คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -Chapter II-
-Chapter ll-
วันนี้โนริโกะพาเม็ดทรายไปเดินเที่ยวในตัวเมืองหาซื้อยูกาตะเพราะยูกาตะที่เธอใส่มีอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้นแถมยังเป็นยูกาตะตัวเก่าที่โนริโกะเคยใส่ตอนเป็นเด็ก แต่แม้มันจะเป็นของเก่าแต่ก็ยังดูใหม่อยู่มาก เม็ดทรายตื่นตากับความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในยุคนี้เป็นอย่างมาก แต่ในความคิดแผลงๆของเม็ดทรายก็อยากเห็นเด็กวัยรุ่นในชุดคอสเพลย์เดินเล่นอยู่ในเมืองนี้เหมือนกัน มันคงพิลึกดี
“เกอิชา” เม็ดทรายโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองไปเห็นเกอิชาสาวสวยสองคนเดินผ่านเธอไป
“ใช่จ่ะ นั่นเรียกว่า เกอิชา ”โนริโกะพูดขึ้น
“คนหนึ่งคือ มิโกะ เป็นเกอิชาฝึกหัดจะใส่กิโมโนสีแดงไว้ด้านในมักจะมาพร้อมเกอิชารุ่นพี่เสมอ....”
เม็ดทรายตั้งหน้าตั้งตาฟังโนริโกะอธิบายแม้จะแปลไม่ออกสักคำ ทั้งที่โนริโกะพยายามพูดช้าก็ตาม ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้วที่เม็ดทรายก้าวข้ามผ่านอดีตมา เม็ดทรายพยายามเรียนรู้ภาษาที่นี่แต่มันก็ยากเหลือเกิน ตอนนี้เธอพูดได้แค่เพียงสวัสดี ขอบคุณ และทานข้าว แต่เม็ดทรายก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอมักศึกษาจากบทสนทนาของโนริโกะหญิงสาวที่ใจดีเหมือนแม่ของเธอ จนเม็ดทรายเคยนึกเข้าใจว่านี่คืออดีตชาติของม่ามี๋นั่นเอง ถ้าเป็นไปได้เม็ดทรายก็อยากลองเรียกโนริโกะว่าแม่สักครั้ง ในฐานะอะไรน่ะหรอ ลูกสะใภ้ไงหล่ะ.......
“ยูกาตะตัวใหม่เม็ดทรายใส่แล้วน่ารักมั้ย จ้ำม้ำ” เม็ดทรายหมุนตัวไปมาอวดยูกาตะที่เพิ่งซื้อมาให้มิเกะแมวอ้วนตุ๊ต๊ะดู
“ง่าว~”มิเกะตอบรับ
“ใช่มั้ยหล่ะ แล้วอย่าลืมไปบอกเจ้านายนะจ๊ะ ” เม็ดทรายอุ้มมิเกะขึ้นมาหอม
“นอกจากยูกาตะ คุณน้าโนริโกะก็ยังซื้อสมุดโน๊ตกับเครื่องเขียนให้ด้วยนะ” เม็ดทรายเดินไปรื้อสมุดโน้ตเตรียมมาสเก็ตรูป มิเกะที่นอนอุตุอย่างแมวขี้เกียจ แต่พอเม็ดทรายนั่งลงเตรียมสเก็ตรูป เหมียวมิเกะก็กระโดดวิ่งไปทางหน้าบ้าน เม็ดทรายรีบวิ่งตามจับมิเกะที่ไม่ยอมมาเป็นแบบให้วาดจนออกไปจากตัวบ้าน
“มิเกะ มิเกะ”เม็ดทรายเดินตะโกนเรียกหาเจ้าแมวอ้วน
“โถ่เอ๊ย...ที่แท้ก็วิ่งไล่ตามหนูมานี่เอง ไม่ได้นะเป็นแมวผู้ดีห้ามกินหนูข้างทางรู้มั้ย”เม็ดทรายอุ้มมิเกะที่คำรามในลำคอด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
“ไปเป็นแบบให้เม็ดทรายซะโดยดี”
“จะรีบไปไหนหล่ะจ๊ะน้องสาว” กลุ่มเด็กวัยรุ่นชาย3-4 คนเดินเข้าล้อมตัว เม็ดทรายไว้
“โอ้...นั่นผมทรงอะไรน่ะ เกิดมาเพิ่งเคยเห็น” เด็กหนุ่มอายุน่าจะมากกว่าเม็ดทรายสัก 2 ปีเอามือมาแตะผมบ๊อบเทซอยสั้นสุดแนวของสาวน้อยหน้ากลม
“ฟ่อ..!!! ”มิเกะขู่วัยรุ่นที่เข้ามาหมายจะลวนวามเม็ดทราย
“ไม่เป็นไรมิเกะ พวกนี้ยังรู้จักเม็ดทรายน้อยไป” เม็ดทรายโยนมิเกะไว้บนต้นไม้ข้างๆ
“เฮ้ย สาวน้อยคิดจะสู้ว่ะ” กลุ่มเด็กวัยรุ่นพากันหัวเราะท่าทางของเม็ดทรายที่เริ่มถกชายแขนยูกาตะขึ้นพร้อมกำหมัด
