คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : RED 07
RED 07
“นี่จะไปกับรถชานยอลกันหมดเลยหรอ”ลู่หานเอ่ยถามเมื่อมินซอกยืนยันว่าไม่ต้องการให้ตนไปส่งที่โรงเรียน
“อื้ม ฝากดูพี่จงอินด้วยนะ ป๊าอนุญาตให้นอนพักที่นี่กันได้ก่อน แล้วก็คอยดูอย่าให้ป๊าทำไรพี่เทาด้วยนะ”
“ครับ คุณหนู โอ๊ย!”เสียงประชดประชันทำเอามินซอกต้องกำลังเพราะความหมั่นไส้
“อย่า มาประชดพี่ลู่หาน อย่าลืมที่สั่งล่ะ ไปนะ”มินซอกบอกแล้วรีบวิ่งออกไปหาชานยอลกับแบคฮยอนโดยไม่สนใจลู่หานที่ยืน กุมท้องเพราะโดนคนตัวเล็กชกเอาเมื่อครู่
แบ คฮยอนและมินซอกเดินกอดแขนกันเข้ามาในโรงเรียนในขณะที่ชานยอลเดินตามหลังทั้ง คู่มาเงียบๆ เขากำลังใช้ความคิด กำลังหาทางออกให้ตัวเอง ถ้าเบอกเลิกคยองซูตอนนี้ล่ะ….
“อะไร เนี่ย”เสียงบ่นเบาๆของมินซอกเรียกให้ชานยอลต้องสนใจ ดวงตาคู่สวยมองไปด้านหน้า ดูเหมือนสาเหตุที่ทำให้มินซอกต้องไม่สบอารมณ์คงจะเป็นคยองซูที่กำลังนั่งคุย เล่นกับจุนมยอนอย่างสนิทสนม
เขา กำลังมองดูใบหน้าน่ารักของคยองซู ใบหน้าที่กำลังยิ้มอย่างสดใสยามพูดคุยออกรสกับเพื่อนใหม่ ใบหน้าที่เขาคิดว่ามันช่างน่าสงสารที่สุดยามที่ต้องเสียน้ำตา อีกแล้ว เขาแพ้ทางคยองซูอีกแล้ว แค่เห็นหน้า แค่เห็นว่าอีกคนดูสดใสแค่ไหนในยามมีความสุข ความคิดที่จะบอกเลิกก็หายไปในทันที ชานยอลละสายตาของแฟนตัวเล็กมามองแผ่นหลังบางของแบคฮยอนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ฉันขอโทษนะแบคฮยอน แต่ฉันทิ้งคยองซูตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
ร่าง สูงเดินผ่านแบคฮยอนและมินซอก เพื่อตรงเข้าไปหาคยองซู ยางก้าวที่แสนยากลำบากคือยามที่ต้องเดินผ่านแบคฮยอนไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขึ้น ทำเหมือนทุกๆวัน ทำเหมือนว่าไม่เคยบอกแบคฮยอนไปว่ารักมากแค่ไหน
แบ คฮยอนหันไปยิ้มให้มินซอกก่อนจะจูงมือให้เดินตามชานยอล เขาไม่ได้เสียใจ แค่น้อยใจเล็กๆที่ชานยอลเดินผ่านพวกเขาไปโดยไปเอ่ยปากอะไร แต่บยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้มาเป็นประเด็นให้ ต้องทะเลาะกันในกลุ่มเพื่อน เขายังมีเรื่องให้ชวนปวดหัวมากกว่านี้ อย่างเช่นเรื่องคยองซูที่คุณคริสยืนยันว่าอย่างไรเย็นนี้ก็ต้องได้ตัวไปให้ พวกแทคยอน
“อ้าว มาพร้อมกันเลย”เป็นจุนมยอนที่เอ่ยทักขึ้นมาก่อน ส่วนคยองซูเพียงแค่หันมามองชานยอล ส่งยิ้มเบาๆและมองเลยไปที่แบคฮยอน
“อืม ไปรับแบคฮยอนกับมินซอกมาน่ะ”ชานยอลตอบยิ้มๆ
“นี่…มาด้วยกันหรอ?”คยองซูเลิกคิ้วอย่างข้องใจ
“ใช่สิ ชานยอลไปรับแบคฮยอนน่ะ เราเลยขอติดรถมาด้วย”มินซอกรีบแทรกตอบไปก่อนใคร
“ชานยอลน่ะหรอ ไปรับแบคฮยอนหรอ”ดวงตากลมโตรี่ลงเล็กน้อย บ่นพึมพำกับตัวเอง
