คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : RED 05
RED 05
เรื่อง เมื่อวานจบลงที่ชานยอลโทรหาคยองซู ก่อนจะไปเจอกันที่ร้านพิซซ่าที่มีจุนมยอน มินซอกและจื่อเทารออยู่ก่อนแล้ว แบคฮยอนยังคงย้ำกับคยองซูอยู่หลายครั้งถึงเรื่องที่ไม่ให้บอกเรื่องที่เกิด ขึ้นกับใครทั้งสิ้น
ไม่ ใช่ไม่รู้ว่ายาเสพติดมันผิด ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไม่ควรปล่อยไป แต่...ถ้ามันจะทำให้คุณคริสเดือดร้อน แบคฮยอนก็จะขอเป็นคนไม่ดีสักครั้ง เขามั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ได้พูดเล่นๆ ทุกสิ่งที่บอกกับเขา คนพวกนั้นจะทำจริงและทำได้แน่ๆ เขาเสี่ยงไม่ได้
"เหม่อ"เสียง เอ่ยลอยๆจากคนข้างหลังเรียกสติของแบคฮยอนให้กลับมาอยู่กับบทเรียนที่ครูสาว กำลังสั่งสอนอยู่ที่หน้าห้อง คนตัวเล็กหันไปมองชานยอลที่ยักคิ้วกลับมาให้แทน
"เราไม่ได้เหม่อนะ"เถียงกลับไปเหมือนเด็กๆก่อนจะกลับมามองข้างๆตัวก็มินซอกหลับคาหนังสือไปแล้ว เพื่อน แก้มป่องของเขาเป็นแบบนี้เสมอ หลับปุ๋ยในคาบเรียนเป็นประจำ มินซอกไม่ถนัดเรื่องในตำราเสียเลย แทบจะไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำ แต่แปลกมากที่ไม่เคยสอบตกสักครั้ง ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือจริงๆแล้วหัวดีมากกันแน่
ชาน ยอลสะกิดจุนมยอนที่จดจ่ออยู่กับวิชาเรียน คนตัวขาวข้างๆหันมาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ร่างสูงชี้ไปที่มินซอกด้านหน้าแล้วทำท่าถ่ายรูปเป็นสัญญาณให้จุนมยอน แต่ดูเหมือนคุฯหนูจุนจะไม่อยากเล่นด้วยสักเท่าไร เอาแต่ส่ายหน้ายิก
แกล้งมินซอก มีหวังโดนอัดเละ
"หยุด เลยชาน ไม่ต้องหาพวกเลยนะ ห้ามแกล้งมินซอก เข้าใจมั้ย"แบคฮยอนเอ่ยห้าม ใจจริงเขารู้ดีว่าชานยอลนั่นเอ็นดูมินซอกขนาดไหน แกล้งก็แค่หยอกเล่นเบาๆเท่านั้น แต่มินซอกน่ะ ถ้าอาละวาด ห้องแตกได้เลยนะ เขาไม่อยากเสี่ยง
และเมื่อไม่มีใครยอมร่วมขบวนการชานยอลจึงกลับไปสนใจวิชาเรียนต่อเหมือนเดิม
พัก กลางวันที่ทุกคนรอคอย ชานยอลที่ตั้งใจจะแยกกับคนอื่นๆไปรับคยองซูที่ห้องก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น เพราะแฟนตัวเล็กมารออยู่ที่หน้าห้องแล้ว
"อ้าว"ชานยอลทักไปอย่างแปลกใจ ปกติคยองซูแทบไม่กล้าเข้าหาเพื่อนเขาสักคน แต่นี่มารอหน้าห้องเขาเลยเชียวหรือ
มันก็ดีอยู่หรอกที่คยองซูจะสนิทกับเพื่อนๆของเขาเร็วแบบนี้ แบคฮยอนกับจุนมยอนคงจะยินดีเช่นกัน แต่สำหรับคนที่ไม่พร้อมจะรับอะไรอย่างมินซอก เขาว่าจะยิ่งได้ผิดใจกันซะมากกว่า
"เราเลิกเร็วน่ะ ก็เลยมารอที่ห้องเลย"รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้ ดวงตากลมโตนั้นหยีจนเกือบปิดลง
"ดีเลย จะได้ไปกินข้าวพร้อมกันนะ"แบคฮยอนตอบรับกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
