ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Switch Love=สลับรักหัวใจลงล็อค(กันแก้ม เอ้ะ หรือแก้มกัน)

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 61









    "ห้องนี้หรอ"


    "ใช่พี่กัน  นี่แหล่ะ  คู่กรณีของพี่  เขานอนอยู่ห้องนี้"


    วิชญาณีถอนหายใจเฮือก  ร่างเราอยู่นี่จริงๆด้วย


    "แล้ว  ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง  อาการเป็นยังไง"


    "ผมได้ข่าวแว่วๆว่าเขาฟื้นแล้วนะ"


    อติรุจตอบสั้นๆ  แต่ทำเอาวิชญาณีตาลุกวาวได้ไม่ยาก  ฟื้นอย่างนั้นหรอ  หรือ  สิ่งที่เขาสันนิษฐานเอาไว้มันเป็นจริง  บ้าน่า  นี่มันไม่ใช่ละครน้ำเน่าหลังข่าวหรอกนะจะบอกให้


    ไม่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา


    "พี่  อยากเข้าไปเยี่ยมเขาหน่อย"


    "ห้ะ"


    อติรุจงงงวยกับสิ่งที่พี่ชายตนเองพูด  วิชญาณีเลยหรี่ตามองหันมาย้ำอีกที



    "มีอะไรหรอ  พี่เข้าไปเยี่ยมไม่ได้หรือยังไง"



    "พี่จะเข้าไปเยี่มเขาหรอ"



    วิชญาณีเหลือบตามองบน  มันแปลกตรงไหนวะ


    "ก็เขาคือคู่กรณีพี่ไง  ถึงเขาจะเป็นฝ่ายผิดแต่ถ้าจะไม่ให้พี่เข้าไปดูทั้งที่รู้ว่าเขาบาดเจ็บมันก็จะแล้งน้ำใจไปหน่อย  พี่ว่าไปเยี่ยมบ้างก็ดี  เขาจะได้ไม่หาว่าเราแล้งน้ำใจ"


    "อ๋อ"


    อติรุจพยักหน้า  พอจะเข้าใจบ้างล้ะ



    "แต่เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะเข้าไปหาพี่สวนกับญาติเขา  เขาบอกว่าตอนนี้เขาหลับอยู่  เอาไว้คราวหน้าก็ได้มั้งพี่กัน  อีกอย่างนะ  ตอนนี้  พี่เองก็ต้องพักผ่อนมากๆเหมือนกัน  พี่ยังไม่หายดีนะพี่กัน"


    อติรุจว่า  วิชญาณีแอบขัดใจเล็กน้อยที่อติรุจท้วงติงมาแบบนั้น  แต่มันก็จริง  แล้วนั่นก็ร่างกายที่แท้จริงของเขาด้วย  เออ  เอาวะ  เดี๋ยวประจวบเหมาะมากกว่านี้ค่อยว่ากัน



    เพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาให้เคลียร์แน่ๆ





    ................................



    "ฮือ"


    เสียงครางในลำคออยู่บนเตียงก่อนที่เจ้าของเสียงจะค่อยๆลืมตาช้าๆ  สินจัยที่คอยดูอยู่ก็ยิ้มแก้มปริทันทีที่เห็นลูกสาวฟื้น


    "แก้ม  เป็นยังไงบ้างลูก"


    แก้ม  แก้มอีกแล้ว  ป้าคนนี้เรียกเราว่าแก้มอีกแล้ว


    "หิวน้ำมั้ยลูกหืม"


    จะว่าไปก็


    "หิวค่ะ"


    สินจัยรีบนำแก้วน้ำมาให้ลูกสาวทันที  หญิงสาวรับแก้มจากหญิงวัยกลางคนนำน้ำมาดื่ม  พอดื่มเสร็จสินจัยเอาแก้มน้ำไว้ที่เดิม  แล้วหันมาทางวิชญาณีอีกรอบ


    "ยังปวดหัวอยู่ไหมลูก"


    "ไม่แล้วค่ะ"