ชาน ยอลไปรับแบคฮยอนงั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร สิ่งที่เขากรอกใส่หูไปเมื่อวานนี้ชานยอลไม่ได้สนใจเลยหรือไงนะ ทำไมเช้านี้ถึงได้ไปรับไปโอ๋กันถึงที่ได้แบบนี้
“โอ๊ย คยองซู”จุนมยอนร้องออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บบริเวณตนแขนที่คยองซูจับอยู่
เป็นอะไรของเขานะ อยู่ดีๆก็บีบซะแรง
“เอ่อะ…ขอโทษนะจุนมยอน เราไม่ตั้งใจ ขอโทษนะ”
“นี่ ทำอะไรเพื่อนเราเนี่ย หลบไปเลยนะ”มินซอกถือโอกาสนี้มาดึงตัวจุนมยอนให้ห่างจากคยองซู
“เรา ไม่ตั้งใจ พอดีเราคิดอะไรเพลินๆอยู่ ขอโทษนะ เจ็บมากหรอ เรา ฮึก เราขอโทษ ฮึก ฮึก จุนมยอนอย่าโกรธเรานะ มิน ฮึก มินซอกด้วย อย่าเกลียดเรานะ เราขอโทษ”คยองซูเอ่ยขอโทษพลางเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น จนชานยอลที่ยืนอยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาดูอย่างห่วงใย
“พอเถอะมินซอก คยองซูกลัวแล้วเห็นมั้ย”
“อ่อ นี่เราผิดหรอ”คนแก้มป่องชี้นิ้วเข้าหาตัวอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่น่า”ชานยอลพยายามอธิบายในขณะที่ยังโอบปลอบคยองซูที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ไม่หยุด
“ชาน ยอลไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกมินซอก ก็แค่ตัวดุคยองซูเกินไป เราเองก็แค่เจ็บนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมากเลยนะ”จุนมยอนรีบช่วยพูด หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
“นี่ เข้าข้าง?”ไม่ต้องรอฟังคำตอบ มินซอกก็รีบเดินหนีไปทันที ทั้งชานยอลและจุนมยอนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หันไปหาแบคฮยอนที่ยืนเงียบไม่พูดอะไรมาสักพักใหญ่
แบ คฮยอนทำเพียงแค่มองไปที่คยองซูที่ยังคงไม่เลิกสะอื้น ก่อนจะเดินตามมินซอกไปโดยไม่พูดอะไร จุนมยอนที่เห็นท่าทางไม่ค่อยดีของเพื่อนทั้งสองคนที่เพิ่งเดินหนีกันไปนั้น ก็ได้แต่วิ่งตามไปช้าๆ เคาไม่ชอบบรรยากาศแย่ๆในยามเช้าเลยจริงๆ แบบนี้จะไปเรียนรู้เรื่องได้อย่างไร
ส่วน ชานยอลนั้นแม้ว่าจะอยากตามสามคนนั้นไป แต่เขาก็ทิ้งให้คยองซูทียังร้องไห้ขวัญเสียไว้คนเดียวไม่ได้ นับวันเรื่องต่างๆยิ่งแย่ลง มันเคยดีกว่านี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเคยดีกว่านี้มาก แต่ตอนนี้เป็นเพราะอะไร เพราะคยองซูที่เข้ามา? เพราะเพื่อนของเขาไม่ยอมเปิดใจ หรือเพราะเขาเองที่ทำให้เรื่องมันยิ่งแย่ ความไม่เข้าใจกันและกัน ความไม่ยอมรับในกันและกัน ปัญหาเหล่านี้คือสิ่งที่เขาทำให้มันเกิดขึ้นและเขาควรเป็นคนหาทางออก หาทางแก้ไข แต่เขาก็ไม่เคยทำมัน ปล่อยให้มันเรื้อรังราวกับโรคร้าย ปล่อยให้ความรู้สึกด้านลบเล็กๆหยั่งรากลึกลงไปจนเติบโตเป็นความเกลียดชัง ไม่มีใครเข้าหน้าใครติด เขาทำให้เรื่องมันกลายเป็นเช่นนี้ เขาทำมันทั้งหมดอย่างโง่เขลา
ปาร์คชานยอลคนโง่
.
.
.
