ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 นักเรียนซ้ำชั้น(2)
            “เจ้าหนู  อาหารเช้าสองชุดทางนี้ด้วย”
            “ครับ!!” คนที่ถูกเรียกว่าเจ้าหนูขานรับเสียงยานคาง พลางนึกสบถคำด่าในใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่สั่งเป็นตาลุงแก่ๆคนหนึ่งกับหลานสาวละก็  ตาลุงนี่คงไม่มีโอกาสกินข้าวเหมือนชาวบ้านไปตลอดชีวิตแน่ คำก็เจ้าหนู สองคำก็เจ้าหนู เขาไม่ได้มีหางยาวๆโผล่ออกมาสักหน่อย ฟังแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ก่อนที่คีอาจะกระแทกเหยือกน้ำเสียงดังบนเคาน์เตอร์ ทำให้เออร์ตี้ที่กำลังวุ่นวายหุงหาอาหารอยู่สะดุ้ง
            “เป็นอะไรอีกล่ะ” เออร์ตี้ถามขณะที่มือยังสาละวนกับการจัดอาหารใส่ถาด
            คีอาไม่ตอบ เขานั่งเท้าคางกับเคาน์เตอร์อย่างเบื่อหน่าย พอเออร์ตี้เหลือบมาเห็นก็ต้องงงกับอาการของเพื่อน แล้วก็หันกลับไปทำงานของตนต่อ
            “ทำตัวเหมือนผู้หญิงไปได้”
            ประโยคที่ทำให้คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิง หันมาส่งสายตาขุ่นเคืองให้ แต่ดูเหมือนพ่อยักษ์ใหญ่ใจดีจะไม่สนใจสักนิด
            “โต๊ะสองเอาไปส่งด้วย” คำสั่งของเพื่อนเจ้าของร้านที่ เจ้าตัวเหมือนหญิงต้องปฏิบัติตามอย่างไม่เต็มใจนัก
            คีอายกถาดอาหารไปเสริ์ฟโต๊ะนู่นที โต๊ะนี้ที รับออเดอร์จากลูกค้ามือเป็นระวิง จนเริ่มจะตาลาย  เออร์ตี้เองตอนนี้ก็ไม่ได้มีสภาพต่างไปจากเขามากเท่าไหร่ จะให้นึกสงสารเรอะ ไม่มีทางซะล่ะ  สมน้ำหน้าแล้ว จู่ๆก็นึกคึกเปิดร้านตั้งแต่ไก่โฮ่ เมื่อวานกว่าจะปิดก็ตีสี่ ไอ้ที่เปิดร้านตอนเช้าน่ะมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่ไปลากขาเขาลงมาจากเตียงนอนอันแสนสุขนี่สิ มันเกินให้อภัย
            พอถึงวันนี้ของทุกปีทีไร เขาต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดทุกครั้งไปสิน่า วันเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนไทรออเนีย  ในใจก็นึกสงสัยเหล่าผู้ปกครองที่หอบลูกหอบหลานมาแต่เช้าตรู่ ไม่รู้จะรีบมาทำไมกัน สงสารก็เจ้าพวกเด็กที่มาสมัครนั้นแหละอยุ่ในวัยกำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น ต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่น ทั้งๆที่การเปิดรับสมัครจะเริ่มต้นตอนสิบเอ็ดโมงตรงเป๊ะ นี่พวกผู้ปกครองเขาอ่านกำหนดการณ์กันบ้างรึเปล่า
            หลังจากที่ลูกค้าเริ่มบางตา อาจเป็นเพราะใกล้เวลาเปิดรับสมัครเข้ามาทุกที คีอาจึงออกจากร้าน เพื่อมาดูการรับสมัครที่โรงเรียนเวทย์มนตร์ไทรออเนีย ลานหน้าโรงเรียนดูแคบไปถนัดใจ เมื่อมีฝูงชนนับพันมาออกันอยู่หน้าประตูใหญ่ เหล่าพาหนะน้อยใหญ่นับร้อยที่วันนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในไทรออเนียถูกจอดเอาไว้นอกตัวเมือง ขุนนางหรือยาจกวันนี้ก็ต้องเดินดินเหมือนกันหมด
            ถึงจะมาสมัครกันนับร้อยนับพัน  แต่ผู้ที่จะสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้มีเพียง 100 คนต่อปีเท่านั้น หรือเพียง 1 ใน 10 นั้นเอง ไม่มีการใช้เส้นสาย ไม่มีการติดสินบน ใครพยายามจะทำผิดกฏจะถูกปรับเป้นเงินหนึ่งแสนเอมต์และลูกหลานของตระกูลนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณาเข้าโรงเรียนอีกต่อไป
            คีอาเดินผ่าฝูงชนจนพบที่โล่งว่างพอจะยืนได้สองสามคน เขายืนพิงกำแพงขณะที่สายตานั้นจับจ้องพวกเด็กใหม่ เด็กชายร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำเงินคนหนึ่งท่าทางดูสง่า คงไม่ใช่เด็กชาวบ้านธรรมดาๆ กำลังยืนอ่านรายละเอียดการรับสมัครอยู่ กับเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผมบรอนด์ที่มาพร้อมกับกระถางดอกไม้ที่เจ้าตัวกอดเอาไว้แน่น และฝาแฝดชายหญิงตาสีม่วงในเสื้อผ้ามอซอเหมือนพวกขอทานที่ดูจะไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคนรอบๆด้าน
            “ไง! ปีนี้มีคนน่าสนใจเยอะไหม” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านข้าง เสียงที่คีอาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร ทำให้เจ้าตัวหันควับไปทางต้นเสียง
            “เดท!!” ตาสีฟ้าเบิกโตด้วยความประหลาดใจแฝงไปด้วยแววแห่งความดีใจ เมื่อเห็นเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันมานาน เพื่อนคนเก่าที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เขาเคยจำได้ สูงขึ้น ดูดีขึ้น สมเป็นชาย
            “ว่ายังไงล่ะ”เดทถามซ้ำ ก่อนจะยืนพิงกำแพงข้างๆเพื่อน
            “ก็เยอะอยู่ล่ะ ฉันว่าปีนี้คงสนุก” คีอาหันไปมองกลุ่มคนตรงหน้าอีกครั้ง
            “งั้นเหรอ” เดทกล่าวก่อนมองไปยังกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทางตื่นกลัว แล้วยิ้มบางๆ “ฉันพนันเด็กผมเขียวนั้นกับคนผมเทา” เดทชี้ไปที่เด็กชายร่างท้วมที่กำลังเก็บของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้น กับเด็กชายร่างผอมบางที่กำลังยื่นเอกสารอยู่หน้าประตูทางเข้า
            “ถ้าอย่างนั้น ฉันพนันเด็กแฝดตาม่วง กับคุณชายท่ามากนั้น” ก่อนทำสัญญาตบมือกัน แล้วทั้งสองก็มองไปยังผู้คนเบื้องหน้าอีกครั้ง โดยไม่มีใครพูดอะไร
            ไม่ใช่ว่า ไม่อยากพูดกับคนข้างๆ ไม่ใช่ว่าห่างเหินจนไม่คุ้นเคย เพียงแต่ว่าเวลานี้ในหัวสมองของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเรื่องต่างๆที่อยากจะพูดกับเพื่อนที่แสนจะคิดถึง จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่เรื่องไหนดีต่างหาก ก่อนที่เดทจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสองลง
            “ได้ข่าวว่านายซ้ำชั้นมาสามปีแล้ว”
            “ผ่านสิตลก ตกสิเป็นเรื่องธรรมชาติ” พูดจบก็หันไปสบตาเพื่อน ก่อนจะยิ้มเป็นนัยๆ แล้วทั้งสองก็ร่วมหัวเราะกันเสียงดัง เดทรู้ดีถึงเหตุผลที่แท้จริงของการที่คีอาซ้ำชั้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะยอมซ้ำชั้นถึงสามปี
