ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนกินผัว(รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 59







    ภูหิรัณย์นอนกอดก่ายโดยมีธนทัตโอบกอดไว้  สภาพของทั้งสอง  บ่งบอกอย่างดีว่าเพิ่งผ่านกิจกรรมบางอย่างมา

    “เซน  คุณนี่ร้อนแรงเหมือนเดิมแล้วสินะ  ทำไมน้า  ไอ้ริทถึงไม่สนใจคุณ”

    ธนทัตพูดไปสูดดมกลิ่นหอมตามซอกคอขาวเนียน  ซึ่งคนใต้ร่างหาได้ขัดขืนแม้แต่น้อย

    “คุณเองก็ไม่น้อยหน้า  แบบนี้น่าจะเอาชนะริทได้ไม่ยาก  ถ้าคุณบุกซักหน่อย  รับรองว่ากันเป็นของคุณแน่”

    ภูหิรัณย์พูดยั่วยวนอีกฝ่าย  สายตาร้อนแรงประสบประสานกัน

    “คุณก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ผมไม่สามารถเข้าใกล้กันได้เลย”

    ธนทัตว่า  หลังจากที่วู่วามบุกไปปล้ำนภัทรในวันนั้น  ทำให้เขาเข้าใกล้นภัทรยากลำบากยิ่งขึ้น  เรืองฤทธิ์ไม่ยอมให้เข้าใกล้นภัทรได้เลย

    “แต่เซนพอจะมีโอกาสนะ”                                                       

    ธนทัตหูผึ่ง

    “อะไรหรอ  คุณพอจะมีโอกาสอะไร”

    ภูหิรัณย์ยิ้มร้าย

    “อีกไม่กี่วัน  ริทเขาจะต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดตามคำสั่งของผู้อำนวยการ  แน่นอนว่าริทเขาจะพานังกันไปด้วยไม่ได้ไปด้วยไม่ได้  หาทางที่ริทไม่อยู่  รวบหัวรวบหางซะ”

    ธนทัตยิ้ม  เรืองฤทธิ์ไม่อยู่  แล้วอย่างนภัทรจะหนีเขาไปไหนได้

    และถ้าได้นภัทรมาเมื่อไหร่  เรืองฤทธิ์ก็คงไม่ปล่อยให้น้องชายตนเองเปื้อนมลทิน  ยอมยกนภัทรให้เขาแน่ๆ  ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็เถอะ  เรืองฤทธิ์  คงจะห่วงชื่อเสียงของนภัทร

    “ก็ดีน่ะสิ  หึ  ไอ้ริท  อย่าคิดว่ามึงจะกันกูออกจากกันได้  หึหึ  เตรียมตัวเป็นพี่เขยได้เลย”

    ธนทัตพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ  ครั้งนี้เขาจะไม่ให้พลาด 

    นภัทร   ต้องเป็นของเขาคนเดียว

     

    “กัน  มะรืนนี้ริทไม่อยู่  ต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด  ทางโรงพยาบาลมีคำสั่ง  กันไปกับริทมั้ย”

    เรืองฤทธิ์พูด  ขณะที่กำลังทานอาหารเย็น  นภัทรหน้าสลดทันที

    “กันคงไปไม่ได้หรอกริท  กันมีงานเยอะด้วยช่วงนี้”

    เรืองฤทธิ์เคืองทันที

    “กัน  ริทว่ากันลาออกเถอะ  ริทไม่อยากให้กันเหนื่อยเลย”

    “แต่ว่า  กันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะริท”

    “ก็ไม่เห็นเป็นไร  กันคนเดียวริทเลี้ยงได้สบาย”

    “แต่กันไม่อยากให้ริทเหนื่อยคนเดียวนี่นา  ริทดูแลกันมาตลอด  จะไม่ให้กันทำอะไรดูแล้ว  มันเป็นการเอาเปรียบริทมากเกินไปนะ”

    เรืองฤทธิ์ยิ้ม  ก่อนที่จะเอามือลูบหัวนภัทรอย่างเอ็นดู

    “ริทไม่เคยคิดว่ากันเอาเปรียบริทเลยนะ  กันเป็นน้องของริท  ริทไม่เคยเห็นกันเป็นอย่างอื่นเลย”

