คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : RED 19
RED 19
คิมมินซอกไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ เมื่อเพื่อซี้คิมจุนมยอนไปตามเฝ้าพี่จงอินเรียนภาษา คนที่เขาพอจะพึ่งได้ในเวลานี้จึงมีแค่พี่ชายหน้าดุอย่างฮวางจื่อเทาเท่านั้น เพราะเขาต้องการเจอตัวพี่คริส แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะได้ได้โผล่มาเรียนเพราะมีคนของนายพลปาร์คมาดักรออยู่
แม้จะนั่งอยู่ข้างกันแต่กลับไม่มีใครคิดจะเอ่ยปากอะไรออกมา ตั้งแต่เจอหน้าคนตัวเล็กก็บอกแค่ว่าต้องไปเจอคริส มีเรื่องเกี่ยวกับแบคฮยอน จื่อเทาก็ไม่ใช่คนช่างเซ้าซี้ พอได้ยินแบบนั้นก็พาขึ้นรถโดยสารมาพร้อมกันทันที ต้องยอมรับว่าในใจมันกำลังเพ้อฝันไปหาคุณหนูลูกนายแบงก์ใหญ่ที่จะต้องตัวคนเดียวในอีกไม่กี่เดือนเพราจงอินไปเรียนต่อต่างประเทศ เขามองเห็นโอกาสของตนเอง มองเห็นหนทางที่จะได้ยืนเคียงข้างคิมจุนมยอน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้มักจะแทรกเข้ามาทำลายความเพ้อฝันเหล่านั้นเสมอ
ถึงมินซอกจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่จื่อเทารู้ดีว่ามันยิ่งกว่าเป็นเสียอีก
ไม่มีใครลืมเรื่องแบบนั้นได้ง่ายๆหรอก
“มินซอก” จื่อเทาเห็นคนที่นั่งข้างๆหันมาเลิกคิ้วอย่างข้องใจว่าตนนั้นเรียกเจ้าตัวเพื่อะไร “เราน่าจะคุยกันจริงจัง พี่นอนไม่หลับที่เราเป็นแบบ…”
“เราลงตรงไหนอ่ะพี่” เพราะไม่อยากพูดถึง จึงตัดสินใจขัดขึ้นเสียก่อน ที่บอกว่าไม่เป็นไรนั้นก็แปลว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่เป็นอะไรตราบที่เราทั้งคู่ไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาพูดอีก
“ป้ายหน้า”
มินซอกพนักหน้ารับรู้ก่อนจะหันออกไปมองวิวด้านนอกรถ แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการจะฟังหรือพูดอะไรอีกในเวลานี้ รอจนรถจอดถึงป้ายตามจุดหมาย คนตัวเล็กเดินตามจื่อเทาลงไป มองไปรอบลานด้านล่างของหอพักแต่ไม่พบรถสองล้อคู่ใจของคริส ขอเดาเอาว่าคงนำไปจอดที่อื่นเพื่อความปลอดภัย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไอ้คริส”
ทั้งหมดรีบเข้ามาคุยกันด้านใน
ห้องที่คับแคบไม่ได้ทำให้มินซอกรู้สึกอึดอัดหรือรังเกียจอะไร
คนตัวเล็กไม่ใช่คนถือตัวและเวลานี้ก็มีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า มินซอกเล่าทุกอย่างให้คริสฟัง ทั้งเรื่องที่แบคฮยอนถูกพาตัวไป เรื่องที่โทรมาขอความช่วยเหลือ
แล้วก็เรื่องที่แบคฮยอนฝากบอกคริสว่าคิดถึงมากเหลือเกิน
"ผมไปเช็คมาแล้ว นายพลปาร์คมีบ้านพักอยู่แค่ที่เดียว
เร็วที่สุดคงเป็นวันพรุ่งนี้"
"วันนี้เลยไม่ได้หรือไง" คริสถามอย่างร้อนใจ
"พรุ่งนี้เถอะครับ เราต้องรอบคอบให้มาก อีกอย่างผมกับจุนมยอนจะเข้าไปเอง
ส่วนพี่ก็เตรียมตัวรออยู่ตรงจุดนัดหมาย โอกาสมีแค่ครั้งเดียว
ถ้าเราพลาดพวกนั้นจะระวังตัวขึ้นอีก เราหมดทางแน่ๆ"
คริสยังไม่อาจคลายกังวลได้
ในหัวไม่มีเรื่องดีๆอยู่เลยตั้งแต่วินาทีที่มินซอกบอกว่าแบคฮยอนโทรขอความช่วจเหลือแต่ถูกชานยอลจับได้
ปาร์คชานยอลมันเป็นหมาบ้าตัวจริง
เวลาที่มันคุมตัวเองไม่อยู่นั้นน่ากลัวแค่ไหนทำไมคริสจะไม่รู้
แล้วกับแบคฮยอนที่อ่อนแอแบบนั้น...
