ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAKURA-บทเพลงรักทางช้างเผือก-

    ลำดับตอนที่ #1 : -Chapter l-

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 50


    -Chapter l-

     

     อังศุมาลิน อะนะตะโอ อาอิ ชิเตะ มะสุ โกโบริเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งประคองตนอยู่ด้วยดวงตาอันอ่อนโยน  อังศุมาลินกุมมือโกโบริในสภาพที่ร่างท่วมไปด้วยเลือดนอนหายใจรวนระรินอย่างอ่อนแรง                                                                                           ฉันก็รักคุณคะ โกโบริ อังศุมาลินตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาของหญิงสาวเริ่มร่วงหล่นลงอาบแก้ม                     
                     
    ที่ทางช้างเผือก ผมจะไปเฝ้ารอคุณที่นั่น โกโบริรวบรวมพลังครั้งสุดท้ายที่เขาพอจะมียกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของอังศุมาลิน  สิ้นคำสัญญามือของนายทหารหนุ่มก็ร่วงลง......

    ว้าว...โรแมนติก  จัง เม็ดทรายวางนวนิยายเรื่องโปรดลงบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลนวลพรางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้   นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วหล่ะมั้งที่เม็ดทรายหยิบนวนิยายเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน   สายลมอ่อนพัดม่านโปร่งสีส้มลายดอกไม้พลิ้วไหวไปมา  เม็ดทรายก้มลงนอนบนโต๊ะที่มีแสงแดดยามเช้าลอดผ่านเข้ามากระทบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนช่างฝันของเธอ
                    ถ้าเราได้พบรักแบบนี้บ้างคงจะดีมากเลย  แต่เอ......... ดวงตาช่างฝันเบิกโตขึ้น
                    ตอนจบพระเอกต้องตายจากนางเอกนี่   ม่ายเอานะ
                    แต่ท้ายที่สุดเขาทั้งสองคนก็ได้ไปพบกันที่ทางช้างเผือกนี่จ๊ะ หญิงวัยกลางคนเปิดประตูห้องเข้ามาทักทาย
                     อ่านนวนิยายจนเช้าอีกแล้วนะ
                     แม๋...ก็มันสนุกดีนี่คะ เม็ดทรายโผเข้ากอดหญิงวัยสามสิบเศษ แม่ที่อ่อนโยนและใจดีที่สุดของเธอ
                    ดูสิเด็กคนนี้....ขอบตาซ้ำหมดแล้ว หญิงวัยกลางคนลูบหัวเม็ดทรายที่ยังคงเข้ามาออดอ้อนตนอยู่
                    นอนลงสิจ๊ะ...แม่จะเอาถุงชามาประคบให้
                    แม่คะ...ถุงชานี่ช่วยให้ตาหายซ้ำได้ด้วยเหรอคะ เม็ดทรายถามขึ้นเมื่อถุงชาแช่เย็นถูกประคบลงบนเปลือกตาที่บวมปูด
    จากการอ่านนวนิยายตลอดทั้งคืน
                    จ้ะ  แล้วก็ยังช่วยผ่อนคลายด้วย
                     อืม...จริงค่ะ....ตอนนี้เม็ดทรายรู้สึกสบาย......มาก..... เม็ดทรายตอบด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อยยานคาง

     อาหารเช้าวันนี้มีข้าวไข่เจียวกับซุปสาหร่ายนะจ๊ะหญิงวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างรู้ทันว่าเม็ดทรายจะแอบหลับต่อก่อนที่จะเดินลงไป

        ห๋า...!”  เม็ดทรายสะดุ้งตื่นจากนิทราชั่วคราวเมื่อรู้ว่าอาหารเช้ามื้อนี้คืออาหารสุดโปรดของเธอ   เม็ดทรายรีบกระโดดลงจากเตียง ตรงปรี่ไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

    ที่ห้องรับแขกด้านล่างชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อโปโลสีชมพูอ่อนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาหวาย

     ปีนี้ลูกเราอายุครบ 16 จริงๆรึ ที่รัก ชายร่างใหญ่ส่งเสียงทุ้มไปหาภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัวพลางอมยิ้มให้กับความซุกซนปนเปิ่นของลูกสาวสุดที่รักที่กำลังเอะอะโวยวายอยู่ที่ชั้นบนของบ้าน

    เม็ดทรายมาแล้ว มีใครแอบทานข้าวเช้าก่อนมั้ยเอ่ย” เสียงสดใสดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่รีบจ้ำลงมาจากบันไดชั้นบน

    เม็ดทรายลงบันไดเสียงดังอีกแล้วนะจ๊ะ   แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ลูกสาวแม่จะมีแฟนซะที คุณแม่ผู้แสนใจดีพูดแกมหยอก

    ไม่เห็นเป็นไร ไม่มีใครมาจีบเม็ดทราย เม็ดทรายก็จะอยู่กับพ่อและแม่อย่างนี้ไปตลอดเลย เม็ดทรายตัวยุ่งเดินไปหอมแก้มทักทายคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟา

    อ๋า นี่มันเสื้อที่เม็ดทรายซื้อมาให้นี่คะ...พ่อเอามาใส่แล้ว เห็นมั้ยคะว่าสีชมพูน่ะเหมาะกับคุณพ่อที่สุด” เม็ดทรายตะโกน     โวกเวกด้วยความดีใจ ทำเอาสองสามีภรรยามองไปยังลูกสาวเพียงคนเดียวที่พูดไม่หยุดปากมาตั้งแต่เช้าด้วยความเอ็นดู   แต่สุดท้ายแล้วยัยเม็ดทรายตัวยุ่งก็สงบลงด้วยข้าวไข่เจียวร้อนๆที่แสนหอมกรุ่นกับซุปสาหร่ายรสชาติกลมกล่อม

     พ่อคะ หลังจากสงบนิ่งจากการพูดไปนาน เม็ดทรายก็เปิดปากถามขึ้นอีกครั้ง ชายร่างใหญ่หันมาตามเสียงเรียกของลูกสาวที่ดังขึ้น

    พ่อกับแม่พบรักกันครั้งแรกที่ไหนเหรอคะ” เม็ดทรายถามขึ้นด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

    ที่ไหนน่ะเหรอ.....อืม

    แทนที่เม็ดทรายจะได้คำตอบกลับมา  แต่กลับเป็นการสร้างโลกส่วนตัวให้กับพ่อกับแม่อีกครั้ง ทุกครั้งที่เธอถามพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องความรัก ทั้งคู่เป็นต้องสร้างโลกส่วนตัวจ้องตากันหวานเจี๊ยบ  แล้วแม่ก็ต้องทำท่าเขินอาย

     ง่ะ...อย่างนี้ทุกที ตอบหนูก่อนสิ พ่อขา แม่ขา” ไม่ว่าเม็ดทรายจะตะโกนเรียกร้องความสนใจมากแค่ไหนก็มิอาจฝ่ากำแพงสีชมพูแห่งความรักนี้ไปได้

    หลังจากหมดแรงที่ทะลวงกำแพงสีชมพู เม็ดทรายก็รีบออกจากบ้าน   แต่แน่นอนเธอไม่มีวันลืมหยิบนวนิยายเล่มโปรดนี้ไปโรงเรียนด้วย  ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบขึ้นมาอ่านเสมอ

     คู่กรรม เรื่องนี้แกอ่านมากี่รอบแล้วฮะเม็ดทราย ไม่รู้จักเบื่อซะมั่ง ใบหลิวเพื่อนสุดซี้พูดขึ้น

     นี่ เจอโกโบริ เมื่อไหร่อย่าลืมมาเล่าให้ฉันฟังบ้างนะยะ ใบหลิวประชด

     อืม” เม็ดทรายตอบรับ

     ยัยบ๊อง ฉันประชดย่ะ ใบหลิวส่ายหัวอย่างอ่อนใจ

    เม็ดทรายกับใบหลิวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาลและสนิทกันมากแม้จะทะเลาะกันบ่อยก็เถอะ  โอปอร์เป็นวัยรุ่นหัวสมัยใหม่สุดโต่งเรื่องไสยศาสตร์ อภินิหาร หรือความรักต่างภพไม่มีทางที่จะทำให้เธอเชื่อถือได้เลย  แต่เห็นอย่างนี้ก็มีแต่โอปอร์เท่านั้นที่ทนรับฟังความเฟ้อฝันของเม็ดทรายได้   อาทิตย์นี้ครอบครัวของเม็ดทรายจะไปเที่ยวกันที่หัวหิน  ทะเลสวยสีครามที่เม็ดทรายออดอ้อนอยากมาอยู่นาน
    -หัวหิน-

      ยะฮู้!! ในที่สุดก็มาถึงแล้ว   ทะเลจ๋า เม็ดรีบกระโจนออกจากตัวรถและตรงไปยังหาดทรายสีขาวสะอาดที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตาก่อนที่จะวกกลับไปยังที่พัก    

     ว้าว สวยจังเลย” เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นมองบ้านพักตากอากาศที่ทำขึ้นจากไม้ทั้งหลัง มันเป็นบ้านชั้นเดียวเล็กๆสำหรับ 2 ครอบครัว ตัวบ้านทาด้วยสีฟ้าอ่อน ขอบหน้าต่างสีขาวประดับด้วยผ้าม่านลูกไม้สีขาวปักลายดอกคาเนชั่น หลังคาสีน้ำเงินเข้มดูกลมกลืนไปกับท้องฟ้าสีคราม   เม็ดทรายเดินตรงไปยังห้องพักของตนแล้วนั่งลงที่ข้างหน้าต่างเอาใบหน้าอวบกลมยื่นรับลมทะเลที่พัดโชยมาเป็นระยะ   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองไปยังทะเลที่ทอดตัวอยู้เบื้องหน้าแล้วเริ่มวาดฝันอีกครั้ง                          

    ทะเลออกจะสวยอย่างนี้ ทำไมโกโบริกับอังศุมาลินไม่ชวนกันมาเที่ยวบ้างนะ

     ว่าแล้วเม็ดทรายก็หยิบหนังสือนวนิยายเรื่องเดิมขึ้นมาอ่านอีกครั้ง   ไม่มีนวนิยายเล่มไหนที่ทำให้เธอชอบและหลงใหลได้มากถึงขนาดนี้   ภาพของเด็กสาวกับหนังสือหนึ่งเล่มนั่งอยู่ข้างหน้าต่างที่ถูกเปิดกว้างปล่อยให้ลมพัดผ่านเข้ามาเป็นภาพที่คู่สามีภรรยาได้พบเห็นมาตลอดหลายปี   ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เม็ดทรายเผลอหลับไป 

