ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Killer Girl = ธิดามัจจุราช (กันแก้ม,ริทแกรนด์)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 59







    "แล้วนี่เธอเป็นอะไรมากมั้ย"

    "ไม่เป็นอะไรค่ะ พอดีฉันรู้ทันก่อนพวกมันเลยจัดการฉันไม่ได้"

    "แล้วเธอจำได้ไหมว่าใครคิดจะทำร้ายเธอ"

    "จำได้ค่ะ  เพราะดิฉันจ้องเข้าไปในรถในช่วงก่อนที่จะหลบ    ดิฉันเห็นหน้าพวกมันค่ะ"

    "จะให้ฉันจัดการให้เอาไหม  ยังไงเธอก็เป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่สะดวกจัดการฉันจะจัดการเอง"

    มาถึงตรงนี้ริทได้ออกน้ำเสียงชนิดที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าโกรธแค่ไหน  จริงอยู่ว่าน้ำเสียงที่ริทใช้ค่อนข้างเรียบๆแต่สำหรับแก้มรู้ดีว่าตอนนี้ริทโกรธแค่ไหน แต่เรื่องแค่นี้เธอจัดการเองดีกว่า

    "ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือคุณหรอก  เรื่องนี้ฉันจัดการเอง"

    "แน่ใจหรอว่าจะไม่ให้ฉันจัดการ"

    "ค่ะ  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง"

    ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะถอนหายใจออกมา

    "ก็ได้ แต่ถ้าเธออยากให้ฉันจัดการยังไง  บอกฉันได้  ไม่ได้ออกแรงเองมานาน  เริ่มเบื่อเหมือนกัน"

    "ค่ะ  เอาเป็นว่าถ้าเรื่องอะไรมันจะเกินตัวฉันมากไป  รับรองว่าฉันคงต้องพึ่งคุณแล้วล่ะค่ะ"

    "ดี  เมียไม่พึ่งผัวแล้วจะให้พึ่งใครล่ะ  ยังไงก็ได้เรื่องมายังไงก็บอกด้วยล่ะ  แค่นี้นะฉันกำลังขับรถอยู่"

    "ค่ะ  เดินทางปลอดภัยนะคะ"

    "ขอบใจ  หึหึหึ"

    เสียงริทหัวเราะดังมาในสายพักนึงก่อนที่จะเงียบ  เมื่อรู้ว่าริทวางสายไปแล้วเธอจึงวางโทรศัพท์ตนลง

    "เฮ้อ"

    เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้ริทจัดการหรอก  เพราะรู้ดีว่ามันเสียเวลาสำหรับริทมากไปจริงอยู่รู้ว่าริทบอกออกโรงเพราะเธอเหนื่อยเองมาพัก  แต่หญิงสาวคิดว่าเรื่องนี้เธอจัดการเองที่โทรไปบอกริทเมื่อสักครู่นี้เพียงเพราะรายงานความเคลื่อนไหวของเธอบางส่วนเท่านั้น  

    ทำไมถึงใช้คำว่าบางส่วน

    เพราะว่าถ้ารายงานไปทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น  ช่วงที่เธอคิดจะหลบมันเกิดอะไรเธอไม่คิดว่าบอกริท  เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

    อีกอย่าง  ถ้าริทรู้ว่าก่อนที่เธอจะหลบกันวิ่งออกมาช่วยพอดี  เธอไม่อยากให้กันพลอยเดือดร้อนเพราะเธอไปด้วย  ไม่อยากให้กันมาเดือดร้อนเพราะเรื่อไม่เป็นเรื่องสำหรับเธอ

    เพราะก่อนหน้านี้ที่ริทรู้ว่ากันแอบชอบเธอแค่นั้นก็แทบจะฆ่าอยู่แล้ว  ลองเธอไม่ขอเอาไว้สิรับรองว่ากันไม่เหลือแม้แต่ชื่อแน่

    ถึงเธอไม่ได้มีใจให้รุ่นน้องหนุ่ม  แต่สำหรับความมีน้ำใจ  ทำให้เธอไม่อยากให้กันมาเดือดร้อนเพราะเธอทั้งที่มาช่วยแท้ๆ

    "อย่างน้อย  พี่ก็ไม่อยากให้เราเดือดร้อนเพราะพี่นะ"




    เชียงใหม่

    บ้านหลังสวยกลางหุบเขาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นสบายตระหง่านท่ามกลางเสียงเขียวขจีของต้นไม้บนภูเขาและสวนดอกไม้ที่ปลูกโดยรอบสมฐานะพ่อเลี้ยงเมืองเหนือจริงๆ

