คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : OS เคน [KaiBaek]
เธอไม่รักช่างเถอะไม่เป็นไร อย่าเสียใจเพื่อนเอ๋ยกะเทยมี
“โอกาสของมึงแล้ว แบคฮยอน” คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยกับเพื่อนซี้ที่กำลังทำหน้าห่อเหี่ยวอยู่ข้างๆ
“นั่นดิวะไอ้แบค กล้าๆหน่อย เดี๋ยวกูกับชานยอลช่วยก็ได้”
“จงแดจะช่วยแบคยังไงล่ะ แบคอยู่ข้างบ้านเขามา 20ปีแล้ว แค่ไปยืนส่งตาเยิ้มยังถูกถีบกลับมาเลย” แบคฮยอนถอนใจกับความรักที่ไม่มีหวังของตน “เขาเกลียดแบคจะตาย”
“อย่าว่าแต่ไอ้จงอินที่เกลียดมึง กูก็เกลียด โคตรจะตุ๊ดหัวโปก คนห่าอะไรเป็นตุ๊ดตั้งแต่ยังไม่เข้าอนุบาล กูโคตรยอมใจแม่มึงเลย”
“ชานยอลอย่าว่าแบคสิ! อย่าว่าแม่แบคด้วย! เกลียดแบคก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันเลย” แบคฮยอนไม่ได้โกรธ เขารู้ดีว่าชานยอลก็แค่พูดเล่นเท่านั้น เป็นเพื่อนกันมาสามปี เรื่องแย่กว่านี้ยังทำให้ทะเลาะกันไม่ได้ แบคฮยอนขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้เจอทั้งชานยอลและจงแด เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรทั้งสองคนก็ยังยืนยันที่จะคบเขาเป็นเพื่อนต่อไป
“งั้นมึงก็ควรบอกพวกกูตั้งแต่แรกเว้ย ไม่ใช่เข้าปีหนึ่งมาทำเนิร์ดหลอกให้กูไปตีสนิทหวังจะได้ช่วยกันเรียน พอปีสองอยู่ดีๆมาบอกว่าเป็นตุ๊ด”
“ใช่! นึกว่าเป็นผู้ชายเรียบร้อย ที่ไหนได้เสือกเป็นตุ๊ด” จงแดรีบผสมโรงช่วยชานยอลทันที ได้แหย่แบคฮยอนนี่ก็เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของพวกเขา มีปัญญาแค่โกรธฟึดฟัดแบบนี้เห็นแล้วตลกดี
“ก็แม่บอกว่าถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องเรียบร้อยนี่ แบคก็ทำถูกแล้ว” ใบหน้าน่ารักงองุ้มเพราถูกรุมแกล้ง เขาผิดตรงไหนที่เป็นแบบนี้ ตั้งแต่จำความได้ก็แต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงมาตลอด เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมาตลอด เริ่มโตถึงได้รู้ว่าจริงๆตนเป็นเด็กผู้ชายที่ถูกจับแต่งเป็นผู้หญิงเพราะแม่อยากมีลูกสาว พอถึงตอนนั้นก็กู่ไม่กลับแล้ว
แบคฮยอนจำได้ดีว่าตอนใส่กางเกงครั้งแรกรู้สึกอย่างไร เด็กที่ใส่กระโปรงมาตลอด อยู่ๆก็ถูกจับตัดผมสั้นใส่กางเกงใส่ชุดนักเรียนเพราะโรงเรียนประถมไม่อนุญาตให้แต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงได้ แม่บอกว่าแบบนี้จะคล่องตัวมากกว่าใส่กางเกงแล้วจะเล่นซนแค่ไหนก็ได้ แต่พอออกตัววิ่งได้สามก้าวเด็กน้อยแบคฮยอนวัย 7ขวบก็หมดแรงเสียแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลับไปนั่งเล่นพ่อแม่ลูกกับบาร์บี้และเคนเหมือนเดิม
