ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 นักเรียนซ้ำชั้น (1)
                “คีอา ชอว์”
                “...”
                “คีอา ชอว์!!.
                “...”
                “คีอา กาเน็ท ชอว์ ตื่นเดี๋ยวนี้!!!”
                เสียงปลุกครั้งสุดท้ายดังพอที่จะทะลุห้วงความฝันของเจ้าคนถูกเรียก ที่กำลังนอนน้ำลายยืดหลับคาโต๊ะให้สะดุ้งสุดตัวจนตกโต๊ะเสียงดังสนั่น
                เด็กหนุ่มผมดำเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ล้มลงไปกองกับพื้น หันกลับมาหาเจ้าของเสียงที่ปลุกตัวเองออกจากภวังค์แสนหวานอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องทำหน้าเจื่อนเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นอาจารย์ที่ถึงแม้อายุจะเกือบเหยียบ 100 ปีแล้วก็ตาม แต่หน้าตาและผิวพรรณไม่ต่างอะไรกับสาววัยย่าง 30
                คิ้วโก่งคู่สวยนั้นหมุนเข้าหากันอย่างน่ากลัว ดวงตาสีม่วงนั้นฉายชัดถึงอารมณ์ขุ่นเคืองที่อยู่ภายใน เท่านี้ก็พอแล้วที่จะทำให้เขาหน้าซีด เหงื่อไหลอาบทั่วร่าง ก่อนจะแสร้งยิ้มแห้งๆให้กับผู้ที่เป็นอาจารย์ โดยหวังให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีขึ้น
                แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นสายตาดุดันและเย็นชา พร้อมกับคำสวดยกใหญ่
                “คีอา กาเน็ท ชอว์ นี่เธอหลับตอนที่ฉันสอนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว!? ทำไมถึงไม่หันตั้งใจเรียนซะบ้าง รู้บ้างไหมเธอน่ะซ้ำชั้นมา 3 ปีแล้ว 3 ปี!! เพื่อนๆของเธอน่ะ เขาได้งานทำกันหมดแล้ว แล้วเธอล่ะกำลังทำอะไรอยู่ เดมาน ดาร์ก ไมเนอร์ เพื่อนสนิทเธอ ตอนนี้เขากำลังจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ในไม่ช้า ในขณะที่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ นี่เธอกะจะอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะอายุครบ 700 ปีหรือไงกัน” ก่อนที่จะกุมขมับ ด้วยเพราะปวดหัวกับเจ้าลูกศิษย์โข่งของเธอ
                อาจารย์ลีโอน่าหรือ ลีอา ที่เหล่านักเรียนเรียกกัน เป็นนักเวทย์ชั้นสูงและเป็นผู้ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้ตำแหน่ง 1 ใน 4 ของสภาสูงเฟซซิเนทเป็นคนต่อไป โดยปกติแล้วอาจารย์ลีอาเป็นคนสุขุม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา และเป็นคนมีเหตุผล น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็นสีหน้ายามโกรธของอาจารย์ เขาคนหนึ่งล่ะที่มีโอกาสได้เห็น คีอา ผู้ได้รับสมญานามว่า จอมเฉื่อยแห่งไทรออเนีย
                คีอาหมุนหัวคิ้วขึ้น พร้อมทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นอาจารย์อย่างจริงใจและใสซื่อ พร้อมดวงตาที่ใสแป๋ว
                “ครั้งที่ 93 แล้วครับ ผมจำได้ด้วยนะ เก่งใช่ไหมล่ะ”
                เก่งงั้นเหรอ ไอ้เด็กบ้านี่ถ้าจำได้ล่ะก็ว่าฉันพูดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เอาสมองไปจำอย่างอื่นดีกว่าไหม
                “แล้วจริงรึเปล่าครับ ที่ว่าเดมานจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ วิเศษไปเลย ในที่สุดก็มีคนรู้จักมาสอนซะที หวังว่ามันคงยังไม่ลืมเพื่อนเก่ากัน”
                เส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ริ้วรอยใดๆของอาจารย์แสนสวย
                น่าโมโหชะมัด เจ้าศิษย์บ้า ที่บ่นไปหน่ะ กะจะให้เจ้าเด็กนี่ มันรู้สึกอาย ที่เพื่อนรุ่นแรกของมันกำลังได้ดีมาเป็นอาจารย์ที่นี่ แต่นี่มันอะไรกัน อย่าว่าแต่ความอายเลย เจ้าตัวดีนี่ไม่รู้สึกอะไรสักนิด นอกจากดีใจที่จะได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน นี่มันตามไม่ทันความคิดของเธอหรือว่ามันแกล้งโง่กันแน่ สมแล้วที่เขาเรียกว่า จอมเฉื่อย
                “อ้อ ลืมบอกไปอีกอย่าง ผมก้อยากเห็นอาจารย์ตอนอายุ 700 ปีเหมือนกันนะครับ อยากรู้ว่าจะยังคงความสาวความสวยเหมือนตอนอายุเหยียบร้อยตอนนี้ม่ะ” ก่อนที่ศิษย์จอมเฉื่อยจะยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
                จบประโยคเท่านั้น อากาศรอบตัวก็รวมตัวกันอัดเป็นก้อน ก่อนจะระดมพุ่งเข้าใส่เจ้าคนปากมากตรงหน้าอย่างหนัก แล้วหยุดลงเมื่อเจ้าของพลังพอใจ
                “โอ๊ยยย...” เสียงร้องครวญครางเป็นของเจ้าศิษย์ปากดีที่ตอนนี้ลงไปนอนแอ่งแม่งอยู่บนพื้นเสียแล้ว “อาจารย์ใจร้าย ทำกับผมแบบนี้ได้ไง ผมยังเด็กอยู่เลยนะฮะ” ว่าพลางส่งสายตาเว้าวอนปิ๊งๆมาให้เธอ ที่ตอนนี้นึกอยากฆ่าไอ้เด็กตรงหน้านี่ให้ตายๆไปซะ นี่ขนาดมันเจ็บตัวมันยังไม่เลิกกวนโมโห และยังสายตาที่มันส่งมาให้อีก น่าคลื่นไส้จริงๆ ก่อนที่จะข่มอารมณ์ลุกโชนอยู่ในใจ
