ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAKURA-บทเพลงรักทางช้างเผือก-

    ลำดับตอนที่ #4 : -Chapter lV-

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 50


    -Chapter lV-

     

    -1เดือนต่อมา-

                     รุ่งอรุณยามเช้าจักจั่นส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วทุกทิศบ่งบอกถึงฤดูร้อนที่เข้ามาเยือน  เม็ดทรายในสภาพหัวยุ่งเหยิงนอนบิดตัวไปมาอยู่ในห้องนอน เสียงร้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังไปเข้าหูของผู้การหนุ่มที่เดินผ่านมา
                     
    ใครก็ได้ช่วยเม็ดทรายด้วย เม็ดทรายจะตายอยู่แล้วเสียงร้องเด็กสาวยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ทากะฮิโระที่หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องฉุดคิดชั่วคู่แล้วจึงรีบเปิดประตูเข้ามาพบเม็ดทรายที่เอามือกุมท้องน้อยเอาไว้
                   
    นี่เธอเป็นอะไรไปอีกฮะ
                   
    ใครน่ะ เม็ดทรายปวดท้อง  ปวดท้องที่สุดเลย
                   
    อะไรนะ  ฉันฟังไม่เข้าใจ
                     
    โกโบริเองหรอ เม็ดทรายปวดท้อง เม็ดทรายเอื้อมมือน้อยๆขึ้นคว้าเสื้อของผู้การหนุ่มเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เม็ดทรายมองไปยังที่นอนของตัวเองที่มีความรู้สึกถึงของเหลวที่เปื้อนอยู่
                     
    “…………”
                     พลักเม็ดทรายผลักผู้การหนุ่มออกห่างจากตัวเอง  ใบหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาดด้วยความอาย  ทากะฮิโระมองดูอาการของเม็ดทรายอย่างมึนงง
                   
    คุณน้าโนริโกะๆ !!!!!!” เม็ดทรายตะโกนเสียงดังลั่นรัวถี่  โนริโกะที่กำลังเตรียมอาหารได้ยินเข้าก็รีบวิ่งเข้ามายังห้องนอนของเม็ดทรายที่เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้กับผู้การทากะฮิโระที่นั่งมองอย่างงงๆ
                   
    ทากะฮิโระ เธอคงไม่..... โนริโกะพูดขึ้นตามสภาพการที่พบเห็น
                   
    เธอยังเด็กอยู่มิใช่รึครับ โนริโกะซัง และผมก็ไม่เคยคิดที่จะล่วงเกินเธอเลย  (แม้แต่จะคิด) ทากะฮิโระมองโนริโกะที่เข้าไปโอ๋เม็ดทรายที่ตอนนี้กลายเป็นคนโปรดของเธอไปแล้วและอีกไม่นานเธอก็คงจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรม
                   
    เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ซากุระ เม็ดทรายไม่รู้จะบอกน้าโนริโกะยังไงดีว่าเธอมีประจำเดือนและยิ่งยังมีผู้การหนุ่มนั่งอยู่ในนี้อีกตะหาก  เม็ดทรายขยับตัวและเปิดผ้าห่มให้โนริโกะดูสิ่งที่อยู่บนที่นอน  โนริโกะมองหน้าเม็ดทรายพลางอมยิ้ม
                   
    ทากะฮิโระไปทำงานเถอะจ่ะ  มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงที่ไม่อยากให้ผู้ชายเห็นเข้าน่ะทากะฮิโระลุกขึ้นโค้งคำนับ     โนริโกะแล้วเดินออกไป
         -5 นาทีต่อมา-
                   
    ใส่ได้มั้ยจ๊ะ
                     
    ค่ะ
                    เม็ดทรายเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิตของเธอกับการใส่ผ้าอนามัยแบบพิลึกกึกกืออย่างนี้ ผ้าอนามัยโบราณที่ทำจากการเอาผ้ามาพับทับกันเป็นชั้นๆแล้วห่อให้คล้ายกับกางเกง  เม็ดทรายค่อยๆเดินไปนั่งที่ชานระเบียงบ้านที่ประจำของเธอหลังจากทำการซักที่นอนเรียบร้อยแล้ว  ดีที่วันแดงเดือดของเม็ดทรายมีแค่ 3 วันไม่งั้นเม็ดทรายคงอกแตกตายไปก่อนแน่นอน  นี่ก็เข้าฤดูร้อนแล้วก็นับได้ว่าเม็ดทรายย้อนอดีตมาที่นี่ได้เดือนหนึ่งแล้ว  เด็กสาวหยิบหนังสือที่ผู้การหนุ่มมอบให้ขึ้มาอ่านต่อ ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่นของเม็ดทรายถือว่าดีในระดับหนึ่งเม็ดทรายสามารถฟังและพูดตอบโต้ได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
                   
