ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #9 : RED 08

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57




    RED 08

     

    ร่าง บางนั่งกอดเข่าคู้อยู่บนฝาชักโครกในห้องน้ำแคบๆ ผิวกายเปลือยเปล่าขาวซีดสั่นระริกเพราะความหนาวเย็นจากลมด้านนอกที่พัดหวิว เข้ามาทางประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้  อยากปิด แต่มันทำไม่ได้ ห้องน้ำในหอพักของคริสเล็กเกินไปสำหรับผู้ชายสองคน ยิ่งคนตัวโตที่กำลังค้นถุงพลาสติกประทับโลโก้ร้านสะดวกซื้อที่เจ้าตัวแวะ ก่อนเข้ามาเพื่อหาเครื่องใช้ต่างๆแล้วนั้น  แบคฮยอนแอบแปลกใจไม่ได้ว่าคริสใช้ชีวิตอยู่ในที่แคบๆนี้ได้อย่างไร

     

    คริสแกะเอาแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมออกมา ก่อนจะหยิบเอายาสีฟันที่อยู่ตรงชั้นวางมาบีบใส่ลงไป  เตรียม น้ำใส่แก้วใบเล็ก แกะเอาฟองน้ำอ่อนนุ่มสำหรับขัดผิวออกมาจากห่อ รวมไปถึงครีมอาบน้ำและน้ำยาบ้วนปากด้วย เขาวางทุกอย่างเอาไว้ตรงชั้นวาง ก่อนจะหันไปหาคนตัวเกที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นเพราะความหนาวเนื่องจากทั้งร่าง กายนั้นไม่มีสิ่งใดปกปิดอยู่เลยแม้แต่น้อย

     

    อ้า ปากหยิบแก้วน้ำและแปรงสีฟันไปจ่อตรงหน้า แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือ แบคฮยอนยังคงอิดออดเช่นเดียวกับตอนที่ถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออก

     

    ผม ผมแปรงเองได้นะครับบอกออกไปเสียงอ่อย แค่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าอีกคนก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปอยู่ตรงไหน นี่ยังต้องมานั่งอ้าปากให้คริสแปรงฟันให้เหมือนเด็กๆ แบคฮยอนคิดว่าตัวเองโตเกินไปสำหรับโมเม้นแบบนี้

     

    มึงแปรงไม่สะอาด กูจะแปรงให้

     

    ผมแปรงสะอาดนะครับ

     

    ปากมาก ขี้เถียง กูบอกให้อ้าปากก็อ้าสิ ชอบแก้ผ้าท้าลมนานๆหรือไง

     

    เมื่อไม่มีทางเลือกแบคฮยอนจึงจำใจต้องอ้าปากออกให้อีกคนส่งแปรงสีฟันขนนุ่มเข้ามาทำความสะอาดช่องปากของตนทุกซอกทุกมุม  ยายที่ขนแปรงลากผ่นไปทั่ว ในหัวก็พาลนึกไปถึงส่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  กลิ่นคาวคลุ้งกลับมาอีกครั้งราวกับวิญญาณที่หลอกหลอนให้ต้องฝันร้ายยามค่ำคืน

     

    กูแปรงลึกไปหรอคริสเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนมีท่าทีเหมือนผะอืดผะอม

     

    เปล่าครับ ผมแค่นึกถึง

     

    แบ คฮยอนไม่ได้พูดอะไรต่อไปจากนั้น มือเรียวหยิบแก้วน้ำจากมอของคริสมาเพื่อบ้วนปากออกไป ยิ่งนึกถึงยิ่งขยะแขยง บ้วนน้ำซ้ำๆราวกับจะใช้มันชำระความสกปรกที่เกิดขึ้นออกไปให้หมด  คริสผ่อนลมหายใจช้าๆ มองดูร่างเล็กตรงหน้าอย่างนึกสงสาร  สำหรับคนทั้งโลกเรื่องแค่นี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แต่คนๆนี้ บยอนแบคฮยอน ไอ้ลูกหน้าของเขาบริสุทธิ์เกินไป  อ่อนเดียงสาเกินไป  แก้วใสวาววับที่แสนบอบบางและควรค่าแก่การทะนุถนอมเมื่อมีรอยร้าวก็ไม่สามารถทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก  ตอนนี้ก็คงทำได้เพียงคอยประคองมันเอาไว้ให้ให้แตกสลายไปก็เท่านั้น

