ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAKURA-บทเพลงรักทางช้างเผือก-

    ลำดับตอนที่ #2 : -Chapter II-

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 50


    -Chapter ll-

     

    วันนี้โนริโกะพาเม็ดทรายไปเดินเที่ยวในตัวเมืองหาซื้อยูกาตะเพราะยูกาตะที่เธอใส่มีอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้นแถมยังเป็นยูกาตะตัวเก่าที่โนริโกะเคยใส่ตอนเป็นเด็ก แต่แม้มันจะเป็นของเก่าแต่ก็ยังดูใหม่อยู่มาก  เม็ดทรายตื่นตากับความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในยุคนี้เป็นอย่างมาก  แต่ในความคิดแผลงๆของเม็ดทรายก็อยากเห็นเด็กวัยรุ่นในชุดคอสเพลย์เดินเล่นอยู่ในเมืองนี้เหมือนกัน  มันคงพิลึกดี 
                   
    เกอิชา เม็ดทรายโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองไปเห็นเกอิชาสาวสวยสองคนเดินผ่านเธอไป
                     
    ใช่จ่ะ  นั่นเรียกว่า เกอิชา โนริโกะพูดขึ้น
                   
    คนหนึ่งคือ มิโกะ เป็นเกอิชาฝึกหัดจะใส่กิโมโนสีแดงไว้ด้านในมักจะมาพร้อมเกอิชารุ่นพี่เสมอ....
    เม็ดทรายตั้งหน้าตั้งตาฟังโนริโกะอธิบายแม้จะแปลไม่ออกสักคำ ทั้งที่โนริโกะพยายามพูดช้าก็ตาม ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้วที่เม็ดทรายก้าวข้ามผ่านอดีตมา  เม็ดทรายพยายามเรียนรู้ภาษาที่นี่แต่มันก็ยากเหลือเกิน ตอนนี้เธอพูดได้แค่เพียงสวัสดี ขอบคุณ และทานข้าว แต่เม็ดทรายก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอมักศึกษาจากบทสนทนาของโนริโกะหญิงสาวที่ใจดีเหมือนแม่ของเธอ จนเม็ดทรายเคยนึกเข้าใจว่านี่คืออดีตชาติของม่ามี๋นั่นเอง ถ้าเป็นไปได้เม็ดทรายก็อยากลองเรียกโนริโกะว่าแม่สักครั้ง  ในฐานะอะไรน่ะหรอ    ลูกสะใภ้ไงหล่ะ.......
                   
    ยูกาตะตัวใหม่เม็ดทรายใส่แล้วน่ารักมั้ย จ้ำม้ำ เม็ดทรายหมุนตัวไปมาอวดยูกาตะที่เพิ่งซื้อมาให้มิเกะแมวอ้วนตุ๊ต๊ะดู
                   
    ง่าว~”มิเกะตอบรับ
        
               ใช่มั้ยหล่ะ  แล้วอย่าลืมไปบอกเจ้านายนะจ๊ะ เม็ดทรายอุ้มมิเกะขึ้นมาหอม
                   
    นอกจากยูกาตะ คุณน้าโนริโกะก็ยังซื้อสมุดโน๊ตกับเครื่องเขียนให้ด้วยนะ เม็ดทรายเดินไปรื้อสมุดโน้ตเตรียมมาสเก็ตรูป  มิเกะที่นอนอุตุอย่างแมวขี้เกียจ  แต่พอเม็ดทรายนั่งลงเตรียมสเก็ตรูป เหมียวมิเกะก็กระโดดวิ่งไปทางหน้าบ้าน  เม็ดทรายรีบวิ่งตามจับมิเกะที่ไม่ยอมมาเป็นแบบให้วาดจนออกไปจากตัวบ้าน
                   
    มิเกะ  มิเกะเม็ดทรายเดินตะโกนเรียกหาเจ้าแมวอ้วน
                   
    โถ่เอ๊ย...ที่แท้ก็วิ่งไล่ตามหนูมานี่เอง  ไม่ได้นะเป็นแมวผู้ดีห้ามกินหนูข้างทางรู้มั้ยเม็ดทรายอุ้มมิเกะที่คำรามในลำคอด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
                   