    ฮ้า....สดชื่นจังเม็ดทรายวางหนังสือลงพลางยื่นใบหน้าอวบอิ่มขึ้นรับลมที่พัดโชยมา
                   
    หริ่ง หริ่ง เสียงจักจั่นร้องดังขึ้นอีกครั้ง
                   
    เกลียดเสียงจักจั่นที่สุดเลย  ฟังแล้วรู้สึกร้อน เม็ดทรายยกพัดที่ทำจากกระดาษกับหวายขึ้นโบกบรรเทาอากาศที่ร้อนอบอ้าว  มือน้อยคว้าคอเสื้อยูกาตะของตนดึงเข้าดึงออกเพื่อให้ลมเข้าไปด้านในเสื้อยูกาตะ 
                   
    เมี๊ยว~~” มิเกะแมวอ้วนจอมขี้เกียจเดินเข้ามาคลอเคลียขาของเม็ดทรายที่แกว่งเล่นไปมา
                   
    ไง  มิเกะ เจ้าเหมียวจ้ำม้ำ ร้อนหล่ะสิ ลิ้นห้อยเลย เม็ดทรายก้มลงอุ้มมิเกะขึ้นมาไว้บนตัก
                   
    เดี๋ยวนี้เจ้านายสุดหล่อของมิเกะไม่ค่อยกลับมาบ้านเลย ก็เขาเป็นทหารนี่เนอะแถมยังอยู่ในช่วงสงครามด้วย
                   
    เมี๊ยว~~”
                     
    จ้ำม้ำคงเหงามากสินะ  เม็ดทรายก็เหมือนกัน เด็กสาวเกาคางมิเกะเบาๆอย่างที่เจ้านายของมิเกะเคยทำให้  เจ้าแมวอ้วนบิดขี้เกียจตัวยาวจนหล่นจากตักของเม็ดทรายไปบนพื้นดินที่มีจักจั่นตัวน้อยกระโดดหนีวัตถุก้อนกลมที่ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็วไปยังต้นบอนไทรที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นไม้ภายในตัวบ้านของผู้การทากะฮิโระ  มิเกะรีบพลิกตัวที่เต็มไปด้วยก้อนไขมันขึ้นแล้ววิ่งตามจักจั่นตัวน้อยไป  มิเกะเดินวนไปรอบๆชั้นไม้ต้นบอนไทรที่จักจั่นบินไปเกาะ อุ้งเท้าหนานุ่มยกขึ้นสะกิดฐานชั้นไม้ก่อนที่จะ.....
                   
    โครม   เพล้ง !!”
                    มิเกะ เม็ดทรายรีบวิ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ ชั้นไม้วางบอนไทรล้มคว่ำมากองอยู่กับพื้น กระถางต้นบอนไทรแตกกระจาย
                   
    แย่แล้ว เม็ดทรายเหล่ไปหามิเกะแมวอ้วนตัวการจอมตุ๊ต๊ะที่นั่งสะบัดหางอย่างสบายอารมณ์ ภายในปากของมิเกะมีจักจั่นน้อยผู้น่าสงสารที่นอนแน่นิ่งไร้ซึ่งลมหายใจ มิเกะยืดอกขึ้นเมื่อเม็ดทรายมองมาอย่างภาคภูมิใจกับสิ่งที่อยู่ภายในปาก
                   
    เก่งจ่ะเก่ง เม็ดทรายประชด
                   
    แล้วจะทำยังไงกับบอนไทรพวกนี้ดีหล่ะฮะ เม็ดทรายหันกลับไปคุยกับเหมียวมิเกะที่ขึ้นไปนอนเล่นตรงชานระเบียงบ้านของผู้การทากะฮิโระ โดยไม่สนใจกับคำพูดของเม็ดทราย
                   
    เหอะ  นี่เค้าต้องเป็นคนรับผิดชอบกับบอนไทรพวกนี้ใช่มั้ยเม็ดทรายค่อยๆรวบรวมเศษกระถางที่แตกกระจายมาต่อกันให้เหมือนเดิม
                   
    ไม่ต้องมายุ่งเลย จ้ำม้ำ เม็ดทรายนั่งหันหลังให้มิเกะที่เข้ามาคลอเคลียเม็ดทรายที่นั่งเอากาวมาติดเศษกระถางที่แตก
                     
    อ๊ะ..!!” เม็ดทรายมองไปเห็นกิ่งของต้นบอนไทรต้นหนึ่งหักงอออกจากตัวต้น  เด็กสาวรีบเอากาวมาทาติดอย่างที่ทำกับกระถางต้นไม้  ปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาเป็นระยะไปที่กาวที่ทาไว้ให้แห้งเร็วขึ้น
                   
    เรียบร้อย  เป็นไงฝีมือเม็ดทราย เนียนมากใช่มะเม็ดทรายยืนมองผลงานการปะติดเศษกะถางกับต้นบอนไทรของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
                   
