ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Charpter V : My Friend
ณ ที่ทำการหน่วยที่4
อุโนฮานะ เร็ทซึ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยที่4บรรจงใช้แรงดันวิญญาณของตนรักษาแผลให้แก่ชายหนุ่มเรือนผมขาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยบาดแผลกลางลำตัวที่สาหัสอยู่พอควรเพราะเป็นจุดสำคัญ
เจ้าของร่างผู้ป่วยนอนด้วยสภาพที่มีเหงื่อท่วมตัวด้วยพิษจากบาดแผล พรางหอบหายใจออกมาถี่ๆ
"หัวหน้าซุยฟงไม่ต้องแอบก็ได้ เข้ามาเถอะค่ะ"
อุโนะฮานะที่รู้สึกถึงแรงดันวิญญานของอีกคนที่แอบดูอยู่ที่ประตูจึงเอ่ยเรียกขณะที่ลงมือรักษาแผล
"ขอโทษที่เสียมารยาท ข้าเพียงไม่อยากรบกวน"
ร่างบางเดินเข้ามา พรางกล่าวขึ้นด้วยความเกรงใจ
"ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ คงจะมาดูอาการหัวหน้าอุคิทาเกะสินะคะ"
"อ่า คงจะสาหัสน่าดูสินะ ขนาดตนเองบาดเจ็บ แต่ยังดันทุรังเข้าไปกอดโซระไว้อีก ทั้งยังกระทบกับบาดแผลด้วย เป็นคนที่บ้าจริงๆ.."
ซุยฟงส่ายหัวกับความบ้าดีเดือดของผู้ที่นอนไร้สติด้วยอาการบาดเจ็บอยู่ แต่การกระทำที่เธอเห็นนั้น มันก็ทำให้เธอรู้เหตุผลได้อย่างชัดเจน ว่าเขาอยากจะปกป้องโซระแค่ไหน
"นั่นสิคะ ถึงจะเป็นคนที่ใจดีแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงถึงขนาดนั้น ก็ตั้งใจจะปกป้องรองหัวหน้ายามาโมโตะอย่างที่สุดสินะคะ.."
หัวหน้าหน่วยแพทย์เห็นด้วยกับคำพูดของซุยฟง เพราะตั้งแต่เขารักษาอาการบาดเจ็บของอุคิทาเกะมา ก็ไม่เคยบาดเจ็บถึงขั้นสาหัสขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าบาดแผลเปิดจากการขยับตัวที่มากเกินไป
"หัวหน้าซุยฟงครับ.."
ขณะนั้นเอง ลำดับสาม โอโรกาวะ ไรตะ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นกระดาษแผ่นนึง พรางหยื่นมันให้กับผู้เป็นหัวหน้า
"ข้าเจอสิ่งนี้อยู่นี้อยู่ที่ลิ้นชักห้องทำงานของหัวหน้าอุคิทาเกะ คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่นำพาเขาออกไป.."
ซุยฟงอ่านจดหมายในแผ่นกระดาษ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหน่ายๆ
นี่เขายอมโง่ถึงขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ ถึงโซระจะชอบเขียนจดหมาย แต่จะเขียนจดหมายแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าโซระรู้แบบนี้จะยอมใจอ่อนขึ้นมามั้ยนะ
เวลาผ่านมาถึงกลางดึก
หญิงสาวที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงค่อยๆได้สติขึ้น ดวงตากลมม่วงลืมขึ้นกวาดมองรอบๆจากแววตาที่กำลังพร่ามัวและเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ร่างบางพาตัวเองลุกขึ้นนั่งพรางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตนจำได้ว่าได้ถูกโจมตีด้วยเสียงที่สร้างความเจ็บปวดให้แก้วหูจนหัวตนแถบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ตอนนั้นตนกับถูก..เขา..เข้ามากอดเอาไว้แถมยังใช้แรงดันวิญญาณช่วยกลบเสียงให้ค่อยๆหายไป ทั้งๆที่กำลังบาดเจ็บ
แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ..
ทันทีที่เธอฉุกคิดขึ้น เธอก็พาร่างบางของเธอลุกออกจากเตียงทันที ใช่แล้วตอนนี้เขาต้องอยู่ห้องของผู้ป่วยขั้นวิกฤตแน่นอนเลย
และมันก็เป็นตามที่เธอคิด เธอเดินมาถึงห้องของผู้ป่วยที่มีไว้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
โซระค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่มที่นอนหลับพริ้มไร้สติอยู่บนเตียงด้วยฝีเท้าที่ไร้เสียง ร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องช่วยหายใจ พร้อมกับผ้าพันแผลบริเวณกลางลำตัว
"นี่ท่าน.."