บัดซบเอ้ย!
.
.
.
ประตูถูกเปิดออกช้าๆพร้อมกับร่างสูงของชานยอลที่ถือถาดอาหารเข้ามา
ร่างสูงวางข้าวของลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงที่มีร่างบอบบางนอนนิ่งไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่เข้ามาใหม่
"แบคฮยอน กินข้าวเช้าหน่อยนะ"
"......."
"แบค..."
"เรารู้แล้ว วางไว้แล้วก็ออกไปสักที"
ชานยอลได้แต่ถอนใจ
เป็นวันที่สองหลังจากเหตุการณ์นั้น แบคฮยอนไม่ยอมออกจากห้อง
แรกๆแทบจะไม่ทานอะไรเสียด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายก็ตัดความรำคาญที่ชานยอลเข้ามาตื้อบ่อยจนต้องยอมทั้งๆที่แทบจะกินอะไรเข้าไปไม่ลง
มันเป็นเพราะเขาเอง
เป็นเขาที่เลือกเองว่าจะให้เรื่องเป็นแบบนี้
เขาไม่สนว่าแบคฮยอนจะเกลียดชังกันสักแค่ไหน เขาแค่ไม่อยากให้คนตัวเล็กทำร้ายหรือทรมานร่างกายของตนเอง
เพราะแค่ถูกเขาทำร้ายแบคฮยอนก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
"เรารักแบคนะ ไม่ว่าแบคจะรู้สึกยังไง แต่เราก็รักแบคฮยอนจริงๆ"
"ไม่หรอก ถ้ารักเรา ชานจะไม่ทำแบบนี้ ชานก็แค่กลัวจะเสียเราให้พี่คริส
ชานกลัวจะแพ้เขา แล้วตอนนี้เราก็เกลียดชานแล้ว" แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องตากับคนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน
"เราเกลียดชานยอลมากจริงๆ"
"กินข้าวซะ" ชานยอลไม่แม้แต่จะตอบโต้ประโยคเกลียดชังเหล่านั้น
เขาไม่อยากต่อความยาวกับคนตัวเล็ก กลัวตนเองจะโมโหจนพลั้งมืออีก
กลัวจะอีกฝ่ายจะกลั้นใจตายเพราะทนรังเกียจกันไม่ไหว
ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ
แต่ในเมื่อมันเป็นวิธีสุดท้ายที่จะรั้งแบคฮยอนไว้กับตนเอง
เขาก็ไม่สนถูกผิดอะไรอีกแล้ว แบคฮยอนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
เขาจะเสียคนตัวเล็กไปไม่ได้
"คุณชายครับ มีแขกขอเข้ามาเยี่ยมครับ" นายทหารเดินเข้าแจ้งธุระแก่ชานยอลที่นั่งเหม่ออยู่บนที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง
อย่าว่าแต่แบคฮยอนกินอะไรไม่ลง ตัวชานยอลเองก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด
"ใครครับ?"
"เค้าบอกเป็นเพื่อนของคุณชายกับคุณแบคฮยอน ชื่อคิมมินซอกกับคิมจุนมยอนครับ
จะให้เปิดทางเข้ามามั้ยครับ?"
ชานยอลแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนทั้งสองคนมาหาเขากับแบคฮยอนถึงที่นี่
แต่ก็พอเข้าใจถึงความวู่วามของมินซอกดี ยิ่งวันก่อนได้รับโทรศัพท์จากแบคฮยอน
เพื่อนตัวเล็กจอมซ่าคงจะสืบสาวราวเรื่องจนรู้ที่อยู่ของพวกเขาได้ไม่ยาก
ตระกูลนักเลงก็แบบนี้ คงใช้ทุกทางเทหมดหน้าตักหาตัวพวกเขาเชียวล่ะ
"ครับ ให้เข้ามาได้ เพื่อนของผมเอง"
เมื่อชานยอลเอ่ยปากอนุญาตไม่นานนักก็มีรถคันหรูติดฟิล์มทึบที่เห็นก็รู้ว่าเป็นรถของครอบครัวมินซอกมาจอดเสียชิดทางเข้าบ้าน
เพื่อนตัวเล็กทั้งสองออกมาจากประตูด้านเบาะหลังแล้วปรี่เข้ามา
มินซอกในชุดกางเกงยีนส์เสื้อฮู้ดคลุมหัวและแมสปิดจมูกและปากยืนชี้หน้าชานยอลอย่างเอาเรื่อง
"แบคฮยอนอยู่ไหน"
"มินซอ...."