ทำเป็นหัวเราะไปเจอฤทธิ์ เม็ดทราย ส. แสบสนิท ซะหน่อยแล้วจะวิ่งร้องหาแม่ ว่าแล้วเม็ดทรายก็ดึงชายยูกาตะขึ้นสอดไว้กับโอบิ ทำเอาบรรดาหนุ่มๆจ้องกันตาค้างกับขาอ่อนที่ปรากฏ
“มองอะไร ไอ้พวกทะลึ่ง” เม็ดทรายวิ่งตรงไปยังกลุ่มอันตพาลและกระโดดเตะไปที่ก้างคอของเด็กชายที่อยู่หน้าสุดล้มลงไปกองกับพื้น
“ร้ายนักนะยัยนี่” อันตพาลที่เหลือวิ่งตรงเข้าลุมเม็ดทรายที่ต่อสู้อย่างไม่กลัวเจ็บ
“ปัง !!” เสียงปืนดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เหตุชุลมุนยุติลง เม็ดทรายที่กำลังนั่งคร่อมหนึ่งในอันตพาลพร้อมเงี้ยหมัดเตรียมต่อยเต็มที่เงยหน้าขึ้นมองบุรุษเจ้าของเสียงปืนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“โกโบริ”
หนึ่งในอันตพาลเห็นได้โอกาสเลยผลักเม็ดทรายที่กำลังเผลอล้มกระเด็นไปกับพื้น ก่อนจะรีบวิ่งหนีหน้าตั้งไป
“อ้าว จะหนีไปไหน แน่จริงกลับมาเดะ โถ่...นึกว่าแน่” เม็ดทรายลุกขึ้นมาตะโกนโวกเวกอย่างหัวเสีย ทากะฮิโระยืนมองเด็กสาวที่ยูกาตะหลุดหลุ้ยลงมาจนทำให้เห็นยูกาตะตัวในแถมยังมอมแมมด้วยคราบฝุ่นที่เปรอะเปรื้อนไปทั้งตัว และทรงผมยังยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้รวมทั้งเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยแผลทะลอก
“กลับบ้านซะ”เม็ดทรายรีบหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
ว้าย เราลืมไปเลยว่า โกโบริยืนอยู่ตรงนี้ เม็ดทรายก้มลงมองสภาพของตัวเองที่อยู่ในขั้นวิกฤต เม็ดทรายเดินกลับบ้านตาม ทากะฮิโระอย่างสงบปากสงบคำ นี่เป็นสภาพที่ทุเรศที่สุดถ้าเป็นคนทั่วไปมาเห็นก็คงไม่เป็นไร แต่นี่กลับเป็นยอดชายในฝันซะได้ โถ่เอ๊ย....อยากร้องไห้ จริงๆเลย ทากะฮิโระเดินมาจนถึงตัวบ้านแต่มันกลับเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่
“โนริโกะซัง” ทากะฮิโระเดินเรียกหาโนริโกะภายในตัวบ้านแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ไม่ใครอยู่หรอก” เม็ดทรายตะโกนบอกผู้การหนุ่มก่อนจะรีบวิ่งกลับห้องตรงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ทากะฮิโระไม่ได้สนใจคำพูดของเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเดินตามหาโนริโกะต่อไป
“ไม่มีใครอยู่จริงๆ ทำไมถึงกล้าทิ้งบ้านไว้กลับเด็กสาวไม่เต็มคนนี้นะ” ทากะฮิโระหยิบกล่องพยาบาลของบ้านออกมาวางเตรียมไว้บนโต๊ะ ตามจริงแล้วมันไม่ใช่ธุระอะไรของเขาที่ต้องมาทำเรื่องพรรค์นี้ เม็ดทรายเดินมานั่งข้างๆผู้การหนุ่มที่เตรียมยารอไว้ให้
“แม๋...เป็นห่วงเม็ดทรายขนาดนี้เลยหรอคะ เห็นแค่นี้เม็ดทรายก็หายเจ็บเป็นปริดทิ้งแล้วหล่ะค่ะ”เด็กสาวหันหน้าอันอวบอิ่มแอ๊บแบ๋วไปออดอ้อนส่งยิ้มหวานให้
“ถ้าจะไปเต็มเอาซะจริงๆรึเป็นเพราะโดนรถชนตอนนั้น” ทากะฮิโระคิดในใจพลางเบียนหน้าหนีอย่างเอียมระอาและเริ่มเอาสำลีชุบยา
“อะไรน่ะ” เม็ดทรายยื่นหน้าไปอ่านตัวหนังสือที่ฉลากขวดยา
“ทิงเจอร์ ไอโอดีน อืมๆ”
“ห๋า....ไม่นะ นี่จะฆ่ากันทั้งเป็นรึไง เม็ดทรายไม่ทาทิงเจอร์ ไม่เอ๊า....!!!!!!” เม็ดทรายร้องโวยวายพร้อมคลานหนีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถเร็วไปกว่ามือของผู้การหนุ่มที่คว้าแขนอวบอั๋นของเม็ดทรายไว้ได้ เม็ดทรายโดนดึงให้กลับมานั่งที่เดิม
