ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #19 : RED 18

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 58








             RED 18


    ชานยอลไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตเจอทางตันมากเท่าตอนนี้ เขาไม่รู้จะช่วยแบคฮยอนอย่างไร ไม่รู้จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกเกลียด แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถปล่อยแบคฮยอนไปได้ ถ้าเลือกระหว่างโดนเกลียดแต่ได้คนตัวเล็กมาเป็นของตนกับช่วยให้หนีแล้วต้องเสียแบคฮยอนให้อู๋อี้ฟาน เขาขอเลือกอย่างแรก


                  "ชาน"  เสียงเรียกจากผู้เป็นแม่เรียกสติให้กลับคืนจากห้วงความคิด ชานยอลหันมองปาร์คเฮราที่เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆกัน มือเรียวที่เริ่มปรากฏริ้วรอยแห่งวัยนั้นลูบแผ่นหลังกว้างของลูกชายช้าๆ


                  "แม่มีอะไรครับ"


                   "ชาน... แม่ไม่อยากให้ชานคิดมากนะลูก ที่พวกเราทำอยู่มันไม่ได้ผิด พวกลูกถูกกำหนดให้คู่กันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อาจจะมีหลงทางบ้างแต่ก็ต้องกลับมาคู่กันอยู่ดี"


                   "แต่มันต้องไม่ใช่วิธีนี้ แบคฮยอนต้องเดือดร้อนแน่"


                   "ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่ลูกคิด มันไม่ใช่ความผิดแบคฮยอน เป็นความผิดของแม่เอง"  คุณหญิงเฮราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม มองลูกชายที่ขมวดคิ้วแน่นออย่างไม่เข้าใจ ก็เฉลยข้อข้องใจให้ได้ฟัง  "แม่ผิดเอง ที่ไม่สามารถเลี้ยงอี้ฟานให้เป็นเด็กดีได้ แม่พยายามแล้วแต่เด็กคนนั้นไม่เปิดใจแม้แต่นิดเดียว เสียใจจริงๆที่อู๋อี้ฟานกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้แบคฮยอนต้องเสียหาย แบคฮยอนยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะตามเกมของเด็กคนนั้นได้ทัน...เราจึงควรแยกแบคฮยอนให้ห่างจากอี้ฟานเอาไว้"

                   
                    "แม่ แม่บอกพวกเขาแบบนั้นหรอ"

                  
                     "จ้ะ ต่อไปนี้ จะมีแค่แบคฮยอนกับลูกชายของแม่เท่านั้น"

                    .

                    .

                    .

                    "พี่..."   แบคฮยอนมองคนที่ยืนตรงหน้าด้วยแทบไม่เชื่อสายตา ทำไมร่างสูงใหญ่ของคริสถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าปะตูห้องเรียนของเขา ดูเหมือนจะไม่แคร์สายตานับสิบคู่ที่กำลังตกใจไม่ต่างกันแม้แต่นิดเดียว

                  
                     "ไป"  ไม่พูดพร่ำใดๆ มือหนาก็คว้าข้อมือของแบคฮยอนให้เดินตามออกมา

                   
                     "จะไปไหน? ผมมีเรียนนะครับ!"

                   
                    "โว๊ะ จะเรียนทำไมปวดหัว ไปมีผัวดีกว่า ไป"

                   
                   "นี่!"

                   
                   สุดท้ายก็ถูกลากออกมาท่ามกลางสายตาคนทั้งโรงเรียน คริสทำเพียงจับข้อมือของแบคฮยอนเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้เดินตามไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร ช่วงเวลาแบบนี้ยังมีคนพลุกพล่านอยู่เต็มหน้าโรงเรียนทั้งสองฝั่ง เสียงเฮโลจากนักเรียนฝั่งตรงข้ามบ่งบอกว่าทุกคนรู้สึกสนุกขนาดไหนที่เห็นหัวโจกของพวกตนเองฉุดคุณหนูจากหลังกำแพงสูงออกมาได้ ให้ตายสิ... คนพวกนั้นคงคิดว่าพวกของตัวเองโฉดเสียเหลือเกิน ไม่ได้รู้สักนิดว่าจริงๆคุณหนูก็เต็มใจถูกเขาฉุดมา