"ไม่ต้องพูดมาก ไม่อยากได้ยินเสียง ตอบมาแแบคฮยอนอยู่ไกนก็พอ"
"เฮ้อ... ห้องนู้น" ชานยอลถอนใจอย่างยอมแพ้ก่อนจะชี้ไปยังประตูห้องของแบคฮยอน
มินซอกสะบัดหน้าหนีก่อนจะรีบตรงไปยังห้องที่ชานยอลบอกทาง
จุนมยอนเดอนตามหลังมาได้แต่ส่งยิ้มให้เพื่อนตัวสูงที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าบนใบหน้า
ทุกคนย่อมมีเหตุผลกับสิ่งที่ทำลงไป จุนมยอนเชื่อแบบนั้นเสมอ
และชานยอลก็เป็นเพื่อนของตนมานาน
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อเลยว่าเพื่อนคนนี้จะทำอะไรโดยไร้เหตุผลอันสมควร
"มินซอกไม่ค่อยสบายน่ะ อารมณ์เลยรุนแรงนิดหน่อย"
"อืม ไม่เป็นไร"
"ชานยอล ไม่ได้ทำร้ายแบคฮยอนใช่มั้ย เรากลัวจริงๆว่าความเป็นเพื่อนของพวกเรามันจะพังพินาศไปหมด"
"ขอโทษจุนมยอน แต่เราน่ะ... ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไปแล้ว"
"ชานยอล..."
ได้ยินเพียงเท่านี้คนตัวขาวก็เดาได้แล้วว่าชานยอลทำอะไรลงไป
"เราเสียใจ ทั้งตอนที่ทำจนตอนนี้ เราก็ยังเสียใจ
แต่ถึงย้อนเวลากลับไปได้เราก็จะทำแบบนี้อยู่ดี ขอโทษที่ฉันทำให้ความเป็นเพื่อนของพวกเราพัง
แบคฮยอนกับมินซอกคงไม่อยากมองหน้าฉันอีกแล้ว จุนมยอนเองจะเกลียดฉันก็ได้นะ"
"ทุกบาดแผลมีทางรักษานะ เมื่อทุกอย่างมันอยู่ถูกที่ถูกทางของมัน
มันจะเยียวยาบาดแผลนั้นเอง เรายังเป็นเพื่อนกัน แบคฮยอนกับมินซอกก็เหมือนกัน
พวกเขาแค่โกรธ แต่เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะลืมมันได้แน่นอน"
"ขอบคุณ" ชานยอลเอ่ยอย่างอ่อนล้า
"เราจะเข้าไปดูแบคฮยอนสักหน่อย ชานยอลก็ทานข้าวบ้างนะ"
คนตัวขาวชี้ไปยังโต๊ะอาหารที่ยังคงมีข้าวเต็มจานวางอยู่
ก่อนจะเดินตามมินซอกเข้าไปดูเพื่อนอีกคนที่คงบอบช้ำอยู่ไม่น้อย
ชานยอลกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
มองอาหารตรงหน้าแล้วก็อดเป็นห่วงแบคฮยอนไม่ได้
ข้าวเช้าที่เอาเข้าไปให้นั้นจะทานมันหรือยัง หวังว่าจุนมยอนกับในซอกคงจะพอทำให้แบคฮยอนเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง
ทิ้งให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันในห้องร่วมสองชั่วโมงโดยที่ชานยอลไม่เข้าไปยุ่มย่ามแม้แต่น้อย
เขาคิดว่าตนไม่ควรปรากฏตัวเวลานี้ แบคฮยอนคงรู้สึกดีขึ้นหลังจากเจอเพื่อนๆ ถ้าเห็นหน้าเขาอาจจะพาให้หดหู่ขึ้นอีก
เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของมินซอกที่อยู่ในชุดเดิมเดินปรี่ผ่านหน้าไปขึ้นรถทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน
ซึ่งชานยอลก็ไม่อยากจะเร้าหรือเพราะคิดว่ามินซอกคงรู้แล้วว่าเขาทำอะไรแบคฮยอน
ไม่แปลกที่จะโกรธจนไม่อยากมองหน้า
"เราจะกลับแล้วนะ แบคฮยอนทานข้าวหมดแล้ว" จุนมยอนเดินออกมาพร้อมถาดอาหารที่ดูเหมือนจะถูกจัดการจนหมดเรียบร้อย
"หรอ ดีแล้วล่ะ"
"ยังไงก็ปล่อยให้แบคฮยอนอยู่คนเดียวสักพักนะ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น"
"อืม บอกคนรับขับดีๆล่ะ ขอบคุณมากนะจุนมยอน ฝากขอบคุณมินซอกด้วย"
เพื่อนของเขากลับไปแล้ว
บรรยากาศกลับมาอึมครึมเงียบเชียบอีกครั้ง ใจจริงอยากจะเข้าไปดูแบคฮยอนสักหน่อย แต่เพราะจุนมยอนบอกให้ปล่อยคนตัวเล็กไว้
ชานยอลก็ได้แต่เฝ้ารออีกคนออกมาเจอหน้ากันบ้าง
ร่างสูงเดินออกไปสูดบรรยากาศด้านนอกเพราะอึดอัดไม่น้อยกับการหมกตัวอยู่ด้านใน
อยากให้แบคฮยอนออกมายืนด้วยกันตรงนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงมีความสุขมากเหลือเกิน
"นี่..."
