คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พรมลิขิตหรือไร
“คุณชานซองเรื่องที่ผมให้ทำเรียบร้อยดีไหม” แทคยอนเอนตัวบนเก้าอี้ ขายาวพาดวางไปยังโต๊ะทำงานไม้ที่สั่งตรงมาจากต่างประเทศไม้เนื้อดีดูหมดราคาเสียสิ้น เมื่อต้องกลายมาเป็นที่วางเท้าของชายหนุ่ม
ในมือถือโทรศัพรอคำตอบจากคู่สนทนา ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกังวลคิ้วเค้มขมวดตาคมฉายแววร้อนใจ
(เรียบร้อยแล้วครับท่าน)ทันทีที่ปลายสายตอบกลับมาใบหน้าหล่อเหลาเมื่อครู่กลับถูกเติมเต็มด้วยริ้วรอบก่อนวัยอันสมควร ริ้วรอยที่มาก่อนเวลาที่สมควรจะมา
ครีมตลับสามแสนก็ไม่สามารถช่วยเยียวยารักษาริ้วรอยเหล่านี้ได้//คนแต่งก็ได้แต่สงสารแทคยอนเบาๆ
“ดีมาก ว่าแต่แหล่มมากไหมว่ะไอ้ชาน”
(โครตแหล่ม ขาว สวย เอ็กสะบึม เอวยี่สิบสี่ อกเกือบสี่สิบ คุณสมบัติแค่นี้พอไหมครับท่านประธาน)
“ฉันไว้ใจแกได้อยู่แล้ว จัดว่าเจ๋ง รีบนัดมาทำงานได้เลย ตำแหน่งเลขาอย่าให้ว่างนาน”
(ให้มาทำงานหรือทำอย่างอื่นกันแน่ไอ้แทคเดือนนี้แกเปลี่ยนเลขาไปสี่แล้วนะโว๊ย
แม่แกรู้มีหวังแพ็กฉันใส่กล่องส่งออกนอกโลกแน่) แทคยอนลองยกนิ้วขึ้นมานับดูเล่นๆ สี่คนแล้วจริงๆนี่หว่า
เขาจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทที่ใช้เลขาสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
“เอาน่า เดี๋ยวแบ่งให้ชิม” แทคยอนเอ่ยปลอบเพื่อน มารดาเขาจะคอยจู้จี้จุกจิกวุ่นวายกับชีวิตเขาไปเสียทุกเรื่อง
แต่คนที่มักจะโดนบทลงโทษจากมารดาสุดที่รักของเขาคือเพื่อนรักอย่างชานซอง
เขาแทบไม่เคยโดนดุด่าว่าตีอะไรเลย แต่ชานซองผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กลับโดนทั้งดุ ด่า ดึงหู จิกหัวนม
ถึงจะอย่างนั้นชานซองก็จำทนมาเรื่อยมา จะฟ้องมูลนิธิ ปวีณาเข้าสักวัน
เขาเป็นบุคคลตัวหนากระหน่อมบางที่ถูกรังแกมาแรมปี
(ได้ยินอย่างนี้แล้วค่อยชื่นใจหน่อย)
“ว่าแต่ ขอยืมเลขาแกสักสองชั่วโมงสิ หิว”
(ไม่ได้โว๊ยเวลางาน ไม่อนุญาต)
“ไอ้บ้า ฉันหิวข้าวเฟร้ย ไม่ได้อยากอย่างอื่น”
“ใครจะไปรู้ว่ะ ถ้าแค่กินข้าวได้”
“โอเค ให้ไวเลยฉันหิว”
(อนุญาตแค่ข้างบริษัทนะห้ามไปไกล) ปลายสายเอ่ยดัก ปกติถ้าออกไปไกลกว่านี้ แทคยอนคงไม่กินแค่ข้าวอย่างเดียว
ต้องไปยาวกลับมาทำงานอีกทีคือเช้าของอีกวัน ชานซองที่เป็นทั้งเพื่อน รองประทานและเป็นยิ่งกว่าแม่นมต้องคอยปรามอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คนที่โดนคุณนายขาโหดลงโทษคือเขาไม่ใช่แทคยอน ถ้าขืนคุณนายยังโมโหอยู่บ่อยๆ อย่างนี้ไม่รู้ว่าหัวนมจะจากเขาไปวันไหน
“โหยยยย ซาน แกเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉันรีไง”
(คุณหญิงแม่แกมา มีหวังจัดการฉันนะสิหูฉันจะยานถึงสะดือแล้ว)
“ก็ได้ๆ”
