ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Charpter VII : Sound cry of the heart
เบียคุยะที่ฟังคนที่อ้อมแขนของตนเมื่อครู่ถึงกับต้องหยุดฝีเท้าแล้วมองเธอด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
คงจะเมาจนละเมอล่ะมั้ง
"เจ้าเมามากแล้วนะ ลูเคีย.."
เสียงทุ้มเอ่ยตำหนิร่างเล็กด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย ถ้าสร่างเมาจริงๆเธอคงจะเทศน์ยาวเป็นแน่
"ข้ายังมีสติค่ะท่านพี่.."
เธอว่าพรางเลื่อนแขนเรียวโอบที่ลำคอร่างสูง แล้วเงยมองเขาเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง
"ลูเคีย.."
ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ
"ช่วยหันมามองข้า ดั่งข้าเป็นเพียงผู้หญิงคนนึง บ้างได้มั้ยท่านพี่.."
เบียคุยะต้องตกใจกับคำพูดหล่อนอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจแน่ชัด
"ถ้าเช่นนั้น ช่วยบอกเหตุผลของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
ลูเคียหน้าแดงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามจากร่างสูง พรางเบือนหลบสายตาคมของชายหนุ่มแล้วซุกใบหน้าไปที่แผ่นอกกว้าง
"ไม่รู้เลย..จริงๆหรอคะ"
เสียงหวานถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆแต่เต็มไปด้วยความประหม่า
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงแต่รอหญิงสาวพูดให้จบพรางสาวเท้าเดินต่อไป
"ข้า..รักท่านพี่ รักมา..ตลอดเลย"
ก่อนชายหนุ่มจะต้องหยุดฝีเท้าอีกครั้งด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาคมเบิกกว้างพรางมองลงมาที่ร่างเล็ก
ใช่เขาไม่รู้เลย ไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกกับเขาเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษกับเธอนัก นอกจากดุและเข้มงวดกับเธอในฐานะพี่ชายคนนึง แถมยังทำให้เธออาจจะไม่พอใจในหลายๆเรื่องอีกด้วยแล้วทำไม..
"ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้กับข้าล่ะ.."
คำถามที่เขาอยากถามมากในตอนนี้ เพราะอยากรู้คำตอบว่าไปรักเขาด้วยเรื่องอะไร ทั้งที่เขาก็ทำไม่ดีกับเธอในหลายๆอย่าง
"รู้สึกรัก มันต้องมีเหตุผลที่เป็นทางการแบบนั้นด้วยหรอคะ"
สำหรับลูเคียแล้ว เธอรู้สึกรักเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ยังบอกไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกดีเวลาได้พบ รู้สึกอยากเจอเวลาไม่เห็นหน้า รู้สึกหลายๆอย่างกับผู้เป็นพี่ชายที่ไม่แท้ของเธอไปเสียแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย
"มันมีเพียงอย่างเดียวที่ข้าบอกท่านได้ตอนนี้.."
"..."
"คือการที่ข้าอยากจะเห็นใบหน้าของท่านพี่แบบนี้ไปตลอด.."
"..."
"อยากจะได้ยินเสียงของท่านพี่ไปตลอด"
"..."
"ที่ข้ารู้สึกมันผิดมั้ยคะ ท่านพี่เบียคุยะ"
เบียคุยะที่เงียบฟังผู้เป็นน้องสาวกำลังเอ่ยความในใจทั้งหมดออกมา จู่ๆใจของเขาก็สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
นี่เขากำลังหวั่นไหวกับคำพูดเธอไปแล้วงั้นหรอ
ยังอ่อนหัดจริงๆสินะตัวข้า
เขาครุ่นคิดและตำหนิตัวเองในใจก่อนจะผุดยิ้มบางๆออกมา
ลูเคียที่เห็นเช่นนั้นถึงกับหน้าซุกหน้าลงไปที่แผ่นอกภายใต้อ้อมแขนเขาอีกครั้งด้วยความเขินเป็นที่สุด เหมือนกับลูกแมวน้อยในอ้อมอก
"เจ้าไม่อ่อนหัดแล้วนะ ลูเคีย.."
นัยตาคมมองคนในอ้อมอกด้วยแววตาอ่อนๆ เหมือนตอนนี้ตนกำลังหลงเข้าไปในคำพูดของเธอเข้าอย่างไม่รู้ตัว ถึงตอนนี้จะไม่เข้าใจตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ได้ว่าเธอตอนนี้ทำให้ใจเขากำลังปั่นป่วนมากกว่า..โซระเสียแล้ว
ลมพัดอ่อนๆโชยเข้ากระทบเรือนร่างของทั้งสองบรรยากาศอันเย็นเยียบทำให้ร่างเล็กค่อยๆเคลิ้มและหลับลงในที่สุด
ณ คฤหาสต์ตระกูลคุจิกิ
ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงวางร่างเล็กลงบนที่นอนอย่างเบามือ พรางปัดปอยผมที่บดบังใบหน้าใสของเธออย่างนุ่มนวล
และระหว่างนั้นเขาก็ครุ่นคิดถึงความในใจที่เธอได้กล่าวไว้ จู่ๆก็ต้องผุดยิ้มน้อยๆออกมาอีกครั้ง
"ท่านพี่คะ.."
