ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
"เอ้ะ อะไรของหล่อนห้ะ นังแดดเดียว ทุกทีหล่อนไม่เคยขอลาร้องเพลง แล้วทำไมคืนนี้หล่อนจะขอลา"
ภาวินีถาม หลังจากที่นภัทรเข้ามาขอหยุด ทั้งที่ปกตินภัทีไม่เคยลาหยุดร้องเพลง ถึงจะขี้เกียจซ้อมแต่นางก็ไม่เตยเบี้ยวงานซักครั้ง
นภัทรไม่ตอบ ใบหน้าซึมอย่างเห็นได้ชัด ภาวินีชักแปลกใจ
"มีอะไรหรือเปล่า บอกเจ๊ได้"
"พ่อกันนี่มาที่บ้าน"
ทันทีที่ประโยคนั้นออกมาจากปากสีแดงลิปสติกอิ่มนั่น ภาวินีอึ้งก่อนที่จะเดินเข้าไปกอด
"ลูกสาว อย่าซึมสิจ้ะ ทำใจดีๆ"
"กันนี่รู้เจ้ แต่กันนี่กลัว"
ภาวินียิ้มก่อนที่จะบีบบ่าให้กำลังใจ
"พ่อกันนี่ อาจจะแค่มาเยี่ยมเฉยๆ อย่าตีตนไปก่อนไข้สิ ตายแล้วน้องสาวฉัน อย่าซึมแบบนี้สิเจ๊ใจไม่ดี เอาล่ะ เจ้อนุญาตกลับไปหาพ่อไป เจ้ว่าพ่อคงคิดถึงลูกๆเท่านั้นแหล่ะเลยมาหา ไปเถอะไป ยิ้มสิ พ่อเราเห็นเขาจะได้ดีใจที่ลูกสาวยิ้มน้า"
นภัทรพยักหน้า
"งั้น ชั้นกลับก่อนนะเจ้"
"คุยกันดีๆล่ะ"
ภาวินีทิ้งท้าย รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกัน
....
ไอ้แก้ม แน่ใจนะว่าขับรถไหว"
ลลนาถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่มาส่งวิชญาณีที่ลานจอดรถ
"แน่ดิ กูเดินเซตรงไหนถาม เก็นมั้ยโธ่แค่นี้สบายมาก เอื้อก วันนี้หมดไปโหลครึ่ง จิ๊บๆ"
คอแข็งโคตรเลยเพื่อนกู มันผู้หญิงแค่ร่างกายจริงๆ
"ไหวแน่นะ"
"แน่ งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ กะว่ากลับแล้วนอนเลย เริ่มมึนนิดๆละ ไปนะเว้ยแล้วเจอกัน"
"เออ"
วิชญาณีสะบัดหัวไล่ความมึนก่อนที่จะขึ้นรถพอสตาร์ทติดก็ขับออกไปทันที ลลนามองตาม
"เฮ้อ แก้มเธอนี่นะ"
ทางด้านวิชญาณี ยังมีใบหน้าตึงเครียดแม้ว่าจะซัดเหล้าไปเท่าไหร่แต่ทีท่าที่จะเมาไม่มีซักนิด อย่างมากแค่มึนเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สติยังครบแล้วยังเบื่อหน่ายไม่เปลี่ยนแปลง
"หึ ทำไมแม่ไม่เข้าใจกูบ้างวะ"
.......