“เปิดแขนเสื้อขึ้น” ทากะฮิโระพูด เม็ดทรายเปิดแขนเสื้อกิโมโนช้าๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าสุดหล่อของตัวเองพูดอะไร
“ไม่แสบหรอก”เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นฟังผู้การหนุ่มและเดาว่าเขาคงปลอบใจเธอล่ะมั้ง
“ไม่แสบจริงนะ ตัวเอง” เม็ดทรายทำตาโตใส่สำลีชุบยาที่สามารถปลิดชีพเธอได้ในไม่กี่นาที( เว่อร์และยัยเม็ดทราย) และสำลีก็ถูกทาลงบนแผลถลอกที่แขนของเธอ
“กรี๊ด............!!! แสบที่สุดเลย ปล่อยนะปล่อยเดี๋ยวนี้เลย คนโกหก คนหลอกลวง คนบ้า” เม็ดทรายสบัดมือออกจากผู้การหนุ่มพร้อมรัวตีไม่ยั้ง เมื่อพอใจแล้วสาวน้อยก็รีบคลานหนีไปตั้งหลักที่มุมห้องอีกครั้ง ทากะฮิโระเปลี่ยนสำลียาอันใหม่แล้วเดินตรงไปสู้กับเม็ดทรายอีกรอบ เสียงร้องโวกเวกโวยวายของเด็กสาวดังขึ้นลั่นบ้านตระกูลฮานะซากุ ทำเอาชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองอย่างแตกตื่น การต่อสู้กับปีศาจสำลีชุบยาของเม็ดทรายก็จบลงด้วยคราบน้ำตาที่คลอเบ้าของเด็กสาว โนริโกะที่เพิ่งกลับมาถึงรีบวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุ
“ซากุระเป็นอะไรจ๊ะ” โนริโกะจับแขนเม็ดทรายที่เป็นจ้ำๆด้วยรอยสีของยาทาแผลขึ้นมาดู
“ไปโดนอะไรมา ซากุระ”
“ไปทะเลาะกับเจ้าถิ่นแถวนี้มานะสิ” ทากะฮิโระดึงเสื้อของตัวเองให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเก่า
คนหล่อใจร้าย....ฝากไว้ก่อนเหอะ เม็ดทรายทำแก้มปูดใส่ผู้การหนุ่มที่เก็บชุดยาไปไว้ที่เดิมและเดินออกจากห้องไป
“ทะเลาะ” โนริโกะมองเม็ดทรายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกล้าไปสู้กับพวกอันตพาลเชียวหรอ
“เม็ดทรายไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ น้าโนริโกะ” เม็ดทรายหันไปยิ้มให้โนริโกะ
“เม็ดทรายหิวแล้วง่ะ....ซื้ออะไรมาให้เม็ดทรายกินมั่งเนี่ย” เม็ดทรายเข้าไปออดอ้อนโนริโกะที่ยิ้มอย่างอ่อนใจกับความซุกซนเกินผู้หญิงของเม็ดทราย แต่ความออดอ้อนของเม็ดทรายก็ทำให้โนริโกะที่ไม่เคยมีลูกแท้ๆของตนเองหลงรักเด็กลึกลับคนนี้ซะแล้วสิ
“ทานข้าวกลางวันรึยังจ๊ะ” โนริโกะยกมือขึ้นลูบหัวเม็ดทราย
“ยังค่ะ” เม็ดทรายส่ายหน้า
“งั้น เดี๋ยวน้าไปทำมาให้ทาน รอสักครู่นะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่โนริโกะลุกออกจากห้องไปเม็ดทรายก็ออกไปนั่งตรงชานระเบียงด้านบนของห้องนอนที่สามารถมองไปเห็นที่พักของผู้การทากะฮิโระโกโบริสุดที่รักของตัวเอง บ้านของผู้การหนุ่มเป็นบ้านไม้ขนาดกลางแบบญี่ปุ่นโบราณ บ้านที่มีเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้นที่ตั้งตะหง่านให้ร่มเงาอยู่ คนหนึ่งคนและแมวหนึ่งตัวอาศัยอยู่มันช่างดูเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวา เม็ดทรายมองผู้การหนุ่มที่เดินออกมาจากบ้านเพื่อเตรียมออกทำงานอีกครั้ง
“ไปทำงานดีๆนะคะ” เม็ดทรายโบกมือให้มนุษย์รูปปั้นหินที่ไม่เคยสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