ร่างบางชะงักไปไม่น้อย กับภาพที่เห็นตอนนี้ เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะอาการหนักทั้งขั้นนี้ นั่นสิปกติเขาก็มีโรคประจำตัว และยังป่วยง่ายอยู่ ยิ่งโดนแทงเข้าจุดสำคัญอีก
ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ยังอุตส่าขยับตัวพุ่งเข้ามากอดเธอไว้งั้นหรอ..
ก่อนเธอจะสะดุดตากับกระดาษบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเขา
มือบางเอื้อมหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่าน และก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม..พร้อมกับมือที่สั่นเทา
นี่..ถึงข้าจะไม่ได้ว่าที่ท่านโง่ก็เถอะ
แต่แบบนี้ไม่คิดว่ามันโง่เกินไปหน่อยหรอ
คนบ้าเอ้ย..
ในใจอยากจะปลุกร่างที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาด่าจนหูชา แค่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้ขอแค่ให้เขาฟื้นขึ้นมาให้ได้ก่อนจะดีกว่า
ร่างบางโน้มตัวลงไปหาใบหน้าคมที่หลับไหลอยู่ มือบางวางทิ้งกระดาษลงไปที่พื้นก่อนจะเลื่อนไปแตะใบหน้าที่ไร้สตินั้นพรางลูบไล้อย่างนุ่มนวลพร้อมกับเลื่อนใบหน้าสวยเข้าไปใกล้ที่ใบหูของชายหนุ่ม
"ได้โปรดตื่นมาเถิดหนา ตื่นมาให้ข้าได้ขอบคุณท่านด้วยเถอะ...พี่จูชิโร่"
เสียงหวานกระซิบที่ใบหูอย่างแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่เลือนหายไปนานจนจำแถบไม่ได้ พรางเลื่อนริมฝีปากจุมพิตแก้มของใบหน้าคมเบาๆ
ร่างบางค่อยๆถอนตัวออกมา พรางห่มผ้าให้ชายหนุ่มเลื่อนมาถึงแผ่นอก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
แต่เมื่อเธอเดินออกมาจากห้อง กับเจอใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนกำลังเขินอาย..
"คะ..คุจิกิ ลูเคีย"
ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเธอคงเห็นภาพเมื่อซักครู่นี้แน่นอน
"มะ ไม่เห็นอะไรเลยนะคะท่านยามาโมโตะ.."
หญิงสาวโบกมือโบกไม้ปฏิเสธอย่างร้อนลน ทำให้โซระถึงกับอดหน้าแดงก่ำตามเธอไม่ได้เหมือนกัน
"ช่างมันเถอะ มาคุยกันหน่อยสิ..คุจิกิ"
โซระปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง ก่อนจะเดินนำลูเคียออกไปเพื่อให้อีกคนตามเธออกมา
จนมาถึงที่ด้านนอกของที่ทำการหน่วยที่4
"มีอะไรงั้นหรอคะ.."
เธอเอ่ยถามขึ้น เมื่อคนตรงหน้าหยุดฝีเท้า
"จำได้มั้ย เมื่อก่อน เราสนิทกันมากเลยนะคุจิกิ.."
โซระว่าพรางนึกถึงความหลังสมัยวัยเยาว์ เป็นภาพเด็กสาวสองคนปะดาบกัน ในตอนที่ยังร่ำเรียนอยู่ที่โรงเรียนยมทูต
ในตอนนั้นโซระยังไม่เปลี่ยนไปเหมือนกับตอนนั้น เธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสประดับอยู่ที่หน้าเสมอ ผิดกับตอนนี้ที่กลับหาดูได้ยากนัก
"เรียก..ลูเคียเหมือนเดิมเถอะค่ะ ท่านยามาโมโตะ"
ลูเคยว่าพรางผุดยิ้มบางๆให้กับอดีตเพื่อสาวของตน แต่ยังไงในมุมมองของเธอตอนนี้ โซระก็ยังเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์เกินกว่าเธอจะเทียบเทียมอยู่ดี
"ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็เรียกข้าว่าโซระเหมือนเดิมด้วยสิ ลูเคีย.."
"เอ๊ะ.."
"ว่าไงล่ะ ข้าไม่ชอบความไม่ยุติธรรมนะ"
"เอ่อ กะ..ก็ได้ค่ะ ท่านโซระ.."
