คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -Chapter lV-
-Chapter lV-
-1เดือนต่อมา-
รุ่งอรุณยามเช้าจักจั่นส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วทุกทิศบ่งบอกถึงฤดูร้อนที่เข้ามาเยือน เม็ดทรายในสภาพหัวยุ่งเหยิงนอนบิดตัวไปมาอยู่ในห้องนอน เสียงร้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังไปเข้าหูของผู้การหนุ่มที่เดินผ่านมา
“ใครก็ได้ช่วยเม็ดทรายด้วย เม็ดทรายจะตายอยู่แล้ว”เสียงร้องเด็กสาวยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ทากะฮิโระที่หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องฉุดคิดชั่วคู่แล้วจึงรีบเปิดประตูเข้ามาพบเม็ดทรายที่เอามือกุมท้องน้อยเอาไว้
“นี่เธอเป็นอะไรไปอีกฮะ”
“ใครน่ะ เม็ดทรายปวดท้อง ปวดท้องที่สุดเลย”
“อะไรนะ ฉันฟังไม่เข้าใจ”
“โกโบริเองหรอ เม็ดทรายปวดท้อง” เม็ดทรายเอื้อมมือน้อยๆขึ้นคว้าเสื้อของผู้การหนุ่มเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เม็ดทรายมองไปยังที่นอนของตัวเองที่มีความรู้สึกถึงของเหลวที่เปื้อนอยู่
“
”
“พลัก”เม็ดทรายผลักผู้การหนุ่มออกห่างจากตัวเอง ใบหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาดด้วยความอาย ทากะฮิโระมองดูอาการของเม็ดทรายอย่างมึนงง
“คุณน้าโนริโกะๆ !!!!!!” เม็ดทรายตะโกนเสียงดังลั่นรัวถี่ โนริโกะที่กำลังเตรียมอาหารได้ยินเข้าก็รีบวิ่งเข้ามายังห้องนอนของเม็ดทรายที่เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้กับผู้การทากะฮิโระที่นั่งมองอย่างงงๆ
“ทากะฮิโระ เธอคงไม่.....” โนริโกะพูดขึ้นตามสภาพการที่พบเห็น
“เธอยังเด็กอยู่มิใช่รึครับ โนริโกะซัง และผมก็ไม่เคยคิดที่จะล่วงเกินเธอเลย (แม้แต่จะคิด)” ทากะฮิโระมองโนริโกะที่เข้าไปโอ๋เม็ดทรายที่ตอนนี้กลายเป็นคนโปรดของเธอไปแล้วและอีกไม่นานเธอก็คงจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรม
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ซากุระ” เม็ดทรายไม่รู้จะบอกน้าโนริโกะยังไงดีว่าเธอมีประจำเดือนและยิ่งยังมีผู้การหนุ่มนั่งอยู่ในนี้อีกตะหาก เม็ดทรายขยับตัวและเปิดผ้าห่มให้โนริโกะดูสิ่งที่อยู่บนที่นอน โนริโกะมองหน้าเม็ดทรายพลางอมยิ้ม
“ทากะฮิโระไปทำงานเถอะจ่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงที่ไม่อยากให้ผู้ชายเห็นเข้าน่ะ”ทากะฮิโระลุกขึ้นโค้งคำนับ โนริโกะแล้วเดินออกไป
-5 นาทีต่อมา-
“ใส่ได้มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ”
เม็ดทรายเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิตของเธอกับการใส่ผ้าอนามัยแบบพิลึกกึกกืออย่างนี้ ผ้าอนามัยโบราณที่ทำจากการเอาผ้ามาพับทับกันเป็นชั้นๆแล้วห่อให้คล้ายกับกางเกง เม็ดทรายค่อยๆเดินไปนั่งที่ชานระเบียงบ้านที่ประจำของเธอหลังจากทำการซักที่นอนเรียบร้อยแล้ว ดีที่วันแดงเดือดของเม็ดทรายมีแค่ 3 วันไม่งั้นเม็ดทรายคงอกแตกตายไปก่อนแน่นอน นี่ก็เข้าฤดูร้อนแล้วก็นับได้ว่าเม็ดทรายย้อนอดีตมาที่นี่ได้เดือนหนึ่งแล้ว เด็กสาวหยิบหนังสือที่ผู้การหนุ่มมอบให้ขึ้มาอ่านต่อ ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่นของเม็ดทรายถือว่าดีในระดับหนึ่งเม็ดทรายสามารถฟังและพูดตอบโต้ได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
