คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1. - begin
1.
‘โจแอนนา ฮันต์ส’
8 สิงหาคม 2012
ตำรวจแมนฮัตตันได้รับแจ้งข่าวว่าพบศพในย่านมิดทาว์น คดีนี้ถูกลงดคีว่าเป็นคดีถูกฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ทันทีที่การตรวจพื้นที่และชันสูตรศพเสร็จ ไม่มีการสืบสาวคดีต่อแต่อย่างใด ในเมื่อคดีฆาตกรรมแบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยในย่านสลัมที่ขาดการดูแลอยู่ตำรวจจึงปักใจไม่มีข้อสังสับอะไรให้มากความนัก
ผู้ตาย โจแอนนา ฮันต์ส อาชีพโสเพณีทั่วไป ถูกรัดด้วยเชือกผ้าม่านในห้องที่พบในที่เกิดเหตุ สภาพศพถูกเปลือยเปล่าตามร่างกานเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่สิไม่ใช่บาดแผล คงจะเรียกว่ารอยกรีดมากกว่า รอยกรีดด้วยของมีคมขนาดเล็กอาจจะเป็นพวกตะปูหรือไม่ก็เข็มถูกกรีดลงเป็นรูปตัว H เต็มร่างกายผู้ตายเต็มไปหมด ไม่ว่าหลังหู ข้อมือ ท้ายทอยหรือแม้แต่ในริมฝีปาก แต่ทุกอย่างที่พูดมาก็เป็นความ’วิตปริต’ของผู้ร้ายที่ตำรวจลงความเห็นไว้ก่อนที่จะปล่อยดคีลงขยะ มันเป็นเรื่องธรรมดาของมหานครนิวยอร์กแห่งนี้ ในเมื่อมีย่านที่รุ่งเรืองอย่างสุดๆอย่างแมนฮัตตัน ไทม์สสแครว์ มันก็ต้องมีสถานที่ที่ต่ำสุด
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับจิตใจของมนุษย์ในเมื่อมีคนดีอย่างหาที่สุดไม่ มันก็ต้องมีคนที่ต่ำช้ายิ่งกว่านรกเช่นกัน
- 23 สิงหาคม 2012
ชายหนุ่มร่างเล็กในเสื้อสเวตเตอร์สีหม่นที่ถูกใส่ทับเชิ้ตขาวหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลซองใหญ่สองซองไว้ในมือ มือเล็กเสยผมเมื่อยามปอยผมนุ่มที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีกลับตกลงมา
ลู่หานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและกดพิมพ์ข้อความส่งไปยังเบอร์ที่ติดต่อล่าสุด
‘ผมถึงที่เกิดเหตุคดีแรกแล้ว’
‘Holmes’
ลู่หานเก็บโทรศัพท์เครื่องแพงลงในกระเป๋าไว้เช่นเดิม คนตัวเล็กมองไปรอบๆบริเวณเพื่อสังเกตุสถานที่แปลกตา มันเป็นชุมชนแฟลตเก่าๆที่อยู่ในย่านมิดทาวน์ ย่านที่ลู่หานไม่คิดจะย่างกลายเข้ามา ยิ่งด้วยความที่เป็นคนเอเชียที่อยู่ในนิวยอร์ก มันยิ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สายตาที่มองมาจากผู้คนแถวนั้นทำให้ลู่หานต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ถึงจะเป็นช่วงกลางวันและเขาก็พอมีศิลปะป้องกันตัวอยู่บ้างแต่ลู่หานก็อดหวั่นใจไม่ได้
“อยู่มาเกือบจะ 4 ปี ทำไมวันนี้รู้สึกเหมือนกูเป็นต่างด้าวเข้าเมืองวันแรกวะ....”