ทั้ง หมดเดินลงไปด้วยกันโดยมีแบคฮยอนจุนมยอนและคยองซูเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนมินซอกก็เดินอยู่ข้างหลังกับชานยอล ร่างสูงเกาะไหล่มินซอกไปตลอดทาง เขารู้ว่าเพื่อนแก้มป่องนี่ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นคยองซู เขาจึงอยากจะเอาใจให้อารมณ์ดีเสียหน่อย
"วันนี้เราจะเลี้ยงข้าว มินซอกอยากกินอะไร"
"เลี้ยง? เมื่อวานก็เลี้ยง รู้หรอกว่ารวย แต่เงินทองน่ะเก็บๆไว้บ้างเถอะ"
"พูดเป็นผู้ใหญ่เชียวนะ"ชานยอลกระตุกยิ้มเบาๆ
"ก็โตแล้วนี่ อายุสิบเจ็ดแล้วนะ ไม่ใช่เจ็ดขวบ"
"ครับ รู้ครับ"
เอาใจ ยาก นี่ล่ะมินซอก แม้จะเป็นคนที่เรียบง่าย ธรรมดากว่าคนอื่น แต่ก็เอาแต่ใจกว่าใครทั้งหมด เขาไม่เคยรับมือกับมินซอกได้สักครั้ง เห็นทีคงมีแต่แบคฮยอนที่มินซอกยอมอ่อนให้ แบคฮยอนคงมีบางอย่างที่แสนพิเศษ ไม่ว่าใครๆก็โอนอ่อนต่อแบคฮยอนกันทั้งนั้น
"ไม่ ต้องมาทำเป็นเอาใจหรอก ยังไงเราก็ไม่ชอบคยองซูอยู่ดี"เลือกที่จะพูดตรงๆอย่างไม่รักษาน้ำใจและความ สัมพันธ์ มินซอกรู้ดี ชานยอลอาจจะโกรธก็ได้ เรื่องเดาอารมณ์ของคนตัวสูงไม่เคยมีใครรู้ ชานยอลไม่แสดงอาการท่าทางใดๆมากนัก ซึ่งก็เป็นแบบนี้เสมอ นิ่ง เงียบ จะมีบางครั้งเท่านั้นที่ชานยอลจะเผยบุคลิกอีกด้านที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นออก มา อย่างพยายามจะเขียนหน้าเขาตอนหลับ แกล้งแบคฮยอน หรือหลอกจุนมยอน ไม่แน่ว่านอกจากโกรธ ชานยอลอาจจะกำลังรู้สึกใจเสียกับคำพูดตรงๆของเขา
"เรา รู้"มือหนาส่งไปลูบศีรษะของมินซอกเชิงปลอบ เขาเข้าใจที่มินซอกพูดตรงๆ เพราะเป็นคนไม่อ้อมค้อม คิดอะไรก็พูดออกมา บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามินซอกเองก็เสียใจกับบางคำพูดของตนเองที่ดู คล้ายจะรุนแรง เช่นตอนนี้ มินซอกคงกำลังเสียใจและห่วงว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรที่ได้ฟังความรู้สึกจากใจ จริงแบบนี้
"ข้างหลังนั่น งุ้งงิ้งอะไรกันน่ะ"แบคฮยอนหันมาถามพลางหัวเราะเบาๆ
"งุ้งงิ้งเรื่องคนแถวนี้ล่ะ"มินซอกตอบกลับไปพลางสายตาไปสะดุดกับบางอย่าง
คยองซูหันมายิ้มให้มินซอกเล็กๆโดยที่แขนนั้นเกี่ยวแขนจุนมยอนเอาไว้ด้วยท่าทางสนิทสนม
เกินไปแล้วม้าง สนิทขนาดเดินกอดแขนกันเลยหรอ ข้ามขั้นมากไปแล้ว
สายตากลมโตที่ดูเป็นมิตรนั่น แฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ ยามที่สบตามันช่างดูอวดดีและแสนท้าทาย
คยองซูกระตุกยิ้ม อยากทำตัวมีปัญหานี่นะคิมมินซอก คอยดูเถอะ
ฉันจะเฉดหัวส่งออกไปจากกลุ่มอีกไม่นานหรอก ระวังตัวไว้เลย
.
.
.
ร่าง สูงโปร่งกำลังหยิบคัทเตอร์คู่มือมาตัดมุมกล่องนมแล้วเทลงในกล่องพลาสติกที่ มีคราบนมค้างอยู่ ลูกสุนัขหลายตัววิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามารุมกะบะนมนั่นอย่างรีบร้อน สายตาคมมองดูก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อลูกหมาพวกนี้ทำให้เขานึกไปถึงใครบางคน อย่างช่วยไม่ได้
เหมือนจริงๆ
ผลัก!