“ฮ้า....สดชื่นจัง”เม็ดทรายวางหนังสือลงพลางยื่นใบหน้าอวบอิ่มขึ้นรับลมที่พัดโชยมา
“หริ่ง หริ่ง” เสียงจักจั่นร้องดังขึ้นอีกครั้ง
“เกลียดเสียงจักจั่นที่สุดเลย ฟังแล้วรู้สึกร้อน” เม็ดทรายยกพัดที่ทำจากกระดาษกับหวายขึ้นโบกบรรเทาอากาศที่ร้อนอบอ้าว มือน้อยคว้าคอเสื้อยูกาตะของตนดึงเข้าดึงออกเพื่อให้ลมเข้าไปด้านในเสื้อยูกาตะ
“เมี๊ยว~~” มิเกะแมวอ้วนจอมขี้เกียจเดินเข้ามาคลอเคลียขาของเม็ดทรายที่แกว่งเล่นไปมา
“ไง มิเกะ เจ้าเหมียวจ้ำม้ำ ร้อนหล่ะสิ ลิ้นห้อยเลย” เม็ดทรายก้มลงอุ้มมิเกะขึ้นมาไว้บนตัก
“เดี๋ยวนี้เจ้านายสุดหล่อของมิเกะไม่ค่อยกลับมาบ้านเลย ก็เขาเป็นทหารนี่เนอะแถมยังอยู่ในช่วงสงครามด้วย”
“เมี๊ยว~~”
“จ้ำม้ำคงเหงามากสินะ เม็ดทรายก็เหมือนกัน ” เด็กสาวเกาคางมิเกะเบาๆอย่างที่เจ้านายของมิเกะเคยทำให้ เจ้าแมวอ้วนบิดขี้เกียจตัวยาวจนหล่นจากตักของเม็ดทรายไปบนพื้นดินที่มีจักจั่นตัวน้อยกระโดดหนีวัตถุก้อนกลมที่ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็วไปยังต้นบอนไทรที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นไม้ภายในตัวบ้านของผู้การทากะฮิโระ มิเกะรีบพลิกตัวที่เต็มไปด้วยก้อนไขมันขึ้นแล้ววิ่งตามจักจั่นตัวน้อยไป มิเกะเดินวนไปรอบๆชั้นไม้ต้นบอนไทรที่จักจั่นบินไปเกาะ อุ้งเท้าหนานุ่มยกขึ้นสะกิดฐานชั้นไม้ก่อนที่จะ.....
“โครม เพล้ง !!”
“มิเกะ” เม็ดทรายรีบวิ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ ชั้นไม้วางบอนไทรล้มคว่ำมากองอยู่กับพื้น กระถางต้นบอนไทรแตกกระจาย
“แย่แล้ว” เม็ดทรายเหล่ไปหามิเกะแมวอ้วนตัวการจอมตุ๊ต๊ะที่นั่งสะบัดหางอย่างสบายอารมณ์ ภายในปากของมิเกะมีจักจั่นน้อยผู้น่าสงสารที่นอนแน่นิ่งไร้ซึ่งลมหายใจ มิเกะยืดอกขึ้นเมื่อเม็ดทรายมองมาอย่างภาคภูมิใจกับสิ่งที่อยู่ภายในปาก
“เก่งจ่ะเก่ง” เม็ดทรายประชด
“แล้วจะทำยังไงกับบอนไทรพวกนี้ดีหล่ะฮะ” เม็ดทรายหันกลับไปคุยกับเหมียวมิเกะที่ขึ้นไปนอนเล่นตรงชานระเบียงบ้านของผู้การทากะฮิโระ โดยไม่สนใจกับคำพูดของเม็ดทราย
“เหอะ นี่เค้าต้องเป็นคนรับผิดชอบกับบอนไทรพวกนี้ใช่มั้ย”เม็ดทรายค่อยๆรวบรวมเศษกระถางที่แตกกระจายมาต่อกันให้เหมือนเดิม
“ไม่ต้องมายุ่งเลย จ้ำม้ำ” เม็ดทรายนั่งหันหลังให้มิเกะที่เข้ามาคลอเคลียเม็ดทรายที่นั่งเอากาวมาติดเศษกระถางที่แตก
“อ๊ะ..!!” เม็ดทรายมองไปเห็นกิ่งของต้นบอนไทรต้นหนึ่งหักงอออกจากตัวต้น เด็กสาวรีบเอากาวมาทาติดอย่างที่ทำกับกระถางต้นไม้ ปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาเป็นระยะไปที่กาวที่ทาไว้ให้แห้งเร็วขึ้น
“เรียบร้อย เป็นไงฝีมือเม็ดทราย เนียนมากใช่มะ”เม็ดทรายยืนมองผลงานการปะติดเศษกะถางกับต้นบอนไทรของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“เราไปเดินดูธงปลาคราปที่ติดตามบ้านกันเถอะมิเกะ”