    โครก--” เสียงท้องของเม็ดทรายร้องดังขึ้น

    ในวันพรุ่งนี้ครอบครัวของใบหลิวจะตามมาสมทบ  วันนี้เม็ดทรายเลยต้องเล่นคนเดียวไปก่อน   เม็ดทรายวางหนังสือลงไว้ตรงขอบหน้าต่าง  แล้วเดินตรงไปเปิดประตูเพื่อจะออกไปหาอะไรใส่ท้อง

    แอ็ด----ปัง!!เม็ดทรายรีบปิดประตูห้องทันทีที่เปิดมันออก

    เมื่อกี้มันอะไรน่ะ....ตาฝาดแน่เลยเรา เม็ดทรายลองเปิดประตูห้องอีกครั้ง มันไม่ใช่วิวห้องรับแขกที่สมควรจะเป็น แต่กลับเป็นวิวของถนนดินสีน้ำตาลเข้มที่ทอดตัวยาวไปข้างหน้าทั้งสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าสีน้ำตาลอ่อนที่พริ้วไหวไปมาตามสายลม

     เธอต้องฝันอยู่แน่ เม็ดทราย....ตื่นสิ ตื่น เม็ดทรายยกมือขึ้นตีหน้าตัวเองจนแดง แต่ภาพข้างหน้าก็ไม่หายไป

     ขืนตีต่อไปมีหวังหน้าระเบิด หน้ายิ่งกลมๆอยู่ เม็ดทรายพึมพำกับตัวเอง
                   
     นี่เราไม่ได้ฝันจริง จริง เหรอ เม็ดทรายก้าวเท้าออกไปยังที่ที่เธอไม่รู้จักด้วยความอยากรู้ ที่ที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธออย่างมหัศจรรย์มันคืออะไรกันแน่

    ปัง เมื่อเท้าทั้งสองข้างของเม็ดทรายก้าวลงบนดินแดนลึกลับ ประตูห้องของเธอก็ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว เม็ดทรายสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ สาวน้อยรีบหันกลับไปทางด้านหลัง แต่ประตูห้องของเธอได้หายไปซะแล้ว

     ประตูห้องหล่ะ ประตูห้องหายไปไหนแล้ว เม็ดทรายตะโกนโหวกเหวกพลางเดินควานหาประตูในตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่ แต่ก็เจอเพียงความว่างเปล่า

     จะกลัวอะไรหล่ะ เม็ดทราย ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ลองดูสักตั้งจะเป็นไรไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า หันซ้ายหันขวา ไม่มีใครเลยแฮะ

    เม็ดทรายเริ่มเดินไปข้างหน้าช้าๆ อากาศที่นี่ดูสดชื่นกว่าที่ที่เธอเคยอยู่มาก  ลมก็เย็นสบาย  เม็ดทรายเริ่มเพลิดเพลินไปกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบทาง  
                   
    โครก....เสียงท้องของเม็ดทรายดังขึ้นอีกครั้งแต่หนักกว่าเก่า เม็ดทรายทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมเอามือกุมท้องที่ปวดจี๊ดขึ้นมา    
                   
    โอ๊ย!! หิวข้าวที่สุดเลย หิวจะตายอยู่แล้ว เม็ดทรายจอมจุ้นร้องโหวกเหวกโวยวายด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่ข้างทาง

     บรื้น บรื้น เสียงเร่งเครื่องของรถจี๊บตรวจการคันหนึ่งดังขึ้นด้านหน้าถนนที่ห่างไปจากเม็ดทรายไม่มากนักและ  
                   
    เอี๊ยดรถจี๊บตรวจการทหารเบรกกะทันหัน    
                   
    เกิดอะไรขึ้น สิบโท   เสียงนุ่มทุ้มพูดขึ้นจากเบาะหลังของรถ                                        
                   
    ไม่ทราบครับ ท่านผู้การ  มีบางสิ่งวิ่งตัดหน้ารถ  เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง ครับผม สิบโทมิซึบากิรีบลงจากรถไปทันที                
                   
    ท่านผู้การ สิบโทมิซิบากิตะโกนร้องด้วยความตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ทำให้ผู้การทหารที่นั่งอยู่ทางด้านหลังต้องรีบลงตามมา

                    เราขับรถชนผู้หญิง ครับ ท่านผู้การสิบโทมิซึบากิรายงานสิ่งที่เห็นด้วยอาการร้อนรน  ผู้การทหารเดินตรงไปนั่งข้างร่างสาวน้อยที่นอนอยู่ตรงหน้า
                     