            “ไม่นึกว่านายจะอยู่นานขนาดนี้”เดทกล่าวกับเพื่อนที่ตอนนี้ยังคงหัวเราะไม่เลิก
            “อ้าว!! ก็ถ้าไม่ซ้ำสามปีแล้วฉันจะมีโอกาสได้เจอนายงั้นเหรอ”
            เสียงระฆังของโรงเรียนไทรออเนียดังขึ้น บอกให้รู้ว่าการคัดเลือกนักเรียนใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
            “ไป ได้เวลาแล้ว” เดทว่าก่อนที่จะเดินนำไป โดยไม่ลืมที่จะลากเพื่อนซี้คนเดิมของเขาไปด้วย
            “นายจะไปไหนเนี่ย” คีอาถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังลากตัวเองไปทางประตูใหญ่
            “ก็ไปดูการทดสอบไง” แล้วก็ต้องสะดุดเมื่อเพื่อนตัวเล็กกว่าออกแรงต้าน
            “ผ่านประตูใหญ่เนี่ยนะ” ก่อนจะถลึงตาใส่เพื่อนที่ตอนนี้เขาคิดว่ามันคงลืมตัว ไม่มีนักเรียนปีอื่นคนไหนได้รับการอนุญาตให้เข้าไปชมการทดสอบ แต่สำหรับคีอาข้อห้ามนั้นถือเป็นโมฆะมาตั้งแต่ตอนเขาอยู่ปีสอง ด้วยเจ้าตัวและเพื่อนที่กำลังลากเขาอยู่ตอนนี้พบทางลัดเข้าห้องโถงใหญ่ของปราสาท คีอาเลยได้ดูการทดสอบทุกปีโดยไม่มีใครจับได้ แต่วันนี้ไอ้เพื่อนเก่ากลับจะลากเขาเข้าประตูหน้าซะนี่
            “อาจารย์ลีอายังไม่บอกนายอีกเหรอ ว่าฉันได้เป็นอาจารย์ที่โรงเรียน จะเข้าออกตรงไหนก็ไม่มีใครว่า” เดทว่าพลางยิ้มร่า ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มมองเพื่อนตัวเล็กในอ้อมแขนที่กำลังอ้าปากจะเถียง “เอาล่ะไปกันได้แล้ว” แต่เพื่อนคนเดิมยังขืนตัวเอาไว้ จนเขาต้องหันมามองหน้าเพื่อนอีกครั้งอย่างสงสัย
            “นายลืมไปแล้วหรือไง ฉันไม่ได้เป็นอาจารย์เหมือนนายนะเฟ้ย”
            คำกล่าวของเพื่อนทำให้เขานึกขึ้นได้ ลืมไปเสียสนิทว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายังดำรงตำแหน่งนักเรียนอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 6 ปีแล้ว เลยต้องปล่อยคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกทันที
            “งั้นเจอกันที่เดิม” เดทว่าก่อนจะเดินตรงเข้าประตูใหญ่ไป
            ซะงั้นอ่ะ ตัวเองเข้าประตูใหญ่แล้วปล่อยเพื่อนไปหมุดรูใต้ดินงั้นเหรอ โอ้โห ไม่ค่อยเอาเปรียบกันเลย
            คำบ่นที่ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของคีอา เพราะไอ้คนที่จะบ่นเดินลอยชายเข้าไปในโรงเรียนแล้ว คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ นี่คงถึงเวลาเลอะอีกแล้วสิเนี่ย ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
                                                          *****************************************
            ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนไทรออเนียที่ตอนนี้เต็มไปด้วยว่าที่นักเรียนปี 1 ร่วมพันชีวิต บางคนตกอยู่ในอาการประหม่าและผวาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคนหะวเราะหรือตะโกนดังๆ บางคนก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งเป็นหิน แต่ก็มีเหงื่อไหลเป็นสายที่บ่งได้ว่านั้นไม่ใช่หินแต่เป็นคนต่างหาก  บางคนก็มีความสุขกับการที่จะคุยโม่โอ้อวดความสามารถของตนให้ผู้อื่นฟัง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ดูเหมือนจะกุมสติของตัวเองได้
            เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง เรียกความสงบให้กลับคืนมาสู่ห้องโถงใหญ่ ชายร่างเตี้ยหุ่นออกไปทางเจ้าเนื้อจนเรียกได้ว่าอ้วนเดินอุ้ยอายขึ้นไปบนเวที สายตานับร้อยจับจ้องไปที่ชายร่างเตี้ย ผิวอมชมพู กับดวงตาสีดำกลมโตและหัวล้านทรงบาร์โค้ด หลายคนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ อีกหลายคน(ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้หญิง) ถึงกับอุทานออกมาเบาๆว่า “น่ารัก”
            “สวัสดี ฉันศาสตราจารย์ลุควิก ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาพบทุกคนในวันนี้” ไม่ใช่เฉพาะร่างของชายคนนี้เท่านั้นที่เล็ก เสียงยังเล็กเหมือนเด็กอีกด้วย เรียกเสียงหัวเราะที่ดังกว่ารอบแรกจากเหล่าผู้สมัครได้เป็นอย่างดี  แต่ดูเหมือนศาสตราจารย์ตัวน้อยจะไม่ได้ถือทาโกรธอะไร ยิ้มรับเสียงหัวเราะอย่างหน้าชื่นตาบานแล้วกล่าวต่อ “การคัดเลือกนักเรียนชั้นปี 1 ของโรงเรียนไทรออเนียจะเกิดขึ้นในห้องนี้”
            เอ๋!! เลือกในห้องนี้ยังงั้นเหรอ ปีนี้ทำไมมันแปลกๆ
            คีอาที่เพิ่งมาถึงบนระเบียงชั้นสองเงยหน้าขึ้นมาฟังที่ศาสตราจารย์ลุควิกพูดอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินกติกาใหม่ที่ไม่เหมือนปีที่แล้วๆมา เช่นเดียวกันกับเดท
            “เปลี่ยนใหม่แล้วเหรอ” เดทหันมาถามเพื่อนที่น่าจะรู้ดีที่สุด แต่เจ้าตัวคนรู้ดีกลับส่ายหน้าอย่าง งงๆ
            ทุกปีจะมีการประลองฝีมือระหว่างผู้สมัคร ไม่สำคัญว่าจะใช่วิธีไหน ขอแค่ให้ใช้เวทมนตร์ได้และไม่ทำอันตรายคู่ต่อสู้จนถึงตาย ผู้เข้ารอบ 100 คนก็จะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนไทรออเนีย
            “เราจะทำการคัดเลือกผู้สมัครเพียง 100 คน จากทั้งหมดในปีนี้ 1123 คน ขอให้ผู้เข้าสมัครทุกคนนั่งประจำที่และอยู่ในความสงบ การคัดเลือกจะเริ่มขึ้นแล้ว”
            สิ้นคำประกาศเสียงหัวเราะหยุดลงความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง ทุกคนต่างใจสะท้านเมื่อการคัดเลือกเข้ามาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ศาสตราจารย์ลุควิกจะเสกแท่นหินอ่อนออกมาตรงหน้า  แล้วล้วงหินสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนวางลงบนแท่น
            แสงสว่างจ้าบาดตา ทำให้ผู้สมัครทุกคนรวมทั้งคีอาและเดทที่อยู่บนชั้นสองต้องเบือนหน้าหนี ก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆจางลงและเลือนหายไปในที่สุด
            “เอาล่ะทุกคนลืมตาได้”
            ไม่เฉพาะแต่ผู้สมัครที่ทำตามคีอากับเดทก็หันกลับมาทางเวทีด้วย แล้วคีอาก็ต้องแปลกใจ  เมื่อพบว่าห้องโถงที่ตอนแรกแน่นขนัดไปด้วยผู้คนตอนนี้เหลือเพียงเด็กเพียงส่วนเดียวเท่านั้น!!!
