ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #6 : RED 05

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 57





    RED 05


    เรื่อง เมื่อวานจบลงที่ชานยอลโทรหาคยองซู ก่อนจะไปเจอกันที่ร้านพิซซ่าที่มีจุนมยอน มินซอกและจื่อเทารออยู่ก่อนแล้ว แบคฮยอนยังคงย้ำกับคยองซูอยู่หลายครั้งถึงเรื่องที่ไม่ให้บอกเรื่องที่เกิด ขึ้นกับใครทั้งสิ้น


    ไม่ ใช่ไม่รู้ว่ายาเสพติดมันผิด ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไม่ควรปล่อยไป แต่...ถ้ามันจะทำให้คุณคริสเดือดร้อน แบคฮยอนก็จะขอเป็นคนไม่ดีสักครั้ง เขามั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ได้พูดเล่นๆ ทุกสิ่งที่บอกกับเขา คนพวกนั้นจะทำจริงและทำได้แน่ๆ เขาเสี่ยงไม่ได้


    "เหม่อ"เสียง เอ่ยลอยๆจากคนข้างหลังเรียกสติของแบคฮยอนให้กลับมาอยู่กับบทเรียนที่ครูสาว กำลังสั่งสอนอยู่ที่หน้าห้อง คนตัวเล็กหันไปมองชานยอลที่ยักคิ้วกลับมาให้แทน


    "เราไม่ได้เหม่อนะ"เถียงกลับไปเหมือนเด็กๆก่อนจะกลับมามองข้างๆตัวก็มินซอกหลับคาหนังสือไปแล้ว เพื่อน แก้มป่องของเขาเป็นแบบนี้เสมอ หลับปุ๋ยในคาบเรียนเป็นประจำ มินซอกไม่ถนัดเรื่องในตำราเสียเลย แทบจะไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำ แต่แปลกมากที่ไม่เคยสอบตกสักครั้ง ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือจริงๆแล้วหัวดีมากกันแน่


    ชาน ยอลสะกิดจุนมยอนที่จดจ่ออยู่กับวิชาเรียน คนตัวขาวข้างๆหันมาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ร่างสูงชี้ไปที่มินซอกด้านหน้าแล้วทำท่าถ่ายรูปเป็นสัญญาณให้จุนมยอน แต่ดูเหมือนคุฯหนูจุนจะไม่อยากเล่นด้วยสักเท่าไร เอาแต่ส่ายหน้ายิก


    แกล้งมินซอก มีหวังโดนอัดเละ


    "หยุด เลยชาน ไม่ต้องหาพวกเลยนะ ห้ามแกล้งมินซอก เข้าใจมั้ย"แบคฮยอนเอ่ยห้าม ใจจริงเขารู้ดีว่าชานยอลนั่นเอ็นดูมินซอกขนาดไหน แกล้งก็แค่หยอกเล่นเบาๆเท่านั้น แต่มินซอกน่ะ ถ้าอาละวาด ห้องแตกได้เลยนะ เขาไม่อยากเสี่ยง


    และเมื่อไม่มีใครยอมร่วมขบวนการชานยอลจึงกลับไปสนใจวิชาเรียนต่อเหมือนเดิม


    พัก กลางวันที่ทุกคนรอคอย ชานยอลที่ตั้งใจจะแยกกับคนอื่นๆไปรับคยองซูที่ห้องก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น เพราะแฟนตัวเล็กมารออยู่ที่หน้าห้องแล้ว


    "อ้าว"ชานยอลทักไปอย่างแปลกใจ ปกติคยองซูแทบไม่กล้าเข้าหาเพื่อนเขาสักคน แต่นี่มารอหน้าห้องเขาเลยเชียวหรือ


    มันก็ดีอยู่หรอกที่คยองซูจะสนิทกับเพื่อนๆของเขาเร็วแบบนี้ แบคฮยอนกับจุนมยอนคงจะยินดีเช่นกัน แต่สำหรับคนที่ไม่พร้อมจะรับอะไรอย่างมินซอก เขาว่าจะยิ่งได้ผิดใจกันซะมากกว่า



    "เราเลิกเร็วน่ะ ก็เลยมารอที่ห้องเลย"รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้ ดวงตากลมโตนั้นหยีจนเกือบปิดลง


    "ดีเลย จะได้ไปกินข้าวพร้อมกันนะ"แบคฮยอนตอบรับกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน

    ทั้ง หมดเดินลงไปด้วยกันโดยมีแบคฮยอนจุนมยอนและคยองซูเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนมินซอกก็เดินอยู่ข้างหลังกับชานยอล ร่างสูงเกาะไหล่มินซอกไปตลอดทาง เขารู้ว่าเพื่อนแก้มป่องนี่ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นคยองซู เขาจึงอยากจะเอาใจให้อารมณ์ดีเสียหน่อย