“เฮ้ย! ว่าที่ผัวมึงมา” จงแดรีบสะกิดแบคฮยอนให้หันไปมองคนที่รอจะเห็นหน้าอยู่เกือบทั้งวัน
“จงอินสีหน้าไม่ดีเลย” ใบหน้าคมเข้มที่มีแววหม่นหมองนั้นทำเอาคนมองใจกระตุก แบคฮยอนเห็นหน้าคิมจงอินทุกวันมาตลอด 20ปี ปกติอีกฝ่ายทำหน้าตาแบบไหนทำไมเขาจะไม่รู้ จงอินไม่เคยดูเศร้าแบบนี้มาก่อน คงเป็นเพราะยังเสียใจที่ถูกแม่สาวดาวคณะบอกเลิกไปเมื่อวันก่อน เอาจริงว่าคงไม่แย่เท่าไรนักหากสาวคนนั้นไม่ได้บอกเลิกจงอินเพื่อมาคบกับชานยอลเพื่อนของเขาเอง “ปาร์คชานยอลคนบ้า! นายจะต้องทำให้จงอินเกลียดแบคยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ”
“อ้าว นี่กูเสียสละตัวเองขนาดไหน ถ้ามันไม่เลิกกันมึงจะหาโอกาสแบบนี้ได้มั้ยครับ มองเขามา 20ปีแล้ว จะรอไปจนไข่เหี่ยวไข่แห้งเลยหรือไง ไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังมาด่ากูอีก”
“แบคเบื่อชานยอลแล้ว จงแดไปซื้อน้ำกันเหอะ” แบคฮยอนคว้ามือเพื่อตัวเล็กอีกคนให้ลุกไปด้วยกัน จริงๆก็ใช้จะลุกหนีเพราะเบื่อชานยอลเสียทีเดียว แต่เขากำลังเขินคนที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆนั่นต่างหาก รู้ดีว่าตนไม่ได้อยู่ในสายตาของจงอินแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ แค่เห็นหน้าใกล้ๆใจก็เต้นแรงไปหมด
แต่แล้วความตั้งใจก็ถูกทำลายลงเมื่อจงแดไม่ยอมเดินตามมาด้วยกัน แรงฉุดเบาๆจากอีกฝ่ายพลอยทำให้แบคฮยอนต้องหยุดไปด้วย หันกลับไปมองก็พบว่าบัตรนี้คนที่แอบมองกำลังยืนอยู่ตรงหน้า…. ตรงหน้าปาร์คชานยอล! หน้าตากราดเกรี้ยวนั่นสร้างความมาคุให้แผ่ไปทั่วทั้งบริเวณ ร่างสูงใหญ่ของชานยอลลุกขึ้นเผชิญหน้ากับจงอินไม่มีหวั่น
“มึงคิดว่าแย่งเอริไปจากกูได้แล้วจะจบง่ายๆหรอวะ”
“ตอนแรกก็คิดอ่ะ แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ มึงเดินมาแดกยำตีนถึงโรงอาหารคณะกูเนี่ย บอกเลยว่าจบลำบากแน่”
ทั้งสองคนพุ่งเข้าใส่กันอย่างไม่ออมแรง นักศึกษาคนอื่นๆเริ่มลุกหนีบ้างแล้วเพราะรู้สึกได้ว่าอีกไม่นานต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แบคฮยอนได้ยืนบีบมือจงแดแน่นเพราะไม่รู้จะเข้าไปห้ามได้อย่างไร กลัวไปหมด ทั้งกลัวเพื่อนจะเจ็บ กลัวคนที่ชอบจะเจ็บ และที่สำคัญหากมีเรื่องชกต่อยกันต้องถูกเรียกตัวทั้งสองคนแน่
“มึง! ไอ้ชานยอล!”
ผลัก!