ความผิดปกคิบางอย่างเกิดขึ้นบนชั้นวางรองเท้าแบบที่ชานยอลสังเกตได้ รองเท้าที่เขาจำได้ว่าเป็นของมินซอกวางอยู่แต่กลับเป็นช่องรองเท้าของแบคฮยอนที่ว่างแทน
มินซอกใส่รองเท้าไปผิดอย่างนั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้...
ไม่ว่าจะมินซอกหรือจุนมยอน
ทั้งสองคนก็มีขนาดเท้าที่ใหญ่กว่าแบคฮยอนอยู่
ถึงจะเพียงเล็กร้อยแต่ก็ไม่น่าจะใส่รองเท้าของแบคฮยอนได้
คิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปยังห้องนอนของคนตัวเล็ก
พยายามจะเปิดประตูแล้วแต่ดูเหมือนมันจะถูกล็อคเอาไว้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แบคฮยอนไม่เคยล็อคห้องนี่นา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"แบคฮยอน! เปิดประตู!"
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
"ไปเอากุญแจมา! เอากุญแจมาให้ผม!"
นายทหารที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปหยิบเอากุญแจห้องมาให้คุณชายปาร์คตามคำสั่ง
ชานยอลรีบไขกุญแจเข้าไปและก็พบว่าความหวังทั้งหมดพังทลายลงไปแล้ว มินซอกที่สวมเสื้อผ้าของแบคฮยอนกำลังนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนที่นอน
"เสียใจด้วยนะ แต่แบคฮยอนไม่ได้อยู่นี่แล้ว"
.
.
.
รถยนต์คันสีดำจอดเทียบขอบถนนไฮเวย์ใกล้กับฮายาบูสะคันโตที่มีชายสองคนยืนรออยู่
แบคฮยอนเปิดประตูลงจากรถพลางดึงเอาแมสปิดจมูกออก สองขาตรงดิ่งไปหาร่างสูงใหญ่ของคริสที่กำลังเดินมาหาเช่นกัน
ทั้งคู่ถลันเข้ากอดกันแนบแน่นด้วยความโหยหา
คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมาทันทีที่ได้รับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและปลอดภัย
"รีบไปกันได้แล้ว"
จื่อเทาที่สวมบทคนขับรถให้รถของตระกูลคิมบอกกับทั้งคริสและแบคฮยอน
บางทีชานยอลอาจรู้ตัวเร็วและตามมา ดังนั้งทั้งสองจึงจำเป็นต้องไปให้ไกลที่สุดเท่าจะำได้ในเวลานี้
"ดูแลตัวเองกันดีๆนะ รีบๆไปเถอะ"
จงอินที่มายืนรอพร้อมคริสอยู่นานหลายชั่วโมงก็รีบเอ่ยไล่เช่นกัน
จุนมยอนโบกมือลาแบคฮยอนที่ยังคงสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของคริส
ก่อนจะถูกจงอินดึงมือให้กลับมาขึ้นรถพร้อมปลอบว่าคริสจะดูแลแบคฮยอนได้ดีแน่นอน
"เราต้องไปกันแล้ว มึงพร้อมจะไปกับกูใช่มั้ย" คริสถามย้ำ
"ครับ... ผมจะไปกับพี่ เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"
"อืม ไปกันเถอะ" คริสจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากมนก่อนจะขึ้นคร่อมรถคันโตโดยมีแบคฮยอนซ้อนท้ายกอดเอวเอาไว้แน่น
คริสไม่ได้มีจุดหมาย
ตอนนี้เขาแค่อยากพาแบคฮยอนไปให้ไกลที่สุด ไกลจนไม่มีใครตามพวกเขาเจอ ยิ่งพื้นที่ชนบท
หรือเมืองเล็กๆจะยิ่งห่างหูห่างตาผู้คน พวกเขาคงรอดไปได้สักพักจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางและหาหลักแหล่งที่อยู่ได้แน่นอน
.