    ข้าว....... เสียงพูดแผ่วเบาดังขึ้นจากหญิงสาวร่างเล็กที่นอนขดตัวงออยู่ด้านหน้ารถ 
                   
    อุ้มเธอขึ้นรถ  เราจะพาเธอไปฮานะซากุ ผู้การมาดนิ่งพูด
                     
    ฮานะซากุ ไปทำไมรึครับ ท่านผู้การ เราต้องรีบกลับค่ายไม่ใช่เหรอครับ แล้วเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากการโดนรถชน เราน่าจะพา  เธอไปรักษากับหมอที่ค่ายไม่ใช่รึครับ สิบโทมิซึบากิมองตามผู้การที่เดินกลับไปที่รถด้วยความสงสัย
                     
    สิบโทมิซึบากิ ผู้การทหารคำรามเสียงเข้ม
                     
    ครับ ผม สิบโทมิซึบากิรีบวิ่งขึ้นรถแล้วเร่งเครื่องตรงไปยังฮานะซากุทันที

                   

     

     

     

     

     

    กริ๊ง  กริ๊ง เสียงกระดิ่งอันน้อยส่งเสียงแผ่วเบาเป็นจังหวะตามแรงลมที่พัดมาต้องเป็นครั้งคราว  บนที่นอนฟูกหนานุ่มสาวน้อยร่างเล็กทำจมูกฟุดฟิดกลับกลิ่นหอมที่อบอวนไปทั่วห้อง  เม็ดทรายค่อยๆปรี่ตาขึ้นมองไปรอบๆห้องที่ตนนอนอยู่ ห้องที่ทำขึ้นด้วยไม้อะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จักสีน้ำตาลเข้ม ประตูและหน้าต่างทำจากไม้และกระดาษ รอบๆห้องประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนพูกันและโถลายครามโบราณ   เม็ดทรายลุกขึ้นนั่งและเอามือลูบไปยังเสื้อหญ้าสานที่ใช้ทำพื้นห้อง 
                   
    กลิ่นนั่นหอมมาจากเสื่อนี่จริงๆด้วย เม็ดทรายก้มหน้าลงดมกลิ่นหอมจากเสื่อสาน
                     
    กลิ่นหอมเสื่อตาตามิ เราเพิ่งเปลี่ยนพื้นใหม่เมื่อวานนี้ หญิงวัยสามสิบต้นๆในชุดยูกาตะสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาพร้อมสำรับอาหารที่หอมจนเม็ดทรายต้องกลืนน้ำลายลงคอ
                   
    นี่จ้ะ อาหารเย็น เห็นทากะฮิโระบอกว่าเธอหิวข้าวจนเป็นลมล้มตัดหน้ารถของเขาเข้า หญิงในชุดยูกาตะยกมือขึ้นป้องปากที่ส่งเสียงหัวเราะเชิงเอ็นดูออกมาเบาๆ   เม็ดทรายไม่เข้าใจกับสิ่งที่หญิงคนนี้พูด ภาษาที่เธอใช้เป็นภาษาญี่ปุ่นแน่นอน แม้เม็ดทรายจะแปลไม่ได้ก็ตามแต่เธอก็พอรู้จักอยู่บ้าง
                    ไม่จริงน่า นี่เราอยู่ที่ญี่ปุ่นหรอเนี่ย โอ้ มาย ก๊อด เม็ดทรายอุทานออกมา
                   
    เอ๋..นี่หนูไม่ใช่คนญี่ปุ่นรึจ๊ะหญิงในชุดยูกาตะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
                   
    แล้วมันญี่ปุ่นสมัยกันหล่ะ เม็ดทรายพึมพำกับตัวเองก่อนเงยหน้าขึ้นและถามออกไปอย่างมาดมั่น
                     “Cloud you tell me?  What’s this years? ”นี่เป็นไงผลจากการตั้งใจเรียน เหอ เหอ
                   
    1944 หญิงในชุดยูกาตะตอบอย่างไม่ลังเล
                   
    1944 นั่นมันยุคสงครามโลกไม่ใช่หรอ สุดยอด....นี่เราย้อนยุคมาหรอเนี่ย เม็ดทรายรีบลุกออกจากที่นอนและ.........
                   
    โครม!!
                   
    อา อูก อี้ อด แอ้ว( จมูกบี้หมดแล้ว )เม็ดทรายเอามือถูจมูกไปมา  พร้อมก้มมองเสื้อที่สวมใส่มันถูกเปลี่ยนเป็นยูกาตะสีชมพูอ่อนปักดอกซากุระ
                   
    ยูกาตะมันแคบ เดินลำบากสักหน่อย คงไม่เคยใส่เลยยังไม่ชินสินะ หญิงวัยสามสิบอมยิ้มและช่วยพยุงเม็ดทรายที่หน้าแดงก่ำด้วยความอายลุกขึ้น
                   
    ทานข้าวเถอะจ่ะ เดี๋ยวเป็นลมไปอีกนะ  หญิงในชุดยูกาตะเลื่อนถาดอาหารให้เม็ดทรายที่นั่งจ้องอย่างไม่ละสายตา   เม็ดทรายรับถาดข้าวมาทานอย่างเอาเป็นเอาตาย  อาหารญี่ปุ่นนี่ก็อร่อยเหมือนกันแฮะ เม็ดทรายนั่งกินข้าวอย่างมีความสุขจนกระทั่ง
                     
