ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ชายผู้พิการ
                                            ในร้านเหล้าเล็กๆของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากที่เหล่าชายประจำหมู่บ้านหาความสำราญจากร้านแห่งนี้มาตั้งแต่หัวค่ำจนพอใจ และต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน มีชายหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่คิดจะขยับเคลื่อนกายอันเมามายของเขาออกจากร้าน เขายังคงดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่มต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
                                              “อ๊าว มา ... อีกแก้ววว... เอิ๊กก” เขาสั่ง
                                      ถึงแม้ว่าศีรษะจะหนักจนต้องฟุ่บอยู่กับโต๊ะแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดดื่ม เมื่อพนักงานไล่ก็ไม่ยอมออก เอาแต่โวยวายฟังไม่ได้ศัพท์อย่างที่คนเมามากเป็นกัน อาการของชายหนุ่มที่หญิงสาวคนหนึ่งสังเกตเห็นมาตลอด
                                      หญิงสาวร่างบางอรชรเดินเข้ามานั่งข้างชายหนุ่มที่กำลังไม่ได้สติ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มรู้ว่าเธอมาอยู่ข้างๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่มานั่งข้างๆอย่างพินิจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนางนี้เป็นสาวงามหาที่เปรียบมิได้ ทำให้ได้สติขึ้นมานั่งพูดคุยด้วยดวงหน้าแดงกล่ำ
                                    “ไง๊...จ๊ะ น้ออง สาววว... มีอารายกับเพ่ อัป...ปา..ล๊าก...คนนี้ เอิ๊ก”
                                        หญิงสาวมองหน้าของชายหนุ่ม แล้วรอยยิ้มบางๆก็ฉายขึ้นที่หน้าแฉล้ม
                                    “ข้าเห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามอยู่ตรงหน้าข้า ผู้ใดหรือที่อัปลักษณ์”
                                          ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังลั่นร้าน
                                          “รูปงา...ม.. งั้น เหรอ ข้ามันเป็นแค่ไอ้พิการ ไอ้หง้อยเปลี้ยเสียขา ขนาดผู้หญิงที่ไม่ได้สวยงามอะไรมากมายก็ยังปฏิเสธที่จะคบกับข้า  ข้ามันไอ้อัปลัก..ษณ์” เขากล่าวอย่างสิ้นหวัง แล้วยกเหล้าขึ้นซดอีกแก้ว
                                    “ท่านคิดว่าอะไรที่ตัดสินความอัปลักษณ์”
                                        “ไม่รู้สิ... คงจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน..นั้นล่ะมั้..ง”
                                      หญิงสาวแย้มรอยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วกล่าวต่อ
                                        “ท่านผู้เรียกตนเองว่าอัปลักษณ์ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ท่านฟัง..”
                                      “ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย”
                                          “แล้วใยท่านถึงปฏิเสธสตรีผู้จะหยิบยื่นสิ่งดีๆให้ท่านเล่า”
                                      ชายผู้พิการไม่ตอบอะไร เขาวางแก้วเหล้าลงข้างๆตัวแล้วหันมาสบตาสีนิลของสตรีร่างบางข้างๆ
                                      “ขอเพียงท่านตั้งสติ ฟังเรื่องเล่าของข้าสักเพียงอึดใจเถิด”
                                                  *********************************
                                        ในเมืองหลวงแห่งอาณาจักรคีรีมาน อาณาจักรที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลายเชื้อชาติ มากมายหลากหลายอาชีพ มีทั้งผู้ดีตี-นแดงที่ไม่จำเป็นต้องทำงานอะไร ไปจนถึงยาจกที่ไม่มีงานจะให้ทำ
                                      ยามพระอาทิตย์ทอแสงจับขอบฟ้า  เมืองแห่งนี้คือแหล่งการค้าพาณิชที่เฟื่องฟู แต่เมื่อดวงจันทราขึ้นจับจองน่านฟ้า เมืองแห่งนี้คือแหล่งเริงรมย์อันเลื่องชื่อ นั้นคือที่มาของสมญานาม แดนแห่งอรุณ ไม่เคยหลับไหล
                                        ยามค่ำคืนผู้คนต่างพากันมาชมการแสดงฟ้อนเล่นเต้นรำของเหล่านางรัตติกาลทั้งหลาย และมีเพียงนางเดียวเท่านั้นที่มักจะถูกจับจองจากชายที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสาระทิศ เพียงเพื่อมาได้ยลโฉมสะคราญ  นางงามผู้เป็นหนึ่งในรัตติกาล ... ฮาริติ...