    นภัทรยิ้มใส

    “แต่ไม่ว่ายังไง  กันขอทำงานด้วยดีกว่ะริท  อย่างน้อย  มันพอจะทำให้กัน  ลืมความเจ็บปวดได้บ้าง”

    นภัทรพูดมาตรงนี้  ร่างสีน้ำผึ้งสลดไปเลย

    เรืองฤทธิ์เอามือนภัทรมากุม  พลางให้กำลังใจ

    “กันก็อย่าไปยึดติดกับอดีตสิ  อะไรที่ทำให้มันเจ็บปวด  ก็ขอให้ลืมซะ  อยู่กับปัจจุบัน  นะกันนะ”

    นภัทรพยักหน้า

    กันจะพยายามนะริท  แต่ว่า  ริทไม่อยู่นี่กันเหงาแย่”

    “งั้น  เดี๋ยวริทโทรหาแม่ดีกว่า”

    เรืองฤทธิ์ทำท่าจะโทรศัพท์  ต่นภัทรห้ามไว้

    “อย่าดีกว่าริท  กันไม่อยากให้แม่เหนื่อย  ท่านเดินทางมาลำบาก”

    “แต่ว่า”เรืองฤทธิ์จะแย้ง

    “นะริท กันอยู่คนเดียวได้”

    เรืองฤทธิ์ถอนหายใจ

    “งั้นเอายังงี้  ริทจะให้ไอ้ฮั่น  มาอยู่เป็นเพื่อนซักพัก”

    เรืองฤทธิ์พูดถึงอิสริยะ  ถ้าไม่มีใครที่ไว้ใจละก็  แต่ก็ยังมีอิสริยะนี่แหละ  ที่เรืองฤทธิ์ไว้ใจมากที่สุดกว่าใคร  เพราะอิสริยะรักนภัทรเหมือนน้องชายแท้ๆ

    “ไม่ต้องหรอกริท กันอยู่ได้  ริทไปทำงานให้สบายใจได้”

    นภัทรยืนยัน  จนเรืองฤทธิ์ยอมตามใจ

    “ก็ได้  แต่กัน  เลิกงานแล้ว  กันต้องรีบกลับบ้านนะ  แล้วจะไปไหน  รายงานให้ริทรู้ด้วย”

    นภัทรหน้าบึ้ง

    “แหม  ยังกะพ่อเลยนะริท  อือ  กันสัญญา  ว่าจะบอกริทไม่ว่ากันจะไปไหนก็ตาม”

    “ดีมาก  นี่สิ  ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นน้องของริทหน่อย”

    เรืองฤทธิ์  ที่น้องชายตนเองเชื่อฟังเขา  ไม่เคยขัดเขาแม้แต่น้อย

     

    “ริทมึงจะให้กูไปดูกันเป็นพักๆหรอ”

    อิสริยะถาม  ในขณะที่กำลังคุยกับเรืองฤทธิ์ในร้านกาแฟของตนเอง

    “อืม  ยังไงก็ตาม  มึงก็เป็นเพื่อนที่กูไว้วางใจมากที่สุด  ยังไง  มึงก็ดูกันให้ทีนะ”

    อิสริยะรับปาก

    “เออ  ยังไง  กันก็น้องกูคนนึง  กูเองก็รักกันมันเหมือนน้องชาย  ไม่ต้องห่วงริท  เดี๋ยวกูดูให้”

    อิสริยะยืนยัน  เพื่อให้เรืองฤทธิ์ได้สบายใจ

    “ฮั่น  อย่าให้ไอ้แกงมันรู้นะว่ากูไม่อยู่  ไอ้สารเลวนั่นมันยิ่งจ้องหาทางทำร้ายกันมันด้วย”

    เรืองฤทธิ์ถาม  เกรงว่าธนทัตจะฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่มาทำร้ายนภัทรได้

    “เออ  วันนี้ไอ้แกงมันไม่ได้อยู่ที่ร้านนี่  มันคงไม่รู้ว่าแกไม่อยู่หรอกน่า”

    “อืม  ก็ดี  ยังไงกูก็ฝากกันมันด้วยละกันนะ”