ร่างเล็กพรึมพรัมทั้งๆที่หลับตาอยู่ พรางตะแคงหันมาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงเธอ
แขนเรียวเล็กหยื่นไปข้างหน้าเหมือนกับพยายามคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนเบียคุยะจะเอื้อมไปกอบกุมมือบางนั้นแล้วนำมันวางลงขณะที่ยังกุมมือบางนั้นอยู่
"ข้ารู้แล้ว ความรู้สึกของเจ้า หลับเถอะนะลูเคีย.."
ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มลงจุมพิตที่หน้าผากเล็กอย่าวแผ่วเบา แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากนั้นเขาก็จัดการห่มผ้าให้หญิงสาวก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ณ ที่ทำการหน่วยที่4
ชายหนุ่มยังนอนหลับไหลอยู่ที่เตียง ทั้งพึ่งฟื้นสติมายามรุ่งเช้าที่ผ่านมา จึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อรักษาบาดแผลให้หายในเร็ววัน จนผ่านไปราวๆ2-3ชม.
'แกร๊ก..'
เสียงประตูห้องเปิดขึ้น โดยพยายามให้ไร้เสียงที่สุด ปรากฎร่างผอมเพรียวของหญิงสาวเรือนผมดำขลับยาวสลวย
ดวงตากลมโตมองไปยังผู้ที่หลับไหลในห้วงนิทราด้วยสายตาอ่อนๆผิดกับทุกที ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆอย่างไร้เสียง
มือบางเลื่อนไปสัมผัสหน้าผากของคนป่วยที่หลับไหลอยู่เพื่อวัดไข้อย่างที่ทำมาตลอด1อาทิตย์ เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มมักมีไข้สูงตลอดในตอนหัวค่ำถึงกลางดึก
"อา..ไข้หายแล้วสินะ"
เสียงหวานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ทั้งที่มืบางยังคงวางอยู่ที่หน้าผากอีกคน และตอนนั้นเอง..
'หมับ'
"..!?"
ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าของร่างคนป่วยก็เอื้อมมากอบกุมมือบางนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้น นัยตาสีดำเหลือบมองไปทางหญิงสาวทันทีด้วยตาที่ยังปรือๆอยู่..
"เจ้าจริงๆด้วย..โซระ"
เมื่อเห็นร่างหญิงสาวชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มขึ้นทันทีด้วยความดีใจ พรางนำมือบางมาแนบที่ใบหน้าของเขาอย่างหลงไหล
โซระเพียงได้แต่มองและปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นโดยที่ตนตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะจงเกลียดจงชังคนบนเตียงนี้ต่อไปแล้ว
"ชอบฉวยโอกาสแบบพี่ชุนซุยตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ.."
แต่เธอก็ทนที่จะบ่นเขาอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ พรางทรุดตัวลงนั่งข้างๆเตียง ส่วนชายหนุ่มก็ขยับขึ้นมาเอนตัวพิงพนักเตียง
"มือเจ้า..ยังนุ่มเหมือนเดิมเลยนะ"
เขาว่าพรางเปลี่ยนจากนำมือบางของเธอที่แนบใบหน้าอยู่ นำมาจุมพิตเบาๆที่หลังมือ
"นะ..นี่ท่าน.."
การกระทำนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับต้องหน้าแดงพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะคล้ายจะระเบิดออกมาและรีบชักมากลับมาทันที
"เจ้าเขินหรอ โซระ..จัง"
ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิดอย่างชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาหญิงสาวที่เริ่มจะเหมือนเมื่อก่อนเสียแล้ว
"จะทำได้ใจไปแล้วนะคะ หัวหน้าอุคิทาเกะ"
โซระเบือนหน้าหนีเพื่อกลบใบหน้าอันแดงก่ำนั้นไปด้วย
"อ้าว ข้าก็ได้ใจเจ้าไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ"
หัวใจดวงน้อยแถบระเบิดออกมาจากอก กับคำพูดหยอดมุขห่วยๆของชายหนุ่ม แต่มันช่างแตกต่างกับชายอื่นที่แม้จะมามุขแบบไหนตนก็ไม่รู้สึกเยอะกว่าเท่าชายผู้นี้เลย
"หยะ..อย่ามามั่วซั่วนะคะ อยากสลบไปอีกซักเดือนหรือไง!"
"ฮ่าๆ ล้อเล่นน่าๆ เรื่องนั้นข้าไม่มีทางได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ.."
"..."
"เจ้าคงจะฝืนใจน่าดู เพราะงั้นขอบใจที่มาหาข้านะ.."
เขาว่าพรางหันไปทางหน้าต่างเหมือนกับกำลังบดบังความรู้สึกที่มันขัดกับเสียงหัวเราะอันร่าเริงของเขา
เพราะตัวเขาที่ทำผิดขนาดนั้นกับเธอ จะไปมีสิทธิ์ได้หัวใจของเธอได้อย่างไร แค่เธอลดตัวมาหาเขาถึงเพียงนี้มันก็มากพอสำหรับคนอย่างเขาแล้ว
'พรึบ!'
'พรืด!'
'ตุบ!'