                                      ถึงแม้จะมีชายหนุ่มมากมายที่พร้อมจะมอบความรักให้นางหมดทั้งดวงใจ แต่นั้นหาเป็นที่ปรารถนาของนางไม่ สิ่งเดียวที่นางปรารถนาคืออำนาจและเงินทอง ชายที่หวังจะได้เชยชมนางมีเพียงผู้ที่เสนอของที่นางพึ่งพอใจที่สุดเท่านั้น
                                        แต่แล้ววันหนึ่งในยามรัตติกาลอันเป็นเวลาที่นางจะออกมาให้ผู้คนได้ยลโฉมและเลือกสรรผู้คู่ควรแก่นางในคืนนี้  ชายร่างเตี้ยในผ้าคลุมสีหม่นขาดๆเดินทุลักทุเลฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างยากลำบาก เมื่อเขามาถึงเบื้องหน้าของนาง ชายในชุดคลุมมอซอหยิบยื่นเศษดอกหญ้าแห้งๆให้นางด้วยมือที่เปื้อนไปด้วยเศษดินและโคลนตม
                                        ฮาริติโมโหมากด้วยเข้าใจว่าชายผู้นั้นเปรียบตนเป็นเพียงดอกหญ้าโสโครก  นางปัดมือของชายมอซอทิ้ง พลันหันไปสั่งคนให้นำตัวชายผู้นี้ออกไปให้พ้นตา
                                          ชายร่างเตี้ยมอซอผู้น่าสงสารถูกจับโยนออกไปนอกกลุ่มคนอย่างไร้เยื่อใย  ฮาริติคิดว่าชายผู้นั้นคงจะกลัวจนไม่มาให้นางเห็นหน้าอีกเป็นหนที่สอง  แต่นางคาดเดาผิด ชายในชุดคลุมมอซอกลับมาหานางทุกคืนที่นางออกมาปรากฏตัว และจะพกดอกหญ้าแห้งๆมาให้นางเสมอ
                                      ฮาริติปฏิเสธที่จะรับดอกหญ้านั้น และสั่งให้คนโยนชายผู้นั้นออกไปด้านนอกทุกวัน โดยหวังว่าเขาจะไม่กลับมาหานางอีกในครั้งต่อไป แต่นั้นก็เป็นได้เพียงความหวังของนาง
                                        แม้คืนใดที่ฝนตกหนัก จนนางไม่สามารถออกมาปรากฏตัวได้ แต่ทุกเช้าก็จะมีดอกหญ้าที่เปียกชื้นจนกลายเป็นเพียงหญ้าสกปรกวางไว้ที่หน้าประตูบ้านเสมอ
                                        วันหนึ่งนางได้รับขอเสนอจากกษัตริย์ของอาณาจักรคีรีมาน ให้นางมาเป็นสนมในตำหนักโดยสัญญาว่าจะปรนเปรอนางอย่างดีด้วยแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดในท้องพระคลัง ฮาริติ ตกลงรับข้อเสนอทันที  นางย้ายไปอยู่ในวังหลวงในคืนนั้น
                                        ฮาริติใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงอย่างสุขสบาย ด้วยรูปร่างหน้าตาของนางเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ นางจึงได้ทรัพย์สมบัติของราชวงศ์มาเป็นของเล่นมากมาย และได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาเป็นพระชายา
                                        วันหนึ่งขณะที่พระชายาฮาริติออกไปเดินเล่นที่ตลาดกับเหล่าคนรับใช้ ชายในชุดคลุมมอซอมาปรากฏต่อหน้านางอีกครั้ง และหยิบยื่นดอกหญ้าเหมือนเช่นทุกครั้ง  พระชายาโมโหมากจึงใช้ไม้เท้าที่นางได้รับจากกษัตริย์ฟาดชายมอซอนั้น ชายมอซอล้มลงไปกองกับพื้น ผ้าคลุมที่มักเอาไว้ปิดหน้าตาเสมอนั้นหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าอันน่ารังเกียจ