.
.
"มึงเหนื่อยรึยัง" คริสเอ่ยถามเมื่อเวลานี้ทั้งคู่กำลังเดินอยู่ริมถนนโดยที่คริสต้องเข็นเจ้าฮายาบูสะลูกรักไปด้วย
เพราะก่อนหน้าต้องซ่อนรถเอาไว้แล้วรีบไปเอามารอรับแบคฮยอนเขาจึงลืมคิดเรื่องเติมน้ำมันไปเสียสนิท
ขับมาได้สี่ห้าชั่วโมงน้ำมันก็เกลี้ยงถังซะอย่างนั้น ยิ่งอยู่ช่วงถนนตัดเข้าตีนเขาแบบนี้ไม่ต้องฝันถึงปั๊มน้ำมันให้เสียเวลา
ข้างทางมีแต่ป่าทั้งนั้น
"ไม่ครับ ไม่เหนื่อยเลย โอ๊ย! พี่คริส!" แบคฮยอน
เบิกตากว้างเพราะถูกอีกคนผลักจนแทบล้ม ชอบเล่นแรงๆอยู่เรื่อยเชียว
"เด็กขี้โกหก" คริสพึมพำเบาๆกับตัวเอง
ทำไมจะไม่รู้ว่าจริงๆแบคฮยอนเหนื่อยล้าแค่ไหน
ท่าทางอิดโรยซ้ำยังต้องซ้อนอยู่บนเบาะรถนานๆคงทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย
แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังเอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร มันน่าตีแรงๆเสียจริง
คริสอยากให้เราทั้งคู่มีเวลามากกว่านี้
แต่เพราะต้องรีบเดินทางจึงเลือกที่จะเก็บเอาคำถามมากมายของตนไว้ก่อน เขาอยากถามเหลือเกินว่าแบคฮยอนนั้นเป็นอย่างไร
ถูกชานยอลทำร้ายหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย นอนหลับดีมั้ย กินข้าวได้เยอะแค่ไหน
ตอนไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆนั้นกลัวมากหรือเปล่า อยากจะกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
อยากจะบอกว่ารักซ้ำแล้วซ้ำอีกไปจนกว่าเราจะตายจากกัน
"เจ้าหนุ่ม รถเป็นอะไรกันล่ะลูก" เสียงเรียกจากด้านหลังรั้งให้คริสและแบคฮยอนต้องหันกลับไปมอง
ชายหญิงสูงวัยสองคนกำลังเข็นรถเหล็กพื้นไม้สำหรับใส่ของที่บัดนี้มันว่างเปล่ากำลังตามหลังพวกเขามา
"คือ... น้ำมันหมดครับ"
"เอ้อ แถวนี้ไม่ปั๊มน้ำมันหรอก พวกเอ็งจะเข็นมันไปถึงไหนล่ะ"
"ไม่มีเลยหรอครับ เลยไปอีกหน่อยก็ไม่มีหรอ?"
"ไม่มีๆ นู้น พ้นเขตจังหวัดไปนู้น อย่าหาว่าลุงกับป้ายุ่งเลยนะ
แต่เห็นพวกเอ็งแล้วก็สงสาร บ้านเราอยู่โค้งหน้านี่เอง คืนนี้ไปพักก่อนได้
ตะวันจะตกดินอยู่แล้ว รุ่งเช้าลุงจะพาไปหาซื้อน้ำมันมาใส่รถ"
คริสและแบคฮยอนมองหน้ากันอย่างช่างใจ
เพราะพวกเขากำลังหนี มันทำให้ระแวงทุกอย่างไปโดยอัตโนมัติ
แต่เวลานี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ถ้ารั้งจะไปต่อก็ไม่รู้จะพักที่ไหนอยู่ดี
ยังไงเสี่ยงดวงตรงนี้คงจะเป็นทางที่ดีมากกว่า
"ตกลงครับ ขอบคุณมากเลย"
.