            “การคัดเลือกสิ้นสุดลงแล้ว ขอต้อนรับพวกเธอเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย ขอให้เธอเลื่อนแถวขึ้นมานั่งด้านหน้า อีกสักครู่ ศาสตราจารย์ลีโอน่า อาจารย์ใหญ่ของไทรออเนียจะมาพบกับพวกเธอ” ใบหน้าอ้วนกลมนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนที่จะพาร่างท้วมลงจากเวที
            ผู้ที่ผ่านการทดสอบอันพิสดารต่างพากันยิ้มหน้าบาน ถึงแม้จะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าตนเองสอบผ่านเขามาได้ยังไง แต่ตอนนี้เรื่องวิธีเข้านั้นมันไม่สำคัญไปมากกว่าการที่พวกเขาเข้าเรียนที่นี่ได้ ที่โรงเรียนเวทมนตร์แห่งเดียวของโลก แล้วทุกคนก็พาตัวเองเลื่อนมานั่งแถวหน้าจนเต็ม
            “อะไรกัน แค่นี้เองน่ะเหรอ ไม่เห็นสนุกเลย” คีอาบ่น ขณะที่มือกำลังจัดการกับเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนศีรษะ ที่คงจะติดมาตอนผ่านทางลับเข้าปราสาท ก่อนที่ตาสีฟ้าจะไปสะดุดที่เด็กคนหนึ่ง
            “อ่ะฮ้า!!! นั้นไงเด็กแฝด กับคุณชายท่ามาก” แล้วหันมาส่งสายตาที่มีแววระริกอยู่ภายในให้เพื่อนข้างๆกาย อย่างถือไพ่เหนือกว่า “ฉันชนะนายแล้ว”
            เดทมองหน้าเพื่อนที่ไม่ว่าจะนานขนาดไหน นิสัยที่ชอบเอาชนะของเจ้าตัวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แล้วยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดูคนตรงหน้า
            “ดูดีๆสิ คีอา” แล้วพยักเพยิดหน้าให้คีอามองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เด็กชายผมสีเขียวที่ทำเป๋อหน้าโรงเรียน กับเด็กชายผมเทาก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เจ้าตัวชอบชนะเลยได้แต่ทำหน้าเบ้อย่างไม่พอใจ
            เป็นอย่างนี้ไปเสียทุกครั้งสินะ ไม่ว่าเขาจะพนันอะไรกับเดท ก็เป็นต้องเสมอเสียทุกที
            คีอาถอนหายใจเสียงดังอย่างนึกเบื่อ
            “ปีนี้อะไรๆก็ไม่สนุก”
            “เดท” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นเรียกให้คนทั้งสองหันไปมอง
            ชายหนุ่มผมทองนัยน์ตาสีเขียวดูลึกลับ ใบหน้าคมคายราวรูปสลัก เดินออกมาจากมุมมืดของระเบียง เซทเดอริคนั้นเอง...
            เซทเดอริคสบตากับเดมาน ก่อนที่เดมานจะพยักหน้ารับช้าๆอย่างรู้ความหมาย แล้วหันมายิ้มให้คีอา
            “คีอา นี่ เซทเดอริค เรียกสั้นๆว่าเซทก็คงได้มั้ง”  เดทว่าก่อนหันไปทางเซทที่ยืนรออยู่  “เซท นี่ คีอา  เพื่อนฉันสมัยเรียน”
            “ยินดีที่ได้รู้จักฮะ” คีอายิ้มหน้าแป้นพร้อมยื่นมือออกไป เซทมองคีอาอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกขำในใจ เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้าชัดๆ เสื้อผ้ามอมแมมที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านการคลุกโคลนมาอย่างนัก กับใบไม้ใบเล็กๆสองสามใบที่คีอาเอาออกไม่หมดยังติดอยู่ที่หัว  ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือออกไปจับด้วยตามมารยาท อล้วผละออกอย่างรวดเร็ว
            “ยินดีที่ได้รู้จัก...” เซทเอ่ยแล้วหันกลับไปมองหน้าเดทอีกครั้ง
            “คีอา ฉันต้องไปแล้ว เจอกัน”เดทส่งท้าย พลางเอื้อมมือไปลูบหัวเพื่อนเล่นอย่างเอ็นดู เหมือนคีอาเป็นเด็กตัวเล็กๆ
            “เฮ้ย!! ปล่อยเด่ะฟ่ะ ฉันไม่ใช่เด็กนะเฟ้ย” เจ้าตัวปัดมือของเพื่อนออกจากหัวอย่างไม่ชอบใจ อาการที่เรียกเสียงหัวเราะหึหึของเดทได้ การกระทำที่ผิดกับปากพูดที่เจ้าตัวยืนยันหนักหนาว่าไม่ได้เป็นเด็ก แต่ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน เจ้านี่ก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
            “อย่างน้อยนายก็อ่อนกว่าฉัน 3 ปีล่ะน่า” พูดเสร็จก็เดินจากไป ปล่อยให้คีอาหงุดหงิดกับการกระทำของตัวเองอยู่สักพัก
            คีอามองไล่หลังเพื่อน แล้วหันกลับมามองที่มือของตัวเองอีกครั้ง พลันรอยยิ้มเดายากปรากฎขึ้นบนดวงหน้าของหนุ่มน้อย
            เซทเดอริคงั้นเหรอ ดูท่าจะเจอกับเรื่องสนุกซะแล้วสิ
            ก้าวแรกศาสตราจารย์ลีโอน่าในชุดกระโปรงยาวที่เผยให้เห็นไหล่มนปรากฏตัวให้เห็น นักเรียนชายหลายคนถึงกับตะลึงตาค้างกับความงามของอาจารย์สาวไปตามๆกัน ถึงจะเคยรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์มาบ้างว่าเป็นสาวงาม ที่ไม่อาจหาความงามใดในโลกหล้ามาเปรียบเปรย แต่เมื่อมาเห็นตัวจริงแต่ล่ะคนล้วนคิดอย่างเดียวกันว่าคำเปรียบนั้นดูจะน้อยไปซะด้วยซ้ำ ถึงจะได้ข่าวมาว่าอายุเริ่มเหยียบเลขสามหลักเข้าไปแล้วก็ตามเถอะ