เด็กสาวในชุดยูกาตะสีครีมลายดอกซากุระสีชมพูอ่อนกับแมวอ้วนตุ๊ต๊ะเดินลัดเลาะไปตามซอยบ้านที่อยู่ติดกัน ตอนเดือนพฤษภาคมบ้านไหนที่มีลูกผู้ชายก็จะนำธงปลาคราปสีสันสดใสมาติดโชว์ไว้ที่หน้าบ้านของตน ธงปลาคราปหลากหลายลวดลายโบกสะบัดไปตามแรงลมในฤดูร้อนที่พัดมา เม็ดทรายยกมือขึ้นจับผมที่ปลิวมาปรกหน้าขึ้นทัดหู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองออกไปยังกลุ่มเด็กที่วิ่งเล่นกันครอบครัวอย่างสนุกสนาน
“มิเกะ......เม็ดทรายคิดถึงครอบครัวของเม็ดทรายจัง” สีแดงระเรื่อเริ่มปรากฏบนขอบตาของเด็กสาว
“เดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เม็ดทรายหลงมาอยู่ที่นี่ ถ้าเวลาที่นี่กับปัจจุบันตรงกัน ทุกคนที่นู่นคงกำลังตามหาตัวเม็ดทรายกันใหญ่เลย ” เม็ดทรายเอื้อมมือไปคว้าธงปลาคราปสีน้ำเงินเข้มที่หลุดลอยมาไว้
“เป็นอะไรรึปล่าวครับ คุณหนูซากุระ” เสียงของชายผู้หนึ่งถามขึ้น
“คะ....”เม็ดทรายหันหน้าไปหาชายคนดังกล่าว สิบโทมิซึบากิในชุดเครื่องแบบทหารหอบข้าวของพรุงพรังยิ้มให้เม็ดทรายที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณคะที่เป็นห่วง”
“ของ....”
“อ้อ ครับ เป็นเอกสารทางราชการไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ(หรือความนัย มันสำคัญแต่ไม่อยากให้รู้)”
“ไม่ทราบว่าวันนี้..เอ่อ” เม็ดทรายพูดตะกุกตะกักเธอไม่รู้ว่าจะเรียกทากะฮิโระว่าไงดีจะให้เรียกชื่อเลยหรอ สิบโทมิซึบากิยืนรอคำถามที่สาวน้อยยังเอ่ยค้างเอาไว้
“ ฮานะซากุซัง จะกลับมาที่บ้านมั้ยคะ” สิบโทเลิกคิ้วมองเด็กสาวเล็กน้อย
“ครับผม ท่านผู้การจะแวะกลับมาที่บ้านในเย็นวันนี้ครับ”
“เย็นนี้หรอ”
“ขอบคุณคะ” เม็ดทรายก้มโค้งคำนับให้สิบโท
“ไม่เป็นไรครับ” สิบโทนายทหารคนสนิทของผู้การทากะฮิโระโค้งคำนับให้เม็ดทรายแล้วรีบเดินไปขึ้นรถ จี๊บทหารแล้วขับออกไป
“มิเกะ ได้ยินมั้ย ทากะฮิโระจะกลับมาตอนเย็นนี้” เม็ดทรายกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจจนลืมไปว่าวันนี้เธอมีวันแดงเดือด เด็กสาวเดินไปยังร้านขายของแถวบ้าน เมื่อได้ของพอใจแล้วเม็ดทรายก็รีบกลับมาบ้านและตรงไปยังห้องนอนของตน ธงปลาคราปที่เก็บมาได้โดยบังเอิญถูกวางทาบลงบนกระดาษแก้วสีชมพูเพื่อเป็นแบบ มือน้อยๆค่อยๆใช้ดินสอลากไปรอบตัวตัวปลาคราปต้นแบบจนครบรอบเสร็จแล้วก็ตัดออกเป็นส่วนๆ เด็กสาวเริ่มเอาแต่ละชิ้นส่วนของกระดาษแก้วที่ใช้ทำธงปลาคราปประกอบเข้าด้วยกัน นิ้วเรียวเล็กแต่ดูนุ่มนิ่มกรีดไปบนชิ้นส่วนที่ถูกทากาวไว้อย่างแผ่วเบาจนเหมือนว่ากลัวชิ้นส่วนนั้นจะได้รับความบอบช้ำ
“เสร็จแล้ว”
ช่วงเย็นของวันรถจี๊บทหารคันเดิมขับมาจอดยังหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวที่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ คอมแบตหนังสีดำวาววับก้าวลงจากตัวรถทางเบาะหลัง ผู้การทากะฮิโระยกมือขึ้นถอดหมวกทหารที่สวมอยู่ออกมาหนีบไว้ที่ด้านข้างตัว ดวงตาคู่ดำคมกริบมองไปยังสิ่งของที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูเข้าบ้าน คอมแบตคู่โตก้าวเดินไปหาสิ่งแปลกปลอมอย่างไม่เร่งรีบ
“...........”