อูยองต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ เด็กหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ดสีขาวขับผิวขาวให้ดูยิ่งผ่องขึ้นไปอีกแปดแสนระดับ
หน้าอกประดับด้วยป้ายชื่อพนักงานที่เพิ่งสั่งทำหมาดๆ อูยองเดินเข้าไปรับเมนูจากลูกค้าที่เข้ามานั่งในร้านได้สักพัก
“รับอะไรดีครับ” อูยองเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ตามสบายเลยนะซันนี่” ชายหนุ่มในชุดสูตรดูหล่อเข้มเอ่ยกับสาวสวยในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิง อูยองยืนรอเมนูพลางมองลูกค้า ก้มหน้าดูเมนูอย่างผ่านๆ สายตาก็คอยจับจ้องแม่สาวอกโตข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ดูจากสายตาแล้วเขาน่าจะสนใจเมนูอาหารน้อยกว่าแม่สาวด้านหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาตั้งใจดูเมนูอาหารมากกว่านี้ ผมคงไม่ต้องยืนรอจนขาแข็งอย่างนี้
ไม่ต้องกินก็ได้มั้งครับข้าวลากกันไปโรงแรมเลยดีกว่าไหม
“ค่ะท่านประธาน”
“ทำไมถึงพูดจาดูห่างเหินอย่างนั้นล่ะเรียกแทคดีกว่า” ท่านประธานที่ว่าวางเมนูลง ก่อนจะเกลี่ยปลายนิ้วไปยังหลังมือของสาวสวยสุดสะบึมนั่น ใบหน้าหล่อยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาหยาดเยิ้มหยดย้อย
เข็ดดดดเข้ไอ้ประธานหื่นนี่ใช่ใครที่ไหนล่ะ โลกนี้กลมจนน่ากลัวจริงๆเลย
“จะดีเหรอค่ะ” แม่สาวทรงโตทำเธอเอียงอาย เธอช่างทำให้นึกถึงเพลงเก่าแก่สมัยโบราณ อุ๊ยไม่เอาอุ๊ยไม่เอาเขารู้ทัน น้องอายพระจันทร์ดูสิท่านกำลังมอง ด้วยยางอายที่เปี่ยมล้มบนหน้า เธอยื่นหน้าไปฟังคำตอบจากท่านประธานสุดหล่อทันที
ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนแมลงวี่สักตัวยังบินผ่านลำบาก
“ดีสิ ตรงนี้มีแค่แทคยอนกับซันนี่ ไม่ใช่ท่านประธานกับคุณเลขา มีเราแค่สองคน” แทคยอนกระซิบเสียงพล่า มือหนายื่นไปหาคนด้านหน้านิ้วเรียวยาวเกี่ยวผมข้างแก้มขึ้นไปทัดหูสวย
“สามคนครับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไร ผมรอจนเอ็นยึดล่ะ”อูยองยืนรออยู่นานเริ่มจะโมโห สองคนนี้ทำประหนึ่งว่ากำลังจะแสดงหนังเอวีก็ไม่ปาน ที่นี่ร้านอาหารไม่ใช่ม่านรูดนะ
“มาทำอะไรที่นี่” แทคยอนแปลกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอลูกหนี้ของเขา ยืนรอเมนูอาหารอยู่
“ซ่อมหลังคา” ผมผิดเองหล่ะที่ถามออกไปอย่างนั้น
“อย่ามากวน”
“คุณก็เห็นว่าผมยืนรอรับเมนูจากคุณอยู่ ตั้งนานแล้ว”
“เป็นพนักงานที่นี่เหรอ”
“เปล่าผมเป็นพนักงานดับเพลิง”
“กวนมากระวังฉันโมโหนะ”ถ้าคนคนนี้โมโหคงไม่มีอะไรมากนอกจากคำว่าคุก
“คุณจะรับอะไร รีบสั่งมาสิ”
“เอาอะไรก็ได้”
“โอเค งั้นรอแป๊บนึง” อูยองยิ้มประหนึ่งได้ครองโลก อูยองจดแต่เมนูที่มีราคาแพงๆ จดไปประมาณสิบกว่าเมนู
เป็นเรื่องยากที่คนแค่สองคนจะกินไหว อาหารค่อยๆทยอยออกไปเสริฟ จานแล้วจานเล่าจนแน่นโต๊ะ ทั้งโต๊ะแทบไม่มีที่วาง