    "วันนี้เราจะเลี้ยงข้าว มินซอกอยากกินอะไร"


    "เลี้ยง? เมื่อวานก็เลี้ยง รู้หรอกว่ารวย แต่เงินทองน่ะเก็บๆไว้บ้างเถอะ"


    "พูดเป็นผู้ใหญ่เชียวนะ"ชานยอลกระตุกยิ้มเบาๆ


    "ก็โตแล้วนี่ อายุสิบเจ็ดแล้วนะ ไม่ใช่เจ็ดขวบ"


    "ครับ รู้ครับ"

    เอาใจ ยาก นี่ล่ะมินซอก แม้จะเป็นคนที่เรียบง่าย ธรรมดากว่าคนอื่น แต่ก็เอาแต่ใจกว่าใครทั้งหมด เขาไม่เคยรับมือกับมินซอกได้สักครั้ง เห็นทีคงมีแต่แบคฮยอนที่มินซอกยอมอ่อนให้ แบคฮยอนคงมีบางอย่างที่แสนพิเศษ ไม่ว่าใครๆก็โอนอ่อนต่อแบคฮยอนกันทั้งนั้น


    "ไม่ ต้องมาทำเป็นเอาใจหรอก ยังไงเราก็ไม่ชอบคยองซูอยู่ดี"เลือกที่จะพูดตรงๆอย่างไม่รักษาน้ำใจและความ สัมพันธ์ มินซอกรู้ดี ชานยอลอาจจะโกรธก็ได้ เรื่องเดาอารมณ์ของคนตัวสูงไม่เคยมีใครรู้ ชานยอลไม่แสดงอาการท่าทางใดๆมากนัก ซึ่งก็เป็นแบบนี้เสมอ นิ่ง เงียบ จะมีบางครั้งเท่านั้นที่ชานยอลจะเผยบุคลิกอีกด้านที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นออก มา อย่างพยายามจะเขียนหน้าเขาตอนหลับ แกล้งแบคฮยอน หรือหลอกจุนมยอน ไม่แน่ว่านอกจากโกรธ ชานยอลอาจจะกำลังรู้สึกใจเสียกับคำพูดตรงๆของเขา


    "เรา รู้"มือหนาส่งไปลูบศีรษะของมินซอกเชิงปลอบ เขาเข้าใจที่มินซอกพูดตรงๆ เพราะเป็นคนไม่อ้อมค้อม คิดอะไรก็พูดออกมา บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามินซอกเองก็เสียใจกับบางคำพูดของตนเองที่ดู คล้ายจะรุนแรง เช่นตอนนี้ มินซอกคงกำลังเสียใจและห่วงว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรที่ได้ฟังความรู้สึกจากใจ จริงแบบนี้


    "ข้างหลังนั่น งุ้งงิ้งอะไรกันน่ะ"แบคฮยอนหันมาถามพลางหัวเราะเบาๆ


    "งุ้งงิ้งเรื่องคนแถวนี้ล่ะ"มินซอกตอบกลับไปพลางสายตาไปสะดุดกับบางอย่าง

    คยองซูหันมายิ้มให้มินซอกเล็กๆโดยที่แขนนั้นเกี่ยวแขนจุนมยอนเอาไว้ด้วยท่าทางสนิทสนม

    เกินไปแล้วม้าง สนิทขนาดเดินกอดแขนกันเลยหรอ ข้ามขั้นมากไปแล้ว

    สายตากลมโตที่ดูเป็นมิตรนั่น แฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ ยามที่สบตามันช่างดูอวดดีและแสนท้าทาย


    คยองซูกระตุกยิ้ม อยากทำตัวมีปัญหานี่นะคิมมินซอก คอยดูเถอะ

    ฉันจะเฉดหัวส่งออกไปจากกลุ่มอีกไม่นานหรอก  ระวังตัวไว้เลย

    .

    .

    .
     

    ร่าง สูงโปร่งกำลังหยิบคัทเตอร์คู่มือมาตัดมุมกล่องนมแล้วเทลงในกล่องพลาสติกที่ มีคราบนมค้างอยู่ ลูกสุนัขหลายตัววิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามารุมกะบะนมนั่นอย่างรีบร้อน สายตาคมมองดูก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อลูกหมาพวกนี้ทำให้เขานึกไปถึงใครบางคน อย่างช่วยไม่ได้

    เหมือนจริงๆ


    ผลัก!