ลู่หานบ่นพึมพำกับตัวเอง ใจนึงก็โทษตัวเองที่ไปรับคดีนี้มาด้วยความคึกคะนอง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง Mr.H
เขาตั้งชื่อให้มันอย่างนั้น
คดีที่มีเหยื่อสังเวยชีวิตไป 2 คน
คดีที่ไม่มีคนรู้จัก
ถ้าวันนั้นไม่มีปลายสายต่อเข้ามาในบริษัทและว่าจ้างงานเข้ามาลู่หานก็คงไม่รู้จักคดีนี้เช่นกัน
ลู่หานทำงานเป็นนักสืบให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า locker มันเป็นบริษัทเล็กๆที่ก่อตั้งมาไม่ถึง 3 ปี ลู่หานได้เข้ามาทำงานเพราะเส้นสายของเพื่อนของเขา ‘คริส’ ไม่ใช่ว่าเขาตกงานและต้องการหาเงินประทังชีวิตในต่างเมืองหรอกนะ ลู่หานตั้งใจที่จะเป็นต่างหากแต่ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนเล็กรูปร่างไม่เหมาะแก่การทำงานแนวนี้สักเท่าไหร่มันจึงทำให้เขาถูกปฎิเสทจากหลยบริษัทนักสืบที่เขาไปสัมภาษณ์ บ่อยๆ ในบ่ายวันนึงที่เขากำลังตามสืบเรื่องชู้สาวให้กับลูกค้าคนนึงเสียงโทรศัพท์ประจำโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้ว่าจ้างคนใหม่ มันไม่ใช่คดีสืบประวัติ คนหาย หรือเรื่องรักๆใคร่ๆ
แต่มันคือคดีฆาตกรรม
ผู้ว่าจ้างที่ใช้ชื่อแทนตัวเองว่าโฮมส์มอบหมายงานชิ้นนึงให้เขาพร้อมกับค่าตอบแทนที่สามารถทำให้เขาย้ายออกจากอพาร์ทเม้นโทรมๆไปอยู่คอนโดสุดหรูใจกลางเกาะแมนฮัตตันได้สบาย ลู่หานตอบรับงานนั้นทันที อาจจะเป็นเพราะค่าตอบแทนที่ดูล่อตาล่อใจ รูปคดีที่ไม่มีอะไรมากนอกจากหาข้อมูลและเบาะแสของตัวฆาตกร แต่ความจริงแล้วเขาแค่ต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่นักสืบต๊อกต๋อย ลู่หานกำลังจะได้ทำคดีจริงๆ คดีจริงๆที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด ไม่ใช่แค่ตามสืบประวัติอย่างที่เขาทำมาหลายปี คดีที่อาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดชีวิต
“เฮ้!”
คนตัวเล็กต้องส่งเสียงร้องออกมาเมื่อมีกลุ่มชายผิวดำร่างยักษ์เดินมาทางเขาก่อนที่จะชนคนตัวเล็กจนเซ ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมใคร ดื้อด้าน ไม่เจียมตัวของเขาทำให้ไม่สามารถเก็บสายตาอาฆาตของตัวเองได้
ชิบหายแล้ว
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตายลู่หานก็หน้าซีดเผือกทันที ชายผิวดำทั้งสามคนหันหน้ากลับมาและค่อยๆก้าวเข้าใกล้ลู่หานเข้ามาเรื่อยๆ 1 ในชายทั้ง 3 นั้นได้ลูบไหล่ขอคนตัวเล็กเบาๆ
“พี่ชายเห็นร้านทาโก้ตรงหัวมุมนั้นไหม พวกเรากำลังจะออกไปกินมัน”
“...........”
“แต่พวกเราลืมพกกระเป๋าตังค์ออกมา พี่ชายพอจะเลี้ยงพวกเราได้รึเปล่า”
ลู่หานหดตัวจนแทบจะเหลือสองนิ้ว ถึงเขาจะคุ้นชินกลับการโดนปล้นแบบนี้แต่การที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเขาไม่สามารถร้องเรียกตะโกนขอความช่วยเหลืออะไรถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จากประสบการ์ณการเป็นคนเอเชียที่อยู่กินในเมืองหลวงของโลกมากว่า 4 ปีทำให้เขาชินเสียแล้วกับการที่โดนข่มขู่รีดไถ่แบบนี้และประสบการ์ณนั้นได้สั่งสอนลู่หานมาอย่างดีว่าในสถานะการ์ณแบบนี้เขาควรทำเช่นไร มือเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเองช้าๆก่อนที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา เขาคลี่กระเป๋าหนังนั้นออกสายตามองแบงค์สีเขียวที่มีไม่กี่แบงค์ด้วยความอาลัย.......นี่มันค่ากับข้าวของทั้งอาทิตย์เลยนะ...