    "หึหึมากี่ทีก็เย็นดีนะ"

    ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถมองไปรอบๆและสูดลมหายใจ รู้สึกปลอดโปร่งไม่เบาพอรู้สึกว่าโล่งคลายอึดอัดได้ก็มองไปรอบๆอีกครั้ง  ก่อนที่

    "คุณริทคะ  รอสักครู่นะคะท่านติดประชุมลูกน้องคนงานพอดี"

    "ไม่เป็นไรครับ  ผมรอได้  ผมรอที่ศาลนั่นละกัน"

    "ค่ะ  ถ้าเช่นนั้นดิฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"

    แม่บ้านออกไปจากตรงนั้นแล้ว  เมื่อเห็นว่าเพื่อนตนคงสักพักนึงถึงจะลงก็เลยเดินเล่นรอบๆบ้านกะว่าชมวิวไปในตัวที่ศาลาริมสระดอกบัวขนาดใหญ่

    แต่

    "อุ้ย"

    แต่จู่ๆ ริทรู้สึกถึงว่ามีใครซักคนวิ่งเข้ามาชนจนคนชนกำลังจะล้มไป  ด้วยสัญชาตญาณของริทที่เหนือกว่าคนอื่นคือเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกไวรู้ได้ทนทีว่ามีคนจะล้ม  เขารีบคว้าทั้งที่ไม่รู้ว่าคนที่เขาคว้าเป็นใครเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล้มจนได้รับบาดเจ็บ  จนกลายเป็นว่าตอนนี้คนล้มอยู่ในอ้อมกอดแกร่งเรียบร้อยแล้ว

    ก่อนที่จะพิจารณาเห็นว่าเป็นเด็กสาววัยรุ่นตัวเล็กนี่เอง

    "อุ้ย  เอ่อ  ขอโทษค่ะ"

    เด็กสาวผมเปียสองข้างผูกโบว์ขาวในชุดมัธยมต้นคอลูกซองเอ่ยขอโทษทั้งที่ก้มหน้างุดรู้สึกเขินอายที่มาอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายแบบนี้  ริทเหลือบตามองสังเกตุอาการสาวน้อยก่อนที่จะปล่อยให้เป็นอิสระ  หลังจากคิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว

    "ระวังหน่อยสิ  วิ่งไม่ดูทางเดี๋ยวก็ล้มลงไปบาดเจ็บหรอก"

    น้ำเสียงที่ดูเรียบๆมีทั้งความอ่อนโยนและเย็นชาแอบแฝงด้วยกันทั้งคู่  แต่บุคลิกตัวจริงชายหนุ่มซึ่งเป็นคนที่เย็นชามากทำให้แทนที่เด็กสาวจะสัมผัสถึงความอ่อนโยนแฝงห่วงใยกลับรู้สึกกลัวเนื่องจากสัมผัสถึงความเย็นชาติดดุๆมากกว่า  รีบก้มหน้าขอโทษทันที

    "ค่ะ  คราวหลังหนูจะระวังตัวค่ะ  ขอโทษนะคะ"

    พอพูดขอโทษเสร็จ  สาวน้อยรีบวิ่งไปทันที  ริทมองตามเล็กน้อยถอนหายใจยืนอยู่ตรงนั้น  สักพักนึงมีสาวใช้คนนึงเดินเข้ามาหา

    "คุณริทคะ  พ่อเลี้ยงรอที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ"

    "หรอ  อืม  ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย"

    "ค่ะ  เชิญค่ะ"

    ริทไม่พูดอะไรต่อ  เหลือบมองทางที่เด็กสาวคนเมื่อสักครู่วิ่งไปนิดนึงก่อนที่จะเดินตามสาวใช้ไป

    พอลับหลังชายหนุ่มไปแล้ว  เด็กสาวที่ชนเข้ากับริทเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้โผลหน้าจากจากมุมบ้านมุมนึง

    "ใครกันนะ  ที่มาหาคุณพ่อ"



    .......................................................



