ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #20 : RED 19

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 60






                    RED 19

     

     

                    คิมมินซอกไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ เมื่อเพื่อซี้คิมจุนมยอนไปตามเฝ้าพี่จงอินเรียนภาษา คนที่เขาพอจะพึ่งได้ในเวลานี้จึงมีแค่พี่ชายหน้าดุอย่างฮวางจื่อเทาเท่านั้น เพราะเขาต้องการเจอตัวพี่คริส แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะได้ได้โผล่มาเรียนเพราะมีคนของนายพลปาร์คมาดักรออยู่

     

     

                   แม้จะนั่งอยู่ข้างกันแต่กลับไม่มีใครคิดจะเอ่ยปากอะไรออกมา ตั้งแต่เจอหน้าคนตัวเล็กก็บอกแค่ว่าต้องไปเจอคริส มีเรื่องเกี่ยวกับแบคฮยอน จื่อเทาก็ไม่ใช่คนช่างเซ้าซี้ พอได้ยินแบบนั้นก็พาขึ้นรถโดยสารมาพร้อมกันทันที ต้องยอมรับว่าในใจมันกำลังเพ้อฝันไปหาคุณหนูลูกนายแบงก์ใหญ่ที่จะต้องตัวคนเดียวในอีกไม่กี่เดือนเพราจงอินไปเรียนต่อต่างประเทศ เขามองเห็นโอกาสของตนเอง มองเห็นหนทางที่จะได้ยืนเคียงข้างคิมจุนมยอน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้มักจะแทรกเข้ามาทำลายความเพ้อฝันเหล่านั้นเสมอ

     

                   ถึงมินซอกจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่จื่อเทารู้ดีว่ามันยิ่งกว่าเป็นเสียอีก

     

                    ไม่มีใครลืมเรื่องแบบนั้นได้ง่ายๆหรอก

     

     “มินซอก”  จื่อเทาเห็นคนที่นั่งข้างๆหันมาเลิกคิ้วอย่างข้องใจว่าตนนั้นเรียกเจ้าตัวเพื่อะไร  “เราน่าจะคุยกันจริงจัง  พี่นอนไม่หลับที่เราเป็นแบบ

     

    “เราลงตรงไหนอ่ะพี่”  เพราะไม่อยากพูดถึง จึงตัดสินใจขัดขึ้นเสียก่อน  ที่บอกว่าไม่เป็นไรนั้นก็แปลว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ  ไม่เป็นอะไรตราบที่เราทั้งคู่ไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาพูดอีก

     

    “ป้ายหน้า”

     

    มินซอกพนักหน้ารับรู้ก่อนจะหันออกไปมองวิวด้านนอกรถ  แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการจะฟังหรือพูดอะไรอีกในเวลานี้  รอจนรถจอดถึงป้ายตามจุดหมาย  คนตัวเล็กเดินตามจื่อเทาลงไป  มองไปรอบลานด้านล่างของหอพักแต่ไม่พบรถสองล้อคู่ใจของคริส  ขอเดาเอาว่าคงนำไปจอดที่อื่นเพื่อความปลอดภัย 

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    “ไอ้คริส” 



                    ทั้งหมดรีบเข้ามาคุยกันด้านใน  ห้องที่คับแคบไม่ได้ทำให้มินซอกรู้สึกอึดอัดหรือรังเกียจอะไร  คนตัวเล็กไม่ใช่คนถือตัวและเวลานี้ก็มีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า  มินซอกเล่าทุกอย่างให้คริสฟัง  ทั้งเรื่องที่แบคฮยอนถูกพาตัวไป  เรื่องที่โทรมาขอความช่วยเหลือ  แล้วก็เรื่องที่แบคฮยอนฝากบอกคริสว่าคิดถึงมากเหลือเกิน  

     

                    "ผมไปเช็คมาแล้ว นายพลปาร์คมีบ้านพักอยู่แค่ที่เดียว เร็วที่สุดคงเป็นวันพรุ่งนี้"

     

                    "วันนี้เลยไม่ได้หรือไง"  คริสถามอย่างร้อนใจ

     

                    "พรุ่งนี้เถอะครับ เราต้องรอบคอบให้มาก อีกอย่างผมกับจุนมยอนจะเข้าไปเอง ส่วนพี่ก็เตรียมตัวรออยู่ตรงจุดนัดหมาย โอกาสมีแค่ครั้งเดียว ถ้าเราพลาดพวกนั้นจะระวังตัวขึ้นอีก เราหมดทางแน่ๆ"



                    คริสยังไม่อาจคลายกังวลได้ ในหัวไม่มีเรื่องดีๆอยู่เลยตั้งแต่วินาทีที่มินซอกบอกว่าแบคฮยอนโทรขอความช่วจเหลือแต่ถูกชานยอลจับได้ ปาร์คชานยอลมันเป็นหมาบ้าตัวจริง เวลาที่มันคุมตัวเองไม่อยู่นั้นน่ากลัวแค่ไหนทำไมคริสจะไม่รู้ แล้วกับแบคฮยอนที่อ่อนแอแบบนั้น...