            คีอาไม่แปลกใจเมื่อเห็นเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งถึงกับร้องเรียกอาจารย์ออกมาว่าเทพธิดา ซึ่งเขามั่นใจว่าเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเสียงดังขนาดทำให้คนอื่นๆพากันหัวเราะ เมื่อครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่ให้หลงใหลได้อย่างไรเล่า ในเมื่อศาสตราจารย์มีทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปรารถนาจะให้หญิงคนหนึ่งมี ทั้งความงามสง่า สุขุม เรียบร้อย และเหนืออื่นใด ความสวยงาม..  เพียงแต่ช่วงหลังๆนี้ความหลงใหลนั้นดูจะลดลงไป  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกจับไปติวเข้มอย่างหนักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไอ้อาการสุขุม สง่าอะไรนั้น ดูเหมือนจะเลือนหายไปหมด ตอนที่เธอสอนหนังสือเขา จนคีอาได้ประจักษ์ความจริงว่าในร่างเทพธิดา มักมีปีศาจร้ายตัวจริงซ่อนอยู่
            “สวัสดีนักเรียนทุกคน  โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนียยินดีต้อนรับ คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเดียวที่มีการสอนและฝึกฝนผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์เข้าขั้น ให้ออกไปเป็นนักเวทย์ในดินแดนต่างๆ เพราะฉะนั้นทุกคนจงภูมิใจและปฏิบัติตามกฏของโรงเรียนอย่างเคร่งครัดตลอดระยะเวลาสามปีที่พวกเธอจะอยู่ที่นี่ และสำหรับผู้ที่มีวิญญาณผู้พิทักษ์มาด้วย กรุณาจำไว้ด้วยว่า โรงเรียนไม่อนุญาตให้ใช้ผู้พิทักษ์ในสถานศึกษาจนกว่าจะถึงปี 3 และนักเรียนทุกคนต้องหาผู้พิทักษ์ให้ได้อย่างช้าที่สุดก่อนจะขึ้นปี3...”
            คีอายืนฟังคำสาธยายยาวของศาสตราจารย์ลีอามานาน เริ่มบิดขี้เกียจไปมาอย่างนึกเบื่อ เมื่อดูสถานการณ์แล้วก็คิดว่าคงไม่มีอะไรสนุกๆให้เล่นแล้ว จึงตัดสินใจออกจากห้องโถงนั้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างจากด้านล่าง เขาหันกลับไปมองเล่านักเรียนใหม่ที่นั่งอยู่ทันที
            ดวงตาสีมรกตของเด็กสาวที่เขาจำได้ว่าเป็นคนๆเดียวกับที่ถือกระถางดอกไม้มองมาที่เขาแล้วยิ้มให้  รอยยิ้มที่ทำให้คีอาขนลุกซู่ เลือดในกายเริ่มร้อน ก่อนที่รังสีนั้นจะแผ่มาที่เขาให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ
            อะไรกัน....
            *********************************************
            เขาเฝ้าคิดถึงเรื่องของเด็กสาวคนนั้นตลอดตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน  จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงเขาออกจากโลกแห่งความคิด คีอาเดินไปเปิดประตู แล้วพบกับร่างใหญ่ของเพื่อนเจ้าของร้านเหล้าคนเดิมที่กำลังหอบน้อยๆเหมือนวิ่งหนีอะไรมา คีอาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยกับอาการของเพื่อนที่ไม่ค่อยจะได้เห็นสักเท่าไหร่
            ตอนที่เขากลับมาเขาไม่พบเออร์ตี้อยู่ที่ร้านแล้ว แต่เจ้าตัวคิดว่าเพื่อนคงออกไปหาซื้อของทั่วไปในตลาดเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
            “เป็นอะไรไป ยังกับวิ่งหนีใครมาอย่างนั้นแหละ”
            “ไม่ได้วิ่งหนี วิ่...ง .. มา...ตา..ม นาย..นั้นแหละ..” ถึงแม้จะยังหอบอยู่ แต่ใบหน้าน่ากลัวนั้นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “แล้วทำไมนายอยู่ในสภาพนี้!!”  เออร์ตี้ถามเสียงหลง เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่เข้าตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน
            “ก็ยังไม่ได้อาบน้ำอ่ะเด่ะ ถามได้” คำตอบกวนประสาท ก่อนหยักไหล่ตามนิสัย
            “ช่างมันเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว มานี่” แล้วก็ออกแรงดึงร่างเพื่อนตัวเล็กให้ลงไปข้างล่าง อย่างไม่สนใจชะตากรรมของคนที่ถูกลาก พอถูกจับส่งพื้นโดยสวัสดิภาพ เจ้าตัวที่ถูกลากก็หันไปแหวใส่ทันที
            “ทำบ้าอะไรของนาย ห๊า!! นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันมีขา เดินเองได้ แล้วจะกระชากก็บอกกันหน่อยเด่ะ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ ฉันตัวเล็กกว่านายตั้ง2เท่านะเฟ้ย เจ็บเป็นนะจะบอกให้” แต่คำพูดพวกนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเพื่อนร่างยักษ์แม้แต่น้อย เจ้าเพื่อนตัวใหญ่ยังคงยิ้มร่าจนน่าถีบ สายตาจับจ้องอยู่ที่เบื้องหน้าแทนเพื่อนที่กำลังกระชากคอเสื้อมันมาอย่างอารมณ์เสีย
            “นั้นนะเหรอคีอา ชอว์ น่ะ เออร์ตี้”
            คีอาที่เพิ่งรู้ตัวว่าในร้านไม่ได้มีแค่เขากับเออร์ตี้เท่านั้น หันมามองทางต้นเสียง ชายผมสีน้ำเงินกับนัยน์ตาสีเดียวกันในชุดคลุมสีแดงชั้นดีดูมีราคา ที่ไว้เคราเล็กน้อยเหมือนพวกผู้ลากมากดีทั่วไป กำลังมองมาทางเขาอย่างสนใจ
            “สวัสดี ผม เคาน์ท เอ็ดมอน กลิวเดอรอย...”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่าน+เม้นด้วยนะค่ะ
นิยายจากหัวสมองน้อยเรื่องแรกเลยนะเนี่ย
ขอบคุณค่ะ
นามปากกา
                ...ไม่รู้ดิ...