     

    มือหนาวางแปรงสีฟันในมือก่อนจะดึงแก้วออกมาจากคนตัวเล็กที่ยังคงเอาแต่บ้วนปากไม่ยอมหยุด  คริสประคองใบหน้างดงามขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง จดจ้องประสานสายตาลงไป มองลึกเข้าไปเหมือนต้องการจะสื่อความรู้สึกบางอย่าง

     

    พอแล้ว อย่าไปนึกถึงมันอีก อย่าไปจดจำมัน  ต่อไปนี้ให้นึกถึงแค่กู สัมผัสของกู  ให้มันเป็นของกู  คนเดียว เหมือนที่กูจะมอบมันให้กับมึง แค่มึงคนเดียวเท่านั้น
     

    คริสทาบทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากบางของแบคฮยอนที่เขาเคยได้สัมผัสไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้  จูบเม้มเบาๆไปทั้งทั้งกลีบปากลางไล้มุมปากอย่างอ่อนหวานไปจรดริมฝีปากบน  แบคฮยอนหลับตาลงปล่อยให้จิตใจล่องลอยยามรับสัมผัสของอีกคน  ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงเรียวลิ้นของคริสที่ไล้เลียริมฝีปากของตนจนเปียกชื้น

     

    สัมผัส ยิ่งอ่อนหวาน ยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้ม ลิ้นร้อนแสนอบอุ่นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก ย้ำสัมผัสให้คนตัวเล็กได้จดจำไปจนทั่ว ส่งมอบความอ่อนโยนชวนฝันแทนที่ความสกปรกโสมมที่ถูกคนสารเลวยัดเยียดให้

     

    ริม ฝีปากหนาผละออกอย่างอ้อยอิ่งเพื่อให้คนตัวเล็กได้กอบโกยอากาศไปใช้หายใจ แบคฮยอนหอบเบาๆก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาสอดประสานกัน ยิ่งทำให้เกิดความสับสน

     

    แบคฮยอนเคยคิดว่าชานยอลเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา แต่หลายครั้งที่รู้สึกไปว่าตนกำลังรักชานยอลมากไปกว่านั้น รักที่มากกว่าเพื่อน  

    ถ้าหากว่าเขารักชานยอลจริง แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร  ความ รู้สึกที่โหยหาคนตรงหน้า ความรู้สึกที่อยากขอร้องให้อีกคนโอบกอดเขาเอาไว้ อยากอยู่ด้วย อยากอยู่ข้างๆ อยากจับมือ อยากร้องขอสัมผัสแสนหวานจากอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    สิ่งนี้มันคืออะไร ความรู้สึกนี้คืออะไร

     

    จะ เป็นไปได้หรือเปล่าที่คนเราจะรักคนสองคนได้พร้อมๆกัน หัวใจของเรา ความรู้สึกของเรามันแบ่งครึ่งได้หรือเปล่า ถ้าเขารักชานยอลแล้วจะรักคุณคริสด้วยได้หรือเปล่า

     

     เขามันนิสัยไม่ดีจริงๆ แบคฮยอนคนนิสัยไม่ดี

    แบคฮยอนนั่งเอนหลังพิงผนังอยู่บนฟูกนอนบางๆ  แนบโทรศัพท์มือถือไว้กับหูและพูดคุยกับปลายสายเบาๆ  มินซอกโทรมาถามไถ่ทุกข์สุขของเขาเมื่อเห็นว่าหายตัวไปตั้งแต่เย็น  ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เล่าอะไรมากนัก  บอกแค่ตอนนี้อยู่กับคุณคริสและปลอดภัยดีเท่านั้น

     

    ให้พี่ลู่หานโทรไปบอกที่บ้านให้แล้วนะว่าตัวจะค้างบ้านเราเพราะติวจนดึก

     