                “วันนี้พอแค่นี้ก่อน จะไปไหนก็ไปซะ”
                ก่อนที่คีอาจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยกตัวเขาลอยจากพื้น แล้วโยนออกมานอกห้อง
                ตลาดเมืองไทรออเนียยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน ผู้คนต่างเดินมาจับจ่ายซื้อของ บ้างหาซื้อกับข้าว เครื่องแกง เพื่อไปทำอาหารมื้อเย็นที่ใกล้เวลาเข้ามาทุกที บ้างก็เดินช้อปปิ้งหาซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่ พลางคุยโม้โอ่อวดความรวยของตน ผู้คนต่างวุ่นวายกับการทำธุระของตนเองจนไม่มีใครสังเกตุเห็น เด็กหนุ่มผมดำ นัยน์ตาสีฟ้า ที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลก พลางมือลูบบั้นท้ายกับปากที่บ่นเจ็บออดๆแอดๆไปตลอดทาง มืออีกข้างก็คอยประคบประหงมรอยช้ำที่ตอนนี้เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงบนหน้า
                ก่อนที่เด็กหนุ่มนาม คีอา จะเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านเหล้าสุดสายถนนที่มีป้ายแขวนอยู่ว่า “เออร์ตี้ แอนด์ เบียร์” ทันทีที่เด็กหนุ่มผลักประตูไม้บานเล็กหน้าร้านเข้ามา เสียงกระดิ่งที่ถูกผูกติดอยู่กับประตูก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงห้าวๆตะโกนออกมาจากบาร์
                “ร้านยังไม่เปิด เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่แล้วกัน”
                แล้วคนพูดก็ต้องเริ่มหัวเสีย เมื่อได้ยินเสียงเท้าของผู้มาเยือนผิดเวลาดูเหมือนจะเดินขึ้นชั้นสองของร้านโดยไม่สนใจคำบอกกล่าวของเขา คนที่กำลังจัดการเก็บลังเบียร์อยู่ถึงกับฉุนกึก พร้อมโผล่พรวดขึ้นมาจากบาร์
                “ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง บอกว่ายัง.....” แล้วคนพูดก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนสภาพเหมือนเพิ่งถูกรุมสะกำมามาดๆ
                “เฮ้ย!!! คีอา แกไปทำอะไรมา ใครทำแกบอกข้ามา มันเป็นใคร อยู่ที่ไหน” ก่อนที่จะรีบรุดออกมาจากบาร์ เข้ามาสำรวจร่างกายเพื่อนต่างวัยด้วยความเป็นห่วง
                “...”
                “แล้วแกเงียบทำไม บอกมาสิว่าใครทำ”
                “ก็ฉันกำลังคิด”
                คิดอยู่เนี่ยะน่ะ!!!!
                ถึงเขาจะรับรู้มาบ้างว่าคีอาได้ฉายาจอมเฉื่อยแห่งไทรออเนีย แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเฉื่อยซะขนาดนี้
                “นี่แกยังต้องคิดอีกเรอะว่าใครเป็นคนทำแก”
                “ไอ้บ้า!!! ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบคำถามไหนของแกก่อนดีต่างหาก ถามซะเป็นขบวนคาร์นิวาล ใครจะไปคิดทันฟ่ะ”
                “ใครทำแก ” น้ำเสียงของเพื่อนเจ้าของาร์จริงจังขึ้น คีอาก็ได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเออร์ตี้ห่วงเพื่อนแค่ไหน เป็นคนใจดีแค่ไหนเขารู้ ถึงแม้ว่าหากมองจากภายนอก จะเห็นเป็นเพียงยักษ์ใหญ่หน้าบาก กับผ้าคาดตาที่ทำให้ดูยังไง ก็เป็นได้แค่ขุนโจรเท่านั้น
                “แกถอนหายใจทำไม?” เออร์ตี้ถามก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
                “บอกแกไปก็เปล่าประโยชน์” คีอาตอบก่อนขึ้นบันได พอก้าวขึ้นได้เพียงสามขั้นเท่านั้น ก็ถูกมือใหญ่ของเพื่อนร่างยักษ์ล็อกคอลงมา
                “เฮ้ย !!! แกจะทำอะไร ห๊า!!!!!!”
                “ตะกี้ แกพูดอย่างนั้น หมายความว่ายังไง!!” น้ำเสียงที่เหมือนจะพยายามระงับความโกรธเอาไว้อย่างมากที่สุด
                มันโกรธอะไรของมันฟ่ะ ไม่ได้ว่าอะไรมันสักหน่อย งงโว้ย งง
                “แกเป็นอะไรของแก!!!” คนถูกล็อคเริ่มดิ้นทุรนทุราย เมื่อถูกล็อคแน่นขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก จนต้องศอกเข้าหน้าท้องของเพื่อนยักษ์ให้ปล่อย
                “หมายความว่ายังไง!!!!” เสียงตะโกนดังออกไปถึงถนนด้านนอก ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านถึงกับสะดุ้ง โชคดีที่คีอาอุดหูไว้ได้ทัน
                “แล้วแกจะตะโกนทำไม!!!!” เขาตะโกนใส่หน้าเพื่อนกลับ ก่อนจะถอนนิ้วออกเมื่อแน่ใจว่าเพื่อนยักษ์เลิกตะโกนแล้ว
                “แกบอกว่าฉันไร้ประโยชน์ แกหาว่าฉันไร้ประโยชน์!!!” เออร์ตี้ว่าเสียงหนัก ก่อนจะผลักเพื่อนตัวเล็กเข้ากับบาร์
                  เพล้งงง!!!