            “ครับ!!” คนที่ถูกเรียกว่าเจ้าหนูขานรับเสียงยานคาง พลางนึกสบถคำด่าในใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่สั่งเป็นตาลุงแก่ๆคนหนึ่งกับหลานสาวละก็  ตาลุงนี่คงไม่มีโอกาสกินข้าวเหมือนชาวบ้านไปตลอดชีวิตแน่ คำก็เจ้าหนู สองคำก็เจ้าหนู เขาไม่ได้มีหางยาวๆโผล่ออกมาสักหน่อย ฟังแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ก่อนที่คีอาจะกระแทกเหยือกน้ำเสียงดังบนเคาน์เตอร์ ทำให้เออร์ตี้ที่กำลังวุ่นวายหุงหาอาหารอยู่สะดุ้ง
            “เป็นอะไรอีกล่ะ” เออร์ตี้ถามขณะที่มือยังสาละวนกับการจัดอาหารใส่ถาด
            คีอาไม่ตอบ เขานั่งเท้าคางกับเคาน์เตอร์อย่างเบื่อหน่าย พอเออร์ตี้เหลือบมาเห็นก็ต้องงงกับอาการของเพื่อน แล้วก็หันกลับไปทำงานของตนต่อ
            “ทำตัวเหมือนผู้หญิงไปได้”
            ประโยคที่ทำให้คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิง หันมาส่งสายตาขุ่นเคืองให้ แต่ดูเหมือนพ่อยักษ์ใหญ่ใจดีจะไม่สนใจสักนิด
            “โต๊ะสองเอาไปส่งด้วย” คำสั่งของเพื่อนเจ้าของร้านที่ เจ้าตัวเหมือนหญิงต้องปฏิบัติตามอย่างไม่เต็มใจนัก
            คีอายกถาดอาหารไปเสริ์ฟโต๊ะนู่นที โต๊ะนี้ที รับออเดอร์จากลูกค้ามือเป็นระวิง จนเริ่มจะตาลาย  เออร์ตี้เองตอนนี้ก็ไม่ได้มีสภาพต่างไปจากเขามากเท่าไหร่ จะให้นึกสงสารเรอะ ไม่มีทางซะล่ะ  สมน้ำหน้าแล้ว จู่ๆก็นึกคึกเปิดร้านตั้งแต่ไก่โฮ่ เมื่อวานกว่าจะปิดก็ตีสี่ ไอ้ที่เปิดร้านตอนเช้าน่ะมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่ไปลากขาเขาลงมาจากเตียงนอนอันแสนสุขนี่สิ มันเกินให้อภัย
            พอถึงวันนี้ของทุกปีทีไร เขาต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดทุกครั้งไปสิน่า วันเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนไทรออเนีย  ในใจก็นึกสงสัยเหล่าผู้ปกครองที่หอบลูกหอบหลานมาแต่เช้าตรู่ ไม่รู้จะรีบมาทำไมกัน สงสารก็เจ้าพวกเด็กที่มาสมัครนั้นแหละอยุ่ในวัยกำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น ต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่น ทั้งๆที่การเปิดรับสมัครจะเริ่มต้นตอนสิบเอ็ดโมงตรงเป๊ะ นี่พวกผู้ปกครองเขาอ่านกำหนดการณ์กันบ้างรึเปล่า
            หลังจากที่ลูกค้าเริ่มบางตา อาจเป็นเพราะใกล้เวลาเปิดรับสมัครเข้ามาทุกที คีอาจึงออกจากร้าน เพื่อมาดูการรับสมัครที่โรงเรียนเวทย์มนตร์ไทรออเนีย ลานหน้าโรงเรียนดูแคบไปถนัดใจ เมื่อมีฝูงชนนับพันมาออกันอยู่หน้าประตูใหญ่ เหล่าพาหนะน้อยใหญ่นับร้อยที่วันนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในไทรออเนียถูกจอดเอาไว้นอกตัวเมือง ขุนนางหรือยาจกวันนี้ก็ต้องเดินดินเหมือนกันหมด
            ถึงจะมาสมัครกันนับร้อยนับพัน  แต่ผู้ที่จะสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้มีเพียง 100 คนต่อปีเท่านั้น หรือเพียง 1 ใน 10 นั้นเอง ไม่มีการใช้เส้นสาย ไม่มีการติดสินบน ใครพยายามจะทำผิดกฏจะถูกปรับเป้นเงินหนึ่งแสนเอมต์และลูกหลานของตระกูลนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณาเข้าโรงเรียนอีกต่อไป
            คีอาเดินผ่าฝูงชนจนพบที่โล่งว่างพอจะยืนได้สองสามคน เขายืนพิงกำแพงขณะที่สายตานั้นจับจ้องพวกเด็กใหม่ เด็กชายร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำเงินคนหนึ่งท่าทางดูสง่า คงไม่ใช่เด็กชาวบ้านธรรมดาๆ กำลังยืนอ่านรายละเอียดการรับสมัครอยู่ กับเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผมบรอนด์ที่มาพร้อมกับกระถางดอกไม้ที่เจ้าตัวกอดเอาไว้แน่น และฝาแฝดชายหญิงตาสีม่วงในเสื้อผ้ามอซอเหมือนพวกขอทานที่ดูจะไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคนรอบๆด้าน
            “ไง! ปีนี้มีคนน่าสนใจเยอะไหม” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านข้าง เสียงที่คีอาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร ทำให้เจ้าตัวหันควับไปทางต้นเสียง
            “เดท!!” ตาสีฟ้าเบิกโตด้วยความประหลาดใจแฝงไปด้วยแววแห่งความดีใจ เมื่อเห็นเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันมานาน เพื่อนคนเก่าที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เขาเคยจำได้ สูงขึ้น ดูดีขึ้น สมเป็นชาย
            “ว่ายังไงล่ะ”เดทถามซ้ำ ก่อนจะยืนพิงกำแพงข้างๆเพื่อน
            “ก็เยอะอยู่ล่ะ ฉันว่าปีนี้คงสนุก” คีอาหันไปมองกลุ่มคนตรงหน้าอีกครั้ง
            “งั้นเหรอ” เดทกล่าวก่อนมองไปยังกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทางตื่นกลัว แล้วยิ้มบางๆ “ฉันพนันเด็กผมเขียวนั้นกับคนผมเทา” เดทชี้ไปที่เด็กชายร่างท้วมที่กำลังเก็บของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้น กับเด็กชายร่างผอมบางที่กำลังยื่นเอกสารอยู่หน้าประตูทางเข้า
            “ถ้าอย่างนั้น ฉันพนันเด็กแฝดตาม่วง กับคุณชายท่ามากนั้น” ก่อนทำสัญญาตบมือกัน แล้วทั้งสองก็มองไปยังผู้คนเบื้องหน้าอีกครั้ง โดยไม่มีใครพูดอะไร
            ไม่ใช่ว่า ไม่อยากพูดกับคนข้างๆ ไม่ใช่ว่าห่างเหินจนไม่คุ้นเคย เพียงแต่ว่าเวลานี้ในหัวสมองของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเรื่องต่างๆที่อยากจะพูดกับเพื่อนที่แสนจะคิดถึง จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่เรื่องไหนดีต่างหาก ก่อนที่เดทจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสองลง
            “ได้ข่าวว่านายซ้ำชั้นมาสามปีแล้ว”
            “ผ่านสิตลก ตกสิเป็นเรื่องธรรมชาติ” พูดจบก็หันไปสบตาเพื่อน ก่อนจะยิ้มเป็นนัยๆ แล้วทั้งสองก็ร่วมหัวเราะกันเสียงดัง เดทรู้ดีถึงเหตุผลที่แท้จริงของการที่คีอาซ้ำชั้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะยอมซ้ำชั้นถึงสามปี
            “ไม่นึกว่านายจะอยู่นานขนาดนี้”เดทกล่าวกับเพื่อนที่ตอนนี้ยังคงหัวเราะไม่เลิก
