ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) SKYSCRAPER | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #2 : INTRO - HOW WE MET

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 58


    © themy butter

     

     

    SKYSCRAPER – HOW WE MET

     

     

     

     

     

     

     

    United State of America, September 2008…

     

     

    “A great morning Mr.Byun.”

     

     

    Thanks.” แบคฮยอนรับแก้วกาแฟมาจากเพื่อนร่วมงาน ส่งยิ้มกลับไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจกับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าต่อ คิ้วสองข้างเริ่มขมวดเขาหากันหลังจากสายตาค่อยๆไล่อ่านข้อความบนจอ มืออีกข้างเอื้อมมาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบโดยไม่ละสายตาออกจากจอแม้แต่น้อย

     

     

    “เฮ้อ… ” แบคฮยอนถอนหายใจทันทีหลังจากอ่านข้อความนั้นจบก่อนจะทิ้งตัวลงกับพิงพนักเก้าอี้ ขยี้ผมที่เซ็ตมาอย่างดีจนยุ่งไปหมด

     

     

    “พี่แบคฮยอน…” เสียงอ่อยๆของจื่อเทา หรือต้นเรื่องที่ทำให้แบคฮยอนต้องเครียดขนาดนี้ดังขึ้นข้างๆในไม่กี่นาทีต่อมา

     

     

    “เห็นในเมลแล้วล่ะ นายโอเคนะ?” แบคฮยอนยิ้มบางๆก่อนจะตบไหล่เทาเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

     

     

    “ผมไม่อยากย้ายไปเลยพี่ ผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย..”

     

     

    “ก็แค่ย้ายทีมเอง นายก็ยังอยู่ใน FBI อยู่ดี อย่าคิดมาก” แบคฮยอนพยายามปลอบใจลูกทีมที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี แต่อยู่ๆก็ถูกย้ายทีมออกไป มันก็น่าแปลกใจไม่น้อย เพราะตอนนี้ทีมของเขาก็ออกจะทำงานได้เข้าขากันได้ดี ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องย้ายคนฝีมือดีอย่างจื่อเทาออกไป

     

     

    “ถ้าไอ้คนที่มาแทนผมมันทำงานไม่ได้เรื่องนะผมจะ-”

     

     

    Good morning Mr.Byun.” เสียงของโซจีซอบ หรือหัวหน้าหน่วยสืบสวนต่างประเทศของเอฟบีไอขัดขึ้นมา จื่อเทาจึงต้องหยุดพูดและทั้งสองก็ลุกขึ้นมาโค้งให้คนตรงหน้าพร้อมกัน โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางเดินตามหลังจีซอบมาด้วย

     

     

    “ครับหัวหน้า”

     

     

    “นี่ชานยอล ปาร์คชานยอล ลูกทีมแล้วก็รูมเมทคนใหม่ของนายที่บอกเอาไว้ในเมล” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองคนตัวสูง และพบว่าสายตาของปาร์คชานยอลนั้นได้จับจ้องมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

     

     

    “ทำความรู้จักกันไว้นะ” พูดจบโซจีซอบก็เดินออกไป ทิ้งไว้แต่ความอึดอัดตรงโต๊ะทำงานของเขา

     

     

    แบคฮยอนพยายามทำเป็นไม่เห็นสายตาของชานยอลที่ยังจ้องมาที่เขา หันไปส่งสัญญาณให้จื่อเทากลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองได้แล้ว

     

     

    “ปาร์คชานยอล อายุ?” แบคฮยอนนั่งลงทำทีเป็นสนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าและถามออกไป

     

     

    “ยี่สิบสี่ครั-”

     

     

    “นั่งลงสิ ใช้คอมพิวเตอร์เก่งแค่ไหน? ทำอะไรได้บ้าง?”

     

     

    “ถ้าเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ อยากรู้อะไรก็รู้ได้หมด”

     

     

    แบคฮยอนเพียงแค่ขานรับในลำคอเบาๆ ตาทั้งสองข้างจ้องไปที่หน้าจอส่วนมือก็ค่อยๆเลื่อนเม้าส์อ่านประวัติของคนตรงหน้าที่แนบมาในเมล

     

     

    “แล้วพี่ล่ะ?”