    ขอบคุณนะมินซอก  ขอบคุณอาจารย์ลู่ด้วย  แล้วลูกหมาเป็นไงบ้าง

     

    สบายดี กินอิ่มนอนหลับ

     

    ฝากไว้ก่อนนะ  เดี๋ยวเราจะไปเอา  มินซอกไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ

     

    อืมๆ  แล้วพรุ่งนี้จะไปโรงเรียนมั้ย

     

    ไปสิ  ต้องไปอยู่แล้ว  เจอกันพรุ่งนี้  เรารักมินซอกนะ

     

     ร่างเล็กตัดสายแล้ววางมือถือไว้ใกล้ๆหมอน  นั่งเหม่อดูโทรทัศน์ไปเงียบๆ  รอคริสที่ออกไปหาอะไรมาเป็นอาหารมื้อดึก  ใจจริงก็ไม่คิดจะกินแล้ว แต่เพราะเขาพลาดมื้อเย็นไป  ซ้ำยังท้องร้องดังต่อหน้าเสียอีก คนตัวโตเลยทนไม่ไหวออกไปหาอะไรมาให้เขากินด้วยความรำคาญ

     

     

    แม้สายตาจะมองไปที่โทรทัศน์ราวกับกำลังตั้งใจมอง แต่ตอนนี้กลับเอาแต่คิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน  คยองซูจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาควรโทรไปถามไถ่จากชานยอลหรือเปล่า  มือเรียวกระชับโทรศัพท์แน่น  ชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดใจวางมันลง  ความกังวลเข้าจู่โจมในใจ  ชานยอลจะอยากคุยกับเขาหรือเปล่า  หากโทรไปชานยอลจะรับสายหรือเปล่า  พอคิดไปเช่นนั้น  ความกังวลมันก็สั่งให้เขาทิ้งความคิดที่จะติดต่อไป ถ้าอยากคุยกับเขาบ้างสักนิด  ชานยอลก็น่าจะโทรมาหาเขาแล้วไม่ใช่หรือ 

     

    บอกเราว่าแบคไม่ได้ผลักคยองซู

     

    นั่นเป็นประโยคเดียวที่เขาพอจะได้ยินจากปากของชานยอล  คำถามที่เขาไม่อาจตอบออกไปได้เต็มปากว่าเขาไม่ได้ทำ  ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ยองซูตกลงไป 

     

    ชานยอลอาจเกลียดเขาไปแล้ว

    .

    .

    .

     

    ร่างสูงโปร่งนั่งพิงพนักเก้าอี้หน้าห้องพักฟื้นของผู้ป่วยอย่างอ่อนล้า  ชานยอลอยู่เฝ้าคยองซูตั้งแต่ส่งตัวมาถึงโรงพยาบาล  จนตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว  พ่อแม่ของคนตัวเล็กที่เพิ่งมาถึงไม่นาน เอาแต่ร้องห่มร้องไห้  และมากกว่าเรื่องตกบันได  สิ่งที่เสียใจยิ่งกว่าคือเรื่องที่หมอบอกว่าคยองซูกรีดข้อมือของตนเองจนเป็นแผลยับเยิน  มันไม่ใช่แค่รอยเดียว  รอยเหล่านั้นมากกว่าสิบ  อาจจะยี่สิบ  หรือมากกว่านั้น   หมอสันนิษฐานว่าอาจเป็นไพโบล่า อย่างไรก็ต้องรอให้คยองซูฟื้นเสียก่อน เพื่อจะได้พูดุยกันให้รู้เรื่อง

     

    ก้มมองเครื่องมือสื่อสารในมือ หลายครั้งที่เลื่อนไปยังเบอร์ของคนที่คุ้นเคย  คนที่เขาอยากพูดคุยด้วยที่สุดอย่างแบคฮยอน  แต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจ เขาอยากให้แบคฮยอนเป็นฝ่ายโทรมาเพื่ออธิบายกับเขาก่อน  เพราะเขาเอ่ยคำถามไปแล้ว  แต่อีกฝ่ายยังไม่เอ่ยตอบ  แบคฮยอนเพียงเดินจากไป  ท่าทางตื่นกลัวไร้สติ เขาไม่คิดว่าแบคฮยอนจะทำร้ายใคร  ต่อให้ทำก็คงไม่ตั้งใจ  บางทีอาจเป็นอุบัติเหตุ  ไม่ว่าอย่างไร เขาอยากให้แบคฮยอนยืนยันกับเขาด้วยปากตัวเอง

     

    ได้โปรดเถอะ แบคฮยอน

     

    ฟื้นแล้ว! คยองซูฟื้นแล้ว!!!