“โอ๊ยยยยย”บางอย่างที่มีน้ำหนักมากตกลงมาทับร่างสูงจนล้มลงกระแทกกับพื้นเบื้องล่าง
“คุณคริส!”
คริสมองดูร่างของคนที่ตกลงมาจากที่สูงจนทับเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
แม่งลงมาจากไหนวะ
“ลุกออก ไปสักที ตัวมึงไม่ใช่เบาๆเลยนะ แล้วดูดิเนี่ย แม่งเอ้ย แขนกู”ดูเหมือนแรงกระแทกจะส่งผลให้ข้อศอกนั่นไถลไปกับพื้นจนเสื้อเชิ้ตขาว ขาดเป็นทางยาว เลือดซึมออกมาเล็กน้อยจากข้อศอกหนาของคนตัวโต
“คุณ คริส อย่าเป็นอะไรนะครับ”แบคฮยอนลนลานลุกออกจากตัวคนด้านล่างแล้วมานั่งจุ้มปุ๊ กดูแผลที่ข้อศอกอีกคนอย่างสำนึกผิด เอาจริงๆว่าเขาไม่ตั้งใจแน่นอนพันเปอร์เซ็นแต่ก็ไม่วายรู้สึกผิดอยู่ดี ทุกครั้งก็กระโดดลงมาองศานี้ มุมนี้ ท่านี้ แต่เพราะความเคยชินจึงไม่ทันได้มองว่ามีใครยืนอยู่
“นี่กูล้มนะ ไม่ได้โดนรถชน จะเป็นเหี้ยอะไรไปได้ ดูมึงพูดเข้าสิ”
“ผมขอโทษครับ”หางตาทีตกอยู่แล้วบัดนี้ลู่ลงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ทำเอาคนมองแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
“มึงนี่โคตรตัวซวยเลย ไอ้ลูกหมา”
“งือออ ขอโทษครับ”
“เลิก ทำเสียงงุ้งงิ้งได้ล่ะ แล้วนี่มึงปีนกำแพงมาทำไม”คริสลุกยืนเต็มความสูงก่อนที่ร่างของอีกคนคลาน ดุ๊กดิ๊กเหมือนลูกหมาไปหยิบกล่องนมที่ตกอยู่ไม่ไกล
“นม”รอยยิ้มน่ารักถูกส่งออกมอย่างจริงใจพร้อมกล่องนมที่ยื่นให้
ทำเอาคริสถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยเจอใครดื้อเงียบเท่านี้มาก่อน พ่อแม่เลี้ยงมาแบบไหนกันวะเนี่ย ทำไมมันพูดยากนัก รั้นจนน่าตี
“กูเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งกับหมากู”
“ไม่ใช่หมาคุณสักหน่อยนะครับ”
“เอ้า! นี่มึง…..”ใบหน้าหล่อเหวอเล็กน้อย ไอ้เตี้ยนี่มันหัดย้อนเป็นตั้งแต่เมื่อไร
“อีกอย่าง พวกมันก็เริ่มโต กินเยอะๆมันจะดีต่ออสุขภาพนะครับ”
“ขี้เถียง”คริสเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันกลับไปสใจลูกหมาที่กำลังเลียถาดนมราวกับต้องการจะช็ดทำความสะอาด
ก่อน จะหันมองคนตัวเล็กที่กำลังดึงกรรไกรขนาดเล็กออกมาจากปอกรูปพริกสีแดงสวย ก่อนจะตัดเข้าที่มุมของกล่องนม มือสวยส่งกล่องนมที่พร้อมเทแล้วให้กับคริส ร่างสูงรับมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเทลงในถาดใบเดิม
“ถ้าเอาไปเลี้ยงได้ก็น่าจะดีนะครับ”แบคฮยอนั่งยองๆลงข้างๆคริส
“กูเห็นสภาพห้องกูแล้วนี่ คิดว่ากูมีปัญญาเอาไปเลี้ยงรึไง”
“ให้ผมเอาไปเลี้ยงได้รึเปล่า”
“…….”ไร้การตอบรับจากร่างสูง สายตาเพ่งมองเสียจนแบคฮยอนใจดี
“เออ…คือ ถ้าคุณคริสอนุญาต ผมจะเอามันไปเลี้ยงเอง ได้มั้ยครับ
“ทั้งสามตัว?”