    มาแล้วหรอจ๊ะ ทากะฮิโระ เม็ดทรายหันหน้าไปตามเสียงเรียกทักใครบางคนของหญิงในชุดยูกาตะ
    ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบทหารญี่ปุ่นสีกากี  ผมรองทรงสั้นสีดำ  ผิวขาว ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูอ่อนและดวงตาสีดำคมกริบดูทรงอำนาจและเข้มขรึม 
                   
    เท่บาดใจเจ๊ มั่ก มั่กเม็ดทรายอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึงกับชายหนุ่มมาดเนี๊ยบที่ก้าวเข้ามาร่วมวงจนกุ้งเทมปุระที่ค้างอยู่ในปากของเม็ดทรายร่วงหล่นลง  เม็ดทรายรีบเก็บกุ้งเท็มปุระที่หล่นกลับเข้าปากเหมือนเดิมโดยไม่ได้สังเกตุแววตาคู่คมเฉียบที่จ้องมอง
                   
    อุ้ย..!!” เม็ดทรายทำหน้าเหลอหลาพร้อมยิ้มแห้งๆเมื่อหันมาเห็นชายหนุ่มมองมาทางตนอย่างไม่สบอารมณ์  ก็มันช่วยไม่ได้นี่ คนมันหิวนะ ข้าวทุกจานอาหารทุกเม็ดห้ามกินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า ไม่เคยท่องรึไงฮ่ะ เม็ดทรายเบียนหน้าหนีจากแววตาคู่เฉยชาสีดำสนิท
                   
    จะกลับแล้วหรอจ๊ะ  อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิ หญิงวัยสามสิบยิ้มถามชายหนุ่ม
                   
    ไม่หล่ะครับ  ขอบคุณครับ ทากะฮิโระโค้งคำนับ
                   
    ถ้าอย่างนั้น  แม่มีเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้จะบอกลูก ทากะฮิโระ พอจะมีเวลามั้ยจ๊ะ
    เม็ดทรายเหล่มองตามนายทหารหนุ่มที่เดินออกไปจากห้องพร้อมหญิงในชุดยูกาตะจนลับตาก่อนจะอมยิ้มออกมา  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนส่องเป็นประกาย 
                   
    ฉันเจอโกโบริแล้วหล่ะ ใบหลิว ...... โกโบริของเม็ดทราย

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นเม็ดทรายตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ  อันที่จริงมันก็อิ่มจนจะระเบิดอยู่แล้ว  เม็ดทรายลุกขึ้นเก็บที่นอนและเดินออกไปจากตัวห้อง  
                     
    เอ...นั่นคุณน้าคนนั้นนี่ เม็ดทรายมองลอดเข้าไปยังห้องหนึ่งที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย 
                     
    เข้ามาสิจ๊ะ หญิงในห้องยิ้มเรียกเม็ดทรายที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่หน้าห้อง  เม็ดทรายค่อยๆเดินเข้าไปและนั่งลงตรงด้านหน้าหญิงที่เม็ดทรายคิดว่าเธอคือเจ้าของบ้านหลังนี้
                      
    สวัสดีตอนเช้าจ่ะ  หลับสบายดีมั้ย
                      
    เอ๋...คำนี้เรารู้จักนะ  คุณน้าบอกสวัสดีกับเรา เม็ดทรายโค้งคำนับพร้อมเปล่งสำเนียงแปร่งๆตอบกลับไป  หญิงเจ้าของบ้านหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางของเด็กสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า
                     
    ฮานะซากุ  โนริโกะ ฮะจิเมะมาชิเตะหญิงเจ้าของบ้านเริ่มแนะนำตัว
                   
    เม็ดทรายค่ะ ฮะจิเมะมาชิเตะค่ะ เม็ดทรายยิ้มกว้างตอบ
                    อืม...คงเป็นชื่อของหนูสินะ  แต่เรียกอยากจัง โนริโกะทำท่าครุ่นคิดสักพัก
                   
    ซากุระ
                   
    ซากุระ เม็ดทรายทวนคำ
                   
    ฉันจะเรียกหนูว่า ซากุระ แล้วกันนะ โนริโกะหันหน้าไปมองต้นซากุระภายในบ้านที่เริ่มออกดอก
                     
    มันออกดอกตอนที่หนูมาที่บ้านนี้พอดี เม็ดทรายลุกขึ้นเดินออกไปดูดอกซากุระสีชมพูอ่อนเช่นเดียวกับสียูกาตะของตนเอง
                   
    ของจริงนี่สวยกว่าในหนังสือตั้งเยอะแนะ เม็ดทรายเก็บดอกซากุระใส่ในปกเสื้อยูกาตะหวังจะเอาไปให้โอปอร์เพื่อนสุดที่รัก  และก็เป็นหลักฐานว่าเธอมาญี่ปุ่นจริงๆ
                   
    ทากะฮิโระ
    เม็ดทรายรีบหันหน้าไปตามเสียงเรียกของคุณน้าเจ้าของบ้าน   ทากะฮิโระในเครื่องแบบทหารเรียบเนี๊ยบเช่นเดิมยืนมองเม็ดทรายที่พยายามเก็บดอกซากุระตามพื้น  เม็ดทรายเหล่ตามองหนุ่มมาดเนี๊ยบที่เดินตรงมาที่เธอ
                   