“จุ นมยอนไม่ได้โทษมินซอกหรอกนะ”มือเรียวสวยของแบคฮยอนกุมมือของมินซอกที่นั่ง อยู่ข้างๆกันเอาไว้ เขาตามมินซอกมาสักพักจนอีกฝ่ายหนีมานั่งอยู่ริมระเบียงทางเดินหน้าห้อง เรียน
“คยองซูร้ายกาจ แบคเชื่อเรามั้ย หมอนั่นต้องคิดเรื่องแย่ๆอยู่แน่นอน มี อย่างที่ไหน เมื่อก่อนแทบไม่เคยคุยกัน อยู่ดีๆก็มาจงใจสนิทสนมกับพวกเราจนผิดปกติ พวกเราไม่เท่าไรหรอก แต่จุนมยอนน่ะสิ หัวอ่อนแบบนั้นรู้ไม่ทันคยองซูหรอก”
“เรื่องมันอาจไม่ได้แย่แบบนั้นก็ได้นะ”
“บยอน แบคฮยอน เลิกมองทุกอย่างเป็นสีขาวได้แล้ว ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่าแค่เรื่องที่ขอร้องไม่ให้บอกใคร โดคยองซูตัวแสบนั้นยังไปแจ้งความจนพวกนั้นมากระทืบพี่จงอินปางตายน่ะ แล้วคิดดูสิว่าพวกมันมาตามหาคุณคริสแท้ๆยังทำพี่จงอินเจ็บขนาดนั้น ถ้าได้ตัวคุณคริสไปจริงๆนี่ไม่ถึงตายงั้นหรอ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ ตกลงจะพาคยองซูไปรึเปล่า”
“ก็….”
แบ คฮยอนนครุ่นคิดอย่างหนัก เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เห็นสภาพพี่จงอินเมื่อวานก็พอจะรู้ว่าคนพวกนั้นเอาจริงแน่ๆ แต่จะให้คยองซูไปแบบนั้น เขาจะไม่ดูเหมือนคนจิตใจอำมหิตไปหน่อยหรือ
“ตัวต้องเลือกแล้วนะ ระหว่างคยองซูกับคุณคริส”
“มินซอก!!!”เสียงของจุนมยอนขัดจังหวะขึ้นมา คนตัวขาวเดินเข้ามาหา หายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
ดูเหมือนจะวิ่งมาสินะ
คน ถูกเรียกไม่ได้สนใจมากนัก มินซอกก็พอเข้าใจว่าเรื่องมันไร้สาระ และไม่ใช่ความผิดจุนมยอน แต่ยังไงเขาก็เคืองอยู่ดี ดุเขาต่อหน้าคยองซู ป่านนี้ตัวแสบนั้นคงหัวเราะสมน้ำหน้าเขาอยู่ในใจจนอกแทบระเบิดแล้วมั้ง
“มิ นซอกอ่า เราขอโทษนะเมื่อกี้ อย่าโกรธเรานะ”จุนมยอนเดินไปนั่งอีกข้างของเพื่อนแก้มป่องพลางส่งสายตาขอ ความช่วยเหลือไปหาแบคฮยอนเมื่อมินซอกยังคงนิ่งอยู่
แบคฮยอนทำเพียงแค่ส่งยิ้มไปให้ ส่ายหน้าเบาๆ แล้วลุกเนเข้าห้องเรียนไปก่อน มันไม่ใช่เรื่องของเขา ถึงจะเพื่อนเขาทั้งคู่ แต่ทุกๆเรื่องย่อมมีขอบเขคของมัน อีกอย่างหลายครั้งที่เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น คนอื่นชอบอาศัยเรื่องที่มินซอกมักจะยอมอ่อนให้เขาอยู่เสมอนั้นมาเป็นโอกาส ในการส่งเขาให้เป็นคนกลางไปถึงมินซอก เขาว่ามันดูขาดความพยายามและความจริงใจเกินไปหน่อย ยิ่งเรื่องนี้ ชัดเจนว่าจุนมยอนต้องเป็นคนจัดการเอง
“มินซอก ได้โปรดดดดดดดดดดด”จุนมยอนเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะกอดมินซอกเอาไว้แน่นๆ เอาหน้าถูกับแขนอีกคนไปมาราวกับจะอ้อน
นี่คุณหนูจุนมยอนเขาทำอะไร? คิดจะง้อคนอย่างคิมมินซอกด้วยวิธีเด็กๆแบบนี้หรือไง
ชิ! บอกเลยว่า
ได้ผล
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ขำเราทำไมล่ะ มินซอกอ่า นี่หายโกรธแล้วใช่ป่ะ”