            “อ้าว!! ก็ถ้าไม่ซ้ำสามปีแล้วฉันจะมีโอกาสได้เจอนายงั้นเหรอ”
            เสียงระฆังของโรงเรียนไทรออเนียดังขึ้น บอกให้รู้ว่าการคัดเลือกนักเรียนใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
            “ไป ได้เวลาแล้ว” เดทว่าก่อนที่จะเดินนำไป โดยไม่ลืมที่จะลากเพื่อนซี้คนเดิมของเขาไปด้วย
            “นายจะไปไหนเนี่ย” คีอาถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังลากตัวเองไปทางประตูใหญ่
            “ก็ไปดูการทดสอบไง” แล้วก็ต้องสะดุดเมื่อเพื่อนตัวเล็กกว่าออกแรงต้าน
            “ผ่านประตูใหญ่เนี่ยนะ” ก่อนจะถลึงตาใส่เพื่อนที่ตอนนี้เขาคิดว่ามันคงลืมตัว ไม่มีนักเรียนปีอื่นคนไหนได้รับการอนุญาตให้เข้าไปชมการทดสอบ แต่สำหรับคีอาข้อห้ามนั้นถือเป็นโมฆะมาตั้งแต่ตอนเขาอยู่ปีสอง ด้วยเจ้าตัวและเพื่อนที่กำลังลากเขาอยู่ตอนนี้พบทางลัดเข้าห้องโถงใหญ่ของปราสาท คีอาเลยได้ดูการทดสอบทุกปีโดยไม่มีใครจับได้ แต่วันนี้ไอ้เพื่อนเก่ากลับจะลากเขาเข้าประตูหน้าซะนี่
            “อาจารย์ลีอายังไม่บอกนายอีกเหรอ ว่าฉันได้เป็นอาจารย์ที่โรงเรียน จะเข้าออกตรงไหนก็ไม่มีใครว่า” เดทว่าพลางยิ้มร่า ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มมองเพื่อนตัวเล็กในอ้อมแขนที่กำลังอ้าปากจะเถียง “เอาล่ะไปกันได้แล้ว” แต่เพื่อนคนเดิมยังขืนตัวเอาไว้ จนเขาต้องหันมามองหน้าเพื่อนอีกครั้งอย่างสงสัย
            “นายลืมไปแล้วหรือไง ฉันไม่ได้เป็นอาจารย์เหมือนนายนะเฟ้ย”
            คำกล่าวของเพื่อนทำให้เขานึกขึ้นได้ ลืมไปเสียสนิทว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายังดำรงตำแหน่งนักเรียนอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 6 ปีแล้ว เลยต้องปล่อยคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกทันที
            “งั้นเจอกันที่เดิม” เดทว่าก่อนจะเดินตรงเข้าประตูใหญ่ไป
            ซะงั้นอ่ะ ตัวเองเข้าประตูใหญ่แล้วปล่อยเพื่อนไปหมุดรูใต้ดินงั้นเหรอ โอ้โห ไม่ค่อยเอาเปรียบกันเลย
            คำบ่นที่ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของคีอา เพราะไอ้คนที่จะบ่นเดินลอยชายเข้าไปในโรงเรียนแล้ว คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ นี่คงถึงเวลาเลอะอีกแล้วสิเนี่ย ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
                                                          *****************************************
            ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนไทรออเนียที่ตอนนี้เต็มไปด้วยว่าที่นักเรียนปี 1 ร่วมพันชีวิต บางคนตกอยู่ในอาการประหม่าและผวาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคนหะวเราะหรือตะโกนดังๆ บางคนก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งเป็นหิน แต่ก็มีเหงื่อไหลเป็นสายที่บ่งได้ว่านั้นไม่ใช่หินแต่เป็นคนต่างหาก  บางคนก็มีความสุขกับการที่จะคุยโม่โอ้อวดความสามารถของตนให้ผู้อื่นฟัง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ดูเหมือนจะกุมสติของตัวเองได้
            เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง เรียกความสงบให้กลับคืนมาสู่ห้องโถงใหญ่ ชายร่างเตี้ยหุ่นออกไปทางเจ้าเนื้อจนเรียกได้ว่าอ้วนเดินอุ้ยอายขึ้นไปบนเวที สายตานับร้อยจับจ้องไปที่ชายร่างเตี้ย ผิวอมชมพู กับดวงตาสีดำกลมโตและหัวล้านทรงบาร์โค้ด หลายคนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ อีกหลายคน(ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้หญิง) ถึงกับอุทานออกมาเบาๆว่า “น่ารัก”
            “สวัสดี ฉันศาสตราจารย์ลุควิก ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาพบทุกคนในวันนี้” ไม่ใช่เฉพาะร่างของชายคนนี้เท่านั้นที่เล็ก เสียงยังเล็กเหมือนเด็กอีกด้วย เรียกเสียงหัวเราะที่ดังกว่ารอบแรกจากเหล่าผู้สมัครได้เป็นอย่างดี  แต่ดูเหมือนศาสตราจารย์ตัวน้อยจะไม่ได้ถือทาโกรธอะไร ยิ้มรับเสียงหัวเราะอย่างหน้าชื่นตาบานแล้วกล่าวต่อ “การคัดเลือกนักเรียนชั้นปี 1 ของโรงเรียนไทรออเนียจะเกิดขึ้นในห้องนี้”
            เอ๋!! เลือกในห้องนี้ยังงั้นเหรอ ปีนี้ทำไมมันแปลกๆ
            คีอาที่เพิ่งมาถึงบนระเบียงชั้นสองเงยหน้าขึ้นมาฟังที่ศาสตราจารย์ลุควิกพูดอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินกติกาใหม่ที่ไม่เหมือนปีที่แล้วๆมา เช่นเดียวกันกับเดท
            “เปลี่ยนใหม่แล้วเหรอ” เดทหันมาถามเพื่อนที่น่าจะรู้ดีที่สุด แต่เจ้าตัวคนรู้ดีกลับส่ายหน้าอย่าง งงๆ
            ทุกปีจะมีการประลองฝีมือระหว่างผู้สมัคร ไม่สำคัญว่าจะใช่วิธีไหน ขอแค่ให้ใช้เวทมนตร์ได้และไม่ทำอันตรายคู่ต่อสู้จนถึงตาย ผู้เข้ารอบ 100 คนก็จะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนไทรออเนีย
            “เราจะทำการคัดเลือกผู้สมัครเพียง 100 คน จากทั้งหมดในปีนี้ 1123 คน ขอให้ผู้เข้าสมัครทุกคนนั่งประจำที่และอยู่ในความสงบ การคัดเลือกจะเริ่มขึ้นแล้ว”
            สิ้นคำประกาศเสียงหัวเราะหยุดลงความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง ทุกคนต่างใจสะท้านเมื่อการคัดเลือกเข้ามาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ศาสตราจารย์ลุควิกจะเสกแท่นหินอ่อนออกมาตรงหน้า  แล้วล้วงหินสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนวางลงบนแท่น
            แสงสว่างจ้าบาดตา ทำให้ผู้สมัครทุกคนรวมทั้งคีอาและเดทที่อยู่บนชั้นสองต้องเบือนหน้าหนี ก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆจางลงและเลือนหายไปในที่สุด
            “เอาล่ะทุกคนลืมตาได้”
            ไม่เฉพาะแต่ผู้สมัครที่ทำตามคีอากับเดทก็หันกลับมาทางเวทีด้วย แล้วคีอาก็ต้องแปลกใจ  เมื่อพบว่าห้องโถงที่ตอนแรกแน่นขนัดไปด้วยผู้คนตอนนี้เหลือเพียงเด็กเพียงส่วนเดียวเท่านั้น!!!
