ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Bleach ] หัวใจที่ถูกแช่แข็งของเจ้า ข้าจะละลายมันเอง..

    ลำดับตอนที่ #19 : Charpter XVI : Disastrous visit

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 61


    "อะ..อุคิทาเกะ มิวะจัง เจ้าจะมาถูกเวลาเกินไปมั้ย.."

    เคียวราคุเอ่ยขึ้นกับผู้ที่มาเยือนใหม่เมื่อรู้สึกถึงความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ร่างบางหันไปมองผู้มาเยือนใหม่ดูสีหน้าเรียบนิ่งแต่มันแฝงความอัดอั้นภายในใจจนแทบระเบิดออกมา..มือบางค่อยๆวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะ

    "อ้าว คู่บ่าวสาวมากันแล้วหรอคะ ^ ^"

    โซระผลิยิ้มขึ้นอย่างสดใสซึ่งตรงข้ามกับจิตใจตอนนี้โดยสิ้นเชิง ทั้งคู่ที่ได้ยินคำทักทายนั้นต่างตกใจกันยกใหญ่

    "ซะ..โซระจัง ไม่ใช่แบบนั้นนะคือ.."

    ร่างบางไม่ได้สนใจที่ฟังชายหนุ่มพูด เพียงแต่หยิบแก้วเหล้าของเคียวราคุที่ยังมีเหล้าเหลืออยู่แล้วเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผมขาว

    'พรวด..'

    "ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้รู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก มีความสุขมากๆนะทั้งสองคน.."

    เหล้าจากแก้วถูกสาดเข้าไปที่ใบหน้าชายหนุ่มจะเปอะเปื้อนทั้งใบหน้าคมและผมของเขาเต็มๆ คนถูกสาดได้แต่ยืนนิ่งอึ้งโดยเฉพาะประโยคที่ร่างบางเอ่ยออหมา

    มันไม่ใช่นะ มันไม่ใช่เรื่องโกหกซักหน่อย

    "นี่โซระ มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ อุคิทาเกะกับข้า-"

    "จะโกหกข้าอีกนานมั้ย! แค่นี้ข้ายังดูเหมือนคนโง่ไม่พอหรอ ไม่ต้องมาเห็นใจข้าหรอก แค่นี้ข้ามันก็น่าสมเพศมากพอแล้ว.."

    มิวะที่กำลังให้เหตุผลกลับถูกโซระตัดบทออกมาด้วยความโมโห สมองของเธอตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมันคือเรื่องโกหกเธอรู้เพียงแค่นี้

    อุคิทาเกะที่พึ่งโดนสาดเหล้าใส่เมื่อครู่ค่อยๆนำมือปาดออกลวกๆ

    "เจ้ากำลังเมาอยู่นะโซระ.."

    เขาที่เห็นใบหน้าที่แดงก่ำเพราะพิษแอลกฮอล์ของเธอพูดขึ้นอย่างใจเย็นเพื่อให้เธอได้สติและฟังเหตุผลเขาทั้งสองคน

    "เมา..ถึงจะเป็นอย่างนั้นข้าก็จะไม่ฟังคำโกหกของใครแล้ว!!.."

    "นี่เจ้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะโซระจัง.."

    อุคิทาเกะว่าพรางหยื่นมือเพื่อจะไปจับแขนโซระ แต่ทว่า

    'เพี๊ยะ!'

    "อย่ามาแตะต้องตัวข้า!"

    มือบางปัดมือของร่างสูงออกไปอย่างไม่ใยดี นัยตาสีม่วงอ่อนเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เริ่มสั่นเทาขึ้นด้วยความผิดหวังก่อนจะวิ่งออกไ ปทันที


    ร่างบางวิ่งออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ด้วยความเจ็บปวด

    ขนาดนั้นแล้ว ยังกล้ามาให้เห็นหน้าอีก..

    ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย!

    'หมับ!'

    "ฟังข้าก่อนโซระจัง!"