    เราไปเดินดูธงปลาคราปที่ติดตามบ้านกันเถอะมิเกะ
    เด็กสาวในชุดยูกาตะสีครีมลายดอกซากุระสีชมพูอ่อนกับแมวอ้วนตุ๊ต๊ะเดินลัดเลาะไปตามซอยบ้านที่อยู่ติดกัน  ตอนเดือนพฤษภาคมบ้านไหนที่มีลูกผู้ชายก็จะนำธงปลาคราปสีสันสดใสมาติดโชว์ไว้ที่หน้าบ้านของตน  ธงปลาคราปหลากหลายลวดลายโบกสะบัดไปตามแรงลมในฤดูร้อนที่พัดมา  เม็ดทรายยกมือขึ้นจับผมที่ปลิวมาปรกหน้าขึ้นทัดหู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองออกไปยังกลุ่มเด็กที่วิ่งเล่นกันครอบครัวอย่างสนุกสนาน 
                   
    มิเกะ......เม็ดทรายคิดถึงครอบครัวของเม็ดทรายจัง สีแดงระเรื่อเริ่มปรากฏบนขอบตาของเด็กสาว
                 
    เดือนหนึ่งแล้วนะ  ที่เม็ดทรายหลงมาอยู่ที่นี่  ถ้าเวลาที่นี่กับปัจจุบันตรงกัน  ทุกคนที่นู่นคงกำลังตามหาตัวเม็ดทรายกันใหญ่เลย เม็ดทรายเอื้อมมือไปคว้าธงปลาคราปสีน้ำเงินเข้มที่หลุดลอยมาไว้
                   
    เป็นอะไรรึปล่าวครับ คุณหนูซากุระ เสียงของชายผู้หนึ่งถามขึ้น
                     
    คะ....เม็ดทรายหันหน้าไปหาชายคนดังกล่าว  สิบโทมิซึบากิในชุดเครื่องแบบทหารหอบข้าวของพรุงพรังยิ้มให้เม็ดทรายที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตา
                   
    ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณคะที่เป็นห่วง
                     
    ของ....
                     
    อ้อ   ครับ เป็นเอกสารทางราชการไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ(หรือความนัย มันสำคัญแต่ไม่อยากให้รู้)
                   
    ไม่ทราบว่าวันนี้..เอ่อ เม็ดทรายพูดตะกุกตะกักเธอไม่รู้ว่าจะเรียกทากะฮิโระว่าไงดีจะให้เรียกชื่อเลยหรอ  สิบโทมิซึบากิยืนรอคำถามที่สาวน้อยยังเอ่ยค้างเอาไว้
                   
    ฮานะซากุซัง จะกลับมาที่บ้านมั้ยคะ สิบโทเลิกคิ้วมองเด็กสาวเล็กน้อย
                   
    ครับผม  ท่านผู้การจะแวะกลับมาที่บ้านในเย็นวันนี้ครับ
                   
    เย็นนี้หรอ
     
                  ขอบคุณคะ เม็ดทรายก้มโค้งคำนับให้สิบโท
                   
    ไม่เป็นไรครับ สิบโทนายทหารคนสนิทของผู้การทากะฮิโระโค้งคำนับให้เม็ดทรายแล้วรีบเดินไปขึ้นรถ   จี๊บทหารแล้วขับออกไป
                   
    มิเกะ  ได้ยินมั้ย ทากะฮิโระจะกลับมาตอนเย็นนี้ เม็ดทรายกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจจนลืมไปว่าวันนี้เธอมีวันแดงเดือด  เด็กสาวเดินไปยังร้านขายของแถวบ้าน เมื่อได้ของพอใจแล้วเม็ดทรายก็รีบกลับมาบ้านและตรงไปยังห้องนอนของตน  ธงปลาคราปที่เก็บมาได้โดยบังเอิญถูกวางทาบลงบนกระดาษแก้วสีชมพูเพื่อเป็นแบบ  มือน้อยๆค่อยๆใช้ดินสอลากไปรอบตัวตัวปลาคราปต้นแบบจนครบรอบเสร็จแล้วก็ตัดออกเป็นส่วนๆ เด็กสาวเริ่มเอาแต่ละชิ้นส่วนของกระดาษแก้วที่ใช้ทำธงปลาคราปประกอบเข้าด้วยกัน  นิ้วเรียวเล็กแต่ดูนุ่มนิ่มกรีดไปบนชิ้นส่วนที่ถูกทากาวไว้อย่างแผ่วเบาจนเหมือนว่ากลัวชิ้นส่วนนั้นจะได้รับความบอบช้ำ
                   
    เสร็จแล้ว
                    ช่วงเย็นของวันรถจี๊บทหารคันเดิมขับมาจอดยังหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวที่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่  คอมแบตหนังสีดำวาววับก้าวลงจากตัวรถทางเบาะหลัง  ผู้การทากะฮิโระยกมือขึ้นถอดหมวกทหารที่สวมอยู่ออกมาหนีบไว้ที่ด้านข้างตัว  ดวงตาคู่ดำคมกริบมองไปยังสิ่งของที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูเข้าบ้าน  คอมแบตคู่โตก้าวเดินไปหาสิ่งแปลกปลอมอย่างไม่เร่งรีบ
                   