“ทานให้อร่อยนะครับ”
“แสบนักนะ”แทคยอนเห็นคนตัวเล็กยืนยิ้มสะใจแล้วยิ่งโมโห ยิ่งกว่าโต๊ะจีนอีก กินกันสองคนไม่ได้กินกันทั้งหมู่บ้าน
จัดมาจนเต็มโต๊ะขนาดนี้แล้วใครมันจะไปกินหมดล่ะ ยิ่งเป็นซันนี่แล้วแตงกวาครึ่งชิ้นเธอก็อิ่มจนจุกแล้ว
“คุณแทคค่ะ คุณนาย” สาวสวยหน้าซีดเผือด ลนลานเหมือนหนูติดจั่น แทคยอนมองออกไปนอกร้านก็พบกับมารดาตัวเองที่กำลังย่างกลายเข้ามาในร้านเป็นภาพชโลโมชั่น ม่ายยยยยยยยยยยยยยย เสียงเซอรลาวดังกึกก้องในสมองของแทคยอน แม่รู้ว่ามากินข้าวกับสาวมีหวังแผนแตกแน่
“ซิบหายละ ถอดรองเท้าวิ่งเลยนะซันนี่” ซันนี่พยักหน้ารับรู้ จากที่เคยเห็นคุณนายเธอวีนชานซองเธอจึงไม่กล้าจะลองต่อกรกับพลังนุภาพสักเท่าไหร่ ถอดรองเท้าวิ่งหนีคือทางรอดเดียว
“แล้วเจอกันคะ” แต่ซันนี่ก็หายไปราวกับมีพลังพิเศษก็ไม่ปาน
“เดี๋ยว จะไปไหน” แทคยอนรั้งข้อมือเล็กไว้ เมื่ออีกคนทำท่าจะเดินหนี คุณนายนั่นไม่ชอบหน้าเขา แถวไอ้ฟันจอบนี่ไปโกหกว่าเขาเป็นเมียอีกเขาไม่รู้จะเอาหน้าหนาๆที่ไหนไปพบคุณนาย ได้อีก
“แม่คุณมา”
“นั่นแหละ เธอยิ่งต้องอยู่เลย” อยู่ให้โดนด่าสิฟร่ะ ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกล ผมไม่เอาชีวิตน้อยๆมาทิ้งไว้ต่อหน้าไก่งวงอบยัดไส้สมุนไพรจากทุ่งหญ้าสะวันนานี่หลอกนะ
“ไม่เอา”
“มีทางให้เลือกที่ไหน นั่งลงตรงนั้นเดี๋ยวนี้” ไอ้บ้านี่ก็เกาะเป็นปลิงเลย ปล่อยนะเฟร้ย
“คุณไม่เห็นเหรอว่าผมทำงานอยู่”
“ไหนบอกว่าเป็นพนักงานดับเพลิงไง ไม่ได้เกิดเพลิงไหม้ที่ไหนหนิ” บางทีคำพูดก็ย้อนมาทำร้ายตัวเราได้
ผมพิสูตรด้วยตัวผมเองแล้ว แล้วคุณล่ะ
“เวลาผมเป็นเงินเป็นทอง”อูยองเพิ่งมาทำงานที่นี่วันแรก แววจะถูกไล่ออกมีให้เห็นอยู่รำไรท่าทางงานนี้จะได้ทำแค่วันเดียวอีกตามเคยคราวที่แล้วก็เป็นเพราะไอ้ฟันจอบนี่ คราวนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน
“นั่งลง แล้วฉันจะจ่ายให้สิบเท่าของเงินเดือน”
“จ่ายมาก่อน”
“ฉันจ่ายแน่นอนน่า รีบนั่งลง”
“ชื่ออูยองสินะ ฉันสามีเธอชื่อแทคยอน จำให้ขึ้นใจอย่าทำทุกอย่างพังถ้าเธอทำพังละก็นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว
ฉันจะส่งเธอไป คุก”
มารดาของแทคยองค่อยย่างกลายเข้ามาช้าๆ ก่อนสะบัดผม แล้วนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามกับอูยอง เด็กหนุ่มเพียงแค่ก้มหัวให้เธออย่างสุภาพ แต่เธอกลับเมินสะบัดบ๊อบใส่ ก่อนจะกุมคอเนื่องจากเอ็นคอล๊อค เธอต่อสู้จะเอ็นคออยู่นานก่อนจะนั่งหน้าบูดบึ้งคอตั้งดังเดิม
“ว่างมากรึไง”
“แม่ก็ว่างมากนะ ตามติดชีวิตลูกชายจัง” แทคยอนย้อนผู้เป็นแม่ บางทีแม่เขาก็ว่างมากเกินไป ว่างจากการขัดหน้าขัดผิวก็มาตามติดเขา ประหนึ่งเพลงวันแม่ที่ว่า......................