    “เออ  ไม่ต้องห่วง  กูสัญญาว่าจะดูกันให้”

    เมื่อเพื่อนสนิทยืนกรานมาแบบนั้น  เรืองฤทธิ์ค่อยสบายใจมาบ้าง

    “ว่าแต่ริท  มึงจะไม่คิดให้กันรักใครบ้างเลยหรอ  ยังไง  แกก็อยู่ดูแลกันไม่ได้ตลอดเวลาหรอกนะ  ที่กูพูดแบบนี้นี่  หวังดีนะ”

    “ไม่ล่ะ  บอกตรงๆนะ  กูไม่วางใจให้ใครมาดูแลกันหรอก  กูไม่เคยให้กันลำบาก  กูดูแลกันมาตลอด  แล้วจะให้กูวางใจหรอ  ไม่มีทางล่ะ  ยังไง  กันจะต้องอยู่กับกูนี่แหละ”

    อิสริยะส่ายหน้า

    “ริท  ซักวัน  มึงก็ต้องมีครอบครัวนะ  แล้วมึงจะมาดูแลกันได้ตลอดหรือไง”

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง  กูไม่คิดจะมีครอบครัวอยู่แล้ว”

    อิสริยะงง

    “นี่มึงห่วงน้องรักน้องถึงกับไม่แต่งงานเลยหรอ  มันไม่มากไปหน่อยหรือวะ”

    “ไม่หรอก  ถ้าการมีครอบครัว  ทำให้กูไม่สามารถดูแลกันได้ กูขอไม่มีดีกว่า  กูกับกันมีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น  ดังนั้นกูจะทำให้กันมีความสุขเอง”

    เรืองฤทธิ์ยืนยันมาแบบนั้น   อิสริยะก็ถอนหายใจ  แต่ก็เข้าใจ  เพราะเรืองฤทธิ์ดูแลนภัทรมาตลอด  คงจะวางใจใครได้ยาก

    ยังไงเสีย  คงไม่มีใครดีไปกว่าครอบครัวตัวเอง  ไม่มีใครเข้าใจนอกจากครอบครัวตัวเอง

    เพราะแบบนี้  นภัทรถึงได้รักพี่ชายและฟังพี่ชายคนเดียว  เรืองฤทธิ์คนเดียว  ที่สามารถปกป้องนภัทรได้

     

    ภาคิณยังคงมองรูปของนภัทร  เขายังคงคิดแต่เรื่องนภัทร

    “กัน  ป่านนี้นายคงสบายดีนะ  เราน่ะคงโชคดีที่มีพี่ชายที่รักกันมาก  แม้ว่าจะดูมากไปบางครั้งก็ตาม”

    ภาคิณว่า  ตายังคงมองนภัทรอยู่

    “แต่ไม่ว่ายังไง  พี่จะต้องพิสูจน์ให้ริทรู้ว่านอกจากริท  ยังมีพี่อีกคน  ที่สามารถปกป้องกันได้ไม่แพ้กัน  พี่เชื่อ  ซักวัน  ริทจะยอมให้พี่ดูแลกัน  พี่รักกันนะ”

    ภาคิณยิ้มให้คนในรูป  ก่อนที่จะเอามาแนบดวงใจ

     

    “ริท  ริทเตรียมตัวไปสัมมนาหรือยัง”

    วิชญาณีถามรุ่นน้องที่กำลังจะไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด  เรืองฤทธิ์ตอบเรียบๆ

    “อือ  แต่ที่จริงผมไม่อยากไปเท่าไหร่  ผมเป็นห่วงกัน  ผมไม่อยู่  กันก็อยู่บ้านคนเดียว”

    วิชญาณีเข้าใจ  พอจะรู้ดีว่าเรืองฤทธิ์เป็นห่วงนภัทรแค่ไหน  มดไม่ให้ไต่  ไรไม่ให้ตอม  หวงน้องยิ่งกว่าจงอางหวงไข่  นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้ว่าเรืองฤทธิ์เป็นฝาแฝดนภัทร  เธอต้องนึกว่าเรืองฤทธิ์เป็นพ่อแน่ๆ  ไว้ดูแก่อีกนิด  ติดหนวดหน่อย  มีปืนด้ามยาวในมือ  โห  ชัดเลย  รับรองว่าได้ไล่ยิงบรรดาผู้ชายที่มาติดพันนภัทรแน่