.
.
"ทานอะไรหน่อยเถอะชานยอล" จุนมยอนเอ่ยกับเพื่อนตัวสูงที่ยังไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่แบคฮยอนหนีไปจากบ้านพัก
หลังจากส่งแบคฮยอนถึงมือของคริส จุนมยอนจงอินและเทาก็กลับมารับมินซอกที่นี่
จากที่ตั้งใจจะพามินซอกกลับทันทีก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนชานยอลแทนเพราะท่าทางราวกับคนใจสะลายนั้นทำเอาเพื่อนๆกลัวว่าเจ้าตัวจะคิดสั้น
ดูเหมือนเรื่องที่แบคฮยอนหนีไปแล้วจะยังไม่ถึงหูพวกผู้ใหญ่
มินซอกบอกว่าชานยอลไม่โทรบอกใคร พอเห็นว่ามินซอกสลับตัวกับแบคฮยอนแล้วก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
"จะตรอมใจแบคฮยอนก็ไม่กลับมาหรอก แล้วเราก็ไม่รู้สึกผิดที่ช่วยแบคฮยอนหนีด้วย"
ถ้าจะมีใครสักคนที่ได้ฉายาว่าเล็กพริกขี้หนูก็คงไม่พ้นมินซอกแน่
ตัวก็เท่านี้ แต่นิสัยนักเลงเสียจริง พูดจาก็ขวานผ่าซากอย่างนั้น
จุนมยอนแทบจะวิ่งไปเอามืออุดปากมินซอกเอาไว้เมื่อเจ้าตัวบอกชานยอลด้วยประโยคที่ตัดกำลังใจอย่างถึงที่สุด
"แล้วต้องทำยังไง ต้องทำยังไงแบคฮยอนถึงจะกลับมา"
"ทำใจนั่นแหละ แต่แบคฮยอนไม่กลับมาแล้ว หยุดสักทีชานยอล
สิ่งที่ตัวทำลงไปน่ะ อย่าว่าแต่แบคฮยอนเลย จริงๆไม่ควรมีใครมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
ปลอบตัวเองยังทำไม่ได้แล้วจะให้แบคฮยอนกลับมาอยู่ด้วยกันแบบทุกข์ทรมานเพื่ออะไร
แบบนั้นใครจะปลอบใครได้ในเมื่อไม่มีใครมีความสุข"
"มินซอกพูดถูกนะชานยอล พอแค่นี้เถอะ" จุนมยอนเสริมอีกแรง ตอนนี้ทั้งชานยอลและแบคฮยอนก็พังมากพอแล้ว
ถ้ายังฝืนสุดท้ายจะไม่มีอะไรที่ซ่อมกลับมาให้เหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ชานยอลยังคงเงียบ
แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีก็เห็นจะเป็นการที่เจ้าตัวยอมกินข้าวที่จุนมยอนนำมาให้
"พวกเราต้องกลับกันแล้ว อยู่ที่ชานยอลแล้วนะ ว่าจะทำยังไงต่อไป" คนตัวขาวว่าจบก็เดินนำออกไปหาจงอินและจื่อเทาที่รออยู่ด้านนอก
โดยมีมินซอกลุกตามมาติดๆแต่เพื่อนตัวเล็กก็ยังส่งท้ายด้วยการวางมือบนบ่ากว้างของชานยอลแล้วบีบเบาๆ
"พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ"
.
.
.
ขายาวก้าวลงจากรถทันทีที่จอดสนิท
ชานยอลไม่แม้แต่จะเก็บข้าวของจากบ้านพักกลับมาด้วยซ้ำ เขาอ่อนแรงเกินกว่าจะทำอะไรทั้งนั้น
ไม่มีแบคฮยอน ไม่มีอนาคตที่วาดฝันไว้
"ชานยอล..."