เจ้าของชื่อขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันทีอย่างรู้สึกขัดใจ
'โป๊ก'
"โอ้ย ดีดหน้าผากข้าทำไมคะ.."
นิ้วเรียวดีดเข้าที่หน้าผากลูเคียเต็มแรงจนเกิดรอยแดงขึ้นหน่อยๆ
"โซระ..โซระเฉยๆ ไม่ต้องใส่ท่าน ไหนลองเรียกใหม่ซิ"
"ซะ..โซระ"
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มขึ้นมาทันทีที่ลูเคียกล่าวจบ
"เพราะงั้น จากวันนี้เรามาเริ่มต้นคำว่าเพื่อนกันใหม่นะ ลูเคีย.."
สิ้นประโยคโซระ ลูกเคียถึงกับตะลึงจนเบิกตากว้างเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง
"ว่าไง..ข้ายังเป็นเพื่อนกับเจ้าได้อยู่รึเปล่า.."
ลูเคียนิ่งเงียบไปพักนึงเหมือนจะตั้งตัวไม่ทันหน่อยๆ ที่จู่ๆคนที่ไม่คาดคิดจะมาบอกกับเธอแบบนี้
"สำหรับท่าน จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยัง..แอบเห็นท่านเป็นเพื่อนอยู่เสมอ โซระ.."
"..."
"เพราะงั้น ความสัมพันธ์มันเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้แล้วต่างหาก"
ในตอนนี้กลับกลายเป็นโซระที่ยืนอึ้งชะงักไปไม่น้อย หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ออกห่างจากลูเคีย จนไม่ได้คุยกันไม่ได้อะไรกัน ความเย็นชาของเธอทำให้ลูเคียเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าหา แต่ก็ยังคงเฝ้ามองและห่วงเธอในฐานะเพื่อนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จนถึงตอนนี้
"ขอบคุณนะ ลูเคีย.."
โซระเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนที่แสนดีตรงหน้าเธอด้วยความรู้สึกดีใจ และซาบซึ้งในความรู้สึกของเธอ
ลูเคียสวมกอดกลับอย่างไม่ลังเล จากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ได้ต่อกลับมาเป็นดังเดิมเหมือนวันเก่าๆซักที
อุโนฮานะ เร็ทซึ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยที่4บรรจงใช้แรงดันวิญญาณของตนรักษาแผลให้แก่ชายหนุ่มเรือนผมขาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยบาดแผลกลางลำตัวที่สาหัสอยู่พอควรเพราะเป็นจุดสำคัญ
เจ้าของร่างผู้ป่วยนอนด้วยสภาพที่มีเหงื่อท่วมตัวด้วยพิษจากบาดแผล พรางหอบหายใจออกมาถี่ๆ
"หัวหน้าซุยฟงไม่ต้องแอบก็ได้ เข้ามาเถอะค่ะ"
อุโนะฮานะที่รู้สึกถึงแรงดันวิญญานของอีกคนที่แอบดูอยู่ที่ประตูจึงเอ่ยเรียกขณะที่ลงมือรักษาแผล
"ขอโทษที่เสียมารยาท ข้าเพียงไม่อยากรบกวน"
ร่างบางเดินเข้ามา พรางกล่าวขึ้นด้วยความเกรงใจ
"ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ คงจะมาดูอาการหัวหน้าอุคิทาเกะสินะคะ"
"อ่า คงจะสาหัสน่าดูสินะ ขนาดตนเองบาดเจ็บ แต่ยังดันทุรังเข้าไปกอดโซระไว้อีก ทั้งยังกระทบกับบาดแผลด้วย เป็นคนที่บ้าจริงๆ.."
ซุยฟงส่ายหัวกับความบ้าดีเดือดของผู้ที่นอนไร้สติด้วยอาการบาดเจ็บอยู่ แต่การกระทำที่เธอเห็นนั้น มันก็ทำให้เธอรู้เหตุผลได้อย่างชัดเจน ว่าเขาอยากจะปกป้องโซระแค่ไหน
"นั่นสิคะ ถึงจะเป็นคนที่ใจดีแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงถึงขนาดนั้น ก็ตั้งใจจะปกป้องรองหัวหน้ายามาโมโตะอย่างที่สุดสินะคะ.."
หัวหน้าหน่วยแพทย์เห็นด้วยกับคำพูดของซุยฟง เพราะตั้งแต่เขารักษาอาการบาดเจ็บของอุคิทาเกะมา ก็ไม่เคยบาดเจ็บถึงขั้นสาหัสขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าบาดแผลเปิดจากการขยับตัวที่มากเกินไป
"หัวหน้าซุยฟงครับ.."