    แขนเรียวถูกหยุดวิ่งจากฝ่ามือของใครบางคนที่รั้งไว้แน่นสุดแรง

    "ข้าต้องฟังอะไรอีก คำแก้ตัวของท่านงั้นหรอ?"

    ร่างบางว่าพรางพยายามสบัดแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แต่เหมือนแรงของเขาจะเหนือกว่าจึงไม้เป็นผล

    'หมับ!'

    'ผลั่ก!'

    แต่จู่ๆบุคคลผู้มาเยือนใหม่ ก็กระชากข้อมือชายหนุ่มออกไปจากแขนของร่างบางแล้วผลั่กออกไป

    "เขาบอกไม่ฟังก็ปล่อยสิ อุคิทาเกะ^ ^"

    "อิชิมารุ?"

    ร่างสูงที่ถูกผลั่กออกมาถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และงุนงงกับการเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่องของหัวหน้าหน่วยที่3ที่มาเยือนใหม่

    "ทั้งที่ก็มีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ก็ปล่อยโซระไปสิครับ ไม่รู้หรอว่าเธอก็เจ็บเหมือนกัน"

    งินเอ่ยขึ้นกับอุคิทาเกะด้วยน้ำเสียงยียวน แต่มันก็เป็นความรู้สึกของโซระตอนนี้จริงๆ

    "นี่เจ้า..ไปพูดอะไรกับโซระจัง!"

    "ข้าก็แค่พูดความจริง หรือมันไม่ใช่เรื่องจริงล่ะ.."

    ชายหนุ่มผมขาวแทบอยากจะพุ่งเข้าไปกระซวกหน้าไอคนที่มันยิ้มแสนกวนตรงหน้าเขาใจจะขาด แต่ติดที่ความใจเย็นของเขายังอยู่จึงได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ

    นี่เธอเชื่อคำพูดมันมากกว่าเขางั้นหรอ ถึงกลับว่าคำพูดเขามันไร้ความหมายไปเพราะเจ้านี่อย่างนั้นหรอ

    ถ้าอย่างนั้นก็คงหมดคำพูดแล้วล่ะนะ

    "โซระจัง..เธอมันก็ไม่ต่างกับข้าตอนนั้นหรอก"

    "..."

    "ความเชื่อใจในตัวข้า สำหรับเจ้าตอนนี้..มันไม่มีเลย.."

    เสียงทุ้มเอื้อนเอ่อยออกมาอย่างแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยินกับใบหน้าที่ก้มลงโดยมีเรือนผมปกปิดจนไม่เห็นว่าเขาทำสีหน้าเช่นใด แต่คงจะไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขแน่นอน

    หลังจากนั้นอุคิทาเกะก็หันหลังแล้วเดินออกไป เมื่อรู้ตัวว่าคำพูดของเขาตอนนี้มันไม่มีค่าพอที่จะให้เธอเชื่อถึงขนาดนั้นแล้ว

    เขาก็คงไม่มีอะไรจะต้องพูดแล้วล่ะ

    หญิงสาวที่พอจะได้ยินประโยคที่แผ่วเบาของเขา ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปโดยไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ

    เราทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรอ..ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ขึ้นมากัน

    "รู้สึกผิดอยู่หรอ.."

    งินจับบ่าเธอพรางพูดขึ้น

    "ปะ..ป่าว เมื่อกี้ขอบใจนะ"

    "เจ้าก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ.."

    งินว่าพรางบีบจมูกเธออย่างหมั่นเขี้ยวที่เธอทำหน้าเหมือนหมาหงอยแบบนั้นมันทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไหร่

    "อะ..โอ้ย นี่ข้าเจ็บนะ -3-"

    มือบางถูกจมูกตนเองที่แดงขึ้นจากผู้ที่บีบจมูกตนเมื่อครู่ด้วยหน้ามุ้ยๆ

    "แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นเจ้า..ว่าแต่ ตรารองหัวหน้าเจ้าหายไปแล้วน่ะ.."

    งินว่าพรางชี้ไปที่ต้นแขนขวาที่ว่างเปล่าซึ่งปกติจะมีตรารองหัวหน้าติดอยู่

    "เอ๊ะ หายหรอ หายไปตอนไหนอ่ะ!"

    หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นรีบหันมองรอบๆตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะมันเป็นตราสำคัญ ถ้าหายไปจริงๆได้โดยท่านปู่ของตนด่าหูชาแน่ๆ

    "คิกๆ.."

    ชายหนุ่มปิดปากกลั้นขำกับท่าทางของร่างบางกับป้ายตรารองหัวหน้าของเธอที่อยู่ในมือของตนแอบไว้ข้างหลัง

    'ควับ!'

    "ขำอะไรของท่านอยู่น่ะหา!"

    ร่างบางที่เริ่มจะเอะใจหน่อยๆหันควับมาจ้องร่างสูงเขม็ง

    "ตรารองหัวหน้าเธอ ใช่อันนี้รึเปล่านะ.."

    งินยิ้มๆตาปิดเช่นเดิมใส่เธอแล้วชูป้ายรองหัวหน้าในมือขึ้นพรางยักคิ้วกวนๆแล้วใช้ก้าวพริบตาหนีไป..

    "นะ..หนอย ไอบ้างูจิ้งจอกก!"

    หญิงสาวรีบเร่งฝีเท้าตามหัวหน้าแสนเจ้าเล่ห์ที่แอบชิงตรารองหัวหน้าไปอย่างเจ็บใจ เล่นบ้าอะไรของเขาฟ้ะ!

    "เอาคืนมานะเฟ้ย!!"

    เสียงหวานตะโกนไล่หลังงินด้วยความโมโหจนควันออกหูเลยทีเดียว บังอาจมาขโมยตรารองหัวหน้าของเธอได้ยังไง คิดว่าถ้าเธอกลับไปแล้วมันหายหูเธอคงจะยับเพราะบทสวดของผู้เป็นปู่แค่ไหน..

    "อยากได้คืนก็มาจับข้าให้ได้สิ โซระ~"

    ชายหนุ่มหันมายิ้มกวนบาทาใส่ยั่วโทสะหญิงสาว จนเธอเริ่มจะเส้นเลือดปูดขึ้นเล็กน้อย

    "เล่นอะไรของเจ้าน่ะหา!"

    'โป๊ก!'

    "อูย อย่ารุนแรงสิโซระ.."

    โซระที่วิ่งตามงินติดๆ หยิบหินระหว่างที่วิ่งปาใส่หัวเงินๆของคนข้างหน้าอย่างสะใจ บังอาจมากวน**เธอผู้นี้ยังน้อยไปเจ้าบ้าเอ้ย หึหึ(?)

    "แหม ขนาดหินยังปาถึงหัวข้า แล้วทำไมเจ้ายังไม่ถึงตัวข้าซักทีเล่า เจ้านี่มันช้าจริงๆเลยน้า.."

    เส้นเลือดที่พึ่งปูดขึ้นเมื่อครู่ ปูดขึ้นอีกเส้นที่สองจากคำพูดยั่วประสาทของหัวหน้าจิ้งจอกที่วิ่งอยู่แล้วหันมาพูดล้อเธอจากด้านหน้า

    ถ้าจับได้แม่จะหั่นเป็นชิ้นๆเลยคอยดูสิ!



    อีกด้านนึง

    "เห้ยๆ อุคิทาเกะ ไหวมั้ยนั่น.."

    ชายหนุ่มผมขาวที่เหมือนจะพึ่งถูกหักอกมาตอนนี้ยกแก้วเหล้าดื่มย้อมใจอยู่กับเพื่อนของตน

    "น้อยไปมากกว่าเคียวราคุ เจ้าเคยเห็นข้าเมารึไง.."

    แต่ข้อดีของเขาคือ ไม่ว่าจะกินแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเมาอย่างหมา(?)เหมือนคนแถวนี้ซักเท่าไหร่

    "อุคิทาเกะ เจ้าไม่ได้อธิบายให้โซระฟังรึไง.."

