คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2.
2.
“นี่”
“………”
“นี่”
“………”
“คุณโอเซฮุน !!”
และแล้วความอดทนก็ขาดสะบั้น
เสียงดังของลู่หานถูกส่งออกมาเมื่อคนที่เดินอยู่ข้างหน้าตัวเองไม่มีทีท่าที่จะสนใจกับคำเรียก ลู่หานหยุดหอบหายใจอยู่กับที่และจ้องมองไปยังแผ่นหลังของโอเซฮุนอย่างเคืองๆ หลังที่ทั้งสองออกจากที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยงที่คนแถวนั้นเริ่มกลับที่พัก โอเซฮุนก็ได้เดินออกมาจากห้องโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งเครียดกับปริศนาคดีวิปลาสนเดียวในห้องสักคำ ลู่หานเดินตามคุณนักสืบโอมาตั้งแต่หัวมุมถนมาจนแทบจะผ่านไปได้ 4 ไฟแดงแล้วแต่เขาก็ยังไม่หันมาพูดหรือชี้แจงอะไรสักอย่างให้คนตัวเล็กที่กำลังฉุนเฉียวเข้าใจเลยสักนิด
“……..”
และเป็นไปตามคาด มิสเตอร์โอหยุดก้าวขายาวๆโดยเสียงเรียกจากลู่หานก่อนที่จะหมุนตัวมาตรงหน้าคนในเสื้อสเวทเตอร์สีครีม หน้านิ่งๆหยิ่งยโสยิ่งเพิ่มความหน้ามั้นไส้ด้วยการเลิกคิ้วของโอเซฮุน
“นี่คุณครับ ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยนะ คือคุณเพิ่งตกลงร่วมงานกับผม แต่กลับเดินออกมาโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ คุณต้องการอะไร”
“อืม ที่ผมต้องการ ?”
Ah fuck up……..ฉันเกลียดสำเหนียงของหมอนี่
ลู่หานคิดในใจ
ถึงเขาก็ไม่ได้จะมีทักษะการพูดมากกว่าคนเอเชียคนไหน ในบางคำอาจมีแปล่งๆไปบ้าง
แต่กับหมอนี่...มันดูเพอเฟ็กซะจนเขาต้องหมั้นไส้
“ใช่ ที่คุณต้องการ”
“ไม่นี่ ผมไม่ได้ต้องการอะไร”
“w wha….”
ลู่หานเริ่มหัวเสียกับคำพูดของคนตรงหน้าขึ้นเรื่อยๆ เสียงแตรรถจากถนนข้างๆและเสียงตะโกนโวกเวกในร้านเบอเกอร์ในแถบนั้นเทียบไม่ได้เลยกับประโยคเพียงสองสามประโยคจากปากคนผมสีน้ำตาลเข้ม
“แล้วคุณจะให้ผมตามมาทำไมวะเนี่ย”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณเดินตามมาสักหน่อย”
“นะ นี่......”
“อีกอย่างวันนี้ผมว่าเราคุยกันมาเยอะแล้วนะครับ กลับบ้านไปนอนกินนมแล้วผมจะติดต่อไป หวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เราได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนะครับ”
“เหอะ ขำตายล่ะ อีกอย่างคุณไม่มีทางรู้เบอร์ของผม”
“04 7856 223….”
“ฮะ เฮ้ย”
ลู่หานถึงต้องอ้าปากค้างเมื่ออยู่ๆโอเซฮุนก็คีบนามบัตรหน่วยราชการ(ปลอม)ที่มีชื่อและรูปถ่ายของลู่หานโชว์หราอยู่ออกมาและพึมพำเบอร์โทรศัพท์ของเขา ลู่หานรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ และเมื่อเขาเปิดกระเป๋าสีดำขลับออกเขาก็รู้ทันทีว่านามบัตรได้ถูกหยิบไปจากช่องเก็บ
“see you next time , luhan”
“ah shut up!”