    ไปเป็นแบบให้เม็ดทรายซะโดยดี
                   
    จะรีบไปไหนหล่ะจ๊ะน้องสาว กลุ่มเด็กวัยรุ่นชาย3-4 คนเดินเข้าล้อมตัว เม็ดทรายไว้
        
               โอ้...นั่นผมทรงอะไรน่ะ  เกิดมาเพิ่งเคยเห็น เด็กหนุ่มอายุน่าจะมากกว่าเม็ดทรายสัก 2 ปีเอามือมาแตะผมบ๊อบเทซอยสั้นสุดแนวของสาวน้อยหน้ากลม
                   
    ฟ่อ..!!!  มิเกะขู่วัยรุ่นที่เข้ามาหมายจะลวนวามเม็ดทราย
                    ไม่เป็นไรมิเกะ  พวกนี้ยังรู้จักเม็ดทรายน้อยไป เม็ดทรายโยนมิเกะไว้บนต้นไม้ข้างๆ
                     
    เฮ้ย  สาวน้อยคิดจะสู้ว่ะ กลุ่มเด็กวัยรุ่นพากันหัวเราะท่าทางของเม็ดทรายที่เริ่มถกชายแขนยูกาตะขึ้นพร้อมกำหมัด
                    ทำเป็นหัวเราะไปเจอฤทธิ์ เม็ดทราย ส. แสบสนิท ซะหน่อยแล้วจะวิ่งร้องหาแม่  ว่าแล้วเม็ดทรายก็ดึงชายยูกาตะขึ้นสอดไว้กับโอบิ  ทำเอาบรรดาหนุ่มๆจ้องกันตาค้างกับขาอ่อนที่ปรากฏ
                     มองอะไร ไอ้พวกทะลึ่ง เม็ดทรายวิ่งตรงไปยังกลุ่มอันตพาลและกระโดดเตะไปที่ก้างคอของเด็กชายที่อยู่หน้าสุดล้มลงไปกองกับพื้น
                   
    ร้ายนักนะยัยนี่ อันตพาลที่เหลือวิ่งตรงเข้าลุมเม็ดทรายที่ต่อสู้อย่างไม่กลัวเจ็บ
        
               ปัง !!” เสียงปืนดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เหตุชุลมุนยุติลง เม็ดทรายที่กำลังนั่งคร่อมหนึ่งในอันตพาลพร้อมเงี้ยหมัดเตรียมต่อยเต็มที่เงยหน้าขึ้นมองบุรุษเจ้าของเสียงปืนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
                   
    โกโบริ
    หนึ่งในอันตพาลเห็นได้โอกาสเลยผลักเม็ดทรายที่กำลังเผลอล้มกระเด็นไปกับพื้น ก่อนจะรีบวิ่งหนีหน้าตั้งไป
                   
    อ้าว จะหนีไปไหน แน่จริงกลับมาเดะ โถ่...นึกว่าแน่ เม็ดทรายลุกขึ้นมาตะโกนโวกเวกอย่างหัวเสีย  ทากะฮิโระยืนมองเด็กสาวที่ยูกาตะหลุดหลุ้ยลงมาจนทำให้เห็นยูกาตะตัวในแถมยังมอมแมมด้วยคราบฝุ่นที่เปรอะเปรื้อนไปทั้งตัว  และทรงผมยังยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้รวมทั้งเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยแผลทะลอก
                   
    กลับบ้านซะเม็ดทรายรีบหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
    ว้าย เราลืมไปเลยว่า โกโบริยืนอยู่ตรงนี้  เม็ดทรายก้มลงมองสภาพของตัวเองที่อยู่ในขั้นวิกฤต   เม็ดทรายเดินกลับบ้านตาม  ทากะฮิโระอย่างสงบปากสงบคำ  นี่เป็นสภาพที่ทุเรศที่สุดถ้าเป็นคนทั่วไปมาเห็นก็คงไม่เป็นไร  แต่นี่กลับเป็นยอดชายในฝันซะได้ โถ่เอ๊ย....อยากร้องไห้ จริงๆเลย    ทากะฮิโระเดินมาจนถึงตัวบ้านแต่มันกลับเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่
                   
