ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามสิบสามราตรี

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกเริ่มแห่งรัตติกาล

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 48




        กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้...



        ณ อาณาจักรที่ร่ำรวยและมั่งคั่งด้วยมีกษัตริย์นักคำนวณที่ดี ทวยราษฎร์อยู่กันอย่างสุขสบาย จากการค้าที่นำรายได้เข้าอาณาจักรปีล่ะหลายล้าน



        ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันสิ้นพระชนม์ของพระราชาเดฮาร่า ผู้ถูกพรากจากไปด้วยความชรา ชาวเมืองทั่วแว่นแคว้นก็ยังคงมีงานรื่นเริงได้ตามปรกติ เช่นเดียวกับพวกขุนนางทั้งหลายรวมทั้งเจ้าชายหลายพระองค์ หลังจากจัดพระราชพิธีเสร็จสิ้น การเลือกเฟ้นหากษัตริย์องค์ต่อไปก็มีขึ้นในทันที



        เจ้าชายทั่วแว่นแคว้นเมืองทราบข่าวการชิงตำแหน่งพระราชาแห่งอาณาจักรไฮยาน อาณาจักรที่ร่ำรวยที่สุด ก็ต่างพากันลงสมัครเข้าแข่งขันด้วยหมายชีวิตที่หรูหราและสุขสบายในภายภาคหน้า



        ศึกการชิงราชบัลลังก์จึงเกิดขึ้นในตอนเย็นหลังการถวายเพลิงพระศพ โดยกำหนดให้เหล่าเจ้าชายที่ลงชื่อสมัครเอาไว้ มาประลองดาบกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกริดลมหายใจไปจากร่าง ผู้ที่เหลือเพียงหนึ่งเท่านั้นคือ พระราชาที่แท้จริง



        แม้กติกาการแข่งขันจะเข้มงวดและน่ากลัวสักเพียงใด แต่เหล่าเจ้าชายต่างไม่หวั่นไหว ล้วนมั่นใจในชัยชนะของตนเอง แม้ความพ่ายแพ้จะหมายถึงความตายก็ตาม บัตรการเข้าชมการประลองขายหมดเกลี้ยง จนต้องมีบัตรผีมาขายหน้างาน ผู้คนหล่นหล่ามต่างมาชมเหล่าเจ้าชายของตนห่ำหันกันอย่างดุเดือดในลานประลองแห่งไฮยาน



        เจ้าชายองค์แล้ว.. องค์เหล่า.. จากโลกนี้ไปในวันนั้น จนกระทั่งเหลือเพียงเจ้าชายองค์เดียวที่ได้เป็นกษัตริย์อย่างแท้จริงของอาณาจักรแห่งนี้ เจ้าชายจากต่างแดนที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีหลักฐานบ่งบอกชาติกำเนิดที่ชัดเจน ไม่มีแม้กระทั่งตราประจำราชวงศ์มาแสดงให้เห็น แต่นั้นก็ไม่สำคัญไปกว่าการที่พระองค์ชนะการประลองครั้งนี้ เจ้าชายองค์นี้ จึงกลายเป็นพระราชาแห่งอาณาจักรไฮยาน ในนาม มหาราชกาหลิม อัลวาดี



        หลังการขึ้นครองราชย์บัลลังก์มหาราชกาหลิม ได้นำพาความรุ่งเรืองและเฟื่องฟูมาสู่ไฮยานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ถึงแม้จะร่ำรวยเพียงใด พระองค์มักสงสัย เหตุใดประชาราษฎร์กลับไม่มีความสุขเช่นวันเก่า?



        วันหนึ่งหลังพระองค์ออกไปล่าสัตว์เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่วันนี้พระองค์เสด็จกลับมาเร็วกว่าแต่เดิม เมื่อพระองค์นึกขึ้นได้ระหว่างทางว่าวันนี้จะมีแขกเมืองมาหา หากแต่พอกลับเข้าวังพระองค์ก็ต้องพบกับมเหสีที่กำลังพลอดรักอยู่กับชู้รักในห้องบรรทม ด้วยความโกรธแค้น พระองค์จึงลงทัณฑ์ทั้งสองด้วยการตัดหัวเสียบประจาน



