ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Infinity online (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนที่ 39 โกลด์ดาร์ก ราชันย์แห่งอสูร(ปรับ 1/7/59)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.92K
      97
      1 ก.ค. 59




    ตอนที่ 39 โกลด์ดาร์ก ราชันย์แห่งอสูร

               

               

                สายลมพัดอ่อนๆยามดึกดื่น ผมกับเรนนอนพักที่ต้นไม้ ซึ่งห่างจากจุดกางกระโจมประมาณสี่กิโลเมตรก็แบบว่าต้นนี้มันใหญ่ดีอ่ะนะ และกิ่งที่แยกออกมามันทำให้นอนสบายนะสิครับ  ส่วนเรนมันก็หาต้นที่ถูกใจมันนั่นแหละ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหรอกครับ ขี้เกียจตรวจดู ถามว่าเป็นห่วงพวกมาเรียไหม ตอบเลยว่าไม่จำเป็นครับ เพราะตอนที่พวกนั้นเข้านอนเรนมันแอบไปกางข่ายเวทย์ป้องกันไว้แล้ว มันเป็นห่วงมาเรียยิ่งกว่าผมเสียอีก แล้วเวทย์ที่มันกางก็ระดับโคตรสูง ถ้าสัตว์อสูรไม่โหดเกินไปก็ทนได้สบายๆ

     

    ด้านของทอรัส

                “อามอน หาพวกมันเจอยัง  มันไปอยู่ไหนของมันวะ”  ทอรัสสบถ

                “ไม่เจอครับนายท่าน  คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆนี่แหละครับ หาอีกสักหน่อยเดี๋ยวก็เจอเองครับ”  อามอนตอบ และค้นหาต่อไป

                และแล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ  จนถึงตีสอง พวกทอรัสก็ยังหาพวกผมไม่เจอ จึงถอดใจกลับไปนอน  อันความจริงแล้วทอรัสมันจะเข้าไปลักหลับพวกมาเรีย แต่ติดข่ายเวทย์ของเรนมันตั้งใจพังข่ายเวทย์อยู่พักใหญ่แต่ทำไม่ได้ ค จึงกลับไปนอนกระโจมตัวเองด้วยความหงุดหงิด 

           "ถ้าหากข้าจัดการมันไม่ได้พอตอนเรากลับออกไปค่อยไปหาตัวช่วย ตอนนี้ข้าพึ่งนึกออกถึงข่าวลือว่ามือเด็กนักเรียนคู่หนึ่งได้ฆ่าอาจารย์ของที่นี่ไปหนึ่งคน แถมยังมีขข่าวลือมาอีกว่ามันทั้งสองสามารรถสยบมังกรได้ ไว้ข้าจะตามหาแล้วว่าจ้างทีหลัง ทีนี้และไอ้ออฟนั่นมันได้ตายสมใจข้าแน่"  ทอรัสพูดด้วยความหงุดหงิดกับอามอน พร้อมกับเเสยะยิ้มออกมาเมื่อกล่าวถึงคู่หูที่เป็นข่าวลือทั่วโรงเรียน 

         "ด้วยอำนาจของท่าทอรัสไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอกขอรับ"  อามอนประจบประแจง

          "มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วอามอน หึ"  ทอรัสแค่นเสียงหัวเราะ

         

     .................................................

                ตอนเช้ากับบรรยากาศอันสดใส  เสียงนกน้อยส่งเสียงเปรียบดั่งนาฬิกาปลุก ผมกับเรนก็เตรียมอาหารเสร็จแล้ว รอแค่ทุกคนออกมาทานพร้อมกัน  วัตถุดิบที่ใช้ ก็ล่าเอาตอนที่เดินทางกลับมา ที่ผมล่าได้ก็มี กวางสองสี  หมีขาว  หมีน้ำตาล  ไก่ป่าที่ตัวใหญ่กว่าไก่ปรกติประมาณสี่เท่า  กระต่ายมีเขาอีกจำนวนหนึ่ง รวมๆกันก็ประมาณ สี่สิบหกตัว  และเก็บสมุนไพรอีกเล็กน้อย เรนมันก็ล่ามาเหมือนกัน  แต่ล่ามาเยอะกว่าผมสี่เท่า  แถมยังบอกให้ผมทำอาหารเยอะๆอีก  ผมเลยจัดไปสี่หม้อใหญ่ โดยผมกับไอ้เรนกะจะเหมาสามหม้อ ส่วนอีกหม้อก็ให้พวกคุณมาเรียจัดการไป