“เราไม่ได้โกรธสักหน่อย แค่เคืองเฉยๆ แต่ก็นิดเดียว ช่างมันเถอะ เราไม่อยากเอามาใส่ใจแล้ว”
“ถึงไม่โกรธเราก็ต้องบอกนะ เราไม่ได้อยากว่ามินซอกนะ ก็แค่ตกใจที่คยองซูร้องไห้น่ะ”
“บอกว่า ช่างมันไง เราจะโกรธจริงๆตอนตัวเอ่ยชื่อคยองซูนี่แหละ”มินซอกหน้างอขึ้นมาแทบจะทันที โดคยองซูงั้นหรือ แค่ได้ยินชื่อก็ชวนให้อารมณ์เสีย
“มิ นซอก อย่าอคติกับคยองซูสิ คยองซุเป็นคนน่ารักมากเลยนะ ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ”จุนมยอนไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเพื่อนแก้มป่องของตนต้องคอย ตั้งแง่กับคยองซูอยู่เรื่อย ทั้งๆที่คนตาโตนั้นก็เป็นคนน่ารัก ซ้ำยังเป็นเพื่อนที่ดี เพิ่งได้ทำความรู้จักกันแต่คยองซูก็ดีกับเขามาก
“วันนี้ตัวดุเราเพราะคยองซูสองครั้งแล้วนะคิมจุนมยอน ตอนนี้เราโกรธจริงๆแล้ว เพราะงั้นก็เลิกคุยกนเลย เราจะเห้องเรียนแล้ว”
“มินซอกอ่า ไม่ใช่นะ นี่! คิมมินซอก”จุนมยอนได้แต่ตะโกนไล่หลังไปเมื่อมินซอกลุกหนีเขาแบบไม่หันกลับมามองอีก
ตลอด ทั้งชั่วโมงเรียนเต็มไปด้วยความอึดอัด วันนี้มินซอกไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่คุยกับใคร แม้แต่กับคนที่นั่งข้างๆกันอย่างแบคฮยอนที่เหม่อออกนอกหน้าต่างแทบจะตลอด เวลา ไม่ต่างจากชานยอลที่นั่งอยู่ด้านหลัง รายนั้นก็เหม่อบ้างฟังอาจารย์บ้าง และจุนมยอนที่เรียนแทบ
ไม่รู้เรื่องซ้ำยังนั่งทำหน้าราวกับจะร้องไห้จนชานยอ ลต้องคอยหันไปมองด้วยความเป็นห่วง
“ขออนุญาตไปห้องน้ำครับ”เป็นแบคฮยอนที่อยู่ดีๆก็ลุกพรวดขึ้นมา ไม่รอคำอนุญาตจากผู้สอนรางเล็กก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน มิ นซอกเพียงแค่มองตามอย่างสงสัยต่ไม่ได้ตามออกไป จุนมยอนเองก็เช่นกัน มีเพียงชานยอลเท่านั้นที่ดูเหมือนจะอยากตามออกไป ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดไป เขาเห็นคยองซูผ่านหน้าห้องไปก่อนที่แบคฮยอนจะพรวดพราดออกไป ทำไมถึงรู้สึกว่าจะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น
แบ คฮยอนก้าวตามคยองซูไปอย่างรวดเร็วจนถึงห้องน้ำ ยืนรอนิ่งๆอยู่จนอีกคนทำธุระเสรจเรียบร้อย เขามีบางอย่างต้องคุยกับอีกฝ่าย เขารู้ว่าคยองซูต้องเป็นคนแจ้งความแน่นอน แต่ก็ยังอยากถาม อยากรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายทำมันลงไป คนเราจะทำอะไรย่อมมีเหตุผลไม่ใช่หรือ เขาเชื่อว่าคยองซูก็ต้องมีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน
“อ้าว แบคฮยอน”คยองซูชะงักไปเมื่อพบว่าแบคฮยอนยืนอยู่หน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เรื่องเมื่อเช้าโอเคหรือยัง ขอโทษแทนมินซอกด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราเองก็ตกใจเว่อร์เกินไป”