                เสียงแก้วแตกดังขึ้น เสียงที่คีอาคาดว่าคงเป็นขวดเบียร์ที่เออร์ตี้เพิ่งเรียงไว้ใต้บาร์ น่าเสียดายของดีๆชะมัด ก่อนที่เออร์ตี้จะพุ่งหมัดใส่คีอาที่เพิ่งเด้งหลบทัน แล้วมวยระหว่างคิงคองกับลูกลิงก็เริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ที่ต่างคนต่างไม่ยอมกันอยู่นาน จนกระทั่งทั้งสองหอบแฮ่กๆ ก่อนจะต้องทรุดตัวลงนั่งคนละมุมของบาร์
                “เลิกบ้าได้ยัง” เด็กหนุ่มกล่าว ร่างกายที่ก่อนหน้านี้มีรอยฟกช้ำอยู่แล้ว ตอนนี้รอยช้ำเริ่มชัดขึ้นอีก ซ้ำยังได้รอยแผลใหม่ไปอีกเพียบ
                “แกหาว่าฉันไร้ประโยชน์!!!” เออร์ตี้ยังคงไม่ลดความขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ถึงแม้จะได้อัดเพื่อนตัวเล็กนี่ไปหลายหมัดจนเหนื่อยแล้วก็ตาม นึกแล้วก็ต้องแอบยิ้มในใจ
                เจ้านี่ก็ไม่ใช่ย่อย เล่นเขาซะเหนื่อยได้ ไม่ได้เหนื่อยอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
                ก่อนที่จะเอามือปาดเลือดที่ใบหูของตัวเอง ที่ถูกเพื่อนต่างวัยฝากรอยเขี้ยวเอาไว้
                “ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
                “แกพูด! แกพูด! แกบอกว่า บอกข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ แกหาว่าข้าไร้ประโยชน์”
 
                พอจบประโยคคีอาก็ถึงกับกุมขมับ ที่แท้ สหายยักษ์ของเขา มันเข้าใจผิดต่างหาก บ้าจริงๆ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องวางมวยกัน คิดแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ยิ่งทำให้เออร์ตี้เริ่มมีน้ำโหอีกรอบ คิดว่าเพื่อนดูถูกตัวเอง
               
                \"นี่แกคิดไปได้ไงฟ่ะ ว่าฉันหาว่าแกไร้ประโยชน์... ที่ฉันพูดน่ะหมายความว่าบอกแกไปแกก็ทำอะไรคนๆนั้นไม่ได้อยู่ดี\"
     
                  เออร์ตี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
                  \"หมายความว่าไง ?\"
                  \"ก็ไอ้คนที่ทำให้ฉันอยู่ในสภาพหมาข้างถนนอย่างเนี่ย คือ อาจารย์ลีโอน่า อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย นายมีปัญญาไปจัดการเขารึไง\"
                  เมื่อเพื่อนร่างยักษ์ได้ฟังชื่อคนที่ทำร้ายร่างกายเพื่อนตัวจ้อย ก็ถึงกับอึ้ง น้ำลายเฟื่อนคอไปหมด ถึงแม้เขาจะรักเพื่อนแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับการสู้กับอาจารย์ของไทรออเนียก็เรียกว่าฆ่าตัวตายชัด เมื่อเคยได้ยินข่าวแว่วว่าผู้ที่จะสมัครเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนี้ได้ต้องเป็นพวกยอดฝีมือ และนี่เป็นอาจารย์ใหญ่ ก็คงเรียกได้ว่าสุดยอดของยอดฝีมือ แล้วเจ้าของร้านเหล้าอย่างเขาจะเอาอะไรไปต่อกรด้วย
                  คีอาเมื่อเห็นหน้าเพื่อนก็เผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนตบไหล่เพื่อนร่างยักษ์
 
                  \"ขอบใจที่แกเป็นห่วงฉัน แต่แกก็รู้นี่ว่าคนอย่างฉันไม่เคยถูกใครทำร้ายง่ายๆ เอ่อ... หมายถึงถ้าไม่มีเหตุผลที่สมควรอ่ะนะ\" เขากล่าวเสริมเมื่อเห็นเออร์ตี้จ้องทั่วร่างกายที่ตอนนี้มีแต่แผล \"ฉันเคยวิ่งมาขอความช่วยเหลือนายรึเปล่าล่ะ\"
                  เออร์ตี้จ้องหน้าคีอาอยู่พักหนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเผลอยิ้มออกมา จริงอยู่ที่เดียว ... คีอาไม่เคยเจ็บตัวกลับมาให้เขาเห็น ไม่เคยมาฟ้องหรือร้องขอความช่วยเหลือจากเขา พวกที่ถูกเพื่อนของเขาเล่นงานเสียอีก ที่มักจะวิ่งโร่มาฟ้องเขาทุกครั้งไป
                  เมื่อเห็นเออร์ตี้ยิ้มกว้าง ก็เลยส่งยิ้มร่าตอบรับ ก่อนที่รอยยิ้มของทั้งสองจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงหัวเราะ แล้วก็ต้องหยุดหัวเราะ เมื่อสังมองไปรอบๆร้านที่มีสภาพเละเทะ ไม่เหลือเค้าโครงของร้านเหล้าแม้แต่น้อย สาเหตุก็มาจากสงครามระหว่างลูกลิงกับคิงคองที่เพิ่งจะยุติไป สุดท้ายลูกลิงและคิงคองเลยต้องมาช่วยกันจัดร้านให้ทันเวลาเปิดตอนทุ่มตรง
                  หลังจากที่ช่วยกันจัดร้านเสร็จทันเวลาอย่างหวุดหวิด คีอาอยู่ช่วยเออร์ตี้รับลูกค้าได้สักพัก  แต่เพราะสภาพตอนนี้ของเขาคงไม่เหมาะกับการบริการลูกค้าเสียเท่าไหร่บวกอาการระบมจากแผลที่เริ่มรังควานให้หงุดหงิด คีอาจึงปลีกตัวออกจากวงเหล้าของลูกค้าเจ้าประจำ ก่อนเดินขึ้นชั้นสองไปเพื่อพักผ่อน
        บนชั้นสองของร้านเหล้ามีอยู่ทั้งหมดสามห้องนอน ซึ่งจะมีชื่อเจ้าของห้องสลักเอาไว้อย่างลวกๆ รอยขีดฆ่าที่ประตูนั้นบอกถึงจำนวนคนที่เคยมีชื่อสลักอยู่ที่ประตูบานนี้ โดยชื่อล่างสุดของประตูแรกทางด้านซ้ายมือนั้นเป็นของเออร์ตี้ ประตูบานถัดมาคือชื่อของคีอา หากสังเกตจากรอยขีดฆ่าประตูดูดีๆแล้ว จะพบว่าตอนแรกห้องนี้เป็นของเออร์ตี้มาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เออร์ตี้จึงต้องจำใจออกจากห้องที่อาจจะเรียกได้ว่าห้องประจำตัวแหน่ง เหตุผลที่คีอานึกทีไรก็อดจะขำอย่างสะใจไม่ได้ ขณะที่ประตูบานสุดท้ายสลักไว้ว่า “ฮอร์น” ชื่อของเจ้าของห้องคนก่อนที่ยังไม่ถูกฆ่าทิ้ง เพราะยังไม่มีผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของห้องคนใหม่ ส่วนอีกสองห้องที่เหลือเป็นห้องสำหรับผู้มาเยือน
        ห้องไม้เล็กๆที่มีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้นในห้อง คือที่พักของคีอา โต๊ะเรียนที่ทำมาจากไม้ขนาดกำลังพอดีวางชิดขอบหน้าต่าง บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือเรียนเก่าเก็บที่วางอยู่อย่างระเกะระกะ กับเก้าอี้ไม้เข้าชุดกัน โต๊ะข้างเตียงที่เคยมีตะเกียงคอยให้ความสว่างยามค่ำคืน ตอนนี้ตะเกียงไฟถูกอัปเปหิลงจากโต๊ะไปอยู่ที่พื้น ด้วยเอกสารเก่าเก็บที่เมื่อวานเจ้าตัวเพิ่งรื้ออกมาดู คีอาเดินเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะโยนหนังสือในมือลงไปกองรวมกับหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มกับหมอนยัดนุ่นใบใหญ่ เฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี ด้วยเจ้าตัวเป็นคนให้ความสำหรับกับการพักผ่อน
        สายลมพัดเอื่อยเข้ามาทางหน้าตาที่มีม่านสีฟ้าหม่น เสียงของผู้คนยามเย็นเปรียบเสมือนเสียงดนตรีกล่อมนอนชั้นเยี่ยม บรรยากาศยามเย็นที่ทำให้คีอาต้องผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
                                                      ************************************               
        แสงไฟสลัวจากตะเกียงตั้งโต๊ะตัวน้อย สว่างพอที่จะจับใจความในจดหมายที่ถูกส่งมาในยามวิกาล จดหมายที่ทำให้ศาสตราจารย์ลีอาต้องหมุนหัวคิ้วขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด
        ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนัง ทอดตามองแสงไฟจากตะเกียง แล้วจึงทิ้งข้อความนั้นลงในเปลวไฟ ทันทีที่กระดาษใบน้อยกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลกับผมสีน้ำตาลเข้ม และอีกหนึ่งหนุ่มผมทองนัยน์ตาเขียวที่เดินตามเข้ามาติดๆ
        “มาถึงจนได้นะ”ศาสตราจารย์ลีอาแย้มรอยยิ้มละไมให้กับผู้ที่มาถึงอย่างคุ้นเคย ก่อนจะทำมือให้ทั้งสองนั่ง “การเดินทางจากเมืองเหนือเป็นยังไงบ้าง”
        “เมืองเหนือสวยมากครับ แทบจะไม่อยากลาจากเลย..”