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน
บางทีแม่อาจจะลืมว่าผมอายุปาเข้าไปยี่สิบแก่ๆแล้ว ให้เราห่างกันบ้างก็ได้นะครับ
อย่าตามผมขนาดนี้เลย อ๊คอึดอัด อ๊คไม่เป็นตัวของตัวเอง แม่ไม่เข้าใจแทค แม่ไม่เข้าใจแทคคค
“ฉันไม่ได้ถามแก ถามเด็กคนนั้นต่างหาก”
“ไม่ได้ว่างหลอกครับแม่ ผมคิดถึงอูยองเขา เลยแวะมาหาที่ทำงาน”
“ทำงานที่นี่หลอกเหรอ” เพิ่งทำวันแรกแต่คงไม่มีโอกาศได้ทำมันอีกแล้วล่ะดูจากสภาพอากาศแล้ว
“ครับ”
“เธอไม่เรียนรึไง อายุเท่านี้เขาควรจะเรียนกันไม่ใช่รึไง”นี่ยิ่งกว่าการสัมภาสณ์งานอีกนะ มันใช่หน้าที่อะไรของผมที่ต้องมานั่งอธิบายหรือไงกัน
“ผมต้องทำงานหาค่ารักษาพยาบาลน้องครับ” อูยองทำหน้าเศร้าดวงหน้าสวยดูหม่นลงเสียจนหน้าตกใจ
ส่วนแทคยอนทำหน้าอึ้ง สมบทบาท จ้างสิบเล่นห้าร้อย ทั้งสีหน้าแววตา คือเศร้า
เอารางวัลตุ๊กตาทองไปนอนกอดเถอะเด็กน้อย เจ้าเล่ห์แถมยังเล่นละครเก่งอีก
แทคยอนยิ้มอย่างพอใจถือว่าเขาได้ตัวช่วยที่ดีทีเดียว
“น้องเธอเป็นอะไร” มารดาแทคยอนเริ่มสนใจ สีหน้าตกใจบนเห็นใจปรากฎขึ้นมาแทนใบหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ทันที
“เดินไม่ได้โดนรถชนเมื่อหลายปีก่อน”น้ำเสียงอูยองสั่นเครือน้ำเสียงฟังดูเสร้าจนคุณนายที่นั่งฟังเริ่มหายใจติดขัด
ผิดกับแทคยอนที่นึกชื่นชมในการแสดงชั้นเยี่ยมของคนที่นั่งอยู่ข้าง มีเสียงสั่นด้วย ทำได้ยังไงเป็นนักแสดงรึเปล่าครับเนี่ย สมจริงสมจังเกินไป
“รถชน”
“ครับ ชนแล้วหนี” แทคยอนยกยิ้มมุมปากนอกจากเด็กคนนี้จะเล่นละครเก่งแล้วยังจะแต่งเรื่องเก่งอีกด้วยผมขอปรบมือให้เป็นจังหว่ะสามซ่า
“แล้วเธอไม่มีพ่อแม่รึไงกัน”
“ท่านเสียไปนานแล้วละครับ”
“พ่อแม่เธอชื่ออะไร”
“จางกึนซอค กับจางอ๊คจอง” แทคยอนแทบหลุดขำ คิดหาชื่ออื่นไม่ได้แล้วรึไง ดีนะที่ไม่บอกว่า วอนบินกับอึนเฮ
ไม่งั้นเขาคงจะหัวเราะจนแดดิ้นขึ้นมาจริงๆ
“ชื่อคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนบ่อยๆ”แทคยอนมองผู้เป็นแม่ทำหน้าครุ่นคิดพลางนึกสงสารจับใจ
แม่ครับจางกึนซอคก็ดารานักแสดงชายหน้าหวานๆคนนั้นไงส่วนจางอ๊คจองก็นางเอกซีรี่ย์ที่แม่ติดอยู่ช่วงนึงแม่นั่งดูแล้วร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายผมแอบเห็น
“เพราะอย่างนี้ไงล่ะครับผมถึงรักอูยอง ทั้งขยันอดทนชีวิตก็น่าสงสาร” แทคยอนว่าพลางลูบหัวอูยองเบาๆ
“แต่ก็เป็นผู้ชาย ยังไงฉันก็รับไม่ได้อยู่ดี ถ้าเธอเลิกกับตาแทค ฉันจะให้เงินเธอ เธอจะได้ไม่ต้องลำบากอีก” แทคยอนรีบหันไปขู่อีกคนด้วยสายตาถ้าเด็กคนนี้เกิดคิดอะไรพิเรนขึ้นมาเรื่องที่สร้างขึ้นได้จบเห่แน่
เขาต้องแต่งงานร้อยเปอร์เซ็นยกกำลังสิบแปด
“แม่ครับ”
“เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่างหลอกนะครับคุณนาย” ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่คนตัวเล็กพูดให้มันได้อย่างนี้สิเด็กน้อย
“ต้องอย่างนี้สิที่รัก เราต้องยึดมั่นในความรักของเรา” แทคยอนดึงแก้มคนตัวเล็กเบาๆ พยายามแสดงออกถึงท่าทีที่รักกันประหนึ่งจะกลืนกินกันเสียให้ได้ ส่วนอูยองก็ได้แต่นั่งกัดฟันแน่น
“แต่ทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อ”อ่าวซิบหายแหล่วหัวใจแทคยอนตกไปอยู่ตาตุ่มผู้เป็นแม่ยิ้มประหนึ่งว่าโลกทั้งใบอยู่ในกำมือเธอแล้วตอนนี้
“ต้องการเท่าไหร่บอกมา” รีบหยิบเช็คออกมาเตรียมจะเซ็นจำนวนที่ต้องการให้ เรื่องทุกอย่างจะได้จบๆลง ลูกชายเธอจะได้แต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนสักที
“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ”
“มันซื้อได้ทุกอย่างยกเว้นผมผมไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายคุณมักจะดูถูกคนที่จนกว่าเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่าเงินเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก คนมีเงินสามารถทำอะไรก็ได้เพราะเขาถูกปลูกฝังมากับความเชื่อผิดๆ
คนที่ผิดที่สุดน่าจะเป็นตัวคุณนายเอง” แทคยอนรู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าแต่ก็ต้องนั่งเงียบเพราะกลัวเสียเรื่อง
“เฮอะ เจ้าเด็กนี่ ฉันรู้ทันเธอหลอก เธอคิดว่าเงินแค่นี้มันน้อยไปถ้าเทียบกับสมบัติทั้งหมดของเจ้าแทคใช่ไหม”
“คุณคิดผิดแล้วล่ะครับ ผมอยู่อย่างคนไม่มีมาตลอดคงไม่เป็นไรถ้าผมจะอยู่กับมันตลอดไป
คุณนายมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเงินผิดๆจริงด้วย ที่คุณเอ่อ..............” อูยองหยุดพูดไปแบบกระทันหันเขาจำชื่อของอีกคนไม่ได้แทคยืนรีบเขียนชื่อตัวเองด้วยปลายนิ้วเรียวเขียนลงบนอุ้งมือนุ่มของเด็กหนุ่ม
“อะฮึ่ม คุณแทคยอนเป็นคนนิสัยเสียอย่างนี้ คงเป็นเพราะคุณนายกับเงินของคุณนั่นแหละครับ”
“เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ มีอย่างที่ไหน นั่งเถียงผู้ใหญ่ฉอดๆ”
“ผมอธิบายครับ”
“แม่ครับ เย็นๆก่อน” แทคยอนถือโอกาสบอกตัวเองไปในตัว เขาเองก็โดนว่ากระทบจนเจ็บสีข้างแล้วเช่นกัน
“อูยองเขาก็อย่านี้แหละครับ แม่ไปดูถูกเขาก่อนแม่ไม่ควรทำอย่างนั้น แม่ทำตัวอย่างกับแม่ผัวในละครหลังข่าวเลย”
“ฉันอยากให้ลูกได้ดีฉันผิดเหรอ”
“อูยองก็เป็นคนดีนะครับแม่”
“แต่เป็นผู้ชาย ฉันอยากอุ้มหลาน”
“ผมไม่สนหลอก ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้นนอกจากอูยอง”
“ฉันอยากจะกลั้นหายใจแล้วตายตามพ่อแกไปซะ”
“ถ้าเป็นพ่อ พ่อคงเข้าใจผม แม่เสียใจใช่ไหมครับที่มีลูกแบบผม ผมขอโทษครับแม่” แทคยอนใบหน้าสลดลงทันที น้ำตาเริ่มปริ่มของตา แต่ก็ต้องไหลย้อนกลับเมื่อ......................