    โนริโกะซัง ทากะฮิโระเดินเรียกหาโนริโกะภายในตัวบ้านแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
                   
    ไม่ใครอยู่หรอก เม็ดทรายตะโกนบอกผู้การหนุ่มก่อนจะรีบวิ่งกลับห้องตรงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า   ทากะฮิโระไม่ได้สนใจคำพูดของเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย   เขายังคงเดินตามหาโนริโกะต่อไป
                   
    ไม่มีใครอยู่จริงๆ  ทำไมถึงกล้าทิ้งบ้านไว้กลับเด็กสาวไม่เต็มคนนี้นะ  ทากะฮิโระหยิบกล่องพยาบาลของบ้านออกมาวางเตรียมไว้บนโต๊ะ  ตามจริงแล้วมันไม่ใช่ธุระอะไรของเขาที่ต้องมาทำเรื่องพรรค์นี้  เม็ดทรายเดินมานั่งข้างๆผู้การหนุ่มที่เตรียมยารอไว้ให้
                   
    แม๋...เป็นห่วงเม็ดทรายขนาดนี้เลยหรอคะ  เห็นแค่นี้เม็ดทรายก็หายเจ็บเป็นปริดทิ้งแล้วหล่ะค่ะเด็กสาวหันหน้าอันอวบอิ่มแอ๊บแบ๋วไปออดอ้อนส่งยิ้มหวานให้
                     
    ถ้าจะไปเต็มเอาซะจริงๆรึเป็นเพราะโดนรถชนตอนนั้น ทากะฮิโระคิดในใจพลางเบียนหน้าหนีอย่างเอียมระอาและเริ่มเอาสำลีชุบยา
                   
    อะไรน่ะ เม็ดทรายยื่นหน้าไปอ่านตัวหนังสือที่ฉลากขวดยา
                   
    ทิงเจอร์ ไอโอดีน  อืมๆ
                    ห๋า....ไม่นะ  นี่จะฆ่ากันทั้งเป็นรึไง   เม็ดทรายไม่ทาทิงเจอร์  ไม่เอ๊า....!!!!!!” เม็ดทรายร้องโวยวายพร้อมคลานหนีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถเร็วไปกว่ามือของผู้การหนุ่มที่คว้าแขนอวบอั๋นของเม็ดทรายไว้ได้  เม็ดทรายโดนดึงให้กลับมานั่งที่เดิม
                   
    เปิดแขนเสื้อขึ้น ทากะฮิโระพูด  เม็ดทรายเปิดแขนเสื้อกิโมโนช้าๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าสุดหล่อของตัวเองพูดอะไร
                   
    ไม่แสบหรอกเม็ดทรายเงยหน้าขึ้นฟังผู้การหนุ่มและเดาว่าเขาคงปลอบใจเธอล่ะมั้ง
                   
    ไม่แสบจริงนะ ตัวเอง เม็ดทรายทำตาโตใส่สำลีชุบยาที่สามารถปลิดชีพเธอได้ในไม่กี่นาที( เว่อร์และยัยเม็ดทราย) และสำลีก็ถูกทาลงบนแผลถลอกที่แขนของเธอ
                   