    หญิงสาวตอบตามความจริง  เพียงแต่ตอนนี้ก็แค่มึนๆเท่านั้นแหล่ะ


    แต่ไม่ได้มึนหันนะ


    มึนสิ่งที่เจอรอบด้านนี่แหล่ะ  ทำไมเจอแต่คนไม่รู้จัก  แถมคนเหล่านั้นมาเรียกเราในชื่อใครก็ไม่รู้ที่แน่ๆไม่ใช่ชื่อเราเนี่ยสิ


    งงในงง


    "อ้าว  ไอแก้ม  ฟื้นแล้วหรอน้องพี่"



    พี่ล่ำคนเดิมมาอีกแล้ว  หือ  หล่อจนน้ำเดินถึงไม่มีน้ำให้เดินก็เถอะ



    "ตาอาร์  มาแล้วหรอ  น้องเราฟื้นพอดี"



    อาณัตพลยิ้มๆ  ก่อนที่จะเข้าไปลูบหัวอย่างเคย



    "ไงเรา  ดูสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิมนะ  อีกหน่อยก็กลับบ้านได้ล่ะมั้ง"



    อาณัตพลว่าพลางลูบหัวไปมา  สำหรับอาณัตพลถึงจะรู้ว่าตัวตนของน้องสาวตนเองจะเป็นยังไงและเขาก็ยอมรับในส่วนนึง  แต่ลึกๆยังไงน้องสาวก็น้องสาว  จะให้ปฏิบัติแบบผู้ชายเลยคงไม่ใช่


    แต่ในตอนนี้่สำหรับคนที่โดนลูบหัวตอนนี้แทบจะกรี๊ดลั่น


    ว้าย  คุณแม่ขา  หนูโดนผู้ชายลูบหัว  อ่า  หล่อด้วย


    "จริงสิ  คุณแม่ครับ  เมื่อกี้ผมเจอญาติของคู่กรณี  เขาบอกว่าฝ่ายโน้นก็ดีขึ้นมาก"


    สินจัยถอนหายใจไม่เบา  อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักมากกว่าที่คิด  ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  สินจัยเองก็ทุกข์ใจไม่น้อย  เพราะจะว่าไป  สาเหตุมันก็มาจากหล่อนส่วนนึงด้วย  ถ้าหากเธอไม่ไปบังคับลูกสาวตนเองในคืนนั้นจนเกิดปากเสียงรุนแรง  เรื่องราวร้ายแรงก็คงไม่เกิดขึ้น  สินจัยถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะหันมาทางลูกชายคนโต



    "เดี๋ยวแม่ว่า  ประจวบเหมาะเราไปเยี่ยมเขาก่อนเขาออกจากโรงพยาบาลหน่อยนะลูก  เรื่องนี้  มันเป็นความผิดฝ่ายเราเราต้องรับผิดชอบ  เราเป็นฝ่ายผิดคนอื่นเขาเลยเดือดร้อนไปด้วย  ดูแลเขาแทนแม่ให้ดีที่สุดเลยนะตาอาร์"



    "ได้ครับ"


    คนบนเตียงนั่งฟังอยู่นาน  รู้สึกงงหนักกว่าเก่า  เขาพูดอะไรกันอ่ะ  กะเทยงง



    "เดี๋ยวผมว่าผมไปหาเพื่อนผมก่อนนะครับ  เพื่อนผมสนิทกะทางโน้นผมว่ายังไงจะขอให้มันช่วยเป็นฝ่ายต่อรองเจรจาหน่อยเรื่องที่ต่อจากนี้จะจัดการยังไง  เผื่อเขาจะเอาถึงขั้นต้องถึงคุกตาราง  ถ้าเพื่อนผมคุยก็น่าจะดีขึ้น"


    สินจัยนึก


    "หมายถึง  ตาโตโน่  เอ้ย  ไม่สิ  หนูโนนี่เพื่อนเราที่เป็นเจ้าของผับที่พัทยาหรอ"



    "ใช่ครับ  คู่กรณีเราเป็นนักร้องในผับโน่มันเองครับ"