“อืม คือว่า เรามีเรื่องอยากคุยด้วย ส่วนตัว”
“คุย กับเรา? ได้สิ”คยองซูเดินนำมาที่มุมบันไดเมื่อแบคฮยอนบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว บริเวณนี้ก็คงหมาะที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วนักเรียนจะใช้ลิฟท์อีกฝั่งสำหรับขึ้นลง บันไดของอาคารเรียนนี้ก็แทบจะไม่เคยมีใครใช้ ยิ่งชั้นเจ็ดแบบนี้ก็คงยากเกินไปที่จะต้องพยายามเดินขึ้นลงเอง
“เรื่อง วันก่อน คยองซูแจ้งตำรวจหรอ”คำถามที่ตรงประเด็นของแบคฮยอนทำให้คยองซูรู้สึกตกใจเล็ก น้อย ทั้งตกใจที่ถูกจับได้ และตกใจที่ดูเหมือนแบคฮยอนจะกล้าหาญมากกับเรื่องนี้ ปกติต้องคอยทำท่าทางเกรงใจไปเสียทุกอย่าง
“เรา เราไม่มีทางเลือกนะแบคฮยอน สิ่งที่พวกนั้นทำมันผิด จะให้ปล่อยไปเฉยๆหรือไง”
“แต่ พวกเขาก็บอกแล้วว่าถ้าแจ้งตำรวจจะไปทำร้ายเพื่อนของเรา คยองซูรู้มั้ยว่าเมื่อวานมีคนเจ็บปางตายเพราะพวกนั้นโกรธที่ตำรวจรู้เรื่อง พวกเขาน่ะ เราก็รู้ว่าพวกนั้นทำผิด แต่ปล่อยไปสักเรื่องไม่ได้หรอ คยองซูไม่ห่วงคนอื่นเลยหรอ คนที่เจ็บไม่ใช่เพื่อนคยองซูก็จริง แต่เราล่ะ เราก็เป็นคยองซูนะ เราขอร้องก็ไม่คิดจะฟังบ้างหรอ” แบคฮยอนเอ่ยถามออกไปทั้งหมดที่คั่งค้างสงสัย เขาต้องการคำตอบที่ดีกว่าการบอกว่าเพราะพวกแทคยอนทำผิด เขาไม่ข้องใจเรื่องความถูกผิดและจิตสำนึกของอีกคน แต่เขาข้องใจในเรื่องความเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย แบคฮยอนมั่นใจว่าถ้าเป็นเพื่อนคนอื่น ถึงไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่ถ้าขอร้องกันโดยมีความเป็นความตายมาเสี่ยง อยางไรเสียก็ต้องปิดปากเงียบแน่นอน
“เพื่อน? ตลกหรือเปล่าแบคฮยอน เราไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่เคยเป็น เราเป็นแฟนชานยอล ชานยอลต่างหากที่เป็นเพื่อนของแบคฮยอนน่ะ เป็นแค่เพื่อน”น้ำเสียงเย้ยหยันถูกส่งออกไป คยองซูกระตุกยิ้มสมเพชอีกฝ่าย ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแสร้งว่าอยากคบหาด้วย จากที่คิดว่ามีเพียงมินซอกที่เป็นตัวปัญหาของเขา กลับกลายเป็นแบคฮยอนเพิมมาอีกคนเมื่อไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ดูเหมือนชานยอลจะ ตัดแบคฮยอนออกไปไม่ได้ ในเมื่อชานยอลไม่ทำ เขาก็จะทำเอง
แบคฮยอนที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปกับคำพูดและท่าทางของคยองซูก็ตั้งสติอีกครั้งแล้วรั้งแขนอีกฝ่ายไว้เมื่อเห็นว่ากำลังจะเดินหนี
“นี่ คือเหตุผลที่คยองซูไปบอกชานยอลเรื่องคุณคริสใช่มั้ย”คิดว่าจะทำเป็นลืมไป เรื่องที่ชานยอลมาฟาดงวงฟาดงาใส่เขาเมื่อวานเพราะคยองซูไปบอกเรื่องแทคยอน ซ้ำยังลามไปพูดเรื่องคุณคริสด้วย แต่ในเมื่อพูดกันตรงๆแบบนี้ เขาก็จะขุดมาพูดให้หมดเช่นกัน