     

     

    “หืม?”แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมา

     

     

    “พี่คงจะไม่คิดให้ผมแนะนำตัวคนเดียวใช่ไหม?”

     

     

    “บยอนแบคฮยอน อายุยี่สิบสี่ เป็นหัวหน้าทีมนี้ แต่เรียกว่าแบคฮยอนก็พอ รอแปป เดี๋ยวค่อยพาไปแนะนำพี่ๆในทีม”

     

     

    “อ้าว แบคฮยอนไม่ได้แก่สุดเหรอ ถึงได้เป็นหัวหน้าทีม”

     

     

    “เด็กสุดต่างหากล่ะ..” แบคฮยอนหันกลับไปสนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าต่อ โดยไม่ได้ทันสังเกตว่าหลังจากที่เขาแนะนำตัวเสร็จนั้นมีรอยยิ้มอ่อนๆปรากฎขึ้นบนหน้าลูกทีมคนใหม่…

     

     

     

     

     

     

    หนึ่งเดือนต่อมา…

     

     

    “หัวหน้าครับ… ไม่สิ แบคฮยอนคือผม…” ชานยอลยืนทำหน้าบื้อๆอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน ซึ่งมันน่ารำคาญในสายตาหัวหน้าทีมตัวเล็กมากพอสมควร

     

     

    หลังจากเข้ามาทำงานเขาก็รู้สึกได้แหละว่า ชานยอลมันมีฝีมือแต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงทีไร ไอ้บ้านี่ก็ลน ทำให้เรื่องวุ่นวายจนน่ารำคาญทุกที

     

     

    “มีไร?”

     

     

    “คือผมชอบแบคฮยอน เป็นแฟนกับผมนะ…”

     

     

    “…” แบคฮยอนทอดสายตามองคนตรงหน้านิ่งๆ ไม่มีท่าทีตกใจใดๆทั้งสิ้น แต่สำหรับชานยอลแล้วมันน่ากลัวมาก

     

     

    “เป็นบ้ารึไงปาร์คชานยอล” อาจจะนับว่าเป็นประโยคยาวที่สุดที่แบคฮยอนเคยพูดกับเขาก็ได้ เพราะปกติแล้วคนตัวเล็กมักจะเก็บตัวและพูดในเวลาจำเป็นจริงๆ

     

     

    เปล่าคือผม..”

     

     

    “กลับไปทำงาน เลิกพูดเรื่องไร้สาระก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบประโยค หัวหน้าทีมก็เดินผ่านไหล่เขาไปโดยไม่สนใจกันสักนิด...

     

     

     

     

    หกเดือนต่อมา...

     

     

    “แบคฮยอนนี่จุดอะไรรู้ไหม?” ชานยอลชูกระดาษเปล่าๆแผ่นหนึ่งที่มีจุดตรงกลางให้หัวหน้าเขาดูระหว่างที่ทุกคนในทีมกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอยู่

     

     

    “จุดไร?” แบคฮยอนที่กำลังเคร่งเครียดกับเอกสารตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองนิ่งๆ

     

     

    “จุดเริ่มต้นของพวกเราครับ ซารางเฮ” ชานยอลยกแขนสองข้างทำเป็นรูปหัวใจ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    “จงอินมึงว่าคราวนี้ไอ้เด็กใหม่จะตายไหมว่ะ?” เซฮุนผู้มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดสะกิดจงอินที่ยังนั่งอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ จงอินเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงว่าแบคฮยอนน่าจะยังอดทนกับเหตุการณ์แบบนี้ได้อยู่

     

     

    ใช่ พวกเขารู้ดีว่าปาร์คชานยอลเด็กใหม่ใจกล้ากำลังท้าทายอำนาจมืดโดยการจีบบยอนแบคฮยอนหัวหน้าทีมของพวกเขา ซึ่งการหยอดมุกเสี่ยวๆทุกวันเช้าเย็นมาเป็นเวลาหกเดือนนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร ปกติแบคฮยอนก็แค่ไล่ไอ้เด็กใหม่ไปทำงาน แต่วันนี้...