มือใหญ่หยาบกร้านยกขึ้นจับธงปลาคราปสีชมพูตัวสั้นที่ดูคล้ายกับปลาปักเป้าซะมากกว่าพลิกไปมา ตาคู่คมกริบปรี่ลงพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยก่อนจะคลายออก ด้วยพอจะรู้ว่ามันคือฝีมือของใคร ผู้การทากะฮิโระนึกถึงตอนช่วงกลางวันที่สิบโทมิซึบากิเข้ามาบอกตนว่าได้ไปพบคุณหนูซากุระกำลังยืนชมธงปลาคราปตามบ้าน แต่เธอกำลังยืนร้องไห้
“ร้องไห้รึ”
ก่อนที่ผู้การหนุ่มจะก้าวเท้าเข้าไปยังตัวบ้าน ก็มีบางสิ่งที่เบนความสนใจให้ผู้การหนุ่มต้องเดินย้อนกลับออกมา ชั้นวางกระถางบอนไทรที่ตั้งผิดทางไปจากเดิมกับรอยแตกของกระถางบอนไทรที่ตัวการพยายามทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกิ่งต้นบอนไทรที่หักหลุดออกมาทั้งที่ยังมีคราบกาวแห้งเกรอะกังติดอยู่
“ยัยตัวยุ่ง...”
อีก 2 อาทิตย์จะมีการจัดงานวัด เม็ดทรายอดตื่นเต้นไม่ได้ งานวัดของญี่ปุ่น
“คุณน้าโนริโกะคะ เราจะไปงานวัดกันใช่มั้ยคะ” เม็ดทรายถามด้วยอาการตื่นเต้น
“อืม....จ่ะ แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าทากะฮิโระจะไปด้วยรึป่าวนะ”
“ไม่ต้องห่วงคะ ปล่อยเป็นน่าที่ของเม็ดทรายเอง”
เด็กสาวเดินไปดักยืนรอผู้การหนุ่มที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล
“อ๊ะ ออกมาแล้ว”
“อรุณสวัสด์คะ”สาวน้อยยิ้มทัก
“อรุณสวัสดิ์”ผู้การหนุ่มตอบกลับตามมารยาท
“อีก 2 อาทิตย์จะมีงานวัด ไปด้วยกันนะคะ”
“ไม่”
“ว่าแล้วเชียว”เม็ดทรายทำแก้มปูด
“แต่ ซากุระ ไม่เคยไปงานวัดมาก่อนเลยนี่ เคยแต่ดูจากแมกกาซีนกับโทรทัศน์ มันน่าสนุกจะตาย ทั้งตกปลา ปาเป้า ยิงปืน และก็มีพลุด้วย”
“ฉันไม่ว่าง ให้โนริโกะพาไปสิ”
“เดี๋ยว”
“เอาอย่างนี้ ถ้าตอบคำถามข้อนี้ถูก ไม่ไปงานวัดก็ได้แต่ถ้าผิดต้องไป”
“ก็ได้ ว่ามาสิ”
“ผงอะไรหว๊านหวาน”
“.............”
“ถ้าว่างนักก็หัดทำตัวให้มีประโยชน์ซะมั่ง เรายังมีเรื่องต้องเคลียกันอีกมาก เย็นนี้ฉันจะกลับมาบ้านอย่าเพิ่งเข้านอนหล่ะ”ผู้การหนุ่มตอบกลับอย่างฉุนเฉียว
“เย็นนี้หรอ มีธุระอะไรกับเรานะ ว้าย ตื่นเต้นจังเลย” เม็ดทรายรีบออกไปยืนโบกมือบ๊ายบายให้รถผู้การหนุ่มที่ขับออกไป
“รักนะ จุ๊บ จุ๊บ”ไม่วายเด็กสาวยังส่งจูบตามไปด้วย
ถึงตอนเย็นเม็ดทรายมานั่งรอผู้การหนุ่มที่ข้างบ้านตรงรั้วไม้ไผ่(มาเร็วกว่ากำหนดมาก)
“มารอนานรึยัง”เสียงนุ่มทุ้มทักดังขึ้นจากทางด้านหลังของเม็ดทราย ผู้การหนุ่มเดินมาเรียกให้เม็ดทรายไปที่บ้านของตนที่อยู่ติดกัน เด็กสาวก้าวตามไปติดๆด้วยใบหน้าเริงรื่นผิดกับเจ้าของบ้านที่ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์อันใด
“นั่งสิ”ผู้การหนุ่มเทชาให้เม็ดทรายที่นั่งลงตามคำเชิญ
“มีอะไรกับเม็ดทรายหรอคะ” เม็ดทรายชิงถามก่อน
“เมะไซ”สำเนียงแปร่งๆหลุดออกมาจากปากของผู้การหนุ่ม เด็กสาวนิ่งเงียบชั่วครู่ก่อนระเบิดหัวเราะออกมา ทำเอาคิ้วของผู้การหนุ่มขมวดมัดติดกัน
“เม็ดทราย ไม่ใช่ เมะไซ เป็นชื่อเล่นของเค้าเอง”
“ชื่อเล่น .....แล้วชื่อจริงหล่ะ”
“อิศริยา แปลว่าคนสวยที่ฉล๊าดฉลาด”
“
”
“เป็นคนไทยใช่มั้ย”
“100 เปอร์เซ็น แต่กำลังอยากควบอีกสัญชาติ”
“แล้วบ้านของเธออยู่ที่ไหน”
“แถมอย่างนี้จะให้แม่มาขอหรอ”
“เธอไม่มีประวัติการเข้าประเทศ แปลว่าลักลอบเข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมาย”ผู้การหนุ่มพยายามไม่สนใจคำพูดไร้สาระต่างๆนาๆของเม็ดทราย
“เธอมาทำอะไรที่นี่ บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงมา โนริโกะเอ็นดูเธอมาก ถ้าเธอมาที่นี่ด้วยประสงค์ร้ายกับประเทศแห่งนี้ก็รีบสารภาพซะ ฉันอาจจะช่วยลดโทษให้ได้บ้าง”
“ห๋า...!?”