                และแล้ว เวลาอาหารเช้าก็มาถึงทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ยกเว้นทอรัสกับอามอน การทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น  คุณมาเรียกับคุณมิ้นทานแค่สองจาน ที่เหลือจึงเป็นของผมกับเรน  เพียงแต่เรนมันสวาปามเร็วเกินปรายเลยจริงๆ ซัดไปคนเดียวสามหม้อ  อีกหม้อหนึ่งผมเป็นคนจัดการเอง หุหุ

                การเดินทางวันนี้ก็เหมือนๆปกติ  ทอรัสกับอามอนก็วิ่งเข้าหาสัตว์อสูรตลอดทาง  จนไปถึงเขตกั้นระหว่างป่าอาถรรพ์เขตนอกและเขตใน  ทอรัสกับอามอนก็เดินผ่านเข้าไปเฉยๆ แถมยังไม่ยอมกลับมาอีก

                “ถ้าหากพวกนายไม่เข้ามา แสดงว่าปอดแหก อีกอย่าง แค่ป่าเขตใน ฉันคนเดียวก็จัดการได้สบายอยู่แล้ว กลับไปรอที่โรงเรียนเลยก็ได้นะ” ทอรัสเป็นคนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

                ส่วนผมกับไอ้เรนนะเหรอ ก็หันหลังกลับโดยไม่สนใจนะสิ ถึงแม้ทอรัสจะตะโกนด่าสารพัด ก็ไม่สนใจ  แต่ทว่าสุดท้ายก็ต้องเข้าไปจนได้ เพราะคุณมาเรียกับคุณมิ้นเข้าไปตามทอรัสกลับมานะสิ ส่วนทอรัสตัวดีก็เล่นตัวไม่ยอมกลับ แถมยังโชว์จัดการสัตว์อสูรในนั้นอย่างง่ายดาย

                “เห็นไหม สัตว์อสูรพวกนี้มันกระจอก”   ทอรัสพูด แล้วก็เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆโชวพาวเวอร์ของตัวเองโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และยิ่งเห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของผมก็ยิ่งได้ใจใหญ่

                แม้คุณมาเรียกับคุณมิ้นพยายามชวนกลับ แต่ก็ไร้ผล

     

                “เฮ้อ  คนอวดเก่งก็อย่างนี้แหละ  มันรู้ไหมนั่นว่ามีตัวโหดๆรออยู่”   เรนพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ

                “ช่างเรื่องของทอรัสมันเถอะ พวกเราแค่ตามไปดูแลคุณมาเรียกับคุณมิ้นก็พอ”  ผมพูด และก้าวเท้าข้ามเขตแดนไป ส่วนเรนก็ตามผมมาติดๆ

     

                เมื่อผมกับเรนก้าวผ่านเข้าสู่เขตป่าอาถรรพ์  พลังเวทย์ของเรนที่ควบคุมตลอดเวลาก็รั่วออกมาชั่ววินาทีหนึ่ง ผมอยู่ใกล้เลยสัมผัสได้แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ถามความ จึงเดินติอไปเรื่อยๆ

                แต่ถึงแม้ว่าพลังเวทย์ของเรนจะรั่วออกมาแค่เสี้ยววิ กลับมีสิ่งหนึ่งที่สัมผัสพลังนี้ได้ ซึ่งตัวตนของสิ่งนี้ยังเป็นปริศนาอยู่

                “พลังเวทย์นี่มัน หึหึ อยู่ที่นี่เองรึ”  เสียงปริศนาเอ่ยออกมา

                “มีเหตุอันไดรึท่านจ้าว”  ตัวประกอบพูด

                “เจ้าจงไปเรียกองค์รักษ์ทั้งสิบของเรามา”  เสียงปริศนาพูดสั่ง

                ผ่านไปแค่ครู่เดียว องครักษ์ทั้งสิบก็คุกเข่าตรงหน้าเขาอย่างพร้อมเพรียง

                “พวกเจ้าทั้งสิบ จงดึงตราทองออกรับคำสั่ง”  สิ้นคำพูดทั้งสิบก็ดึงตราที่ติดอยู่ตรงอกออกแล้วหันด้านหน้าของตราเข้าหาเสียงปริศนานั้น  ตราทั้งสิบก็เรืองแสงเป็นสีทองทันที

                “บัดนี้เราเจอตัวราชันย์มังกรผู้สืบทอดตำแหน่งใหม่ ที่ป่าอาถรรพ์เขตในของเรา ถึงเวลาที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ยกทัพมาเพื่อผนึกราชันย์มังกรสู่สถานที่อันมืดมิด จงยกทัพมาทั้งหมด เพื่อที่จะได้ครอบครองพิภพนี้โดยไม่มีอำนาจของราชันย์มังกรมาทัดทานพวกเรา  ข้าราชันย์แห่งอสูร โกลด์ดาร์ก เป็นผู้ยืนยัน”  เสียงปริศนาพูดจบ องครักษ์ทั้งสิบก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