    กรี๊ด............!!! แสบที่สุดเลย  ปล่อยนะปล่อยเดี๋ยวนี้เลย  คนโกหก คนหลอกลวง  คนบ้า เม็ดทรายสบัดมือออกจากผู้การหนุ่มพร้อมรัวตีไม่ยั้ง  เมื่อพอใจแล้วสาวน้อยก็รีบคลานหนีไปตั้งหลักที่มุมห้องอีกครั้ง  ทากะฮิโระเปลี่ยนสำลียาอันใหม่แล้วเดินตรงไปสู้กับเม็ดทรายอีกรอบ  เสียงร้องโวกเวกโวยวายของเด็กสาวดังขึ้นลั่นบ้านตระกูลฮานะซากุ  ทำเอาชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองอย่างแตกตื่น   การต่อสู้กับปีศาจสำลีชุบยาของเม็ดทรายก็จบลงด้วยคราบน้ำตาที่คลอเบ้าของเด็กสาว  โนริโกะที่เพิ่งกลับมาถึงรีบวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุ
                   
    ซากุระเป็นอะไรจ๊ะ โนริโกะจับแขนเม็ดทรายที่เป็นจ้ำๆด้วยรอยสีของยาทาแผลขึ้นมาดู
        
               ไปโดนอะไรมา ซากุระ
                   
    ไปทะเลาะกับเจ้าถิ่นแถวนี้มานะสิ ทากะฮิโระดึงเสื้อของตัวเองให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเก่า
    คนหล่อใจร้าย....ฝากไว้ก่อนเหอะ   เม็ดทรายทำแก้มปูดใส่ผู้การหนุ่มที่เก็บชุดยาไปไว้ที่เดิมและเดินออกจากห้องไป 
                   
    ทะเลาะ โนริโกะมองเม็ดทรายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกล้าไปสู้กับพวกอันตพาลเชียวหรอ
                   
    เม็ดทรายไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ น้าโนริโกะ เม็ดทรายหันไปยิ้มให้โนริโกะ
                   
    เม็ดทรายหิวแล้วง่ะ....ซื้ออะไรมาให้เม็ดทรายกินมั่งเนี่ย เม็ดทรายเข้าไปออดอ้อนโนริโกะที่ยิ้มอย่างอ่อนใจกับความซุกซนเกินผู้หญิงของเม็ดทราย แต่ความออดอ้อนของเม็ดทรายก็ทำให้โนริโกะที่ไม่เคยมีลูกแท้ๆของตนเองหลงรักเด็กลึกลับคนนี้ซะแล้วสิ 
                   
    ทานข้าวกลางวันรึยังจ๊ะ โนริโกะยกมือขึ้นลูบหัวเม็ดทราย
                   
    ยังค่ะ เม็ดทรายส่ายหน้า
                     
    งั้น เดี๋ยวน้าไปทำมาให้ทาน รอสักครู่นะ
                     
    ค่ะ

    หลังจากที่โนริโกะลุกออกจากห้องไปเม็ดทรายก็ออกไปนั่งตรงชานระเบียงด้านบนของห้องนอนที่สามารถมองไปเห็นที่พักของผู้การทากะฮิโระโกโบริสุดที่รักของตัวเอง  บ้านของผู้การหนุ่มเป็นบ้านไม้ขนาดกลางแบบญี่ปุ่นโบราณ บ้านที่มีเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้นที่ตั้งตะหง่านให้ร่มเงาอยู่ คนหนึ่งคนและแมวหนึ่งตัวอาศัยอยู่มันช่างดูเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวา  เม็ดทรายมองผู้การหนุ่มที่เดินออกมาจากบ้านเพื่อเตรียมออกทำงานอีกครั้ง
                    ไปทำงานดีๆนะคะ เม็ดทรายโบกมือให้มนุษย์รูปปั้นหินที่ไม่เคยสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
    เวลาอีกหนึ่งวันผ่านพ้นไป ดวงอาทิตย์สีแดงสดเคลื่อนคล้อยลงต่ำจนจรดกับพื้นดินก่อนจะจมหายไปปล่อยให้รัตติกาลอันมืดมิดและเงียบสงบเข้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า  เม็ดทรายกลับมานั่งตรงระเบียงอีกครั้งหลังจากการทานอาหารเย็นพร้อมสมุดโน๊ตกับปากกาที่โนริโกะซื้อให้  เด็กสาวค่อยๆบรรจงเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษสีขาว

                    ถ้าจะพูดไปคงจะไม่มีใครเชื่อที่เม็ดทรายเล่าแน่นอน  เพราะขนาดเม็ดทรายเองยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลย เรื่องอะไรนะหรอ  ก็เรื่องที่เม็ดทรายย้อนมิติเวลามายังอดีตน่ะสิ  ที่เม็ดทรายย้อนมาก็คือประเทศญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 วันแรกที่เม็ดทรายมาถึงที่นี่  รอบตัวของเม็ดทรายล้วนมีแต่ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลอ่อนกว้างไกลสุดตาและทางถนนดินสีน้ำตาลเข้มและเสียงรถที่เร่งเครื่องมาทางที่เม็ดทรายยืนอยู่ เม็ดทรายจำได้แค่เพียงว่าตอนนั้นหิวมากจนเป็นลม(น่าอายที่สุดเลยใช่มั้ย...)พอตื่นขึ้มอีกที่ก็มาอยู่ในห้องแบบญี่ปุ่นโบราณและมีผู้หญิงวัยกลางเดินเข้ามาทักและในตอนนั้นก็ทำให้ รู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เม็ดทรายเคยอยู่ มันเป็นโลกในอดีต ที่นี่เม็ดทรายได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งเขาเป็นทหารแต่ท่าทางยศจะสูงพออยู่นะ เห็นมีแต่คนเคารพ อืม....................จะพูดยังไงดีหล่ะ  นั่นน่ะสเปคของเม็ดทรายเลย สูงยาว ผมกับตาสีดำสนิท ริมฝีปากเรียวบางขบกันไว้อย่างคนเจ้าอารมณ์  เขาชื่อ ทากะฮิโระ .....ทากะฮิโระนี่แปลว่าอะไรนะอยากรู้จัง แปลว่ามนุษย์หินรึปล่าวไร้อารมณ์ที่สุด.......แต่เขาก็เป็นรักแรกของเม็ดทรายเลยนะ.......เม็ดทรายชอบเขามากเลย  ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบได้มากขนาดนี้  แถมวันนี้ยังโดนสุดที่รักเอายามาทาแผลให้อีกตะหาก แสบมากเลย เม็ดทรายเลยทุบไปหลายตุบ จะช้ำในรึปล่าวนะ...เป็นห่วงจัง กำปั้นเรายิ่งหนักอยู่  อ้อลืมเลยที่นี่เขาตั้งชื่อให้เม็ดทรายใหม่ว่า ซากุระ ด้วยหล่ะ เพราะมั้ย

                                                                                                          คิดถึงทุกคน
                                                                                                              เม็ดทราย

    เม็ดทรายวางปากกากับสมุดโน๊ตลงพร้อมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวพากันส่องแสงสว่างช่วยให้ค่ำคืนนี้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป  สายลมเอื่อยพัดมาต้องแก้มสีชมพูอ่อนของเด็กสาวที่ซุกหน้าลงบนแขนที่ทาบวางไว้บนราวระเบียง
         
              อะนาตะ โอ อาอิ ชิเตะ มาสุ หอบคำพูดนี้ไปให้ถึงสุดที่รักของเม็ดทรายนะสายลม
    ค่ายทหารกองพันที่ 304
                    มีอะไรรึครับท่านผู้การ สิบโทมิสึบากิถามขึ้น
                   
    ไม่มีอะไรทากะฮิโระก้มหน้าลงทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่ต่อ แต่ลมที่พัดผ่านมาทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
                   
    คืนนี้ลมเย็นสบายดีนะครับ
    เวลาเดียวกันบนต้นไม้ ณ ที่เกิดเหตุ
               
    เมี๊ย---------ว มิเกะที่ถูกโยนทิ้งลืมไว้บนต้นไม้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่อย่างนั้นจนทากะฮิโระเดินมาเจอในตอนเย็นของอีกวันจึงช่วยลงมา  ทำให้มิเกะงอนไปหลายวัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×