     

     

    “แต่กูดูแล้วไม่น่าตายดี คุณหัวหน้ามันจะระเบิดล่ะ ดูดิ” คยองซูชี้ไปที่แบคฮยอนที่มองชานยอลด้วยสายตาที่ลุกโชน

     

     

    เห็นแบบนั้นเซฮุนก็รีบเขยิบเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนตัวเล็กทั้งสองกุมมือกันแล้วส่ายหน้าไปทางชานยอลเป็นสัญญาณบอกว่ามันไม่รอดแน่ๆ และพวกเขาจึงเริ่มนับถอยหลัง...

     

     

    “สาม... สอง... หนึ่ง...”

     

     

    แอ็คชั่น!

     

     

    ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

     

     

    เอกสารทั้งปึกในมือแบคฮยอนฟาดลงบนหัวชานยอลไม่ยั้ง ถึงชานยอลจะพยายามปัดป้องยังไงแต่แบคฮยอนก็ไม่หยุดฟาด

     

     

    “ปาร์คชานยอล!”

     

     

    ผัวะ!

     

     

    “บอกแล้วใช่ไหม!

     

     

    ผัวะ!

     

     

    “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!!

     

     

    ผัวะ!

     

     

    “หมดความอดทนแล้วนะเว้ย!” 

     

     

    “ก็ผมชอบ ไม่ดิผมรักแบคฮยอนจริ-

     

     

    ผัวะ!

     

     

    เซฮุนและคยองซูก็ยังคงส่ายหัวไปมาพร้อมๆกัน โบกมือลาอนาคตอันเรือนลางของชานยอล นี่พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆนะว่าทำไมปาร์คชานยอลต้องพยายามจีบแบคฮยอนขนาดนี้ ถึงแบคฮยอนจะเด็กสุดในทีมแต่กลับเข้าถึงยากพอๆกับจงอินเสียอีก … แล้วไอ้เด็กใหม่มันไปชอบอะไรในตัวแบคฮยอนกันแน่…

     

     

     

    June 2010,

     

     

                “ต่อไปเป็นข่าวการเมืองค่ะ หลังจากมีข่าวลือกันหนาหูว่ามีซื้อเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ในวันนี้เวลาประมาณแปดนาฬิกาท่านได้ออกมาแถลงข่าวด้วยตัวของท่านเอง โดยยืนยันว่าไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น และจะตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ…”

     

     

                ติ้ด…

     

     

    “วีอาร์วัน! สวัสดีครับพวกเราเอ็กโซครับ!

     

     

    อยู่ดีๆช่องข่าวประจำวันที่แบคฮยอนตั้งอกตั้งใจดูอยู่นั้นก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นช่องอื่น ทำให้เขาต้องหันไปดุตัวต้นเหตุที่ถือรีโมตอยู่ในมือทันที 

     

     

    “ไม่เห็นรึไงว่าดูอยู่”

     

     

                 “ก็เห็น...”

     

     

                “เปลี่ยนกลับไป” แบคฮยอนพยายามจะแย่งรีโมททีวีคืนมา แต่ก็ไม่เป็นผล ชานยอลชูรีโมตทีวีเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็คอยกันแบคฮยอนเอาไว้ด้วยท่าทีสบายๆ

     

     

                “ไม่เอา แบคฮยอนสนใจแต่ข่าวยิ่งกว่าแฟนอีกนะ ข่าวกับแฟนเลือกอะไร”

     

     

                “...ข่าว”

     

     

                “ผมไม่ได้จีบแบคฮยอนมาทั้งปีเพื่อมาแพ้ข่าวในทีวีแบบนี้นะ” ชานยอลทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาดิ้นไปดิ้นมาเป็นเด็ก

     

     

    ใช่... ในที่สุดแบคฮยอนก็ยอมรับปากเป็นแฟนเขาสักทีหลังจากที่พยายามตามจีบแทบตาย ถึงแบคฮยอนจะตอบว่าแล้วแต่มึง’ ก็เถอะ เขาก็ถือว่านั่นคือคำตอบรับและแบคฮยอนคือแฟนของเขาแล้ว

     

     

                “แล้วคนนี้ใครทำไมแบคฮยอนถึงคุยดีๆด้วยตลอดเลย” ชานยอลชูโทรศัพท์ของตัวเองที่มีภาพแคปเจอร์หน้าแชทระหว่างแบคฮยอนกับคนอื่นๆขึ้นมา พยายามงอแงหาเรื่องที่จะทำให้แบคฮยอนสนใจเขาสักที

     

     

                “แฮ็คโทรศัพท์ฉันอีกแล้วเหรอ?”