“ไม่ ไม่ ไม่มีไม่ใช่ เม็ดทรายไม่ใช่หน่วยสอดแนมนะ ดูหน้า..... หน้าตาน่ารักน่าชังน่าฟัดน่ากอดอย่างนี้จะเป็นหน่วยสอดแนมนี่นะ เป็นหน่วยยั่วสวาทตัวเองยังจะดีกว่าอีก”
“จริง จริง”เม็ดทรายทำเสียงแหลมเน้นย้ำ
“แล้วเธอเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจมาได้ยังไง”
“อืม...ก็”เม็ดทรายพยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตนให้ผู้การหนุ่มฟังโดยละเอียดแม้บางคำพูดเธอจะใช้ผิดไปบ้าง ผู้การหนุ่มนั่งฟังสิ่งที่เด็กสาวเล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ แต่มันก็ยากที่จะทำให้เชื่อ ย้อนอดีตมาหรอเรื่องพรรค์นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ดวงตาสีดำคมกริบจ้องไปยังดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่มีแม้เล่ห์กลอุบายหรือคำหลอกลวงใดๆแอบแฝงอยู่ เขาคงคิดมากไปเองที่เห็นเธอเป็นหน่วยสอดแนมจากไทย หมู่นี้สงครามทำให้ผู้การหนุ่มเคร่งเครียดอยู่ตลอดเขาอยู่กับการทำงานโดยไม่มีเวลาแม้จะพักผ่อน
“และเรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แล”
“อ้าว” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งตอนนี้ได้พุบหลับลงไปบนโต๊ะ
“ทากะฮิโระคุง” เสียงกระซิบเบาดังขึ้นที่ข้างหูของผู้การหนุ่ม ทากะฮิโระสลึมสลือเงยหน้าตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกเล็กๆของเด็กสาว
“ราตรีสวัสดิ์คะ”
“ใครอนุญาตให้เธอเรียกชื่อของฉันอย่างสนิทสนม”คำพูดตัดสัมพันธ์ดังขึ้นจากเรียวปากของผู้การหนุ่มอย่างไม่พอใจ เม็ดทรายอมยิ้มโดยไม่ตอบโต้ปฎิกิริยาที่ดูห่างเหินของผู้การหนุ่ม เด็กสาวมองหาธงปลาคราปที่ตนเอามาแขวนไว้ที่ประตูบ้านผู้การหนุ่มแต่มันกลับหายไปมีเพียงตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่แทน สาวน้อยเดินกลับมายังห้องของตัวเองแล้วหยิบสมุดบันทึกจากลิ้นชักขึ้นเปิด
วันนี้ไปเดินเล่นที่ตัวหมู่บ้านมีธงปลาคราปห้อยเต็มไปหมด ก็เลยไปซื้อกระดาษจากร้านขายของใกล้บ้านมาทำธงปลาคราปให้ทากะฮิโระคุง บ้านของเขาจะได้มีสีสันเพิ่มขึ้นแต่เขาก็เอาออกสงสัยว่ามันคงดูน่าเกียจมากมั้ง เม็ดทรายยิ่งไม่เก่งเรื่องงานฝีมืออยู่แต่นั่นก็ทำสุดฝีมือแล้วนะ ไม่เป็นไร กระถางต้นบอนไทรที่แตกเขาก็คงรู้แล้วแน่เลยแล้วก็คงคิดว่าเป็นฝีมือเราทั้งๆที่เป็นเจ้าจ้ำม้ำมิเกะแท้ๆ ฝากไว้ก่อนเหอะเจ้ามิเกะวันหลังจะเอามานอนกอดให้หายใจไม่ออกเลย ทากะฮิโระคุงคงทำงานเหนื่อยมาก เขาพุบหลับไปคาโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่เราเองก็ยังไม่รู้มัวแต่เล่าเรื่องที่ย้อนอดีตให้เขาฟัง ไม่รู้ว่าจะเชื่อเม็ดทรายรึปล่าวนะ เม็ดทรายชอบตอนที่ทากะฮิโระคุงหลับที่สุดเลย ผู้ชายอะไรน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลย
ปล.แล้วทากะฮิโระคุงก็ไม่ยอมไปงานวัดด้วยกัน.....คนใจร้าย
เม็ดทราย
ที่สำนักงานใหญ่ทหาร ณ เมืองฮิโรชิมา
“จะส่งกองพันนั้นไปเป็นกองหนุนแน่รึครับท่านผู้พัน”
“ใช่”