"ซะ..โซระจัง"
โซระกดไหล่ทั้งสองของชายหนุ่มลงให้ล้มลงไปนอนจากที่พิงพนักเตียงอยู่ พรางขึ้นไปคร่อมบนร่างสูงนั้น
อุคิทาเกะถึงกับอ้ำอึ้งกับการกระทำของเธออย่างไม่เข้าใจ
"ขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอคะ!"
เสียงหวานตะโกนกร้าวออกมาอย่างหัวเสีย ราวกับกำลังร้อนใจอะไรบางอย่าง
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงจะฟันมือของท่านให้ขาดสะบั้นที่บังอาจมาแตะต้องตัวข้าไปเสียแล้ว.."
"..."
"แต่ในตอนนี้ท่านก็รู้ว่ามันต่าง ทั้งที่เป็นแบบนั้นแล้วไอคำพูดตัดใยเมื่อครู่มันคืออะไร.."
"..."
"ข้าน่ะ ยังไม่หายโกรธท่านหรอกอย่าได้ใจไปนักเลย..เพราะงั้น..ฮึก เพราะงั้นก็รีบหายไวๆแล้วลุกมาขอโทษข้าซะ พี่จูชิโร่.."
ร่างเล็กระบายความอัดอั้นในใจในสภาพที่คร่อมชายหนุ่ม
หยาดน้ำตาหลั่งรินล่วงหล่นลงมาใส่ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มใต้ร่างพร้อมกับความเจ็บปวดที่ระบายออกมาจากข้างในซึ่งเก็บไว้นานเท่านาน
ชายหนุ่มได้แต่มองหญิงสาวและรับความรู้สึกนั้นมาอย่างเต็มใจ ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปปาดน้ำของใบหน้าสวยนั้นอย่างนุ่มนวลพรางเลื่อนไปลูบผมดำขลับอย่างอ่อนโยนซึ่งไม่ได้สัมผัสมานานจนจำไม่ได้
เส้นผมยังคงอ่อนนุ่มในฝ่ามือใหญ่ของเขาเช่นเดิม ความรู้สึกยังคงอบอุ่นเหมือนในความทรงจำครั้งวัยเยาว์ไม่แปรเปลี่ยน
"พี่เข้าใจแล้ว หยุดร้องเถอะนะ โซระจัง"
น้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลแฝงไปด้วยความอบอุ่นจากข้างใน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้โซระยังหลงไหลมันจนถึงตอนนี้
จนเวลาผ่านไปซักพัก หญิงสาวค่อยๆถอนตัวออกมาจากร่างของชายหนุ่ม พรางหันหลังให้
"ก็บอกแล้วไง ว่าอย่าได้ใจนัก.."
เสียงหวานที่อ่อนๆเอื้อนเอ่ยออกมาต่างจากถ้อยคำที่ฟังดูห้วนๆอย่างสิ้นเชิง
"เรื่องวันนั้น ที่ปกป้องข้าไว้..ขอบคุณมากนะ.."
สิ้นประโยคสุดท้าย ร่างบางก็สาวเท้าเดินออกไปจากห้องทันทีโดยไม่รอให้ชายหนุ่มเอ่ยตอบอะไร
นัยตาสีดำมองแผ่นหลังของหญิงสาวออกไป ก่อนริมฝีปากจะเผลอผุดยิ้มออกมาอีกรอบ พรางสัมผัสใบหน้าของตนที่ยังคงเปื้อนหยดน้ำตาจากหญิงสาวเมื่อครู่
ทำให้เขาเห็นถึงความรู้สึกจริงๆมากมายที่กักเก็บเอาไว้มานานจนไม่อาจรู้ได้..
ในที่สุดเขาก็ได้รู้ซักทีว่าเธอคงยัง เป็นโซระจังของเขาอยู่เช่นเดิม
อีกด้านนึง
ณ อูเอโกมุนโด้ ศูนย์บัญชาการใหญ่
ภายในห้องทำงานใหญ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา ชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะทำงานด้วยท่าทางที่น่าเกรงขราม
นัยตาคมมองรูปภาพในมือ พร้อมอีกมือที่ถือกาแฟเพื่อนำมาดื่ม
"ยังเก็บไว้อยู่อีกหรอครับ รูปของเด็กคนนั้นน่ะท่านไอเซ็น.."
น้ำเสียงยียวนกวรประสาทจากชายที่ยืนอยู่ข้างๆซึ่งมีฐานะเป็นถึงมือขวาของเขา
"ก็แค่ตัวหมากที่ใช้การไม่ได้ ข้าลืมทิ้งรูปไปเท่านั้น เจ้าเอามันไปทิ้งทีสิ งิน.."
มือหนาหยื่นรูปให้แก่มือขวาของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเปลี่ยนมาจิบกาแฟอีกรอบนึง
"รับทราบ.."