                                        ดวงตาโปนคู่โตสีเทาที่ไม่ได้อยู่ตรงที่ๆมันควรจะอยู่ จมูกบี้ไม่มีสันดั้งที่อยู่เลยลูกตาขึ้นไปบนหน้าผาก กับริมฝีปากหนาเตอะสีม่วง
                                      พระชายาฮาริติกรีดร้องด้วยความตกใจกลัว และสั่งเหล่าทหารให้นำตัวชายอัปลักษณ์ผู้นั้นไปทรมานสามวันสามคืนด้วยโทษฐานทำให้พระนางตกใจ
                                        วันคืนเคลื่อนคล้อย พระชายาฮาริติยังคงเป็นที่รักของกษัตริย์และได้รับการปรนเปรออย่างที่พระชายาเคยปรารถนาไว้ในตอนแรก แต่เมื่อพระนางตระหนักถึงอนาคต หากราชาเฒ่าที่อยู่ข้างกายนี้ตายไปเสียเล่า ความสงบสุขและความสบายของนางจะหมดไปด้วยหรือไม่
                                    พระชายาฮาริติเริ่มตีตัวออกห่างจากกษัตริย์เฒ่า แล้วหันไปหาเจ้าชายรัชทายาทหนุ่มรูปงาม นางลักลอบเป็นชู้กับเจ้าชายหนุ่มผู้ไร้เดียงสา ก่อนที่นางจะวางแผนลอบสังหารเจ้าชายองค์อื่นๆที่จะมาเป็นคู่แข่งของชู้รัก ก่อนที่สุดท้ายพระชายาจะตัดสิ้นใจลอบปลงพระชนม์กษัตริย์เฒ่าในที่สุด เจ้าชายรัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างที่นางหวังไว้ และยกนางขึ้นเป็นราชินี
                                        ถึงแม้นางจะได้รับการปรนเปรออย่างดีแต่นางหามีความสุขกับแก้วแหวนเงินทองพวกนั้นไม่ นางต้องการสิ่งที่มากกว่านี้ นางต้องการอำนาจ ต้องการอาณาจักรอันเฟื่องฟูแห่งนี้ พระราชินีฮาริติจึงลอบวางยากษัตริย์หนุ่ม แต่แล้วโชคครานี้กลับไม่เข้าข้างนาง
                                      ขุนนางผู้หนึ่งล่วงรู้แผนชั่วร้ายของนางและจับตัวนางในข้อหากบฏ ฮาริติพยายามดิ้นรนหาข้ออ้างสารพัด เพื่อให้หลุดจากโทษฐานกบฏ นางจึงกุเรื่องขึ้นมาว่าที่นางทำไปเพราะมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ผู้นั้นคือชายมอซอผู้อัปลักษณ์
                                      ขุนนางจึงได้ให้ทหารไปจับตัวชายอัปลักษณ์มาสอบสวน เมื่อชายอัปลักษณ์มาถึง นางคิดว่าสิ้นหวังแล้ว ชายอัปลักษณ์คงบอกว่าเขาไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำของนางแน่ๆ แต่กลับผิดคาด ชายอัปลักษณ์ยอมรับข้อกล่าวหาทุกประการ และบอกว่าที่นางทำไปทั้งหมดเพราะโดนเวทย์มนตร์ของตนครอบงำ ชายอัปลักษณ์ถูกลงโทษประหาร
คืนวันก่อนการลงโทษ นางเข้าไปพบชายอัปลักษณ์ที่คุกใต้ดิน ด้วยอยากถามเหตุผลที่ยอมช่วยนาง ชายอัปลักษณ์แย้มรอยยิ้ม แล้วบอกนางว่า