    โอ๊ยยยยยบางอย่างที่มีน้ำหนักมากตกลงมาทับร่างสูงจนล้มลงกระแทกกับพื้นเบื้องล่าง

    คุณคริส!

    คริสมองดูร่างของคนที่ตกลงมาจากที่สูงจนทับเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง


    แม่งลงมาจากไหนวะ

    ลุกออก ไปสักที ตัวมึงไม่ใช่เบาๆเลยนะ แล้วดูดิเนี่ย แม่งเอ้ย แขนกูดูเหมือนแรงกระแทกจะส่งผลให้ข้อศอกนั่นไถลไปกับพื้นจนเสื้อเชิ้ตขาว ขาดเป็นทางยาว เลือดซึมออกมาเล็กน้อยจากข้อศอกหนาของคนตัวโต

    คุณ คริส อย่าเป็นอะไรนะครับแบคฮยอนลนลานลุกออกจากตัวคนด้านล่างแล้วมานั่งจุ้มปุ๊ กดูแผลที่ข้อศอกอีกคนอย่างสำนึกผิด เอาจริงๆว่าเขาไม่ตั้งใจแน่นอนพันเปอร์เซ็นแต่ก็ไม่วายรู้สึกผิดอยู่ดี ทุกครั้งก็กระโดดลงมาองศานี้ มุมนี้ ท่านี้ แต่เพราะความเคยชินจึงไม่ทันได้มองว่ามีใครยืนอยู่

    นี่กูล้มนะ ไม่ได้โดนรถชน จะเป็นเหี้ยอะไรไปได้ ดูมึงพูดเข้าสิ

     “ผมขอโทษครับหางตาทีตกอยู่แล้วบัดนี้ลู่ลงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ทำเอาคนมองแทบจะหลุดหัวเราะออกมา

    มึงนี่โคตรตัวซวยเลย ไอ้ลูกหมา


    งือออ ขอโทษครับ

    เลิก ทำเสียงงุ้งงิ้งได้ล่ะ แล้วนี่มึงปีนกำแพงมาทำไมคริสลุกยืนเต็มความสูงก่อนที่ร่างของอีกคนคลาน ดุ๊กดิ๊กเหมือนลูกหมาไปหยิบกล่องนมที่ตกอยู่ไม่ไกล

    นมรอยยิ้มน่ารักถูกส่งออกมอย่างจริงใจพร้อมกล่องนมที่ยื่นให้

    ทำเอาคริสถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยเจอใครดื้อเงียบเท่านี้มาก่อน พ่อแม่เลี้ยงมาแบบไหนกันวะเนี่ย ทำไมมันพูดยากนัก รั้นจนน่าตี

    กูเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งกับหมากู

    ไม่ใช่หมาคุณสักหน่อยนะครับ

    เอ้า! นี่มึง…..”ใบหน้าหล่อเหวอเล็กน้อย ไอ้เตี้ยนี่มันหัดย้อนเป็นตั้งแต่เมื่อไร

    อีกอย่าง พวกมันก็เริ่มโต กินเยอะๆมันจะดีต่ออสุขภาพนะครับ

    ขี้เถียงคริสเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันกลับไปสใจลูกหมาที่กำลังเลียถาดนมราวกับต้องการจะช็ดทำความสะอาด

    ก่อน จะหันมองคนตัวเล็กที่กำลังดึงกรรไกรขนาดเล็กออกมาจากปอกรูปพริกสีแดงสวย ก่อนจะตัดเข้าที่มุมของกล่องนม มือสวยส่งกล่องนมที่พร้อมเทแล้วให้กับคริส ร่างสูงรับมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเทลงในถาดใบเดิม

    ถ้าเอาไปเลี้ยงได้ก็น่าจะดีนะครับแบคฮยอนั่งยองๆลงข้างๆคริส

    กูเห็นสภาพห้องกูแล้วนี่  คิดว่ากูมีปัญญาเอาไปเลี้ยงรึไง

    ให้ผมเอาไปเลี้ยงได้รึเปล่า

    …….”ไร้การตอบรับจากร่างสูง สายตาเพ่งมองเสียจนแบคฮยอนใจดี

    เออคือ ถ้าคุณคริสอนุญาต ผมจะเอามันไปเลี้ยงเอง  ได้มั้ยครับ

    ทั้งสามตัว?”