    ว้าย เดินตรงมาหาเราด้วย คงหลงเสน่ห์เม็ดทรายสุดเซกซี่คนนี้เข้าแล้วหล่ะสิ เม็ดทรายเริ่มปั้นหน้าตัวเองให้ดูแอ๊บแบ๋วน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้  ทากะฮิโระเดินมาหยุดลงด้านหน้าของสาวน้อยที่ยืนยิ้มแป้นให้ตน    ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่มุมปากของตนเองพร้อมแววตาที่เย็นชาเช่นเคยก่อนจะเดินผ่านเม็ดทรายไป
                     
    ชี้อะไรของเขา....อยากจุ๊บเม็ดทรายก็บอกมาสิ เม็ดทรายเอามือขึ้นลูบตรงมุมปาก  ที่มุมปากของเม็ดทรายปรากฏรอยคราบน้ำลายที่ยังคงติดเกรอะกังอยู่  เม็ดทรายเอี้ยวคอหันกลับไปมองนายทหารหนุ่มที่นั่งคุยกับคุณน้าเจ้าของบ้านอย่างสนิทสนม  และหน้าของเม็ดทรายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

                      น่าอายที่สุดเลย เม็ดทรายร้องโวยวายก่อนรีบวิ่งกลับไปยังห้องที่โมเมว่าเป็นของตัวเอง
                     
    เธอน่ารักดีว่ามั้ย ทากะฮิโระ โนริโกะพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู
                   
    อย่างนั้นรึครับ
                     
    ทำไมวันนี้ ท่านผู้การหนุ่มถึงมาทานข้าวเช้ากับแม่หม้ายได้หล่ะจ๊ะ โนริโกะหันมาหยอกลูกชายที่นานทีจะมาทานข้าวเช้ากับตนที่บ้าน
                   
    เรื่องของเด็กสาว....ทากะฮิโระพูดขึ้นแต่ก็ถูกผู้เป็นแม่ตัดบททันควัน
                   
    พักผ่อนบ้างเถอะจ้ะ  ลูกมีภาระทางด้านการรบมากพอแล้ว  เดี๋ยวทางด้านเด็กสาวคนนี้แม่จะรับผิดชอบเอง     
                   
    ครับผม
                   
    แม่ตั้งชื่อเธอว่า ซากุระ  ลูกว่าเหมาะสมดีมั้ยจ๊ะ
                     แล้วแต่โนริโกะสิครับ ผู้การหนุ่มโค้งคำนับมารดาตามมารยาทเพื่อขอตัวออกไปทำงาน
                   
    พ่อกับลูกไม่ต่างกันเลยน้าโนริโกะยิ้มให้ลูกชายจอมเย็นชาที่นิสัยถอดด้ามมาจากพ่อไม่มีผิดเพี้ยนแล้วจึงลุกเดินตามไปส่งที่ประตูบ้าน
                   
    อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนายฮานะซากุเสียงทักทายหนักแน่นของสิบโทมิซึบากิที่ยืนรออยู่ที่หน้าบ้านดังขึ้น
                   
    อรุณสวัสดิ์จ้ะ สิบโท วันหลังเข้ามาทานข้าวด้วยกันสิจ๊ะโนริโกะเชิญชวนทหารคนสนิทของลูกชาย  สิบโทเงยหน้าขึ้นมองผู้การหนุ่มที่ไปมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา
                   
    ครับผม สิบโทมิซึบากิกระแทกเท้าพร้อมตะเบ๊ะตอบรับ

                     ครับผม!! เม็ดทรายที่ไปล้างหน้ามาเรียบร้อยแล้วทำท่าเรียนแบบนายทหารคนสนิทของผู้การหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ารถจี๊บ
                   
    บ้าพลังกันจริงเล้ยพวกทหารเนี่ยเม็ดทรายยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ
                   
    ดูถ้าเธอคงอยากมาส่งลูกนะ ทากะฮิโระโนริโกะที่มองไปเห็นเม็ดทรายเข้าควักมือเรียกสาวน้อยที่ยืนแอบอยู่หลังต้นซากุระให้เข้ามา
                     
    อ๋า...ตรงตามแผนเม็ดทรายทำหน้าเจ้าเล่ห์  โกโบริต้องตกหลุมรักเม็ดทรายด้วยแผนการนี้แน่ ฮึ ฮึ เราจะรีบวิ่งไปตามที่คุณน้าสุดสวยเรียก  แต่ด้วยความที่เจ้ายูกาตะเนี่ย มันแคบเอามากๆ  เลยทำให้เราเกิดพลาดสะดุดล้ม แล้วโกโบริก็จะอ้าแขนรองรับเม็ดทรายคนนี้เข้าสู่อ้อมกอด และก็.............ปิ๊ง  ปิ๊ง.............
                   