ผู้เป็นมือขวา อิชิมารุ งิน เอ่ยตามคำรับสั่งพรางรับรูปนั้นมาแล้วหายออกไปจากห้องเพื่อไปทิ้งตามคำสั่งของเขาผู้เป็นนาย
เมื่อไอเซ็นเห็นว่ามือขวาของตนออกไปแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังหน้าต่างภายในห้อง
เมื่อมองออกไปก็พบเพียงความมืดมิดอับแสงจันทร์ที่เคยเห็นภายในที่ที่จากมา ถึงจะมีพระจันทร์แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจากพลัง ไม่สวยงามดั่งเช่นของจริงที่เคยเห็น
"ทำไมในเวลานี้ ข้าต้องคิดถึงรองหัวหน้าอย่างเจ้าที่ข้าไม่เคยต้องการด้วยนะ.."
นัยตาคมสีน้ำตาลมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง
ภาพความทรงจำของหญิงสาวและชายหนุ่มที่เคยนั่งกันอยู่บนหลังคาของที่ทำการหน่วยที่5กันเพียงสองคน
'อะ..เอ๊ะ หัวหน้าไอเซ็น ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะคะ'
เสียงหวานจากหญิงสาวที่พึ่งขึ้นมาเอ่ยทักขึ้น เพราะตนคิดว่าจะมานั่งรับลมเพียงคนเดียวและไม่คิดว่าจะมีใครอยู่
'อ้าวฮินาโมริคุง ยังไม่ไปนอนอีกหรอดึกป่านนี้แล้ว'
เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างนุ่มนวล แต่มันก็เพียงแค่หน้ากากที่ใส่เข้าหาผู้อื่นเหมือนกับทุกคนเพียงเท่านั้น
'คะ..คือ ข้านอนไม่หลับน่ะค่ะ กะ..ก็พึ่งมาทำงานในฐานะรองหัวหน้านี่คะ มันรู้สึกตื่นเต้นไม่หายเลย'
หญิงสาวพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับกำลังเขินปะปนความประหม่าในใจที่กำลังคุยกับผู้เป็นหัวหน้าขวัญใจของเธออยู่สองคนกลางดึกแบบนี้
'งั้นหรอ ถ้างั้นก็มานั่งด้วยกันสิ ถือซะว่ามานั่งเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน'
ชายหนุ่มชักชวนหญิงสาวด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอชะงักขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางขวยเขินเช่นเดิม
'จะดีหรอคะ..'
'ไม่เป็นไรหรอกน่า..'
'ถ้าอย่างนั้น ไม่เกรงใจแล้วนะคะ'
จากนั้นหญิงสาวก็ล้มตัวทรุดนั่งข้างๆชายหนุ่ม พรางมองไปยังพระจันทร์ยามค่ำคืนด้วยแววตาที่ใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับผ้าขาวที่ไร้การแต่งแต้ม
ไอเซ็นเผลอหันไปเหลือบมองใบหน้าของเธออยู่พักนึง ก่อนจะรีบสะบัดความคิดบ้าๆบอๆของเขาออกไปแล้วกลับไปมองพระจันทร์เช่นเดิม
จู่ๆหญิงสาวก็นำแขนเรียวรวบกอดตนเองเหมือนกำลังรู้สึกหนาวเหน็บเพราะอากาศที่เย็นเยียบยามค่ำคืน
ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้น จู่ๆเขาก็ถอดเสื้อคลุมที่ใส่นอนวันนี้ของตนเองโดยอัตโนมัติก่อนสมองจะคิด แล้วนำมันไปคลุมให้กับร่างเล็ก
'รู้ว่าหนาว ทีหลังก็อย่าลืมหาอะไรมาคลุมทับด้วยสิ ฮินาโมริคุง'
คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความห่วงอยู่ลึกๆโดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะห่วงเธอแบบจริงจังขนาดนั้นเสียหน่อย แต่มันก็เผลอไปจนได้..
'ขะ..ขอโทษที่รบกวนนะคะ'
ฮินาโมริผงกหัวขอโทษขอโพยอย่างกะรอึกกระอัก ก่อนจะกลบสีหน้าแดงของตนเองโดยหันไปอีกทาง
ไอเซ็นที่เห็นภาพนั้นจู่ๆเขาก็ผุดรอยยิ้มออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง..
เอาอีกแล้ว ร่างกายมันไปก่อนความคิดตลอด..
'สวบ'
แขนเรียวแกร่งเลื่อนไปโอบร่างเล็กเข้ามาอีกแผ่นอกตน
'แทนคำขอโทษ ข้าก็ขอความอบอุ่นจากเจ้าบ้างแล้วกัน..'
ร่างเล็กชะงักไปเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยเต้นรัวกระหน่ำไม่เป็นจังหวะคล้ายจะระเบิดออกมา ริมฝีปากบางแอบฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะค่อยๆเอนใบหน้าแนบลงกับแผ่นอกกว้างของผู้เป็นหัวหน้า
ดวงตากลมค่อยๆปิดเปลือกตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้ตัวภายในอ้อมแขนของร่างสูง
ท่ามกลางแสงจันทร์และสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านไปในความรู้สึกอบอุ่นของค่ำคืนนี้ เป็นความรู้สึกที่ชายหนุ่มไม่ชอบจนถึงตอนนี้
ไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้
มันทำให้เขากลายเป็นคนที่อ่อนแอ
มันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง
และการที่หมากไม่ได้เรื่องอย่างเธอมามีผลต่อหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน..