ขณะนั้นเอง ลำดับสาม โอโรกาวะ ไรตะ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นกระดาษแผ่นนึง พรางหยื่นมันให้กับผู้เป็นหัวหน้า
"ข้าเจอสิ่งนี้อยู่นี้อยู่ที่ลิ้นชักห้องทำงานของหัวหน้าอุคิทาเกะ คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่นำพาเขาออกไป.."
ซุยฟงอ่านจดหมายในแผ่นกระดาษ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหน่ายๆ
นี่เขายอมโง่ถึงขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ ถึงโซระจะชอบเขียนจดหมาย แต่จะเขียนจดหมายแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าโซระรู้แบบนี้จะยอมใจอ่อนขึ้นมามั้ยนะ
เวลาผ่านมาถึงกลางดึก
หญิงสาวที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงค่อยๆได้สติขึ้น ดวงตากลมม่วงลืมขึ้นกวาดมองรอบๆจากแววตาที่กำลังพร่ามัวและเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ร่างบางพาตัวเองลุกขึ้นนั่งพรางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตนจำได้ว่าได้ถูกโจมตีด้วยเสียงที่สร้างความเจ็บปวดให้แก้วหูจนหัวตนแถบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ตอนนั้นตนกับถูก..เขา..เข้ามากอดเอาไว้แถมยังใช้แรงดันวิญญาณช่วยกลบเสียงให้ค่อยๆหายไป ทั้งๆที่กำลังบาดเจ็บ
แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ..
ทันทีที่เธอฉุกคิดขึ้น เธอก็พาร่างบางของเธอลุกออกจากเตียงทันที ใช่แล้วตอนนี้เขาต้องอยู่ห้องของผู้ป่วยขั้นวิกฤตแน่นอนเลย
และมันก็เป็นตามที่เธอคิด เธอเดินมาถึงห้องของผู้ป่วยที่มีไว้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
โซระค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่มที่นอนหลับพริ้มไร้สติอยู่บนเตียงด้วยฝีเท้าที่ไร้เสียง ร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องช่วยหายใจ พร้อมกับผ้าพันแผลบริเวณกลางลำตัว
"นี่ท่าน.."
ร่างบางชะงักไปไม่น้อย กับภาพที่เห็นตอนนี้ เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะอาการหนักทั้งขั้นนี้ นั่นสิปกติเขาก็มีโรคประจำตัว และยังป่วยง่ายอยู่ ยิ่งโดนแทงเข้าจุดสำคัญอีก
ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ยังอุตส่าขยับตัวพุ่งเข้ามากอดเธอไว้งั้นหรอ..
ก่อนเธอจะสะดุดตากับกระดาษบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเขา
มือบางเอื้อมหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่าน และก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม..พร้อมกับมือที่สั่นเทา
นี่..ถึงข้าจะไม่ได้ว่าที่ท่านโง่ก็เถอะ
แต่แบบนี้ไม่คิดว่ามันโง่เกินไปหน่อยหรอ
คนบ้าเอ้ย..
ในใจอยากจะปลุกร่างที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาด่าจนหูชา แค่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้ขอแค่ให้เขาฟื้นขึ้นมาให้ได้ก่อนจะดีกว่า
ร่างบางโน้มตัวลงไปหาใบหน้าคมที่หลับไหลอยู่ มือบางวางทิ้งกระดาษลงไปที่พื้นก่อนจะเลื่อนไปแตะใบหน้าที่ไร้สตินั้นพรางลูบไล้อย่างนุ่มนวลพร้อมกับเลื่อนใบหน้าสวยเข้าไปใกล้ที่ใบหูของชายหนุ่ม
"ได้โปรดตื่นมาเถิดหนา ตื่นมาให้ข้าได้ขอบคุณท่านด้วยเถอะ...พี่จูชิโร่"
เสียงหวานกระซิบที่ใบหูอย่างแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่เลือนหายไปนานจนจำแถบไม่ได้ พรางเลื่อนริมฝีปากจุมพิตแก้มของใบหน้าคมเบาๆ
ร่างบางค่อยๆถอนตัวออกมา พรางห่มผ้าให้ชายหนุ่มเลื่อนมาถึงแผ่นอก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
แต่เมื่อเธอเดินออกมาจากห้อง กับเจอใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนกำลังเขินอาย..