“หึ”คยอง ซูพยายามจะสบัดมือออกแต่ก็ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่ยอมง่ายๆ ออกแรงรั้งแขนเอาไว้สุดกำลัง ดึงดันกันอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดแบคฮยอนก็ปล่อยออกอย่างรวดเร็วราวกับตกใจบางอย่าง สายตาคู่นั้นจ้องมองไปยังข้อมือขาวของคยองซูที่โผล่ออกมาพ้นแขนเสื้อนัก เรียนที่ถลกข้นไปเมื่อครู่
ร่อง รอยบาดแผลจากของมีคนนับสิบๆรอยอยู่บนนั้น ทั้งรอยเก่าที่เป็นแผลแห้งนูน รอยที่ดูเหมือนเกิดขึ้นไม่นาน ทุกรอถูกาดซ้ำไปซ้ำมาที่ข้อมือนั้นดูน่าสยดสยอง
กรีดข้อมืองั้นหรือ
ทำไมร่องรอยถึงได้มากมายเพียงนั้น
“ค..คยองซู”แบคฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“นี่! อย่ามามองฉันเหมือนสมเพชแบบนั้นนะ”คยองซูดึงแขนเสื้อกลับมาปิดข้อมือไว้ก่อนจะรีบเดินหนี
“ไม่ใช่นะ! เราไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”แบคฮยอนไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาสมเพส อย่างไรก็ต้องอธิบายให้เข้าใจเสียก่อน
ออกแรงรั้งอีกคนเอาไว้ แต่คยองซูกลับพยายามสลัดแบคฮยอนออกไป
“ฟังเราก่อน เราไม่ได้คิดแบบนั้นนะ มันเกิดอะไรขึ้นคยองซู”แบคฮยอนรั้งเอาไว้เต็มที่แม้จะถูกสลัดออกหลายครั้ง
“อย่ามายุ่งนะ! ฉันไม่ อ๊ะ!”
กึก! กึก กึก กึก พลัก!
“คยองซู!” แบคฮยอนกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นร่างของคยองซูที่พยายามจะสลัดเขาออกนั้นเสีย หลักกลิ้งลงบันไดไปนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่ชั้นพักล่างสุด
นักเรียนหลายคนเริ่มเข้ามารุ่มและโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ แบคฮยอนได้แต่ยืนช็อกอยู่ที่เดิมเพราะทำอะไรไม่ถูก เขาตกใจกับเหตุการเมื่อครู่จนขาแทบไร้เรียวแรง น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างหยุดไม่อยู่
“เกิดอะไรขึ้นแบคฮยอน นั่น… คยองซู!”ชานยอลที่วิ่งมานั้นเอ่ยถามขึ้นก่อนจะเห็นร่างของคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้านล่าง
ท่ามกลางเสียงโวยวายให้โทรเรียกรถพยาบาล หลายคนที่ช่วยกันพาตัวคยองซูไป ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยืนซุบซิบกันจนดังระงม ทุกสายตามองร่างอาบเลือดของคยองซูที่พื้นด้านล่างของบันได ก่อนสายตาเหล่านั้นจะหันมามองแบคฮยอนที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุด
ไม่มีสิ่งใดที่จะคิดได้มากกว่านี้ สภาพการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครก็ต้องคิด
ชานยอลเดินเขาไปหาคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ มือใหญ่วางบนไหล่ลาดของแบคฮยอนก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
“แบคฮยอน บอกสิ บอกที บอกเราว่าแบคไม่ได้ผลคยองซูลงไป”
.
.
.