“เร็วๆสิ พวกฉันหิวแล้ว”
เสียงเร่งเร้าทำให้ลู่หานสะดุ้งอีกเล็กน้อย นิ้วเรียวคีบลงไปในกระเป๋าและแบงค์สีเขียวนั้นออกมา
“ทำอะไรกัน”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากบุคคลปริศนา ลู่หานหันหน้าไปยังต้นเสียงที่กำลังเดินมา ใบหน้าหล่อเหลาภายใตแว่นกันแดดสีดำเข้ม ร่างกายที่สูงกว่ามาตรฐานชายทั่วไป ถึงจะไม่บึกบึนแต่ก็ไม่ได้ผอมแห้ง ชายตัวสูงที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มปกเสื้อถูกติดจนติดลำคอชายเสื้อถูกเก็บเข้าไปในกางเกงหนังอย่างเรียบร้อย รองเทาบู้ทยาวสีดำทำให้การแต่งตัวที่ดูเชยเท่ขึ้นมาในทันตา ไหนจะเจ็คเก็ตหนังที่ถูกสวมใส่
ไอ้เชี่ย........โคตรพระเอก
มันเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาเมื่อลู่หานมองไปยังชายหนุ่มคนนั้น
“ฉันถามว่าทำอะไรกัน”
เสียงทุ้มย้ำอีกรอบและหยุดที่ข้างๆตัวของลู่หาน ชายหนุ่มทั้งสามคนเหมือนที่จะกังวลเล็กน้อย
“อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องน่าพวก”
1 ในชายผิวดำพูดขึ้นมาและหักกระดูกนิ้วดังกรอบเพื่อเป็นการเตือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขายังคงจุ้นจ้านไม่เลิก คนตัวสูงถอนหายใจเบาๆและถอดแว่นกันแดดออก ผิวหน้าที่ใสไม่อย่างหน้าเชื่อ วงตาคม และสันจมูกโด่ง ลู่หานยอมรับว่าเขาหมั้นไส้ไอ้นี่นิดหน่อยทั้งที่ก็น่าจะเป็นคนเอเชียเมหือนกันแต่ทำไมอีกคนถึงสูงและหล่อขนาดนี้
“รู้ไหมในปกแจ็คเก็ตฉันมีอะไร”
“.............”
“ไม่รู้เหรอ แต่ฉันรู้”
ชายหนุ่มพูดถึงก่อนที่จะดึงปกเสื้อออกจากลำตัวและพลิกเนื้อผาด้านในให้ทุกคนดู
ตราตำรวจประจำเกาะแมนฮัตตันถูกติดเอาไว้อย่างดี แสงเงาวิบวับจากเครื่องแบบนั้นสีทองทำให้ชายผิวดำทั้งสามคนถึงกับหน้าเสีย 2 ใน 3 คนเดินถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงชายที่กำลังถือตังค์ของลู่หานไว้ เขายืนใช้ความคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะยื่นเงินให้ลู่หานและเดินหนีไป ลู่หานเบะปากให้ความกากของไอ้ตัวเมียทั้งสามคน เหอะ ถ้าจะปล้นก็ให้มันเด็ดขาดกว่านี้สิวะ ความคิดไม่เจียมตัวผุดขึ้นมาในหัวสมองคนตัวเล็กอีกแล้ว.....ไม่น่าแปลกที่คดีส่วนมากที่เขารับทำมักจะโดนจับได้หรือไม่ก็ทำพลาดซะเองด้วยความที่เป็นคนปากไวกว่าความคิดและมักตามเรื่องที่สืบจนเกินขอบเขตทำให้ลู่หานอยู่รั้งท้ายในรายชื่อนักสืบของบริษัท ส่วนอันดับแรกๆที่มีคนขอใช้บริการมากที่สุดก็คงไม่พ้นคริสกับโรนัล สองคนนี้คือนักสืบมือดีที่สุดของบริษัทด้วยความที่ทำงานเงียบราวกลับเงา หลักฐานทุกอย่างมักชัดเจนและรัดตัวได้เสมอ
“เอ่อ ขอบคุณนะครับคุณตำรวจ”
พอนึกขึ้นได้ลู่หานก็หันไปกล่าวขอบคุณชายตัวสูงคนนั้น แต่ทว่าเขากลับไม่เห็นใคร.
“ผมไม่ใช่ตำรวจ”
เสียงดังขึ้นมาจากหน้าประตูแฟลตจนทำให้ลุ่หานต้องหันตามไป เขาก้าวขาเล็กตามชายหยุ่มคนนั้นไปอย่างไม่ลังเล ก็ในเมื่อจะเข้าไปในตึกนี้อยู่แล้วสู้เข้าไปสองคนยังดีกว่าที่เขาต้องเข้าไปคนเดียวไม่ใช่รึไง เผื่อเกิดเหตุหการ์ณแบบเมื่อกี้ขึ้นอีกอย่างน้อยเขาก็จะได้ไม่ต้องเสียงเงิน...
“แต่คุณมีตรา....”
“1 ปอน์ด”
“ห่ะ”
“ผมซื้อมันมาแค่ 1 ปอน์ด”
.......................