       
        เดมานตอบยิ้มๆ อาจารย์ลีอาไม่ได้เปลี่ยนจากที่เขาจำได้เลยแม้แต่น้อย เธอยังคงความงดงามเอาไว้เสมอ และห่วงใยเขาเช่นเดิม ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาลดอาการเกร็งไปได้เยอะโขอยู่ที่เดียว
        “ที่ว่าสวยน่ะสถานที่หรืออย่างอื่นกันแน่” ศาสตราจารย์ลีอากล่าว “ได้ข่าวว่าที่วิหารเมืองเหนือ เกิดจราจลแทบทุกวันไม่ใช่หรือ”
        เดมานได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามคาดคั้นเอาอะไรหรอก เพียงแค่อยากนึกแหย่ลูกศิษย์คนโปรดคนเก่าเล่นอย่างเอ็นดู ไม่ได้เห็นเพียง 3 ปี เด็กชายวัย 17 ปีคนนั้นโตขึ้นมาเป็นหนุ่มรูปงามได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเก่งกล้าสามารถเข้ามาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนไทรออเนียจนได้  ก่อนที่จะไล่สายตาไปจับจ้องที่ชายอีกคน
        “เซทเดอริกครับ จะมาสอนแทนอาจารย์เฟลมมิ่งที่ลาพักร้อน ในวิชาปรัชญาแห่งเวทมนตร์น่ะครับ” เดมานอธิบาย เมื่อเห็นอาจารย์ให้ความสนใจแก่เพื่อนของเขา
        เซทพยักหน้ารับ ลีอาพินิจบุรุษตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนจะล้วงเข้าไปในลิ้นชักแล้วหยิบกระดาษออกมาสองใบยื่นให้คนทั้งคู่
        “ขอต้อนรับสู่โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย นั้นคือรายชื่อของนักเรียนที่พวกเธอจะต้องดูแล ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ..” อาจารย์ลีอากล่าวก่อนหันไปสบตากับเซท “แต่จะดีมากถ้าเธอทั้งสองคนจะจดจำรายชื่อและหน้าตาของนักเรียนเอาไว้ให้ได้ก่อนที่จะเปิดเทอมในอีกสองอาทิตย์”
        ชายทั้งสองก้มลงมองแผ่นกระดาษในมือก่อนไล่สายตาไปตามชื่อต่างๆ แล้วเดมานก็ต้องสะดุด เมื่อเจอเข้ากับชื่อของใครคนหนึ่ง
   
        “คีอา กาเน็ท ชอว์..” เดมานทวนชื่ออีกครั้งหนึ่งอย่างไม่แน่ใจ “คีอา ชอว์ หรือว่า...” ศาสตราจารย์ลีอายิ้มเล็กน้อย
        “คนเดียวกับที่เธอกำลังนึกถึงอยู่ คีอาเพื่อนสนิทของเธอคนนั้น”
        “ยังอยู่อีกเหรอครับ” เดมานยิ้มอย่างนึกขำเพื่อนซี้ตัวแสบคนเก่า
        “ปีที่ 3 แล้ว จะดีมากถ้าปีนี้ เธอจะช่วยให้เขารีบๆจบไปซะ ฉันเริ่มเบื่อหน้าลูกศิษย์จอมอืดอาดคนนั้นแล้ว” พลางคิ้วเรียวสวยหมุนขึ้นอย่างน่ากลัว เมื่อคิดถึงเรื่องตอนเย็น
        “ปีที่ 3 แล้วเหรอครับ” เดมานกล่าวก่อนจะหัวเราะหึหึในลำคอ “น่าสนุก”
        คำพูดต่อท้ายที่ทำเอาคนเป็นอาจารย์เก่าต้องหันมาส่งสายตาดุใส่ “เธอยังคงจำได้นะว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
        เดมานยิ้มก่อนที่จะพยักหน้ารับคำ เขายังไม่ลืมหน้าที่ที่เขามาที่นี่และจดจำมันได้ขึ้นใจ แต่เมื่อเจอเพื่อนเก่ามันก็ยากที่จะทำให้นึกถึงหน้าที่อยู่ตลอดเวลา และยิ่งเพื่อนเก่าคนนั้นคือคีอาซะด้วย งานนี้คงมีบ้างล่ะที่เขาจะหลุดจากคำว่า ..หน้าที่..
        “เอาล่ะ เธอสองคนไปได้แล้ว ฉันยังต้องเตรียมงานสำหรับวันพรุ่งนี้อีก” อาจารย์ลีอากล่าว ด้วยเสียงเนื่อยๆก่อนที่จะหันหน้าเข้าหากองเอกสารกองโตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
        “พรุ่งนี้มีอะไรเหรอครับ”เดมานถาม
        “รับนักเรียนใหม่ ยังมีเอกสารอีกหลายอย่างที่ฉันต้องตรวจสอบ”
        แล้วเดมานกับเซทก็ปล่อยให้ศาสตราจารย์คนสวยนั่งจมกองเอกสาร ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับห้องของตนเองที่อยู่ด้านล่าง ตามทางเดินบันไดเวียนที่มีเพียงคบไฟเท่านั้นที่จุดเรียงรายเพื่อให้แสงสว่าง
                 
                “...”