“ครับ ทั้งสามตัว”
"มึงจะเลี้ยงมันดีรึเปล่า"
"ผมจะเลี้ยงมันให้ดีเท่าพ่อแม่เลี้ยงผมเลยครับ"แบคฮยอนบอกด้วยเสียงหนักแน่น
"ฮึ แบบนั้นหมาคงเป็นง่อยแน่ๆ แล้วก็กลายเป็นพวกหมาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนมึง"
"นี่คุณคริสครับ ทำไมต้องว่าผมแบบนี้ล่ะ ผมน่ะ ทำได้ทุกอย่างเหมือนคุณนะครับขนาดไปค้างกับคุณที่รู้จักกันไม่นาน ผมยังไปมาแล้ว ผมน่ะไม่ใช่พวกไม่ได้เรื่องแบบนั้นสักหน่อย"
เถียงขอขึ้นเอ็น เห็นล่ะน่าแกล้งจริงๆ ไอ้ลูกหมาเอ้ย
"ทำได้ทุกอย่างเหมือนกู? ทำแบบคืนนั้นได้มั้ยล่ะ"
"คืนนั้น คืนไหนครับ ทำอะไร"
"ที่กูจูบไอ้ลูกหมาไงล่ะ"
แบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย ท่าทางลำบากใจนั่นทำให้คริสกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก
"มึงคงไม่กล้า?"
"อย่าดูถูกผมนะ!"
ร่างเล็กบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอก ก่อนจะรับคำท้าทันทีโดยไม่ลังเลสองมือเรียวสวยประคองใบหน้าอย่างเบามือก่อนจะสัมผัสริมฝีปากลงไปทำเอาคริสถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ
"นี่มึง...."
"เห็นแล้วใช่มั้ยครับ ว่าผมกล้าน่ะ"
"นี่มึง...มึงจูบ...จูบหมา มึงจูบหมาทำไม!"
"อ้าว.... ก็คุณบอกว่าให้ผมจูบไอ้ลูกหมาเหมือนคุณนี่ ทำไมล่ะครับ หรือคุณจูบหลายตัว ผมจูบอีกตัวก็ได้นะ"
ปวดกะบาลแท้ๆ ทำไมมันโง่แบบนี้วะ
"กูพูดถึงเรื่องที่กูจูบมึง กูหมายถึงไอ้ลูกหมาแบคฮยอน ไม่ใช่ลูกหมาจริงๆ"
"อ้าว...."
"แล้วไง ทีนี้มึงจะทำได้รึเปล่า"คิ้วสวยได้รูปบนใบหน้าหล่อเหลาเลิกขึ้นอย่างมีเชิง
"ผมว่า...ผมทำไม่ได้"ร่างเล็กบอกเสียงอ่อย
"ฮึ กูคิดไว้แล้วว่ามึงต้องไม่กล้า"
"ไม่ใช่นะครับ แต่ใครจะไปทำได้ล่ะ จูบตัวเองเนี่ย!"
ห๊ะ!
เดี๋ยวนะ...
กูพูดว่า จูบไอ้ลูกหมาแบคฮยอน แล้วมันบอกว่าจูบตัวเองไม่ได้
เป็นมนุษย์ที่เหลือเชื่อจริงๆ ไอ้เตี้ยแบคฮยอน
"มึงนี่มันโคตรโง่เลย พอเถอะ กูเบื่อมึงว่ะ เรื่องหมาเนี่ย มึงจะมารับมันไปตอนไหน"
"เย็นนี้เลยก็ได้ครับ เดี๋ยวรถมารับก็จะให้มาพามันไปเลย"
"อืม ต่อไปนี้มันเป็นหมาของมึงแล้ว ตั้งชื่อให้มันสิ"คริสบอกพลางยกลูกสุนัขตัวน้อยขึ้นมาวางบนตัก ลูมหัวมันอย่างเอ็นดู
"อืม...ตัวนี้ชื่ออาละดิน ดีมั้ยครับมันสีเข้มกว่าตัวอื่นเลย"แบคฮยอนชี้ไปที่สุนัขตัวน้อบยบนตักร่างสูงเพราะทั้งสามตัวเป็นไซบีเรียน ฮัสกี้ เหมือนกันแต่มีเพียงตัวนี้เท่านั้นที่เป็นขนสีขาวแถบน้ำตาลในขณะที่อีกสองตัวเป็นขาวแถบเทาอ่อน มันดูสีเข้มกว่าตัวอื่นๆมากแบคฮยอนจึงเลือกชื่อที่เขาคิดว่าเหมาะที่สุดให้
"ให้มันชื่อจงอินสิ"คริสบอกเสียงเรียบ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณคริสนี่ตลกจังเลยครับ แบบนั้นก็สงสารพี่จงอินแย่เลย"
"พี่จงอิน? นี่มึงไปเป็นพี่เป็นน้องกับมันตั้งแต่เมื่อไร"
"ก็พี่เขาให้เรียกแบบนั้นนี่ครับ"
"ฮึ..."