แบคฮยอนก้าวลงจากรถแท็กซี่มาหยุดยืนหน้าคอนโดที่เขาเคยมากับคริสแล้วครั้งหนึ่ง สภาพเหมือนคนสติล่องลอยนั้นพาเขามาถึงที่นี่ ภาพ ของคยองซูยังชัดเจน ในตอนนั้นเขาแทบไม่รับรู้สิ่งใดอีก เสียงเซ็งแซ่ของบรรดานักเรียนไม่อาจเรียกสติของเขาได้ เขาไม่ร้ว่าชานยอลพูดอะไร วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างมันเบลอไปหมด เห็นเพียงสายตาที่ตัดพ้อและผิดหวังของชานยอลเท่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามินซอกนั้นมาลากเขาออกไปเมื่อไร จำได้ลางเลือนว่าทันทีที่มินซอกพากลับมาที่ห้องเรียน เขาก็คว้ากระเป๋าและเดินออกมาอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
รู้ตัวอีกที
ตอนนี้ก็มาอยู่หน้าคอนโดของแทคยอนแล้ว
เขาเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง เขาทำให้คยองซูเจ็บ ทำให้พี่จงอินเจ็บ แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครเจ็บอีก เขาจะปกป้องคุณคริสด้วยตัวของเขาเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงก็อกแก็กด้านในดังขึ้นตามมาด้วยประตูที่เปิดออก แบคฮยอนจำได้ว่าคนๆนี้คือคนที่มาเปิดประตูให้เขากับคริสในคราวก่อน
ชาย คนนี้ไม่พูดอะไร ทำเพียงปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไป ชี้ไปยังอีกห้องหนึ่งที่ประตูปิดอยู่ หน้าเข้มพยักเพยิดให้เขาเข้าไปในห้องนั้น แบคฮยอนก้าวช้าๆไปที่ประตู เคาะลงไปตามมารยาท หลายคนที่ยืนมองเขาอยู่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องมาทำมารยาทดีหรอก รีบๆเข้าไปได้ล่ะ พี่แทครอจะคิดบัญชีอยู่”
มือเรียวสวยจับลูกบิดหมุนช้าๆก่อนจะผลักประตูออก แทคยอนนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายอยู่ที่ขอบเตียง เลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ
“มาคนเดียว? ตอนพวกนั้นบอกว่าเมียไอ้คริสมา กูคิดว่าไอ้คริสจะมาด้วยซะอีก”
“ผม…มา คนเดียวครับ ผมอยากจะขอร้อง อย่าทำอะไรคุณคริสเลยนะครับ เมื่อวานพี่จงอินก็เจ็บหนักมาก พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย มันเป็นความผิดของผมเอง”
“ตกลงเป็นมึงที่ไปบอกตำรวจ?”
“ขอโทษครับ”แบคฮยอนเลี่ยงที่จะตอบคำถามของอีกคน ร่างเล็กก้มหน้างุดตัวสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำ
“มึงทำกูแสบมาก บอกตรงๆเลยนะ ใจจริงนี่กูอย่างจะถลกหนังมึงไปทำกระเป๋ามาก แต่ตอนนี้กูรีบ เพราะความปากมากของมึงทำกูต้องระเห็จหนีตำรวจไปอยู่ที่อื่น โทษของมึงหนักมาก แต่ถ้าต้องถลกหนังมึงคงใช้เวลานานเกินไป มึงลองเสนอวิธีลงโทษตัวเองมาสิ”
“ถ้า ถามผม ผมก็คงไม่อยากให้ณทำอะไรผม ผมไม่รู้ว่าคุณคาดโทษผมไว้หนักระดับไหน ถ้ามันจะทำให้คุณหายโกรธและไม่ต้องทำร้ายคุณคริส ไม่ว่าอะไรก็บอกเถอะครับ ผมยินดีรับโทษคนเดียวทั้งหมด”
“ฮะ ฮะ ฮะ กูเริ่มเข้าใจล่ะว่าทำไมไอ้เหี้ยคริสไปคว้ามึงมาได้ ท่าทางก็หงิมๆ หน้าจืดๆ ดูยังไงก็ไม่น่าได้เรื่อง แต่ต่อปากต่อคำแบบนี้ได้ กูว่าปากมึงคงเด็ดมากสิท่า”รอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจถูกส่งออกมา
“หมายความว่ายังไงครับ”
แทคยอนไม่ตอบอะไร เพียงแต่ขยับรูดซิปกางเกงยืนตัวเองออก มือสากล้วงเข้าไปใต้กางกงชั้นในสีเข้มแล้วนำส่วนกลางลำตัวออกมา ทำเอาแบคฮยอนที่เห็นถึงกับเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
“ค…คุณจะทำอะไร”ร่างบางถอยกรูดอย่างตื่นกลัว
“ใช้ปากมึงสิ”
“ไม่มีทาง! คุณบ้าไปแล้ว”แบคฮยอนยอมรับว่าเขาเองก็เคยช่วยเหลือตัวเองตามประสาผู้ชาย แต่ใช้ปากนี่มัน….