                “หึ ถึงเวลาที่พวกข้าจะต้องครองโลกแล้ว ราชันย์น้อย ตัวเจ้าเพียงคนเดียวมิอาจเอาชนะพวกเราทั้งกองทัพได้หรอก” อีกอย่างตรานั่นมันเป็นเหมือนเครื่องบันทึกเสียงและภาพไว้ด้วย ไฮเทคๆ

     

             

              พวกทอรัส ได้ล่าสังหารสัตว์อสูรจนเข้ามาในเขตที่มีเส้นกั้นเป็นสีดำ ที่มาถึงตรงนี้เร็วเพราะไม่ค่อยมีสัตว์อสูรให้สังหารเลย จนถึงตอนนี้ก็ปาไปสีโมงแล้ว หลังจากทานข้าวเที่ยงทอรัสก็มุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกเรื่อยๆ อีกอย่าง สัตว์อสูรที่ทอรัสสังหารนั้น เหมือนมันจะไม่ค่อยตอบโต้ แถมยังเชื่องช้า และตายง่ายอีกด้วย  หรือเป็นเพราะพวกทอรัสมีฝีมือที่เก่งกาจ มั้ง

                “นี่ออฟ นายว่ามันแปลกๆไหม”  เรนเปิดประเด็นถาม

                “อืม แปลกสิ แปลกมาก พวกแกร่งๆไม่ยอมออกมา แถมยังถอยเข้าไปด้านในเรื่อยๆ”  ผมพูดเสริม

                “ใช่ อีกอย่างนึง ฉันสัมผัสด้านในไม่ได้เลย อสูรด้านในนั้นต้องแข็งแกร่งแน่ๆจะทำยังไงต่อดี ถ้ามันโหดเกินก็รับมือไม่ไหวเหมือนกันนะ” เรนพูด

                “เราต้องเตรียมตัวไว้ก่อน เผื่อเจอเหตุไม่คาดฝัน”  ผมจ้องตากับเรน แล้วเราก็พยักหน้าพร้อมกัน

                “อืม”  เรื่องนี้รู้กันแค่สองคนนะ

     ............................................

                “คุณทอรัสคะ ฉันว่าเราหยุดกันแค่นี้เถอะค่ะ”   มาเรียพูดเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้

                “อย่ากังวลเรยน่า ไม่เห็นที่ผมจัดการไปเหรอไงครับ แค่เขตสีดำมันกระจอกน่า”  ทอรัสพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

                “แต่ว่าด้านในนี้อาจมีสิ่งอันตรายมากๆอยู่ก็ได้นะคะ”  มาเรียยังไม่ละความพยายาม

                “มันจะสักเท่าไรกันเชียว  ไปกันเถอะอามอน” 

                “คุณทอรัสคะ”   มาเรียได้แต่ตะโกนตามหลัง  สุดท้ายเธอก็ยอมเดินตามทอรัสไป  เพราะเขาคือเพื่อนร่วมทีมจึงไม่อยากทิ้งไปต่อหน้า ส่วนเจ้าทอรัสก็ได้ใจนึกว่ามาเรียสนใจเขาก็เลยจะเล่นตัวอีกสักหน่อยหารู้ไม่ว่าการทำแบบนี้มันนำอันตรายอย่างมหันต์มาสู่พวกพ้องและตัวมันเอง

     

                เมื่อพวกเราก้าวข้ามเขตสีดำไป  เส้นแบ่งเขตที่เป็นสีดำก็ส่องแสงพร้อมกับมีอักขระมากมายหมุนวนเป็นม่านกั้นสูงขึ้นไปและล้อมเป็นครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ในเวลาเพียงไม่กี่วิ แต่ทว่ายังไม่จบแค่นี้

                            ตู้ม!!  อั๊คคคค

       เพียงแค่พริบตาทอรัสก็โดนสิ่งปริศนาโจมตี เกราะที่ทอรัสสวมใส่พังเป็นเศษเล็กๆ

                “อึก  กะ...เกิดอะไรขึ้น”  ทอรัสยัง งง กับสิ่งที่เกิดขึ้นเขากระอักเลือดออกมากองโต กระดูกซี่โครงหัก อกยุบ แขนหัก ขาหัก สภาพดูไม่ได้  สิ่งปริศนาที่โจมตีทอรัสสำเร็จแล้วก็พุ่งไปยังมาเรียอย่างรวดเร็ว  มาเรียตาเบิกกว้าง กับพลังสีดำที่แผ่กระจายออกมาจากสิ่งปริศนาตรงหน้า แต่ว่าความเร็วระดับนี้มัน 

                กึง!!  