    "ฉันล่ะอิจฉานายจริงๆนะริท  นายอายุอานามปาไปสี่สิบกว่าๆ  แต่หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยจริงๆนี่ไม่แปลกใจว่าทำไมนายเข้าไปอยู่ในชุดนักศึกษาแล้วไม่มีใครดูออกว่าที่จริงนายอายุเท่าไหร่  เหอะๆๆ"

    "มาอิจฉาอะไรฉันล่ะ  ฉันต้องอิจฉานายมากกว่า  อยู่ในที่ที่อากาศดีสบายขนาดนี้  ไม่ต้องอยู่ในความมืดแบบฉัน"

    "นายก็เลิกสิ  ในเมื่อที่จริงนายเองก็ไม่ได้อยากเป็นคนอำมหิตอยู่แล้ว"

    "เลิกหรอ  คงยากเพราะตอนนี้สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในสายเลือดฉันทุกอณู  ถอยกลับไม่ได้หรอก"

    "เออ  เข้าใจว่าแต่แก้มเป็นของนายมาตั้งนานแล้วถามจริง  ไม่แต่งงานเป็นผัวเมียไปเลยล่ะ  จะได้มีลูกซักที"

    ริทส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

    "ฉันเองก็อยากให้แก้มอยู่ในฐานะเมียเจ้าพ่ออย่างฉันจริงๆสักทีนะ  แต่ไม่ว่ายังไงแก้มก็ไม่ยอมตกลงปลงใจกับฉันเลย  บอกอย่างเดียวว่าขออยู่ในฐานะนักฆ่าและเป็นแค่คู่นอน  ขอเป็นทาสแต่ไม่ยอมขึ้นเป็นเมีย  พอนานๆเข้าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรทำนองนี้อีก  อีกอย่างยังไงแก้มก็คือเมียฉันอยู่ดีถึงจะไม่เป็นทางการก็ตาม"

    "แก้มเคยขอนายขอเป็นอิสระไหม"

    "ไม่  แต่ต่อให้ขอ  ฉันก็ไม่มีทางปล่อยไปอยู่ดี"

    "นายรักแก้มหรือยังไง  เท่าที่ฉันดูนายไม่ได้รักอะไรมากมายนะ"

    "รักหรอ  ใช้คำว่าฉันหวงดีกว่า  แก้มเป็นของฉัน  ฉันไม่มีทางปล่อยให้เป็นของใคร  นายก็รู้ว่าอะไรที่เป็นของฉันแล้ว  ฉันไม่มีทางปล่อยเอาไว้เด็ดขาดแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ได้เป็นที่รักก็ตาม  อีกอย่างตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้คิดจะรักใครอยู่แล้ว  เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  แก้มเต็มใจอยู่แล้ว"

    "แปลก  เต็มใจแต่ไม่ได้รัก"

    "ดังนั้นฉันถึงได้บอกไงว่าแก้มเหมาะสมที่จะเป็นของฉันมากที่สุด  เพราะแก้มก็เหมือนฉัน  ไม่ได้รัก  แต่หวง"

    สนพยักหน้า  เขาเข้าใจและเคยชินกับท่าทางเย็นชาที่มีมาตั้งแต่วัยรุ่นของริท  เขาเข้าใจว่าเพื่อนตนเองเป็นคนยังไง  จะว่าร้ายก็ร้าย  จะว่าดีและอ่อนโยนก็ระดับนึง  แต่สิ่งที่ริทแสดงออกคือบุคลิกที่เย็นชา  อำมหิต  นิ่งเงียบ  ด้วยสายเลือดที่อยู่ในวงการมืดวงการมาเฟีย  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าริทเป็นคนแบบไหนต่อให้แท้จริงเขารู้ว่าริทก็ไม่ได้อยากเป็นคนประเภทนั้น  แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเลือกให้เพื่อนเขาเดินทางเส้นทางนั้น  จึงไม่ต้องสงสัยว่าริทจะแสดงออกยังไง  ยิ่งบวกกับเพื่อนตนเองที่มีความคิดซับซ้อน  ก็ยากที่จะเดาออกว่าริทคิดอะไรอยู่  บางทีถึงเขาสนิทกับริทมากที่สุดในบรรดากลุ่มเพื่อน  แต่ถ้าริทไม่พูดเองว่าเขาทำอะไร  เขาจะไม่รู้เลยว่าริทเป็นมาเฟีย  
    เดิมก็เย็นชา  นิ่งเงียบพอแล้ว

    เดินซ่อนความร้ายกาจได้เนียนสนิทอยู่แล้ว

    บวกกับสายเลือดความเจ้าเล่ห์  ความคิดที่ซับซ้อนสามารถแสดงละครบังตาได้สนิท  ถ้าไม่สนิทจริงจะไม่มีทางรู้หรอกว่าชายหนุ่มเป็นยังไง  เพราะท่าทางเหล่านี้ริทแสดงออกกับคนสนิทที่มีไม่กี่คนเท่านั้น  นอกนั้นบุคคลภายนอกจะเห็นแค่ว่าริทก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่ไร้พิษสงไม่มีอะไรเลยจริงๆ  โดยมีอาวุธคือใบหน้าและรูปร่างเป็นเกราะบังตา