     

     

                “ก็มัน...”

     

     

                “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ทำอะไรแบบนี้ ห้ามแตะโทรศัพท์ฉันอีกเข้าใจ-”

     

     

                Rrr…Rrr…Rrr…

     

     

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้แบคฮยอนหยุดพูดและเดินไปรับโทรศัพท์

     

     

                “ครับพี่? ...ห้ะ?! ครับ อย่าลืมปิดทางออกทุกทางอย่าให้ใครออกไปได้ ครับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” พูดเพียงไม่กี่คำแบคฮยอนก็รีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง วิ่งไปหยิบบัตรประจำตัวและเสื้อโค้ททั้งของตัวเขาและชานยอล

     

     

                “ทำไม? เกิดไรขึ้น?” ชานยอลที่ยังยืนงงๆอยู่ในห้องถามขึ้น แต่ยังไม่ทันได้คำตอบหัวหน้าทีมก็จับแขนเขาลากออกจากห้องทันที

     

     

                “เร็วๆสิ!

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    เสียงสัญญาณเตือนภัยกรีดร้องลั่นอาคารFBIจนได้ยินมาถึงข้างนอก ยังโชคดีที่ห้องพักของเขากับชานยอลไม่ได้ไกลจากที่ทำงานมากนัก ทั้งคู่จึงวิ่งมาถึงโดยใช้เวลาไม่กี่นาที

     

     

    “พี่..” แบคฮยอนเดินเข้าไปแตะไหล่จงอินที่ยืนมองที่เกิดเหตุอยู่ และแบคฮยอนก็แทบจะทรุดลงไปกับพื่นเมื่อจงอินถอยออกมาให้เห็นที่เกิดเหตุชัดๆ

     

     

    “นี่มัน...” ภาพตรงหน้าคือร่างไร้ลมหายใจของรุ่นพี่คนสนิทของแบคฮยอน หรือปาร์คจีซอง แต่แล้วเสียงสัญญาณที่เงียบไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก็ดังขึ้นมาอีก ในพริบตาแบคฮยอนและจงอินต่างรีบวิ่งเข้าไปที่คอมพิวเตอร์ของปาร์คจีซองทันที

     

     

    “ปาร์คชานยอล!! ยืนทำบ้าอะไรอยู่?! สัญญาณดังแบบนี้แสดงว่ามีคนแฮคเข้ามาในระบบ ทำอะไรสักอย่างสิ!!” แบคฮยอนหันมาตะคอกใส่ชานยอลที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างหลังเขาจนน่าหงุดหงิด ตอนนี้จื่อเทาที่เขาเคยเชื่อใจเรื่องพวกนี้ก็ไม่อยู่.. บ้าที่สุด

     

     

    “ครับ” ชานยอลค่อนข้างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็รีบเข้าไปที่คอมพิวเตอร์และพิมพ์ตัวอักษรและตัวเลขมากมายเพื่อพยายามกู้ระบบคืนมา

     

     

    ยังไม่ทันที่จะกู้ระบบคืนมาได้สำเร็จ บนจอคอมพิวเตอร์ก็ปรากฎตัวหนังสือประหลาดที่คนประเทศนี้ไม่คุ้เคย แต่แบคฮยอนจงอินและชานยอลนั้นกลับเข้าใจมันได้ดี...

     


     

     

     

     

     

    “เตรียมตัวเอาไว้ พวกทรยศ...”

     

     

    TBC



    #ficskycb




    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ติชมในเม้นหรือสกรีมในแท็คได้เลยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×