    บัดซบเอ้ย!



                    .

                   

                    .

     

                    .

     

                   

                    ประตูถูกเปิดออกช้าๆพร้อมกับร่างสูงของชานยอลที่ถือถาดอาหารเข้ามา ร่างสูงวางข้าวของลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงที่มีร่างบอบบางนอนนิ่งไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่เข้ามาใหม่



                    "แบคฮยอน กินข้าวเช้าหน่อยนะ"



                    "......."



                    "แบค..."



                    "เรารู้แล้ว วางไว้แล้วก็ออกไปสักที"



                    ชานยอลได้แต่ถอนใจ เป็นวันที่สองหลังจากเหตุการณ์นั้น แบคฮยอนไม่ยอมออกจากห้อง แรกๆแทบจะไม่ทานอะไรเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ตัดความรำคาญที่ชานยอลเข้ามาตื้อบ่อยจนต้องยอมทั้งๆที่แทบจะกินอะไรเข้าไปไม่ลง



                    มันเป็นเพราะเขาเอง เป็นเขาที่เลือกเองว่าจะให้เรื่องเป็นแบบนี้ เขาไม่สนว่าแบคฮยอนจะเกลียดชังกันสักแค่ไหน เขาแค่ไม่อยากให้คนตัวเล็กทำร้ายหรือทรมานร่างกายของตนเอง เพราะแค่ถูกเขาทำร้ายแบคฮยอนก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว



                    "เรารักแบคนะ ไม่ว่าแบคจะรู้สึกยังไง แต่เราก็รักแบคฮยอนจริงๆ"



                    "ไม่หรอก ถ้ารักเรา ชานจะไม่ทำแบบนี้ ชานก็แค่กลัวจะเสียเราให้พี่คริส ชานกลัวจะแพ้เขา แล้วตอนนี้เราก็เกลียดชานแล้ว"  แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องตากับคนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน  "เราเกลียดชานยอลมากจริงๆ"



                    "กินข้าวซะ"  ชานยอลไม่แม้แต่จะตอบโต้ประโยคเกลียดชังเหล่านั้น เขาไม่อยากต่อความยาวกับคนตัวเล็ก กลัวตนเองจะโมโหจนพลั้งมืออีก กลัวจะอีกฝ่ายจะกลั้นใจตายเพราะทนรังเกียจกันไม่ไหว ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่ในเมื่อมันเป็นวิธีสุดท้ายที่จะรั้งแบคฮยอนไว้กับตนเอง เขาก็ไม่สนถูกผิดอะไรอีกแล้ว แบคฮยอนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ เขาจะเสียคนตัวเล็กไปไม่ได้



                    "คุณชายครับ มีแขกขอเข้ามาเยี่ยมครับ" นายทหารเดินเข้าแจ้งธุระแก่ชานยอลที่นั่งเหม่ออยู่บนที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง อย่าว่าแต่แบคฮยอนกินอะไรไม่ลง ตัวชานยอลเองก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด



                    "ใครครับ?"



                    "เค้าบอกเป็นเพื่อนของคุณชายกับคุณแบคฮยอน ชื่อคิมมินซอกกับคิมจุนมยอนครับ จะให้เปิดทางเข้ามามั้ยครับ?"



                    ชานยอลแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนทั้งสองคนมาหาเขากับแบคฮยอนถึงที่นี่ แต่ก็พอเข้าใจถึงความวู่วามของมินซอกดี ยิ่งวันก่อนได้รับโทรศัพท์จากแบคฮยอน เพื่อนตัวเล็กจอมซ่าคงจะสืบสาวราวเรื่องจนรู้ที่อยู่ของพวกเขาได้ไม่ยาก ตระกูลนักเลงก็แบบนี้ คงใช้ทุกทางเทหมดหน้าตักหาตัวพวกเขาเชียวล่ะ



                    "ครับ ให้เข้ามาได้ เพื่อนของผมเอง"



                    เมื่อชานยอลเอ่ยปากอนุญาตไม่นานนักก็มีรถคันหรูติดฟิล์มทึบที่เห็นก็รู้ว่าเป็นรถของครอบครัวมินซอกมาจอดเสียชิดทางเข้าบ้าน เพื่อนตัวเล็กทั้งสองออกมาจากประตูด้านเบาะหลังแล้วปรี่เข้ามา มินซอกในชุดกางเกงยีนส์เสื้อฮู้ดคลุมหัวและแมสปิดจมูกและปากยืนชี้หน้าชานยอลอย่างเอาเรื่อง



                    "แบคฮยอนอยู่ไหน"



                    "มินซอ...."