“แต่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทางเราจะขาดมันสมองไปอีกนะครับ ผมไม่อยากสูญเสียเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน”
“เราจำเป็นต้องส่งกองหนุนออกไปช่วยกองพันที่ 441 ภายในเย็นวันนี้ ทางเรากำลังเสียเปรียบกองทหารฝ่ายตรงข้ามอยู่มาก”
“มันไม่เร็วเกินไปสำหรับการเตรียมตัวรึครับท่าน”
“ไม่มีคำว่าเร็วเกินไป กองทัพควรมีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลาและอีกอย่างชีวิตของทหารที่ทำการรบอยู่ที่นั่น แม้เพียงวินาทีเดียวที่เราส่งกองหนุนไปไม่ทัน นั่นก็หมายถึงชีวิตของพวกเขาทั้งหมด”
“ครับผม”
ค่ายกองพันทหารที่ 304 แห่ง ฮิโรชิมา
“ท่านผู้การ”สิบโทมิสึบากิวิ่งหน้าตาตื่นมาพร้อมกับซองจดหมายสีน้ำตาลประทับตราราชการทหาร
“จดหมายจากท่านผู้พันถึงท่านผู้การครับ” สิบโทยื่นซองจดหมายให้แก่ผู้การทากะฮิโระ ดวงตาคู่ดำคมกริบเบิกโตขึ้นกับเนื้อความด้านในจดหมาย
“สิบโทมิสึบากิ เราได้ออกภาคสนามกันแล้ว”
“จริงรึครับท่านผู้การ แล้วเมื่อไหร่กันหล่ะครับ”
“เย็นวันนี้”
เสียงร้องของจักจั่นเริ่มดังถี่ขึ้นทุกวัน ช่วงกลางฤดูร้อนอากาศช่างแสนอบอ้าวบางวันก็ร้อนตับแตกบางวันฝนก็ตกหนักไม่ยอมหยุดง่ายๆแต่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็อาจหยุดยั้งสงครามที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เม็ดทรายได้รับรู้ความจริงว่าที่ที่เธออยู่ในตอนนี้คือเมืองฮิโรชิมานั่นเองและทากะฮิโระของเธอนั้นมียศเป็นถึงระดับผู้การ
“นี่ผมเรายาวมาขนาดนี้แล้วหรอ”เม็ดทรายมองตัวเองผ่านแอ่งน้ำขังที่อยู่ตรงหน้า เข้าเดือนที่ 4 ผมของเม็ดทรายยาวถึงบ่าแล้วเม็ดทรายไม่เคยไว้ผมยาวขนาดนี้มาก่อนเลย เด็กสาวว่าจะวานให้คุณน้าโนริโกะช่วยตัดออกให้... มือน้อยยกขึ้นลูบผมสีดำเงาเป็นประกายไปมาพลางฮัมเพลงเบาๆอย่างมีความสุข
“หรือว่าเราจะลองไว้ผมยาวดีนะ”
“บรื้น”เสียงเร่งเครื่องของรถที่เม็ดทรายจำได้ดี เด็กสาวรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้าน ผู้การทากะฮิโระสาวเท้าเข้าไปในตัว บ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่สังเกตเห็นเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย เด็กสาวรีบเดินตามไปติดๆ
“ว่าอย่างไรนะจ๊ะ”เสียงร้องด้วยความตกใจของโนริโกะดังขึ้น
“ทำไมถึงเร็วอย่างนี้”โนริโกะทรุดลงนั่งลงบนเสื้อตาตามิ
“ครับ มีจดหมายด่วนส่งมาเรียกตัวได้สักพัก ผมเลยมาเรียนให้โนริโกะได้ทราบเอาไว้ก่อนที่จะออกเดินทางไปจีนในช่วงเย็นวันนี้”
“แต่ที่นั่นกำลังอยู่ในภาวะคับขัน การรบของเราถือว่าอยู่ในด้านเสียเปรียบ”
“นั่นยิ่งต้องรีบเดินทางไปให้เร็วที่สุด”
“แต่แม่ไม่อยากให้ทากะฮิโระไปเลย”
“โนริโกะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก เมื่อภาระกิจเสร็จสิ้นผมก็จะกลับมาประจำที่นี่เหมือนเดิม”ทากะฮิโระยื่นมือไปจับบ่าของโนริโกะเบาๆเชิงปลอบโยน
“จะมีการปล่อยขบวนทหารที่หน้าสำนักงานใหญ่ในเย็นวันนี้ โนริโกะจะไปส่งหรือไม่ก็ได้ ”