                ก่อนที่การโจมตีนั้นจะถึงตัวมาเรีย ก็ถูกผมหยุดไว้ในพริบตา  ในเสี้ยววิผมก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว

                ตูม!!  โครม!!

                สิ่งปริศนานั้นถูกต่อยอย่างจัง  และปลิวกระแทกกับต้นไม้ล้มเป็นทางยาว เมื่อควันที่ฟุ้งกระจายเบาบางลง  ควันสีดำที่แผ่รอบสิ่งปริศนาเมื่อกี้ก็จางลง  เผยให้เห็นมนุษย์ ที่สวมผ้าคลุมสีดำปกปิดหน้าตา

              “เจ้าเป็นใครกัน  ทำไมถึงรับการโจมตีของข้าได้”  คนสวมผ้าคลุมจ้องหน้าผมแล้วถามด้วยเสียงอันแหบแห้งแต่ดังจนน่าขนลุก 

              “ท่านนะแหละเป็นใคร”   ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามแทน

                “หึ”  คนสวมผ้าคลุมเค่นเสียงแค่นั้นก็หายวับ

     

                ใช้ความเร็วสูงพุ่งมาด้านหน้าและใช้ปลายนิ้วแทงมาที่อกผมอยางรวดเร็ว (สำหรับพวกมาเรียอ่ะนะ) ผมใช้มือซ้ายปัด ย่อตัวแล้วพุ่งฝ่ามือขวากระแทกอกเขาอย่างแรง

                อั๊กก!!  เขากระอักเลือดออกมา  ปลิวไปหกเมตรแต่ก็ยังทรงตัวได้ แล้วพุ่งมาหาผมต่อ  คราวนี้ปลายนิ้วเขากลายเป็นสีดำแผ่ไอสีดำมาตรงอกผมอีกครั้ง ผมเอี้ยวตัวหลบในพริบตา แล้วมือซ้ายจับข้อมือของเขา ส่วนมือขวาตวัดจากล่างขึ้นบนไปยังต้นแขนเขา

                ฝ่ามือครุฑดำ เสี้ยวลมสะบัดภูผา

                ฉั๊วะ  โครม!!  ฝ่ามือผมผ่านต้นแขนของเขา พร้อมกับมือซ้ายที่จับข้อมือของเขาถูกปล่อย แล้วหันไปกระแทกกลางลำตัวของคนสวมผ้าคลุมนั่นกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้

     

                “มันตัดแขนเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  พลังเวทย์ของหมอนั่นไม่ใช่พลังของราชันย์มังกร แต่ทำไมถึง.....แข็งแกร่ง”  คนสวมผ้าคลุมสีดำพูดกับตัวเอง แล้วก็แสยะยิ้มออกมา

                “หึหึ  ฮ่าๆๆ  เจ้ามันแข็งแกร่งจริงๆ  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ราชันย์มังกรก็เถอะ  แต่พลังแค่นั้นมันยังน้อยไป  ส่วนชายผมขาวนั่นก็คือราชันย์มังกรสินะ  เอาละๆ  วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าแล้วราชันย์มังกร  วันสุดท้ายที่จะได้เห็นแสงสว่าง ฮ่าๆๆ”    คนสวมชุดคลุมหัวเราะด้วยเสียงอันแหบแห้ง เรื่องนี้มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมตามไม่ทัน เเข็งแกร่ง แล้วอีกเรื่องคือราชันย์มังกร มันพูดเเล้วมองไปที่เรน อย่าบอกนะว่าเจ้าเรนคือราชันย์มังกร แล้วมันสัมผัสถึงการมีตัวตนของเจ้าเรนได้ยังไง ตั้งเเต่เจอกันเหมือนจะมีแค่เสี้ยววิเท่านั้นที่พลังเวทย์ของมันกระจายออกมา แต่นั่นคงไม่สามารถที่จพทำให้เจ้านี่สัมผัสได้หรอก มันควรจะเป็นอย่างนั้น 

                ครืน   ครืน   ครืน 

                เสียงอันกังวานที่ดังกึกก้อง และแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงของผืนดิน  เสียงนั้นมาจากท้องฟ้า มันคือเสียงเดินทัพของมนุษย์ที่มีปีกสีดำ  สองปีก  สี่ปีก  และหกปีกที่มีเพียงตัวเดียว

                ผืนแผ่นดินที่สั่นสะเทือนมาจากการเดินทัพของมนุษย์ตัวใหญ่รูปร่างประหลาด  มีเขางอกบนหัวบ้าง  บนตัว บน ไหล่ และรูปร่างต่างๆ คล้ายมนุษย์รวมกับสัตว์ต่างๆ

                “บ้าน่า  พวกเทพตกสวรรค์เยอะขนาดนี้  เป็นไปได้ยังไง”   เรนที่อยู่ห่างจากผมพูดออกมา