    ขนาดน้องชาย  ยังห่วงขนาดนี้  ถ้าเป็นน้องสาว  สงสัยบรรดาหนุ่มๆที่มาติดพัน  คงจะกลายเป็นผีไปแล้ว

    “ริทนี่น่าจะเป็นพ่อมากกว่าพี่ชายฝาแฝดนะ  รู้ตัวมั้ยว่าหวงน้องมาก  เรานะดุขัดกับใบหน้าเรามากเลยนะริท  พี่ว่าริทน่าจะเพลาๆบ้างก็ได้นะ  ยังไงแต่ละคนก็ต้องเดินไปตามเส้นทางของตนเองนะริท”

    เรืองฤทธิ์ส่ายหน้า

    “ไม่ล่ะพี่แก้ม  กันอ่อนแอนะพี่  ริทดูแลกันอยู่กับกันมาตลอด  แล้วจะให้ริทวางใจใครได้ยังไง  ไม่มีทางหรอกพี่  คนอื่นที่ไม่ได้อยู่กับกันมาตลอด   กับริทที่เคยปกป้องกันมาแบบนี้  พี่ก็คิดดูนะว่าจะมีใครดูแลกันได้ดีเท่าริท”

    วิชญาณีถอนหายใจยาว  ถึงที่เรืองฤทธิ์จะพูดมาก็มีส่วนถูก  แต่ว่ายังไงคนเราก็ต้องเดินไปตามทางตนเอง  จะมากำหนดขนาดนี้  เป็นไปไม่ได้หรอก  ถึงเรืองฤทธิ์จะรักน้องแค่ไหน  แต่ซักวันยังไงเรืองฤทธิ์ก็ต้องมีครอบครัว  มีภรรยา  มีลูกเป็นของตัวเอง  นภัทรเองก็เช่นกัน  ยังไงก็ต้องมีคนมาดูแลนภัทรแทนเรืองฤทธิ์ซักคน

    คนที่ไม่รู้จักเรืองฤทธิ์คงไม่รู้ว่าหมอร่างเล็กคนนี้น่ะดุมาก  มาเห็นเรืองฤทธิ์กับนภัทรอยู่ด้วยกันสองคนคงจะนึกว่าเรืองฤทธิ์อ่อนแอกว่า  เพราะรูปร่างออกจะดูบอบบางภายนอก  แต่ถ้ามารู้จักกับเรืองฤทธิ์จริงๆ  ไม่มีใครกล้าแหยมแม้แต่คนเดียว

    ร่างเล็กแบบนี้  ลองถ้ารู้ว่าใครมารังแกนภัทรน้องของเขาละก็  เจอกระทืบไม่ก็เล่นงานกระอักเลือดไปหลายคนแล้ว

    “พี่ว่าริท  รักน้องมากไปไหม  ริทน่าจะให้กันมีชีวิตเป็นของตัวเองได้แล้วนะ”

    วิชญาณีพูดด้วยความห่วงใยนภัทรแทน  ต่อให้เรืองฤทธิ์เอาใจใส่นภัทรแค่ไหน  แต่ก็คงไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา  โดยเฉพาะเรืองฤทธ์ที่เป็นหมอแบบนี้ด้วย  ไหนจะคนไข้   ไหนจะน้อง

    “ไว้ให้ถึงเวลาก่อนเถอะครับ  ถ้าริทไว้ใจใครได้  นั่นแหละ  ริทถึงจะปล่อย”

    เรืองฤทธิ์ยืนยันแบบนั้น  วิชญาณีได้แต่ห่วงเงียบๆ

    แต่ทั้งสองไม่รู้ว่า  มีคนแอบฟังเขาทั้งสองนาน

    “หึหึ  ริท  รับรองเลยว่าริทจะมีคนมาดูแลกันแทนริทแน่  และริท  ก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวให้เซนเหมือนกัน”

    ภูหิรัณย์ยิ้ม  ในใจคิดร้ายกับนภัทรตลอดเวลา  เพราะนภัทรเป็นมารหัวใจเขา  เพราะนภัทรทำให้เรืองฤทธิ์ไม่คิดจะมองใคร  