     

    เสียงโวกเหวกจากภายในห้อง ซึ่งชานยอลจำได้ว่าเป็นเสียงของคุณแม่ของคยองซู  ร่างสูงลุกพรวดเข้าไปข้างใน  พอๆกับหมอและพยาบาลที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามอย่างรีบร้อนเช่นกัน  สายตามองไปที่ร่างเล็กที่ทำท่าทางตื่นกลัวสับสนต่อผู้นรอบข้าง

     

    ฮึก  คยองซูลูกคุณนายโดสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของสามี  หลั่งน้ำตาดีใจที่ลูกชายฟื้นขึ้นมาเสียที

     

    หมอเข้าไปใกล้ๆพลางตรวจดูอาการทั่วๆไปของคนป่วย  คยองซูยังเอาแต่มองซ้ายมองขวาดูเหมือนนขาดควมมั่นใจ  มองไปที่หมอบ้าง  มองไปที่พ่อแม่บ้าง  มองมาที่ชานยอลบ้าง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามสิ่งที่ทำให้คนฟังแทบจะหมดแรงทรุดลงไปกับพื้น

     

    พวกคุณเป็นใคร

     

     

    คงเพราะได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะนะครับ  หมอคิดว่าอาจเป็นเพียงแค่ชั่วคราว เพราะตอนที่ตรวจดูเราไม่พบความผิดปกติของสมองส่วนไหนเลย  หรือไม่ก็เรื่องของสภาพจิตใจ  อย่างที่เห็นว่าคนไข้กรีดข้อมือตัวเองอยู่หลายแผล  อาจเป็นความเครียด  หรือซึมเศร้า  บางคนก็ถึงขั้นเป็นไบโพล่า  แต่ถ้าเฉพาะเรื่องที่ความทรงจำสูญหายไปนี่  หมออยากให้ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ  ตอนนี้จำอะไรไม่ได้  อาจจะมีอาการหวาดกลัวต่อคนรอบข้างบ้าง  เพราะทุกอย่างจะดูใหม่สำหรับเขา

     

    ค่ะ  แล้วจะกลับบ้านได้เมื่อไรคะ

     

    อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ  อาการ โดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับคุณหมอผู้เป็นเจ้าของไข้ส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับคุณ และคุณนายโด คนเป็นพ่อแม่ร้สึกใจชื้นเมื่อหมอยืนยันว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายพวกเขานั้น ไม่มีอะไรน่าเป้นห่วง  ตอนนี้ที่ควรเป็นห่วงก็คงเป้นเรื่องที่อยู่ๆคยองซูก็ดันความจำเสื่อมจำใครขึ้นมาไม่ได้เสียอย่างนั้น  ท่าทางหวาดหวั่นต่อคนรอบข้างไม่เว้นแม้กระทั้งพ่อแม่ยิ่งทำให้ทั้งสองคนกลุ้มใจ  ดูเหมือนจะมีแต่ชานยอลเท่านั้นที่ลูกชายของพวกเขาพอจะยอมอ่อนลงให้  ดูท่าทีวางใจเมื่อได้พูดคุยด้วย  เดาว่าก่อนหน้าจะจำอะไรไม่ได้คยองซูคงจะติดชานยอลมากเลยทีเดียวสินะ

     

    ทั้งสองคนค่อยๆแง้มประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย  คยองซูที่กำลังนอนอยู่บนเตียงโดยมีชานยอลนั่งอยู่ขางๆนั้น  หันมามองเล็กน้อย  สายตาดูไม่ตระหนกเช่นเดิม  แต่ดูขาดความมั่นใจไม่น้อย  มองทางคนป็นพ่อเป็นแม่ที  หันกลับไปมองชานยอลที  ราวกับขอความเห็นของร่างสูง  ชานยอลพยักหน้าพลางส่งยิ้มบางเบาให้คยองซูเพื่อเสริมวามมั่นใจ