ถูกจนน่าเกียจ................
ลู่หานถึงกับงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงเป็นเพราะองค์ประกอบของไอ้หมอนี่มันดูน่าเกรงขามละมั้งการที่มีแค่ตราของเล่นแบบนี้เลยทำให้เขาไม่ดูเป็นตัวตลก ในใจก็นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าไปอีกขั้นถ้าเป็นลู่หานต่อแม้ให้มีตราจริงไว้ในครอบครองการที่ทำให้คนเชื่อว่าเขาเป็นตำรวจก็คงจะเป็นเรื่องยาก
“อะ เอ่อ คุณ นาย เอเชีย ?”
ตัวเล็กที่สาวก้าวตามคนตัวสูงต้องหยุดชะงักลงหน้าหวานกระแทกเบาๆกับแผ่นหลังกว่า ลูบหน้ายู่หน้าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ
“ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
เสียงเข้มตอบกลับมาพร้อมกับการเข้าไปในห้องบริการลูกค้าของแฟลต
“อะไรวะ คนอุตส่าห์จะผูกมิตรด้วย”
ลู่หานเกาหัวแกรกๆและพูดออกมาเป็นภาษาจีนตามภาษาบ้านเกิด เขาแยกเขี้ยวให้กับบานประตูหวังให้มันถูกส่งไปยังไอ้คนขี้เก๊กที่เดินเข้าไป ลู่หานยกแฟ้มในมือขึ้นมาอีกรอบก่อนที่จะปิดไปยังหน้าแรก 206 ตัวเลขบ่งบอกห้องที่โจแอนอาศัยอยู่ลู่หานเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เขาไม่อยากให้กล้องวงจรปิดจับภาพได้ มันเป็นพื้นฐานต้นๆของการสืบคดี ถ้าถามความเห็นส่วนตัวเขาคิดว่านี้เป็นคดีที่แปลก และถ้าจะจำกัดความของฆาตกรลู่หานก็อยากจะสักแสกหน้าของไอ้นั่นไว้เลยว่า ‘โรคจิต’ มันไม่ใช่เพียงการฆ่าธรรมดา ศพแต่ละคนถูกอาบน้ำและชำระความสะอาดก่อนที่จะโดนฆ่าทั้งนั้น ถึงแม้มันจะมีความเป้นไปได้ที่เหยื่ออาบน้ำเองก่อนแล้วจึงรอเวลาลงมือแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็น่าสงสัยเกินไป สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงคดีทั้งสองไว้ด้วยกันตอนนี้มีเพียงกระดาษแข็งสีดำที่เขียนตัวอักษร H สีขาวเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทั้งสอง ในคดีแรกตำรวจไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคิดว่ามันเป็นเพียงการเขียนโน๊ตอะไรสักอย่างของเหยื่อแต่เมื่อในคดีที่สองก็มีสิ่งเดียวกันนี่สิ แต่ก็นะ ตำรวจก็ยังคงเป็นตำรวจถ้าไม่มีการยื่นฟ้องหรือทำเรื่องให้ตามคดีมันก็คงเป็นไปได้ยากกับการที่จะมีการสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง
และแล้วลู่หานหยุดอยู่หน้าห้อง 206 อันซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ
เขาใช้กุญแจผีที่ถูกส่งมาให้จากผู้ว่าจ้างในการไขเข้าไป
.........................
................................................
พบเจอสิ่งมีชีวิตขี้เก๊กในที่เกิดเหตุ 1 ea
= _ = < มันคือสีหน้าของลู่หานในตอนนี้
เขายืนนิ่งมองคนตัวสูงที่กำลังใช้แว่นขยายส่องไปตามกำแพงห้อง แค่กลิ่นในห้องก็อับจนชวนอ้วกอยู่แล้วไหนจะต้องมาเจอไอ้หนุ่มขี้เก๊กนี้อีก ความรู้สึกที่อยากไขคดีนี้ลดลงไปแทบจะครึ่งนึง
“นายมาทำอะไร”
“ผมสิที่ควรจะถามคุณ”
ลู่หานถามไปแต่กลับโดนสวนมาด้วยคำถามเดียวกัน ชายหนุ่มขี้เก๊กวางแว่นขยายนั้นลงในก่อนที่จะยืนมองลู่หานนิ่งๆด้วยใบหน้าคมเข้มนั้น
“ผม....”