คุณหญิงเฮราวิ่งลงมาดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กลับมาบ้านกระทันหัน
"ทำไมกลับมาล่ะลูก แล้วแบคฮยอนล่ะจ๊ะ"
ชานยอลมองผ่านผู้เป็นแม่ไปหานายพลปาร์คที่เดินลงบันไดมาช้าๆ
"ผมเรียนผูก แต่ไม่เคยเรียนแก้
สุดท้ายเงื่อนตายที่ผมผูกเองมันก็แก้ไม่ได้"
"แล้วแกทำยังไงกับมันล่ะ"
นายพลปาร์คเอ่ยถามพลางสบแววตาที่อ่อนล้าของลูกชาย
"ผมตัดมันทิ้ง... เชือกที่ผูกแบคฮยอนไว้ ผมตัดมันออก เขาไปแล้วครับ
แบคฮยอนไปกับอี้ฟานแล้ว"
"อะไรนะ!" เฮราที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามารั้งแขนลูกชายเอาไว้ หล่อนไม่เข้าใจว่าที่ชานยอลพูดหมายความว่าอย่างไร
"แบคฮยอนไปไหน? ลูกปล่อยให้แบคฮยอนหนีไปหรอ"
"ผมเหนื่อยแล้วครับแม่ แม่ไม่เหนื่อยบ้างหรอ" ชานยอลแกะเอามือที่ยืดท่อนแขนของตนไว้ออกก่อนจะเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนว่าผู้เป็นแม่จะพูดอะไรตามหลังมา
"หยุดนะเฮรา ไม่ต้องตามไป ผมปล่อยให้คุณบงการชีวิตลูกมานานเกินไปแล้ว
หยุดเอาความโกรธแค้นของตัวเองไปฝังใส่หัวชานยอลสักที"
"คุณ!"
"อยู่เงียบๆไปซะ ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง
ผมจะคุยเรื่องนี้กับครอบครัวบยอน
เพราะจากนี้มันเป็นเรื่องของแบคฮยอนกับอี้ฟานลูกชายผม"
.
.
.
คริสและแบคฮยอนกำลังนั่งร่วมวงทานอาหารเช้าง่ายๆที่สองลุงป้าเจ้าของบ้านเตรียมให้
เมื่อคืนพวกเขานอนพักที่นี่ บ้านหลังเล็กตัดเข้ามาจากถนนถึงตีนเขา
ลุงกับป้าเจ้าของบ้านมีสวนผลไม้และแปลงผักเล็กๆที่สามารถเก็บไปขายในตลาดข้างทางเป็นรายได้พอกินพอใช้
ทั้งสองคนดูมีความสุขดีจนคริสไม่สงสัยสักนิดว่าทำไมชายหญิงสูงวัยคู่นี้ถึงได้เป็นคนจิตใจดี
ใช่ว่าทุกคนจะมีน้ำใจมากพอต้อนรับคนแปลกหน้าให้พักที่บ้านได้
เขาและแบคฮยอนโชคดีจริงๆที่เจอทั้งสองคน
"เอ็งจะไปซื้อน้ำมันเลยมั้ยล่ะ เดี๋ยวลุงจะขับรถพาไป
ปั๊มคงเปิดแล้วล่ะเช้าป่านนี้"
"คือ... ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ผมกับน้องขอไปลงท่ารถได้มั้ยครับ แล้วอยากจะรบกวนฝากรถของผมเอาไว้ก่อน"
"พี่คริส..." แบคฮยอนไม่เข้าใจเอาเสียเลย
"เอางั้นหรือ แล้วแต่พวกเอ็งเถอะ ในสวนก็ที่เยอะแยะ
จะเอารถมาจอดสักสิบคันก็ได้"
คริสและแบคฮยอนเดินทางมาถุงท่ารถโดยมีคุณลุงผู้ใจดีมาส่งถึงที่
คนตัวสูงอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจว่าหากขับรถมาก็ต้องลำบากหาน้ำมันเติมระหว่างทางอีก
ซ้ำยังอาจถูกตามตัวได้ง่ายขึ้นด้วย สู้เดินทางด้วยรถโดยสารปะปนกับผู้คนมากมายน่าจะปลอดภัยกว่า
คริสชำเลืองมองคนตัวเล็กที่หลับคอพับคออ่อนตั้งแต่ขึ้นรถมาได้ไม่นาน
ท่าทางคุณหนูบยอนจะหมดพลังงานไปกับการเดินทางตั้งแต่เมื่อวานนี้ เขาไม่อยากพาแบคฮยอนมาลำบาก
แต่เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันมันก็จำเป็นต้องสู้
สัญญากับตนเองในใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายสบายที่สุด พาลูกเขามาแล้ว ก็ต้องเลี้ยงให้ได้
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
การเดินทางเนิ่นนานเป็นวันนั้นดูดพลังจากทั้งคู่ไปจนหมด