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ฉันไม่หลงกลแกหลอกเจ้าเด็กบ้า วันนี้พอแค่นี้ก่อนประสาทจะกิน” เมื่อผู้เป็นแม่รู้ทัน
และไม่หลงกลลวงที่อุจส่าวางไว้
“ฉันไม่หยุดแค่นี้หลอกนะเจ้าแทค”
“เจอกันที่บ้านครับแม่ ผมไม่เดินไปส่งนะ”
“นี่แม่แกนะ”
“แม่มาเองก็กลับเองได้สิ”
“เล่นละครเก่งนะเรา” เมื่อผู้เป็นแม่เดินห่างออกแทคยอนก็ขยี้หัวอูยองเป็นการใหญ่ เด็กบ้าอะไร
เล่นละครเก่งตีบทแตกต่อมน้ำตาแทบระเบิด โกหกได้เนียนจริงๆ
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” อูยองลำคาญปัดมือหนาที่ขยี้ผดำเข้มของเขาให้ยุ้งเหยิงไม่ต่างอะไรกับคนบ้า
“เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ” ว่าแล้วก็โยกหัวอีกคนเล่นไปมา ทำเอาอูยองเริ่มเวียนหัว อยากจะอ๊วกใส่หน้าซะให้รู้แล้วรู้รอด
“หัวผมไม่ใช่เกียร์กระปุกโยกเล่นอยู่ได้จ่ายเงินมา”มือเล็กพยายามจัดทรงผมตัวเองให้เข้าที่แต่ดูเหมือนเส้นผมเขาจะดื้อเหลือเกิน
“จ่ายอะไรกัน หักลบหนี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ” แทคยอนยกยิ้มอย่างเหนือกว่าแก้แค้นที่อีกคนว่ากระทบเขาเมื่อครู่
“ไอ้คนหลอกลวง ไอ้ทุเรศ เสียทั้งเวลา ปวดประสาทกับเซลล์สมองแถมยังไม่ได้อะไรอีก” อูยองหน้าบึ้งอยากจะหักคอคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด
“บ่นมากคุกนะ”
“แม่คุณไปแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ไหม”
“กินด้วยกันก่อนสิ ฉันกินคนเดียวไม่หมดหลอกนะ”
“ผมไม่ช่วยหารหลอกนะ”
“ฉันไม่รีดเลือดกับปูหลอกน่า”
“ทำเป็นพูดดีเถอะ เมื่อกี้เพิ่งโกงผมไปไม่ใช่รึไง”
“เอาน่า ถือว่าเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนกินสิ กินไม่หมดคุกอยากแกล้งฉันดีนัก”
อูยองเก็บทุกอย่างยัดเข้าปากแก้มทั้งสองข้างตุ่ยพองจนเคียวลำบากอาหารบนโต๊ะค่อยๆทยอยหายไปทีละอย่าง
ทีละอย่าง ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่อย่าง เขาไม่ได้เกรงกลัวคำว่าคุกแต่อย่างใด คำว่าหิวต่างหากทำให้เขากวาดทุกอย่างแทบจะเกลี้ยงได้ขนาดนี้ แทคยอนได้แต่นั่งอ้าปากค้าง ส่งแก้วน้ำให้คนตัวเล็กบางจักหว่ะที่เด็กหนุ่มทำท่าทางเหมือนจะสำลัก
“ค่อยๆกินก็ได้เดี๋ยวก็จุกตาย”
“.................................................................”
“ไปตายอดตายอยากมาจากหลุมไหนถามจริง กินอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาเป็นสิบปี” แก้มสองค้างแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่รู้จะรีบยัดทำไมนักหนา ไม่มีใครมาแย่งกินเสียหน่อยของบนโต๊ะที่ไม่คาดว่าจะหมด กลับหายไปราวกับต้องมนต์
“.................................................................”
“ไม่มีมารยาท เวลากินข้าวที่บ้านไม่ได้สอนเหรอว่าห้ามพูดมาก”
“แล้วไอ้ที่ยัดเต็มปากจนแทบเคี้ยวไม่ได้นั่นเรียกว่ามีมารยาทหรือไง”
“แค๊กๆๆ”
“นั่นไงบอกแล้วไง ฉันไม่หามส่งโรงบาลนะบอกไว้ก่อน” แทคยอนดุก่อนจะรีบส่งน้ำให้กลัวอีกคนตายขึ้นมาจริงๆ
“กินหมดด้วย ตัวก็แค่นี้เอาไปยัดไว้ตรงไหนให้หมดกัน ฉันไปทำงานก่อนล่ะ วันนี้เธอทำได้ดีมากไว้จะใช้บริการใหม่”
อูยองอยากจะเถียงแต่ก็จุกเกินจะพูดอะไรออก ไม่ต้องมาใช้บริการไม่ต้อนรับเฟร้ย
อูยองต้องทำงานกลางคืนต่อ เขาทำอย่างนี้มาตลอดสามปี ทั้งทำงานกลางวันต่อด้วยงานกลางคืน