    ...........
                    มือใหญ่หยาบกร้านยกขึ้นจับธงปลาคราปสีชมพูตัวสั้นที่ดูคล้ายกับปลาปักเป้าซะมากกว่าพลิกไปมา  ตาคู่คมกริบปรี่ลงพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยก่อนจะคลายออก ด้วยพอจะรู้ว่ามันคือฝีมือของใคร  ผู้การทากะฮิโระนึกถึงตอนช่วงกลางวันที่สิบโทมิซึบากิเข้ามาบอกตนว่าได้ไปพบคุณหนูซากุระกำลังยืนชมธงปลาคราปตามบ้าน แต่เธอกำลังยืนร้องไห้
                   
    ร้องไห้รึ
                    ก่อนที่ผู้การหนุ่มจะก้าวเท้าเข้าไปยังตัวบ้าน ก็มีบางสิ่งที่เบนความสนใจให้ผู้การหนุ่มต้องเดินย้อนกลับออกมา ชั้นวางกระถางบอนไทรที่ตั้งผิดทางไปจากเดิมกับรอยแตกของกระถางบอนไทรที่ตัวการพยายามทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกิ่งต้นบอนไทรที่หักหลุดออกมาทั้งที่ยังมีคราบกาวแห้งเกรอะกังติดอยู่
                     
    ยัยตัวยุ่ง...

    อีก 2 อาทิตย์จะมีการจัดงานวัด เม็ดทรายอดตื่นเต้นไม่ได้ งานวัดของญี่ปุ่น
                     
    คุณน้าโนริโกะคะ เราจะไปงานวัดกันใช่มั้ยคะ เม็ดทรายถามด้วยอาการตื่นเต้น
                   
    อืม....จ่ะ  แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าทากะฮิโระจะไปด้วยรึป่าวนะ
                   
    ไม่ต้องห่วงคะ ปล่อยเป็นน่าที่ของเม็ดทรายเอง
    เด็กสาวเดินไปดักยืนรอผู้การหนุ่มที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล
                   
    อ๊ะ  ออกมาแล้ว
                   
    อรุณสวัสด์คะสาวน้อยยิ้มทัก
                   
    อรุณสวัสดิ์ผู้การหนุ่มตอบกลับตามมารยาท
                   
    อีก 2 อาทิตย์จะมีงานวัด ไปด้วยกันนะคะ
                   
    ไม่
                   
    ว่าแล้วเชียวเม็ดทรายทำแก้มปูด
                   
    แต่ ซากุระ ไม่เคยไปงานวัดมาก่อนเลยนี่ เคยแต่ดูจากแมกกาซีนกับโทรทัศน์ มันน่าสนุกจะตาย ทั้งตกปลา ปาเป้า ยิงปืน  และก็มีพลุด้วย
                   
    ฉันไม่ว่าง ให้โนริโกะพาไปสิ
                   
    เดี๋ยว
                   
    เอาอย่างนี้ ถ้าตอบคำถามข้อนี้ถูก ไม่ไปงานวัดก็ได้แต่ถ้าผิดต้องไป
                   
    ก็ได้  ว่ามาสิ
                   
    ผงอะไรหว๊านหวาน
                     
    .............
                   
    ถ้าว่างนักก็หัดทำตัวให้มีประโยชน์ซะมั่ง เรายังมีเรื่องต้องเคลียกันอีกมาก   เย็นนี้ฉันจะกลับมาบ้านอย่าเพิ่งเข้านอนหล่ะผู้การหนุ่มตอบกลับอย่างฉุนเฉียว
                   
    เย็นนี้หรอ มีธุระอะไรกับเรานะ ว้าย ตื่นเต้นจังเลย เม็ดทรายรีบออกไปยืนโบกมือบ๊ายบายให้รถผู้การหนุ่มที่ขับออกไป
                   
    รักนะ จุ๊บ จุ๊บไม่วายเด็กสาวยังส่งจูบตามไปด้วย
    ถึงตอนเย็นเม็ดทรายมานั่งรอผู้การหนุ่มที่ข้างบ้านตรงรั้วไม้ไผ่(มาเร็วกว่ากำหนดมาก)
                   
    มารอนานรึยังเสียงนุ่มทุ้มทักดังขึ้นจากทางด้านหลังของเม็ดทราย ผู้การหนุ่มเดินมาเรียกให้เม็ดทรายไปที่บ้านของตนที่อยู่ติดกัน  เด็กสาวก้าวตามไปติดๆด้วยใบหน้าเริงรื่นผิดกับเจ้าของบ้านที่ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์อันใด
                   
