ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAKURA-บทเพลงรักทางช้างเผือก-

    ลำดับตอนที่ #3 : -Chapter lll-

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 50


    -Chapter lll-

     

    แม้จะอยู่ในช่วงสงครามแต่การไปนั่งชมดอกซากุระก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะดอกซากุระจะบานเพียง   1-2 อาทิตย์เท่านั้นแล้วก็จะร่วงโรยหลีกทางให้ดอกไม้อื่นๆได้ออกดอกอวดแก่สายตาผู้คนบ้าง วันนี้คุณน้าโนริโกะเลยพาเม็ดทรายออกมาเที่ยวชมซากุระนานาพันธุ์ที่พากันแข่งขันออกดอกชูช่อสวยงามทำให้ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยสีชมพูคละเคล้าไปกับสีขาว  แต่ที่ทำให้เม็ดทรายมีความสุขที่สุดก็คือ โกโบริของเม็ดทรายยอมออกมาเดินเที่ยวด้วยนี่สิ  วันนี้ทากะฮิโระคุงมาในชุดยูกาตะสีดำลายใบหลิวมันทำให้ผิวของเขาดูสว่างขึ้นแต่พักนี้ทากะฮิโระก็ดูคล้ำลงไปเยอะเหมือนกัน สงสัยงานจะหนัก....โถ น่าสงสาร
                    ทากะฮิโระหันหน้ามามองเด็กสาวหน้ากลมแก้มยุ้ยสีชมพูที่มองตนแล้วอมยิ้มมาตลอดทาง  เธอคงไม่เต็มอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ แต่ตอนนั้นเธอเป็นลมเพราะหิวข้าวมิใช่หรอ
    ?  หรือว่าเราจะขับรถชนเธอจริงๆ ทากะฮิโระเหล่ตามองเม็ดทรายที่ตอนนี้หันหน้าไปมองดูดอกซากุระที่ข้างทางแทน  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาก็สมควรที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนนี้
                    เมื่อเริ่มเดินถึงจุดชมวิวดอกซากุระผู้คนก็เริ่มหนาแน่นจนเบียดเสียด เม็ดทรายพยายามแทรกตัวเข้าไปในงานแต่มันก็แสนจะลำบากสำหรับเด็กสาวตัวเล็กเจ้าของส่วนสูงเพียง150กว่าเท่านั้น
                     
    หมับ มือของใครคนหนึ่งที่หยาบกร้านยืนมาจับแขนของเม็ดทรายที่เดินเซไปเซมาไว้แน่น
                   
    ระวังหน่อยคนมันเยอะ...ฉันไม่อยากเดินตามหาเด็กหลงทางแม้จะเป็นคำพูดที่ดูเย็นชาแต่เม็ดทรายก็อดอมยิ้มไม่ได้ นี่เค้าเป็นห่วงเราด้วยหรอ  เม็ดทรายได้ทีเขยิบเข้าไปชิดตัวผู้การหนุ่มที่พาเธอเดินไปจนถึงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของที่นี่
                   
    ซากุระเต็มไปหมดเลยเม็ดทรายยิ้มกว้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโตด้วยความดีใจ ลานข้างหน้าที่เธอยืนอยู่เต็มไปด้วยกลีบซากุระที่ร่วงโรยลงมาจนเหมือนพรมกลีบดอกไม้สีชมพูที่ดูอ่อนนุ่มและต้นดอกซากุระที่ทอดยาวสุดสายตา
                   
    คิเรอิเม็ดทรายหันไปพูดกับผู้การหนุ่มเป็นภาษาญี่ปุ่น  ทากะฮิโระพยักหน้ารับแล้วเงยหน้าขึ้นมองดอกซากุระที่บานสะพรั่งอยู่บนต้น
                   
    นี่ ทั้งสองคนมาทานอาหารได้แล้วจ่ะ โนริโกะกวักมือเรียกทากะฮิโระกับเม็ดทรายที่ยืนอยู่อีกฝั่งให้เข้ามานั่งร่วมวง
                     ต้องขอบใจทามะที่มาจองที่นั่งชมวิวตรงนี้ไว้ได้ โนริโกะเทน้ำชาให้ผู้การหนุ่มกับเม็ดทรายที่ยังนั่งเงยหน้าขึ้นมองต้นซากุระที่อยู่เหนือขึ้นไป
                   