     

    คุณ พ่อ คุณแม่เยงของคนตัวเล็กถูกเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับกำลังกลัวบางอย่าง  ท่าทางไม่แน่ใจยามเรียกทั้งสองคนที่เข้ามาหน้าประตูช่างดูน่าสงสาร

     

    ใช่แล้วลูก  นี่พ่อกับแม่เองนะผู้เป็นพ่อยิ้มด้วยความปิติ  ที่เห็นลูกชายเรียกเขาอย่างนั้น  แม้ว่าจริงๆแล้วจะยังจำไม่ได้ก็ตาม

     

    อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วนะลูก  กลับบ้านเรากันนะคุณนายโดเอ่ยอย่างใจดีก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหา

     

    ท่าทางของทั้งสองคนช่างดูเป็นพ่อแม่ที่แสนใจดี  พวกเขาดูรักคยองซูมากจนชนยอลอดแปลกใจไม่ได้ว่า  พ่อแม่สองคนนี้น่ะหรือที่เป็นคนกดดันลูกตัวเองจนพยายามฆ่าตัวตาย  ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  พวกเขาก็คงรักคยองซูมากเกินไป  จนหยิบยื่นความหวังดีที่เกินตัวให้โดยไม่ตั้งใจก็เป็นได้

     

    บ้าน?”คยองซูมีท่าทางครุ่นคิด

     

    บ้านของเราไงลูก มีพ่อ  มีแม่ แล้วก็คยองซูไงครับ

     

    พ่อ แม่ คยองซู  แล้วชานยอลล่ะ  ชานยอลอยู่ที่ไหนคนตัวเล็กหันไปถามชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

    เราอยู่ที่บ้านของเรา

     

    ทำไมไม่อยู่กับคยองซูล่ะ  คยองซูอยากอยู่กับชานนะ
     

    ชาน

     

    คยองซูเรียกเขาว่าชานงั้นหรือ

     

    เขาเป็นคนบอกให้คยองซูแทนตัวเองด้วยชื่อเอาไว้  เพราะแฟนตัวเล็กของเขาจำได้แม้กระทั้งชื่อของตัวเอง  การแทนชื่อตัวซ้ำๆบ่อยๆ  จะได้ช่วยให้จำได้ง่าย  แต่ชื่อของเขา  ควรจะเป็นชานยอลสิ ทำไมอยู่ดีๆถึงเรียกแค่ ชาน  แล้วตัวแองทำไมเมื่อได้ยินแบบนี้กลับไปคิดถึงอีกคนขึ้นมา 

     

    คนที่เรียกเขาว่า ชาน อยู่เสมอตั้งแต่ยังเด็ก

     

    เสียงเล็กๆที่ติดจะงอแงนั้น  ยามเอ่ยเรียกเขาช่างแสนน่าฟัง  ดังก้องอยู่ในทุกประสาทสัมผัส  ยิ่งคิดถึงยิ่งอยากได้ยิน   อยากฟังเสียงนั้นอีก   อยากได้ยินเสียงของแบคฮยอนยามเรียกชื่อเขาในเวลานี้

     

    ชาน เราเบื่อ

     

    ชาน  ไปกินไอติมกันนะ

     

    ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอีกแล้วนะชาน’  

     

    งื้อ  คิดถึงชานจังเลย

     

    คิดถึงเหมือนกัน แบคฮยอน

     

    ชานยอลเสียงเรียกของคยองซูดังขึ้นพร้อมแรงสะกิด

     

    ชานยอลที่รู้สึกตัวว่าเผลอเหม่อไปนั้นรีบหันกลับมาสนใจคนที่นอนอยู่บนเตียง  และผู้ใหญ่ทั้งสองที่มองเอยู่ราวกับต้องการบางอย่าง

     