Writer talk
จัดกันไปยาวๆสามคู่นะคะตอนนี้ อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ♡
คงจะเมาจนละเมอล่ะมั้ง
"เจ้าเมามากแล้วนะ ลูเคีย.."
เสียงทุ้มเอ่ยตำหนิร่างเล็กด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย ถ้าสร่างเมาจริงๆเธอคงจะเทศน์ยาวเป็นแน่
"ข้ายังมีสติค่ะท่านพี่.."
เธอว่าพรางเลื่อนแขนเรียวโอบที่ลำคอร่างสูง แล้วเงยมองเขาเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง
"ลูเคีย.."
ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ
"ช่วยหันมามองข้า ดั่งข้าเป็นเพียงผู้หญิงคนนึง บ้างได้มั้ยท่านพี่.."
เบียคุยะต้องตกใจกับคำพูดหล่อนอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจแน่ชัด
"ถ้าเช่นนั้น ช่วยบอกเหตุผลของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
ลูเคียหน้าแดงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามจากร่างสูง พรางเบือนหลบสายตาคมของชายหนุ่มแล้วซุกใบหน้าไปที่แผ่นอกกว้าง
"ไม่รู้เลย..จริงๆหรอคะ"
เสียงหวานถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆแต่เต็มไปด้วยความประหม่า
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงแต่รอหญิงสาวพูดให้จบพรางสาวเท้าเดินต่อไป
"ข้า..รักท่านพี่ รักมา..ตลอดเลย"
ก่อนชายหนุ่มจะต้องหยุดฝีเท้าอีกครั้งด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาคมเบิกกว้างพรางมองลงมาที่ร่างเล็ก
ใช่เขาไม่รู้เลย ไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกกับเขาเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษกับเธอนัก นอกจากดุและเข้มงวดกับเธอในฐานะพี่ชายคนนึง แถมยังทำให้เธออาจจะไม่พอใจในหลายๆเรื่องอีกด้วยแล้วทำไม..
"ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้กับข้าล่ะ.."
คำถามที่เขาอยากถามมากในตอนนี้ เพราะอยากรู้คำตอบว่าไปรักเขาด้วยเรื่องอะไร ทั้งที่เขาก็ทำไม่ดีกับเธอในหลายๆอย่าง
"รู้สึกรัก มันต้องมีเหตุผลที่เป็นทางการแบบนั้นด้วยหรอคะ"
สำหรับลูเคียแล้ว เธอรู้สึกรักเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ยังบอกไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกดีเวลาได้พบ รู้สึกอยากเจอเวลาไม่เห็นหน้า รู้สึกหลายๆอย่างกับผู้เป็นพี่ชายที่ไม่แท้ของเธอไปเสียแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย
"มันมีเพียงอย่างเดียวที่ข้าบอกท่านได้ตอนนี้.."
"..."
"คือการที่ข้าอยากจะเห็นใบหน้าของท่านพี่แบบนี้ไปตลอด.."
"..."
"อยากจะได้ยินเสียงของท่านพี่ไปตลอด"
"..."
"ที่ข้ารู้สึกมันผิดมั้ยคะ ท่านพี่เบียคุยะ"
เบียคุยะที่เงียบฟังผู้เป็นน้องสาวกำลังเอ่ยความในใจทั้งหมดออกมา จู่ๆใจของเขาก็สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
นี่เขากำลังหวั่นไหวกับคำพูดเธอไปแล้วงั้นหรอ
ยังอ่อนหัดจริงๆสินะตัวข้า
เขาครุ่นคิดและตำหนิตัวเองในใจก่อนจะผุดยิ้มบางๆออกมา
ลูเคียที่เห็นเช่นนั้นถึงกับหน้าซุกหน้าลงไปที่แผ่นอกภายใต้อ้อมแขนเขาอีกครั้งด้วยความเขินเป็นที่สุด เหมือนกับลูกแมวน้อยในอ้อมอก
"เจ้าไม่อ่อนหัดแล้วนะ ลูเคีย.."
นัยตาคมมองคนในอ้อมอกด้วยแววตาอ่อนๆ เหมือนตอนนี้ตนกำลังหลงเข้าไปในคำพูดของเธอเข้าอย่างไม่รู้ตัว ถึงตอนนี้จะไม่เข้าใจตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ได้ว่าเธอตอนนี้ทำให้ใจเขากำลังปั่นป่วนมากกว่า..โซระเสียแล้ว
ลมพัดอ่อนๆโชยเข้ากระทบเรือนร่างของทั้งสองบรรยากาศอันเย็นเยียบทำให้ร่างเล็กค่อยๆเคลิ้มและหลับลงในที่สุด
ณ คฤหาสต์ตระกูลคุจิกิ
ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงวางร่างเล็กลงบนที่นอนอย่างเบามือ พรางปัดปอยผมที่บดบังใบหน้าใสของเธออย่างนุ่มนวล
และระหว่างนั้นเขาก็ครุ่นคิดถึงความในใจที่เธอได้กล่าวไว้ จู่ๆก็ต้องผุดยิ้มน้อยๆออกมาอีกครั้ง
"ท่านพี่คะ.."