    ทามะเข้ามานั่งทานด้วยกันสิ ทากะฮิโระพูดเชิญทามะหญิงชราแม่ครัวเก่าแก่ของบ้านเข้ามานั่งร่วมวงอีกคน
                   
    ฮานามิ
                   
    จ้ะ ฮานามิ โนริโกะยิ้ม
                   
    ดีที่ยังได้ชมซากุระในช่วงที่มีสงครามเช่นนี้  ถ้านายท่านได้อยู่ชมพร้อมหน้ากันก็คงดีนะเจ้าคะทามะเอ่ยขึ้น
                    เสียงบรรเลงเพลงที่ดังแว่วมาจากเครื่องขยายเสียงตัวใหญ่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการนั่งชมดอกซากุระในครั้งนี้  ครอบครัวแต่ละครอบครัวพากันเฮฮาสนุกสนานไปกับเสียงเพลงบ้างร้องตามบ้างพากันลุกขึ้นเต้นรำ  แต่มันไม่ใช่กับครอบครัวฮานะซากุคำพูดที่ทามะเอ่ยขึ้นคำพูดที่เม็ดทรายไม่เข้าใจ มันทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ  ใบหน้าของคุณน้าโนริโกะดูเรียบเฉยลงทันที  ทามะคงพูดอะไรสักอย่างที่สะกิดโดนจิตใจของคนกลุ่มนี้เข้าโดยเฉพาะคุณน้าโนริโกะ 
                   
    โอ้โห...นี่คุณน้ากับทามะซังเป็นคนทำรึเนี่ย หอมน่ากินจังเม็ดทรายหยิบปิ่นโตขึ้นดมพร้อมส่งเสียงดังปลุกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์
        
               แล้วมันแกะยังไงหล่ะเม็ดทรายพยายามแงะที่ปิดล็อคของปิ่นโต
                    โครม
    !!”
    อาหารทั้งหมดที่อยู่ในปิ่นโตทั้งของแห้งและเปียกหกกระจายลงไปยังตักของผู้การหนุ่ม
                   
    อ่ะ..........เม็ดทรายมองดูผลงานของตัวเองที่หกเปรอะเละเทอะยูกาตะของทากะฮิโระที่รีบลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจ
                   
    เธอ เสียงพูดของผู้การหนุ่มดังลอดผ่านไรฟันที่ขบกันไว้แน่น  เม็ดทรายรีบหนีไปแอบที่หลังของโนริโกะ  ทากะฮิโระปัดเศษอาหารออกจากยูกาตะของตนอย่างหัวเสียก่อนนั่งลงตามเดิม
                   
    อย่าโมโหซากุระไปเลยทากะฮิโระ เธอยังเด็กอยู่นะจ๊ะ โนริโกะยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของเม็ดทรายที่หนีผู้การหนุ่มมาซ่อนอยู่ด้านหลังของตน   ทากะฮิโระเหล่มองไปทางเม็ดทรายยื่นผ้ามาตนให้ช้าๆ  ชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ถอนหายใจกับความเปิ่นซุ่มซ่ามของคนที่อยู่ตรงหน้าที่ไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย 
                   
    จะหลบอย่างนั้นไปอีกนานมั้ยผู้การหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมคลายคิ้วสีดำได้รูปที่ขมวดกันออก  เม็ดทรายเมื่อเห็นทีท่าของผู้การหนุ่มดูอ่อนลงจึงรีบคลานกลับมานั่งที่เดิม
                   
    อ๋า...! ที่หก มีซุปสาหร่ายด้วยนี่  ยัยเม็ดทรายเอ้ย ไม่น่าซุ่มซ่ามเลยเรา เม็ดทรายมองคราบเศษสาหร่ายที่หลงเหลือเปรอะอยู่บนเสื่อ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสดงความเสียดายออกมาชัดเจน
                   
    เมี๊ยว
                   
    มิเกะ ผู้การหนุ่มโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ  มิเกะแมวเหมียวสีขาวนวลอ้วนตุ๊ต๊ะเดินเข้าไซ้คลอเคลียเจ้านายของตนไปมาจนพอใจแล้วจึงล้มตัวลงนอนบนตักของนายหนุ่มพร้อมใช้ปากเลียยูกาตะที่มีกลิ่นอาหารติดอยู่
                   
