ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Heaven Knight ดาบฟ้า กู้ปฐพี

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ-จุดเริ่มต้นแห่งการสิ้นสุด

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 50


                                  
    หมอกควันปกคลุมทั่วท้องฟ้า และผืนน้ำจรดยังแผ่นดินที่กว้างไกล แม้ว่ามีแสงอาทิตย์ไรๆ พยายามประกายเจิดจ้า ก็ไม่อาจทำลายความมืดที่กำลังคืบคลานมาตามผืนแผ่นดินมาเรื่อย กองทัพนับล้านที่กระหายเลือดเนื้อและแรงกดดันมหาศาล บัดนี้เคลื่อนพล เข้าใกล้กำแพงเมืองหมายประชิดและหักด่านนี้ พร้อมกับเครื่องทุ่นแรงนับร้อยที่พร้อมเข้าตีเมืองให้แตกได้ภายในไม่กี่เพลา
     
    เร็วเข้า...ข้าศึกมาถึงแล้ว ทหารนายหนึ่งตะโกนเพื่อเป็นสัญญาณให้เหล่าเพื่อนพ้องสหายรบตื่นตัว กระทั่งนายทัพที่ดูมีบรรดาศักดิ์เดินเข้ามา
     
    ใช้เวลาเท่าใด นายทัพถามและมองเขม็งไปทางกองทัพนับล้านอย่างสงบ
     
    ประมาณครึ่งชั่วโมง นายทหารตอบเสียงแข็ง จำนวนล่ะ
     
    คาด...ประมาณ 9 แสน ทหารตอบ
     
    ส่งม้า!! ไปเมืองหลวง ขอกำลังและยุทธอาวุธ นอกนั้นเตรียมรับศึก นายทัพสั่งการแน่วแน่ ทหารตอบรับและแยกย้ายทำหน้าที่ของตน
     
    ธงทิวนับหมื่นโบกสะบัดไปมาตัดกับสายหมอกและลมอันรุนแรง แต่ไม่มีทีท่าที่ทหารในกองทัพจะหวั่นเกรงกับธรรมชาติ มันจะยิ่งเพิ่มความท้าทายและกระหายการฆ่าฟันมากขึ้น
     
    ...ในที่สุด กองทัพยิ่งใหญ่ หยุดทัพอยู่เพียงด้านของเมือง โดยไม่ใกล้ไม่ไกล ห่างกันแค่เพียงปลายจมูก ทหาร สงบนิ่ง และเงียบเชียบ ขณะที่เกิดการจลาจลจากความหวาดกลัวภายในเมือง ทหารต่างไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุข ที่สุดแล้วทหารที่ประบนกำแพงเมืองก็สงบและพยายามวิเคราะห์กับการศึก
     
    นายทะเบียน ส่งเสบียงลงทางใต้ทั้งหมด นายทัพคนเดิมสั่งการ
     
    เหตุใด นายทะเบียนสงสัย
     
    เมืองอาจถูกตีแตกอย่างรวดเร็ว นำประชาชนออกทางด้านหลังและนำเสบียงตาม นายทัพอธิบายโดยละเอียด นายทะเบียนฟังแล้วอือออตาม
     
    ข้าจะไปบอกทาง หน่วยเสบียงให้ ส่วนเรื่องประชาชนท่าน...
     