นภัทรยืนอยู่หน้าบ้านซักครู่นึงราวกับยืนทำใจ ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์ฉายแววความกังวล
"แค่พ่อมาเองกันนี่ เอาล่ะ เข้าบ้านดีกว่า คงไม่มีอะไรมั้ง"
นภัทรว่า ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าบ้านโดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น สองเท้าก้าวเข้าบ้านตามปกติ แต่หยุดชะงักเพราะว่ามีคนเข้ามาหา
"พี่กัน พี่มาแล้วหรือพี่"
"อือ พี่มาแล้วล่ะแคน แล้วพ่อล่ะ"
"กูอยู่นี่"
"พ่อ"
นภัทรตกใจกับเสียงดุๆของบิดา
"พะ พ่อ สวัสดีค่ะ"
ชายวัยกลางคนมองนภัทร ท่าทีและการแต่งตัวของลูกชายคนโตทำเอาสายตาของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างเขม็งยิ่งทำให้นภัทรเกร็งหนักกว่าเดิม
"พะ พ่อ มานานหรือยัง"
"ไม่เท่าไหร่ ฉันเองก็เพิ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมงเอง ว่าแต่แกไอ้กัน วันนี้ไม่ร้องเพลงหรือไง"
"ก็ วะ วันนี้ พ่อมะ มาเยี่ยมกันนี่คะ"
นภัทรพยายามพูดกับผู้เป็นพ่อให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่ทำได้ พยายามทำตนเองไม่ให้เกร็งแต่ดูเหมือนว่ายากพอสมควร
"แคน ขึ้นไปก่อน พ่อมีเรื่องจะพูดกับพี่ชายแก"
"เอ่อ ครับ"
อติรุจทำตามที่ผู้เป็นบิดาสั่งทันที แอบมองนภัทรพี่ชายตนเองที่เป็นสาวประเภทสองด้วยความเป็นห่วงแต่ด้วยที่เขายังเด็กกว่าใครในบ้าน เขาก็เลยไม่สามารถช่วยอะไรพี่ชายได้มากนัก
นภัทรหันมาทางบิดาอีกที
"พ่อ มีอะไรกับชั้นหรอจ้ะ"
"พรุ่งนี้ กลับบ้านกับพ่อนะ ไอกัน"
"กลับทำไมพ่อ"นภัทรงง
"พรุ่งนี้ฉันตั้งใจแล้วว่าจะส่งแกไปบำบัด เข้าอบรมทหารเผื่อแกจะเปลี่ยนตัวเองได้"
"อะไรนะ"นภัทรไม่เข้าใจ
"กลับบ้านกับพ่อ เอาไอแคนไปด้วย พรุ่งนี้กลับบ้านที่กรุงเทพไปลาออกจากไอ้คลับกะเทยนั่นไป แล้วเตรียมตัวเข้ารับการบำบัด ถ้าแกดีขึ้รแล้วไปสมัครทหาร แกจะได้ไม่เป็นแบบนี้ไง"
"อะไรนะ"
....
"มาแล้วหรอ ยัยแก้ม ไปไหนมากลับมืดค่ำแบบนี้"
สินจัยเดินเข้ามาดักวิชญาณีที่กำลังจะเข้าบ้านหลังจากที่เห็นว่าลูกสาวตนเองยังไม่กลับ เลยมานั่งรอจนเห็นวิชญาณีเข้าบ้านจนได้
วิชญาณีงง ที่เห็นมารดาตนเอง
"นี่แม่ยังไม่นอนอีกหรอ รอผมทำไม"
"แก้ม แม่บอกกี่ครั้งว่าให้แกแทนตัวเองว่าแก้ม"
"จะเป็นอะไรไปแม่ ผมนี่จะแทนตัวเองว่าผมไม่ได้ไง"
"ผมมันใช้สำหรับผู้ชาย แกนี่ไม่เข้าใจอะไรหรือไง"
"อะไร ก็ผมเป็นผู้ชายนี่ไงแม่"
"แก้ม เลิกหลงผิดคิดว่าแกเป็นผู้ชายสักที เอาล่ะ นี่ท่าทางกินเหล้ามาล่ะสิ ขึ้นไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้พี่สนเขาจะเข้ามาตกลงเรื่องวานวิวาห์"
วิชญาณีหันขวับ
"แม่ ผมบอกแล้วไงว่าไม่แต่ง"
......
"พ่อจะบ้าหรอ กันไม่ได้บ้านะจะได้เข้ารับการบำบัด"
"ทำไมจะไม่บ้า ก็ทุกวันนี้แกมีจิตใจวิปริตไง ดังนั้นแกต้องเข้ารับการบำบัด เผื่อเอาความเชื่อผิดๆที่หลงคิดว่าตนเองเป็นผู้หญิง ถ้าแกเข้ารับการรักษาแกจะได้เป็นผู้ชายสมชายสักที"
"พ่อ กันแค่เป็นกะเทยนะพ่อ"
"ก็ถึงได้จะให้ไปบำบัดไง ของแบบนี้มันเปลี่ยนกันได้"
"ไม่ กันรู้ดีว่ากันเป็นอะไร"
.....