ร่างเล็กพรึมพรัมทั้งๆที่หลับตาอยู่ พรางตะแคงหันมาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงเธอ
แขนเรียวเล็กหยื่นไปข้างหน้าเหมือนกับพยายามคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนเบียคุยะจะเอื้อมไปกอบกุมมือบางนั้นแล้วนำมันวางลงขณะที่ยังกุมมือบางนั้นอยู่
"ข้ารู้แล้ว ความรู้สึกของเจ้า หลับเถอะนะลูเคีย.."
ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มลงจุมพิตที่หน้าผากเล็กอย่าวแผ่วเบา แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากนั้นเขาก็จัดการห่มผ้าให้หญิงสาวก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ณ ที่ทำการหน่วยที่4
ชายหนุ่มยังนอนหลับไหลอยู่ที่เตียง ทั้งพึ่งฟื้นสติมายามรุ่งเช้าที่ผ่านมา จึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อรักษาบาดแผลให้หายในเร็ววัน จนผ่านไปราวๆ2-3ชม.
'แกร๊ก..'
เสียงประตูห้องเปิดขึ้น โดยพยายามให้ไร้เสียงที่สุด ปรากฎร่างผอมเพรียวของหญิงสาวเรือนผมดำขลับยาวสลวย
ดวงตากลมโตมองไปยังผู้ที่หลับไหลในห้วงนิทราด้วยสายตาอ่อนๆผิดกับทุกที ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆอย่างไร้เสียง
มือบางเลื่อนไปสัมผัสหน้าผากของคนป่วยที่หลับไหลอยู่เพื่อวัดไข้อย่างที่ทำมาตลอด1อาทิตย์ เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มมักมีไข้สูงตลอดในตอนหัวค่ำถึงกลางดึก
"อา..ไข้หายแล้วสินะ"
เสียงหวานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ทั้งที่มืบางยังคงวางอยู่ที่หน้าผากอีกคน และตอนนั้นเอง..
'หมับ'
"..!?"
ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าของร่างคนป่วยก็เอื้อมมากอบกุมมือบางนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้น นัยตาสีดำเหลือบมองไปทางหญิงสาวทันทีด้วยตาที่ยังปรือๆอยู่..
"เจ้าจริงๆด้วย..โซระ"
เมื่อเห็นร่างหญิงสาวชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มขึ้นทันทีด้วยความดีใจ พรางนำมือบางมาแนบที่ใบหน้าของเขาอย่างหลงไหล
โซระเพียงได้แต่มองและปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นโดยที่ตนตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะจงเกลียดจงชังคนบนเตียงนี้ต่อไปแล้ว
"ชอบฉวยโอกาสแบบพี่ชุนซุยตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ.."
แต่เธอก็ทนที่จะบ่นเขาอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ พรางทรุดตัวลงนั่งข้างๆเตียง ส่วนชายหนุ่มก็ขยับขึ้นมาเอนตัวพิงพนักเตียง
"มือเจ้า..ยังนุ่มเหมือนเดิมเลยนะ"
เขาว่าพรางเปลี่ยนจากนำมือบางของเธอที่แนบใบหน้าอยู่ นำมาจุมพิตเบาๆที่หลังมือ
"นะ..นี่ท่าน.."
การกระทำนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับต้องหน้าแดงพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะคล้ายจะระเบิดออกมาและรีบชักมากลับมาทันที
"เจ้าเขินหรอ โซระ..จัง"
ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิดอย่างชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาหญิงสาวที่เริ่มจะเหมือนเมื่อก่อนเสียแล้ว
"จะทำได้ใจไปแล้วนะคะ หัวหน้าอุคิทาเกะ"
โซระเบือนหน้าหนีเพื่อกลบใบหน้าอันแดงก่ำนั้นไปด้วย
"อ้าว ข้าก็ได้ใจเจ้าไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ"
หัวใจดวงน้อยแถบระเบิดออกมาจากอก กับคำพูดหยอดมุขห่วยๆของชายหนุ่ม แต่มันช่างแตกต่างกับชายอื่นที่แม้จะมามุขแบบไหนตนก็ไม่รู้สึกเยอะกว่าเท่าชายผู้นี้เลย
"หยะ..อย่ามามั่วซั่วนะคะ อยากสลบไปอีกซักเดือนหรือไง!"
"ฮ่าๆ ล้อเล่นน่าๆ เรื่องนั้นข้าไม่มีทางได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ.."
"..."
"เจ้าคงจะฝืนใจน่าดู เพราะงั้นขอบใจที่มาหาข้านะ.."
เขาว่าพรางหันไปทางหน้าต่างเหมือนกับกำลังบดบังความรู้สึกที่มันขัดกับเสียงหัวเราะอันร่าเริงของเขา
เพราะตัวเขาที่ทำผิดขนาดนั้นกับเธอ จะไปมีสิทธิ์ได้หัวใจของเธอได้อย่างไร แค่เธอลดตัวมาหาเขาถึงเพียงนี้มันก็มากพอสำหรับคนอย่างเขาแล้ว
'พรึบ!'
'พรืด!'
'ตุบ!'