    ฝ่ากลุ่มคนมาเองรึเนี่ย โนริโกะทึ่งกับความสามารถของมิเกะแมวที่แสนจะขี้เกียจตัวนี้
                     
    คงเหงาที่โดนทิ้งให้อยู่คนเดียว ทากะฮิโระเอามือเกาคางมิเกะที่ยื่นหน้าทู่ๆออกและครางออกมาอย่างพอใจ
                   
    ดู ดู๊ ทำเข้า ฮึ เม็ดทรายจ้องมิเกะตาเป็นมัน
                   
    น่าหมั่นไส้ น่าอิจฉาที่สุดเลย เม็ดทรายก็อยากขึ้นไปนอนตักโกโบริให้สุดที่รักเกาคางให้เหมือนกันนะ  เค้าไม่ยอม นี่เราแพ้แมวตุ๊ต๊ะจ้ำม้ำหรอเนี่ย อยากเกิดเป็นแมวแล้วง่ะตอนนี้ เอาตักสุดที่รักของเค้าคืนมานะเจ้าแมวบ้า.... ดวงตาสีน้ำตาลเต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาและความเคียดแค้น  
                   
    มันต้องเจออย่างนี้ จอมวางแผนการเริ่มวางกลอุบายอันลึกล้ำอีกครั้ง
                   
    มิเกะ  มาทางนี้เร็ว เมี๊ยวๆ  เจ้าแมวอ้วนหันหน้ามองไปทางเสียงเรียก  เทมปุระชิ้นโตแกว่งไปแกว่งมา เหมียวมิเกะกระโดดลงจากตักของนายหนุ่ม ดวงตาสีฟ้าจ้องมองกุ้งตัวใหญ่ที่โบยบินไปมาอย่างไม่ละสายตา
                   
    เห็นมั้ย ไม่มีใครรักโกโบริ เท่าเม็ดทรายหรอก ดูสิแค่เทมปุระชิ้นเดียวก็ทำให้มิเกะยอมละทิ้งตักอันทรงเสน่ห์  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เท่านี้ตักนั้นก็ว่างและจะเป็นของเราเพียงผู้เดียว เม็ดทรายแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
                   
    สวัสดีครับ
    เสียงทุ้มของชายที่ไม่คุ้นเคยดังทักขึ้น  ทุกคนวางมือจากการทานอาหารแล้วมองไปยังผู้มาเยือน ชายวัยสี่สิบต้นๆในชุดเสื้อเช็ตแขนยาวสีขาวมอตัวโครกกับกางเกงสแลคสีเทา และรองเท้าหนังสีดำที่เปื้อนฝุ่นเกรอะกรัง  ที่มือของเขาถือกล้องถ่ายรูปอันใหญ่เอาไว้
                   
    ขอประทานโทษที่มารบกวนนะครับ  สนใจถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกมั้ยครับ ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาวมอกล่าวอย่างสุภาพ
                   
    กล้อง......  จะมาถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์หรอ เอาสิๆ แต่งตัวอย่างนี้นักข่าวชัวร์
                   
    “Hai !!”เม็ดทรายโพล่งออกไปโดยไม่ได้ปรึกษาใครแต่ก็ไม่มีใครค้านเช่นเดียวกัน
                   
    ถ้าอย่างนั้น ช่วยขยับเข้ามาชิดๆกันหน่อยนะครับ ตากล้องสมัครเล่นยกมือขึ้นทำสัญญาณให้ทุกคนขยับเข้ามาในระยะของโฟกัสกล้อง
                   
    คุณผู้ชายกรุณายิ้มหน่อยครับ แม้ว่าตากล้องจะพูดอย่างไรผู้การหนุ่มก็ยังคงรักษามาดนิ่งของตนเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
                   
    เมื่อไหร่จะถ่ายเนี่ย ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว เม็ดทรายนั่งบ่นทั้งๆที่ปากยังยิ้มกว้างอยู่ ความสามารถระดับนางงามเชียวนะ
                   
    อ๊ะ...จะลืมท่านี้ไม่ได้เม็ดทรายชูสองนิ้วขึ้นมาพร้อมเอนหัวไปทางท่านผู้การหนุ่ม
                   
    แชะ
                   
    เรียบร้อยครับ  ไม่ทราบว่าที่อยู่ของบ้านคือ.....
                   