    ชานยอลตกลงหรือเปล่าลูกคุณนายโดเอ่ยถามเสียงดูเป็นกังวล  แต่คนตัวสูงไม่เข้าใจนัก  อะไรคือ  ตกลงหรือเปล่า  ตกลงอะไร  เรื่องอะไรกัน  สายตาลอกแลกของชานยอลคงทำให้ทุกคนที่เห็นเข้าใจได้ว่าเมื่อครู่นี้ชานยอลนั้นไม่ได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดนั้นเลย

     

    ลุงคิดว่า  อยากให้ชานยอลช่วยดูแลคยองซูหน่อย  คยองซูเอาแต่อยากจะไปอยู่กับชานยอล  พวกลุงก็ไม่อยากรบกวนมากนักหรอกนะลูก  แต่เวลาที่ลูกชายลุงจำอะไรไม่ได้แบบนี้  ชานยอลเป็นที่พึ่งของพวกเราจริงๆ

     

    ร่างสูงอึกอัก  อะไรคือให้เขาดูแลคยองซู  อะไรคือให้คยองซูอยู่กับเขา

     

    หมายความว่าจะให้คยองซูไปอยู่กับผมหรือครับ

     

    คือ  ป้าอยากรบกวนจนกว่าคยองซูจะดีขึ้น  แต่ถ้าชานยอลลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะลูกคุณนายโดเอ่ยเสียงเบาหวิว  พลางมองลูกชายที่กอดแขนชานยอลเอาไว้จนแน่น  พวกเขาเองก็เกรงใจเด็กชายตัวสูงเหลือเกิน  แต่เพราะคยองซูดื่อแพ่งจะอยู่กับชานยอลให้ได้ เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

     

    ใช่ว่าชานยอลจะรังเกียจคยองซู  ถ้าหากรังเกียจก็คงไม่คบหาเป็นแฟนกันได้ตั้งนานหลายเดือน  ใช่ว่าจะลำบากหากต้องมีคนเพิ่มเข้ามาในบ้านอีกคน  บ้านของเขาใหญ่โตเสียจนมีคนเพิ่มมาอีกสิบก็ยังไม่แออัด  แต่ที่เข้ากังวลคือเรื่องบานข้างๆนั้นต่างหาก  เป็นที่รู้กันดีว่าเขากับแบคฮยอนถูกหมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว   หากเขาเอาคยองซูไปอยู่ในบ้าน  ครอบครัวบยอนจะคิดอย่างไร  

     

    คยองซูอยากอยู่กับชานจริงๆนะ  ไม่อยากอยู่กับคนอื่นเลย  คนอื่น่ากลัวเสียงเอ่ยขอที่แสนน่าสงสารของคยองซูก็ทำชานยอลใจอ่อนให้นตัวเล็กอีกครั้ง

     

    เขาจะอธิบายให้ครอบครัวบยอนเข้าใจเองก็ได้นี่นะ  ถ้าจะให้ใจร้ายกับคยองซูเขาก็คงทำไม่ได้  มันช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่คยองซูผู้สูญเสียความทรงจำไปแม้กระทั่งชื่อตนเอง แต่กลับสร้างความคุ้นเคยกับเขาได้เร็วอย่างน่าประหลาด

     

    ผมขอคุยเรื่องนี้กับที่บ้านก่อนนะครับ

     

    อืม ขอบใจนะชานยอล

     

    ครับ  งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ  เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาเยี่ยมก่อนไปเรียนนะคยองซูชานยอลขออนุญาตจากผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาบอกคยองซูที่ตอนนี้ทำหน้าราวกับจะร้องไห้

     

    พรุ่งนี้  พรุ่งนี้ชานต้องมาหาคยองซูนะ  สัญญานะ

     

    ครับ  สัญญา

     

    เมื่อเอ่ยล่ำลากันจนพอใจ  ร่างสูงก็เดินออกมาก่อนจะโทรตามใหคนที่บ้านมารับ  เพราะเห็นว่าเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว  จะกลับเองก็คงลำบาก  แล้วแบคฮยอนล่ะ  ดึกดื่นป่านนี้แบคฮยอนของชานจะกลับบ้านหรือยังนะครับ

    .

    .

    .