แบคฮยอนคิดว่าตลอดว่าคนเราสามารถมองเห็นดวงดาวด้วยตาเปล่าได้เฉพาะตอนกลางคืน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ากลางวันก็เห็นเหมือนกัน หมัดลุ่นๆที่กระแทกเข้าเต็มหน้านั่นทำเอามึนไปหมด ดาวน้อยก็พากันมาวนเป็นระบบสุริยะอยู่ตรงหน้า เสียงโหวกเหวกโวยวายที่อาจจับใจความได้ด้วยสติอันน้อยนิด
ไม่ไหวแล้วค่ะแม่ แบคไม่ไหวแล้ว
.
.
.
“เดี๋ยวคุณปาร์คกับคุณคิม จงแด คุณสองคนไปช่วยอาจารย์ยกของทีนะคะ ส่วนคุณจงอินก็ให้เฝ้าเพื่อนอยู่ที่นี่”
“แต่ อาจารย์ครับ…” ช้าไปแล้ว จงอินได้แต่มองทั้งสามคนเดินออกไป หันกลับมามองคนที่นอนสลบอยู่บนเตียงก็ต้องถอนใจ ใครบอกให้ไอ้ตุ๊ดแบคเอาตัวมารับหมัดแทนเพื่อนมันแบบนี้ เขาไม่ได้อยากทำร้ายมันหรอก เห็นอยู่ว่าอ่อนแอขนาดไหน
จงอินไม่ได้รังเกียจเพศที่สามเพศที่สี่ เขาแค่เกลียดแบคฮยอน เหตุผลเด็กๆที่ไม่มีใครเข้าใจนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาเหลือเกิน รักแรกตอนเด็กๆนั้นคือจุดเริ่มต้น ตั้งแต่จำความได้จงอินก็คอยแอบมองเด็กผู้หญิงข้างบ้านมาตลอด หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผิวขาวสะอาดและชุดกระโปรงฟูฟ่อง เหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆไม่มีผิด
“ฮึก แง๊….ง…..ง….” เสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นใกล้ๆกับสนามเด็กเล่น จงอินตัวเล็กรีบเข้าไปดูอย่างร้อนรน เขาเห็นเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่ากำลังยืนร้องไห้กอดตุ๊กตาบาร์บี้ ตรงข้ามกันคือเด็กชายสองคน ในมือถือตุ๊กตาผู้ชายห้อยห้วเกว่งไปมาด้วยเสียงหัวเราที่แสนสนุกสนาน “เอา ฮึก เอาคุณเคนมานะ”
“เอาไปทำไม เป็นเด็กผู้หญิงก็เล่นตุ๊กตาผู้หญิงไปดิ”
“ฮืออออออ คุณเคนเป็นแฟนของบาร์บี้น้า บาร์บี้จะเสียใจ ฮึก ฮึก”
“ไม่คืนหรอก! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
จงอินไม่ชอบเอาเสียเลย เด็กสองคนนั้นตัวโตซ้ำยังเป็นผู้ชาย ไปรังแกเด็กผู้หญิงมันไม่ถูก ยิ่งถ้าเป็นเด็กผู้หญิงที่แสนน่ารักคนนั้นด้วยแล้วล่ะก็ เขาจะจัดการซะ
“เฮ้ย! อย่ารังแกเด็กผู้หญิงนะ”