“ผมต้องรีบกับไปประจำที่กองพันแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”ทากะฮิโระโค้งคำนับลาแล้วลุกเดินออกมาอย่างเร่งรีบ
“เดี๋ยวจ้ะ”โนริโกะโพล่งขึ้นทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก
“คุณพ่อผู้พันจะคอยคุ้มครองเธอ”ทากะฮิโระยิ้มให้โนริโกะที่กล่าวคำอวยพรให้ตนด้วยเสียงสั่นเครือ ทากะฮิโระรู้ดีว่าสมรภูมิที่ตนกำลังจะไปนี้มันเสี่ยงอันตรายมาก แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งทำให้เลือดในกายของเข้าสูบฉีดแรงขึ้น ผู้การหนุ่มก้าวเท้าออกมาจากตัวบ้าน ดวงตาสีดำคู่คมกริบหันไปปะทะกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เบิกกว้างของเด็กสาวที่เขาไม่เคยแยแส ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูขบกันแน่นพร้อมใบหน้าที่ก้มลงไม่ยอมสบตา
“อย่าสร้างความวุ่นวายระหว่างที่ฉันไม่อยู่เข้าใจมั้ย”
ผู้การหนุ่มสั่งเตือนเม็ดทรายก่อนจะเดินไปขึ้นรถและเร่งเครื่องออกไป
“คุณน้าโนริโกะ ผู้การทากะฮิโระจะไปออกรบหรอคะ”
โนริโกะพยักหน้ารับเงียบๆ
“ไม่จริง”เม็ดทรายผละตัววิ่งออกจากบ้านไปยังศาลเจ้าที่ไหนสักแห่งที่เธอไม่รู้จัก
“เดี๋ยว ซากุระ จะไปไหนจ๊ะ”โนริโกะตะโกนเรียกตามหลังแต่ก็ไม่ทัน
สองเท้าก้าวเดินไปไม่หยุดยั้งตามทางที่คนแถวนั้นบอกกล่าวเส้นทางไปยังศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องรางนำโชค ศาลเจ้าอยู่ไกลออกไปจากบ้านที่เธออาศัยอยู่ และแล้วเด็กสาวก็มาถึงศาลเจ้า
“ที่ขายเครื่องรางนำโชคอยู่ทางไหนคะ”เม็ดทรายถามขึ้นด้วยเสียงหอบเหนื่อย พนักงานวัดชี้ทางแก่เด็กสาว เม็ดทรายรีบเดินไปยังที่ขายเครื่องราง
“ขอเครื่องราง.......”เม็ดทรายหยุดหอบหายใจ ”เครื่องรางที่ช่วยคุ้มภัย...คะ”
“คนที่บ้านกำลังจะออกรบในเย็นวันนี้สินะ” หญิงแก่คนขายเครื่องรางพูดขึ้นพร้อมหยิบถุงเครื่องรางสีน้ำเงินปักดิ้นทองส่งให้เม็ดทราย
“นี่เป็นถุงเครื่องรางถุงสุดท้าย หนูโชคดีมากเลยนะจ๊ะที่มาทัน”
“เท่าไหร่คะ”
“ไม่จ่ะ นี่เป็นถุงเครื่องรางแจกให้โดยไม่คิดเงินจากผู้ที่มาขอ”
“ขอบคุณคะ”
แสงอาทิตย์อัสดงส่องลงทาทาบแถวทหารกองพันที่ 304 ที่ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าสำนักงานใหญ่ทหารประจำเมืองฮิโรชิมา ผู้การทากะฮิโระในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศยืนทำความเคารพท่านผู้พันทหารอย่างหนักแน่น ผู้พันทหารมองแถวกองพัน 304 ที่ใบหน้าของเหล่าพลทหารเต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจและความฮึกเหิม กองทหารเริ่มเดินขบวนขึ้นบนรถบรรทุกทหารยีเอ็มซีที่จอดรออยู่ เหล่าบรรดาครอบครัวของทหารหาญต่างส่งเสียงโห่ร้องอวยพรญาติของตนให้รอดปลอดภัยกลับมา อาทิตย์อัสดงเคลื่อนคล้อยลงต่ำท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มอมแดง เมื่อทหารคนสุดท้ายก้าวเท้าขึ้น รถบรรทุกทหารยีเอ็มซีก็เร่งเครื่องออกจากตัวสำนักงานใหญ่ทันทีและตรงไปตามทางที่จะนำออกไปยังจุดหมายปลายทาง