พวกเขาเดินหาห้องพักรายวันที่จะพักผ่อนในคืนนี้ก่อนจะคิดกันอีกทีว่าพรุ่งนี้จะทำย่างไรต่อไป
เงินที่พกติดมามีมากพอสมควรที่จะไม่ทำให้เขาและแบคฮยอนต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ
แต่มันก็คงไม่พอที่จะนอนกินนอนใช้ไปตลอด พรุ่งนี้ต้องหาที่พักเป็นหลักแหล่งและเขาคงต้องหางานทำสักที่
"มันไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ห้องพักดีๆคงหาไม่ได้"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาแค่พอนอนได้ พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มใหม่นะ" แบคฮยอนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
แม้จะลำบากแต่การที่ได้อยู่ด้วยกันก็ทำให้ใจดวงเล็กๆฮึดสู้เหลือเกิน
สุดท้ายพวกเขาก็ได้โมเต็ลเก่าๆเป็นที่พักชั่วคราว
สภาพที่ขาดการดูแลชวนสยองไม่น้อย ไม่ต้องบอกเลยว่าแบคฮยอนกลัวผีซะจนไม่กล้าปิดประตูห้องน้ำ
คริสไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับร่างเปลือยเปล่าที่วับๆแวมๆอยู่ใกล้ๆ เขาน่ะเคยเห็นมาหมดแล้ว
อาบน้ำขัดตัวให้แบคฮยอนก็ทำมาแล้ว แต่ที่ทำให้ใจกระตุกคงเป็นร่องรอยจ้ำแดงตามตัวนั่นมากกว่า
ไม่บอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กเจออะไรมา
ขอสาบานว่าเขาจะฆ่าปาร์คชานยอลแน่ถ้ามีโอกาส
"อาบเสร็จแล้วครับ พี่คริสจะอาบรึเปล่า"
"อืม นี่เสื้อผ้ามึง" คริสส่งกระเป๋าเสื้อผ้าที่มินซอกและจุนมยอนเตรียมให้ซึ่งก็เป็นเสื้อผ้าของเด็กสองคนนั้นเอง
ครั้นจะไปเก็บเสื้อผ้าของแบคฮยอนมาจากที่บ้านก็คงถูกจับได้แน่ คิดว่าจะไปอาบน้ำ แต่ก็เปลี่ยนใจ
ร่างสูงยืนมองแบคฮยอนที่กำลังจัดแจงใส่เสื้อผ้า ยิ่งเห็นรอยช้ำๆนั่นก็ยิ่งทุกข์ใจ สองขาก้าวตรงไปหาอีกฝ่ายก่อนจะกอดเอาไว้แนบแน่น
"พี่คริส เป็นอะไรครับ"
"มันทำอะไรมึงบ้าง บอกกูมาให้หมด
รอยพวกนี้มึงเจ็บรึเปล่า"
กระซิบถามข้างหูอย่างอ่อนโยน หากแบคฮยอนบอกว่าเจ็บ เขาก็จะปลอบให้หาย หากบอกว่าโกรธ
เขาก็จะไปฆ่าปาร์คชานยอลให้
ขอเพียงแบคฮยอนบอกมา เขาจะทำให้ทุกๆอย่าง ตอนนี้ชีวิตของอู๋อี้ฟานเป็นของบยอนแบคฮยอนแล้ว
"ไม่... อย่าพูดถึงเลยนะครับ" แบคฮยอนหันหน้าสบตาคนตัวสูงที่กอดออดอ้อนอยู่แนบกาย สองมือเรียวสวยประคองใบหน้าหล่อเอาไว้
เขย่งตัวขึ้นจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะถูกโต้ตอบกลับด้วยความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
CUT
(ค้นหาชื่อเราในกูเกิ้ลลลลลลล)
บทรักที่แสนหวานและซาบซ่านดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน ป้อนคำรักพร้อมจุมพิตไม่ห่าง สอดประสานร่างกายเข้าหากันเป็นจังหวะนุ่มนวล
ส่งทุกๆความรู้สึกผ่านสัมผัสให้ลึกเข้าไปถึงหัวใจ
ค่ำคืนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความรักอย่างแท้จริง ทั้งคู่เป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ และจากนี้ก็จะเป็นของกันและกันตลอดไป
TBC.
มาแบบเปิดคอมก็ลงเลย ไม่ได้พรูฟ ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
CUTนี่สั้นมาก ไม่ต้องอ่านก็ได้ ไม่มีอะไรเลย เอาออกไปเพื่อเป็นการเซฟตัวเองเฉยๆ ฮ่าาาาาาา
#ฟิคสีแดง
ความคิดเห็น