    ครับ ทั้งสามตัว

    "มึงจะเลี้ยงมันดีรึเปล่า"
     

    "ผมจะเลี้ยงมันให้ดีเท่าพ่อแม่เลี้ยงผมเลยครับ"แบคฮยอนบอกด้วยเสียงหนักแน่น
     

    "ฮึ แบบนั้นหมาคงเป็นง่อยแน่ๆ แล้วก็กลายเป็นพวกหมาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนมึง"
     

    "นี่คุณคริสครับ ทำไมต้องว่าผมแบบนี้ล่ะ ผมน่ะ ทำได้ทุกอย่างเหมือนคุณนะครับขนาดไปค้างกับคุณที่รู้จักกันไม่นาน ผมยังไปมาแล้ว ผมน่ะไม่ใช่พวกไม่ได้เรื่องแบบนั้นสักหน่อย"
     

    เถียงขอขึ้นเอ็น เห็นล่ะน่าแกล้งจริงๆ ไอ้ลูกหมาเอ้ย 
     

    "ทำได้ทุกอย่างเหมือนกู? ทำแบบคืนนั้นได้มั้ยล่ะ"
     

    "คืนนั้น คืนไหนครับ ทำอะไร"
     

    "ที่กูจูบไอ้ลูกหมาไงล่ะ"

    แบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย ท่าทางลำบากใจนั่นทำให้คริสกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก

    "มึงคงไม่กล้า?"
     

    "อย่าดูถูกผมนะ!"
     

    ร่างเล็กบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอก ก่อนจะรับคำท้าทันทีโดยไม่ลังเลสองมือเรียวสวยประคองใบหน้าอย่างเบามือก่อนจะสัมผัสริมฝีปากลงไปทำเอาคริสถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ
     

    "นี่มึง...."
     

    "เห็นแล้วใช่มั้ยครับ ว่าผมกล้าน่ะ"
     

    "นี่มึง...มึงจูบ...จูบหมา มึงจูบหมาทำไม!"
     

    "อ้าว.... ก็คุณบอกว่าให้ผมจูบไอ้ลูกหมาเหมือนคุณนี่ ทำไมล่ะครับ หรือคุณจูบหลายตัว ผมจูบอีกตัวก็ได้นะ"
     

    ปวดกะบาลแท้ๆ ทำไมมันโง่แบบนี้วะ
     

    "กูพูดถึงเรื่องที่กูจูบมึง กูหมายถึงไอ้ลูกหมาแบคฮยอน ไม่ใช่ลูกหมาจริงๆ"
     

    "อ้าว...."
     

    "แล้วไง ทีนี้มึงจะทำได้รึเปล่า"คิ้วสวยได้รูปบนใบหน้าหล่อเหลาเลิกขึ้นอย่างมีเชิง 
     

    "ผมว่า...ผมทำไม่ได้"ร่างเล็กบอกเสียงอ่อย
     

    "ฮึ กูคิดไว้แล้วว่ามึงต้องไม่กล้า"
     

    "ไม่ใช่นะครับ แต่ใครจะไปทำได้ล่ะ จูบตัวเองเนี่ย!"
     

    ห๊ะ!
     

    เดี๋ยวนะ...
     

    กูพูดว่า จูบไอ้ลูกหมาแบคฮยอน  แล้วมันบอกว่าจูบตัวเองไม่ได้

    เป็นมนุษย์ที่เหลือเชื่อจริงๆ ไอ้เตี้ยแบคฮยอน
     

    "มึงนี่มันโคตรโง่เลย พอเถอะ กูเบื่อมึงว่ะ เรื่องหมาเนี่ย มึงจะมารับมันไปตอนไหน" 
     

    "เย็นนี้เลยก็ได้ครับ เดี๋ยวรถมารับก็จะให้มาพามันไปเลย"
     

    "อืม ต่อไปนี้มันเป็นหมาของมึงแล้ว ตั้งชื่อให้มันสิ"คริสบอกพลางยกลูกสุนัขตัวน้อยขึ้นมาวางบนตัก ลูมหัวมันอย่างเอ็นดู
     

    "อืม...ตัวนี้ชื่ออาละดิน ดีมั้ยครับมันสีเข้มกว่าตัวอื่นเลย"แบคฮยอนชี้ไปที่สุนัขตัวน้อบยบนตักร่างสูงเพราะทั้งสามตัวเป็นไซบีเรียน ฮัสกี้ เหมือนกันแต่มีเพียงตัวนี้เท่านั้นที่เป็นขนสีขาวแถบน้ำตาลในขณะที่อีกสองตัวเป็นขาวแถบเทาอ่อน มันดูสีเข้มกว่าตัวอื่นๆมากแบคฮยอนจึงเลือกชื่อที่เขาคิดว่าเหมาะที่สุดให้
     

    "ให้มันชื่อจงอินสิ"คริสบอกเสียงเรียบ
     

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณคริสนี่ตลกจังเลยครับ แบบนั้นก็สงสารพี่จงอินแย่เลย"
     

    "พี่จงอิน? นี่มึงไปเป็นพี่เป็นน้องกับมันตั้งแต่เมื่อไร"
     

    "ก็พี่เขาให้เรียกแบบนั้นนี่ครับ"
     

    "ฮึ..."