        หลังจากวันนั้นมา.. มหาราชกาหลิมมีรับสั่งให้พาหญิงงามจากทั่วทุกแคว้นมาปรนนิบัติพระองค์ทุกคืน คืนละคน พลันรุ่งเช้าจึงรับสั่งให้นำนางนั้นไปประหารทันที แม้มหาราชจะเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยมขึ้นเพียงไร แต่เหล่าประชาก็ยังไม่ได้ทุกร้อนแต่อย่างใด ด้วยเพียงไม่เสียดายลูกสาวแสนงามในเมื่อชีวิตมีอย่างอื่นให้ใฝ่หามากกว่าการมาหลงงมงายกับความรักงี่เง่า



        จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เวลาล่วงเลยมานับปี เมื่อเริ่มไม่มีสาวงามผู้ใดกล้าแสดงตนออกมา เพื่อไปรับใช้มหาราช ความกังวลใจและความเดือดร้อนกลับไปตกอยู่ที่ขุนนางชั้นสูง



        “ในเหล่า หญิงงามที่จะมาปรนนิบัติข้าวันนี้” มหาราชถามหาด้วยน้ำเสียงขัดเคือง เมื่อไม่เห็นหญิงงามในห้องบรรทมเป็นคืนแรก



        “ข้าแต่พระบาท หญิงงามเมืองไม่มีแล้วพะย่ะค่ะ” ขุนนางที่ข่มใจให้กล้าทูลความจริงแก่ฝ่าบาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อย่างกลัวการถูกลงทัณฑ์



        เป็นจริงดังที่เขาคาดการณ์ มหาราชกาหลิมพิโรธ สั่งให้ทหารนำขุนนางนายนั้นไปประหารก่อนเสียบหัวแห่ประจานทั่วอาณาจักรทันที ก่อนจะรับสั่งด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังอำนาจแก่ขุนนางที่เหลืออย่างชัดเจน



        “ข้าให้เวลาสามทิวา หาหญิงงามมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นหัวของเจ้าคงได้เป็นอาหารปลาในวังหลวง”



        ขุนนางน้อยใหญ่ต่างพากันหวาดกลัวต่อพระราชอำนาจนั้น ส่งกำลังคนส่วนหนึ่งออกตามหาสาวงามทั่วทุกแว่นแคว้น ในขณะที่พวกขุนนางที่เหลือต่างพากันคิดแผนก่อกบฏอย่างลับๆ แต่เมื่อคิดถึงพระปรีชาสามารถของมหาราชกาหลิม ที่สามารถฆ่าคนได้ถึง1000 คนต่อการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว แผนการกบฏจึงต้องเป็นอันล้มเลิกไป



        สองทิวาผ่านพ้น ทหารที่ถูกส่งไปยังไม่สามารถหาตัวหญิงงามได้ สร้างความกังวลแก่เหล่าขุนนางอีกครั้ง ก่อนที่นายทหารคนหนึ่งจะนำข่าวดีมาให้



        “นักเดินทางชรา กล่าวว่ามีหญิงงามเมืองอยู่ ณ ดินแดนทางใต้ที่เขาเพิ่งผ่านมา ความงามของนางนั้นไม่มีใครกล้าเทียบเทียม แม้จะเป็นเทพธิดานางพรายบนสวรรค์ชั้นไหนก็ตาม”



        คำเปรียบเปรยจากชายชราและคำบอกเล่าของทหาร พาให้เหล่าขุนนางออกคำสั่งให้ไปรับตัวนางมาถวายแก่มหาราชอย่างด่วนที่สุด



        เหนือนภาถูกแต่งแต้มไปด้วยรัศมีวิบวับจากหมู่ดาราที่วางตัวเกลื่อนกลาดอยู่ดาษดื่น เหล่าดอกไม้หอมแห่งไฮยานต้องส่งกลิ่นหอมหวานอบอวลทั่วทั้งราชวังหลวง ในห้องบรรทมของมหาราชกาหลิม บัดนี้มีหญิงสาวนางหนึ่งกำลังนั่งรอคอยผู้สูงศักดิ์ที่กำลังจะมาถึง



        เมื่อได้ยินว่าบรรดาขุนนางทั้งหลายสามารถหาหญิงงามที่หาใดเปรียบมิได้มาถวาย มหาราชกาหลิมจึงรีบรุดออกจากห้องทรงอักษรมายังห้องบรรทมทันที