"คะ..คุจิกิ ลูเคีย"
ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเธอคงเห็นภาพเมื่อซักครู่นี้แน่นอน
"มะ ไม่เห็นอะไรเลยนะคะท่านยามาโมโตะ.."
หญิงสาวโบกมือโบกไม้ปฏิเสธอย่างร้อนลน ทำให้โซระถึงกับอดหน้าแดงก่ำตามเธอไม่ได้เหมือนกัน
"ช่างมันเถอะ มาคุยกันหน่อยสิ..คุจิกิ"
โซระปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง ก่อนจะเดินนำลูเคียออกไปเพื่อให้อีกคนตามเธออกมา
จนมาถึงที่ด้านนอกของที่ทำการหน่วยที่4
"มีอะไรงั้นหรอคะ.."
เธอเอ่ยถามขึ้น เมื่อคนตรงหน้าหยุดฝีเท้า
"จำได้มั้ย เมื่อก่อน เราสนิทกันมากเลยนะคุจิกิ.."
โซระว่าพรางนึกถึงความหลังสมัยวัยเยาว์ เป็นภาพเด็กสาวสองคนปะดาบกัน ในตอนที่ยังร่ำเรียนอยู่ที่โรงเรียนยมทูต
ในตอนนั้นโซระยังไม่เปลี่ยนไปเหมือนกับตอนนั้น เธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสประดับอยู่ที่หน้าเสมอ ผิดกับตอนนี้ที่กลับหาดูได้ยากนัก
"เรียก..ลูเคียเหมือนเดิมเถอะค่ะ ท่านยามาโมโตะ"
ลูเคยว่าพรางผุดยิ้มบางๆให้กับอดีตเพื่อสาวของตน แต่ยังไงในมุมมองของเธอตอนนี้ โซระก็ยังเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์เกินกว่าเธอจะเทียบเทียมอยู่ดี
"ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็เรียกข้าว่าโซระเหมือนเดิมด้วยสิ ลูเคีย.."
"เอ๊ะ.."
"ว่าไงล่ะ ข้าไม่ชอบความไม่ยุติธรรมนะ"
"เอ่อ กะ..ก็ได้ค่ะ ท่านโซระ.."
เจ้าของชื่อขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันทีอย่างรู้สึกขัดใจ
'โป๊ก'
"โอ้ย ดีดหน้าผากข้าทำไมคะ.."
นิ้วเรียวดีดเข้าที่หน้าผากลูเคียเต็มแรงจนเกิดรอยแดงขึ้นหน่อยๆ
"โซระ..โซระเฉยๆ ไม่ต้องใส่ท่าน ไหนลองเรียกใหม่ซิ"
"ซะ..โซระ"
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มขึ้นมาทันทีที่ลูเคียกล่าวจบ
"เพราะงั้น จากวันนี้เรามาเริ่มต้นคำว่าเพื่อนกันใหม่นะ ลูเคีย.."
สิ้นประโยคโซระ ลูกเคียถึงกับตะลึงจนเบิกตากว้างเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง
"ว่าไง..ข้ายังเป็นเพื่อนกับเจ้าได้อยู่รึเปล่า.."
ลูเคียนิ่งเงียบไปพักนึงเหมือนจะตั้งตัวไม่ทันหน่อยๆ ที่จู่ๆคนที่ไม่คาดคิดจะมาบอกกับเธอแบบนี้
"สำหรับท่าน จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยัง..แอบเห็นท่านเป็นเพื่อนอยู่เสมอ โซระ.."
"..."
"เพราะงั้น ความสัมพันธ์มันเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้แล้วต่างหาก"
ในตอนนี้กลับกลายเป็นโซระที่ยืนอึ้งชะงักไปไม่น้อย หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ออกห่างจากลูเคีย จนไม่ได้คุยกันไม่ได้อะไรกัน ความเย็นชาของเธอทำให้ลูเคียเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าหา แต่ก็ยังคงเฝ้ามองและห่วงเธอในฐานะเพื่อนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จนถึงตอนนี้
"ขอบคุณนะ ลูเคีย.."
โซระเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนที่แสนดีตรงหน้าเธอด้วยความรู้สึกดีใจ และซาบซึ้งในความรู้สึกของเธอ
ลูเคียสวมกอดกลับอย่างไม่ลังเล จากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ได้ต่อกลับมาเป็นดังเดิมเหมือนวันเก่าๆซักที
====================
Writer talk
ติดตามตอนต่อไปด้วยค่ะ ฝากคอมเม้นท์ให้กำลังใจด้วยน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น