    นั่งสิผู้การหนุ่มเทชาให้เม็ดทรายที่นั่งลงตามคำเชิญ
                   
    มีอะไรกับเม็ดทรายหรอคะ เม็ดทรายชิงถามก่อน
                   
    เมะไซสำเนียงแปร่งๆหลุดออกมาจากปากของผู้การหนุ่ม  เด็กสาวนิ่งเงียบชั่วครู่ก่อนระเบิดหัวเราะออกมา ทำเอาคิ้วของผู้การหนุ่มขมวดมัดติดกัน
                   
    เม็ดทราย ไม่ใช่ เมะไซ เป็นชื่อเล่นของเค้าเอง
                   
    ชื่อเล่น .....แล้วชื่อจริงหล่ะ
                      
    อิศริยา แปลว่าคนสวยที่ฉล๊าดฉลาด
                   
    “……………”
                   
    เป็นคนไทยใช่มั้ย
                   
    100 เปอร์เซ็น แต่กำลังอยากควบอีกสัญชาติ
                   
    แล้วบ้านของเธออยู่ที่ไหน
                   
    แถมอย่างนี้จะให้แม่มาขอหรอ
                   
     เธอไม่มีประวัติการเข้าประเทศ แปลว่าลักลอบเข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมายผู้การหนุ่มพยายามไม่สนใจคำพูดไร้สาระต่างๆนาๆของเม็ดทราย
                   
    เธอมาทำอะไรที่นี่ บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงมา โนริโกะเอ็นดูเธอมาก ถ้าเธอมาที่นี่ด้วยประสงค์ร้ายกับประเทศแห่งนี้ก็รีบสารภาพซะ ฉันอาจจะช่วยลดโทษให้ได้บ้าง
                   
    ห๋า...!?”
                   
    ไม่  ไม่  ไม่มีไม่ใช่ เม็ดทรายไม่ใช่หน่วยสอดแนมนะ  ดูหน้า..... หน้าตาน่ารักน่าชังน่าฟัดน่ากอดอย่างนี้จะเป็นหน่วยสอดแนมนี่นะ เป็นหน่วยยั่วสวาทตัวเองยังจะดีกว่าอีก
                     
    จริง จริงเม็ดทรายทำเสียงแหลมเน้นย้ำ
                   
    แล้วเธอเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจมาได้ยังไง
                   
    อืม...ก็เม็ดทรายพยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตนให้ผู้การหนุ่มฟังโดยละเอียดแม้บางคำพูดเธอจะใช้ผิดไปบ้าง  ผู้การหนุ่มนั่งฟังสิ่งที่เด็กสาวเล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ  แต่มันก็ยากที่จะทำให้เชื่อ ย้อนอดีตมาหรอเรื่องพรรค์นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร  ดวงตาสีดำคมกริบจ้องไปยังดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่มีแม้เล่ห์กลอุบายหรือคำหลอกลวงใดๆแอบแฝงอยู่  เขาคงคิดมากไปเองที่เห็นเธอเป็นหน่วยสอดแนมจากไทย หมู่นี้สงครามทำให้ผู้การหนุ่มเคร่งเครียดอยู่ตลอดเขาอยู่กับการทำงานโดยไม่มีเวลาแม้จะพักผ่อน
                   
    และเรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แล
                   
    อ้าว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งตอนนี้ได้พุบหลับลงไปบนโต๊ะ 
                   
    ทากะฮิโระคุง เสียงกระซิบเบาดังขึ้นที่ข้างหูของผู้การหนุ่ม  ทากะฮิโระสลึมสลือเงยหน้าตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกเล็กๆของเด็กสาว
                   
    ราตรีสวัสดิ์คะ
                   
    ใครอนุญาตให้เธอเรียกชื่อของฉันอย่างสนิทสนมคำพูดตัดสัมพันธ์ดังขึ้นจากเรียวปากของผู้การหนุ่มอย่างไม่พอใจ     เม็ดทรายอมยิ้มโดยไม่ตอบโต้ปฎิกิริยาที่ดูห่างเหินของผู้การหนุ่ม  เด็กสาวมองหาธงปลาคราปที่ตนเอามาแขวนไว้ที่ประตูบ้านผู้การหนุ่มแต่มันกลับหายไปมีเพียงตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่แทน  สาวน้อยเดินกลับมายังห้องของตัวเองแล้วหยิบสมุดบันทึกจากลิ้นชักขึ้นเปิด