            “การคัดเลือกสิ้นสุดลงแล้ว ขอต้อนรับพวกเธอเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย ขอให้เธอเลื่อนแถวขึ้นมานั่งด้านหน้า อีกสักครู่ ศาสตราจารย์ลีโอน่า อาจารย์ใหญ่ของไทรออเนียจะมาพบกับพวกเธอ” ใบหน้าอ้วนกลมนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนที่จะพาร่างท้วมลงจากเวที
            ผู้ที่ผ่านการทดสอบอันพิสดารต่างพากันยิ้มหน้าบาน ถึงแม้จะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าตนเองสอบผ่านเขามาได้ยังไง แต่ตอนนี้เรื่องวิธีเข้านั้นมันไม่สำคัญไปมากกว่าการที่พวกเขาเข้าเรียนที่นี่ได้ ที่โรงเรียนเวทมนตร์แห่งเดียวของโลก แล้วทุกคนก็พาตัวเองเลื่อนมานั่งแถวหน้าจนเต็ม
            “อะไรกัน แค่นี้เองน่ะเหรอ ไม่เห็นสนุกเลย” คีอาบ่น ขณะที่มือกำลังจัดการกับเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนศีรษะ ที่คงจะติดมาตอนผ่านทางลับเข้าปราสาท ก่อนที่ตาสีฟ้าจะไปสะดุดที่เด็กคนหนึ่ง
            “อ่ะฮ้า!!! นั้นไงเด็กแฝด กับคุณชายท่ามาก” แล้วหันมาส่งสายตาที่มีแววระริกอยู่ภายในให้เพื่อนข้างๆกาย อย่างถือไพ่เหนือกว่า “ฉันชนะนายแล้ว”
            เดทมองหน้าเพื่อนที่ไม่ว่าจะนานขนาดไหน นิสัยที่ชอบเอาชนะของเจ้าตัวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แล้วยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดูคนตรงหน้า
            “ดูดีๆสิ คีอา” แล้วพยักเพยิดหน้าให้คีอามองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เด็กชายผมสีเขียวที่ทำเป๋อหน้าโรงเรียน กับเด็กชายผมเทาก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เจ้าตัวชอบชนะเลยได้แต่ทำหน้าเบ้อย่างไม่พอใจ
            เป็นอย่างนี้ไปเสียทุกครั้งสินะ ไม่ว่าเขาจะพนันอะไรกับเดท ก็เป็นต้องเสมอเสียทุกที
            คีอาถอนหายใจเสียงดังอย่างนึกเบื่อ
            “ปีนี้อะไรๆก็ไม่สนุก”
            “เดท” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นเรียกให้คนทั้งสองหันไปมอง
            ชายหนุ่มผมทองนัยน์ตาสีเขียวดูลึกลับ ใบหน้าคมคายราวรูปสลัก เดินออกมาจากมุมมืดของระเบียง เซทเดอริคนั้นเอง...
            เซทเดอริคสบตากับเดมาน ก่อนที่เดมานจะพยักหน้ารับช้าๆอย่างรู้ความหมาย แล้วหันมายิ้มให้คีอา
            “คีอา นี่ เซทเดอริค เรียกสั้นๆว่าเซทก็คงได้มั้ง”  เดทว่าก่อนหันไปทางเซทที่ยืนรออยู่  “เซท นี่ คีอา  เพื่อนฉันสมัยเรียน”
            “ยินดีที่ได้รู้จักฮะ” คีอายิ้มหน้าแป้นพร้อมยื่นมือออกไป เซทมองคีอาอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกขำในใจ เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้าชัดๆ เสื้อผ้ามอมแมมที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านการคลุกโคลนมาอย่างนัก กับใบไม้ใบเล็กๆสองสามใบที่คีอาเอาออกไม่หมดยังติดอยู่ที่หัว  ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือออกไปจับด้วยตามมารยาท อล้วผละออกอย่างรวดเร็ว
            “ยินดีที่ได้รู้จัก...” เซทเอ่ยแล้วหันกลับไปมองหน้าเดทอีกครั้ง
            “คีอา ฉันต้องไปแล้ว เจอกัน”เดทส่งท้าย พลางเอื้อมมือไปลูบหัวเพื่อนเล่นอย่างเอ็นดู เหมือนคีอาเป็นเด็กตัวเล็กๆ
            “เฮ้ย!! ปล่อยเด่ะฟ่ะ ฉันไม่ใช่เด็กนะเฟ้ย” เจ้าตัวปัดมือของเพื่อนออกจากหัวอย่างไม่ชอบใจ อาการที่เรียกเสียงหัวเราะหึหึของเดทได้ การกระทำที่ผิดกับปากพูดที่เจ้าตัวยืนยันหนักหนาว่าไม่ได้เป็นเด็ก แต่ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน เจ้านี่ก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
            “อย่างน้อยนายก็อ่อนกว่าฉัน 3 ปีล่ะน่า” พูดเสร็จก็เดินจากไป ปล่อยให้คีอาหงุดหงิดกับการกระทำของตัวเองอยู่สักพัก
            คีอามองไล่หลังเพื่อน แล้วหันกลับมามองที่มือของตัวเองอีกครั้ง พลันรอยยิ้มเดายากปรากฎขึ้นบนดวงหน้าของหนุ่มน้อย
            เซทเดอริคงั้นเหรอ ดูท่าจะเจอกับเรื่องสนุกซะแล้วสิ
            ก้าวแรกศาสตราจารย์ลีโอน่าในชุดกระโปรงยาวที่เผยให้เห็นไหล่มนปรากฏตัวให้เห็น นักเรียนชายหลายคนถึงกับตะลึงตาค้างกับความงามของอาจารย์สาวไปตามๆกัน ถึงจะเคยรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์มาบ้างว่าเป็นสาวงาม ที่ไม่อาจหาความงามใดในโลกหล้ามาเปรียบเปรย แต่เมื่อมาเห็นตัวจริงแต่ล่ะคนล้วนคิดอย่างเดียวกันว่าคำเปรียบนั้นดูจะน้อยไปซะด้วยซ้ำ ถึงจะได้ข่าวมาว่าอายุเริ่มเหยียบเลขสามหลักเข้าไปแล้วก็ตามเถอะ