"ยังไงแกก็ต้องแต่ง แกเป็นลูกสาวแกเป็นผู้หญิงแกต้องแต่งงานมีสามี"
"ไม่ ผมไม่มีวันแต่งกะผู้ชาย แม่จะบ้าหรือไงเมื่อไหร่แม่จะเข้าใจซักทีว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง ใช่ ถึงผมจะมีร่างกายเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด ผมขอยืนยันว่าผมจะไม่แต่งงานบ้าๆที่แม่ว่ามานั่น โดยเฉพาะไอ้สน ผมไม่มีแต่งเข้าไปใหญ่"
......
"ทำไม พ่อไม่เข้าใจหรอ กันไม่ได้เป็นบ้าพวกวิปริตผิดเพศนะคะพ่อ"
"ไม่ได้บ้าไม่ได้วิปริตได้ไง ในเมื่อแกเป็นผู้ชายแต่แกทำตัวเป็นผู้หญิงทุเรศๆ วันๆไม่ทำอะไรนอกจากแต่งตัวบ้าๆแล้วก็ร่านหาผู้ชายไปวันๆ"
"กันเป็นกะเทยไม่ใช่กะหรี่ กันไม่ได้ร่านหาผู้ชายไปวันๆอย่างที่คิด ถึงกันจะเป็นกะเทยแต่กันก็ทำงานสุจริต"
"ฉันไม่เชื่อ กะเทยทุกคนมีแต่จะหาผัวทั้งนั้น ฉันจะเอาแกไปบำบัดให้แกกลับมาเป็นผู้ชายให้ได้"
"ไม่ใช่กะเทยทุกคนหรอกนะพ่อที่จะทำตัวแบบนั้นโดยเฉพาะกลุ่มของกัน ถึงฉันจะเป็นกะเทย แต่ฉันก็เป็นกะเทยอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ได้ขอใครกิน ฉันซื้อบ้านซื้อรถ แถมยังช่วยส่งไอ้แคนเรียนมหาวิทยาลัยดีๆได้"
"แต่ฉันไม่ต้องการมีลูกชายเป็นกะเทย ฉันอาย"
"พ่อ"
.....
"ยังไงผมก็ขอยืนยัน ผมจะไม่แต่งงานบ้าๆนี่เด็ดขาด"
"แต่แกเป็นลูกสาวชั้น ยังไงแกก็ต้องแต่ง"
"ไม่มีทาง แม่เลิกบังคับผมซักที"
วิชญาณีเริ่มขึ้นเสียงกับผู้เป็นมารดาดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้สินจัยไม่พอใจขึ้นไปอีก
.....
"ทำไมคะพ่อ แค่ฉันเป็นกะเทยมันผิดนักหรอ คิดหรือไงว่ากันอยากเป็นกะเทย ฮึก กันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด พ่ออายนักหรอที่กันเป็นกะเทย"
นภัทรเริ่มตัดพ้อ ใบหน้าเริ่มอาบไปด้วยน้ำตาเพราะน้อยใจบิดาตนเอง
"ใช่ ฉันอายที่มีลูกเป็นกะเทยอย่างแก"
ปฏิภาณเริ่มตะคอกขึ้นเรื่อยๆด้วยความโกรธเคือง
นภัทรร้องไห้หนักขึ้นทุกที
....
"เมื่อไหร่แกจะเลิกผิดเพศแบบนี้ซักทีแก้ม ยังไงแก้มก็ไม่ใช่ผู้ชายอยู่ดี ยอมรับความจริงซักทีแล้วแต่งงานกับพี่สนซะ"
สินจัยพยายามสั่งให้ลูกสาวทำตามคำสั่งตนให้ได้แต่ยิ่งพูดวิชญาณียิ่งต่อต้านและตอกกลับ
"ผมไม่ได้ผิดเพศ แล้วผมก็ยอมรับและเต็มใจ ไม่ได้ทำตัวผิดเพศ ผมเป็นผู้ชายได้ยินมั้ยครับ ผมไม่มีวันแต่งงานเด็ดขาด"
"แต่แกต้องแต่ง"
"ผมไม่แต่ง"
"ถ้าแกไม่แต่ง ขั้นจะไม่นับว่าแกเป็นลูกชั้น"
"แม่"
วิชญาณีอึ้ง เมื่อสินจัยพูดแบบนั้นออกมา
....