                  
                     "เดินไปจนถึงป้ายรถไหวรึเปล่า"

                  
                   "ไหวครับ ถ้าไปกับพี่ ไปไหนก็ไหว"

                  
                    
    "ฮึ ปากดี" คริสชะลอฝีเท้าลงเพราะคิดว่าแบคฮยอนอาจจะเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว ตัวก็เท่านั้น ขาก็สั้น ให้ก้าวขาตามเขา อีกไม่นานคงปวดไปหมด "ถ้าพาไปตาย จะไหวมะ"

                   
                    "ตายด้วยกันหรอครับ..."

                  
                    ทั้งคู่หยุดยืนอยู่บนทางเท้าที่เริ่มปลอดคน ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่สักพักก่อนที่คนตัวเล็กจะถูกดึงไปกอดจนจมอก คริสออกแรงกอดแบคฮยอนจนแน่น เพราะได้ยินคนว่าตายด้วยกันมันทำให้ใจกระตุก เขากำลังรู้สึกว่าตนเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตของคนตัวเล็กต้องตกต่ำลง อาจจะเป็นอย่างที่ชานยอลว่า เขากำลังทำลายชีวิตแบคฮยอน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดว่าตัวเองกำลังรักคนๆนี้มากจนไม่อาจปล่อยมือได้ เขาไม่สนคำขู่ของชานยอลด้วยซ้ำ ตราบใดที่ยังมีโอกาสให้ได้อยู่ข้างกัน เขาจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า

                  
                    "ใช่ ถ้าตาย เราจะตายด้วยกัน"

                   
                    “ครับ”  แบคฮยอนพยักหน้าถูกกับอกกว้างที่แสนอบอุ่น  เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนบ้าบิ่นได้มากเท่านี้  เหมือนเป็นแบคฮยอนที่กำลังเข้มแข็งขึ้นช้าๆ 

                   
                   “แต่เราจะไม่ตาย  กูไม่ให้มึงตายหรอก” 


                      .
                      .
                      .


     

                    "เราจะทำแค่เดินไปเรื่อยๆหรอครับ" แบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อคริสเอาแต่พาเขาเดินตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียน ในตอนแรกที่คิดว่าจะออกมารอรถไปไหนสักแห่งกลับกลายเป็นเดินจูงมือกันอยู่ข้างถนนแทนเสียนี่

                   

                    "ทำไม? มึงอยากทำอย่างอื่นหรือไง กูจะได้พาไปโรงแรม" คริสเอ่ยราวกับสิ่งที่กำลังพูดเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วๆไป ในขณะที่คนฟังหน้าร้อนจนแทบไหม้ มือเรียวตีเข้าที่แขนแข็งแรง แต่มันก็ไม่ทำให้คนตัวโตกระเทือนแม้แต่น้อย ตัวก็เท่านี้ ตีกลับแรงๆสักทีคงได้ร้องไห้แน่  จริงๆแล้วจะพาขึ้นเจ้าฮายาบูสะร่อนไปทั่วเมืองก็ยังได้ หากแต่เวลานี้เขาอยากเดินไปพร้อมแบคฮยอนเท่านั้น เดินไปช้าๆเพื่อให้เราทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานที่สุด

                   

                    แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าวันนี้ชานยอลจะไปโรงเรียนหรือเปล่า หากไปแล้วรู้จากคนอื่นว่าพี่คริสพาตัวเขาออกมาแบบนี้คงจะต้องโกรธมากแน่ๆ นึกไปถึงคำขู่เรื่องรูปนั่นก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง เขารู้จักชานยอลมาตั้งแต่เด็กและไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้กับเขาได้ลงคอ ไม่แน่ว่าอาจจะแค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น ชานยอลคงไม่เอาไปให้ใครดูจริงๆ