มีเวลาพักผ่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมง อูยองถือถาดไปส่งยังโต๊ะใหญ่ ผู้ชายกลุ่มใหญ่นั่งอยู่ จังหวะที่อูยองวางเหล้าแล้วจะหันหลังกลับออกมาก็โดนมือสากคว้าแขนไว้เสียก่อน
“มานั่งกินด้วยกันไหม” อูยองส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุม
ไอ้หน้านกเอี้ยง กลับไปเลี้ยงความเฒ่าเถอะแก ชิ้วๆ
“ขอโทษครับผมเป็นเด็กเสริฟ ไม่ใช่เด็กดริงค์”
“มานั่งกินด้วยกัน อย่าเล่นตัว” ชายตัวโตกระชากแขนอูยองจนแถบล้มไปบนตักตามแรงชุดดึง
ดีที่มีมือหนาคว้าเอวเล็กไว้ก่อนจะดึงเข้ามาหาตัวเอง
“เขาก็บอกว่าเขาเป็นเด็กเสริฟไม่ใช่เด็กดริงค์ไง ไม่ได้เอาหูมาด้วยเหรอ หรือว่าลืมเอาสมองมา”
“คุณ” อูยองแปลกใจที่เจอแทคยอนที่นี่ เป็นครั้งที่สองในรอบวันความซวยหล่นทับจริงเลย
ต้องทำบุญต้องทำบุญในวัดทั่วประเทศถึงจะล้างความซวยได้ แค่เก้าวัดคงไม่พอ
“เธอคิดจะอยู่ทุกที่ ที่ฉันไปเลยรึไง”
“แกว่าใครไม่มีสมอง” ไอ้นกเอี้ยงเมื่อครู่ลุกขึ้นมาเหมือนจะหาเรื่อง มันเดินสาวท้าวเข้ามาหาแทคยอนใบหน้าบูดบึ้ง
จากใบหน้าที่ดูไม่ได้อยู่แล้วยิ่งตอนโกรธยิ่งดูเลวร้ายติดรบร้อยบวกบวกบวกบวก
“อย่ามีเรื่องเลยดีกว่าน่าหือ”ชานซองเข้ามาขวางไว้เป็นที่รู้ดีว่าย่านนี้ชานซองเป็นบุคคลอันตราย
ชานซองอาจจะมีลุคเรียบร้อยเมื่อเป็นรองประธาน แต่ถ้านอกเวลาทำงานเขาคือบุคคลที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนอื่นๆ
ยกเว้นแทคยอนกับแม่ คนตัวใหญ่ที่ตั้งใจมาเอาเรื่องเมื่อครู่ถอยตัวกลับโต๊ะตัวเองแทบไม่ทัน
“ปล่อยผมนะ” แทคยอนลากแขนอีกคนออกมาจากนอกร้านเขาไม่ควรมาเจอเด็กคนนี้ในที่แบบนี้สิ
“ทำไมมาทำงานในที่แบบนี้” แทคยอนตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลงย่านนี้ที่ดังออกมาจากหลายๆร้าน
“เรื่องของผมเถอะน่า” อูยองก็ต้องตะโกนไม่แพ้กัน
“กลับบ้านไปซะ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“ไม่เห็นรึไงว่าเกือบจะเกิดอะไรขึ้นห๊ะ”
“มันยังไม่เกิดอะไรขึ้นสักหน่อย”
“หรือต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นก่อน ฉันยังใช้งานเธอไม่คุ้มเลยเด็กน้อย ดังนั้นกลับบ้านไปซะ”
“ไม่กลับ จะไปทำงานต่อ หลีกไป”
“ฉันจะเข้าไปคุยกับผู้จัดการ จะบอกว่าโดนเธอลวนลามเธอแอบจับน้องชายฉัน” อูยองอึ้งอ้าป้าหวอจนน้ำลายแทบยืด
ผมไปทำอย่างนั้นกับคุณเมื่อไหร่กันไอ้ทุเรศ สมองคิดได้แต่เรื่องพิเรนๆหรือไง
“อะไอ้บ้า อย่านะโว๊ย”
“กลับบ้านไปซะไม่ไปส่งหลอกนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ
แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็อดระแวงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างเมื่อกี้ขึ้นอีกรึเปล่า
“ชานซองไปส่งเด็กนั่นหน่อยสิ”
“รู้จักกันเหรอ”
“ไม้กันหมาชั้นดีเลยล่ะ” เด็กคนนี้ต้องห้ามชำรุดเด็ดขาด เสียไปคงเสียได้แย่ ยิ่งกว่ามีไม้หน้าแปดไว้ไล่หมาเสียอีก
“เดี๋ยวผมไปส่ง” ชานซองเดินตามหลังอูยองไปติดๆ เด็กคนนี้ดูบอบบางไม่แปลกที่คนโต๊ะนั้นจะดูสนใจในตัวเขาถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ทั้งรูปร่าง หน้าตา ยิ่งตากลมโตเหมือนลูกหมานั่น ยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่
“ไม่เป็นไรไปเองได้”
“ไอ้แทค เอ่อ คุณแทคยอนให้ผมไปส่งคุณ คุณรู้จักกันเหรอ”