    มิวะแทรกขึ้น พรางยกแกล้วเหล้าดื่มเช่นกัน เพราะไหนๆก็มาร่วมโต๊ะแล้วจะไม่ดื่มก็เสียหน้าสิ

    "อย่างพูดถึงเธออีก.."

    !!

    ทั้งมิวะ ทั้งเคียวราคุ และรันงิคุที่ไม่ค่อยรู้เรื่องซักเท่าไหร่ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่หันควับไปหาอุคิทาเกะเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดๆ

    เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เขาต้องพูดถึงขนาดนั้นออกมาได้

    แถมไอสีหน้าเรียบนิ่งจนน่ากลัวที่ไม่คยเป็นมาก่อนนั่นเอง คงจะเดือดดานอะไรอยู่แน่ๆ

    "นะ..นี่โซระไปพูดอะไรกับอุคิทาเกะกันแน่นะ"

    มิวะเลื่อนหน้ามากระซิบกับเคียวราคุ พรางมองไปที่เพื่อนหนุ่มของตนที่เหมือนจะกำลังโกรธจัดแต่ไม่แสดงออกมาตามนิสัยอันแสนดีของเขา แต่ในตอนนี้มันแสนจะน่ากลัวซะมากกว่า

    "แหม มิวะ เห็นข้าตาทิพหูทิพหรือไง ตอนนั้นข้าก็อยู่ที่ร้านกับเจ้านะ.."

    เคียวราคุตอบซึ่งก็สงสัยไม่ต่างกันกับมิวะซักเท่าไหร่และยังจ้องไปที่อุคิทาเกะอย่างครุ่นคิด

    "ว่าแต่เรื่องงานแต่งนี่ยังไงกันหรอคะ.."

    รินงิคุชะโงกหน้ามาถามเนื่องจากยังไม่กระจ่างสมองซักเท่าไหร่ สร้างความนะเอือมให้กับทั้งสองเล็กน้อย

    "ไม่มีงานแต่งแล้ว อุคิทาเกะเขาไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาด้วยตัวเองว่ามีคนที่เขารักอยู่แล้ว รวมถึงตัวข้าด้วย.."

    'เปาะ!'

    "อ่อ อย่างนี้นี่เอง.."

    คำตอบของมิวะ ทำให้เคียวราคุดีดนิ้วขึ้นเหมือนจะรู้เหตุผลที่เพื่อนตนเดือดดานขนาดนี้

    "เจ้ารู้อะไรงั้นหรอเคียวราคุ.."

    มิวะที่เห็นท่าทางของเพื่อนเจ้าสำราญอีกคนที่เหมือนจะรู้อะไรจึงถามขึ้น

    "อุคิทาเกะเขาอาจจะกำลังน้อยใจก็ได้ ก็อุตส่าหอบสังขารไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่แต่กลับมากับถูกโซระจังเข้าใจผิด ก็เลยอารมณ์เสียไง.."

    "เอ๋..แต่ปกติเจ้าอุคิทาเกะไม่ได้ขี้น้อยใจง่ายแบบนั้นซักหน่อย จะมาน้อยใจเรื่องที่แค่เข้าใจผิดเนี่ยนะ.."

    "ไม่หรอกค่ะท่านมิวะ! ข้าพอเข้าใจแล้ว"

    รันงิคุที่นั่งฟังอยู่แทรกขึ้นเหมือนเริ่มรู้อะไรเหมือนกัน ทั้งคู่จึงหันไปมองเธอพร้อมกันเหมือนรอฟัง

    "เวลาคนเราจะรักกัน สิ่งสำคัญก็คือความเชื่อใจใช่มั้ยล่ะคะ เพราะโซระไม่เชื่อในตัวของหัวหน้าอุคิทาเกะ แล้วไปเชื่อในสิ่งที่คนอื่นเขาพูดมา เป็นใครใครก็หมดอารมณ์นั่นแหละค่ะ.."

    รันงิคุพูดออกมาอย่างมั่นใจ เพราะเรื่องความรักอะไรแบบนี้แล้ว เธอค่อนข้างที่จะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ (ถึงจะไม่มีแฟนก็เถอะ)

    "อืม..มันก็มีเหตุผลนะ เป็นข้าข้าจะลากฮิซากิมาตบกระบานให้หายข้องใจแล้วด่าให้หูชาเลย.."