                    "ไม่ต้องพูดมาก ไม่อยากได้ยินเสียง ตอบมาแแบคฮยอนอยู่ไกนก็พอ"



                    "เฮ้อ... ห้องนู้น"  ชานยอลถอนใจอย่างยอมแพ้ก่อนจะชี้ไปยังประตูห้องของแบคฮยอน มินซอกสะบัดหน้าหนีก่อนจะรีบตรงไปยังห้องที่ชานยอลบอกทาง



                    จุนมยอนเดอนตามหลังมาได้แต่ส่งยิ้มให้เพื่อนตัวสูงที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าบนใบหน้า ทุกคนย่อมมีเหตุผลกับสิ่งที่ทำลงไป จุนมยอนเชื่อแบบนั้นเสมอ และชานยอลก็เป็นเพื่อนของตนมานาน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อเลยว่าเพื่อนคนนี้จะทำอะไรโดยไร้เหตุผลอันสมควร



                    "มินซอกไม่ค่อยสบายน่ะ อารมณ์เลยรุนแรงนิดหน่อย"



                    "อืม ไม่เป็นไร"



                    "ชานยอล ไม่ได้ทำร้ายแบคฮยอนใช่มั้ย เรากลัวจริงๆว่าความเป็นเพื่อนของพวกเรามันจะพังพินาศไปหมด"



                    "ขอโทษจุนมยอน แต่เราน่ะ... ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไปแล้ว"



                    "ชานยอล..." ได้ยินเพียงเท่านี้คนตัวขาวก็เดาได้แล้วว่าชานยอลทำอะไรลงไป



                    "เราเสียใจ ทั้งตอนที่ทำจนตอนนี้ เราก็ยังเสียใจ แต่ถึงย้อนเวลากลับไปได้เราก็จะทำแบบนี้อยู่ดี ขอโทษที่ฉันทำให้ความเป็นเพื่อนของพวกเราพัง แบคฮยอนกับมินซอกคงไม่อยากมองหน้าฉันอีกแล้ว จุนมยอนเองจะเกลียดฉันก็ได้นะ"



                    "ทุกบาดแผลมีทางรักษานะ เมื่อทุกอย่างมันอยู่ถูกที่ถูกทางของมัน มันจะเยียวยาบาดแผลนั้นเอง เรายังเป็นเพื่อนกัน แบคฮยอนกับมินซอกก็เหมือนกัน พวกเขาแค่โกรธ แต่เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะลืมมันได้แน่นอน"



                    "ขอบคุณ" ชานยอลเอ่ยอย่างอ่อนล้า



                    "เราจะเข้าไปดูแบคฮยอนสักหน่อย ชานยอลก็ทานข้าวบ้างนะ" คนตัวขาวชี้ไปยังโต๊ะอาหารที่ยังคงมีข้าวเต็มจานวางอยู่ ก่อนจะเดินตามมินซอกเข้าไปดูเพื่อนอีกคนที่คงบอบช้ำอยู่ไม่น้อย



                    ชานยอลกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม มองอาหารตรงหน้าแล้วก็อดเป็นห่วงแบคฮยอนไม่ได้ ข้าวเช้าที่เอาเข้าไปให้นั้นจะทานมันหรือยัง หวังว่าจุนมยอนกับในซอกคงจะพอทำให้แบคฮยอนเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง



                    ทิ้งให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันในห้องร่วมสองชั่วโมงโดยที่ชานยอลไม่เข้าไปยุ่มย่ามแม้แต่น้อย เขาคิดว่าตนไม่ควรปรากฏตัวเวลานี้ แบคฮยอนคงรู้สึกดีขึ้นหลังจากเจอเพื่อนๆ ถ้าเห็นหน้าเขาอาจจะพาให้หดหู่ขึ้นอีก



                    เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของมินซอกที่อยู่ในชุดเดิมเดินปรี่ผ่านหน้าไปขึ้นรถทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน ซึ่งชานยอลก็ไม่อยากจะเร้าหรือเพราะคิดว่ามินซอกคงรู้แล้วว่าเขาทำอะไรแบคฮยอน ไม่แปลกที่จะโกรธจนไม่อยากมองหน้า