ลู่หานตวาดร่างสูงตรงหน้าไปทันที โอเซฮุนเลิกคิ้วและตะเบะเพื่อบอกลาก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกไปในตรอกข้างร้านขายแผ่นเสียง ในสมองของหนุ่มหน้าหวานตอนนี้มันสับสนไปหมด ทั้งยังงงๆว่าโอเซฮุนหยิบนามบัตรเขาไปตอนไหนหรือเขาได้ยื่นให้กับมือเองรึเปล่า ความหงุดหงิดจากท่าทีกลัวประสาทของโอเซฮุนรวมกับปริศนาคดีที่เริ่มซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิดไว้ทำให้ลู่หานอยากจะบ้าตายในบ่ายวันนั้น....
.
“shit!”
คนตัวเล็กในเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีเข้มและกางเกงวอร์มขายาวร้องออกมาเสียงดังและชักมือกลับทันที ดวงตาของเขาเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกเจ็บปวดราวกลับถูกหนามควรัวทิ่มแทงที่เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วแขนมันทำให้ลู่หานต้องซี๊ดปากออกมาอย่างห้ามไม่ได้...
สายตาที่เต็มไปด้วยความเคืองแค้นของเขาจ้องมองไปยังสิ่งตรงหน้าอย่างไม่วางตา...
....
.........
.................
“ทำไมไม่มีใครคิดค้นกาต้มน้ำที่หูจับทำมาจากน้ำแข็งบ้างวะ”
ลู่หานบ่นอุบอิบพลางยัดนิ้วชี้ที่จับไปโดนกาจับร้อนจี้ของกาต้มน้ำบนเตาเข้าไปให้ปากก่อนหยิบผ้าเช็ดโต๊ะสีหม่นข้างๆมาห่อหูจับของเจ้ากาต้มน้ำสีเงินไว้และหยิบมาออกจากเตาแก็ส ลู่หานวางมันลงที่เคาท์เตอร์ไม้สีเข้ม ไอน้ำที่ยังคงพุ่งออกมาจากตัวกาเพราะความร้อนอบอวลไปทั่วห้อง กลิ่นหอมๆจากเมล็ดกาแฟบดที่เขาเตรียมไว้ยิ่งทำให้บรรยกาศ ณ ตอนนี้สบายมากกว่าที่ไหนบนโลกซะอีก
“นายไม่คิดจะเก็บห้องบ้างเลยรึไงวะ ถ้าวันไหนได้หิ้วสาวกลับมาเขาคงวิ่งหนีเพราะคิดว่าห้องแกเป็นถ้ำ”
เว้นแต่บุคคลที่กำลังเดินเข้ามา
แม้ลู่หานจะได้ยินเพียงเสียงที่ใกล้เข้ามาเขารู้ทันทีว่าบุคคลลึกลับนั้นเป็นใคร เมื่อรู้สึกถึงการมาถึงของเขาคนนั้น ลู่หานก็ได้หันไปฉีดยิ้มสวยๆให้เขาทันที
“if you don’t like so….. getout of my room before I kick you’r fucking ass :-)”
“wow clam down babe .....ฉันแค่จะมาดูความคืบหน้าคดีนาย”
“ข้ออ้างเบียร์ฟรีมากกว่ามั้ง”
“เฮ้ ฉันมีของดีมาฝากด้วย เรื่องข้อมูลของผู้ต้องหาคดีข่มขืนรอบมิตทาวน์”
‘คริส’ชูซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนขึ้นพร้อมกับยกแขนขึ้นพิงเสาประตูไว้ ลู่หานวางแก้วกาแฟในมือแทบไม่ทัน ตาของเขาลุกไฟราวกลับว่าพร้อมที่จะพุ่งเข้าจู่โจมคริสเพื่อแย่งชิงซองนั้นมาให้ได้...ก็แหงล่ะ วันนี้ทั้งวันนับตั้งแต่ที่เขาแยกตัวออกมาจากโอเวฮุน ลู่หานก็เมาขุกอยู่แต่รูปคดีจนไม่ได้แตะอะไรเข้าปากเลยสักนิด เขาต้องจัดรูปคดีใหม่เนื่องจากข้อมูลและหลักฐานที่ได้มาจากโอเซฮุนพร้อมทั้งต้องอัพเดตความคืบหน้าของข่าวจากทางกรมตำรวจอีกด้วย