                “คีอา ชอว์!!.
                “...”
                “คีอา กาเน็ท ชอว์ ตื่นเดี๋ยวนี้!!!”
                เสียงปลุกครั้งสุดท้ายดังพอที่จะทะลุห้วงความฝันของเจ้าคนถูกเรียก ที่กำลังนอนน้ำลายยืดหลับคาโต๊ะให้สะดุ้งสุดตัวจนตกโต๊ะเสียงดังสนั่น
                เด็กหนุ่มผมดำเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ล้มลงไปกองกับพื้น หันกลับมาหาเจ้าของเสียงที่ปลุกตัวเองออกจากภวังค์แสนหวานอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องทำหน้าเจื่อนเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นอาจารย์ที่ถึงแม้อายุจะเกือบเหยียบ 100 ปีแล้วก็ตาม แต่หน้าตาและผิวพรรณไม่ต่างอะไรกับสาววัยย่าง 30
                คิ้วโก่งคู่สวยนั้นหมุนเข้าหากันอย่างน่ากลัว ดวงตาสีม่วงนั้นฉายชัดถึงอารมณ์ขุ่นเคืองที่อยู่ภายใน เท่านี้ก็พอแล้วที่จะทำให้เขาหน้าซีด เหงื่อไหลอาบทั่วร่าง ก่อนจะแสร้งยิ้มแห้งๆให้กับผู้ที่เป็นอาจารย์ โดยหวังให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีขึ้น
                แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นสายตาดุดันและเย็นชา พร้อมกับคำสวดยกใหญ่
                “คีอา กาเน็ท ชอว์ นี่เธอหลับตอนที่ฉันสอนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว!? ทำไมถึงไม่หันตั้งใจเรียนซะบ้าง รู้บ้างไหมเธอน่ะซ้ำชั้นมา 3 ปีแล้ว 3 ปี!! เพื่อนๆของเธอน่ะ เขาได้งานทำกันหมดแล้ว แล้วเธอล่ะกำลังทำอะไรอยู่ เดมาน ดาร์ก ไมเนอร์ เพื่อนสนิทเธอ ตอนนี้เขากำลังจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ในไม่ช้า ในขณะที่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ นี่เธอกะจะอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะอายุครบ 700 ปีหรือไงกัน” ก่อนที่จะกุมขมับ ด้วยเพราะปวดหัวกับเจ้าลูกศิษย์โข่งของเธอ
                อาจารย์ลีโอน่าหรือ ลีอา ที่เหล่านักเรียนเรียกกัน เป็นนักเวทย์ชั้นสูงและเป็นผู้ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้ตำแหน่ง 1 ใน 4 ของสภาสูงเฟซซิเนทเป็นคนต่อไป โดยปกติแล้วอาจารย์ลีอาเป็นคนสุขุม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา และเป็นคนมีเหตุผล น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็นสีหน้ายามโกรธของอาจารย์ เขาคนหนึ่งล่ะที่มีโอกาสได้เห็น คีอา ผู้ได้รับสมญานามว่า จอมเฉื่อยแห่งไทรออเนีย
                คีอาหมุนหัวคิ้วขึ้น พร้อมทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นอาจารย์อย่างจริงใจและใสซื่อ พร้อมดวงตาที่ใสแป๋ว
                “ครั้งที่ 93 แล้วครับ ผมจำได้ด้วยนะ เก่งใช่ไหมล่ะ”
                เก่งงั้นเหรอ ไอ้เด็กบ้านี่ถ้าจำได้ล่ะก็ว่าฉันพูดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เอาสมองไปจำอย่างอื่นดีกว่าไหม
                “แล้วจริงรึเปล่าครับ ที่ว่าเดมานจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ วิเศษไปเลย ในที่สุดก็มีคนรู้จักมาสอนซะที หวังว่ามันคงยังไม่ลืมเพื่อนเก่ากัน”
                เส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ริ้วรอยใดๆของอาจารย์แสนสวย
                น่าโมโหชะมัด เจ้าศิษย์บ้า ที่บ่นไปหน่ะ กะจะให้เจ้าเด็กนี่ มันรู้สึกอาย ที่เพื่อนรุ่นแรกของมันกำลังได้ดีมาเป็นอาจารย์ที่นี่ แต่นี่มันอะไรกัน อย่าว่าแต่ความอายเลย เจ้าตัวดีนี่ไม่รู้สึกอะไรสักนิด นอกจากดีใจที่จะได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน นี่มันตามไม่ทันความคิดของเธอหรือว่ามันแกล้งโง่กันแน่ สมแล้วที่เขาเรียกว่า จอมเฉื่อย
                “อ้อ ลืมบอกไปอีกอย่าง ผมก้อยากเห็นอาจารย์ตอนอายุ 700 ปีเหมือนกันนะครับ อยากรู้ว่าจะยังคงความสาวความสวยเหมือนตอนอายุเหยียบร้อยตอนนี้ม่ะ” ก่อนที่ศิษย์จอมเฉื่อยจะยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
                จบประโยคเท่านั้น อากาศรอบตัวก็รวมตัวกันอัดเป็นก้อน ก่อนจะระดมพุ่งเข้าใส่เจ้าคนปากมากตรงหน้าอย่างหนัก แล้วหยุดลงเมื่อเจ้าของพลังพอใจ
                “โอ๊ยยย...” เสียงร้องครวญครางเป็นของเจ้าศิษย์ปากดีที่ตอนนี้ลงไปนอนแอ่งแม่งอยู่บนพื้นเสียแล้ว “อาจารย์ใจร้าย ทำกับผมแบบนี้ได้ไง ผมยังเด็กอยู่เลยนะฮะ” ว่าพลางส่งสายตาเว้าวอนปิ๊งๆมาให้เธอ ที่ตอนนี้นึกอยากฆ่าไอ้เด็กตรงหน้านี่ให้ตายๆไปซะ นี่ขนาดมันเจ็บตัวมันยังไม่เลิกกวนโมโห และยังสายตาที่มันส่งมาให้อีก น่าคลื่นไส้จริงๆ ก่อนที่จะข่มอารมณ์ลุกโชนอยู่ในใจ
                “วันนี้พอแค่นี้ก่อน จะไปไหนก็ไปซะ”
                ก่อนที่คีอาจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยกตัวเขาลอยจากพื้น แล้วโยนออกมานอกห้อง
                ตลาดเมืองไทรออเนียยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน ผู้คนต่างเดินมาจับจ่ายซื้อของ บ้างหาซื้อกับข้าว เครื่องแกง เพื่อไปทำอาหารมื้อเย็นที่ใกล้เวลาเข้ามาทุกที บ้างก็เดินช้อปปิ้งหาซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่ พลางคุยโม้โอ่อวดความรวยของตน ผู้คนต่างวุ่นวายกับการทำธุระของตนเองจนไม่มีใครสังเกตุเห็น เด็กหนุ่มผมดำ นัยน์ตาสีฟ้า ที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลก พลางมือลูบบั้นท้ายกับปากที่บ่นเจ็บออดๆแอดๆไปตลอดทาง มืออีกข้างก็คอยประคบประหงมรอยช้ำที่ตอนนี้เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงบนหน้า
                ก่อนที่เด็กหนุ่มนาม คีอา จะเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านเหล้าสุดสายถนนที่มีป้ายแขวนอยู่ว่า “เออร์ตี้ แอนด์ เบียร์” ทันทีที่เด็กหนุ่มผลักประตูไม้บานเล็กหน้าร้านเข้ามา เสียงกระดิ่งที่ถูกผูกติดอยู่กับประตูก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงห้าวๆตะโกนออกมาจากบาร์
                “ร้านยังไม่เปิด เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่แล้วกัน”
                แล้วคนพูดก็ต้องเริ่มหัวเสีย เมื่อได้ยินเสียงเท้าของผู้มาเยือนผิดเวลาดูเหมือนจะเดินขึ้นชั้นสองของร้านโดยไม่สนใจคำบอกกล่าวของเขา คนที่กำลังจัดการเก็บลังเบียร์อยู่ถึงกับฉุนกึก พร้อมโผล่พรวดขึ้นมาจากบาร์
                “ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง บอกว่ายัง.....” แล้วคนพูดก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนสภาพเหมือนเพิ่งถูกรุมสะกำมามาดๆ
                “เฮ้ย!!! คีอา แกไปทำอะไรมา ใครทำแกบอกข้ามา มันเป็นใคร อยู่ที่ไหน” ก่อนที่จะรีบรุดออกมาจากบาร์ เข้ามาสำรวจร่างกายเพื่อนต่างวัยด้วยความเป็นห่วง
                “...”