                    "เราจะกลับแล้วนะ แบคฮยอนทานข้าวหมดแล้ว" จุนมยอนเดินออกมาพร้อมถาดอาหารที่ดูเหมือนจะถูกจัดการจนหมดเรียบร้อย



                    "หรอ ดีแล้วล่ะ"



                    "ยังไงก็ปล่อยให้แบคฮยอนอยู่คนเดียวสักพักนะ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น"



                    "อืม บอกคนรับขับดีๆล่ะ ขอบคุณมากนะจุนมยอน ฝากขอบคุณมินซอกด้วย"



                    เพื่อนของเขากลับไปแล้ว บรรยากาศกลับมาอึมครึมเงียบเชียบอีกครั้ง ใจจริงอยากจะเข้าไปดูแบคฮยอนสักหน่อย แต่เพราะจุนมยอนบอกให้ปล่อยคนตัวเล็กไว้ ชานยอลก็ได้แต่เฝ้ารออีกคนออกมาเจอหน้ากันบ้าง



                    ร่างสูงเดินออกไปสูดบรรยากาศด้านนอกเพราะอึดอัดไม่น้อยกับการหมกตัวอยู่ด้านใน อยากให้แบคฮยอนออกมายืนด้วยกันตรงนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงมีความสุขมากเหลือเกิน



                    "นี่..." ความผิดปกคิบางอย่างเกิดขึ้นบนชั้นวางรองเท้าแบบที่ชานยอลสังเกตได้ รองเท้าที่เขาจำได้ว่าเป็นของมินซอกวางอยู่แต่กลับเป็นช่องรองเท้าของแบคฮยอนที่ว่างแทน



                    มินซอกใส่รองเท้าไปผิดอย่างนั้นหรือ?



                    เป็นไปไม่ได้...

     

                    ไม่ว่าจะมินซอกหรือจุนมยอน ทั้งสองคนก็มีขนาดเท้าที่ใหญ่กว่าแบคฮยอนอยู่ ถึงจะเพียงเล็กร้อยแต่ก็ไม่น่าจะใส่รองเท้าของแบคฮยอนได้


                    คิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปยังห้องนอนของคนตัวเล็ก พยายามจะเปิดประตูแล้วแต่ดูเหมือนมันจะถูกล็อคเอาไว้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แบคฮยอนไม่เคยล็อคห้องนี่นา

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



                    "แบคฮยอน! เปิดประตู!"



                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



                    "ไปเอากุญแจมา! เอากุญแจมาให้ผม!"



                    นายทหารที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปหยิบเอากุญแจห้องมาให้คุณชายปาร์คตามคำสั่ง ชานยอลรีบไขกุญแจเข้าไปและก็พบว่าความหวังทั้งหมดพังทลายลงไปแล้ว มินซอกที่สวมเสื้อผ้าของแบคฮยอนกำลังนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนที่นอน



                    "เสียใจด้วยนะ แต่แบคฮยอนไม่ได้อยู่นี่แล้ว"

     

     

     

                    .

     

                    .

     

                    .

     

                    รถยนต์คันสีดำจอดเทียบขอบถนนไฮเวย์ใกล้กับฮายาบูสะคันโตที่มีชายสองคนยืนรออยู่ แบคฮยอนเปิดประตูลงจากรถพลางดึงเอาแมสปิดจมูกออก สองขาตรงดิ่งไปหาร่างสูงใหญ่ของคริสที่กำลังเดินมาหาเช่นกัน ทั้งคู่ถลันเข้ากอดกันแนบแน่นด้วยความโหยหา คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมาทันทีที่ได้รับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและปลอดภัย



                    "รีบไปกันได้แล้ว" จื่อเทาที่สวมบทคนขับรถให้รถของตระกูลคิมบอกกับทั้งคริสและแบคฮยอน บางทีชานยอลอาจรู้ตัวเร็วและตามมา ดังนั้งทั้งสองจึงจำเป็นต้องไปให้ไกลที่สุดเท่าจะำได้ในเวลานี้



                    "ดูแลตัวเองกันดีๆนะ รีบๆไปเถอะ" จงอินที่มายืนรอพร้อมคริสอยู่นานหลายชั่วโมงก็รีบเอ่ยไล่เช่นกัน จุนมยอนโบกมือลาแบคฮยอนที่ยังคงสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของคริส ก่อนจะถูกจงอินดึงมือให้กลับมาขึ้นรถพร้อมปลอบว่าคริสจะดูแลแบคฮยอนได้ดีแน่นอน