    กรี๊ด คิดได้ไงเนี่ยเรา
                   
    โกโบริจ๋า...เม็ดทรายมาแล้วจ้าเม็ดทรายเริ่มปฏิบัติการตามแผนการที่วางไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน  สาวน้อยใบหน้าอวบอิ่มวิ่งออกมาจากหลังต้นซากุระอย่างเริงรื่น( ทำอย่างกะหนังอินเดีย )และขาของเม็ดทรายก็สะดุดล้มลง สาวน้อยโผตัวตรงไปทางผู้การหนุ่มที่ยืนมองวัตถุก้อนกลมพุ่งตรงมาทางตนด้วยความเร็วสูง...อย่างรู้ทัน
                   
    ตุบ
                   
    ซากุระ โนริโกะรีบเข้ามาพยุงตัวเม็ดทรายที่ล้มกระแทกลงไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยดอกซากุระด้วยความตกใจ
                   
    โอย  น้ำอะไรเนี่ยเม็ดทรายเอามือเช็ดน้ำที่ไหลออกมาจากจมูกของตนขึ้นดู
                   
    เลือดนี่หน่าหัวสมองของเม็ดทรายเริ่มหมุนคว้าง
    เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นมองผู้การหนุ่มที่มองมาทางตนด้วยความตกใจ  ทากะฮิโระรีบเอาผ้าเช็ดหน้าที่โนริโกะยื่นให้อุดเลือดที่จมูกของเม็ดทรายเอาไว้
                   
    สิบโทมิซึบากิ ไปที่ค่ายบอกท่านผู้พันว่าวันนี้ฉันจะเข้างานช้าหน่อย ผู้การหนุ่มหันไปสั่งการทหารคนสนิท
                     
    ครับผม
    ทากะฮิโระอุ้มเม็ดทรายที่ตัวอ่อนปวกเปียกเมื่อได้เห็นเลือดของตัวเองขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรีบร้อน
                     
    ผิดแผนไปนิดแต่ก็โอเค
    แม้จะเจ็บปางตายแต่เม็ดทรายก็ไม่ลืมที่จะเอาหน้าอันอวบอ้วนซบลงไปที่หน้าอกของผู้การหนุ่ม
                   
    หอมจัง...... และแล้วสาวน้อยก็หมดสติลงไปพร้อมกับใบหน้าที่ดูเคลิบเคลิ้ม
                   
    ไปเปลี่ยนเสื้อเถอะจ่ะ เดี๋ยวแม่สั่งคนให้ไปเอาเครื่องแบบที่ที่พักของลูกมาให้ ทากะฮิโระก้มลงมองดูเครื่องแบบอันทรงเกียรติของตนที่ตอนนี้เปื้อนคราบเลือดเป็นดวง  ผู้การหนุ่มผละตัวออกจากเม็ดทรายที่นอนสลบอยู่บนที่นอนไปยังห้องพักของตัวเอง 
                   
    ซุ่มซ่ามจริงๆโนริโกะเอาผ้าชุบน้ำเย็นประคบจมูกของเม็ดทรายที่บวมปูดอย่างเบามือ
    หลายชั่วโมงต่อมาเม็ดทรายถูกปลุกขึ้นมาด้วยกลิ่นหอมของบางสิ่งที่ทำให้ท้องของเธอร้องดังออกมา เม็ดทรายล่องลอยไปตามกลิ่นที่โชยมาจากห้องครัวของบ้าน
                     
    หายปวดรึยังจ๊ะ ซากุระ โนริโกะพูดทักมาทางด้านหลัง  เม็ดทรายที่ยืนเกาะประตูครัวอยู่หันมาพยักหน้ารับ ด้วยเข้าใจว่าโนริโกะถามเธอว่าหิวรึยัง
                   
    แม่ครัวกำลังเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น ไปรอข้างนอกหรืออกไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะจ๊ะโนริโกะพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องครัวโดยไม่ได้หันมาสนใจเม็ดทรายที่ยืนรออยู่
                   
    อ้าว  ? ไม่ได้ถามว่าหิวมั้ยหรอกหรอ
                    สาวน้อยผู้หิวโซเดินโซเซไปยังหน้าบ้านที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มจากแสงของอาทิตย์อัสดง เม็ดทรายเดินไปนั่งเล่นยังชานระเบียงไม้สีน้ำตาลเข้มตามอายุของเนื้อไม้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองไปยังดวงอาทิตย์กลมโตดวงใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ
                     
    เป็นเวรหรือไร แต่ประไหนนั่น สุขเพียงชั่ววันแต่ช้ำทวีคูณ...... เม็ดทรายนั่งร้องเพลงคู่กรรมที่เธอโปรดปราณแก้เซ็งไปพลางๆ
                   
    เมี๊ยว….. เมี๊ยว……” แมวสีขาวนวลรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะสวมปลอกคอหนังติดกระพรวนเดินมาคลอเคลียออดอ้อนขาของเม็ดทรายไปมา
    แมวใครเนี้ย..
    !? เม็ดทรายก้มลงอุ้มแมวน้อยที่เข้ามาคลอเคลียขึ้นมาไว้บนตักของตน
                    เจ้านาย ไม่อยู่หรอฮ่ะถึงมาเดินเล่ล่อนอยู่อย่างนี้ หรือหลงทางมา
                   
    เมี๊ยว......
                    ไม่ต้องตอบก็ได้ เม็ดทรายฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ
                     