            คีอาไม่แปลกใจเมื่อเห็นเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งถึงกับร้องเรียกอาจารย์ออกมาว่าเทพธิดา ซึ่งเขามั่นใจว่าเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเสียงดังขนาดทำให้คนอื่นๆพากันหัวเราะ เมื่อครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่ให้หลงใหลได้อย่างไรเล่า ในเมื่อศาสตราจารย์มีทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปรารถนาจะให้หญิงคนหนึ่งมี ทั้งความงามสง่า สุขุม เรียบร้อย และเหนืออื่นใด ความสวยงาม..  เพียงแต่ช่วงหลังๆนี้ความหลงใหลนั้นดูจะลดลงไป  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกจับไปติวเข้มอย่างหนักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไอ้อาการสุขุม สง่าอะไรนั้น ดูเหมือนจะเลือนหายไปหมด ตอนที่เธอสอนหนังสือเขา จนคีอาได้ประจักษ์ความจริงว่าในร่างเทพธิดา มักมีปีศาจร้ายตัวจริงซ่อนอยู่
            “สวัสดีนักเรียนทุกคน  โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนียยินดีต้อนรับ คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเดียวที่มีการสอนและฝึกฝนผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์เข้าขั้น ให้ออกไปเป็นนักเวทย์ในดินแดนต่างๆ เพราะฉะนั้นทุกคนจงภูมิใจและปฏิบัติตามกฏของโรงเรียนอย่างเคร่งครัดตลอดระยะเวลาสามปีที่พวกเธอจะอยู่ที่นี่ และสำหรับผู้ที่มีวิญญาณผู้พิทักษ์มาด้วย กรุณาจำไว้ด้วยว่า โรงเรียนไม่อนุญาตให้ใช้ผู้พิทักษ์ในสถานศึกษาจนกว่าจะถึงปี 3 และนักเรียนทุกคนต้องหาผู้พิทักษ์ให้ได้อย่างช้าที่สุดก่อนจะขึ้นปี3...”
            คีอายืนฟังคำสาธยายยาวของศาสตราจารย์ลีอามานาน เริ่มบิดขี้เกียจไปมาอย่างนึกเบื่อ เมื่อดูสถานการณ์แล้วก็คิดว่าคงไม่มีอะไรสนุกๆให้เล่นแล้ว จึงตัดสินใจออกจากห้องโถงนั้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างจากด้านล่าง เขาหันกลับไปมองเล่านักเรียนใหม่ที่นั่งอยู่ทันที
            ดวงตาสีมรกตของเด็กสาวที่เขาจำได้ว่าเป็นคนๆเดียวกับที่ถือกระถางดอกไม้มองมาที่เขาแล้วยิ้มให้  รอยยิ้มที่ทำให้คีอาขนลุกซู่ เลือดในกายเริ่มร้อน ก่อนที่รังสีนั้นจะแผ่มาที่เขาให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ
            อะไรกัน....
            *********************************************
            เขาเฝ้าคิดถึงเรื่องของเด็กสาวคนนั้นตลอดตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน  จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงเขาออกจากโลกแห่งความคิด คีอาเดินไปเปิดประตู แล้วพบกับร่างใหญ่ของเพื่อนเจ้าของร้านเหล้าคนเดิมที่กำลังหอบน้อยๆเหมือนวิ่งหนีอะไรมา คีอาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยกับอาการของเพื่อนที่ไม่ค่อยจะได้เห็นสักเท่าไหร่
            ตอนที่เขากลับมาเขาไม่พบเออร์ตี้อยู่ที่ร้านแล้ว แต่เจ้าตัวคิดว่าเพื่อนคงออกไปหาซื้อของทั่วไปในตลาดเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
            “เป็นอะไรไป ยังกับวิ่งหนีใครมาอย่างนั้นแหละ”
            “ไม่ได้วิ่งหนี วิ่...ง .. มา...ตา..ม นาย..นั้นแหละ..” ถึงแม้จะยังหอบอยู่ แต่ใบหน้าน่ากลัวนั้นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “แล้วทำไมนายอยู่ในสภาพนี้!!”  เออร์ตี้ถามเสียงหลง เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่เข้าตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน
            “ก็ยังไม่ได้อาบน้ำอ่ะเด่ะ ถามได้” คำตอบกวนประสาท ก่อนหยักไหล่ตามนิสัย
            “ช่างมันเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว มานี่” แล้วก็ออกแรงดึงร่างเพื่อนตัวเล็กให้ลงไปข้างล่าง อย่างไม่สนใจชะตากรรมของคนที่ถูกลาก พอถูกจับส่งพื้นโดยสวัสดิภาพ เจ้าตัวที่ถูกลากก็หันไปแหวใส่ทันที
            “ทำบ้าอะไรของนาย ห๊า!! นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันมีขา เดินเองได้ แล้วจะกระชากก็บอกกันหน่อยเด่ะ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ ฉันตัวเล็กกว่านายตั้ง2เท่านะเฟ้ย เจ็บเป็นนะจะบอกให้” แต่คำพูดพวกนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเพื่อนร่างยักษ์แม้แต่น้อย เจ้าเพื่อนตัวใหญ่ยังคงยิ้มร่าจนน่าถีบ สายตาจับจ้องอยู่ที่เบื้องหน้าแทนเพื่อนที่กำลังกระชากคอเสื้อมันมาอย่างอารมณ์เสีย
            “นั้นนะเหรอคีอา ชอว์ น่ะ เออร์ตี้”
            คีอาที่เพิ่งรู้ตัวว่าในร้านไม่ได้มีแค่เขากับเออร์ตี้เท่านั้น หันมามองทางต้นเสียง ชายผมสีน้ำเงินกับนัยน์ตาสีเดียวกันในชุดคลุมสีแดงชั้นดีดูมีราคา ที่ไว้เคราเล็กน้อยเหมือนพวกผู้ลากมากดีทั่วไป กำลังมองมาทางเขาอย่างสนใจ
            “สวัสดี ผม เคาน์ท เอ็ดมอน กลิวเดอรอย...”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่าน+เม้นด้วยนะค่ะ
นิยายจากหัวสมองน้อยเรื่องแรกเลยนะเนี่ย
ขอบคุณค่ะ
นามปากกา
                ...ไม่รู้ดิ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น