เวลาอีกหนึ่งวันผ่านพ้นไป ดวงอาทิตย์สีแดงสดเคลื่อนคล้อยลงต่ำจนจรดกับพื้นดินก่อนจะจมหายไปปล่อยให้รัตติกาลอันมืดมิดและเงียบสงบเข้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เม็ดทรายกลับมานั่งตรงระเบียงอีกครั้งหลังจากการทานอาหารเย็นพร้อมสมุดโน๊ตกับปากกาที่โนริโกะซื้อให้ เด็กสาวค่อยๆบรรจงเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษสีขาว
ถ้าจะพูดไปคงจะไม่มีใครเชื่อที่เม็ดทรายเล่าแน่นอน เพราะขนาดเม็ดทรายเองยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลย เรื่องอะไรนะหรอ ก็เรื่องที่เม็ดทรายย้อนมิติเวลามายังอดีตน่ะสิ ที่เม็ดทรายย้อนมาก็คือประเทศญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 วันแรกที่เม็ดทรายมาถึงที่นี่ รอบตัวของเม็ดทรายล้วนมีแต่ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลอ่อนกว้างไกลสุดตาและทางถนนดินสีน้ำตาลเข้มและเสียงรถที่เร่งเครื่องมาทางที่เม็ดทรายยืนอยู่ เม็ดทรายจำได้แค่เพียงว่าตอนนั้นหิวมากจนเป็นลม(น่าอายที่สุดเลยใช่มั้ย...)พอตื่นขึ้มอีกที่ก็มาอยู่ในห้องแบบญี่ปุ่นโบราณและมีผู้หญิงวัยกลางเดินเข้ามาทักและในตอนนั้นก็ทำให้ รู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เม็ดทรายเคยอยู่ มันเป็นโลกในอดีต ที่นี่เม็ดทรายได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งเขาเป็นทหารแต่ท่าทางยศจะสูงพออยู่นะ เห็นมีแต่คนเคารพ อืม....................จะพูดยังไงดีหล่ะ นั่นน่ะสเปคของเม็ดทรายเลย สูงยาว ผมกับตาสีดำสนิท ริมฝีปากเรียวบางขบกันไว้อย่างคนเจ้าอารมณ์ เขาชื่อ ทากะฮิโระ .....ทากะฮิโระนี่แปลว่าอะไรนะอยากรู้จัง แปลว่ามนุษย์หินรึปล่าวไร้อารมณ์ที่สุด.......แต่เขาก็เป็นรักแรกของเม็ดทรายเลยนะ.......เม็ดทรายชอบเขามากเลย ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบได้มากขนาดนี้ แถมวันนี้ยังโดนสุดที่รักเอายามาทาแผลให้อีกตะหาก แสบมากเลย เม็ดทรายเลยทุบไปหลายตุบ จะช้ำในรึปล่าวนะ...เป็นห่วงจัง กำปั้นเรายิ่งหนักอยู่ อ้อลืมเลยที่นี่เขาตั้งชื่อให้เม็ดทรายใหม่ว่า ซากุระ ด้วยหล่ะ เพราะมั้ย
คิดถึงทุกคน
เม็ดทราย
เม็ดทรายวางปากกากับสมุดโน๊ตลงพร้อมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวพากันส่องแสงสว่างช่วยให้ค่ำคืนนี้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป สายลมเอื่อยพัดมาต้องแก้มสีชมพูอ่อนของเด็กสาวที่ซุกหน้าลงบนแขนที่ทาบวางไว้บนราวระเบียง
“อะนาตะ โอ อาอิ ชิเตะ มาสุ หอบคำพูดนี้ไปให้ถึงสุดที่รักของเม็ดทรายนะสายลม”
ค่ายทหารกองพันที่ 304
“มีอะไรรึครับท่านผู้การ” สิบโทมิสึบากิถามขึ้น
“ไม่มีอะไร”ทากะฮิโระก้มหน้าลงทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่ต่อ แต่ลมที่พัดผ่านมาทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
“คืนนี้ลมเย็นสบายดีนะครับ”
เวลาเดียวกันบนต้นไม้ ณ ที่เกิดเหตุ
“เมี๊ย---------ว” มิเกะที่ถูกโยนทิ้งลืมไว้บนต้นไม้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่อย่างนั้นจนทากะฮิโระเดินมาเจอในตอนเย็นของอีกวันจึงช่วยลงมา ทำให้มิเกะงอนไปหลายวัน
ความคิดเห็น