    อะไรของเขานะ
     

    "ตัวนี้ชื่อเยเกอร์เพราะตัวใหญ่ที่สุด ส่วนตัวนี้เป็นตัวเมีย ชื่อ... ชื่ออะไรดีล่ะ"ร่างเล็กแสดงสีหน้าคิดหนักจนคนมองถึงกับถอนหายใจ 

    แค่ตั้งชื่อหมา มันจะอะไรรักหนา
     

    "กูว่ามึงต้องดูทีวีมากไปแน่ๆ"
     

    "ชื่ออะไรดี..."
     

    "นี่มึงฟังกูบ้างมั้ยเนี่ยไอ้เตี้ย"
     

    "คิดไม่ออกเลยครับ เอาไว้ค่อยตั้งแล้วกันคิดได้แล้วผมจะมาบอกนะ"รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้คนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเอือมระอาแบคฮยอนเหลือเกิน
     

    "อยากทำอะไรก็ทำ มันหมามึงแล้วนิ แต่กูว่ามึงควรไปเรียนได้ล่ะ มันจะหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว เชิญมึงปีนกลับปราสาทมึงไปเลย"
     

    "อ่า จริงด้วย ขอบคุณนะครับ ฉันไปแล้วนะอาละดิน เยเกอร์และสาวน้อยไร้นาม ตอนเย็นจะมารับนะ"
     

    คริสมองร่างเล็กที่วิ่งดุ๊กดิ๊กไปเหยียบบนเดินดินเล็กๆเพื่อปีนกำแพงกลับไป 
     

    ไอ้ลูกหมานี่เพี้ยนกว่าที่เขาคิดเอาไว้

    .

    .

    .

    "ใกล้หมดเวลาพักแล้วนะคยองซูขึ้นห้องกันเถอะ"ชานยอลเอ่ยเรียกแฟนตัวเล็กที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเพราะคยองซูอยากจะอ่านหนังสือก่อน เขาจึงมานั่งเป็นเพื่อน ในขณะที่แบคฮยอนจุนมยอนและมินซอกขอขึ้นไปรอข้างบน
     

    "อืม ไปสิ เออนี่ ชานยอลอ่า"คยองซูเอ่ยเรียกอีกคนขณะที่กำลังรวบหนังยกไปวางที่มุมโต๊ะ
     

    "ครับ?"
     

    "คือ เราไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า คือเมื่อวาน..."
     

    "หืม"
     

    "ตอนที่ถูกจับไป คนที่จับเราไป เขารู้จักกับแบคฮยอนด้วยนะชานยอล  เราตกใจมากเลยที่แบคฮยอนไปรู้จักคนแบบนั้นแล้วพวกนั้นก็ยังพูดถึงคนที่ชื่อคริสด้วย บอกว่าเป็น...."
     

    "อะไรงั้นหรอ"ชานยอลกำลังสนใจใคร่รู้อย่างเก็บอาการไม่มิดเขาแปลกใจตั้งแต่ที่บอกว่าแบคฮยอนไปรู้จักกับคนแปลกๆพวกนั้น  อย่างแบคฮยอนน่ะหรือ มันมีเรื่องอะไรที่เขาพลาดไปหรือเปล่า
     

    "พวกนั้นพูดว่าคนชื่อคริสเป็น... มันหยาบคายมากเลยชานยอล เราไม่กล้าพูด เราอาย"
     

    "พูดมาเถอะครับ เราได้ยินคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
     

    "เป็น... ผัว ของแบคฮยอน"
     

    ชานยอลชะงักไปทันทีที่ได้ยิน มันหมายความว่ายังไงกัน  แบคฮยอนรู้จักคนพวกนั้น และบอกว่าคนที่ชื่อคริสเป็น...แบบนั้นกับแบคฮยอน 

    ทำไมกัน เขาจำได้ว่าเขาได้ยินชื่อนี้มาก่อนแล้วจากรุ่นพี่ต่างโรงเรียนของจุนมยอนที่ไปด้วยกันเมื่อวานนี้ 
     

    คริส...

    กับแบคฮยอน....
     

    ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลย 

    นายกำลังทำอะไรอยู่ บยอนแบคฮยอน!
     