                    วันนี้ไปเดินเล่นที่ตัวหมู่บ้านมีธงปลาคราปห้อยเต็มไปหมด ก็เลยไปซื้อกระดาษจากร้านขายของใกล้บ้านมาทำธงปลาคราปให้ทากะฮิโระคุง บ้านของเขาจะได้มีสีสันเพิ่มขึ้นแต่เขาก็เอาออกสงสัยว่ามันคงดูน่าเกียจมากมั้ง เม็ดทรายยิ่งไม่เก่งเรื่องงานฝีมืออยู่แต่นั่นก็ทำสุดฝีมือแล้วนะ  ไม่เป็นไร  กระถางต้นบอนไทรที่แตกเขาก็คงรู้แล้วแน่เลยแล้วก็คงคิดว่าเป็นฝีมือเราทั้งๆที่เป็นเจ้าจ้ำม้ำมิเกะแท้ๆ  ฝากไว้ก่อนเหอะเจ้ามิเกะวันหลังจะเอามานอนกอดให้หายใจไม่ออกเลย  ทากะฮิโระคุงคงทำงานเหนื่อยมาก เขาพุบหลับไปคาโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่เราเองก็ยังไม่รู้มัวแต่เล่าเรื่องที่ย้อนอดีตให้เขาฟัง ไม่รู้ว่าจะเชื่อเม็ดทรายรึปล่าวนะ  เม็ดทรายชอบตอนที่ทากะฮิโระคุงหลับที่สุดเลย ผู้ชายอะไรน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลย
               ปล.แล้วทากะฮิโระคุงก็ไม่ยอมไปงานวัดด้วยกัน.....คนใจร้าย    
                      
                                                                                                  เม็ดทราย


    ที่สำนักงานใหญ่ทหาร ณ เมืองฮิโรชิมา
                    จะส่งกองพันนั้นไปเป็นกองหนุนแน่รึครับท่านผู้พัน
                     
    ใช่
                   
    แต่  ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทางเราจะขาดมันสมองไปอีกนะครับ  ผมไม่อยากสูญเสียเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน
                     
    เราจำเป็นต้องส่งกองหนุนออกไปช่วยกองพันที่ 441 ภายในเย็นวันนี้ ทางเรากำลังเสียเปรียบกองทหารฝ่ายตรงข้ามอยู่มาก
                   
    มันไม่เร็วเกินไปสำหรับการเตรียมตัวรึครับท่าน
                   
    ไม่มีคำว่าเร็วเกินไป กองทัพควรมีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลาและอีกอย่างชีวิตของทหารที่ทำการรบอยู่ที่นั่น แม้เพียงวินาทีเดียวที่เราส่งกองหนุนไปไม่ทัน นั่นก็หมายถึงชีวิตของพวกเขาทั้งหมด
                   
    ครับผม
    ค่ายกองพันทหารที่ 304 แห่ง ฮิโรชิมา
                   
    ท่านผู้การสิบโทมิสึบากิวิ่งหน้าตาตื่นมาพร้อมกับซองจดหมายสีน้ำตาลประทับตราราชการทหาร
                   
    จดหมายจากท่านผู้พันถึงท่านผู้การครับ สิบโทยื่นซองจดหมายให้แก่ผู้การทากะฮิโระ   ดวงตาคู่ดำคมกริบเบิกโตขึ้นกับเนื้อความด้านในจดหมาย
                     
    สิบโทมิสึบากิ  เราได้ออกภาคสนามกันแล้ว
                   
    จริงรึครับท่านผู้การ  แล้วเมื่อไหร่กันหล่ะครับ
                   
    เย็นวันนี้
                    เสียงร้องของจักจั่นเริ่มดังถี่ขึ้นทุกวัน  ช่วงกลางฤดูร้อนอากาศช่างแสนอบอ้าวบางวันก็ร้อนตับแตกบางวันฝนก็ตกหนักไม่ยอมหยุดง่ายๆแต่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็อาจหยุดยั้งสงครามที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น  เม็ดทรายได้รับรู้ความจริงว่าที่ที่เธออยู่ในตอนนี้คือเมืองฮิโรชิมานั่นเองและทากะฮิโระของเธอนั้นมียศเป็นถึงระดับผู้การ 
                   
    นี่ผมเรายาวมาขนาดนี้แล้วหรอเม็ดทรายมองตัวเองผ่านแอ่งน้ำขังที่อยู่ตรงหน้า  เข้าเดือนที่ 4  ผมของเม็ดทรายยาวถึงบ่าแล้วเม็ดทรายไม่เคยไว้ผมยาวขนาดนี้มาก่อนเลย เด็กสาวว่าจะวานให้คุณน้าโนริโกะช่วยตัดออกให้... มือน้อยยกขึ้นลูบผมสีดำเงาเป็นประกายไปมาพลางฮัมเพลงเบาๆอย่างมีความสุข
                   
    หรือว่าเราจะลองไว้ผมยาวดีนะ
                    บรื้นเสียงเร่งเครื่องของรถที่เม็ดทรายจำได้ดี  เด็กสาวรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้าน  ผู้การทากะฮิโระสาวเท้าเข้าไปในตัว บ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่สังเกตเห็นเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย  เด็กสาวรีบเดินตามไปติดๆ
                   
    ว่าอย่างไรนะจ๊ะเสียงร้องด้วยความตกใจของโนริโกะดังขึ้น
                   
    ทำไมถึงเร็วอย่างนี้โนริโกะทรุดลงนั่งลงบนเสื้อตาตามิ
                 
    ครับ  มีจดหมายด่วนส่งมาเรียกตัวได้สักพัก  ผมเลยมาเรียนให้โนริโกะได้ทราบเอาไว้ก่อนที่จะออกเดินทางไปจีนในช่วงเย็นวันนี้
                   