“เพราะไอ้ฟันจอบนั่นทำให้ชีวิตผมวุ่นวายไปหมด” อูยองเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างอูยองกับแทคยอน
ให้ชานซองฟังตอลอดทาง เสียงเล็กเอ่ยเจ้ยแจ้ว ปากอวบอิ่มบ่นหมุบหมิบ ตาโตเหมือนมีน้ำพราวตลอดเวลา
ชานซองได้แต่ฟังและมองภาพเบื้องหน้าด้วยความเผลิดเพลินมาจนถึงที่หมาย
“คุณมาทำอะไรที่โรงพยาบาล”
“มาหาน้องชาย ขอบคุณที่มาส่งนะครับ เอ่อคุณ”
“ผมซานชอง คุณ”
“ผมอูยอง ขอบคุณมากครับ" อูยองก้มหัวให้ซานชองก่อนจะเปิดประตูเตรียมตัวลงจากรถ
“เดี๋ยวสิ น้องคุณเป็นอะไรครับ”
“เขาโดนรถชน เดินไม่ได้”
“ระรถชน เมื่อไหร่ ที่ไหน อะไร ยังไง” ซานชองหน้าถอดสี เอ่ยเสียงสั่น อูยองเอียงคอมองอย่างสงสัยหมอนี่จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นกันนะ ผมไม่ได้เล่าเรื่องผีให้คุณฟังเสียหน่อย
“ทำไมคุณต้องตกใจขนาดนั้นด้วยเมื่อสามปีก่อนแถวหน้าโรงบาลนี่แหละชนปุ๊บเข้าโรงบาลปั๊บเลย” อูยองเล่าเรื่องสะเทือนใจก่อนจะกระตุกยิ้มบางๆ
“คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนชน”ชานซองยังคงถามอย่างตื่นเต้นเขาทำตัวประหนึ่งพิธีกรรายการเกมส์โชว์ ถามคำถามลุ้นเงินรางวัลสามพันล้าน เขาถามคำถามด้วยอารมณ์ที่ทำให้คนตอบตื่นเต้นไปด้วย
“ไม่รู้หลอกครับ ชนแล้วหนี”
“ขอผมเข้าไปเยี่ยมน้องคุณได้ไหมครับ” อูยองเกาหัวกับท่าทางประหลาดคนของชายคนนี้
“ได้สิ”
“เป็นไงบ้างจุนโฮ” อูยองเอ่ยกับน้องชายที่นอนเล่นอยู่บนเตียง อูยองกับจุนโฮอายุต่างกันไม่มาก
เขาเกิดหัวปี ส่วนจุนโฮเกิดท้ายปีช่วงนั้นพ่อกับแม่ขยันไปหน่อย ตอนนี้อูยอง21กว่า จุนโฮก็เพิ่งจะย่าง21
“นอนจนปวดหลังไปหมดเลย” จุนโฮตอบพลางทำหน้ายู่ เขานอนอยู่บนเตียงแบบนี้ทั้งวัน
เกือบจะทั้งคืนถ้าหากพี่ชายไม่มาทำกายภาพให้ อูยองมีเวลาให้น้องชายแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังเลิกงานตอนดึก
“แย่เลยสินะ” อูยองว่าก่อนจะพยุงน้องลุกขึ้นนั่ง จุนโฮนั่งมองหน้าชายแปลกหน้าอย่าง งงๆ
ปกติพี่ชายเขาไม่มีเพื่อนทีไหนนี่นา
“พี่พาใครมาด้วย”
“อ่อ คุณชานซองหน่ะ”
“ผมเป็นเพื่อนของอูยอง คุณอยู่แต่ในห้องอย่างนี้คงน่าเบื่อแย่สินะ” ผมกับเขา เราไปเป็นพื่อนกันตอนไหนฟร่ะ ได้ข่าวว่าเพิ่งรู้จักกันได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแต่เขาว่าอย่างนั้นก็ตามนั้นแหละเพื่อนก็เพื่อน ดูท่าทางก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรสักหน่อย
“เบื่อมากๆเลยหล่ะครับ”
“ผมขอมาเยี่ยมคุณบ่อยๆได้ไหม คุณมีเพื่อนจะได้ไม่เบื่อ”
“อย่างนั้นก็ดีไปเลยสิ ใช่ไหมไหมพี่” จุนโฮยิ้มอย่างดีใจ ถ้าหากต่อไปนี้มีคนมาเยี่ยมบ่อยๆ เขาคงไม่ต้องนอนเหงาอย่างนี้
“อ่อดีสิ ดีๆ” แปลกคนจริงๆด้วยแฮะ ไม่มีใครในโลกนี้อยากมาอยู่เป็นเพื่อนคนป่วยหลอก ไม่นับผมซึ่งมีความจำเป็น
แต่ถ้าเขาอยากมาจริงๆก็ดี จุนโฮจะได้ไม่เหงา ที่ผ่านมาจุนโฮก็มีแค่เตียงที่เป็นเพื่อน ผมก็นึกสงสารน้องเหมือนกัน
“ไอ้แทค ฉันว่าฉันหาเด็กคนนั้นเจอแล้วหล่ะ”
หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอไก่สามพันสองแสนสามหมื่นล้านล้านล้านตัว
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ//กราบบบบบบ
ขอบคุณที่ติดตามและรักแทคด้งนะคะ
ชานซองเป็นอะไร เรื่องเป็นยังไง คงพอเดากันได้เนอะ
เจอกันใหม่ตอนหน้า อันย๊องงง
ความคิดเห็น