        ครั้นมหาราชปิดประตูห้องบรรทมลง พลันหญิงสาวกลับนั่งทรุดตัวลงกับพื้นอย่างนอบน้อม ผิวพรรณนวลเนียนยามต้องแสงจันทร์ น่าสัมผัสเป็นยิ่งนัก ชวนให้นึกสงสัยภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นนางจะงามเพียงใด ก่อนที่จะประทับบนแท่น  แล้วตรัสต่อนาง



        “เปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสิ ข้าอยากชมความงามที่เหล่าขุนนางนั้นร่ำลือกันหนาหู”



        หญิงสาวเปิดผ้าคลุมหน้าออกอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้มหาราชขัดเคืองใจเป็นยิ่งนัก นางมิใช่หญิงงาม และมิสามารถหาคำว่างามได้บนใบหน้าปุปะเช่นนี้ ก่อนพระองค์จะกระฟัดกระเฟียดเรียกหาเหล่าขุนนางที่บังอาจหลอกลวงพระองค์ แต่ไม่มีผู้ใดรีบมาเสนอหน้าเหมือนเช่นแต่ก่อนเก่า...



        “ไม่มีผู้ใดมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรอกเพค่ะ”



        คำกล่าวของหญิงอัปลักษณ์ตรงหน้านี่ เรียกมหาราชให้หันกลับมามอง ก่อนจะเดินไปหยิบดาบใต้หมอนมาจรดตรงคอเรียวงามของหญิงอัปลักษณ์



        “หมายความว่าอย่างไร หรือพวกนั้นคิดการกบฎ จงบอกข้ามา”



        “หามิได้ฝ่าบาท เหล่าขุนนางล้วนจงรักภักดีต่อพระองค์ ขณะนี้กำลังออกไปตามหาหญิงงามมาถวายฝ่าบาทในคืนวันพรุ่ง”



        “แล้วคืนนี้เหล่า ใยส่งเจ้า.. คนอัปลักษณ์มาให้ข้า”



        “หากฝ่าบาทมิพอพระทัยหม่อมฉัน ที่จะถวายการรับใช้ในคืนนี้ หม่อมฉันคงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องใดๆจากฝ่าบาท แต่ขอฝ่าบาททรงโปรดอภัยเหล่าขุนนางผู้จงรักภักดีเหล่านั้นเถิด ที่ทำการถวายตัวหม่อมฉันหญิงอัปลักษณ์มาในคืนนี้”



        วาจานอบน้อมที่เปล่งออกจากปากหญิงนางนี้ ทำให้มหาราชกาหลิมคลายความขุ่นเคืองพระทัยลง ก่อนที่จะเอนตัวลงบนแท่นบรรทม แล้วตรัสสั่งหญิงอัปลักษณ์



        “กลับไปเสียหญิงอัปลักษณ์ เจ้าจงไปในที่ๆเจ้าจากมา ก่อนที่ข้าจะลงอาญา”



        “พระองค์ทรงเมตตา คืนนี้หม่อมฉันมิอาจกลับออกไปนอกวังได้เสียแล้ว ด้วยความอัปลักษณ์ของหม่อมฉันเกรงจะทำให้ชาวเมืองหวาดผวา หากทรงกรุณาคืนนี้หม่อมฉันขอพำนักในเขตพระราชฐานอันยิ่งใหญ่นี้ แล้วหม่อมฉันจะเล่าเรื่องราวจากแดนไกลถวายเป็นการตอบแทน”



        ด้วยเหตุผลตามที่หญิงอัปลักษณ์กล่าว มหาราชกาหลิมจึงยินยอมให้นางพำนักอยู่ที่นี่ได้คืนหนึ่ง พร้อมกับรับฟังเรื่องเล่าจากแดนไกลเป็นการแก้ตอบแทนจากนาง



        “เจ้าอัปลักษณ์ ราตรีนี้ยังเยาว์นัก ข้ายังไม่อยากจมสู่ห้วงนิทรา เรื่องเล่าของเจ้าเป็นเช่นไรจงว่ามา ข้าจะรับฟัง”



        “เพค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของชายผู้พิการ”



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ฝากเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ

    เอาไว้อ่านเล่นๆอ่านเพลินๆ คลายเคลียดค่ะ ^_^ อิอิ

                                                                                  ลงนาม

                                                                                ...ไม่รู้ดิ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×