"ซะ..โซระจัง"
โซระกดไหล่ทั้งสองของชายหนุ่มลงให้ล้มลงไปนอนจากที่พิงพนักเตียงอยู่ พรางขึ้นไปคร่อมบนร่างสูงนั้น
อุคิทาเกะถึงกับอ้ำอึ้งกับการกระทำของเธออย่างไม่เข้าใจ
"ขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอคะ!"
เสียงหวานตะโกนกร้าวออกมาอย่างหัวเสีย ราวกับกำลังร้อนใจอะไรบางอย่าง
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงจะฟันมือของท่านให้ขาดสะบั้นที่บังอาจมาแตะต้องตัวข้าไปเสียแล้ว.."
"..."
"แต่ในตอนนี้ท่านก็รู้ว่ามันต่าง ทั้งที่เป็นแบบนั้นแล้วไอคำพูดตัดใยเมื่อครู่มันคืออะไร.."
"..."
"ข้าน่ะ ยังไม่หายโกรธท่านหรอกอย่าได้ใจไปนักเลย..เพราะงั้น..ฮึก เพราะงั้นก็รีบหายไวๆแล้วลุกมาขอโทษข้าซะ พี่จูชิโร่.."
ร่างเล็กระบายความอัดอั้นในใจในสภาพที่คร่อมชายหนุ่ม
หยาดน้ำตาหลั่งรินล่วงหล่นลงมาใส่ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มใต้ร่างพร้อมกับความเจ็บปวดที่ระบายออกมาจากข้างในซึ่งเก็บไว้นานเท่านาน
ชายหนุ่มได้แต่มองหญิงสาวและรับความรู้สึกนั้นมาอย่างเต็มใจ ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปปาดน้ำของใบหน้าสวยนั้นอย่างนุ่มนวลพรางเลื่อนไปลูบผมดำขลับอย่างอ่อนโยนซึ่งไม่ได้สัมผัสมานานจนจำไม่ได้
เส้นผมยังคงอ่อนนุ่มในฝ่ามือใหญ่ของเขาเช่นเดิม ความรู้สึกยังคงอบอุ่นเหมือนในความทรงจำครั้งวัยเยาว์ไม่แปรเปลี่ยน
"พี่เข้าใจแล้ว หยุดร้องเถอะนะ โซระจัง"
น้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลแฝงไปด้วยความอบอุ่นจากข้างใน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้โซระยังหลงไหลมันจนถึงตอนนี้
จนเวลาผ่านไปซักพัก หญิงสาวค่อยๆถอนตัวออกมาจากร่างของชายหนุ่ม พรางหันหลังให้
"ก็บอกแล้วไง ว่าอย่าได้ใจนัก.."
เสียงหวานที่อ่อนๆเอื้อนเอ่ยออกมาต่างจากถ้อยคำที่ฟังดูห้วนๆอย่างสิ้นเชิง
"เรื่องวันนั้น ที่ปกป้องข้าไว้..ขอบคุณมากนะ.."
สิ้นประโยคสุดท้าย ร่างบางก็สาวเท้าเดินออกไปจากห้องทันทีโดยไม่รอให้ชายหนุ่มเอ่ยตอบอะไร
นัยตาสีดำมองแผ่นหลังของหญิงสาวออกไป ก่อนริมฝีปากจะเผลอผุดยิ้มออกมาอีกรอบ พรางสัมผัสใบหน้าของตนที่ยังคงเปื้อนหยดน้ำตาจากหญิงสาวเมื่อครู่
ทำให้เขาเห็นถึงความรู้สึกจริงๆมากมายที่กักเก็บเอาไว้มานานจนไม่อาจรู้ได้..
ในที่สุดเขาก็ได้รู้ซักทีว่าเธอคงยัง เป็นโซระจังของเขาอยู่เช่นเดิม
อีกด้านนึง
ณ อูเอโกมุนโด้ ศูนย์บัญชาการใหญ่
ภายในห้องทำงานใหญ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา ชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะทำงานด้วยท่าทางที่น่าเกรงขราม
นัยตาคมมองรูปภาพในมือ พร้อมอีกมือที่ถือกาแฟเพื่อนำมาดื่ม
"ยังเก็บไว้อยู่อีกหรอครับ รูปของเด็กคนนั้นน่ะท่านไอเซ็น.."
น้ำเสียงยียวนกวรประสาทจากชายที่ยืนอยู่ข้างๆซึ่งมีฐานะเป็นถึงมือขวาของเขา
"ก็แค่ตัวหมากที่ใช้การไม่ได้ ข้าลืมทิ้งรูปไปเท่านั้น เจ้าเอามันไปทิ้งทีสิ งิน.."
มือหนาหยื่นรูปให้แก่มือขวาของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเปลี่ยนมาจิบกาแฟอีกรอบนึง
"รับทราบ.."
ผู้เป็นมือขวา อิชิมารุ งิน เอ่ยตามคำรับสั่งพรางรับรูปนั้นมาแล้วหายออกไปจากห้องเพื่อไปทิ้งตามคำสั่งของเขาผู้เป็นนาย
เมื่อไอเซ็นเห็นว่ามือขวาของตนออกไปแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังหน้าต่างภายในห้อง
เมื่อมองออกไปก็พบเพียงความมืดมิดอับแสงจันทร์ที่เคยเห็นภายในที่ที่จากมา ถึงจะมีพระจันทร์แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจากพลัง ไม่สวยงามดั่งเช่นของจริงที่เคยเห็น
"ทำไมในเวลานี้ ข้าต้องคิดถึงรองหัวหน้าอย่างเจ้าที่ข้าไม่เคยต้องการด้วยนะ.."