                    "เราต้องไปกันแล้ว มึงพร้อมจะไปกับกูใช่มั้ย" คริสถามย้ำ



                    "ครับ... ผมจะไปกับพี่ เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"



                    "อืม ไปกันเถอะ" คริสจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากมนก่อนจะขึ้นคร่อมรถคันโตโดยมีแบคฮยอนซ้อนท้ายกอดเอวเอาไว้แน่น



                    คริสไม่ได้มีจุดหมาย ตอนนี้เขาแค่อยากพาแบคฮยอนไปให้ไกลที่สุด ไกลจนไม่มีใครตามพวกเขาเจอ ยิ่งพื้นที่ชนบท หรือเมืองเล็กๆจะยิ่งห่างหูห่างตาผู้คน พวกเขาคงรอดไปได้สักพักจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางและหาหลักแหล่งที่อยู่ได้แน่นอน



                    .

                    .

                    .



                    "มึงเหนื่อยรึยัง" คริสเอ่ยถามเมื่อเวลานี้ทั้งคู่กำลังเดินอยู่ริมถนนโดยที่คริสต้องเข็นเจ้าฮายาบูสะลูกรักไปด้วย เพราะก่อนหน้าต้องซ่อนรถเอาไว้แล้วรีบไปเอามารอรับแบคฮยอนเขาจึงลืมคิดเรื่องเติมน้ำมันไปเสียสนิท ขับมาได้สี่ห้าชั่วโมงน้ำมันก็เกลี้ยงถังซะอย่างนั้น ยิ่งอยู่ช่วงถนนตัดเข้าตีนเขาแบบนี้ไม่ต้องฝันถึงปั๊มน้ำมันให้เสียเวลา ข้างทางมีแต่ป่าทั้งนั้น



                    "ไม่ครับ ไม่เหนื่อยเลย โอ๊ย! พี่คริส!" แบคฮยอน เบิกตากว้างเพราะถูกอีกคนผลักจนแทบล้ม ชอบเล่นแรงๆอยู่เรื่อยเชียว



                    "เด็กขี้โกหก" คริสพึมพำเบาๆกับตัวเอง ทำไมจะไม่รู้ว่าจริงๆแบคฮยอนเหนื่อยล้าแค่ไหน ท่าทางอิดโรยซ้ำยังต้องซ้อนอยู่บนเบาะรถนานๆคงทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังเอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร มันน่าตีแรงๆเสียจริง



                    คริสอยากให้เราทั้งคู่มีเวลามากกว่านี้ แต่เพราะต้องรีบเดินทางจึงเลือกที่จะเก็บเอาคำถามมากมายของตนไว้ก่อน เขาอยากถามเหลือเกินว่าแบคฮยอนนั้นเป็นอย่างไร ถูกชานยอลทำร้ายหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย นอนหลับดีมั้ย กินข้าวได้เยอะแค่ไหน ตอนไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆนั้นกลัวมากหรือเปล่า อยากจะกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อยากจะบอกว่ารักซ้ำแล้วซ้ำอีกไปจนกว่าเราจะตายจากกัน



                    "เจ้าหนุ่ม รถเป็นอะไรกันล่ะลูก" เสียงเรียกจากด้านหลังรั้งให้คริสและแบคฮยอนต้องหันกลับไปมอง ชายหญิงสูงวัยสองคนกำลังเข็นรถเหล็กพื้นไม้สำหรับใส่ของที่บัดนี้มันว่างเปล่ากำลังตามหลังพวกเขามา



                    "คือ... น้ำมันหมดครับ"



                    "เอ้อ แถวนี้ไม่ปั๊มน้ำมันหรอก พวกเอ็งจะเข็นมันไปถึงไหนล่ะ"



                    "ไม่มีเลยหรอครับ เลยไปอีกหน่อยก็ไม่มีหรอ?"



                    "ไม่มีๆ นู้น พ้นเขตจังหวัดไปนู้น อย่าหาว่าลุงกับป้ายุ่งเลยนะ แต่เห็นพวกเอ็งแล้วก็สงสาร บ้านเราอยู่โค้งหน้านี่เอง คืนนี้ไปพักก่อนได้ ตะวันจะตกดินอยู่แล้ว รุ่งเช้าลุงจะพาไปหาซื้อน้ำมันมาใส่รถ"



                    คริสและแบคฮยอนมองหน้ากันอย่างช่างใจ เพราะพวกเขากำลังหนี มันทำให้ระแวงทุกอย่างไปโดยอัตโนมัติ แต่เวลานี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ถ้ารั้งจะไปต่อก็ไม่รู้จะพักที่ไหนอยู่ดี ยังไงเสี่ยงดวงตรงนี้คงจะเป็นทางที่ดีมากกว่า



                    "ตกลงครับ ขอบคุณมากเลย"



                    .