    มิวะพยักหน้าเห็นด้วยกับรันงิคุพรางนึกถึงสภาพตอนตัวเองกำลังโดนแบบอุคิทาเกะเลยรู้สึกจะอินตามไปเล็กน้อย(?)

    "แต่สำหรับผู้ชายอย่างเขาแล้วนั้น.."

    สิ้นประโยคประโยครันงิคุ ทุกคนก็พอจะรู้คำตอบแล้วกับนิสัยอันแสนดีของอุคิทาเกะ เขาคงจะทำได้แค่เลิกยุ่งกับเธอตามที่เธอต้องการ เพราะถึงจะพูดยังไงเธอก็ไม่ฟังแล้ว

    น่าสงสารจริงๆ = =

    "กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ เหล้าหมดไปหลายขวดแล้วนะ.."

    ชายหนุ่มผมขาวที่นั่งกินเหล้าอยู่เงียบๆแล้วมองพวกที่กำลังซุบซิบอยู่นานพูดขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับขวดเหล้านับไม่ถ้วนบนโต๊ะ ทำเอาทั้งสามที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่อ้าปากค้าง

    "เร็วเกิ๊น!!"

    และพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน



    ตัดมาอีกด้านนึง จนเวลาผ่านไปถึงค่ำมืดแล้วก็ยังจะ..

    "งิน!!! ข้าเหนื่อยแล้วนะ!!"

    บัดนี้ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยที่3 โดนด่าจะไม่เหลือความเป็นหัวหน้าไปซะแล้ว

    ทั้งคู่วิ่งไล่ฟัดกันอยู่รอบๆเซเรเทย์1-2ชั่วโมงแล้ว เพื่อตรารองหัวหน้าอันเดียว แต่เหมือนชายหนุ่มจะไม่สะทกสะท้านซักเท่าไหร่เพราะตนเป็นคนแกล้งนี่นะ ก็ต้องสนุกสนานกับท่าทางของเธอเป็นธรรมดา

    "เฮ้อ เห็นแล้วสงสาร ข้าหยุดให้ก็ได้.."

    งิน หยุดฝีเท้าลงที่หลังคาคฤหาสต์ยามาโมโตะ ซึ่งเป็นบ้านของโซระ พรางหันไปโยนตรารองหัวหน้าคืนให้กับเธอ

    "หนอย..แฮ่กๆ.. มาให้ข้าต่อยก่อนนะเฟ้ยอย่าพึ่งไป!"

    เหมือนโซระที่ยังครุ่นแค้นไม่หายที่ทำให้เธอต้องหอบเพราะวิ่งล่าตรารองหัวหน้าของตนอยู่ตั้งนมนานแบบนี้จึงพุ่งเข้าไปหวังจะลากมาเชือดซะให้เข็ด

    แต่เหมือนจะไม่ทันชายหนุ่มที่กระโดดถอยห่างลงไปด้านล่างจากหลังคา พรางมองขึ้นมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มตาปิดอันแสนกวน**เช่นเดิม

    "วันนี้สนุกมากเลย ยังไงถือว่าข้ามาส่งเจ้าที่บ้านแล้วกันนะ บ้ายบาย^ ^"

    ว่าจบเจ้าตัวก็เดินหายไปทิ้งให้หญิงสาวยังเจ็บใจกับความกวน**ไม่หายของเขา แต่ก็สนุกอย่างที่บอกจริงๆนั่นแหละนะ ไม่ได้วิ่งไล่ใครแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ

    หลังจากนั้นโซระจึงกระโดดลงจากหลังคาแล้วเดินเข้าคฤหาสต์ไปทันที

    เมื่อพาร่างมาถึงห้อง เธอก็ทิ้งตัวลงนอนราบบนเตียงทันที พรางเลื่อนมือไปคลำสร้อยพระจันทร์เสี้ยวที่คอของตน ก่อนจะค่อยๆถอดมันออกมา แล้ววางลงที่โต๊ะข้างเตียง

    เห็นแก่ที่เป็นของขวัญจึงจะไม่ทิ้งมันไปแล้วกัน..