     

    ร่างของคนสองคนที่ขนาดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้น  นั่งนิ่งอยู่บนพื้น  สายตาของทั้งสองคนจ้องไปที่บะหมี่ถ้วยตรงหน้าของตนเอ งอย่างแน่วแน่ 

     

    ติ๊ง!

     

    ทันทีที่เสียงเตือนของนาฬิกาจับเวลาดังขึ้น  ทั้งสองคนก็คว้ารามมยอนตรงหน้ามากินอย่างรวดเร็วราวกับว่ารอมานานแสนนาน  ต่างคนต่างตั้งใจสูดเส้นเข้าปากโยไม่สนใจอีกฝ่าย  จนในที่สุดคริสก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้  ร่างสูงชะงัก  วางถ้วยรามมยอนลงบนพื้นแล้วมองไปที่แบคฮยอนที่ยังคงกินไม่หยุด

     

    เฮ้ย ไอ้เตี้ย  มึงหิวมาจากไหนนักหนาเนี่ย  ขอบคุณกูสักคำยังไม่พูดเลย  แดกอยากกับไม่เคยเจอบะหมี่ถ้วย

     

    คือ…”แบคฮยอนค่อยๆวางถ้วยลงแล้วมองคริสอย่างอายๆ   จะให้บอกจริงๆหรือว่าเขาไม่เคยกินรามยอนน่ะ  โถ่เอ้ย

     

    อย่าบอกนะว่าไม่เคยแดก

     

    ก็ เพิ่งเคยกินครั้งแรกครับ

     

    ร่างสูงถึงกับกุมขมับ  ทำไมเขาถึงลืมนึกไปได้นะว่าไอ้ลูกหมานี่มันโตมาแบบไหน  ครอบครัวเป็นอย่างไร  รามยอนไม่เคยแตะ หึ  บางทีพวกผู้ดีก็พลาดของอร่อยๆไปนะ  บอกเลย 

     

    มัวแต่นึกเย้ยหยันครอบครัวคนอื่น  กว่าจะรู้ตัวอีกที  ก็เห็นว่าแบคฮยอนนั้นเลิกสนใจตนเอง แล้วไปสนใจถ้วยบะหมี่แทนเสียนี่  นี่คือกูพูดไม่ฟัง รู้สึกว่าความหิวจะทำให้คนเราเปลี่ยนไป

     

     “คุณคริสไม่ทานหรอครับ

     

    ก็แดกอยู่เนี่ย! เออ  ทำไมมึงต้องเรียกกูว่าคุณวะ

     

    ครับ ก็ ก็เราไม่ได้สนิทกันตอบเสียงเบาเพราะไม่มั่นใจว่าคำตอบของตนนั้นจะเป็นที่พอใจของอีกฝ่ายหรือไม่

     

    ไม่สนิท นี่กูดูดปากมึงมาสองรอบแล้วยังไม่สนิทอีกหรอวะ

     

    แทบสะสำลักรามยอนออกมาเมื่อเจอประโยคที่ใช้ถ้วยคำแสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุด

    เขินจนอิ่มเลยแฮะ

     

    เห็นทีไอ้ห่าจงอินกับไอ้เทาเรียกมันพี่ได้

     

    ก็เขาให้เรียกนี่ครับ  คุณคริสก็อยากให้เรียกพี่เหมือนกันหรือครับ?”เหมือนจะเริ่มเดาได้ว่าคริสต้องการสิ่งใด 

     

    กูเปล่า  ใครอยาก  เพ้อเจ้อล่ะมึง

     

    พี่คริสแบคฮยอนลองเชิงดู

     

    ร่างสูงถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กที่เรียกเขาอย่างสนิทสนม  มันเพราะจนอยากจะร้องขอให้เรียกซ้ำอีกครั้ง  อยากได้ยินอีกครั้ง  แต่ระดับไอ้คริสแล้วนั้น  อย่างไรก็ต้องรักษาฟอร์มเอาไว้ก่อน

     

    ไม่ต้องมาซ้อมเรียก  มึงรีบแดกให้เสร็จเลยจะได้รีบนอน

     

    อ่า  ครับพี่คริส

     

    ว๊ากกกก ไอ้เตี้ย!     


    TBC.



    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ



                                                                                                                                                                         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×