เท่มากๆ แต่ว่า…. สองคนนั้นตัวใหญ่กว่าจงอินเช่นกัน สุดท้ายก็ถูกอัดจนลงไปนอนขดกับพื้น เด็กแค่หกขวบจะให้เก่งกาจได้สักแค่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็เอาตุ๊กตาคุณเคนมาได้ จงอินนอนห่อตัวกับพื้นในอ้อมแขนมีตุ๊กตาที่เพิ่งช่วงชิงมา มองดูใบหน้าของเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ยะ…อย่า ร้องสิ”
“ฮึก ขอบคุณ ฮึก ฮึก เจ็บรึเปล่า”
“เจ็บ เจ็บ แต่เราเป็นผู้ชาย เราจะปกป้องผู้หญิงนะ”
“ฮือออออออออ”
“ไม่ร้องนะ เราจะปกป้องเธอเอง เราชื่อจงอินนะ”
“ฮึก จงอิน… จงอินเหมือนคุณเคนเลยนะ” เด็กหญิงมองดูตุ๊กตาที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ ตัวก็ดำๆเหมือนกัน เหมือนคุณเคนมากจริงๆ
“หรอ คุณเคนเป็นแฟนของบาร์บี้ใช่มั้ย” จงอินเอ่ยถามมองดูคนน่ารักพยักหน้าหงึกๆ “งั้นเธอเป็นบาร์บี้นะ ชื่ออะไรหรอ”
“อ๊ะ แบบนี้เราก็เป็นแฟนกันหรอ…. เย่ๆ ดีจังเลย เราจะได้มีแฟนด้วย เย่ๆ เราชื่อแบคฮยอนนะ”
แบคฮยอน……
จงอินนึกไปถึงตอนนั้น เด็กหกขวบสองคนตกลงเป็นแฟนกัน ฟังดูแก่แดดซะไม่มี พวกเขาเล่นด้วยกัน สนุกด้วยกัน จนเวลาผ่านไป เจ้าหญิงแบคฮยอนของเขาก็กลายเป็นปราสาททรายที่พังทลาย เมื่อโรงเรียนประถมบังคับให้เด็กนักเรียนชายแต่งตัวให้ถูกระเบียบ แบคฮยอนอยู่ในชุดนักเรียนชาย ซ้ำยังตัดผมยาวสลวยออกไป
โลกของคิมจงอินจบสิ้นแล้ว เมื่อได้รู้ว่ารักแรกและแฟนคนแรกของตนเป็นเด็กผู้ชาย มันน่าโมโหเป็นที่สุด เขาไปบอกทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัวว่าเป็นแฟนแบคฮยอน ความอับอายของเด็กน้อย ช่างน่าสงสารเหลือกิน นับตั้งแต่ตอนนั้นจงอินก็ไม่เคยคุยกับแบคฮยอนอีกเลย ซ้ำยังทั้งเกลียดทั้งไล่ ก็คนมันฝังใจนี่หว่า….
“จงอิน….” เสียงเรียกปลุกให้คนผิวคล้ำหลุดออกจากห้วงความคิด พิจารณาดูหน้าคนเจ็บที่ตอนนี้เริ่มบวมช้ำขึ้นมาบ้างแล้ว อยากจะขอโทษแต่ก็ปากหนักเหลือเกิน
“ฟื้นแล้วนี่ กูไปล่ะ เสียเวลาชิบหาย”
“ดะ….เดี๋ยวสิ นี่จงอินอยู่เฝ้าแบคหรอ”
“กูโดนบังคับ มึงก็ลุกสักที นอนสำออยอยู่ได้ กูจะกลับแล้ว”
ตัดสินใจเดินออกมาโดยไม่ฟังเสียงเรียกจากคนที่ยังนอนอยู่แบบนี้ หรือแม้แต่ประโยคขอบคุณที่ถูกตะโกนตามหลังมาเช่นกัน จงอินไม่อยากอยู่ใกล้แบคฮยอนอีกแล้ว เกลียด ไม่ชอบ
.
.
.
