่จะมองเข้าไปในบ้านของนภัทร

    “ไว้พี่จะมาดูใหม่นะกัน”

     

    นภัทรเดินเข้ามาในบ้าน  จัดการล็อกเสร็จสรรพเพื่อความปลอดัยตามที่เรืองฤทธิ์บอก  เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ล้มตัวนอนไปกับโซฟา

    “เหนื่อยจัง  เพลียเหลือเกิน”

    และนภัทรก็หลับไป  เพราะความเหนื่อยอ่อน 

     

    อิสริยะปิดร้าน  กำลังจะไปเยี่ยมน้องชายเพื่อนสนิทตามที่เรืองฤทธิ์ฝากเอาไว้  แต่แล้ว  ธนทัตก็ทักขึ้นมาซะก่อน

    “ฮั่น  มึงจะไปไหนวะ  ทำไมรีบร้อนจัง”

    อิสริยะหันมาทางธนทัตอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่  เพราะรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี

    “ไม่มีอะไรหรอก  กูแค่ไปทำธุระเรื่อยเปื่อนนิดหน่อยน่ะ”

    อิสริยะบอกปัด  ก่อนที่จะไปที่รถตัวเองก่อนที่ร่างใหญ่จะเข้าไปในรถ  และเคลื่อนรถไปข้างหน้าแบบไม่รีบร้อน 

    ธนทัตมองตาม

    “มันไปบ้านกันหรือเปล่าวะ  ตามไปดีกว่า”

    ธนทัตว่า  ตัดสินใจขับรถตนเองเพื่อจะตามอิสริยะไป  เนื่องจากว่าธนทัตเองก็ไม่รู้จักบ้านของเรืองฤทธิ์  แต่อิสริยะเป็นเพื่อนสนิท  น่าจะรู้จักบ้านเรืองฤทธิ์อยู่

     

    ทางด้านอิสริยะ  เขาพอจะเดาได้ว่าธนทัตอาจจะแอบตามมาเพราะธนทัตคิดร้ายกับน้องชายเพื่อน

    “นึกอยู่แล้วเชียวไอ้แกง  ว่ามึงจะต้องขับตามา  กูไม่มีทางให้มึงไปทำร้ายกันน้องเพื่อนกูหรอก  เพื่อนกูอุตส่าห์ฝากกูให้ดูแลกัน  กูจะปล่อยให้มึงทำลายความไว้วางใจของเพื่อนระหว่างกูกับไอ้ริทมันหรอก  เฮ้อ  ก็สมควรล่ะ  มีแต่คนคิดร้ายกับกัน  ริทมันถึงได้หวงนัก”

    อิสริยะมองเห็นรถธนทัตตามกระจกหลัง  ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะขับตามมาห่างๆ  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนสายตาดีอย่างอิสริยะมองไม่เห็นหรอก

    “ไอ้ฮั่น  มันจะไปไหนกันแน่วะ”

    ธนทัตบ่น  ก่อนที่จะร้องอ๋อ  ที่แท้ 

    อิสริยะ  มาร้านคาราโอเกะ

    “เชี่ยฮั่น  แม่ง  มากกสาวนี่เอง  โธ่เว้ย  เสียเวลาจริงๆ”

    ธนทัตเดือด  ทุบพวกมาลัยด้วยความโกรธ  อุตส่าห์แอบตามมานึกว่าจะไปบ้านของเรืองฤทธิ์

    “เอ้ะ  แต่ก็ไม่แน่  บางทีมันอาจจะรั้ว  รอดูดีกว่า”

    ธนทัตเลยตัดสินใจจอดรถรอดูอยู่ตรงนั้น

     

    “โธ่  ไอ้แกงเอ้ย  คิดว่ากูจะออกไปหรือวะ  รู้จักกูน้อยไป”

    อิสริยะหัวเราะ  ก่อนที่จะออกไปทางหลังร้าน  ร้านนี้เขารู้จักดี  เป็นร้านของจารุวัฒน์เพื่อนเขาอีกคนนึงนี่เอง

    “เออ  โดม  กูฝากรถไว้ร้านมึงหน่อยนะ”

    จารุวัฒน์พยักหน้า

    “เออ  ตามสบาย  วันหลังจ่ายค่าที่ด้วยละกัน”

    จารุวัฒน์แหย่  อิสริยะหัวเราะ

    “เออ  กูไปก่อนนะ”

    อิสริยะออกไปแล้ว  ทิ้งให้จารุวัฒน์หัวเราะ

    “เฮ้อ  แต่ละคน”

     

    ปิ๊งป่อง

    เสียงกริ่งหน้าบ้านดัง  นภัทรรู้สึกตัว

    “เอ้ะ  มีใครมาน่ะ”

    นภัทรพึมพำ  ก่อนที่จะชะโงกหน้าดู

    “อ้ะ  พี่ฮั่นนี่”