                    .

                    .



                    "ทานอะไรหน่อยเถอะชานยอล"  จุนมยอนเอ่ยกับเพื่อนตัวสูงที่ยังไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่แบคฮยอนหนีไปจากบ้านพัก หลังจากส่งแบคฮยอนถึงมือของคริส จุนมยอนจงอินและเทาก็กลับมารับมินซอกที่นี่ จากที่ตั้งใจจะพามินซอกกลับทันทีก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนชานยอลแทนเพราะท่าทางราวกับคนใจสะลายนั้นทำเอาเพื่อนๆกลัวว่าเจ้าตัวจะคิดสั้น



                    ดูเหมือนเรื่องที่แบคฮยอนหนีไปแล้วจะยังไม่ถึงหูพวกผู้ใหญ่ มินซอกบอกว่าชานยอลไม่โทรบอกใคร พอเห็นว่ามินซอกสลับตัวกับแบคฮยอนแล้วก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่



                    "จะตรอมใจแบคฮยอนก็ไม่กลับมาหรอก แล้วเราก็ไม่รู้สึกผิดที่ช่วยแบคฮยอนหนีด้วย"  ถ้าจะมีใครสักคนที่ได้ฉายาว่าเล็กพริกขี้หนูก็คงไม่พ้นมินซอกแน่ ตัวก็เท่านี้ แต่นิสัยนักเลงเสียจริง พูดจาก็ขวานผ่าซากอย่างนั้น จุนมยอนแทบจะวิ่งไปเอามืออุดปากมินซอกเอาไว้เมื่อเจ้าตัวบอกชานยอลด้วยประโยคที่ตัดกำลังใจอย่างถึงที่สุด



                    "แล้วต้องทำยังไง ต้องทำยังไงแบคฮยอนถึงจะกลับมา"



                    "ทำใจนั่นแหละ แต่แบคฮยอนไม่กลับมาแล้ว หยุดสักทีชานยอล สิ่งที่ตัวทำลงไปน่ะ อย่าว่าแต่แบคฮยอนเลย จริงๆไม่ควรมีใครมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ ปลอบตัวเองยังทำไม่ได้แล้วจะให้แบคฮยอนกลับมาอยู่ด้วยกันแบบทุกข์ทรมานเพื่ออะไร แบบนั้นใครจะปลอบใครได้ในเมื่อไม่มีใครมีความสุข"



                    "มินซอกพูดถูกนะชานยอล พอแค่นี้เถอะ" จุนมยอนเสริมอีกแรง ตอนนี้ทั้งชานยอลและแบคฮยอนก็พังมากพอแล้ว ถ้ายังฝืนสุดท้ายจะไม่มีอะไรที่ซ่อมกลับมาให้เหมือนเดิมได้อีกแล้ว



                    ชานยอลยังคงเงียบ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีก็เห็นจะเป็นการที่เจ้าตัวยอมกินข้าวที่จุนมยอนนำมาให้



                    "พวกเราต้องกลับกันแล้ว อยู่ที่ชานยอลแล้วนะ ว่าจะทำยังไงต่อไป" คนตัวขาวว่าจบก็เดินนำออกไปหาจงอินและจื่อเทาที่รออยู่ด้านนอก โดยมีมินซอกลุกตามมาติดๆแต่เพื่อนตัวเล็กก็ยังส่งท้ายด้วยการวางมือบนบ่ากว้างของชานยอลแล้วบีบเบาๆ



                    "พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ"



                    .

                    .

                    .



                    ขายาวก้าวลงจากรถทันทีที่จอดสนิท ชานยอลไม่แม้แต่จะเก็บข้าวของจากบ้านพักกลับมาด้วยซ้ำ เขาอ่อนแรงเกินกว่าจะทำอะไรทั้งนั้น ไม่มีแบคฮยอน ไม่มีอนาคตที่วาดฝันไว้



                    "ชานยอล..." คุณหญิงเฮราวิ่งลงมาดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กลับมาบ้านกระทันหัน "ทำไมกลับมาล่ะลูก แล้วแบคฮยอนล่ะจ๊ะ"



                    ชานยอลมองผ่านผู้เป็นแม่ไปหานายพลปาร์คที่เดินลงบันไดมาช้าๆ



                    "ผมเรียนผูก แต่ไม่เคยเรียนแก้ สุดท้ายเงื่อนตายที่ผมผูกเองมันก็แก้ไม่ได้"