    'ความเชื่อใจในตัวข้า สำหรับเจ้าตอนนี้..มันไม่มีเลย..'

    จู่ๆก็นึกถึงประโยคนึงจากใครบางคน..น้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    "นี่เรา..ทำอะไรผิดไปรึเปล่านะ"

    เสียงหวานพรึมพรัมกับตัวเองพรางเอื้อมไปหยิบสร้อยเส้นนั้นมาอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นนั่งจากที่นอนอยู่

    "ผิดเต็มๆเลยยัยบ้า!"

    'ควับ!'

    "พี่มิวะ.."

    โซระหันควับไปตามต้นเสียงที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะเห็นผู้เป็นพี่สาวโผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างแล้วกระโดดเข้ามาด้วยสีหน้าที่ซีดๆเหมือนไปเจอผีหรืออะไรมายังไงอย่างงั้น

    "หมายความว่ายังไง..แล้วเป็นอะไรหน้าซีดขนาดนั้น"

    เธอถามขึ้นอย่างงุนงง โดยเฉพาะไอสีหน้าที่เหมือนถูกบังคับให้ดูหนังผีมาอะไรแบบนี้

    "ขะ..ข้าว่า ไปขอโทษอุคิทาเกะเถอะ ไม่ไหวแล้ว ข้าขนลุกไปหมดแล้ว.."

    "หา.."


    ย้อนไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้

    "อะ..อุคิาเกะ ขะ..ข้าว่าพอก่อนเถอะ เจ้าเริ่มจะเมาแล้วนะ.."

    มิวะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระอึกกระอักกับบุคคลที่ยกแก้วเหล้าดื่มด้วยใบหน้าที่นิ่งเงียบ ซึ่งพอมองไปนานๆแล้วเหมือนกับจะถูกกลืนกินไปยังไงอย่างนั้น

    "ใครเมา..เจ้าลองพูดอีกทีซิ.."

    เสียงนุ่มทุ้มตอบกลับด้วยโทนต่ำสุดๆ พรางปรายตามองไปหาผู้ที่กล่าวหาเมื่อครู่ด้วยแววตาที่นิ่ง..โครตนิ่ง

    จะโดนดูดวิญญาณเข้าไปมั้ย..

    "มะ..ไม่มีอะไรๆ ไม่ได้พูดอะไรซักนิด"

    มิวะรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที ก่อนจะหันไปซุบซิบกับเคียวราคุ

    "อะ..อุคิทาเกะเป็นอะไรไปแล้วฟ้ะ.."

    "ไม่ไหวๆ อย่ามาถามข้าสิ ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น.."

    รับไม่ได้มากกว่า!

    เคียวราคุเองก็ขนลุกไม่ต่างกัน เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเขายังไม่เคยเห็นเจ้าตัวนิ่งเงียบขนาดนี้มาก่อนเลย แถมยังมองไปข้างหน้าเหมือนกับครุ่นคิดอะไรที่ไม่น่าไว้ใจอยู่อีก

    "ไม่แน่นะคะท่านมิวะ เขาว่าความรักมีพลังทำลายล้างสูงมากเลยนะคะ.."

    รันงิคุกล่าวขึ้น พรางจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

    "ยะ..ยังไงล่ะรันงิคุ.."

    "หัวหน้าอุคิทาเกะอาจกำลังคิดจะ ฆ่าตัวตายก็ได้นะคะ!"

    "ห้ะ..ไม่นะเจ้าบ้าอย่าพึ่งคิดสั้น!"

    เมื่อรันงิคุว่าจบ มิวะก็หันไปพูดกับอุคิทาเกะทันทีด้วยความตื่นตระหนก

    สติสตังเริ่มไปแล้วมั้งทั้งโต๊ะ(?)