“ได้ข่าวว่านายเจอคู่ขาในที่เกิดเหตุ”
“ถ้านายพูดแบบนั้นอีกฉันจะเอาตานายเปิดขวดเบียร์”
“just kidding”
“kidding my ass - _ -”
ผมกระแทกเสียงใส่เขาและดึงแฟ้มนั้นมาไว้ในครอบครอง ไอ้หนุ่มตัวโย่งหน้าหล่อได้แต่ถอนหายใจและเดินตามผมออกมาที่ห้องนั่งเล่น อ่า คุณคิดไม่ผิดหรอก คนตรงหน้าของลู่หานคือยอดนักสืบประจำบริษัท นักสืบที่ทุกคนต่างเพ้อถึง
นักสืบที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะอยู่ในสูทสีเข้มไม่ก็ชุดหนังสีดำขลับ
มีรอยแผลจากการต่อสู้ไม่ก็ต้องคาบบุหรี่ไว้ตลอดเวลา
นิสัยเยือกเย็น ดุดันราวหมาป่า มีสมองและไหวพริบล้ำเลิศไม่ต่างจากในหนัง
“เฮ้ย นายเปลี่ยนผ้าคลุมโซฟาเหรอวะ”
“เออ ไม่ชอบ ?”
“ไม่ว่ะ แค่มันคันตูดยุบยิบ”
นี่แหละ ‘คริส’ ที่ทุกคนพูดถึง
รอยแผลถ้าจะให้มีก็คงเป็นรอยแผลมุมคางด้านซ้ายที่เกิดจากการวาดรูปและหลับไปก่อนที่จะกลิ้งเอาคางไปเสยกับปากกาเข้า ส่วนนิสัยถ้าจะให้เปรียบกับสัตว์คริสเขาน่าจะเป็นอเมริกันฮัสกี้โง่ๆมากกว่าหมาป่าอะไรนั่น แต่สิ่งที่ลู่หานหรือใครๆเถียงไม่ได้เลยคือสมองและทักษะในการไขคดีของเขา ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ลู่หานไม่สามารถเดาตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ ถึงเขาทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันมาร่วม 5 ปีแต่ไม่ว่าลู่หานจะมองผ่านสีหน้าสดใสและตัวตนที่ร่างเริงเข้าไปในตาของคริสสักกี่ครั้งเขาก็จะเจอแต่สีดำ
สีดำที่ไม่สะท้อนอะไรกลับมานอกจากความว่างเปล่า
คริสลึกลับซะจนไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวตนของเขาได้
ถึงคริสจะดูเป็นคนธรรมดาไม่ได้นักสืบจ่าอย่างที่ทุกคิดไว้แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฎิเสทความสามารถให้การสืบของเจ้าตัวได้แม้แต่น้อย คริสมักขุกอยู่ในห้องของตัวเองหมกหมุ่นในหนังสือสืบสวนมาตั้งแต่สมัยเรียน โดนสาวบอกเลิกมานักต่อนักเพราะด้วยเรื่องที่เขาสนใจการสืบสวนต่างๆในข่าวมากกว่าชีวิตประจำวันของตัวเองแต่เมื่อในอายุที่มากขึ้นวัยที่เริ่มเข้าสู่การที่ต้องเรียกตัวเองว่า ‘ผู้ใหญ่’ วัยที่ต้องรับผิดชอบและดูแลตัวเอง วัยที่ต้องจัดการทุกอย่างในชีวิตด้วยตัวคนเดียว ดูเหมือนคริสจะเข้าใจในข้อนี้ดีเขาจึงใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อที่ไต่เต้าตัวเองขึ้นมาเป็นนักสืบอาชีพ จากนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเอเชียสู่การเป้นนักสืบเอกชนมีชื่อของบริษัท คริสทำทุกอย่างนั้นด้วยตัวเอง