“ผมโอเซฮุน นักสืบเอกชนที่พ่อแม่ของเฮอไมโอนี่ รอสเวลสันว่าจ้างให้มาสืบคดีที่ลูกสาวตาย ผมได้เบาะแสจากกรมตำรวจว่ามีคดีคล้ายๆกันเกิดขึ้นกับโจแอนนา ฮันต์ที่ห้องพักแห่งนี้ ผมจึงอยู่ที่นี่ แล้วคุณ ?”
อึก.............
ลู่หานกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่เป็นครั้งที่สองของวัน นักสืบเอกชนงั้นเหรอ อาชีพเดียวกับเขางั้นเหรอ
แถมดูมีระดับและความสามารถมากกว่าด้วย
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐถูกมอบหมายให้มาหาเบาะแสเพิ่งเติมจากคดีทั้งสองที่เกิดขึ้นเนื่องจากผมก็ทราบมาเหมือนกันว่าทั้งสองคดีน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน”
โกหก
โกหกคำโต
ลู่หานนึกขอบคุณสกิลในด้านการแถของตัวเองที่ทำให้เขาสามารถตอบคำถามออกไปได้อย่างรวดเร็ว และถ้าเขาคนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรในตัวลู่หานมากละก็นี่ก็แทบดูไม่ออกเลยว่าคนตัวเล็กกำลังหลอกเขาอยู่
“เจ้าหน้าที่รัฐ ?”
“อะ อื้ม”
“แต่กลับในกุ่ยข้างถนนแบบนั้นรีดไถงั้นหรอ”
ชะ เชี่ย............
คำหยาบครั้งที่ 3 ของวัน ลู่หานขอมอบคำนี้ให้กับตัวเอง ให้ตายเหอะเขาลืมไปเลย....
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และอีกอย่างผมไม่อยากทำตัวให้แตะตาแค่เป็นคนเอเชียที่มาเดินในย่านก็ถือว่าเกินพอแล้ว”
รางวัลตอแหลอวอร์ดปีนี้คงตกเป็นของใครไม่ได้นอกจากลู่หานคนนี้
“เอาเถอะยังไงงานของผมก็ไม่ต่างจากของคุณอยู่แล้ว งั้นต่างคนต่างทำงานแล้วกันนะครับ”
คนตัวสูงพูดและหยิบถุงมือยางขึ้นมาสมก่อนที่จะไล่มือไปตามชั้นวางในสือในห้อง เป็นห้องที่ไม่ใหญ่มาก เตียงเล็กๆ 1 เตียงชั้นวางหนังสือที่แทบไม่มีอะไรเลยนอกจากนิยายรักอีโรติค 20 กว่าเล่มได้ ทีวีจอเล็ก โต๊ะเครื่องสำอางและพรมสีแดงจัด อาชีพโสเพณีคงไม่ทำให้เธอได้กลับห้องบ่อยนักเพราะในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุมมากมาย
ลู่หานมองแผ่นหลังของเซฮุนที่กำลังทำงานอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไรก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นได้
“โอเซฮุน คุณบอกว่าชื่อโอเซฮุน เป็นคนเกาหลีงั้นเหรอ ?”
ภาษาเกาหลีที่พูดออกมาจากปากลู่หานทำให้คนตัวสุงหยุดชะงักก่อนที่จะหันไปหาอีกคน
“ใช่ คุณก็ด้วย ?”
“เปล่าๆ ฉันเป็นคนจีนน่ะ แต่ที่บริษั....หน่วยของฉันมีคนเกาหลีอยู่ มันเลยซึมซับมาจนกระทั้งพูดได้คล่องปรื้อแบบนี้”
“คุณพูดมันได้ดี”
ใช่ ใครๆก็ว่าอย่างนั้น ขนาดโดคยองซูผู้เป็นเลขาของคริสซึ่งเป็นคนเกาหลีแท้ๆยังเอ่ยปากชม ลู่หานที่ว่างงานกว่าใครเพื่อนมักจะไปขลุกตัวอยู่กับคยองซู นับวันเข้าก็ยิ่งที่จะซึมซับภาษาเกาหลีนั้นมาด้วย
“ในเมื่อเราได้ทำคดีเดียวกันแล้ว.....ทำไมเราไม่ร่วมมือกันซะเลยล่ะ”
บอกแล้วลู่หานน่ะเจ้าเล่ห์
เท่าที่เขาดูเซฮุนน่าจะเป็นนักสืบที่เก่งใช้ได้ลู่หานคงจะโง่ถ้าไม่ขอร่วมมือและเกาะเบาะแสที่เซฮุนมี
แล้วไอ้การที่จบคดีนี้ได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาหาเบาะแส ต่างคนต่างแชร์สิ่งที่ตัวเองมีอยู่มันก็ดีกว่าเป็นไหนๆไม่ใช่รึไง ถ้าโอเซฮุนไม่โง่เขาคงต้องตอบรับข้อเสนอนี้แน่
“เจ้าหน้าที่รัฐขอความร่วมมือกับนักสืบเอกชงั้นเหรอ คุณบ้ารึเปล่า”
เซฮุนไม่ลังเลที่จะพูดออกมาเป็นภาษเกาหลีเมื่อรู้ว่าอีกคนพอฟังได้ เขาเบื่อที่จะต้องแสร้งสำเหนียงหนุ่มน้ำข้าว อันที่จริงเขาไม่ชอบภาษาอังกฤษด้วยซ้ำแต่การที่อยู่ในเมืองและต้องใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนเจ้าของภาษาเขาก็เลี่ยงไม่ได้
“เฮ้ นี่ฉันยื่นข้อเสนอให้นายเชียวนะ! ถ้านายยังจะสืบคดีนี้ต่อไปโดยที่ไม่อยากถูกจับได้ละก็นายต้องมีฉัน”
“ทำไมผมต้องมีคุณ ?”