                “อะไร พวกตกสวรรค์อะไร”  ผมหันไปถาม

                “พวกนั้น เป็นเผ่าเทพที่ต้องการโค่นบัลลังก์ของซุส”  เรนมันพูดสั้นมาก

                “ห๊ะ ไม่เข้าใจ”  ผมพูด

                “เรื่องอื่นไว้ก่อน  ตอนนี้เราต้องหนีไปจากพวกนี้ให้ได้ พวกมันแข็งแกร่งมาก”  เรนพูด แล้วมองผมด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม เป็นสายตาที่เศร้าและกล่าวคำขอโทษ ความเสียใจ และการจากลาอยู่ในนั้น

                “ออฟ  นายพาทุกคนออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด ฉันจะถ่วงเวลาให้เอง”  เรนพูดด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็น  มันดูเศร้าเหมือนจะไปตายยังงั้นแหละ แต่เมื่อนี่เป็นคำขอผมก็ไม่ปฏิเสธ 

                “อืม  ไว้ใจฉันได้เลย  เอาตัวรอดให้ได้ล่ะ”  ผมพูดแค่นั้นก็ใช้ความเร็วสูงคว้าทั้งสี่คน  แล้วตรงไปยังม่านที่กางกั้นแต่มันขวางไม่ให้ัสิ่งไดหลุดออกไปจนผมกระแทกอย่างจัง แต่ก็ตั้งหลักอย่างรวดเร็ว

                เทวหปฐวี ยักษาทลายโลกา

                เพล้ง!!  เสียงม่านกั้นแตกกระจายเป็นรูขนาดใหญ่ เมื่อโดนเท้าผมกระแทก  ผมไม่รอช้าพาทั้งสี่พุ่งไปด้วยความเร็วสูงทันที  ไม่ถึงนาที ผมก็พาทั้งสี่มาถึงเขตสีเขียว และวางทั้งสี่ไว้  สภาพทั้งสี่ตอนนี้มีเพียงมาเรียที่ยังประคองสติได้ ส่วนอีกสามคนสลบไปแล้ว

                “คุณมาเรียครับ รีบออกไปตามคนมาช่วยสามคนนี่ที ผมจะกลับไปช่วยเรน”  ผมกุมมือเธอแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง

                “แต่ว่าพวกนั้นมัน...”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมแค่ไปช่วยเพื่อนผมแค่นั้น”  พูดจบผมก็หายวับไปทิ้งไว้เพียงลมกรรโชกเป็นเส้นทางที่ผมพุ่งไป

     

    ด้านของเรน

              ตอนนี้เรนอยู่ในสภาพที่ ตามตัวมีเกร็ดเล็กๆสีดำออกตามผิว  และบริเวณแก้ม  มือที่มีกรงเล็บสีดำยาวออกมา ไอพลังสีดำม่วงที่แผ่ออกมาจากตัวเรนนั้นแสดงถึงพลังที่เกินจินตนาการ  แต่ทว่า ถึงแม้จะมีพลังมาก มีความเร็วเทียบแสง  ก็ไม่สามารถรับมือกองทัพนับล้านนี้ได้  แถมยังเจอตัวที่เป็นราชันย์ถึงสอง  คือราชันย์อสูรโกลด์ดาร์ก กับราชันย์มารเทพ ออโตดิกส์ สภาพของเรนตอนนี้จึงมีแต่แผลเหวอะหวะมากมาย

                “หึหึ  ราชันย์มังกรน้อย  พลังของเจ้ายังด้อยนัก ยอมโดนผนึกเสียโดยดีเถอะ”  ราชันย์อสูรโกลด์ดาร์กเอ่ย  สาเหตุที่ต้องผนึกก็เพราะเมื่อผู้เป็นราชันย์ถูกฆ่า พลังแห่งราชันย์ที่ได้รับสืบทอดมาก็จะกลับไปยังเขตแดนที่มันเคยอยู่ และหาผู้เหมาะสมที่จะสืบทอดใหม่ทันที  ถึงแม้ว่าจะไร้ผู้สืบทอด แต่พลังแห่งราชันย์ก็ยังคงลดทอนพลังมาร พลังอสูร และฝ่ายดำไปหนึ่งส่วนสี่อยู่ดี ดังนั้นการผนึกจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  อีกอย่างตอนนี้เรนไม่สามารถจะใช้พลังราชันย์ได้อย่างเต็มที่ เพราะร่างกายยังปรับสมดุลไม่ได้ พลังของสองราชันย์ที่อยู่ตรงหน้าก็ลดทอนพลังของเขามากกว่าครึ่ง  ที่ยังไม่เดี้ยงก็เพราะการเบี่ยงเบนพลังทั้งนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังคงต้องโดนผนึกแน่

     

                “จะทำยังไงดี ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปทุกอย่างคงจบสิ้น”  ขณะที่เรนกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น

                ครืน!!  ตูม!!