“ครืน”เสียงร้องครืนของฟ้าฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา หยาดน้ำใสหล่นกระทบกับพื้นดินจนเม็ดดินละเอียดหนาเตอะเปลี่ยนเป็นน้ำโคลนที่เฉอะแฉะ
“เดี๋ยว รอเดี๋ยว”เสียงของหญิงสาวที่พยายามตะโกนผ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาดังขึ้นตามหลังรถบรรทุกยีเอ็มซีคันสุดท้าย
“เสียงอะไร”ผู้การหนุ่มถามขึ้นแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งให้หยุดรถ
“หยุดรอก่อน”
ทากะฮิโระชะโงกหน้าออกจากตัวรถไปมองหาเสียงแว่วที่ดังผ่าสายฝนมา เสียงที่เขาคุ้นเคย เงาของร่างเล็กๆที่ดูท่าจะเป็นของหญิงสาวปรากฎขึ้นเลือนลางหลังม่านฝนที่ขุ่นมัว
“จอดรถ” ผู้การทากะฮิโระที่นั่งมากับรถคันสุดท้ายออกคำสั่งขึ้น รถยีเอ็มซีคันสุดท้ายจอดลงผู้การหนุ่มรีบก้าวเท้าลงจากรถ ดวงตาคู่คมกริบจ้องมองเงาเลือนรางที่วิ่งตรงมาจนเริ่มมองเห็นชัดเจน เม็ดทรายในสภาพเปียกปอนชุ้มช่ำไปด้วยน้ำฝนวิ่งกระหืบกระหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของผู้การหนุ่ม
“ทันจนได้.....นี่ค่ะเครื่องรางนำโชค” เม็ดทรายยื่นถุงเครื่องรางที่กำไว้แน่นไม่ให้เปียกน้ำฝนส่งให้ผู้การหนุ่มพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างกว่าทุกครั้ง
“นี่เธอ.....”ทากะฮิโระรับถุงเครื่องรางมา ดวงตาคู่คมกริบคลายลงจนเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
“เป็นถุงเครื่องรางถุงสุดท้ายของวัดพอดี....นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”เม็ดทรายยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกน้ำฝนอาบไปทั่วจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
“ทำไมวิ่งตากฝนมาฮ่ะ” ผู้การหนุ่มพูดเสียงเข้มก่อนหันหลังเดินตรงไปที่ตัวรถ เม็ดทรายยกมือน้อยๆขึ้นถูตัวที่สั่นสะท้านด้วยหยาดน้ำฝนที่หนาวเย็น
“เอ๋!?”น้ำฝนที่โปรยปรายลงมาตรงเม็ดทรายจางหายไป เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน ร่มสีเขียวเข้มขี้ม้าของทหารถูกกางออกกันฝนให้กับสาวน้อยที่ยื่นสั่นสะท้าน เม็ดทรายรับร่มมาจากมือของผู้การหนุ่มที่ยังคงความเย็นชาเช่นทุกที
“ปลอดภัยกลับมาเร็วๆนะคะ” มือน้อยยืดขึ้นจนสุดและโบกไปมาพร้อมรอยยิ้มที่ชุ่มชื่นเช่นเดียวกับสายฝนที่เย็นช่ำส่งกำลังใจให้กับขบวนรถของผู้การหนุ่มที่เคลื่อนตัวออกไป
“ฮัดชิ้ว~!!”เม็ดทรายหยิบผ้าห่มหนานุ่มขึ้นห่ม แก้มอวบอิ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจนแดงก่ำ อุณหภูมิภายในตัวของเด็กสาวเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เม็ดทรายเอนตัวลงนอนและก็หลับไป
“ซากุระจ๊ะ”โนริโกะเดินเข้ามาเรียกเม็ดทรายให้ออกไปทานข้าว
“อ้าว หลับไปซะแล้ว” โนริโกะเอามือปัดผมหน้าของเม็ดทรายที่หล่นลงปิดหน้าขึ้น
“ตัวร้อนนี่....ไม่น่าไปตากฝนเลยนะเด็กคนนี้”โนริโกะรีบลุกไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้เม็ดทรายที่เพลียหลับไปด้วยพิษไข้
ความคิดเห็น