    "ชานยอล เราขอโทษ เราทำให้ชานยอลไม่สบายใจรึเปล่า ขอโทษนะ เราไม่น่าพูดเรื่องนี้เลย เราไม่ดีเอง"
     

    "คยองซูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยไปเรียนกันเถอะ"ชานยอลลูบหัวอีกคนอย่างเบามือก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่รอคยองซูที่ตามหลังไปช้าๆ
     

    "ไม่เป็นไรงั้นหรอ? โกรธจนเก็บอาการไม่อยู่แล้วปาร์คชานยอลกระจอกเอ้ย"ร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังที่กำลังห่างออกไปด้วยแววตาคล้ายสมเพชในอาการหวงก้างของอีกคน

    .

    .

    .

    ร่างสูงของชานยอลทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองสายตาจ้องแผ่นหลังเล็กของแบคฮยอนอย่างเย็นชาโดยที่คนด้านหน้าไม่รู้ตัวเลยสักนิด จะมีก็แต่จุนมยอนที่นั่งข้างๆชานยอลเท่านั้นที่สังเกตุถึงอาการมึนตึงของเพื่อนได้อย่างชัดเจน
     

    "เป็นอะไรชานยอล"
     

    "เปล่า"
     

    "งั้นก็มองอาจารย์ข้างหน้าสิ เอาแต่จ้องแบคฮยอนทำไม"
     

    ตึง!
     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรจุนมยออีกแต่ลุกพรวดขึ้นมาแทน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบแม่แต่อาจารย์สาวที่ทำการสอนอยู่ด้านหน้ายังต้องชะงักตามร่างสูงเดินอ้อมโต๊ะไปหาแบคฮยอนที่กำลังมองเขาอย่างงๆแล้วดึงแขนคนตัวเล็กให้ลุกตามขึ้นมา

     

    "ออกไปคุยกันหน่อย"
     

    "ชะ ชานยอล เป็นอะไร นี่เรียนอยู่นะ"แบคฮยอนแย้ง
     

    "นั่นสิ รอเรียนเสร็จก่อนไม่ได้รึไง"มินซอกที่สะดุ้งตื่นเห็นเหตุการณ์ชวนให้ตกใจก็รีมยั้งเพื่องตัวสูงไว้เช่นกัน
     

    "ฉันจะคุยเดี๋ยวนี้!ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับอาจารย์"มือหนากระชากแขนแบคฮยอนให้ตามออกไปในขณะที่มินซอกกับจุนมยอนที่กำลังตกใจ จะตามออกไปอาจารย์สาวก็เรียกตัวไว้เพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียก่อน 
     

    แบคฮยอนตามชานยอลมาอย่างหวาดกลัว เขาไม่เคยเจอชานยอลที่เป็นแบบนี้ปกติชานยอลที่เขารู้จักแม้จะพูดน้อยแต่ก็ไม่ได้เย็นชาหรืออารมณ์รุนแรงเพื้อตัวสูงของเขาสุภาพและใจดีเสมอแล้วนี่เรื่องอะไรกันที่ทำให้ชานยอลเป็นได้ถึงขนาดนี้
     

    คนตัวสูงพาแบคฮยอนมาถึงห้องน้ำก่อนจะเหวี่ยงอีกคนเข้าไปและปิดประตูจนเสียงดังสนั่น

    "ชาน ปะ เป็น เป็นอะไร"
     

    "คริส"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างยากลำบาก บ่งบอกว่าคนพูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์แค่ไหน

    ชานยอลรู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คนใจเย็นแต่เป็นแค่คนที่ต้องระงับอารมณ์ทุกอย่างของตัวเองเอาไว้เพื่อความสบายใจของคนรอบข้าง เขาไม่ได้อ่อนโยน แต่อยากจะเป็นผู้ชายที่ดีในสายตาคนอื่นเขาไม่ได้สุภาพ แต่ต้องสำรวมเเพราะเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล เขารักแบคฮยอนแต่ก็สงสารคยองซู ใช่! เขารักแบคฮยอน และแบคฮยอนก็เป็นของเขาของเขาคนเดียว
     

    "คริส คริสทำไมหรอ"ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมชานยอลถึงได้พูดชื่อนี้ขึ้นมา หรือชานยอลจะไปรู้อะไรมา
     

    "มันเป็นครแบคฮยอน ไอ้คริสมันเป็นใคร!"
     

    "ชาน! อย่าไปเรียกคุณคริสหยาบคายแบบนั้นสิ!"
     

    "ปกป้องมันทำไม เรียกว่าไอ้แล้วจะทำไม ฉันแตะมันไม่ได้เลยสินะ!"
     