                เหล่าเทพตกสวรรค์ถูกสายคมดาบตัดตายตกไปหนึ่งส่วนห้า  และบาดเจ็บอีกนับพัน 

                “จะมัวคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมเล่า ไอ้เรน ทุ่มเทกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ดีกว่าเหรอ”  ผมที่โผล่มาอีกฟากหนึ่งตะโกนบอกเรน

              “ออฟ  นายกลับมาทำไม แล้วเมื่อกี้มัน...เกิดอะไรขึ้น”  เรนที่ตั้งตัวได้ก็ตกใจกับสิ่งที่คู่หูทำ เพราะพลังที่ถึงขนาดจัดการกับเทพตกสวรรค์นับหมื่นในทีเดียวนี่มันไม่ใช่ของธรรมดา

                “อะไร  ก็มาช่วยคู่หูของตัวเองไง  ไอ้สองคนนั่นใช่ไหม ที่เป็นหัวหน้า”  พูดแค่นั้นผมก็หายวับไปปรากฏตรงหน้าแล้วฟาดดาบทันที แต่ราชันย์มารเทพก็ใช่ย่อยใช้ดาบสีดำอันใหญ่โตรับอย่างทันท่วงที  แต่ว่าหมัดดุ้นๆของผมก็กระแทกกับชุดเกราะอย่างจัง ทำให้ออโตปลิวไปหลายเมตร

                “บ้าน่า แค่หมัดเดียวก็ทำให้เกราะของฉันร้าวได้  แกเป็นใคร”  ออโตตั้งท่าเพื่อจะสวนกลับถามออกมา

                “คู่หู ของคนที่พวกคุณเรียกว่าราชันย์มังกรไง”  ผมพูดแค่นั้นก็พุ่งไปต่อ ออโตก็รับท่าแรกได้แต่ก็ไม่ว่ายโดนกระบวนท่าต่อๆไปของผมจนกระเด็นไปหลายครั้ง ตอนที่กระเด็นนั้น  ออโต้สามารถใช้เวทย์ชั้นสูงตรวจสอบแฟลกผมได้ก็เบิกตากว้างทันที

                “อึก  เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีพลังแค่สองล้านกว่า แต่กลับสามารถตอบโต้ระดับราชันย์ที่มีพลังมากกว่าพันล้านอย่างพวกข้าได้เนี่ยนะ แถมยังนามสกุลนั่น  เจ้าเกี่ยวข้องกับโครนอสงั้นเหรอ”  ออโต้พูดด้วยความตกใจ

                “ปลดปล่อยพลังระดับราชันย์” ออโตท่องมนต์เปิดผนึก  แรงกดดันเพิ่มขึ้นจากเดิมมากว่าเดิมหลายสิบเท่า ทำให้ม่านพลังแตกกระจายทันที  พลังมารของเทพคนนี้ทำให้พวกซุสรับรู้ถึงตำแหน่งได้ จึงเร่งรีบสั่งการระดมทัพระดับสูงสุดอย่างเร่งด่วยและตัวซุสก็พุ่งมาพร้อมกับเทพส่วนหนึ่งโดยไม่รีรอ ทหารองครักษ์ที่เหลือสั่งเกณทัพสวรรค์เพื่อมาปราบทันที

                “เจ้าทำอะไรลงไปออโตนิกส์”  โกลด์ดาร์กตกใจ

                “เจ้านี่มันเกี่ยวข้องกับโครนอส เราต้องจัดการมัน ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่”  ออโตพูด

                “แค่พลังปรกติก็จัดการได้ไม่ใช่เรอะ จะปลดปล่อยพลังราชันย์ทำไม”  โกลด์ดาร์กพูด

                “เจ้านี่แกร่งกว่าฉัน”  พูดแค่นี้ออโตก็หายวับมาโผล่ด้านหลังผมแล้วฟาดดาบขนาดใหญ่มาอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็รับได้ และออโตก็เปลี่ยนทิศทาง รวมไปถึงปรับท่าร่างทุกครั้งที่โจมตีทำให้ผมรับมือยากขึ้น  แต่ว่า

                ตูม!!  อั๊ค  ออโตถูกเท้าผมกระแทกอย่างแรง  กระอักเลือดออกมา

                “เจ้า  ทำไมถึงยังตอบโต้ข้าได้  หรือว่า เจ้ามีพลังราชันย์”  ออโตตกใจที่ผมสามารรับและตอบโต้ได้ แถมยังหนักหน่วงกว่าเดิม