    อุคิทาเกะหันมามองอย่างงุนงง ปต่สีหน้ายังคงความนิ่งไว้อยู่

    "เจ้าพูดอะไรมิวะ.."

    "จะ..เจ้าคงไม่คิดฆ่าตัวตายหรอกนะ"

    "เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ขนาดนั้นเลยรึไง.."

    ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบๆ เป็นพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปอีก..ทั้งที่ปกติจะหัวเราะ แล้วตอบอย่างขบขันแท้ๆ

    "นี่ พวกเจ้า.."

    "หืม" เคียวราคุ

    "ว่าไง!" มิวะ

    "คะ!" รันงิคุ

    โครตจะไม่ค่อยอยากรู้กันเลย(?)

    ทันทีที่ชายหนุ่มเรียกผู้ที่ร่วมโต๊ะอยู่ ทุกคนก็รีบขานตอบทันทีพรางจ้องไปหาเขาเป็นตาเดียวเช่นเดิม เหมือนจะรอลุ้นอะไรบางอย่าง..

    "ข้าเป็นผู้ชายที่แสนดีไปใช่มั้ย.."

    เขาว่าพรางเอาหนังยางที่ไม่รู้พกมาตั้งแต่ตอนไหน(?) รวบมัดผมขาวยาวๆของเขา พรางถกคอเสื้อกิโมโนลงเผยให้เห้นแผงอกเล็กน้อยแล้วถกแขนเสื้อขึ้น จากมาดผู้ชายที่แสนจะเจ้าสำอางค์และเรียบร้อย บัดนี้กลายเป็นมาดแบดบอยไปเรียบร้อยแล้ว

    ถึงอยากจะบอกว่าอาการหนักแค่ไหนก็เถอะ

    "หะ..หัวหน้าอุคิทาเกะ-///-"

    รันงิคุถึงกลับหน้าแดงขึ้น พรางกำเดาพุ่งแล้วหงายลงไปกับเก้าอี้เมื่อเห็นแผงอกอันขาวเนียนที่ซ่อนไว้ภายใต้กิโมโน

    ส่วนมิวะ ตอนนี้ก็วิญญาณหลุดพร้อมกับร็สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยจะดียังไงไม่รู้ ซึ่งก็พอๆกับเคียวราคุ

    "ถ้าเช่นนั้นจากวันนี้ ข้าจะมิใช่อุคิทาเกะ จูชิโร่คนเดิมอีกแล้ว.."

    เหมือนกับหัวหน้าคุจิกิร่างสองเลยเฟ้ย!



    กลับมาที่ปัจจุบัน

    "ระ..เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ"

    โซระที่นั่งฟังผู้เป็นพี่สาวเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจตอนนี้นั่งหน้าเหวอจิตหลุดไปเรียบร้อย

    "อะ..เอ๊ะ ดะ เดี๋ยวสิ แล้วเรื่องแต่งงานล่ะ"

    "โว้ยยย!! ไม่มีแล้วเฟ้ยยัยเด็กบ้า จะไปตงไปแต่งได้ยังไง!! ข้ามีแฟนแล้วเว้ย! แล้วอุคิทาเกะตอนนี้ก็ชอบพอกับแกอยู่ไม่ใช่รึไง แถมยังอุตส่าถ่อไปบอกพ่อแม่ถึงที่บ้านเกิด แล้วเจ้าล่ะทำอะไรลงไป!!"

    หญิงสาววิญญาณหลุดดับเบิ้ลคูณสองไปเป็นที่เรียบร้อย

    "ขะ..ขอนาฬิกาย้อนเวลาได้มั้ยพี่มิวะTT"

    "ไม่มีเฟ้ย!"

    "ไม่จริ๊ง!!!"

    ====================

    Writer talk


    โอ้ยยวงวาร แต่งไปขำไป นี่จะดราม่าหรือจะตลกเอาให้แน่ให้นอนโอ้ยย555 ไม่นะพ่อพระเอกที่แสนดีของไรต์TT จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน ฝากคอมเม้นท์ให้กำลังใจในการแต่งต่อไปด้วยนะครับ ♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×