คนตัวสูงเลิกคิ้วถาม
ในเมื่อคนตัวเล็กข้างหน้าดูแทบไม่มีอะไรที่เขาจะพึ่งพาได้เลยด้วยซ้ำ
ร่างกายเล็กที่ไม่ถึงกับผอมบางแต่ก็ไม่ได้แข็งแรง
ใบหน้าหวานชวนฝันก็คงช่วยอะไรในการสืบคดีไม่ได้
นิสัยวางฟอร์ม น้ำเสียงโอหังแบบนั้นยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอันตรายไม่ใช่รึไง
“เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งจับนาย”
“จับผมเนี่ยนะ ?”
“ใช่ เคฉันโทรออกกริ๊งเดียว นายถูกจับข้อหาบุกรุก”
ลู่หานยืดอกและชูโทรศัพท์ในมือขึ้น
“ฉันอยากที่จบคดีนี้ให้เร็วที่สุด รับเงิน ย้ายที่อยู่ อยู่กินสบายบนคอนโดส่วนตัวบนโฮปสันวิลล่า ถ้าเราร่วมมือกันยังไงมันก็มีแต่ได้กับได้ นายไม่คิดอย่างนั้นเหรอ”
“คุณนี่มัน’เจ้าหน้าที่รัฐ’ของแท้เลยสินะ”
คนตัวสูงหัวเราะออกมาแห้งๆ ภายใต้ประโยคที่พูดมาเขาแฝงคำจิกกัดไว้
เจ้าหน้าที่รัฐส่วนมากเป็นแบบนี้ รับงาน สะสางคดี รับเงิน ไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม หรือด้วยแม้การปลอมแปลงเอกสาร การจับแพะ การโยนความคิดผิด พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อเงินของตัวเอง
“ว่าไง ?”
ลู่หานถามซ้ำอีกครั้ง
“ตกลง”
“………”
“ผมจะร่วมมือกับคุณไขคดีนี้”
-
“เวลาพบศพคือตี 5.26 เพื่อนบ้านอ้างว่าได้กลิ่นฉุนผิดปกติออกมาจากห้องโจแอนนาและยังส่งกลิ่นเหม็นต่อเนื่องมาเป็ยเวลานานเพื่อนบ้านจึงไปแจ้งผู้ดูแลหอพักและขึ้นมาดู จากสภาพศพและผลชันสูตรไม่พบบาดแผลบริเวณช่องคลอดหรืออสุจิในร่างกาย ไม่มีบาดแผลจากการต่อสู้...ไม่ขัดขืนสินะ ”
ลู่หานพึมพำออกมาระหว่างอ่านผลชันสูตรในแฟ้มที่เขาได้มาจากผู้ว่าจ้าง ลู่หานและเซฮุนได้อยู่ในห้องที่เกิดคดีของโจแอนมาสักพักแล้ว ในขณะที่ร่างสูงพยายามหาเบาะแสอื่นๆอยู่ตามมุมอับของห้องลู่หานเองก็ใช้เวลานี้อ่านผลชันสูตรและรายงานการสอบสวนของตำรวจที่ได้มาเมื่อ 2 วันก่อน จากรูปคดีทั้งสองคดีจนถึงตอนนี้ลู่หานก็หาข้อเชื่อมโยงจากทั้งสองเหยื่อที่เสียชีวิตไปไม่ได้ เพราะทั้งโจแอนนาและเฮอไมโอนี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ทั้งข้อมูลจากคนรู้จักวงกว้าง เบอร์ในมือถือ หรือแม้แต่กระทั่งบริเวณที่อยู่ก็แทบไม่ความเป็นไปได้ที่สองคนนี้จะเดินสวนกันเลยด้วยซ้ำ นี่ยิ่งเป็นข้อสงสัยที่ทำให้ลู่หานเกิดข้อกังขาในตัวฆาตกรผู้นั้นว่าเขามีกฏเกณร์ในการเลือกยังไง