                จะว่าไงดีล่ะครับผมก็เป็นราชันย์อสูรนะแหละ แต่ของโกลด์ดาร์กกับผมมันไม่เหมือนกันนะ  ถึงแม้พลังผมมีแค่สองล้านก็เถอะ  ที่แฟลกวัดได้อ่ะนะ แต่ว่าธาตุที่ผมอันเชิญมามันวัดไม่ได้นี่นา อีกอย่างผมก็โดนพวกนิรนามนั่นหลอมกายหยาบด้วย มันก็คล้ายๆกับว่า เป็นอัมตะนั่นแหละ  ถ้าเทียบพลังเวทย์ผมแพ้ราบคาบ แต่ถ้าพลังกายภาพมันคนละเรื่องกัน

                “ก็คงใช่แหละมั้ง”  พูดแค่นั้นผมก็พุ่งไปหาออโตต่อ  ผ่านไปสักครู่ออโตก็พลาดท่า โดนผมฟันช่วงท้องทะลุเกราะจนเกิดแผลขนาดใหญ่ ส่วนเรนก็เริ่มเป็นรองโกลด์ดาร์กเรื่อยๆ  ผมง้างดาบเพื่อที่จะฟันคอของออโตนิกส์ให้ขาด แต่ก่อนที่ผมกำลังจะฟันลงไปผมก็หยุดทันทีเพระมีเทพตกสวรรค์คนหนึ่งมาขวางผม แต่ที่ผมหยุดก็เพราะเทพตนนั้นมันล็อคคอมาเรียแล้วมาขวางทางดาบผม  เพียงแค่เสี้ยววิที่ผมเสียจังหวะ ออโตก็ซัดเวทย์ใส่จนผมกระเด็นไปหลายเมตร 

                พอผมลุกขึ้นก็เห็นวงเวทย์นับพันล้อมรอบมาเรีย มันเป็นเวทย์คำสาปขั้นสูง 

                “จะทำอะไร”  ผมถามสั้นๆด้วยท่าทีตื่นตระหนก

                “ยอมจำนนเสียเถอะ  ถ้าไม่อยากให้เพื่อนของเจ้าโดนคำสาปขั้นสูงนับพัน  และดึงวิญญาณไปสู่คุกที่มีแต่ฑัณทรมาน”  ออโตแสยะยิ้ม

                “ยะ  อย่า  หะ ห่วง ฉัน ละ เลย คะ คะ ค่ะ”  เสียงของมาเรียเริ่มเบาลงเรื่อยๆเพราะโดนวงเวทย์เหล่านั้นดูดพลังออกไป บ้าจริง เธอยังคงมีสติอยู่ได้ยังไง แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ไง เจ้าพวกนั้นมัน...

                “ถ้าแกขยับแม้แต่ก้าวเดียวข้าจะส่งเธอไปทันที  ถ้าคิดจะทำลายทั้งหมดแล้วรอเธอเกิดใหม่ละก็ เป็นไปไม่ได้หรอกนะ เมื่อเจ้าทำลายทั้งหมด วงเวทย์จะส่งเธอไปยังฑัณทรมาณทันทีโดยไม่มีวันหวนกลับ”  ออโตพูดขู่

                ความจริงผมก็อยากจะเข้าไปช่วย แต่ตอนนี้พลังเวทย์ผมมันติดดินยิ่งกว่าอะไรที่มาถึงตรงนี้ได้ก็ฝืนร่างกายแทบไม่ไหวอยู่รอมร่อแล้ว  ไอ้สมการเวทย์นั่นถ้าจะแก้ต้องใช้พลังเวทย์ที่มหาศาลอีก  ก็เลยนิ่งๆ ทำตามที่ออโต้บอก ฝ่ายออโต้เมื่อเห็นผมนิ่งก็ได้ใจ สั่งให้ลูกน้องจู่โจมผมสารพัด  ผมก็อยู่เฉยๆไม่ตอบโต้ใดๆ  พวกนั้นก็สาดเวทย์ใส่ยกใหญ่ พอควันจางลงก็ต้องตกใจกัน  เพราะผมไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย ตามร่างกายมีแค่รอยเขม่ามอมแมม  แถมเสื้อผ้ายังขาดแค่นิดเดียวเอง  ก็แปลกนะทำไมเสื้อผ้าถึงไม่ถูกทำลายจนหมด  ออโต้จึงสั่งให้เทพตกสวรรค์คนหนึ่งคุมวงเวทย์ แล้วตัวเองก็ออกโรงฟาดฟัน ผมจนเกิดแผลมากมาย แต่ก็ต้องตกใจเพราะแผลสมานอย่างรวดเร็ว