    นภัทรรีบเดินออกไปทันที

    “พี่ฮั่น  สวัสดีครับ”

    นภัทรทักทายเพื่อนพี่ชาย  อิสริยะยิ้มอ่อนโยน  เอ็นดูนภัทรไม่ต่างจากน้องชายแท้ๆ

    “เอ้อ  พี่เองแหละ  นี่พราเอาขนมมาให้น่ะ”

    นภัทรยิ้มแก้มปริ

    “แหม  พี่ฮั่น  ความจริง  ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้นะครับ  กันเกรงใจ”

    อิสริยะส่ายหน้า

    “ไม่หรอกน่า  กันก็เหมือนน้องพี่  น้องไอ้ริทก็เหมือนน้องพี่  ถึงแม้ว่าพี่จะแค่เพื่อนริทมัน  แต่พี่ก็รักเราไม่ต่างจากน้องชายพี่คนนึงนะ”

    “เอ้ะ  พี่ฮั่น  ไม่ได้เอารถมาหรอครับ  แล้วนั่น  มอเตอร์ไซค์ใครครับ”

    นภัทรสังเกตว่าคราวนี้อิสริยะไม่ได้เอารถมา  แต่มีมอเตอร์ไซค์ใครมาแทน

    “อ้อ  วันนี้พี่เอาไอ้แก่พี่มาน่ะ  พอดีว่ามันสะดวกกว่า  พี่ไม่อยากให้รถติด”

    อิสริยะปด  แต่ที่จริงไม่ต้องการให้ธนทัตตามมามากกว่า  แต่เกรงว่าถ้าพูดออกไปนภัทรจะกังวลเปล่าๆ

    “หรอครับ  ถ้างั้น พี่ฮั่นเข้ามาก่อนครับ”

    นภัทรเชื้อเชิญ  ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง  อิสริยะโล่งอก

    เฮ้อ  นานๆที  จะได้เห็นรอยยิ้มน้องช่ายเพื่อนนะ  เห็นท่าทีเมื่อวันก่อนก็อดเป็นห่วงไม่ได้

    นภัทรน้องชายเรืองฤทธิ์ดูบอบบางขนาดนี้  แล้วจะไม่ให้ริทมันทั้งหวงห่วงได้ยังไง

     

    ธนทัตรู้สึกว่าอิสริยะไม่ออกมาเสียที  เลยได้แต่โมโห

    “เชี่ย  ไอ้ฮั่นมันรู้ตัวหนีไปแล้วแน่  เชี่ย  เสียเวลาจริงๆ”

    ว่าแล้ว  ธนทัตก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิด

    ไม่เป็นไร  วันนี้เขาพลาด

    แต่วันหน้า  เขาไม่ปล่อยแน่

     

    “ยิ้มอะไรครับพี่ฮั่น”

    นภัทรถาม  เนื่องจากเห็นอิสริยะนั่งยิ้มปนหัวเราะเบาๆมาเป็นระยะนึงก็อดถามไม่ได้

    อิสริยะนึกถึงธนทัต  ป่านนี้คงเจ็บใจน่าดู

    “ไม่มีอะไรหรอกกัน  อย่าสนใจเลย  รีบกินขนมเถอะเรา”

    นภัทรยิ้มใส

    “แหม  กันมีริทเป็นพ่อคนนึงแล้ว  ยังจะมีพี่ฮั่นเป็นพ่ออีกคนหรอ”

    ร่างบางหัวเราะ  อิสริยะได้แต่เอ็นดู

    เฮ้อ  กัน  เรานี่น่าเห็นใจจริงๆ  มีแต่ภัยรอบตัว

    อิสริยะเห็นว่ามันเย็นมากแล้ว

    “กัน  พี่กลับก่อนนะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้  พี่จะมาใหม่”

    นภัทรเห็นว่าเพื่อนพี่ชายจะกลับ

    “งั้น  กันไปส่งนะครับ”

    แต่อิสริยะส่ายหน้า

    “เอ้อ  ไม่ต้องหรอกกัน  พี่กลับแล้วก็จัดการล็อกประตูด้วยล่ะ  เกิดมีโจรขึ้นมาแล้วไอ้ริทไม่อยู่  มันอันตราย  รู้หรือเปล่า”

    นภัทรยิ้ม  นึกหน้าเบ้ไม่ได้  ที่แต่ละคนทำเหมือนเขาเป็นเด็ก

    “ครับพี่ฮั่น  เดินทางปลอดภัยด้วยนะครับ”

    อิสริยะโบกไม้โบกมือ  ก่อนที่จะควบมอเตอร์ไซค์อีแก่ของเขาออกไป  นภัทรจัดการล็อกตามที่เพื่อนพี่ชายบอก

    ....................................................................................................................

    อัพแล้วจ้า  เป็นกำลังใจพี่กันด้วยน้า  พี่กันเธออ่อนแอมาก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×