    ฮานะซากุ ผู้การหนุ่มตอบ
                   
    ครับ  แล้วทางเราจะจัดส่งรูปกลับไปให้นะครับ  ขอบคุณครับ ตากล้องสมัครเล่นโค้งคำนับแล้วเดินจากไป
                   
    อะริงาโตะ คะ เม็ดทรายลุกขึ้นยืนโค้งคำนับบ้าง
                   
    ที่ญี่ปุ่นตอนนี้ไม่มีกล้องโพลารอยด์หรอ ไอ้แบบที่ถ่ายปุ๊ป สะบัดๆแล้วก็ได้รูปเลย จะได้เห็นไวๆ แต่สมัยนี้ญี่ปุ่นมีกล้องวีดีโอแล้วนี่ภาพสีซะด้วย ร้ายกาจกันจริง
                   
    ฟังไม่ออกอะดิ ว่าเค้าพูดว่าอะไร  อยากฟังออกมะเดี๋ยวเค้าไปสอนให้ตัวต่อตัวเลยมะ  อิอิเม็ดทรายพูดแหย่ผู้การหนุ่มอย่างสนุกสนาน  ทากะฮิโระยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มแล้ววางลง
                   
    ถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายใครต่อใครก็ควรรีบพูดภาษาญี่ปุ่นให้เป็นซะผู้การหนุ่มหันมาพูดกับเม็ดทรายที่พยายามเอื้อมมือไปคีบอาหารที่อยู่ไกลออกไป
                   
    ไรหรอ เม็ดทรายทำหน้าใสซื่อกับคำพูดของผู้การหนุ่ม
                   
    ได้เวลากลับเข้าประจำการแล้ว  ผมขอตัวก่อนนะครับ โนริโกะผู้การหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งคำนับให้โนริโกะแม่เลี้ยงของตน  เม็ดทรายมองตามผู้การหนุ่มที่เดินจากไปจนลับตา
                   
    ไม่ลากันสักคำ
                    เวลาเคลื่อนคล้อยมาจนบ่าย ทามะเก็บเสื่อเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน  เม็ดทรายก้มลงอุ้มมิเกะที่นอนท้องอืดลุกขึ้นไม่ไหวขึ้นมาซบไว้บนบ่า  แม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้วแต่จำนวนของผู้คนที่มานั่งชมดอกซากุระก็ไม่มีทีท่าที่จะลดลงเลยแม้แต่น้อย
    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดหอบเอากลีบของดอกซากุระล่องลอยไปตามแรงลม  เม็ดทรายยกมือข้างที่ยังว่างขึ้นไล่จับกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยลงมา
                   
    อยากพูดภาษาญี่ปุ่นได้เร็วๆจังเลยน้า จะได้คุยกับเขาได้มากกว่านี้เม็ดทรายเอากลีบดอกซากุระที่คว้ามาได้โยนขึ้นบนท้องฟ้า  เมื่อกลับไปถึงบ้านเม็ดทรายรีบไปหยิบสมุดไดอะรี่ของตนออกมาจากลิ้นชักและเปิดกระดาษหน้าต่อไปขึ้น