    อ๊ะ!! จะไปไหน  แค่นี้ต้องงอนด้วยหรอ เจ้าเหมียว เม็ดทรายลุกขึ้นเดินตามแมวสีขาวนวลที่กระโดดออกจากตักของตนไปยังอีกทางของบ้าน   ที่อีกฝั่งของบ้านข้างรั้วไม้ไผ่ที่ไม่สูงนัก เสื้อของผู้การหนุ่มถูกตากไว้บนราวตากผ้าที่ทำขึ้นมาจากไม้ไผ่เช่นเดียวกัน  
                   
    เสื้อของโกโบริเม็ดทรายจำกลิ่นได้...เค้าไม่ได้ว่าตัวเองกลิ่นตัวแรงนะ   อิอิ เม็ดทรายเดินเข้าไปใกล้เสื้อที่ถูกตากเอาไว้พลางอมยิ้มออกมาเมื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้
                   
    เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล.....เม็ดทรายร้องเพลงออกมาอีกครั้งพร้อมเต้นรำไปมารอบราวเสื้อ
                   
    อึ๊ย...หมั่นเขี้ยว  คนอะไรไม่รู้เท่บาดใจ เม็ดทรายสวมกอดเสื้อและฟัดไปฟัดมา
                     
    อะแฮ่ม
    เสียงกระแอมไอดังขึ้นมาจากอีกฟากของรั้วไม้ไผ่  เม็ดทรายรีบหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่
                     
    โกโบริเม็ดทรายส่งยิ้มกว้างให้ผู้การหนุ่มที่ตรงปรี่เข้ากระชากเสื้อออกจากอ้อมกอดของเม็ดทราย
                   
    เมี๊ยว แมวสีขาวนวลตัวเดิมเดินเข้ามาคลอเคลียขาของผู้การทากะฮิโระที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน
                   
    มิเกะ ผู้การหนุ่มก้มลงอุ้มแมวน้อยสัตว์เลี้ยงของตนขึ้นมาแล้วเดินกลับไปยังบ้านไม้หลังเล็กที่อยู่ถัดไป
                   
    แม๋  ทำเป็นหวงไปได้  กลัวกลิ่นเค้าติดเสื้อไปรึไงฮ่ะ  แบร่ ~” เม็ดทรายทำหน้าแลบลิ้นปริ้นตาใส่ตามหลังผู้การหนุ่มจอมเย็นชา
                   
    อ๊ะเดี๋ยวค่ะ.....!!”เม็ดทรายวิ่งไปคว้าแขนผู้การหนุ่มเอาไว้  ทากะฮิโระหยุดเดินแล้วหันมามองเม็ดทรายด้วยความแปลกใจ
                   
    ขอบคุณนะ เม็ดทรายจ้องหน้าผู้การหนุ่มสักพักแล้วรีบวิ่งหนีไป
                    ภาษาไทย?”ความสงสัยในตัวสาวน้อยสำหรับทากะฮิโระยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
                   
    เฮ้อ.....  ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังโกโบริเสียความบริสุทธิ์แน่เลย.....ดีนะที่ห้ามใจอยู่ เม็ดทรายที่วิ่งหนีมานั่งหอบตรงชานระเบียงของตัวบ้านก่อนจะถูกคุณน้าโนริโกะหญิงเจ้าของบ้านเรียกให้ไปทานข้าวเย็น

    เมื่อ 5 ปีที่แล้วหลังการประกาศสงครามผู้การทากะฮิโระนำกองทัพญี่ปุ่นขึ้นตั้งฐานทัพที่ประเทศไทยในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น  เพื่อจะไปบุกยึดพม่าและหมู่เกาะโดยรอบ โดยมีไทยเป็นฐานทัพกลางรองจากที่ญี่ปุ่นอันเป็นฐานทัพแม่   ทากะฮิโระจึงพอจับคำได้ว่าภาษาที่เม็ดทรายใช้อยู่นั้นต้องเป็นภาษาไทยแต่ก็ไม่สามารถแปลออกมาได้ว่าสาวน้อยผู้นั้นพูดสิ่งใด  ทากะฮิโระหยิบชุดเครื่องแบบที่รีดจนเนีบยเช่นเคยแขวนไว้ที่ผนังห้องพลางเดินไปหยิบอาหารที่เตรียมไว้ให้ มิเกะ แมวเหมียวตัวอ้วนตุ๊ต๊ะที่มารอทานข้าวอยู่  ถ้าวันไหนที่เจ้านายกลับบ้านมาช้าเกินรอ  มิเกะก็จะไปส่งเสียงร้องเรียกทามะแม่ครัวของบ้านใหญ่ให้เอาอาหารมาให้แทน    ทากะฮิโระในชุดยูกาตะหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเตรียมเข้านอน  หันหน้าไปมองซามิเซ็งเครื่องสายที่เป็นความทรงจำเกี่ยวกับแม่เพียงหนึ่งเดียวที่เขามีอยู่แต่ทากะฮิโระก็ไม่เคยที่จะหยิบมันขึ้นมาเล่นเลยสักครั้ง   แสงไฟภายในตัวบ้านถูกดับลงทิ้งไว้เพียงแสงสว่างรำไรจากตะเกียงอันเล็กที่แขวนทิ้งไว้  มิเกะเดินขึ้นไปบนผ้าห่มของเจ้านายแล้วนอนหลับหนุนปลายเท้าอย่างมีความสุข

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×