    "ไม่เกี่ยวเลยนะ เราไม่ได้จะปกป้องใคร เราแค่ไม่อยากให้ชานยอลพูดไม่ดีถึงคนอื่นนี่ชานเป็นอะไรไป มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า รู้อะไรจากไหนก็พูดมาเลย"
     

    "รู้อะไรงั้นหรอ ก็รู้ว่าไอ้คริสนั้นมันเป็นผัวนายไงแบคฮยอน นี่ไงที่ฉันรู้น่ะ!"
     

    "พูดอะไรน่ะ ใครบอกกัน"
     

    "ใครงั้นหรอ ก้ไอ้พวกที่จับคยองซูไปเมื่อวานไง! ได้ข่าวว่ารู้จักพวกมันด้วยนี่!ทำตัวเหลวแหลกไปขนาดไหนล่ะถึงได้โคจรไปเจอคนพวกนั้นน่ะ!"
     

    "ปาร์คชานยอล!"แบคฮยอนขึ้นเสียงตอบไปอย่างเหลืออด  ทำไมชานยอลถึงได้หยาบคายและดูถูกเขาขนาดนี้  ชานยอลที่แสนใจดีของเขาหายไปไหน ทำไมถึงได้กลายเป็นใครที่เขาไม่รู้จักคำพูดร้ายกาจนี้มันรุนแรงมากกว่าที่เขาถูกคริสเอ่ยว่าหลายร้อยเท่า 

    เหลวแหลกงั้นหรือ
     

    คิดว่าเขาทำตัวแบบนั้นหรือไง
     

    "ฮึ! นี่ถ้าฉันไม่รู้จากคยองซู ฉันคงจะไม่รู้เลยสินะว่าไอ้ท่าทางอ่อนหวานน่ารัก ทำตัวเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของนายมันแค่เสแสร้ง"
     

    "คยองซูบอกชานงั้นหรอ บอกแบบนั้นหรอ!"อะไรกัน ทั้งๆที่ขอร้องไว้แล้วแท้ๆว่าห้ามบอกใคร แต่ทำไมคยองซูยังเอามาบอกชานยอล
     

    "อย่าไปโทษคยองซู!!! นายมันทำตัวเหลวแหลกเอง ต่อให้ไม่มีใครบอก กลิ่นเน่าจากตัวนายมันก็ต้องโชยออกมาอยู่ดี!"
     

    เพี๊ยะ!!!
     

    ฝ่ามือสวยกระทบเข้ากับใบหน้าหล่อเต็มแรงชานยอลยกมือขึ้นแก้มแก้มซีกซ้ายที่เริ่มชาเพราะแรงตบเอาไว้ก่อนจะหันมามองแบคฮยอนที่กำลังยืนตัวสั่นน้ำตาคลออยู่
     

    "เราไม่รู้ว่าชานเป็นอะไร หรือโกรธอะไร แต่ตอนนี้ชานกำลังอารมณ์ไม่ดี ขาดสติควบคุมตัวเองไม่ได้ เอาไว้ให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนเถอะนะ แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องเมื่อกี้ เราจะคิดว่าไม่เคยเกิดขึ้นจะลืมว่าเคยได้ยินอะไรจากปากเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา วันนี้ให้จบแค่นี้เถอะเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว"แบคฮยอนบอกอีกคนอย่างอ่อนแรงเขาเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องพยายามบอกในสิ่งที่ชานยอลไม่คิดจะฟังเขาไม่อยากทนฟังถ้อยคำร้ายกาจเหล่านั้นจากปากของเพื่อนที่เขารักที่สุดเขาไม่อยากจะเกลียดชานยอลเพียงเพราะคำพูดไร้ค่าพวกนั้น

     

    ก็อก ก็อก ก็อก
     

    "เฮ้ ข้างในเกิดอะไรขึ้น ชานยอล แบคฮยอน ล็อคประตูทำไมน่ะ เปิดหน่อยสิ"เสียงของมินซอกดังมาจากด้านนอกเรียกสติของคนทั้งคู่
     

    "ไปพักสักหน่อยนะชานยอล"ร่างเล็กบอกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ ก่อนจะเปิดประตูออกไปหามินซอกที่เรียกอยู่ข้างนอกนั่น
     

    มินซอกมองเพื่อนซี้ที่เดินออกมาในสภาพที่น้ำตาคลอและสีหน้าโศกเศร้าใจจริงอยากจะถามว่าเกดเรื่องอะไรระหว่างแบคฮยอนและชานยอลแต่ตอนนี้ท่าทางของแบคฮยอนนั้นดูเหนื่อยล้าเกินกว่าที่เขาจะคาดคั้นเอาคำตอบอะไรได้ มองเลยไปถึงอีกคนที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนดูแล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
     

    "อยากกลับบ้านมั้ย เราโทรเรียกพี่ลู่หานให้มารับไปส่งดีมั้ย"มินซอกถามแบคฮยอนเบาๆ

    "มินซอกอ่า เราขอไปบ้านมินซอกก่อนจะได้มั้ย เดินออกไปด้วยกันได้มั้ยเราอยากเดิน"เสียงอ่อนล้าอย่างน่าสงสารนี่ทำเอาคนฟังไม่กล้าปฏิเสธ
     

    "อืม ไปสิ เดี๋ยวไปเก็บของกันนะ"

    .