    ข้าจะให้ลูกน้องข้าไปจัดการ นายทัพตอบและเดินกลับสู่หน้าด่านที่จะกลายมาเป็นสมรภูมิในไม่ช้า
     
    ไม่นาน กองทัพแห่งความมืดเริ่มเคลื่อนแตกออกซ้ายขวาและเริ่มเข้าประชิดเมือง ห่าดอกะนูเริ่มพุ่งออกจากคันธนูสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมายังผืนล่าง ทหารแต่งกายชุดสีดำ วิ่งเข้าหาลูกธนูอย่างไม่เกรงกลัว เลือกสาดกระจายลงบนพื้นดินที่เปียกชื้น เพราะความเย็น ถึงกระนั้นทหารก็ยังรบพุ่งเข้าสู่กำแพงเมืองที่ทนทานได้ไม่นาน
     
    ทหารในเมือง เร่งขนยุทโธปกรณ์ อย่างธนู ดาบและหอก ความหวั่นไหวบนกำแพงเมืองเริ่มถาโถมเมื่อ รถประชิดกำแพงเมองเข้าใกล้มา ทหารทุกนาย พยายามยิงเกาทัณต่อต้าน แต่ด้วยกำลังที่น้อยกว่ามากและวิธีการรบของข้าศึกที่กระหายเลือด บนกำแพงเมืองเริ่มมีศัตรูอยู่บนนั้นแล้ว
     
    นายทัพที่กำลังต่อต้านข้าศึกทางกำแพงเมืองอีกด้านจึงเร่งนำทหารที่อยู่ด้านหลังเมืองเข้าช่วย ขณะที่ภายในเมือง เริ่มมีการอพยพออกทางด้านหลังแล้ว
     
    ถึงแม้ว่าจะนำทหารไปช่วยเหลือแต่กำลังพล 9 แสนนั้น ยากจะต่อกร
     
    คงต่อต้านได้ไม่นาน ท่านแม่ทัพ จงพาทหารในส่วนของเจ้าออกไปทางประตูทิศใต้เถอะ นายทัพพูดกับแม่ทัพที่ประจำการอยู่ ในระหว่างที่ศึกกำลังเข้าข้น ปนไปด้วยเสียงอึกทึก โครมคราม และเสียงร้องของมนุษย์
     
    ข้าทิ้งท่านไม่ได้ ท่านอุตส่าห์มาจากเมืองหลวงเพื่อช่วยข้า แม่ทัพเจ้าเมืองตอบกลับไป
     
    ท่านไปเถอะ... ทั้งสองเข้ารบ และหันหลังชนกัน
     
    ไปแจ้งข่าวแก่ทางเมืองหลวง นายทัพยังคงพูดเช่นเดิม
     
    “!!”
     
    ตูม โครม ปิดฉากการรบ หินก้อนใหญ่ ลงมาจากฟากฟ้า ดังสนั่นลั่นเมือง นับเป็นการโจมตีที่แน่นอนแล้ว เพราะขณะนี้ประตูเมืองได้เปิดต้อนรับเรียบร้อยแล้ว
     
    ไร้เสียง ไร้ชีวิต กลุ่มควันฟุ้งเต็มภายในเมือง ศพที่ร่วงลงมาจากกำแพง เกลื่อนกลาดดาษดา นักรบต้องสละชีพไปหลายต่อหลายชีวิต แม่ทัพลืมตาขึ้น ตั้งสติ และนำตนเองออกมาจากกลุ่มควันลูกใหญ่ก่อนที่จะมีลมพัดเอาควันไป เขายืนยันตนเองว่า ตนตกลงมาจากกำแพงแล้ว หินก้อนโต ทำให้กำแพงเมืองถล่ม ขณะที่ข้าศึกถาโถมวิ่งเข้าเมือง แม่ทัพทำอะไรไม่ถูก เขาเหลือบเห็นม้าตัวหนึ่งที่ปลอดภัยใสสะอาด จึงรีบนำตนเองออกไปจากที่นั่น โดยที่ยังนึกถึงความปลอดภัยของนายทัพคนนั้น และจากไปโดยที่ไม่เหลียวหลัง และเป้าหมายคือ เมืองหลวงที่ห่างไกลนับ ร้อยพันไมล์ ซึ่งสิ่งที่ไล่ตามมาคือกองทัพอันน่าสยดสยองที่กำลังเคลื่อนพลเข้าประชิดเมืองหลวงทุกขณะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×