    สินจัยใจชื้นขึ้น  อย่างน้อยคดีนี้น่าจะเบาขึ้น  ใช่ว่าจะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่อย่างไรในฐานะแม่  สินจัยก็ไม่อยากให้ลูกสาวตนเองติดคุกติดตารางอยู่ดี  ถึงครอบครัวตนเองจะพอจัดการได้  แต่เพราะด้วยทางตนเองเป็นฝ่ายผิด  อย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบ  โดยใช้ทางอื่นเลี่ยงให้มันเบาลงด้วยหวังว่าลูกสาวตนเองจะไม่ต้องเข้าคุกเข้าตารางหรือเสียประวัติ



    "ยังไงฝากเรื่องนี้ดูแลแทนแม่ด้วยนะตาอาร์"



    "ครับ"



    สองคนนี้รู้จักเจ๊โน่ของเราด้วยหรอ  เอ  ใช่ตาคนนี้เปล่าน้าที่ว่าเป็นกิ๊กเจ๊โน่อ่ะ  ว้าเสียดาย  อย่างหล่อเลย  เอ้ะ  ทำไมถึงไม่มีใครมาเยี่ยมเราบ้างล่ะเนี่ย  ไม่รู้รึไงวา่ากูนอนโรงบาล  เหอะ  รอเถอะ  หายดีก่อนเดี๋ยวกันนี่จะด่าเรียงตัวเลยบรรดาเพื่อนเลวทั้งหลาย  กูเดี้ยงขนาดนี้ยังไม่มาเยี่ยมอีก


    จะว่าไป



    พ่อก็ไม่มาเยี่ยมเราเหมือนกันสินะ   นี่เกลียดเราขนาดนี้เลยหรอ  เกลียดที่เราเป็นกะเทยถึงขนาดเราเจ็บจนจะตาย  ยังไม่มาหา  ไม่มาเยี่ยมเราเลยหรอ



    หญิงสาวบนเตียงล้มตัวนอนหันหลังไปอีกทาง  ก่อนที่จะปล่อยน้ำตาไหลออกมา  นึกน้อยใจที่ตนเองไม่มีคนรู้จักมาเยี่ยมเราเลยสักคน  อีกันนี่เอ้ย  จะอาภัพไปถึงไหนนะ





    ...................................................



    วิชญาณีนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างครุ่นคิด  ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดแทบผูกเป็นโบว์  ในหัวมีแต่อะไรเต็มหัวตลอดเวลา


    เมื่อไหร่จะได้รู้สักทีวะเนี่ย  ว่าตกลงไงยังไง  ไม่อยากนั่งรออยู่ตรงนี้เลยแฮะ  แต่ไอ้ครั้นจะลุยเลยก็ไม่ใช่  ไอ้เด็กดำนี่มันไม่ไปไหนซักที  โว๊ะ  ไปไหนมาไหนมั่งก็ได้  ไม่ได้ล่ามโซ่นะเว้ย


    "พี่กัน  ไม่นอนหรอ"


    "นอนไม่หลับ"วิชญาณีตอบสั้นๆ  ในใจนี่ขุ่นข้องไปหมด


    อติรุจนั่งบนโซฟา  ก่อนที่จะมองผู้ที่เป็นพี่ชายต่อ  จะว่าไปตั้งแต่ฟื้นมาพี่เราดูดุขึ้นแมนขึ้นห้าวขึ้นไงไม่รู้  แต่ช่างมันเถอะ



    "เดี๋ยวผมอ่านหนังสือก่อน  ถ้าพี่กันมีอะไรเรียกผมนะพี่



    "อืม"



    อติรุจล้มตัวลงนอนอ่านหนังสือ  วิชญาณีเหลือบตามองอีกคนในห้อง  ในหัวเหมือนคิดอะไรไว้



    "สงสัย  ต้องรอตอนกลางคืนล่ะมั้งนี่  รอให้ไอ้ดำนี่หลับก่อน  เดี๋ยวค่อยไปพิสูจน์ดีกว่ามันเรื่องมันเป็นยังไง"








    ....................................................


    มาต่อแล้วจ้า





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×