              “ข้าคือชายผู้อัปลักษณ์ ไม่มีสิ่งใดที่ปรารถนามากไปกว่าการตายเพื่อคนรัก เจ้าคือหญิงอัปลักษณ์ ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าปรารถนานอกจากอำนาจเงินทอง เจ้าคือหญิงอัปลักษณ์  ผู้ปฏิเสธดอกหญ้าที่ให้ความชุ่มชื่นแก่พื้นโลก และปฏิเสธข้าผู้มอบความรักหมดใจให้แก่เจ้า  เจ้าคือหญิงอัปลักษณ์มิใช่ทางหน้าตา แต่เป็นที่จิตใจ  ครานี้ข้ายอมตายเพื่อหญิงอัปลักษณ์ที่ข้ารัก”
                                        วันรุ่งขึ้นชายอัปลักษณ์ถูกเผาทั้งเป็นด้วยหาว่าเป็นพ่อมด ฮาริติทำได้เพียงยืนมองและร่ำไห้ นางเพิ่งรู้ว่าที่ชายอัปลักษณ์หยิบยื่นให้ มิใช่เพียงดอกหญ้าแห้ง หากแต่เขาหยิบยื่นความรู้สึกรักและเมตตาให้นาง แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่นางเหยียบย่ำและผลักไส ชายอัปลักษณ์นั้นเพียงหน้าตา แต่นางหญิงงามที่มีรูปโฉมสะคราญกลับอัปลักษณ์ที่จิตใจ
                                                  *************************************
                                    “แล้วหลังจากนั้นหญิงผู้นั้นเป็นอย่างไร” ชายผู้พิการถาม แต่หญิงนัยน์ตาสีนิลข้างกายไม่ตอบ นางเพียงแย้มรอยยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแล้วพูดไปอีกเรื่องหนึ่ง
                                    “ท่านมิได้เป็นชายอัปลักษณ์  ในสายตาข้าท่านเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผู้ช่วยเหลือหญิงชราในตลาดวันนี้  ข้าเห็น  ข้ายืนยัน ท่านคือชายหนุ่มรูปงามที่ข้าเห็น”
                                      คราหนึ่งชายผู้พิการเห็นหยาดน้ำใสร่วงหล่นมาจากตาสีนิลคู่งาม แต่ใบหน้านางนั้นกลับดูนิ่งเฉย
                                        “ถึงเวลาแล้ว  ข้าคงต้องไป อย่าลืมเรื่องที่ข้าเล่าให้ท่านฟังเสียล่ะ” หญิงผู้นั้นลุกขึ้น แล้วเดินออกจากร้านไป ชายผู้พิการตะโกนไล่หลัง
                                      “แล้วหญิงผู้นั้นเป็นเช่นไร นางรอดพ้นการลงโทษใช่ไหม นางปลอดภัยหรือไม่!!”
                                        หญิงผู้นั้นหันมาแย้มรอยยิ้มให้แกชายหนุ่มอีกครั้ง
                                        “ท่านชายหนุ่มรูปงาม ไม่ต้องเป็นห่วงสตรีผู้นั้นหรอก เรื่องที่ข้าเล่านั้นก็เป็นเพียงเรื่องเล่า ข้าลาล่ะ”
                                          นางเดินจากมาจากร้านเหล้าที่ตอนนี้ร้างผู้คน มีเพียงชายหนุ่มรูปงามผู้พิการขาข้างซ้าย นั่งจมอยู่ในห้วงคิดเพียงลำพัง
                                        หญิงงามนักเล่าเรื่องมองกลับไปยังร้านเหล้านั้น แล้วพูดพึมพำที่ฟังได้ความเพียงว่า
                                                                      “ขอบคุณ..”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น