อะไรของเขานะ
"ตัวนี้ชื่อเยเกอร์เพราะตัวใหญ่ที่สุด ส่วนตัวนี้เป็นตัวเมีย ชื่อ... ชื่ออะไรดีล่ะ"ร่างเล็กแสดงสีหน้าคิดหนักจนคนมองถึงกับถอนหายใจ
แค่ตั้งชื่อหมา มันจะอะไรรักหนา
"กูว่ามึงต้องดูทีวีมากไปแน่ๆ"
"ชื่ออะไรดี..."
"นี่มึงฟังกูบ้างมั้ยเนี่ยไอ้เตี้ย"
"คิดไม่ออกเลยครับ เอาไว้ค่อยตั้งแล้วกันคิดได้แล้วผมจะมาบอกนะ"รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้คนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเอือมระอาแบคฮยอนเหลือเกิน
"อยากทำอะไรก็ทำ มันหมามึงแล้วนิ แต่กูว่ามึงควรไปเรียนได้ล่ะ มันจะหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว เชิญมึงปีนกลับปราสาทมึงไปเลย"
"อ่า จริงด้วย ขอบคุณนะครับ ฉันไปแล้วนะอาละดิน เยเกอร์และสาวน้อยไร้นาม ตอนเย็นจะมารับนะ"
คริสมองร่างเล็กที่วิ่งดุ๊กดิ๊กไปเหยียบบนเดินดินเล็กๆเพื่อปีนกำแพงกลับไป
ไอ้ลูกหมานี่เพี้ยนกว่าที่เขาคิดเอาไว้
.
.
.
"ใกล้หมดเวลาพักแล้วนะคยองซูขึ้นห้องกันเถอะ"ชานยอลเอ่ยเรียกแฟนตัวเล็กที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเพราะคยองซูอยากจะอ่านหนังสือก่อน เขาจึงมานั่งเป็นเพื่อน ในขณะที่แบคฮยอนจุนมยอนและมินซอกขอขึ้นไปรอข้างบน
"อืม ไปสิ เออนี่ ชานยอลอ่า"คยองซูเอ่ยเรียกอีกคนขณะที่กำลังรวบหนังยกไปวางที่มุมโต๊ะ
"ครับ?"
"คือ เราไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า คือเมื่อวาน..."
"หืม"
"ตอนที่ถูกจับไป คนที่จับเราไป เขารู้จักกับแบคฮยอนด้วยนะชานยอล เราตกใจมากเลยที่แบคฮยอนไปรู้จักคนแบบนั้นแล้วพวกนั้นก็ยังพูดถึงคนที่ชื่อคริสด้วย บอกว่าเป็น...."
"อะไรงั้นหรอ"ชานยอลกำลังสนใจใคร่รู้อย่างเก็บอาการไม่มิดเขาแปลกใจตั้งแต่ที่บอกว่าแบคฮยอนไปรู้จักกับคนแปลกๆพวกนั้น อย่างแบคฮยอนน่ะหรือ มันมีเรื่องอะไรที่เขาพลาดไปหรือเปล่า
"พวกนั้นพูดว่าคนชื่อคริสเป็น... มันหยาบคายมากเลยชานยอล เราไม่กล้าพูด เราอาย"
"พูดมาเถอะครับ เราได้ยินคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
"เป็น... ผัว ของแบคฮยอน"
ชานยอลชะงักไปทันทีที่ได้ยิน มันหมายความว่ายังไงกัน แบคฮยอนรู้จักคนพวกนั้น และบอกว่าคนที่ชื่อคริสเป็น...แบบนั้นกับแบคฮยอน
ทำไมกัน เขาจำได้ว่าเขาได้ยินชื่อนี้มาก่อนแล้วจากรุ่นพี่ต่างโรงเรียนของจุนมยอนที่ไปด้วยกันเมื่อวานนี้
คริส...
กับแบคฮยอน....
ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลย
นายกำลังทำอะไรอยู่ บยอนแบคฮยอน!