“แล้วนายไม่ทำคดีของนายรึไง”
“ปิดไปแล้ว”
คริสยกขวดเบียร์ขึ้นกรอกปาก ไรหนวดที่เริ่มขึ้นทำให้เขาดูน่ากลัวขึ้นมาหน่อย คริสมักจะมาที่ห้องของลู่หานเสมอทุกสุดสัปดาห์แม้ว่าทั้งสองจะเจอกันทุกวันที่บริษัทก็ตาม
อยู่กับนายแล้วฉันสบายใจนี่หว่า อีกอย่างกินเบียร์ที่อื่นมันเสียตังค์
นั่นคือข้ออ้างของเขาที่มีให้ลู่หาน จะว่าไปถึงคริสจะมาขุกอยู่กับเขาแต่ลู่หานก็ไม่ได้มีท่าทางไม่สบายใจหรือรังเกียจจนไม่อยากให้คริสมาหา หน่ำซ้ำ’บางที’ลู่หานยังรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องอยู่คนเดียวในคืนสุดสัปดาห์ แต่บางทีเขาก็แค่สงสัย ทั้งที่ห้องของคริสทั้งใหญ่และหรูหรากว่าห้องเขาของเป็นไหนๆแต่ทำไมร่างสูงต้องถ่อมาจากอีกฝั่งเมืองเพื่อมาหาเขา สู้ออกไปเที่ยวเตร่ย่านไทม์สแครว์ไม่ดีกว่ารึไง แต่ถึงเขาจะสงสัยแค่ไหนลู่หานก็ทำเพียงได้แค่สงสัย
อยู่กับเขามันสนุกตรงไหนกัน
“เป็นไง”
“หื้อ ?”
คนตัวเล็กหลุดออกจากความคิดของตัวเองเมื่อคริสเอ่ยถาม
“คนที่นายเจอที่เกิดเหตุน่ะ”
“อ่า โอเซฮุน”
“เดี๋ยวนะ.....คนเกาหลี ?”
คริสเลิกคิ้วหล่อๆขึ้นด้วยความสงสัย ขวดเบียร์ที่กำลังถูกยกเข้าปากชะงักด้วยมือใหญ่
“คนเกาหลีที่กวนตีนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ รองจากคิมจงแดน่ะนะ”
ลุ่หานพูดพลางใช้นิ้วเรียวสวยเกี่ยวเชือกเส้นเล็กที่เกี่ยวปิดผนึกซองข้อมูลนั่นไว้
“เขาบอกนายว่าเขาเป็นนักสืบ ?”
“อื้อ นักสืบเอกชน เหมือนเรา ไม่รู้สิอีกอย่างฉันว่าเขาเก่ง”
“หมอนั่นมันเก่งหรือนายกันแน่ที่ไก่อ่อน”
“จริงๆนะเว้ย ท่าทาง หลักฐาน การสันนิษฐาน เขามีแม้กระทั่งผลชันสูตรและรูปผู้ตาย อีกอย่างหมอนั่นแม่งโคตรจะตัวใหญ่เลยขื่นฉันสืบงานนี้ต่อไปด้วยร่างกายที่พระเจ้าไม่เห็นด้วยและสร้างมันมาไม่ให้สอดคล้องกับหน้าตาแมนๆของฉัน ฉันว่าฉันคงตายตั้งแต่ก้าวเข้าเขตสลัมนั้น ฉันเลยขอร่วมมือกับเขาไป”
ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่โอเซฮุนน่ะเก่งจริงๆ
“นาย......อ่า นายนี่มันจริงๆ”
“ช่างฉันเถอะน่า”
“นายไม่คิดเลยรึไงวะ”
คริสกล่าวออกมาอย่างหัวเสียและกระแทกขวดเบียร์ลงกับโต๊ะไม้ข้างโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการไม่พอใจออกมาจนลู่หานต้องขมวดคิ้วตาม
“นายเจอเขาที่เกิดเหตุ”
“………..”
“เขามีหลักฐานที่มากกว่าและรู้เรื่องที่ไม่ควรของคดี”
“……….”
“เขาไม่ใช่คนของรัฐบาล”
“………….”