                “แล้วแกเงียบทำไม บอกมาสิว่าใครทำ”
                “ก็ฉันกำลังคิด”
                คิดอยู่เนี่ยะน่ะ!!!!
                ถึงเขาจะรับรู้มาบ้างว่าคีอาได้ฉายาจอมเฉื่อยแห่งไทรออเนีย แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเฉื่อยซะขนาดนี้
                “นี่แกยังต้องคิดอีกเรอะว่าใครเป็นคนทำแก”
                “ไอ้บ้า!!! ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบคำถามไหนของแกก่อนดีต่างหาก ถามซะเป็นขบวนคาร์นิวาล ใครจะไปคิดทันฟ่ะ”
                “ใครทำแก ” น้ำเสียงของเพื่อนเจ้าของาร์จริงจังขึ้น คีอาก็ได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเออร์ตี้ห่วงเพื่อนแค่ไหน เป็นคนใจดีแค่ไหนเขารู้ ถึงแม้ว่าหากมองจากภายนอก จะเห็นเป็นเพียงยักษ์ใหญ่หน้าบาก กับผ้าคาดตาที่ทำให้ดูยังไง ก็เป็นได้แค่ขุนโจรเท่านั้น
                “แกถอนหายใจทำไม?” เออร์ตี้ถามก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
                “บอกแกไปก็เปล่าประโยชน์” คีอาตอบก่อนขึ้นบันได พอก้าวขึ้นได้เพียงสามขั้นเท่านั้น ก็ถูกมือใหญ่ของเพื่อนร่างยักษ์ล็อกคอลงมา
                “เฮ้ย !!! แกจะทำอะไร ห๊า!!!!!!”
                “ตะกี้ แกพูดอย่างนั้น หมายความว่ายังไง!!” น้ำเสียงที่เหมือนจะพยายามระงับความโกรธเอาไว้อย่างมากที่สุด
                มันโกรธอะไรของมันฟ่ะ ไม่ได้ว่าอะไรมันสักหน่อย งงโว้ย งง
                “แกเป็นอะไรของแก!!!” คนถูกล็อคเริ่มดิ้นทุรนทุราย เมื่อถูกล็อคแน่นขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก จนต้องศอกเข้าหน้าท้องของเพื่อนยักษ์ให้ปล่อย
                “หมายความว่ายังไง!!!!” เสียงตะโกนดังออกไปถึงถนนด้านนอก ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านถึงกับสะดุ้ง โชคดีที่คีอาอุดหูไว้ได้ทัน
                “แล้วแกจะตะโกนทำไม!!!!” เขาตะโกนใส่หน้าเพื่อนกลับ ก่อนจะถอนนิ้วออกเมื่อแน่ใจว่าเพื่อนยักษ์เลิกตะโกนแล้ว
                “แกบอกว่าฉันไร้ประโยชน์ แกหาว่าฉันไร้ประโยชน์!!!” เออร์ตี้ว่าเสียงหนัก ก่อนจะผลักเพื่อนตัวเล็กเข้ากับบาร์
                  เพล้งงง!!!