     

    “แน่ใจนะเซน  ว่าถ้าไอ้ริทมันไม่อยู่คราวนี้กันจะอยู่คนเดียว”

    ธนทัตถาม  ภูหิรัณย์อารมณ์ดี

    “แน่นอน  เพราะยังไงก็ตาม  กันก็ไม่ตามริทไปสัมมนาเพราะว่าติดงานบริษัท  นี่เป็นโอกาสของคุณแล้วนะ  จัดการกับกันซะ  รับรองว่าริทต้องยอมรับนายเป็นน้องเขยแน่”

    ธนทัตได้บินเชื่อเรืองฤทธิ์แล้วโมโห  เพราะยังแค้นที่ฝ่ายนั้นไปชกเขา

    “หึ  พูดถึงไอ้ริทมัน  ผมล่ะแค้นมันไม่หายจริงๆ  มันเล่นงานผมซะน่วม  ไหนมันจะมาขัดจังหวะอีก  ไม่งั้น  กันเป็นของผมไปนานแล้ว”

    ภูหิรัณย์ยิ้มยั่วยวน

    “เหอะน่า  วันพระไม่ได้มีหนเดียวเสียหน่อย  นี่โอกาสก็มาหาคุณแล้วนะ  อย่าให้พลาดละกัน   เพราะถ้าพลาดวงดนี้  คุณแกงก็ต้องรออีกนานทีเดียว”

    ธนทัตยิ้มให้ภูหิรัณย์อย่างเจ้าเล่ห์

    “แน่นอน  โอกาสทองมาถึงทั้งที  ผมจะปล่อยให้พลาดได้ยังไง  กัน  อีกไม่นาน  คุณต้องเป็นของผม”

    ธนทัตพูดไปดื่มกาแฟไป  ภูหิรัณย์มองธนทัตด้วยความพอใจ

     

    ภัทรธิดามาหาแฟนสาวที่บ้าน  เนื่องจากไม่ได้เจอหลายวันก็เลยคิดถึง

    “อ้าว  โม  มาหาฐิหรอ”

    เสียงชายหนุ่มคนนึงังขึ้น  ทำเอาภัทรธิดาที่รอหน้าบ้านถึงกับสะดุ้ง

    “แฮ่  พี่เคลลี่  หวัดดีครับ  เอ้ยค่ะ”

    เคลลี่มองคนรักของน้องสาวด้วยใบหน้ายิ้มติดตลก

    “โม  ที่จริงเธอก็สวยนะ  ทำไมถึงมาจีบน้องสาวพี่ล่ะ”

    ภัทรธิดาหน้าแหย

    “แหม  พี่เคลลี่ครับ  เอ้ยพี่เคลลี่คะ  คือความสวยหรืออะไร  ไม่ได้เป็นเรื่องที่โมเอามาใส่ใจเลยค่ะ  คือ  โมบอกตรงๆนะพี่  ตั้งแต่วันที่โมเจอฐิ  โมรู้เลยว่านี่แหละคนที่โมตามหามาตลอดชีวิต  และโมก็มั่นใจว่าโมดูแลฐิได้  ถึงโมจะเป็นผู้หญิง  แต่โมก็มั่นใจว่าโมสามารถปกป้องฐิ  ได้ดีไม่น้อยกว่าผู้ชายคนไหนเลยค่ะ”

    ภัทรธิดายืนยันคนที่จะมาเป็นพี่ภรรยาในอนาคต  เคลลี่มองด้วยอารมณ์ขัน

    “เออ  พี่รู้แล้วล่ะ  ว่านาย  เอ้ย   เธอสามารถดูแลน้องพี่ได้  เอาเถอะ  ฐาอยู่ข้างในแน่ะ  เข้าไปหาเถอะ”

    ภัทรธิดายิ้มดีใจ

    “ขอบคุณค่ะพี่เคลลี่  งั้นสาขอตัวไปหาฐิก่อนนะคะ”

    พูดจบ  ภัทรธิดารีบเข้าไปหาแฟนสาวทันที  เคลลี่มองแล้วส่ายหัว

    “เฮ้อ  ไม่นึกว่ะ  ว่าจะได้ผู้หญิงมาเป็นน้องเขย  แต่ก็ดูแล้ว  หน่วยก้านดีเอาเรื่อง”