“เลือกมา ว่าจะมาคุกเข่าตรงนี้ดีๆหรือจะให้กูโทรไปเรียกไอ้คริสมาที่นี่แล้วให้พวก ข้างนอกนั่นรุมยำมัน มึงก็เห็นแล้วนี่ว่าข้างนอกน่ะกี่ตีน กูบอกได้เลยว่าหนักกว่าไอ้จงอินแน่”
แบคฮยอนยืนพิงประตูอย่างหมดอาลัย เขาไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว ไม่มีทางอื่นให้เขาเดินอีก เขามาที่นี่เอง เลือกจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เขาก็ต้องทำ
สองขาก้าวสั่นๆไปหาร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียง ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นแรงๆจนเจ็บร้าวไปหมด มือน้อยสั่นระริกเอื้อมไปหาส่วนนั้นขงคนตรงหน้า ใบหน้าน่ารักค่อยๆก้มลงไป ก่อนที่ริมฝีปากจะสำผัสลงไปเบาๆ วินาทีนั้นหยาดน้ำใสก็ไหลลงจากดวงตาคู่สวยที่เคยส่องประกายระยับชวนมอง
“อะ..อ่า… ใช้ลิ้นหน่อยสิวะ”
แบคฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่คิดจะเช็ดออก ริมฝีปากพยายามจะทำตามสิ่งที่แทคยอนเรียกร้อง เขาทำมันไม่เป็น ไม่เคยทำให้ใคร และไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องทำ
เจ็บปวดราวกับถูกย่ำยีก็ไม่ปาน ไม่ต่างอะไรกับถูกทรมานอาวุธนานาชนิด
“แบบนั้น อ่า ดี อืมมมม อมด้วย เอาเข้าไปให้หมด อ่า ปากมึงแม่ง…”แทยอนเชิดหน้าครางอย่างสุขสมก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา ก้มมองร่างเล็กๆตรงหน้าที่กำลังปรนเปรอให้ตนเองอย่างพอใจ กดถายภาพที่แสนงดงามนี้เอาไว้แล้วกดส่งออกไปหาเบอร์ที่เขาคุ้นเคยดี เบอร์ที่เขาเคยติดต่อเรื่องค้าขายกันอยู่หลายครั้ง
แบคฮยอนหลับตาแน่น ไม่อยากมอง ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้สิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ มือหนาของแทคยอนกดศีรษะเล็กนั้นเข้าหาส่วนนั้นอย่างรุนแรงและเร็วขึ้น เรื่อยๆ หลายครั้งที่แบคฮยอนแทบจะสำลักออกมาแต่ก็ไม่สามารถหยุดได้
ริมฝีปากบางครอบครองส่วนกลางลำตัวของแทคยอนรุนแรงขึ้นตามแรงกดจากศีรษะจนในที่ สุดก็รู้สึกได้ถึงความข้นขุ่นคาวคลุ้งทั่วโพรงปาก อยากจะคายออกไปด้วยความรังเกียจแต่เพราะอีกคนยิ่งกดศีรษะเขาลงไปแน่นกว่า เดิม สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องฝืนใจกลืนสิ่งเหล่านั้นลงไปด้วยความขยะแขยง
“หึ ดีมากเด็กน้อย ที่นี่มึงก็รอให้ผัวมึงมารับอยู่นี่แหละ กูต้องรีบไปล่ะ ฝากทักทายมันด้วย”มือหนาผลักแบคฮยอนออกไปก่อนจะลุกขึ้นจัดการกับกางเกงของ ตัวเองแล้วปิดประตูออกไป ทิ้งให้ร่างเล็กนั่งขดตัวอยู่บนพื้นห้องเย็นเฉียบ
ไม่ รู้ว่านานเท่าไรที่แบคฮยอนนั่งอยู่ที่เดิม ท่าเดิม ไม่ขยับตัวสักเพียงเล็กน้อย ได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าห้องดังแว่วเข้ามา ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องอย่างมีความหวัง และทันทีที่ประตูห้องนอนเปิดออก น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
ร่าง สูงไม่คิดแม้แต่จะหยุดพิจารณามองดูคนที่นั่งอยู่บนพื้น ร่างทั้งร่างโถมเข้าใส่พร้อมกับสองแขนแกร่งที่รั้งร่างบอบบางนั้นเข้าหา กอดเอาไว้แนบแน่น แน่นทีสุดเท่าที่คิดว่าชีวิตนี้จะกอดใครสักคนได้แน่นขนาดนี้ รับ รู้ได้ด้วยสัมผัสว่าร่างในอ้อมกอดนี้ตัวสั่นเพียงใด เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยิ่งทำให้รู้สึกเกลียดตัวเอง เขาไม่ควรพาแบคฮยอนมารู้จักคนพวกนี้
“กูขอโทษ”
“ฮึก คุณคริส ฮือออออออ”
TBC.
#ฟิคสีแดง
ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ
ความคิดเห็น