                    "แล้วแกทำยังไงกับมันล่ะ" นายพลปาร์คเอ่ยถามพลางสบแววตาที่อ่อนล้าของลูกชาย



                    "ผมตัดมันทิ้ง... เชือกที่ผูกแบคฮยอนไว้ ผมตัดมันออก เขาไปแล้วครับ แบคฮยอนไปกับอี้ฟานแล้ว"



                    "อะไรนะ!" เฮราที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามารั้งแขนลูกชายเอาไว้ หล่อนไม่เข้าใจว่าที่ชานยอลพูดหมายความว่าอย่างไร "แบคฮยอนไปไหน? ลูกปล่อยให้แบคฮยอนหนีไปหรอ"



                    "ผมเหนื่อยแล้วครับแม่ แม่ไม่เหนื่อยบ้างหรอ" ชานยอลแกะเอามือที่ยืดท่อนแขนของตนไว้ออกก่อนจะเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนว่าผู้เป็นแม่จะพูดอะไรตามหลังมา



                    "หยุดนะเฮรา ไม่ต้องตามไป ผมปล่อยให้คุณบงการชีวิตลูกมานานเกินไปแล้ว หยุดเอาความโกรธแค้นของตัวเองไปฝังใส่หัวชานยอลสักที"



                    "คุณ!"



                    "อยู่เงียบๆไปซะ ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง ผมจะคุยเรื่องนี้กับครอบครัวบยอน เพราะจากนี้มันเป็นเรื่องของแบคฮยอนกับอี้ฟานลูกชายผม"



                    .

                    .

                    .



                    คริสและแบคฮยอนกำลังนั่งร่วมวงทานอาหารเช้าง่ายๆที่สองลุงป้าเจ้าของบ้านเตรียมให้ เมื่อคืนพวกเขานอนพักที่นี่ บ้านหลังเล็กตัดเข้ามาจากถนนถึงตีนเขา ลุงกับป้าเจ้าของบ้านมีสวนผลไม้และแปลงผักเล็กๆที่สามารถเก็บไปขายในตลาดข้างทางเป็นรายได้พอกินพอใช้ ทั้งสองคนดูมีความสุขดีจนคริสไม่สงสัยสักนิดว่าทำไมชายหญิงสูงวัยคู่นี้ถึงได้เป็นคนจิตใจดี ใช่ว่าทุกคนจะมีน้ำใจมากพอต้อนรับคนแปลกหน้าให้พักที่บ้านได้ เขาและแบคฮยอนโชคดีจริงๆที่เจอทั้งสองคน



                    "เอ็งจะไปซื้อน้ำมันเลยมั้ยล่ะ เดี๋ยวลุงจะขับรถพาไป ปั๊มคงเปิดแล้วล่ะเช้าป่านนี้"



                    "คือ... ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ผมกับน้องขอไปลงท่ารถได้มั้ยครับ แล้วอยากจะรบกวนฝากรถของผมเอาไว้ก่อน"



                    "พี่คริส..." แบคฮยอนไม่เข้าใจเอาเสียเลย



                    "เอางั้นหรือ แล้วแต่พวกเอ็งเถอะ ในสวนก็ที่เยอะแยะ จะเอารถมาจอดสักสิบคันก็ได้"



                    คริสและแบคฮยอนเดินทางมาถุงท่ารถโดยมีคุณลุงผู้ใจดีมาส่งถึงที่ คนตัวสูงอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจว่าหากขับรถมาก็ต้องลำบากหาน้ำมันเติมระหว่างทางอีก ซ้ำยังอาจถูกตามตัวได้ง่ายขึ้นด้วย สู้เดินทางด้วยรถโดยสารปะปนกับผู้คนมากมายน่าจะปลอดภัยกว่า



                    คริสชำเลืองมองคนตัวเล็กที่หลับคอพับคออ่อนตั้งแต่ขึ้นรถมาได้ไม่นาน ท่าทางคุณหนูบยอนจะหมดพลังงานไปกับการเดินทางตั้งแต่เมื่อวานนี้ เขาไม่อยากพาแบคฮยอนมาลำบาก แต่เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันมันก็จำเป็นต้องสู้ สัญญากับตนเองในใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายสบายที่สุด พาลูกเขามาแล้ว ก็ต้องเลี้ยงให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม



                    การเดินทางเนิ่นนานเป็นวันนั้นดูดพลังจากทั้งคู่ไปจนหมด พวกเขาเดินหาห้องพักรายวันที่จะพักผ่อนในคืนนี้ก่อนจะคิดกันอีกทีว่าพรุ่งนี้จะทำย่างไรต่อไป เงินที่พกติดมามีมากพอสมควรที่จะไม่ทำให้เขาและแบคฮยอนต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ แต่มันก็คงไม่พอที่จะนอนกินนอนใช้ไปตลอด พรุ่งนี้ต้องหาที่พักเป็นหลักแหล่งและเขาคงต้องหางานทำสักที่



                    "มันไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ห้องพักดีๆคงหาไม่ได้"



                    "ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาแค่พอนอนได้ พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มใหม่นะ" แบคฮยอนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แม้จะลำบากแต่การที่ได้อยู่ด้วยกันก็ทำให้ใจดวงเล็กๆฮึดสู้เหลือเกิน



                    สุดท้ายพวกเขาก็ได้โมเต็ลเก่าๆเป็นที่พักชั่วคราว สภาพที่ขาดการดูแลชวนสยองไม่น้อย ไม่ต้องบอกเลยว่าแบคฮยอนกลัวผีซะจนไม่กล้าปิดประตูห้องน้ำ คริสไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับร่างเปลือยเปล่าที่วับๆแวมๆอยู่ใกล้ๆ เขาน่ะเคยเห็นมาหมดแล้ว อาบน้ำขัดตัวให้แบคฮยอนก็ทำมาแล้ว แต่ที่ทำให้ใจกระตุกคงเป็นร่องรอยจ้ำแดงตามตัวนั่นมากกว่า ไม่บอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กเจออะไรมา



                    ขอสาบานว่าเขาจะฆ่าปาร์คชานยอลแน่ถ้ามีโอกาส



                    "อาบเสร็จแล้วครับ พี่คริสจะอาบรึเปล่า"



                    "อืม นี่เสื้อผ้ามึง" คริสส่งกระเป๋าเสื้อผ้าที่มินซอกและจุนมยอนเตรียมให้ซึ่งก็เป็นเสื้อผ้าของเด็กสองคนนั้นเอง ครั้นจะไปเก็บเสื้อผ้าของแบคฮยอนมาจากที่บ้านก็คงถูกจับได้แน่  คิดว่าจะไปอาบน้ำ  แต่ก็เปลี่ยนใจ  ร่างสูงยืนมองแบคฮยอนที่กำลังจัดแจงใส่เสื้อผ้า  ยิ่งเห็นรอยช้ำๆนั่นก็ยิ่งทุกข์ใจ  สองขาก้าวตรงไปหาอีกฝ่ายก่อนจะกอดเอาไว้แนบแน่น

     

                    "พี่คริส  เป็นอะไรครับ"

     

                    "มันทำอะไรมึงบ้าง  บอกกูมาให้หมด  รอยพวกนี้มึงเจ็บรึเปล่า"  กระซิบถามข้างหูอย่างอ่อนโยน  หากแบคฮยอนบอกว่าเจ็บ  เขาก็จะปลอบให้หาย  หากบอกว่าโกรธ  เขาก็จะไปฆ่าปาร์คชานยอลให้  ขอเพียงแบคฮยอนบอกมา  เขาจะทำให้ทุกๆอย่าง  ตอนนี้ชีวิตของอู๋อี้ฟานเป็นของบยอนแบคฮยอนแล้ว

     

                    "ไม่...  อย่าพูดถึงเลยนะครับ"  แบคฮยอนหันหน้าสบตาคนตัวสูงที่กอดออดอ้อนอยู่แนบกาย  สองมือเรียวสวยประคองใบหน้าหล่อเอาไว้  เขย่งตัวขึ้นจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะถูกโต้ตอบกลับด้วยความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

     

     CUT 

    (ค้นหาชื่อเราในกูเกิ้ลลลลลลล)

     

                    บทรักที่แสนหวานและซาบซ่านดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน  ป้อนคำรักพร้อมจุมพิตไม่ห่าง  สอดประสานร่างกายเข้าหากันเป็นจังหวะนุ่มนวล   ส่งทุกๆความรู้สึกผ่านสัมผัสให้ลึกเข้าไปถึงหัวใจ  ค่ำคืนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความรักอย่างแท้จริง  ทั้งคู่เป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ  และจากนี้ก็จะเป็นของกันและกันตลอดไป

     

     

    TBC.






    มาแบบเปิดคอมก็ลงเลย  ไม่ได้พรูฟ ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น

    CUTนี่สั้นมาก  ไม่ต้องอ่านก็ได้  ไม่มีอะไรเลย  เอาออกไปเพื่อเป็นการเซฟตัวเองเฉยๆ ฮ่าาาาาาา


    #ฟิคสีแดง




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×