     

    วริฏฐิสานั่งอ่านหนังสือในบ้าน  จู่ๆมีมือหนึ่งเข้ามาปิดตาตัวเอง

    “อุ้ย”

    ร่างหวานอุทาน  ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น

    “ทายสิ  ใครเอ่ย”

    วริฏฐิสายิ้ม

    “เสียงแบบนี้  เป็นใครไม่ได้หรอกค่ะ  นอกจากโรคจิต”

    ใบหน้าหวานยิ้มทำเอาคนใบหน้าคมถึงกับของขึ้น

    “ฐิ  ว่าพี่เป็นโรคจิตหรอ”

    ภัทรธิดาเคืองคนรักเบาๆ  ก่อนที่จะแกล้งงอน  วริฏฐิสาต้องง้อแฟนหนุ่ม  เอ้ย  แฟนสาวตนเอง

    “แหม  พี่โมคะ  ฐิแค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง  อย่างอนนะ”

    “อยากให้หายงอนหรอ”

    ภัทรธิดาหรี่ตอมอง  ยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์

    “ค่ะ  นะพี่โม  อย่างอนสาเลยนะคะ”

    วริฏฐิสาอ้อนคนรัก  ภัทรธิดายิ้ม  ก่อนที่จะบอกว่า

    “หอมแก้มพี่ก่อนดิ  แล้วพี่จะหายงอน”

    ภัทรธิดาทำแก้มป่อง  วริฏฐิสาหัวเราะ  ก่อนที่จะหอมเบาๆ  แต่ภัทรธิดายังไม่พอใจ

    “อะไร  หอมเบาๆแค่นี้คิดว่าพี่จะรู้สึกหรอเรา  ของจริงนะต้องแบบนี้”

    พูดจบ  ภัทรธิดาคว้าวริฏฐิสาให้ประชิดตัว  ก่อนที่จะบรรจงจูบบนเรียวปากสีหวาน  ทำเอาร่างหวานสะท้านไปทั้งกาย  ก่อนที่จะได้สติ  รีบดันภัทรธิดาห่างๆ

    “พี่โม  พี่เคลลี่อยู่นะคะ”หญิงสาวเตือน

    “พี่เคลลี่เขาไฟเขียวให้พี่แล้ว”

    เมื่อคนรักตนเองพูดมาแบบนั้น  วริฏฐิสาแอบเข่นเขี้ยวพี่ชาย

    “พี่เคลลี่นะพี่เคลลี่  ทำไมไว้ในคนง่ายแบบนี้นะเนี่ย”

    ภัทรธิดาเห็นอาการแง่งอนของคนรักยิ้มกริ่ม

    “พี่เคลลี่คงจะเห็นความดีความหล่อของพี่ละมั้ง  เลยยอมไว้ใจไงจ้ะที่รัก”

    ป้าบ

    “โอ้ย  ฐิ  ตีพี่ทำไมเนี่ย”

    “ก็ใครใช้ให้พี่โมหลงตัวเองแบบนี้ล่ะคะ  ชิ”

    “แหม  พี่ไม่ได้หลงตัวเองซักหน่อย  แต่ว่าพี่น่ะ  หลงรักน้องฐิต่างหาก”

    “บ้าสิ”

    “มามะ  ขอพี่หอมอีกรอบน้า”

    “ไม่เอาแล้ว  คนบ้า  หื่นชะมัดเลย  โอ้ย  อยู่ใกล้ไม่ปลอดภัยเลยเรา”

    “คิกๆๆ”

    สองสาวหัวเราะหยอกเอินหวานฉ่ำ  ทำเอาเคลลี่ที่ยืนข้างนอกอดหมั่นไส้ไม่ได้

    …………………………………………………………………………………………………………..

    อัพแล้วจ้า  ขอเสียงหน่อยจ้าลีดเดอร์  พี่โน่ไม่ค่อยมีบทเลยเนอะ  แต่เอ้  ตอนหน้าจะเป็นยังไงน้า  เพราะว่าริทไม่อยู่แล้ว  ติดตามตอนต่อไปครับ

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×