“กูเพิ่งรู้ว่ามึงรักเอริจริงๆ” ร่างกายสูงโปรงกับผิดขาวสว่างนั่งกระดิกเท้ายักคิ้วกวนประสาทใส่จงอินที่เพิ่งเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวานเย็นให้ฟัง
“มึงรู้จักกูดีเซฮุน แฟนคนไหนๆมากสุดก็แค่ชอบ” จงอินไม่ได้ล้อเล่น เขาไม่อยากเห็นแก่ตัวแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่อาจพูดว่ารักใครได้อย่างเต็มปาก ความรู้สึกของเขามันถูกปิดกั้นจากอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้
“ไม่รักแล้วไปหาเรื่องแดกตีนไอ้หูกางชานยอลมันถึงที่ทำไม”
“ศักดิ์ศรีเว้ย แม่งหยามกูมาก กูยอมไม่ได้”
“ก็เลยไปซัดเอาหน้าแบคฮยอนแทน”
“กูไม่ได้ตั้งใจ…”
“นี่ ไอ้ดำ มึงฟังกู” เซฮุนตบบ่าเพื่อนซี้แรงๆหวังจะเรียกสติคืนให้เพื่อจะได้ตั้งใจฟัง “ทำไมมึงไม่ลองคบกับแบคฮยอนดูวะ จากที่สังเกต แบคฮยอนก็ดูท่าจะชอบมึงมานานแล้วน้า”
“ไม่! มันเป็นตุ๊ด”
“โธ่ ไอ้หรรมหมา ผู้หญิงที่เป็นแฟนมึงเนี่ย แต่ละคนแรดกว่าตุ๊ดที่มึงด่าอีก เอาดิวะ ลองดูก่อน เผื่อคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น แล้วชอบมึงมานานขนาดนั้น ไม่ทิ้งมึงชัวร์”
“มึงมันไม่รู้อะไร เงียบๆไปเหอะ”
เซฮุนไม่รู้อะไรสักนิด แฟนคนอื่นของเขางั้นหรือ ฮึ! แบคฮยอนนี่ก็แฟนคนแรกของคิมจงอินเลยครับ ตั้งแต่หกขวบ ไม่เคยเสียใจให้ใครเท่านี้เลยด้วย ถ้าไอ้เซฮุนรู้รับรองต้องกรี๊ด
แบคฮยอนยืนลังเลอยู่นานหลายนาที ตรงหน้าห่างไปไม่กี่เมตรคือจงอินที่กำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อน อยากจะเอาขนมไปตอบแทนที่เจ้าตัวอยู่เฝ้าตอนสลบไปก็กลัวอีกฝ่ายไม่สะดวกใจที่จะรับ
“แบคฮยอน!”
แหกค่ะ! นี่แอบจงอินอยู่ แต่เพื่อนหน้าวอกของจงอินดันหันมาเห็นเขานั้นคืออะไร แถมยังเรียกซะดังลั่น ที่ยืนลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจเอง จำใจต้องเดินยิ้มแห้งเข้าไปหาช้าๆพร้อมด้วยถุงขนมที่ตั้งใจซื้อมาฝาก แบคฮยอนเห็นจงอินขมวดคิ้วแน่นตอนที่มองมา ก็รู้ว่าไม่ชอบ แต่ไม่เห็นต้องกดดันกันขนาดนี้
“คือ…แบค แบคเอาขนมมาให้จงอิน”
“โว้ววววว” เซฮุนร้องลั่นตบเข่าฉาดก่อนจะหันไปกระซิบกับเพื่อนตัวดำที่นั่งหน้าบูดอยู่ข้างๆ “สุดยอดว่าที่เมีย มึงดูเอาเหอะ โดนมึงต่อยแต่เสือกเอาขนมมาให้มึงอีก หาไม่ได้แล้วนะเว้ย”