    แต่ด้วยที่สนคือเพื่อนสนิทที่สุด  และสัมผัสจริงๆได้ว่าลึกๆริทเป็นคนยังไง  ทำให้เขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง

    บางอย่างที่เขาคิดว่า  ริทคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้  

    "ริท  เอ่อ  ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องการให้นายช่วยหน่อยจะได้ไหม  ถ้าเป็นนาย  ฉันคงเบาใจ"

    "หือ"ริทเลิกคิ้ว

    "คือ  ก่อนอื่น  แจ่ม  ไปตามคุณหนูมาที"

    สนตะโกนเรียกสาวใช้เพื่อสั่งการบางอย่าง  ก่อนที่สาวใช้จะตอบรับแล้วเดินไปทำตามคำสั่งของเจ้านาย  สนเห็นว่าไม่มีอะไรก็หันมา

    "ก่อนอื่น  ฉันจะแนะนำหน่อย  ตั้งแต่มีลูกนายก็ไม่เคยเห็นลูกสาวฉันเลย  รู้จักหลานสาวหน่อยดีมั้ย  เรื่องนี้แหละที่ฉันต้องการ"

    ริทพยักหน้ารับรู้

    "อืม  จะว่าไปรู้จักหลานสาวหน่อยก็ดีเหมือนกัน"

    "อืม  นั่นไง  มาแล้ว"

    "คุณพ่อขา"

    เสียงหวานใสก้องกังวานดังเข้ามาก่อน  ก่อนที่เจ้าของเสียง จะเดินเข้ามากอดผู้เป็นบิดา"

    "คุณพ่อ"

    "แกรนด์เป็นไงบ้างลูก  กลับมาจากโรงเรียนนานยัง"

    "ครู่ใหญ่แล้วค่ะ  แกรนด์กำลังเริ่มทำการบ้านพอดี  ว่าแต่คุณพ่อให้พี่แจ่มไปตามแกรนด์มา  มีอะไรหรือเปล่าคะ"

    สนยิ้ม  ก่อนที่จะผายมือไปยังอีกคน

    "แกรนด์  รู้จักกับเพื่อนพ่อสิลูก  สวัสดีคุณอาริทก่อนสิ"

    เด็กสาวยิ้มหวานให้กับบิดาตนเองก่อนที่จะหันมาทางริท  ทันทีที่แกรนด์เห็นหน้าชายหนุ่มอีกคนถึงกับชะงัก  แต่เพราะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทแกรนด์จึงยกมือไหว้ตามปกติ

    "สวัสดีค่ะ  คุณอาริท"


    ..................................


    วันนี้เป็นอีกวันที่กันเข้ามหาวิทยาลัยตามปกติตามตารางเรียนในแต่ละวิชา  ในวันนี้เขามีเรียนภาคบ่ายซึ่งอีกประมาณสองสามชั่วโมง  

    ดูเหมือนวันนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากทุกวันเลย  เหมือนมาเรียนตามปกติชีวิตนักศึกษา

    เพียงแต่วันนี้เป็นวันพิเศษ  ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา  วันนี้กันถือดอกไม้ที่ถูกประดิษฐ์ให้เป็นช่อเล็กๆดูน่ารักกะทัดรัดเหมาะมือดี  กระดาษห่อสีชมพูดห่อดอกกุหลาบดอกโตดอกเดียวผูกโบว์สีขาวพร้อมการ์ดสีหวานเล็กๆติดช่อมา  ใบหน้าชายหนุ่มยิ้มแย้มกว่าทุกวัน

    วันนี้เป็นวันพิเศษของเขา  เป็นวันครบรอบเต็มอายุ20ปีของเขาเอง  และวันนี้

    เขาเลือกที่จะใช้วันนี้ทำอะไรบางอย่าง  ตามหัวใจตนเอง

    ถึงแม้จะรู้ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงวันนี้เขาเลือกที่จะใช้วันนี้เผื่อว่าความพิเศษของวันนี้จะช่วยให้เขาสมหวังบ้าง  

    แม้ว่ามันจะริบหรี่ก็ตาม

    "อะไรนะไอกัน  มึงจะใช้วันเกิดวันนี้ของมึง  สารภาพรักกับพี่แก้มหรอ"