"ชานยอล เราขอโทษ เราทำให้ชานยอลไม่สบายใจรึเปล่า ขอโทษนะ เราไม่น่าพูดเรื่องนี้เลย เราไม่ดีเอง"
"คยองซูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยไปเรียนกันเถอะ"ชานยอลลูบหัวอีกคนอย่างเบามือก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่รอคยองซูที่ตามหลังไปช้าๆ
"ไม่เป็นไรงั้นหรอ? โกรธจนเก็บอาการไม่อยู่แล้วปาร์คชานยอลกระจอกเอ้ย"ร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังที่กำลังห่างออกไปด้วยแววตาคล้ายสมเพชในอาการหวงก้างของอีกคน
.
.
.
ร่างสูงของชานยอลทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองสายตาจ้องแผ่นหลังเล็กของแบคฮยอนอย่างเย็นชาโดยที่คนด้านหน้าไม่รู้ตัวเลยสักนิด จะมีก็แต่จุนมยอนที่นั่งข้างๆชานยอลเท่านั้นที่สังเกตุถึงอาการมึนตึงของเพื่อนได้อย่างชัดเจน
"เป็นอะไรชานยอล"
"เปล่า"
"งั้นก็มองอาจารย์ข้างหน้าสิ เอาแต่จ้องแบคฮยอนทำไม"
ตึง!
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรจุนมยออีกแต่ลุกพรวดขึ้นมาแทน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบแม่แต่อาจารย์สาวที่ทำการสอนอยู่ด้านหน้ายังต้องชะงักตามร่างสูงเดินอ้อมโต๊ะไปหาแบคฮยอนที่กำลังมองเขาอย่างงๆแล้วดึงแขนคนตัวเล็กให้ลุกตามขึ้นมา
"ออกไปคุยกันหน่อย"
"ชะ ชานยอล เป็นอะไร นี่เรียนอยู่นะ"แบคฮยอนแย้ง
"นั่นสิ รอเรียนเสร็จก่อนไม่ได้รึไง"มินซอกที่สะดุ้งตื่นเห็นเหตุการณ์ชวนให้ตกใจก็รีมยั้งเพื่องตัวสูงไว้เช่นกัน
"ฉันจะคุยเดี๋ยวนี้!ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับอาจารย์"มือหนากระชากแขนแบคฮยอนให้ตามออกไปในขณะที่มินซอกกับจุนมยอนที่กำลังตกใจ จะตามออกไปอาจารย์สาวก็เรียกตัวไว้เพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียก่อน
แบคฮยอนตามชานยอลมาอย่างหวาดกลัว เขาไม่เคยเจอชานยอลที่เป็นแบบนี้ปกติชานยอลที่เขารู้จักแม้จะพูดน้อยแต่ก็ไม่ได้เย็นชาหรืออารมณ์รุนแรงเพื้อตัวสูงของเขาสุภาพและใจดีเสมอแล้วนี่เรื่องอะไรกันที่ทำให้ชานยอลเป็นได้ถึงขนาดนี้
คนตัวสูงพาแบคฮยอนมาถึงห้องน้ำก่อนจะเหวี่ยงอีกคนเข้าไปและปิดประตูจนเสียงดังสนั่น
"ชาน ปะ เป็น เป็นอะไร"
"คริส"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างยากลำบาก บ่งบอกว่าคนพูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์แค่ไหน
ชานยอลรู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คนใจเย็นแต่เป็นแค่คนที่ต้องระงับอารมณ์ทุกอย่างของตัวเองเอาไว้เพื่อความสบายใจของคนรอบข้าง เขาไม่ได้อ่อนโยน แต่อยากจะเป็นผู้ชายที่ดีในสายตาคนอื่นเขาไม่ได้สุภาพ แต่ต้องสำรวมเเพราะเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล เขารักแบคฮยอนแต่ก็สงสารคยองซู ใช่! เขารักแบคฮยอน และแบคฮยอนก็เป็นของเขาของเขาคนเดียว
"คริส คริสทำไมหรอ"ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมชานยอลถึงได้พูดชื่อนี้ขึ้นมา หรือชานยอลจะไปรู้อะไรมา
"มันเป็นครแบคฮยอน ไอ้คริสมันเป็นใคร!"
"ชาน! อย่าไปเรียกคุณคริสหยาบคายแบบนั้นสิ!"
"ปกป้องมันทำไม เรียกว่าไอ้แล้วจะทำไม ฉันแตะมันไม่ได้เลยสินะ!"