"ถ้าแกยังคิดว่าชั้นเป็นพ่อ พ่อขอ แกอาจจะแค่หลงผิด ขอร้อง แกเข้าบำบัดเพื่อให้ตนเองเต็มชายเถอะ ฉันจะได้ไม่ต้องอายเพราะแก จะได้บอกคนอื่นได้ว่าแกแค่ป่วย"
นภัทรร้องไห้โฮ
"คำก็อายสองคำก็อาย พ่อบอกว่าอายที่กันเป็นกะเทย พ่อไม่รู้หรือไงว่ากันเองก็ไม่ได้อยากเป็นกะเทย ฮึก กันอยากเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นไปได้กันอยากเป็นผู้หญิง ไม่ใช่กะเทยที่พ่ออายนักหนา"
"แกจะเป็นไปทำไมผู้หญิงเป็นผู้ชายน่ะดีแล้ว บวชก็ได้ทำทหารตำรวจหมอได้หมด ไอ้ทุกวันนี้แกทำอะไร ร้องเพลง ไม่ก็บ้าผู้ชาย รู้ไหมว่าฉันอาย อายแทบมุดดินหนีที่มีลูกวิปริตอย่างแก"
"ก็ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นเป็นกะเทย ไม่ใช่กะหรี่เมื่อไหร่พ่อจะเข้าใจกันสักที ไม่ได้วิปริตอย่างที่พ่อว่าด้วย ชั้นเป็นแบบนี้กันผิดตรงไหนคะพ่อ ฮึก ได้ค่ะ ถ้าพ่ออายนักที่กันเป็นลูก พ่อก็คิดซะว่าไม่มีกันอยู่บนโลกละกัน"
นภัทรฟิวขาด และนั่นทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับ
"ไอ้กัน"
เพียะ
"พี่กัน"
อติรุจที่แอบฟังด้านบนตกใจตะโกนลงมาด้วย นภัทรที่หน้าชาเพราะโดนผู้เป็นบิดาตบฉาดใหญ่ก่อนที่จะหันมาทางปฎิภาณทั้งน้ำตา
"พ่อ"
ปฎิภาณชี้หน้า
"ฉันจะพาแกไปบำบัดให้ได้"
"ไม่"
"ไอ้กัน"
"พี่กัน"
นภัทรตะโกนลั่นก่อนที่จะร้องไห้โฮอย่างหมดความอดทน รีบวิ่งออกจากบ้านขึ้นรถสตาร์ทออกไปทันทีทั้งน้ำตา ปฎิภาณได้แต่ตะโกนตาม
"ไอ้กัน กลับมาด้วยนี้"
......
หลังจากอึ้งกับคำพูดของสินจัยไปหลายนาที วิชญาณีพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อด้วยเสียงคับแค้น
"ได้แม่ แม่อยากตัดผมออกมาจากมรดกมาตั้งนานแล้วนี่ ถ้าหากว่าแม่รับความจริงไม่ได้ ผมก็จะไปอยู่ที่อื่น ให้มันรู้ไปเลย ในเมื่อแม่ต้องการแบบนั้นก็ตามสบาย แต่ผมจะบอกอะไรให้ แม่ไม่มีวันบังคับผมได้หรอก"
วิชญาณีพ่นระบายออกมา ยิ่งทำให้สินจัยโกรธจัดขึ้นไปอีก
"แก้ม แก นังลูกไม่รักดี ทำไมแค่ความสบายใจของชั้นแกทำไม่ได้เลยหรอ"
"ผมขอโทษนะแม่ ที่ทำตามที่แม่ต้องการไม่ได้ เพราะผมไม่อยากตายทั้งเป็นในสิ่งที่แม่ยัดเยียด เชิญอยู่กับลูกชายคนโปรดและสังคมจอมปลอมนี่ละกัน ผมจะไปตามทางผมเอง"
"แก้มแก"
"หึ"
วิชญาณีเผ่นออกจากบ้านด่วยความโมโห สินจัยได้แต่ตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล
"แก กลับมาเดี๋ยวนี้นะยัยแก้ม"
แต่ไม่ได้ผล เพราะวิชญาณีวิ่งอ้าวไปทางโรงรถ เป็นจังหวะเดียวกับอาณัตพลที่เดินเข้าบ้านพอดี
"ไอ้แก้ม"
"หวัดดีเฮีย ผมฝากแม่ด้วยละกัน"
"ห้ะ"
ควับ
บรื้นนนนนน
อาณัตพลงงเต้กที่อยู่ๆก็เห็นน้องสาวตนเองออกมาจากในบ้านขึ้นรถสตาร์ทออกจากบ้านไปโน่น
"อะไรวะ แม่ครับ นี่ไอ้แก้มมันเป็นอะไร"
"ถามน้องชายสุดที่รักแกสิ หึ"
สินจัยหันหลังใส่ทันที ทำเอาอาณัตพลมึน
"อะไรวะ"
.....