    ตั้มร้องออกมาด้วยความอึ้ง  หลังจากที่รู้วาวันนี้กินคิดจะทำอะไร

    "อืม"กันพยักหน้าสั้นๆตามตรง  ดวงตาฉายแววหวังเต็มที่

    แต่นั่น  ทำให้ทั้งโดมและตั้มถึงกับงงและไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนตนเอง

    "มึงจะบ้าหรอ  มึงจะสารภาพรักพี่แก้ม  ทั้งที่พี่แก้มมีพี่ริททั้งคนเนี่ยนะ"

    "เออไอกัน  นี่มึงเสียสติหรือเปล่า  เอาวันเกิดตนเองมาเป็นโอกาส  ถือโอกาสสารภาพรักกับพี่แก้มเนี่ยนะ  นี่มึงจะบ้าไปแล้วหรอ"

    กันยิ้ม

    "ก็เผื่อวันนี้พี่แก้มจะตอบรับกูไง  เผื่อเป็นของขวัญันเกิดกู  วันนี้เป็นวันดีของกู  ต้องมีอะไรดีสิ"

    "บ้าไปแล้ว"โดมส่ายหัว

    ตั้มถึงกับกุมขมับ

    "ไอกัน  แต่ว่า"

    แต่กันตะโดกนออกมาเสียก่อน

    "แต่กูจะสารภาพรักพี่แก้มวันนี้  ตั้ม  โดม  กูรอวันนี้มานานแล้ว  วันที่กูจะสารภาพรักกับพี่แก้ม  กูอุตส่าห์รอ  จนพี่ริทไม่อยู่แถมวันนี้เป็นวันเกิดกู  ต้องมีอะไรดีสิ"

    "มีแน่นอน  มีงานงามไส้เลยล่ะ  บ้าไปแล้ว  ไปสารภาพรักกับคนที่มีเจ้าของ  งานนี้มีแต่พังกับพัง  คนทั้งมหาลัยเขารู้กันทั่วว่าพี่แก้มมีพี่ริทแล้ว  นี่มึงคิดจะไปสารภาพรักอีก  เออ  งามไส้จริงๆเลยมึง  นี่มึงเอาสมองส่วนไหนคิดวะไอกัน"

    โดมด่าเป็นชุด  ตั้มเองก็ไม่เห็นด้วย

    "เออ  นี่มึงทั้งบ้าทั้งเสียสติ  เอาส่วนไหนมาคิด  มึงคิดว่าวันเกิดมึงจะช่วยอะไรได้หรือไง  มึงเอาสมองส่วนไหนของมึงคิดวะไอกัน"

    กันหันขวับ

    "เอาหัวใจมาคิดไง"

    "ไอกัน"

    "ก็รู้ว่ากูทำอะไร  พวกมึงสองคนขอร้องอย่าห้ามกูเลย  ขอกูทำตามหัวใจตนเองเถอะ  กูรักพี่แก้มถ้ากูไม่ได้สารภาพรักพี่แก้ม  กูไม่รู้ว่าชีวิตกูจะเป็นยังไงต่อแล้ว"

    "แต่"

    "อย่าห้ามกูเลยนะ"

    สองสหายถึงกับค้าง  พอเห็นแววตาเพื่อนแล้วอดสงสารไม่ได้  สองคนสามัคคีถอนหายใจแม้ว่าสิ่งที่กันทำมันชวนให้เขาทั้งคู่คิดหนัก  แต่ในเมื่อเพื่อนต้องการแล้ว

    เอาวะ  เพื่อความสุขของเพื่อน  แม้ว่าสิ่งที่จะตามมารู้ดีว่ามันเป็นยังไง

    "เออ  กูขอให้พี่แก้มรับรักมึงนะ"

    "ขอให้สิ่งที่มึงหวังขอให้มึงสมใจ  จะได้เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตมึง  กูขอให้มึงสมหวังนะเพื่อน"

    กันน้ำตาคลอ  เขารู้ว่าเพื่อนไม่เห็นด้วย  แต่ก็รู้ดีว่าเพื่อนเขาก็รักเขาไม่แพ้กัน

    "ขอบใจว่ะ  ตั้ม  โดม"

    "เออ   กูจะรอข่าวดีนะเว้ย"

    ตั้มและโดมพากันตบบ่า  กันยิ้มออกมาเต็มที่ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม

    พี่แก้ม  

    ขอให้พี่รับรักผมเถอะนะ








    ...................................................................................


    รู้สึกสงสารพระเอกจัง  เฮ้อ  มารอคำตอบพี่แก้มตอนหน้านะคะ

    ช่วงนี้เมย์จะยุ่งๆหน่อย  แต่จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ  รักรีดทุกคนค่า


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×