“คุณคิดว่าฆาตกรเป็นคนแบบไหน”
โอเซฮุนลุกขึ้นมาจากพื้นห้องก่อนที่จะปัดฝุ่นตามตัวออก
“โรคจิต วิปลาส เดนมนุษย์ ขยะสังคม คงประมาณนี้มั้ง ”
“เขาฉลาดเกินไป”
“หะ ห่ะ”
“มันไม่ใช่แค่การฆ่า ถ้าคุณดูรูปถ่ายพวกนี้คุณจะรู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน รอยแผลพวกนี้แสดงถึงความบ้าในตัวของฆาตกรแต่รอยแผลจริงๆที่ทำให้เหยื่อเสียชีวิตกลับเป็นบริเวณที่แม่นยำ ถึงแม้จู่โจมแค่ครั้งเดียวก็ทำให้สามารถเสียชีวิตได้”
เซฮุนโยนรูปถ่ายในกระเป๋าเสื้อโค้ทไว้บนโต๊ะที่ลู่หานนั่งอยู่ คนตัวเล็กค่อยๆชูรูปถ่ายพวกนั้นไว้ในมือ
ถึงเขาจะอ่านรายงานชันสูตรศพมาอย่างถี่ถ้วนแล้วแต่นี่มันเทียบกันไม่ได้กับรูปถ่ายพวกนี้
รูปหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าตามร่างกายมีคราบของเลือดและรอยแผลมากมาย บาดแผลที่ลุกจนไขมันและเนื้อส่วนนอกแผละออกมา ผิวหนังที่ถูกกรีดจนแดงก่ำ เศษชิ้นเนื้อที่ทะลักออกมาตามบาดแผล
“ในกรณีของโจแอนนาผมไม่สงสัยอะไรเลยนะ อาชีพแบบนี้มันคงมีบ้างที่คงไปบาดหมางกับพวกเมียหลวงเข้าให้ แต่กับเฮอไมโอนี่ ? ลูกคนรวย สาวไฮโซบนแมนฮัตตันเนี่ยนะ ? แล้วไหนจะแผลที่ดูเหมือนยังกับแค้นฝังใจโคตรๆยังไงยังงั้น”
ลู่หานยกภาพศพในที่เกิดเหตุของเฮอไมโอนี่ขึ้น เธอถูกฆาตกรรมในคืนวันที่ 12 สิงหาหรือนับห่างจากคดีแรกมา 4 วัน เธอถูกพบศพในห้องน้ำของบ้านหรูบนด้านบนของหมู่บ้านคนรวยแถบแมนฮัตตัน ร่างเปลือยเปล่านอนอยู่กลางพื้นห้องน้ำตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย หน้าท้องและแผ่นหลังถูกแทงจนผ่นเนื้อหนังหลุดออกมาเป็นริ้วๆ ลุ่หานมองใบหน้าสวยที่เปื้อนเลือดอยู่นาน ในใจนึกสาปแช่งไอ้คนที่ทำแบบนี้ได้ลงคอ
คนประเภทไหนกันนะที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
“คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่มันจะเป็นแค่การสุ่มเหยื่อ ?”