                เรนตอนนี้พ่ายแพ้ให้กับโกลด์ดาร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถูกโซ่ขนาดใหญ่พันรอบตัว พลังเวทย์ก็ถูกโซ่ดูดไปเรื่อยๆ

                “เจ้านี่มันเป็นอัมตะ  เราต้องผนึกมันไว้” ออโตกล่าวอย่างร้อนรนเมื่อมองมายังตัวผม พวกมันต้องรับฉวยโอกาสตอนนี้ไม่งั้นอาจจะสายเกินแก้

                “รู้แล้ว” โกลด์ดาร์กกล่าว

     โซ่ตรวนเวทย์ ผนึกนิรันด์

     

    รอบๆตัวผมถูกโซ่พันไว้และดูดพลังเวทย์จนหมด แต่ก็แค่พลังเวทย์  จากนั้นก็ลากพวกเราไป แต่ทว่า ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ก็ไม่สามารถทำให้ผมขยับได้ ตัวผมยังคงนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหนสร้างความแปลกใจอย่างล้นเหลือ

    “ให้สัตย์ต่อผมก่อนสิ ว่าจะไม่ทำอะไรมาเรีย”  ผมเอ่ยด้วยเสียงอันหนักแน่น

    ออโตกับโกลด์ดาร์กเห็นอย่างนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะว่าผู่ที่ถูกโซ่นี้ล่ามจะถูกดูดพลังเวทย์อย่างมหาศาล  จนร่างกายอ่อนแรง  แต่หมอนี่กลับต่อต้านได้ หากพวกเขาไม่รับปากเกรงว่าหมอนี่คงไม่ยอมง่ายๆ

    “ได้สิ ฉันจะไม่ทำอะไรมาเรีย” ออโตพูดด้วยท่าทีหวาดหวั่นเพราะมันไม่รู้ว่ามนุษย์ตรงหน้าเป็นใคร แต่ต้องเกี่ยวข้องกับโครนอสแน่

    “ไม่ใช่คุณคนเดียว แต่ผมรวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณทั้งหมด”  ผมพูด

    “เจ้า  เอางั้นก็ได้เอาอย่างที่เจ้าว่าเลย”  ออโต้

    “งั้นมาทำสัตย์สาบานสิ”  ผมพูด

    “ก็ได้ ว่ามา”  ออโต้กำหมัดแน่น แต่ก็ต้องยอม

    “พวกท่านและผู้ที่เกี่ยวข้องกับท่านจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อมาเรียและครอบครัวมาเรีย หากผิดสัตย์เราจะออกมาทันที”  ผมพูด

    “ได้ ข้ารับปาก”

    “แม้ครั้งที่สองพวกท่านและผู้ที่เกี่ยวข้องกับท่านจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อมาเรียและครอบครัวมาเรีย หากผิดสัตย์เราจะออกมาทันที

    “ได้ ข้ารับปากและจะทำตามคำพูดของเจ้า” ออโต้เริ่มทนไม่ไหว

    “แม้ครั้งที่สามพวกท่านและผู้ที่เกี่ยวข้องกับท่านจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อมาเรียและครอบครัวมาเรีย หากผิดสัตย์เราจะออกมาทันที และรวมถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพวกคุณ

    “ได้ พวกข้าจะทำตามที่เจ้าพูดทุกประการ พอใจมั้ย” ออโตทนไม่ไหมตะโกนลั่น

    ผมได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แล้วก็ถูกพวกนั้นพาไปอย่างรวดเร็ว ส่วนออโตก็ทำตามที่เขาได้รับปากไว้ จากนั้นไม่นานพวกซุสก็มาถึง เจอแต่มาเรีย ที่ทรุดและร้องให้ไม่หยุด ถามอะไรก็ไม่ตอบ แต่แต่คร่ำครวญถึงบุคคลที่ชื่อออฟเพียงอย่างเดียว

    ส่วนผมกับเรน ถูกพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ๆมืดมิด และเต็มไปด้วยวงเวทย์ ข่ายพลังหลายแสนชั้น จากนั้นก็ถูกโยนไปยังห้องหนึ่ง เป็นห้องเปล่าๆ แต่ดูดพลังเวทย์อย่างมหาศาล พอประตูถูกปิดลง ก็มีแต่ความมืดมิด

    ความมืดที่ไร้สิ้นสุดกับบรรยากาศอันหนาวเหน็บ เสียงหนึ่งก้องออกมา

    “เจ้าหนู  ในที่สุดก็ได้เจอจนได้สินะ  ผู้ที่มาจากต่างโลก” เสียงบุรษปริศนาเอ่ยขึ้น พลันผมก็แปลกใจกับเหตุการณ์แบบนี้ ผีเหรอ..

    “ไม่ต้องตกใจ ชื่อของเราคือ...”

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×