    แต่ที่นั่นกำลังอยู่ในภาวะคับขัน การรบของเราถือว่าอยู่ในด้านเสียเปรียบ
                   
    นั่นยิ่งต้องรีบเดินทางไปให้เร็วที่สุด
                   
    แต่แม่ไม่อยากให้ทากะฮิโระไปเลย
                   
    โนริโกะ  ผมไม่เป็นอะไรหรอก เมื่อภาระกิจเสร็จสิ้นผมก็จะกลับมาประจำที่นี่เหมือนเดิมทากะฮิโระยื่นมือไปจับบ่าของโนริโกะเบาๆเชิงปลอบโยน
                   
    จะมีการปล่อยขบวนทหารที่หน้าสำนักงานใหญ่ในเย็นวันนี้  โนริโกะจะไปส่งหรือไม่ก็ได้
                   
    ผมต้องรีบกับไปประจำที่กองพันแล้ว  ดูแลตัวเองด้วยนะครับทากะฮิโระโค้งคำนับลาแล้วลุกเดินออกมาอย่างเร่งรีบ
                   
    เดี๋ยวจ้ะโนริโกะโพล่งขึ้นทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก
                   
    คุณพ่อผู้พันจะคอยคุ้มครองเธอทากะฮิโระยิ้มให้โนริโกะที่กล่าวคำอวยพรให้ตนด้วยเสียงสั่นเครือ  ทากะฮิโระรู้ดีว่าสมรภูมิที่ตนกำลังจะไปนี้มันเสี่ยงอันตรายมาก  แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งทำให้เลือดในกายของเข้าสูบฉีดแรงขึ้น  ผู้การหนุ่มก้าวเท้าออกมาจากตัวบ้าน ดวงตาสีดำคู่คมกริบหันไปปะทะกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เบิกกว้างของเด็กสาวที่เขาไม่เคยแยแส ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูขบกันแน่นพร้อมใบหน้าที่ก้มลงไม่ยอมสบตา
                   
    อย่าสร้างความวุ่นวายระหว่างที่ฉันไม่อยู่เข้าใจมั้ย
    ผู้การหนุ่มสั่งเตือนเม็ดทรายก่อนจะเดินไปขึ้นรถและเร่งเครื่องออกไป
                   
    คุณน้าโนริโกะ  ผู้การทากะฮิโระจะไปออกรบหรอคะ
     โนริโกะพยักหน้ารับเงียบๆ
                   
    ไม่จริงเม็ดทรายผละตัววิ่งออกจากบ้านไปยังศาลเจ้าที่ไหนสักแห่งที่เธอไม่รู้จัก
                   
    เดี๋ยว ซากุระ จะไปไหนจ๊ะโนริโกะตะโกนเรียกตามหลังแต่ก็ไม่ทัน
    สองเท้าก้าวเดินไปไม่หยุดยั้งตามทางที่คนแถวนั้นบอกกล่าวเส้นทางไปยังศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องรางนำโชค  ศาลเจ้าอยู่ไกลออกไปจากบ้านที่เธออาศัยอยู่  และแล้วเด็กสาวก็มาถึงศาลเจ้า
                   
    ที่ขายเครื่องรางนำโชคอยู่ทางไหนคะเม็ดทรายถามขึ้นด้วยเสียงหอบเหนื่อย  พนักงานวัดชี้ทางแก่เด็กสาว  เม็ดทรายรีบเดินไปยังที่ขายเครื่องราง
                   
    ขอเครื่องราง.......เม็ดทรายหยุดหอบหายใจ เครื่องรางที่ช่วยคุ้มภัย...คะ
                   
    คนที่บ้านกำลังจะออกรบในเย็นวันนี้สินะ หญิงแก่คนขายเครื่องรางพูดขึ้นพร้อมหยิบถุงเครื่องรางสีน้ำเงินปักดิ้นทองส่งให้เม็ดทราย
                   
    นี่เป็นถุงเครื่องรางถุงสุดท้าย หนูโชคดีมากเลยนะจ๊ะที่มาทัน
                   
    เท่าไหร่คะ
                   
    ไม่จ่ะ  นี่เป็นถุงเครื่องรางแจกให้โดยไม่คิดเงินจากผู้ที่มาขอ
                     
    ขอบคุณคะ

                    แสงอาทิตย์อัสดงส่องลงทาทาบแถวทหารกองพันที่ 304 ที่ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าสำนักงานใหญ่ทหารประจำเมืองฮิโรชิมา  ผู้การทากะฮิโระในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศยืนทำความเคารพท่านผู้พันทหารอย่างหนักแน่น  ผู้พันทหารมองแถวกองพัน 304 ที่ใบหน้าของเหล่าพลทหารเต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจและความฮึกเหิม  กองทหารเริ่มเดินขบวนขึ้นบนรถบรรทุกทหารยีเอ็มซีที่จอดรออยู่  เหล่าบรรดาครอบครัวของทหารหาญต่างส่งเสียงโห่ร้องอวยพรญาติของตนให้รอดปลอดภัยกลับมา  อาทิตย์อัสดงเคลื่อนคล้อยลงต่ำท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มอมแดง  เมื่อทหารคนสุดท้ายก้าวเท้าขึ้น รถบรรทุกทหารยีเอ็มซีก็เร่งเครื่องออกจากตัวสำนักงานใหญ่ทันทีและตรงไปตามทางที่จะนำออกไปยังจุดหมายปลายทาง 
                   