"ไม่เกี่ยวเลยนะ เราไม่ได้จะปกป้องใคร เราแค่ไม่อยากให้ชานยอลพูดไม่ดีถึงคนอื่นนี่ชานเป็นอะไรไป มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า รู้อะไรจากไหนก็พูดมาเลย"
"รู้อะไรงั้นหรอ ก็รู้ว่าไอ้คริสนั้นมันเป็นผัวนายไงแบคฮยอน นี่ไงที่ฉันรู้น่ะ!"
"พูดอะไรน่ะ ใครบอกกัน"
"ใครงั้นหรอ ก้ไอ้พวกที่จับคยองซูไปเมื่อวานไง! ได้ข่าวว่ารู้จักพวกมันด้วยนี่!ทำตัวเหลวแหลกไปขนาดไหนล่ะถึงได้โคจรไปเจอคนพวกนั้นน่ะ!"
"ปาร์คชานยอล!"แบคฮยอนขึ้นเสียงตอบไปอย่างเหลืออด ทำไมชานยอลถึงได้หยาบคายและดูถูกเขาขนาดนี้ ชานยอลที่แสนใจดีของเขาหายไปไหน ทำไมถึงได้กลายเป็นใครที่เขาไม่รู้จักคำพูดร้ายกาจนี้มันรุนแรงมากกว่าที่เขาถูกคริสเอ่ยว่าหลายร้อยเท่า
เหลวแหลกงั้นหรือ
คิดว่าเขาทำตัวแบบนั้นหรือไง
"ฮึ! นี่ถ้าฉันไม่รู้จากคยองซู ฉันคงจะไม่รู้เลยสินะว่าไอ้ท่าทางอ่อนหวานน่ารัก ทำตัวเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของนายมันแค่เสแสร้ง"
"คยองซูบอกชานงั้นหรอ บอกแบบนั้นหรอ!"อะไรกัน ทั้งๆที่ขอร้องไว้แล้วแท้ๆว่าห้ามบอกใคร แต่ทำไมคยองซูยังเอามาบอกชานยอล
"อย่าไปโทษคยองซู!!! นายมันทำตัวเหลวแหลกเอง ต่อให้ไม่มีใครบอก กลิ่นเน่าจากตัวนายมันก็ต้องโชยออกมาอยู่ดี!"
เพี๊ยะ!!!
ฝ่ามือสวยกระทบเข้ากับใบหน้าหล่อเต็มแรงชานยอลยกมือขึ้นแก้มแก้มซีกซ้ายที่เริ่มชาเพราะแรงตบเอาไว้ก่อนจะหันมามองแบคฮยอนที่กำลังยืนตัวสั่นน้ำตาคลออยู่
"เราไม่รู้ว่าชานเป็นอะไร หรือโกรธอะไร แต่ตอนนี้ชานกำลังอารมณ์ไม่ดี ขาดสติควบคุมตัวเองไม่ได้ เอาไว้ให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนเถอะนะ แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องเมื่อกี้ เราจะคิดว่าไม่เคยเกิดขึ้นจะลืมว่าเคยได้ยินอะไรจากปากเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา วันนี้ให้จบแค่นี้เถอะเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว"แบคฮยอนบอกอีกคนอย่างอ่อนแรงเขาเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องพยายามบอกในสิ่งที่ชานยอลไม่คิดจะฟังเขาไม่อยากทนฟังถ้อยคำร้ายกาจเหล่านั้นจากปากของเพื่อนที่เขารักที่สุดเขาไม่อยากจะเกลียดชานยอลเพียงเพราะคำพูดไร้ค่าพวกนั้น
ก็อก ก็อก ก็อก
"เฮ้ ข้างในเกิดอะไรขึ้น ชานยอล แบคฮยอน ล็อคประตูทำไมน่ะ เปิดหน่อยสิ"เสียงของมินซอกดังมาจากด้านนอกเรียกสติของคนทั้งคู่
"ไปพักสักหน่อยนะชานยอล"ร่างเล็กบอกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ ก่อนจะเปิดประตูออกไปหามินซอกที่เรียกอยู่ข้างนอกนั่น
มินซอกมองเพื่อนซี้ที่เดินออกมาในสภาพที่น้ำตาคลอและสีหน้าโศกเศร้าใจจริงอยากจะถามว่าเกดเรื่องอะไรระหว่างแบคฮยอนและชานยอลแต่ตอนนี้ท่าทางของแบคฮยอนนั้นดูเหนื่อยล้าเกินกว่าที่เขาจะคาดคั้นเอาคำตอบอะไรได้ มองเลยไปถึงอีกคนที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนดูแล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
"อยากกลับบ้านมั้ย เราโทรเรียกพี่ลู่หานให้มารับไปส่งดีมั้ย"มินซอกถามแบคฮยอนเบาๆ
"มินซอกอ่า เราขอไปบ้านมินซอกก่อนจะได้มั้ย เดินออกไปด้วยกันได้มั้ยเราอยากเดิน"เสียงอ่อนล้าอย่างน่าสงสารนี่ทำเอาคนฟังไม่กล้าปฏิเสธ
"อืม ไปสิ เดี๋ยวไปเก็บของกันนะ"
.