บางทีจงอินก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เพื่อนซี้หน้าวอกอย่างโฮเซฮุนต้องคอยชงเขาให้ได้กับแบคฮยอนอยู่เรื่อย ถ้าชอบมากทำไมมันไม่เอาซะเองให้จบๆเรื่องไป
“กูไม่เอา แดกของมึงเดี๋ยวเชื้อตุ๊ดติด”
ไม่ใช่แค่แบคฮยอนหรือเซฮุนที่ได้ยิน แต่รอบๆนั้นใครๆก็ได้ยินที่จงอินพูดกันหมด บางคนมีท่าทีตกใจ บางคนก็เย้ยหยัน บางคนเริ่มซุบซิบนินทา และบางคนก็หัวเราะเยอะแบคฮยอนอย่างไม่ปิดบัง
บางครั้งจงอินก็อยากตบปากตัวเองเหมือนกัน เขาแค่อยากไล่แบคฮยอนให้ออกไปห่างๆแต่ก็เผลอพูดจาแย่ๆใส่อีกคนตลอด เรื่องน่าอัศจรรย์คือเขาก็ยังเห็นแบคฮยอนเอาแต่คอยตามเค้าเหมือนเดิม ยังคงยิ้มหวานเชื่อมราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้สายตาจะแสดงออกว่ากำลังเจ็บปวดในวูบสั้นๆก็ตาม
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคำพูดของจงอินที่ทำให้อีกหลายคนเริ่มต่อว่าแบคฮยอนนั้นมันกำลังทำให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าทุกครั้ง แววตาหม่นเศร้าไม่อาจบังคับให้มันหายไปในเสี้ยววินาทีเช่นครั้งก่อนๆได้ แบคฮยอนคิดว่าทนได้หากเป็นจงอินที่พูดจาร้ายๆกับตน แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์เสียหน่อย คนพวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายจิตใจที่เขายกมันให้กับแฟนคนแรกของตนเองไปแล้วตั้งแต่หกขวบ
นิสัยไม่ดี
“เหี้ยแล้ว….” เซฮุนเอ่ยเบาๆเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังร้องไห้ สะกิดเพื่อนตัวดำที่เป็นตัวต้นเหตุให้ทำอะไรสักอย่างก่อนที่เพื่อนซี้สองหน่อของแบคฮยอนจะโผล่มาเห็นสภาพเพื่อนหญิง(?)คนเดียวในกลุ่มกำลังร้องไห้
จงอินเองก็ตกใจไม่น้อย ตั้งแต่ตอนนั้นที่สนามเด็กเล่น แบคฮยอนก็ไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นอีกเลย ภาพของเด็กตัวเล็กในชุดกระโปรงซ้อนทับขึ้นมาราวกับจะเตือนให้เขารู้ตัวว่าทำผิดอะไรลงไป ทำไมเขาถึงทำให้แบคฮยอนต้องร้องไห้ เมื่อแบคฮยอนยังคงเป็นแบคฮยอนคนเดิม คนเดียวกับที่เขาเคยปกป้องไม่ให้ถูกรังแก คนเดียวกับที่เขาคอยปลอบตอนร้องไห้ หากแต่เวลานี้จงอินกำลังรังแกและทำให้คนๆนั้นต้องร้องไห้เสียเอง
“ยะ…อย่า ร้องสิ” เขาคิดคำอื่นมาปลอบไม่ออกเลยจริงๆ อาจจะสิ้นคิดไปหน่อย แต่แบคฮยอนก็ชะงักไปทันทีที่ได้ยิน ใช่แล้วล่ะ มันคือประโยคเดียวกับที่เขาเลยบอกแบคฮยอนในตอนนั้น
“………….”
“ฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะปกป้องผู้….” แม่งไม่ใช่ผู้หญิงอีก จะบอกว่าปกป้องตุ๊ดก็กลัวอีกฝ่ายจะร้องไห้หนักกว่าเก่า จงอินคิดไม่ตกว่าเขาควรพูดอย่างไรต่อไปดู มองใบหน้าน่ารักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีนั้นเห่อแดงไปหมดเพราะพิษจากการร้องไห้ ความเกลียดชังที่ใช้เป็นกำแพงมาตลอดแทบจะพังลงในครั้งเดียวเพราะเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย
ตระหนักได้ทันทีว่ามีแค่ตนเองเท่านั้นที่คิดว่าแบคฮยอนเปลี่ยนไปและหลอกลวง หลอกเขาว่าเป็นเด็กผู้หญิง หลอกให้เขาตกหลุมรัก และสุดท้ายเขาก็มีแต่ความอับอาย ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาคิดอยู่คนเดียวเท่านั้นจริงๆ เพราะไม่ว่าแบคฮยอนจะหลอกหรือไม่หลอก แบคฮยอนจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
“บาร์บี้ของคุณเคน ไม่ร้องนะครับ”
“ฮึก ฮือออออออออออออออ”
แบคฮยอนแหกปากร้องไห้ดังกว่าเดิมเสียอีก จงอินลนลานไปหมด พวกที่ด่าว่าแบคฮยอนอยู่ก่อนหน้านี้ก็เริ่มเงียบลงเพราะกำลังงุนงงกับสถานการณ์
“เฮ้ย! จะทำไรก็รีบๆ เพื่อนเขามานู้นแล้ว” เซฮุนชี้ให้จงอินดูชานยอลและจงแดที่กำลังวิ่งหน้าตื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รับรองได้ว่าถ้าถึงตัวได้มีสงครามแน่นอน และถ้าตอนนี้คิมจงอินตั้งใจจะปรับความเข้าใจกับแบคฮยอน บอกเลยว่าไม่มีวันหน้าอีกแล้ว สองคนนั้นจะขีดเส้นให้ไอ้คนตัวดำใจดำนี่เป็นบุคคลอันตรายที่ห้ามเข้าใกล้แบคฮยอนในระยะ100เมตร
“มึงกันไว้นะ” จงอินกำชับกับเซฮุน แล้วหันไปดึงมือแบคฮยอนให้วิ่งตาม
“ฮึก เดี๋ยว ฮึก จะ จงอิน” แบคฮยอนยังคงสะอึกสะอื้นแต่ก็วิ่งตามจงอินอย่างไม่ขัดขืน
“ไม่ใช่จงอิน…. นี่คุณเคนต่างหาก” มือหนากระชับแน่นขึ้นก่อนจะวิ่งให้เร็วขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงของทั้งชานยอลและจงแดไล่หลังมา ยังไงตอนนี้เขาต้องพาตัวเองกับแบคฮยอนให้ห่างจากสองคนนั้นก่อน
จงอินดึงแบคฮยอนให้ตามเข้ามาในห้องเก็บของที่ตึกเก่า เพราะทั้งเงียบและปลอดคน คิดว่าคงปลอดภัยจากชานยอลและจงแดที่อาจเข้ามาขัดจังหวะได้
แบคฮยอนมองจงอินอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาฉ่ำน้ำใสนั้นยิ่งดูหวานฉ่ำเสียยิ่งกว่าเดิม จงอินเอ่ยขอโทษเบาๆแค่พอให้ได้ยินกันสองคน ก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้าหาและประทับริมฝีปากมอบจุมพิตให้คนตัวเล็กกว่าได้สั่นสะท้าน แบคฮยอนดูตกใจไม่น้อยแต่สุดท้ายก็หลับตาพริ้ม ปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปกับรสจูบที่แสนอ่อนโยน ลิ้นอุ่นส่งเข้าไปแตะกันเบาๆอย่างอ่อนหวาน กวาดต้อนกันอย่างเนิบช้าแต่ลึกสุดอารมณ์ น้ำใสเยิ้มซึมมุมปากยามที่ทั้งคู่ผละออกจากกัน
จงอินรู้แล้วว่าแบคฮยอนไม่ใช่แค่เป็นคนอ่อนหวานเรียบร้อยเพราะถูกเลี้ยงให้เป็นเด็กผู้หญิง ริมฝีปากบางๆนั้นก็หวานฉ่ำไม่แพ้กัน ถือเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสเมื่อตอนหกขวบ
ดูท่าพวกเขามีเรื่องต้องคุยกันยาว ทั้งเรื่องแย่ๆที่จงอินเคยทำ คำพูดร้ายกาจที่ส่งออกไปอยู่เรื่อย รวมไปถึงการรื้อฟื้นความหลังและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เป็นคุณเคนจงอินและบาร์บี้แบคฮยอนเหมือนเมื่อก่อนนี้
จริงสิ… คุณเคนต้องเป็นแฟนของบาร์บี้ด้วยนี่หน่า
THE END
#นจมอด
ความคิดเห็น