                วันนี้ได้ไปชมดอกซากุระที่เรียกว่าฮานามิกับเขามาด้วย ทากะฮิโระคุงตามจริงเม็ดทรายควรเรียกเขาว่าฮานะซากุซัง มาในชุดยูกาตะมันก็แปลกตาดีเพราะทุกวันเม็ดทรายจะเห็นเขาในมาดทหารซะมากกว่า  ถ้าไม่ใช่ในช่วงสงครามเม็ดทรายคงได้เห็นทากะฮิโระคุงในชุดยูกาตะทุกวันแน่เลย อาหารที่น้าโนริโกะทำอร่อยมากเลยแต่เม็ดทรายดันทำหกซะนี่สิแถมยังหกรดใส่ทากะฮิโระด้วยเขาโกรธมากจ้องเม็ดทรายตาเขียวเลย ตอนนั้นเม็ดทรายกลัวมากเลยนะ กลัวจริงๆแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เม็ดทรายนั่งมองแต่ละครอบครัวที่ออกมาชมดอกซากุระเม็ดทรายก็รู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาเหมือนกัน ป่านนี้คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็ใบหลิวคงเป็นห่วงเม็ดทรายมากแน่ๆ แต่เม็ดทรายก็ไม่รู้วิธีที่จะติดต่อกลับไป  การติดต่อข้ามมิติไปหากันนี่มันทำยังไงนะ  แล้วเวลาที่นี่กลับเวลาที่โลกปัจจุบันจะเดินตรงกันมั้ย 
             ปล. รูปที่ถ่ายวันนี้เมื่อไหร่จะได้รับนะ
                                                                                              คิดถึงทุกคน
                                                                                                เม็ดทราย
                     เม็ดทรายวางปากกาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองฝูงเครื่องบินรบที่บินผ่านไป  ทำไมโลกนี้ต้องมีสงครามด้วยนะ  1944 มันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วตอนนี้เราอยู่ที่เมืองอะไร  แล้วสงครามจะจบลงเมื่อไหร่นะ  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความสงสัย  สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นไทย  ป่านนี้โกโบริคงกำลังจีบอังศุมาลิน อยู่แน่เลย....คิดไปได้   เข้านอนดีกว่า   เม็ดทรายหยิบสมุดบันทึกเก็บเข้าที่ลิ้นชักเช่นเดิม  ตะเกียงน้ำมันถูกหรี่ลงให้เหลือแสงเพียงเบาบาง  มือเล็กเนียนนุ่มดึงผ้าที่วางไว้ขึ้นมาห่ม  ปากจิ้มลิ้มแต่ดูอวบอิ่มขยับไปมาเล็กน้อยก่อนปิดสนิท

     อะ.....คะ....อิ สำเนียงแปร่งๆดังขึ้นในช่วงเช้าของอีกวัน
                   
    โอ๊ย!! ทำไมถึงมีแต่คันญิกับตัวอักษรที่เม็ดทรายอ่านไม่ออกนะ  ยากจังเม็ดทรายทำปากบู้ใส่หนังสือพิมพ์ฉบับเก่าที่ไปรื้อมาอ่าน แต่สาวน้อยก็ยังคงไม่ยอมแพ้เธอยังคงดันทุลังอ่านต่อไป
                   
    พรึบ หนังสือเล่มโตถูกยื่นมาตรงหน้าของเม็ดทราย
                   
    โนริโกะบอกว่าเธอพอจะอ่านภาษาอังกฤษออก ไอ้นี่คงช่วยได้มากผู้การทากะฮิโระในชุดเครื่องแบบเต็มยศส่งหนังสือสำหรับหัดพูดภาษาญี่ปุ่นให้กับเม็ดทราย เด็กสาวรีบรับหนังสือมาเปิดออกดู
                   
    โดโมะ อะริงาโตะ........เม็ดทรายเลยหน้าขึ้นเอ่ยขอบคุณผู้การหนุ่มแต่เขาได้เดินจากไปแล้ว
                     
    อยู่รับคำขอบคุณก่อนก็ไม่ได้
                   
    ดีจังเลย.....เม็ดทรายจะอ่านทุกวันยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบเลย เม็ดทรายกอดหนังสือที่ผู้การหนุ่มมอบให้ด้วยความดีใจ
    ผู้การหนุ่มหันหน้ามามองเม็ดทรายที่นั่งอ่านหนังสืออย่างขมักขะเม้นจากภายในตัวรถจี๊บทหาร
                   