“นายยังไม่เข้าใจอีกหรือยังไง..........คนร้ายที่ฉลาดอาจจะกลับไปเพื่อกลบร่องรอย”
สิ้นประโยคของคริสทั้งห้องก็เงียบสงบราวกลับถูกหยุดเวลาเอาไว้ มีเพียงเสียงฮีตเตอร์ที่ดังคล่อยมาตามอากาศในห้อง ตาคมกริบจ้องมองมาที่ลู่หานด้วยสีหน้าจริงจังประกอบกับท่าทางของมือคริสที่ประสานเข้าหากัน เขามักจะแสดงท่าทางแบบนั้นเมื่อเขาจริงจังกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
.
..
….
…..
“what wrong with you dude !!!”
ลู่หานระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและกุมท้องตัวเองไว้แน่นด้วยความทรมานจากกล้ามเนื้อช่วงท้องที่หดตัวเพราะอาการจากการหัสเราะอย่างบ้าคลั่ง คนตัวเล็กแทบล้มลงไปจากโซฟาตัวใหญ่ด้วยซ้ำ
“นี่มันไม่ใช่นิยายสืบสวนนะคริส คนร้ายบ้าบอที่ไหนมันจะกลับมาที่เกิดเหตุซ้ำสองวะ อีกอย่างนะ ถ้าเขาเป็นคนร้ายทำไมเขาไม่ฆ่าฉันไปเลยซะล่ะ พยานก็ไม่มีแถมฉันยังมาคนเดียว มันไม่มีน้ำหนักเลยที่จะไปคิดถึงตรงนั้น”
ลุ่หานยันตัวเองที่ไหลจะเกือบจะตกโซฟาขึ้นมาพูดกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงทำหน้าเครียดไม่เปลี่ยน
“เฮ้ ฉันจริงจังนะ”
“อ่า โอเคๆ ฉันจะระวังตัวตอนเจอหมอนั่นให้มากขึ้นแล้วกัน”
ลู่หานตอบไปอย่างปัดๆ หลังจากที่แกะซองสีน้ำตาลออกลู่หานก็ล้วงลงไปหยิบเอกสารที่หนาประมาณ 10 กว่าหน้าขึ้นมา แต่ละใบมีหน้าตาและลักษณะ รวมถึงข้อมูลที่อยู่ของผู้ที่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือผู้ร้ายในคดีข่มขื่นย่านมิตทาวน์ไว้ คริสส่ายหัวให้กับท่าทางที่มองโลกในแง่บวกของเพื่อนสนิทเกินไป เขาเจอมานัก่อนักแล้วที่คนร้ายมักปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาดหรือชาวบ้านแถบนั้นเพื่อเข้าถึงที่เกิดเหตุก่อนใช้ช่วงที่ตำรวจเอ้อระเหยและคิดว่าคงไม่มีคนร้ายบ้าที่ไหนกลับมาในตอนที่กำลังทำคดีเพื่อกลับมาเก็บหลักฐานที่ตนเองทำทิ้งไว้ และในบางทีคนร้ายที่ปลอมเป็นตัวรวจยังมีให้เห็นเต็มไปหมด
ยิ่งมาในคาบที่น่าไว้ใจ ยิ่งอันตราย
สร้างภาพให้ผู้คนหลงไปกับการตีหน้าเป็นเพื่อที่ลับหลังจะได้กระทำความต่ำทรามอย่างไม่มีใครสงสัย
เริ่มต้นมาด้วยการเป็นพ่อพระ...ใครจะรู้แท้จริงของหน้ากากที่ใส่อยู่อาจเป็นซาตานผู้โหดเหี้ยม
ตื้ด ตื้ด
เสียงเตือนเมสเซสเข้าทำให้ลู่หานต้องลุกจากโซฟานุ่มสีหม่นเดินไปหยิบโทรศัพท์สีขาวที่วางชาร์ตแบตไว้ขึ้นมาดู ที่เขาดูรีบขนาดนี้เพราะลู่หานคิดว่าอาจจะเป็นข้อความจากคยองซูที่เขาได้ไหว้วานให้หาความหมายและประวัติของไอ้ตัวเลข 88 และอักษร H ให้ก็ได้
‘พรุ่งนี้ 8.00 ที่ร้านกาแฟตรงหัวมุมถนนที่เกิดเหตุคดีแรก
โอเซฮุน’
.
#truthhunhan
ความคิดเห็น