นัยตาคมสีน้ำตาลมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง
ภาพความทรงจำของหญิงสาวและชายหนุ่มที่เคยนั่งกันอยู่บนหลังคาของที่ทำการหน่วยที่5กันเพียงสองคน
'อะ..เอ๊ะ หัวหน้าไอเซ็น ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะคะ'
เสียงหวานจากหญิงสาวที่พึ่งขึ้นมาเอ่ยทักขึ้น เพราะตนคิดว่าจะมานั่งรับลมเพียงคนเดียวและไม่คิดว่าจะมีใครอยู่
'อ้าวฮินาโมริคุง ยังไม่ไปนอนอีกหรอดึกป่านนี้แล้ว'
เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างนุ่มนวล แต่มันก็เพียงแค่หน้ากากที่ใส่เข้าหาผู้อื่นเหมือนกับทุกคนเพียงเท่านั้น
'คะ..คือ ข้านอนไม่หลับน่ะค่ะ กะ..ก็พึ่งมาทำงานในฐานะรองหัวหน้านี่คะ มันรู้สึกตื่นเต้นไม่หายเลย'
หญิงสาวพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับกำลังเขินปะปนความประหม่าในใจที่กำลังคุยกับผู้เป็นหัวหน้าขวัญใจของเธออยู่สองคนกลางดึกแบบนี้
'งั้นหรอ ถ้างั้นก็มานั่งด้วยกันสิ ถือซะว่ามานั่งเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน'
ชายหนุ่มชักชวนหญิงสาวด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอชะงักขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางขวยเขินเช่นเดิม
'จะดีหรอคะ..'
'ไม่เป็นไรหรอกน่า..'
'ถ้าอย่างนั้น ไม่เกรงใจแล้วนะคะ'
จากนั้นหญิงสาวก็ล้มตัวทรุดนั่งข้างๆชายหนุ่ม พรางมองไปยังพระจันทร์ยามค่ำคืนด้วยแววตาที่ใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับผ้าขาวที่ไร้การแต่งแต้ม
ไอเซ็นเผลอหันไปเหลือบมองใบหน้าของเธออยู่พักนึง ก่อนจะรีบสะบัดความคิดบ้าๆบอๆของเขาออกไปแล้วกลับไปมองพระจันทร์เช่นเดิม
จู่ๆหญิงสาวก็นำแขนเรียวรวบกอดตนเองเหมือนกำลังรู้สึกหนาวเหน็บเพราะอากาศที่เย็นเยียบยามค่ำคืน
ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้น จู่ๆเขาก็ถอดเสื้อคลุมที่ใส่นอนวันนี้ของตนเองโดยอัตโนมัติก่อนสมองจะคิด แล้วนำมันไปคลุมให้กับร่างเล็ก
'รู้ว่าหนาว ทีหลังก็อย่าลืมหาอะไรมาคลุมทับด้วยสิ ฮินาโมริคุง'
คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความห่วงอยู่ลึกๆโดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะห่วงเธอแบบจริงจังขนาดนั้นเสียหน่อย แต่มันก็เผลอไปจนได้..
'ขะ..ขอโทษที่รบกวนนะคะ'
ฮินาโมริผงกหัวขอโทษขอโพยอย่างกะรอึกกระอัก ก่อนจะกลบสีหน้าแดงของตนเองโดยหันไปอีกทาง
ไอเซ็นที่เห็นภาพนั้นจู่ๆเขาก็ผุดรอยยิ้มออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง..
เอาอีกแล้ว ร่างกายมันไปก่อนความคิดตลอด..
'สวบ'
แขนเรียวแกร่งเลื่อนไปโอบร่างเล็กเข้ามาอีกแผ่นอกตน
'แทนคำขอโทษ ข้าก็ขอความอบอุ่นจากเจ้าบ้างแล้วกัน..'
ร่างเล็กชะงักไปเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยเต้นรัวกระหน่ำไม่เป็นจังหวะคล้ายจะระเบิดออกมา ริมฝีปากบางแอบฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะค่อยๆเอนใบหน้าแนบลงกับแผ่นอกกว้างของผู้เป็นหัวหน้า
ดวงตากลมค่อยๆปิดเปลือกตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้ตัวภายในอ้อมแขนของร่างสูง
ท่ามกลางแสงจันทร์และสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านไปในความรู้สึกอบอุ่นของค่ำคืนนี้ เป็นความรู้สึกที่ชายหนุ่มไม่ชอบจนถึงตอนนี้
ไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้
มันทำให้เขากลายเป็นคนที่อ่อนแอ
มันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง
และการที่หมากไม่ได้เรื่องอย่างเธอมามีผลต่อหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน..
====================
Writer talk
จัดกันไปยาวๆสามคู่นะคะตอนนี้ อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ♡
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น