    .

    .

    "แบคฮยอนเป็นอะไร?"ชายหนุ่มหน้าตาหลอเหลาที่มีเขาโครงกึ่งสวยคล้ายผู้หญิงนั้นกระซิบถามมินซอกหลังจากเห็นแบคฮยอนนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ในสวน
     

    "ไม่รู้"
     

    "อ้าว แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ"
     

    "นี่ พี่ลู่หาน ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สักอย่าง เลิกถามเถอะน่า"
     

    "ครับ ไม่รู้ก็ไม่รู้ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลยตัวเล็กเอ้ย"
     

    "ตัวโตตายล่ะพี่น่ะ!"
     

    มินซอกตะโกนตามหลังคนที่เดินออกไปด้วยท่าทางกวนประสาทคิมมินซอกแบบสุดๆลู่หานเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของพ่อเขาซ้ำยังเป็นครูสอนพิเศษให้เขากับเพื่อนๆเพราะเหตุนี้ถึงได้สนิทสนมกันมากทั้งๆที่ลู่หานเป็นลูกจ้างในขณะที่เขาเป็นลูกเจ้าบ้าน

     

    แบคฮยอนปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์เขาให้มินซอกโทรบอกที่บ้านว่าจะขอค้างที่นี่หลังจากนั้นก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในสวนนั่นจนฟ้ามืดลงไปทุกทีก่อนจะเข้ามาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มินซอกเตรียมไว้ให้
     

    "ไม่หิวหรอ กินอะไรหน่อยมั้ย"
     

    "ไม่ล่ะ เราไม่หิวหรอก"แบคฮยอนปฏิเสธ เขาไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด ต่อให้หิวก็คงกินอะไรไม่ลง
     

    "แต่ตัวยังไม่กินไรเลยนะ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก เอานมมั้ย เอาไปอุ่นให้"มินซอกเอ่ยถามอย่างห่วงใย
     

    "อืม ขอบคุณนะ"
     

    นมสักแก้วก็คงจะดีกว่าไม่กินอะไรเลย อีกอย่างถ้าเกิดเขาปวดท้องขึ้นมา จะพลอยทำให้มินซอกต้องลำบากไปอีก
     

    นมงั้นหรือ

    นม
     

    ตายแล้ว!
     

    "มินซอก! มินซอกอ่า!"

    "เป็นอะไรแบคฮยอน"
     

    "บอกพี่ลู่หาน ช่วยพาเราไปที่โรงเรียนที"

    เขาลืมลูกหมา 

    ลูกหมาสามตัวที่เขาสัญญากับพวกมันว่าตอนเย็นจะไปรับ

    .

    .

    .

    ลู่หานขับรถพาทั้งมินซอกและแบคฮยอนมาถึงที่โรงเรียนรถคันหรูเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงโรงเรียนแต่บางอย่างที่สะดุดตาก็ทำให้แบคฮยอนร้องขอให้อาจารย์ช่วยจอดรถเสียก่อน
     

    "จอดก่อนครับ จอดตรงนี้"
     

    ทันทีที่รถหยุด แบคฮยอนก็พรวดพราดลงไปสายตามองไปเห็นมอเตอร์ไซค์สุดรักของคริสยังจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าโรงเรียนฝั่งตรงข้ามก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าไปในสวนสาธ่รณะเก่าข้างโรงเรียนของตัวเอง 

     

    ร่างของใครบางคนนั่งอยู่กับพื้นหญ้ากำลังมองมาที่เขา บนตักนั้นมากล่องใบใหญ่ที่เห็นชัดมามีลูกสุนัขสามตัวอยู่ข้างใน
     

    "มึงทิ้งพวกมันทำไม"คริสเอ่ยถามเสียงเรียบ
     

    "ผม... ขอโทษ แต่ไม่ทิ้งนะครับ มารับแล้ว ตามสัญญา"มือสวยยื่นไปตรงหน้า คนตัวสูงก็ส่งมือของตัวเองมาจับเอาไว้
     

    จริงๆแล้วที่แบคฮยอนมารับคือลูกสุนัขสามตัวนั้น หรือคนที่กำลังถือพวกมันอยู่กันแน่นะ


    TBC.



    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ 



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×