อาจจะเป็นเพียงแค่คนโรคจิตที่ฆ่าไม่เลือกหน้า
“เพราะอย่างนี้ผมถึงได้กลับมาที่นี้ มาหาเบาะแสการเกี่ยวข้องกันของเขาทั้งสอง”
“เบาะแส ? เดี๋ยวนะ นี่คุณจะบอกว่าที่นี้คนร้ายอาจทิ้งข้อความบางอย่างที่อาจเชื่อมโยงทั้งสองคดีไว้ด้วยกันงั้นเหรอ”
“อ่าฮ่ะ ”
คนตัวสูงส่งเสียงกลับมาเพียงเท่านั้น
“เฮ้ ช่วยอธิบายอะไรให้ผมเข้าใจได้ไหม ”
“ฆาตกร เขาไม่ใช่แค่โรคจิต เขากำลังเล่นเกมส์ลู่หาน เกมส์ที่มีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้บทสรุป ข้อความต่างๆที่เขาทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุหรือบนร่างกายของศพ มันคือโจทย์คณิตที่ต้องมีสมการ และผมมั่นใจว่าสมการเพื่อหาคำตอบของเขาไม่ได้มีแค่นี้”
หมอนี่หลุดมาจากนิยายสืบสวนเรื่องไหนกันวะ
ลู่หานได้แต่คิดและมองไปรอบๆห้อง มันเป็นห้องเดี่ยวเล็กๆที่แทบไม่มีอะไร คนร้ายคงไม่ได้จงใจมาปล้นชิงทรัพย์หรือในเรื่องเงินๆทองๆแน่ๆ
โจแอนนาสาวโสเพณี เฮอไมโอนี่สาวไฮโซ คนร้ายต้องการจะบอกอะไรกับเขา เบาะแสที่ทิ้งไว้มันคืออะไร จุดประสงค์ของการฆ่าที่แท้จริงคืออะไร คนร้ายต้องการอะไรจากการฆ่า
“ตัว H ......”
“คุณว่ายังไงนะ”
ร่างสุงเลิกคิ้วขึ้นนิดๆเมื่อลู่หานพูดตัวอักษรขึ้นมา ตัวอักษร H ที่มีอยู่ให้เห็นเต็มไปหมดตามร่างกายของศพและไหนจะกระดาษสีดำหม่นที่มีตัวอักษรนั้นเขียนไว้ในที่เกิดเหตุ ถ้าเซฮุนว่าคนร้ายอาจทิ้งบางอย่างเอาไว้ 'บางอย่าง'ที่ว่านั้นก็อาจเป็นอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ ลู่หานเริ่มประมวณข้อมูลต่างๆที่อ่านมา คนตัวเล็กหลับตาลงเพื่อใช้ความคิด
“H มันต้องมีความหมายสิ”
“มันอาจเป็นแค่การบ่งบอกตัวตน มันอาจเป็นแค่ชื่อ”
“แต่ชื่อของทุกคนก็ต้องมีความหมาย”
ลู่หานแย้งขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสียงดีดนิ้วของคนตัวเล็กดังไปทั่วห้อง
“ผมว่าคุณอาจคิดเยอะไปแล้ว”
“88 รอยแผล 88 ที่ รอยแทง 88 ครั้ง...............88 ตัวเลขที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แทนพวกนาซี 88 มาจากคำว่า Heil Hitler เมื่อเขียนย่อเป็นภาษาอังกฤษจะได้ตัวอักษร H สองตัว HH ซึ่งมันคล้ายกับตัวเลข 88 .......”
บทความในหนังสือ ‘ความเชื่อในตัวอักษร’ แล่นกลับเข้ามาในหัวของลู่หานเป็นฉากๆ มันคือหนังสือที่เขาพึ่งอ่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งคริสเป็นคนนำมาให้พร้อมกับแนะนำเป็นดิบดีว่าเป็นหนังสือที่ดีเเละจิกกัดไว้เล่นๆว่ามันอาจอธิบายอารมณ์ขึ้นๆลงๆนิสัยที่เดาไม่ได้ของลู่หานได้ ใจจริงเขาก็เเทบไม่อยากจะเเตะหนังสืออะไรพวกนี้นักแต่ด้วยความที่ตอนนั้นสำนักงานปิดเเล้วเเต่ลู่หานกลับต้องรอคริสที่ง้วนอยู่กับการสรุปรายงานงานของตัวเองทำให้เขาต้องหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่าเลี่ยงไม่ได้
ลู่หานอ่านได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องเลิกไปด้วยความขี้เกียจ และหนึ่งในไม่กี่ตัวอักษรที่เขาอ่าน หนึ่งในนั้นมันคือตัวอักษร H
ถึงจะเป็นแค่ข้อสันนิษฐานบ้าๆบอๆ แต่จิตใต้สำนึกของลู่หานกลับรู้สึกว่ามันมาถูกทางอย่างไม่น่าเชื่อ
หรือนี่จะเป็นสิ่งที่คนร้ายพยายามบอก มันอาจเป็นเมสเซจที่ทิ้งไว้ในศพก็เป็นไปได้
ลูุ่หานมองไปยังอีกคนในห้องที่มองมายังเขาด้วยสีหน้าที่จริงจังไม่แพ้กัน
“ลำดับที่ 8.....”
เสียงทุ้มต่ำของโอเซฮุนดังขึ้น
“อักษร H คืออักษรลำดับที่ 8 ในภาษาอังกฤษ”
.
ความคิดเห็น