.
.
"แบคฮยอนเป็นอะไร?"ชายหนุ่มหน้าตาหลอเหลาที่มีเขาโครงกึ่งสวยคล้ายผู้หญิงนั้นกระซิบถามมินซอกหลังจากเห็นแบคฮยอนนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ในสวน
"ไม่รู้"
"อ้าว แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ"
"นี่ พี่ลู่หาน ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สักอย่าง เลิกถามเถอะน่า"
"ครับ ไม่รู้ก็ไม่รู้ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลยตัวเล็กเอ้ย"
"ตัวโตตายล่ะพี่น่ะ!"
มินซอกตะโกนตามหลังคนที่เดินออกไปด้วยท่าทางกวนประสาทคิมมินซอกแบบสุดๆลู่หานเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของพ่อเขาซ้ำยังเป็นครูสอนพิเศษให้เขากับเพื่อนๆเพราะเหตุนี้ถึงได้สนิทสนมกันมากทั้งๆที่ลู่หานเป็นลูกจ้างในขณะที่เขาเป็นลูกเจ้าบ้าน
แบคฮยอนปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์เขาให้มินซอกโทรบอกที่บ้านว่าจะขอค้างที่นี่หลังจากนั้นก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในสวนนั่นจนฟ้ามืดลงไปทุกทีก่อนจะเข้ามาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มินซอกเตรียมไว้ให้
"ไม่หิวหรอ กินอะไรหน่อยมั้ย"
"ไม่ล่ะ เราไม่หิวหรอก"แบคฮยอนปฏิเสธ เขาไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด ต่อให้หิวก็คงกินอะไรไม่ลง
"แต่ตัวยังไม่กินไรเลยนะ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก เอานมมั้ย เอาไปอุ่นให้"มินซอกเอ่ยถามอย่างห่วงใย
"อืม ขอบคุณนะ"
นมสักแก้วก็คงจะดีกว่าไม่กินอะไรเลย อีกอย่างถ้าเกิดเขาปวดท้องขึ้นมา จะพลอยทำให้มินซอกต้องลำบากไปอีก
นมงั้นหรือ
นม
ตายแล้ว!
"มินซอก! มินซอกอ่า!"
"เป็นอะไรแบคฮยอน"
"บอกพี่ลู่หาน ช่วยพาเราไปที่โรงเรียนที"
เขาลืมลูกหมา
ลูกหมาสามตัวที่เขาสัญญากับพวกมันว่าตอนเย็นจะไปรับ
.
.
.
ลู่หานขับรถพาทั้งมินซอกและแบคฮยอนมาถึงที่โรงเรียนรถคันหรูเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงโรงเรียนแต่บางอย่างที่สะดุดตาก็ทำให้แบคฮยอนร้องขอให้อาจารย์ช่วยจอดรถเสียก่อน
"จอดก่อนครับ จอดตรงนี้"
ทันทีที่รถหยุด แบคฮยอนก็พรวดพราดลงไปสายตามองไปเห็นมอเตอร์ไซค์สุดรักของคริสยังจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าโรงเรียนฝั่งตรงข้ามก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าไปในสวนสาธ่รณะเก่าข้างโรงเรียนของตัวเอง
ร่างของใครบางคนนั่งอยู่กับพื้นหญ้ากำลังมองมาที่เขา บนตักนั้นมากล่องใบใหญ่ที่เห็นชัดมามีลูกสุนัขสามตัวอยู่ข้างใน
"มึงทิ้งพวกมันทำไม"คริสเอ่ยถามเสียงเรียบ
"ผม... ขอโทษ แต่ไม่ทิ้งนะครับ มารับแล้ว ตามสัญญา"มือสวยยื่นไปตรงหน้า คนตัวสูงก็ส่งมือของตัวเองมาจับเอาไว้
จริงๆแล้วที่แบคฮยอนมารับคือลูกสุนัขสามตัวนั้น หรือคนที่กำลังถือพวกมันอยู่กันแน่นะ
TBC.
#ฟิคสีแดง
ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ
ความคิดเห็น