                เสียงแก้วแตกดังขึ้น เสียงที่คีอาคาดว่าคงเป็นขวดเบียร์ที่เออร์ตี้เพิ่งเรียงไว้ใต้บาร์ น่าเสียดายของดีๆชะมัด ก่อนที่เออร์ตี้จะพุ่งหมัดใส่คีอาที่เพิ่งเด้งหลบทัน แล้วมวยระหว่างคิงคองกับลูกลิงก็เริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ที่ต่างคนต่างไม่ยอมกันอยู่นาน จนกระทั่งทั้งสองหอบแฮ่กๆ ก่อนจะต้องทรุดตัวลงนั่งคนละมุมของบาร์
                “เลิกบ้าได้ยัง” เด็กหนุ่มกล่าว ร่างกายที่ก่อนหน้านี้มีรอยฟกช้ำอยู่แล้ว ตอนนี้รอยช้ำเริ่มชัดขึ้นอีก ซ้ำยังได้รอยแผลใหม่ไปอีกเพียบ
                “แกหาว่าฉันไร้ประโยชน์!!!” เออร์ตี้ยังคงไม่ลดความขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ถึงแม้จะได้อัดเพื่อนตัวเล็กนี่ไปหลายหมัดจนเหนื่อยแล้วก็ตาม นึกแล้วก็ต้องแอบยิ้มในใจ
                เจ้านี่ก็ไม่ใช่ย่อย เล่นเขาซะเหนื่อยได้ ไม่ได้เหนื่อยอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
                ก่อนที่จะเอามือปาดเลือดที่ใบหูของตัวเอง ที่ถูกเพื่อนต่างวัยฝากรอยเขี้ยวเอาไว้
                “ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
                “แกพูด! แกพูด! แกบอกว่า บอกข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ แกหาว่าข้าไร้ประโยชน์”
 
                พอจบประโยคคีอาก็ถึงกับกุมขมับ ที่แท้ สหายยักษ์ของเขา มันเข้าใจผิดต่างหาก บ้าจริงๆ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องวางมวยกัน คิดแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ยิ่งทำให้เออร์ตี้เริ่มมีน้ำโหอีกรอบ คิดว่าเพื่อนดูถูกตัวเอง
               
                \"นี่แกคิดไปได้ไงฟ่ะ ว่าฉันหาว่าแกไร้ประโยชน์... ที่ฉันพูดน่ะหมายความว่าบอกแกไปแกก็ทำอะไรคนๆนั้นไม่ได้อยู่ดี\"
     
                  เออร์ตี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
                  \"หมายความว่าไง ?\"
                  \"ก็ไอ้คนที่ทำให้ฉันอยู่ในสภาพหมาข้างถนนอย่างเนี่ย คือ อาจารย์ลีโอน่า อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย นายมีปัญญาไปจัดการเขารึไง\"
                  เมื่อเพื่อนร่างยักษ์ได้ฟังชื่อคนที่ทำร้ายร่างกายเพื่อนตัวจ้อย ก็ถึงกับอึ้ง น้ำลายเฟื่อนคอไปหมด ถึงแม้เขาจะรักเพื่อนแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับการสู้กับอาจารย์ของไทรออเนียก็เรียกว่าฆ่าตัวตายชัด เมื่อเคยได้ยินข่าวแว่วว่าผู้ที่จะสมัครเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนี้ได้ต้องเป็นพวกยอดฝีมือ และนี่เป็นอาจารย์ใหญ่ ก็คงเรียกได้ว่าสุดยอดของยอดฝีมือ แล้วเจ้าของร้านเหล้าอย่างเขาจะเอาอะไรไปต่อกรด้วย
                  คีอาเมื่อเห็นหน้าเพื่อนก็เผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนตบไหล่เพื่อนร่างยักษ์
 
                  \"ขอบใจที่แกเป็นห่วงฉัน แต่แกก็รู้นี่ว่าคนอย่างฉันไม่เคยถูกใครทำร้ายง่ายๆ เอ่อ... หมายถึงถ้าไม่มีเหตุผลที่สมควรอ่ะนะ\" เขากล่าวเสริมเมื่อเห็นเออร์ตี้จ้องทั่วร่างกายที่ตอนนี้มีแต่แผล \"ฉันเคยวิ่งมาขอความช่วยเหลือนายรึเปล่าล่ะ\"
                  เออร์ตี้จ้องหน้าคีอาอยู่พักหนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเผลอยิ้มออกมา จริงอยู่ที่เดียว ... คีอาไม่เคยเจ็บตัวกลับมาให้เขาเห็น ไม่เคยมาฟ้องหรือร้องขอความช่วยเหลือจากเขา พวกที่ถูกเพื่อนของเขาเล่นงานเสียอีก ที่มักจะวิ่งโร่มาฟ้องเขาทุกครั้งไป
                  เมื่อเห็นเออร์ตี้ยิ้มกว้าง ก็เลยส่งยิ้มร่าตอบรับ ก่อนที่รอยยิ้มของทั้งสองจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงหัวเราะ แล้วก็ต้องหยุดหัวเราะ เมื่อสังมองไปรอบๆร้านที่มีสภาพเละเทะ ไม่เหลือเค้าโครงของร้านเหล้าแม้แต่น้อย สาเหตุก็มาจากสงครามระหว่างลูกลิงกับคิงคองที่เพิ่งจะยุติไป สุดท้ายลูกลิงและคิงคองเลยต้องมาช่วยกันจัดร้านให้ทันเวลาเปิดตอนทุ่มตรง
                  หลังจากที่ช่วยกันจัดร้านเสร็จทันเวลาอย่างหวุดหวิด คีอาอยู่ช่วยเออร์ตี้รับลูกค้าได้สักพัก  แต่เพราะสภาพตอนนี้ของเขาคงไม่เหมาะกับการบริการลูกค้าเสียเท่าไหร่บวกอาการระบมจากแผลที่เริ่มรังควานให้หงุดหงิด คีอาจึงปลีกตัวออกจากวงเหล้าของลูกค้าเจ้าประจำ ก่อนเดินขึ้นชั้นสองไปเพื่อพักผ่อน
        บนชั้นสองของร้านเหล้ามีอยู่ทั้งหมดสามห้องนอน ซึ่งจะมีชื่อเจ้าของห้องสลักเอาไว้อย่างลวกๆ รอยขีดฆ่าที่ประตูนั้นบอกถึงจำนวนคนที่เคยมีชื่อสลักอยู่ที่ประตูบานนี้ โดยชื่อล่างสุดของประตูแรกทางด้านซ้ายมือนั้นเป็นของเออร์ตี้ ประตูบานถัดมาคือชื่อของคีอา หากสังเกตจากรอยขีดฆ่าประตูดูดีๆแล้ว จะพบว่าตอนแรกห้องนี้เป็นของเออร์ตี้มาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เออร์ตี้จึงต้องจำใจออกจากห้องที่อาจจะเรียกได้ว่าห้องประจำตัวแหน่ง เหตุผลที่คีอานึกทีไรก็อดจะขำอย่างสะใจไม่ได้ ขณะที่ประตูบานสุดท้ายสลักไว้ว่า “ฮอร์น” ชื่อของเจ้าของห้องคนก่อนที่ยังไม่ถูกฆ่าทิ้ง เพราะยังไม่มีผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของห้องคนใหม่ ส่วนอีกสองห้องที่เหลือเป็นห้องสำหรับผู้มาเยือน
        ห้องไม้เล็กๆที่มีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้นในห้อง คือที่พักของคีอา โต๊ะเรียนที่ทำมาจากไม้ขนาดกำลังพอดีวางชิดขอบหน้าต่าง บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือเรียนเก่าเก็บที่วางอยู่อย่างระเกะระกะ กับเก้าอี้ไม้เข้าชุดกัน โต๊ะข้างเตียงที่เคยมีตะเกียงคอยให้ความสว่างยามค่ำคืน ตอนนี้ตะเกียงไฟถูกอัปเปหิลงจากโต๊ะไปอยู่ที่พื้น ด้วยเอกสารเก่าเก็บที่เมื่อวานเจ้าตัวเพิ่งรื้ออกมาดู คีอาเดินเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะโยนหนังสือในมือลงไปกองรวมกับหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มกับหมอนยัดนุ่นใบใหญ่ เฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี ด้วยเจ้าตัวเป็นคนให้ความสำหรับกับการพักผ่อน
        สายลมพัดเอื่อยเข้ามาทางหน้าตาที่มีม่านสีฟ้าหม่น เสียงของผู้คนยามเย็นเปรียบเสมือนเสียงดนตรีกล่อมนอนชั้นเยี่ยม บรรยากาศยามเย็นที่ทำให้คีอาต้องผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
                                                      ************************************               
        แสงไฟสลัวจากตะเกียงตั้งโต๊ะตัวน้อย สว่างพอที่จะจับใจความในจดหมายที่ถูกส่งมาในยามวิกาล จดหมายที่ทำให้ศาสตราจารย์ลีอาต้องหมุนหัวคิ้วขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด
        ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนัง ทอดตามองแสงไฟจากตะเกียง แล้วจึงทิ้งข้อความนั้นลงในเปลวไฟ ทันทีที่กระดาษใบน้อยกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลกับผมสีน้ำตาลเข้ม และอีกหนึ่งหนุ่มผมทองนัยน์ตาเขียวที่เดินตามเข้ามาติดๆ
        “มาถึงจนได้นะ”ศาสตราจารย์ลีอาแย้มรอยยิ้มละไมให้กับผู้ที่มาถึงอย่างคุ้นเคย ก่อนจะทำมือให้ทั้งสองนั่ง “การเดินทางจากเมืองเหนือเป็นยังไงบ้าง”
        “เมืองเหนือสวยมากครับ แทบจะไม่อยากลาจากเลย..”