    ครืนเสียงร้องครืนของฟ้าฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา หยาดน้ำใสหล่นกระทบกับพื้นดินจนเม็ดดินละเอียดหนาเตอะเปลี่ยนเป็นน้ำโคลนที่เฉอะแฉะ
                   
    เดี๋ยว  รอเดี๋ยวเสียงของหญิงสาวที่พยายามตะโกนผ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาดังขึ้นตามหลังรถบรรทุกยีเอ็มซีคันสุดท้าย
                   
     เสียงอะไรผู้การหนุ่มถามขึ้นแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งให้หยุดรถ
                   
    หยุดรอก่อน
    ทากะฮิโระชะโงกหน้าออกจากตัวรถไปมองหาเสียงแว่วที่ดังผ่าสายฝนมา เสียงที่เขาคุ้นเคย  เงาของร่างเล็กๆที่ดูท่าจะเป็นของหญิงสาวปรากฎขึ้นเลือนลางหลังม่านฝนที่ขุ่นมัว
                   
    จอดรถ ผู้การทากะฮิโระที่นั่งมากับรถคันสุดท้ายออกคำสั่งขึ้น  รถยีเอ็มซีคันสุดท้ายจอดลงผู้การหนุ่มรีบก้าวเท้าลงจากรถ  ดวงตาคู่คมกริบจ้องมองเงาเลือนรางที่วิ่งตรงมาจนเริ่มมองเห็นชัดเจน  เม็ดทรายในสภาพเปียกปอนชุ้มช่ำไปด้วยน้ำฝนวิ่งกระหืบกระหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของผู้การหนุ่ม
                   
    ทันจนได้.....นี่ค่ะเครื่องรางนำโชค เม็ดทรายยื่นถุงเครื่องรางที่กำไว้แน่นไม่ให้เปียกน้ำฝนส่งให้ผู้การหนุ่มพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างกว่าทุกครั้ง 
                   
    นี่เธอ.....ทากะฮิโระรับถุงเครื่องรางมา  ดวงตาคู่คมกริบคลายลงจนเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
                   
    เป็นถุงเครื่องรางถุงสุดท้ายของวัดพอดี....นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้วเม็ดทรายยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกน้ำฝนอาบไปทั่วจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
                   
    ทำไมวิ่งตากฝนมาฮ่ะ ผู้การหนุ่มพูดเสียงเข้มก่อนหันหลังเดินตรงไปที่ตัวรถ เม็ดทรายยกมือน้อยๆขึ้นถูตัวที่สั่นสะท้านด้วยหยาดน้ำฝนที่หนาวเย็น
                   
    เอ๋!?”น้ำฝนที่โปรยปรายลงมาตรงเม็ดทรายจางหายไป เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน ร่มสีเขียวเข้มขี้ม้าของทหารถูกกางออกกันฝนให้กับสาวน้อยที่ยื่นสั่นสะท้าน  เม็ดทรายรับร่มมาจากมือของผู้การหนุ่มที่ยังคงความเย็นชาเช่นทุกที
                   
    ปลอดภัยกลับมาเร็วๆนะคะ มือน้อยยืดขึ้นจนสุดและโบกไปมาพร้อมรอยยิ้มที่ชุ่มชื่นเช่นเดียวกับสายฝนที่เย็นช่ำส่งกำลังใจให้กับขบวนรถของผู้การหนุ่มที่เคลื่อนตัวออกไป

    “ฮัดชิ้ว~!!”เม็ดทรายหยิบผ้าห่มหนานุ่มขึ้นห่ม แก้มอวบอิ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจนแดงก่ำ อุณหภูมิภายในตัวของเด็กสาวเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เม็ดทรายเอนตัวลงนอนและก็หลับไป

    “ซากุระจ๊ะ”โนริโกะเดินเข้ามาเรียกเม็ดทรายให้ออกไปทานข้าว
    “อ้าว หลับไปซะแล้ว” โนริโกะเอามือปัดผมหน้าของเม็ดทรายที่หล่นลงปิดหน้าขึ้น 
    “ตัวร้อนนี่....ไม่น่าไปตากฝนเลยนะเด็กคนนี้”โนริโกะรีบลุกไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้เม็ดทรายที่เพลียหลับไปด้วยพิษไข้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×