    รีบพูดภาษาญี่ปุ่นให้เป็น ฉันจะได้รู้สักทีว่าเธอเป็นใคร
                    ค่ายทหารกองพันที่ 304 ณ เมืองฮิโรชิมา  การประชุมที่ตึงเครียดเริ่มต้นขึ้นเมื่อทางการญี่ปุ่นได้รับข่าวร้ายมาว่าเรือบรรทุกน้ำมันและอาวุธถูกดักรอบโจมตีโดยกำลังฝ่ายตรงข้าม  ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากยิ่งกว่าตอนที่
    เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินถูกทิ้งระเบิดที่กรุงโตเกียว  การประชุมกินเวลายืดยาวจนถึงช่วงเย็นก็ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์  ผู้การทากะฮิโระเดินออกมาจากที่ประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ในช่วงนี้ญี่ปุ่นถือว่าอยู่ในช่วงไม่มั่นคงนักเหมือนในตอนเริ่มประกาศสงครามเมื่อ 5 ปีที่แล้ว  ทากะฮิโระเสนอตัวที่จะออกไปรบแนวหน้าอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว  แม้ว่ากองพลของผู้การหนุ่มจะเป็นกองพลที่สูญเสียทหารไปน้อยที่สุดแต่การนั่งวางแผนการอย่างเดียวไปวันๆนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการในการเข้ามารับราชการทหารต่อจากผู้เป็นพ่อที่ออกไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพลทหารของตนอย่างห้าวหาญจนสิ้นชีพในสนามรบเยี่ยงชายชาติทหาร
                    ทากะฮิโระวางหมวกลงบนโต๊ะ มือใหญ่หยาบกร้านยกขึ้นลูบหน้าและผมที่เริ่มยาวมากขึ้นแล้วเท้ามือลงบนขอบโต๊ะพร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแก้เครียด  ร่างสูงใหญ่ทอดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ภายในห้องทำงาน เท้าที่สวมคอมแบตคู่โตยกขึ้นพาดไว้บนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยแผนที่การรบและเอกสารคำร้องที่ไร้การแยแสจากนายทหารชั้นสูง  สร้อยรอคเก็ตสีเงินแกะสลักตราประจำตระกูลรูปดอกซากุระที่สวมใส่ติดตัวมาตลอดตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบถูกดึงออกมาเปิดดู  ภายในเป็นรูปของนายทหารยศผู้พันที่ดูเข้มงวดใบหน้าสีเข้ม หนวดที่มุมปากสีขาวตวัดขึ้นนั่นเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากในตัวผู้พันคนนี้แต่ในแววตาที่คมกริบดูดุดันก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนให้กับอีก 2 ชีวิตที่อยู่ร่วมในภาพ หญิงสาวใบหน้าเรียวได้รูปสีขาวนวลเนียน คิ้วอ่อนบางโค้งราวกับใบหลิว  จมูกโด่งรั้งและปากเรียวบางสีชมพูดั่งกลีบดอกซากุระแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ที่มืออันใหญ่โตของผู้พันและมือขาวนวลของหญิงสาวได้เกาะกุมเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนยิ้มกว้างในชุดสวมฮาโอริสีน้ำเงินคลุมกิโมโนเอาไว้ แต่รอยยิ้มของเด็กชายในภาพมันได้หายไปแล้วหลังจากที่บุคคลทั้งสองได้จากไป
                   
    นี่ผมทำได้ดีเหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับรึยัง
                     ผู้การหนุ่มจิ้มบุหรี่ลงบนจานรองด้านข้าง เท้าที่วางพาดไว้บนโต๊ะถูกยกลง ข้าวของที่กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบถูกจัดวางใหม่  ทากะฮิโระมองไปยังเอกสารคำร้องที่กำลังจะถูกเก็บลงไปในลิ้นชักแต่ไม่ว่าอย่างไร สักวันเขาต้องได้ออกไปรบยังสนามรบเยี่ยงนักรบอย่างผู้เป็นพ่อ  ลิ้นชักถูกปิดลงแผนที่สนามรบ เอกสารด้านการรบอื่นๆถูกนำขึ้นมาวางไว้แทนที่  ผู้การหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้ามาเล็กน้อยแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ  ฝ่ายตรงข้ามเริ่มโจมตีหนักเข้าทุกวันการวางแผนการที่ดีและแม่นยำเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้  อีกไม่นานกองพลทหารของทากะฮิโระจะเข้าสู่สนามรบเขาจะต้องวางแผนให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดกับกองทหารเท่าที่จะทำได้แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้ต้องสูญเสียใครไปแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง

                 
    ทางด้านเม็ดทรายก็นั่งหัดออกเสียงกับโนริโกะที่ค่อยๆสอนอย่างใจเย็น หนังสือที่ทากะฮิโระเอามาให้ค่อนข้างจะอ่านง่ายเม็ดทรายจึงเรียนรู้ได้รวดเร็วกอปรกับการได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศของเจ้าของภาษาได้พูดคุยกันทุกวัน  ในช่วงพักเม็ดทรายได้ลองย่างโมจิในแบบฉบับต้นตำหรับเด็กน้อยสนุกสนานไปกับการย่างโมจิจนถึงเย็น
                   
    กริ๊ง  กริ๊งเสียงกดกริ่งของจักยานดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน  เม็ดทรายจอมจุ้นรีบวิ่งออกไปดู  บุรุษไปรษณีย์ในชุดข้าราชการสีกากีเอี้ยวตัวหยิบซองพัสดุสีน้ำตาลยื่นให้กับเม็ดทรายพร้อมกับจ้องมองแปลกๆไปที่ผมของเด็กสาวก่อนจะขี่จักรยานเก่าคร่ำเคร่อจากไป  เม็ดทรายยกมือขึ้นลูบผมของตัวเองที่ซอยสั้นต่างจากเด็กสาวทั่วไปผมที่ขาดการจัดทรงให้เข้าที่มันยุ่งเหยิงชี้ฟูจนขนาดเจ้าตัวยังรู้ดีว่ามันคงดูแย่  เม็ดทรายเดินเอาซองพัสดุไปให้โนริโกะที่นั่งปักผ้าอยู่ในห้อง
                     
    ขอบใจจ่ะ ซากุระ โนริโกะรับซองมาจากเม็ดทราย
                   
    โอตาริ มาซาบุโระ ใครกันนะ โนริโกะใช้มีดกรีดที่ขอบซอง  รูปถ่ายในวันชมดอกซากุระถูกดึงออกมาช้าๆ รูปถ่ายสีขาวดำให้ความรู้สึกเป็นความทรงจำในวันวาน  เม็ดทรายรับรูปจากโนริโกะมาดูต่อเด็กสาวอมยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นตนเองในรูป  เม็ดทรายที่ยิ้มกว้างชู 2 นิ้วและเอียงหัวไปทางผู้การทากะฮิโระที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นรูปปั้นหินเหมือนเช่นเคย   โนริโกะมองดูเม็ดทรายที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับชายหนุ่มในรูปเธอรู้ได้ทันทีว่าเส้นใยแห่งความรักได้ถูกถักทอขึ้นแล้วที่นิ้วก้อยน้อยๆแต่เส้นใยนี้จะถูกถักทอสานต่อจากอีกฝั่งหรือไม่เธอก็มิอาจคาดเดาได้
                   
    เก็บเอาไว้เถอะจ่ะโนริโกะยื่นรูปคืนให้เม็ดทรายที่ยื่นรูปส่งคืนให้เธอ
                     
    ขอบคุณค่ะเม็ดทรายเก็บภาพถ่ายใส่เข้าในซองเหมือนเดิม  เท้าน้อยๆรีบวิ่งไปสวมรองเท้าเกี๊ยะ ก๊อก แก๊ก เสียงร้องเท้าดังเป็นจังหวะตามฝีเท้าที่รีบวิ่งไปยืนรออยู่ที่ด้านหน้าบ้านของผู้การหนุ่ม  เม็ดทรายยืนหันหลังพิงกำแพงไม้ไผ่ในมือกำรูปถ่ายที่ได้รับมาในวันนี้ไว้แน่น
                   
    กลับมาเร็วๆสิ เม็ดทรายฉะเง้อหน้ามองหารถจี๊บทหารที่ทากะฮิโระชอบนั่งกลับมา เม็ดทรายยืนรอจนมืดแต่ก็ไม่มีวี่แววของผู้การหนุ่มเด็กสาวเดินคอตกกลับไปยังที่พักของตน  เม็ดทรายหยิบสมุดบันทึกออกมาแล้วสอดซองพัสดุเข้าไป
                   
    อุตส่าห์ไปยืนรอ  ทีนี้ถ้าอยากดูก็มาขอดูเองละกัน ฮึเม็ดทรายทำแก้มปูดใส่บ้านของผู้การที่มีเพียงไฟจากตะเกียงส่องสว่างอยู่

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×