       
        เดมานตอบยิ้มๆ อาจารย์ลีอาไม่ได้เปลี่ยนจากที่เขาจำได้เลยแม้แต่น้อย เธอยังคงความงดงามเอาไว้เสมอ และห่วงใยเขาเช่นเดิม ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาลดอาการเกร็งไปได้เยอะโขอยู่ที่เดียว
        “ที่ว่าสวยน่ะสถานที่หรืออย่างอื่นกันแน่” ศาสตราจารย์ลีอากล่าว “ได้ข่าวว่าที่วิหารเมืองเหนือ เกิดจราจลแทบทุกวันไม่ใช่หรือ”
        เดมานได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามคาดคั้นเอาอะไรหรอก เพียงแค่อยากนึกแหย่ลูกศิษย์คนโปรดคนเก่าเล่นอย่างเอ็นดู ไม่ได้เห็นเพียง 3 ปี เด็กชายวัย 17 ปีคนนั้นโตขึ้นมาเป็นหนุ่มรูปงามได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเก่งกล้าสามารถเข้ามาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนไทรออเนียจนได้  ก่อนที่จะไล่สายตาไปจับจ้องที่ชายอีกคน
        “เซทเดอริกครับ จะมาสอนแทนอาจารย์เฟลมมิ่งที่ลาพักร้อน ในวิชาปรัชญาแห่งเวทมนตร์น่ะครับ” เดมานอธิบาย เมื่อเห็นอาจารย์ให้ความสนใจแก่เพื่อนของเขา
        เซทพยักหน้ารับ ลีอาพินิจบุรุษตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนจะล้วงเข้าไปในลิ้นชักแล้วหยิบกระดาษออกมาสองใบยื่นให้คนทั้งคู่
        “ขอต้อนรับสู่โรงเรียนเวทมนตร์ไทรออเนีย นั้นคือรายชื่อของนักเรียนที่พวกเธอจะต้องดูแล ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ..” อาจารย์ลีอากล่าวก่อนหันไปสบตากับเซท “แต่จะดีมากถ้าเธอทั้งสองคนจะจดจำรายชื่อและหน้าตาของนักเรียนเอาไว้ให้ได้ก่อนที่จะเปิดเทอมในอีกสองอาทิตย์”
        ชายทั้งสองก้มลงมองแผ่นกระดาษในมือก่อนไล่สายตาไปตามชื่อต่างๆ แล้วเดมานก็ต้องสะดุด เมื่อเจอเข้ากับชื่อของใครคนหนึ่ง
   
        “คีอา กาเน็ท ชอว์..” เดมานทวนชื่ออีกครั้งหนึ่งอย่างไม่แน่ใจ “คีอา ชอว์ หรือว่า...” ศาสตราจารย์ลีอายิ้มเล็กน้อย
        “คนเดียวกับที่เธอกำลังนึกถึงอยู่ คีอาเพื่อนสนิทของเธอคนนั้น”
        “ยังอยู่อีกเหรอครับ” เดมานยิ้มอย่างนึกขำเพื่อนซี้ตัวแสบคนเก่า
        “ปีที่ 3 แล้ว จะดีมากถ้าปีนี้ เธอจะช่วยให้เขารีบๆจบไปซะ ฉันเริ่มเบื่อหน้าลูกศิษย์จอมอืดอาดคนนั้นแล้ว” พลางคิ้วเรียวสวยหมุนขึ้นอย่างน่ากลัว เมื่อคิดถึงเรื่องตอนเย็น
        “ปีที่ 3 แล้วเหรอครับ” เดมานกล่าวก่อนจะหัวเราะหึหึในลำคอ “น่าสนุก”
        คำพูดต่อท้ายที่ทำเอาคนเป็นอาจารย์เก่าต้องหันมาส่งสายตาดุใส่ “เธอยังคงจำได้นะว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
        เดมานยิ้มก่อนที่จะพยักหน้ารับคำ เขายังไม่ลืมหน้าที่ที่เขามาที่นี่และจดจำมันได้ขึ้นใจ แต่เมื่อเจอเพื่อนเก่ามันก็ยากที่จะทำให้นึกถึงหน้าที่อยู่ตลอดเวลา และยิ่งเพื่อนเก่าคนนั้นคือคีอาซะด้วย งานนี้คงมีบ้างล่ะที่เขาจะหลุดจากคำว่า ..หน้าที่..
        “เอาล่ะ เธอสองคนไปได้แล้ว ฉันยังต้องเตรียมงานสำหรับวันพรุ่งนี้อีก” อาจารย์ลีอากล่าว ด้วยเสียงเนื่อยๆก่อนที่จะหันหน้าเข้าหากองเอกสารกองโตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
        “พรุ่งนี้มีอะไรเหรอครับ”เดมานถาม
        “รับนักเรียนใหม่ ยังมีเอกสารอีกหลายอย่างที่ฉันต้องตรวจสอบ”
        แล้วเดมานกับเซทก็ปล่อยให้ศาสตราจารย์คนสวยนั่งจมกองเอกสาร ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับห้องของตนเองที่อยู่ด้านล่าง ตามทางเดินบันไดเวียนที่มีเพียงคบไฟเท่านั้นที่จุดเรียงรายเพื่อให้แสงสว่าง
                 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น