บรืนนนน
"ฮึก ฮือๆๆๆๆ"
นภัทรขับรถไปร้องไห้ไป ความเสียใจพรั่งพรูไม่หยุดยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด
"กันเองก็ไม่ได้อยากเป็นกะเทย ฮึก กันอยากเป็นผู้หญิง กันเป็นแบบนี้ทำไมพ่อต้องว่ากันด้วย ฮือๆๆๆๆๆๆ"
...
บรืนนนนน
วิชญาณีขับรถไปโมโหไป สายตานิ่งเขม็งจ้องไปตามถนนหนทางอย่างไร้จุดหมาย
บรืนนนน
เข็มบ่งบอกความเร็วรถเริ่มชี้ไปทางตัวเลขสูงขึ้นทุกที
"กูไม่มีวันแต่งงานเด็ดขาด ไม่มีทาง เราไม่มีทางแต่งงานตามที่แม่สั่ง ไม่มีวัน แม่จะมาบังคับเราไม่ได้"วิชญาณีคิดในใจ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ทั้งนภัทรและวิชญาณีต่างคนต่างขับรถมาด้วยความเร็วสูงอย่างไร้จุดหมาย เพราะว่าจิตใจไร้ทิศทางทำให้ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ขับไกลไปถึงไหนแล้ว จนตอนนี้
ทั้งคู่อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน แต่ขับกันมาคนละทิศทาง
นภัทรอยู่ขาขึ้นกรุงเทพ วิชญาณีอยู่ขาลง
คนนึงขับมาด้วยความเสียใจน้อยใจร้องไห้มาตลอดทาง อีกคนขับมาด้วยแรงโทสะ
บรืนนนนน
ทั้งสองกำลังจะใกล้จุดที่จะสวนทางกัน
บรืนนนนนนน รถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงทั้งคู่
แต่จังหวะหนึ่ง วิชญาณีรู้สึกมึนหัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เริ่มเสียจังหวะการคุมรถ พอหันมาที
"เฮ้ย"
วิชญาณีเบิกตาค้าง เพราะความไม่ได้มองแวบเดียวทำให้ไม่เห็นว่าตนกำลังจะชนท้ายสิบล้อ วิชญาณีหักหลบไปทางเกาะกลางถนนทันที
เอี๊ยด
โครม เอี๊ยด
เพราะการหักหลับกัทันหันทำให้รถเหวี่ยงข้ามเลนไปอีกเลนนึงของถนนอีกฝั่ง เป็นจังหวะที่รถจองนภัทรที่ขับมาพอดี
"อ้ะ"
นภัทรตาโตเมื่อสายตาเห็นว่ามีรถคันนึงกำลังสะบัดมาทางเขาด้วยแรงเหวี่ยง และตรงมาทางเขาพอดี
รถสองคันกำลังจะชนกัน นภัทรหักหลับไม่ทัน
กรี๊ดดดดดดดดด
โครม!!!!!!!!!
..................................
มาต่อแล้วครับผม ภาษาเขียนอาจจะไม่ดีเท่าไหร่พอดีสมองตันเขียนไม่ค่อยลื่นไหล ครั้งหน้าจะพยายามแต่งให้ดีกว่านี้ครับผม เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น