                   

                    "หน้ามึงไม่โอเคเลยว่ะ เหนื่อยแล้วหรอ" คริสเดาว่าคนตัวเล็กอาจจะเริ่มหมดแรงเดินแล้วก็เป็นได้เมื่อดูจากสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก

                   

                    "เปล่าครับ แค่มีเรื่องกังวลนิดหน่อย"  แบคฮยอนมองช้อนขึ้นหาคนตัวสูงกว่า ส่งยิ้มจนตาปิดอย่างเคย  "ชานยอลจะต้องโกรธมากแน่ๆถ้ารู้ว่าเรามาด้วยกัน"

                   

                    "อย่าพูดชื่อไอ้เวรนั่นตอนอยู่กับกู  สาบานเลยว่าถ้ามันเอารูปนั้นให้คนอื่นดูกูจะฆ่ามันแล้วพามึงหนีไปนอกโลกซะ"

                   

                    "โหดจริงๆ" คนตัวเล็กอมยิ้มกับความโหดไม่จริงของอีกฝ่าย  หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันดีพอ เขาก็รู้ได้ว่าคริสเป็นคนที่ห่ามแต่ภายนอกเท่านั้น ข้างในอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าอะไร 

     

                   

                    ทั้งสองคนยังคงเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆโดยไม่ทันสังเกตเลยสักนิดว่ามีใครบางคนมองพวกเขาจากภายในรถที่จอดนิ่งอยู่ริมทาง  ร่างสูงโปร่งหลังพวงมาลัยเอนตัวพิงเบาะหนังอย่างอ่อนแรง ใช่ว่าอ่อนแรงกาย แต่มันอ่อนแรงใจเหลือเกิน  ปาร์คชานยอลกำลังหมดหนทาง เขาหมดหนทางที่จะให้แบคฮยอนกลับมาอยู่ข้างกายเช่นเดิม คนตัวเล็กเดินห่างออกไปพร้อมใครคนอื่น  ซ้ำร้ายกว่าเมื่อคิดไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แบคฮยอนจะต้องถูกกักบริเวณเอาไว้กับเขา และนั่นอาจจะทำให้เขาถูกเกลียดไปตลอด มันไม่เหลือทางแล้วจริงๆ

     

     

                    ก๊อก ก๊อก

     

                    เสียงเคาะกระจกนั้นดึงให้ความคิดกลับเข้าสู่ปัจจุบัน  ชานยอลขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นว่าใครที่มาเรียกในเวลานี้  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงปลดล็อคให้คนด้านนอกเข้ามานั่งด้วยกัน  ดวงตากลมโตจดจ้องใบหน้าที่แสนเคร่งเครียดทันทีที่เข้ามานั่งประจำตำแหน่งข้างคนขับ ริมฝีปากรูปหัวใจยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรตามมารยาทก่อนจะหุบยิ้มจนใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม

     

                    "เข้าเรียนสายนะ"

     

                    "แล้วคยองซูล่ะ  ทำไมยังไม่เข้าเรียนอีก" ชานยอลไม่คิดว่าคยองซควรจะถามคำถามเช่นนั้นกับตน เพราะเห็นๆอยู่แล้วว่าชุดที่ใส่อยู่ในตอนนี้เป็นชุดไปรเวท  ในขณะที่เจ้าตัวใส่ชุดนักเรียนมาอย่าเรียบร้อยแต่กลับมานั่งอยู่แบบนี้

     

                    "เข้าไปแล้วล่ะ แต่เห็นอะไรน่าสนุก เลยเดินตามออกมาดู" คยองซูหมายถึงคนสองคนที่เพิ่งพากันเดินหายจากระยะสายตาเมื่อครู่นี้

     

                    "แล้วสนุกรึเปล่า"

     

                    "ตอนแรกก็ไม่สนุกหรอก แต่พอเห็นชานยอล มันก็สนุกขึ้นมาเลยล่ะ" นี่ไม่ใช่การเอาคืน หรือกำลังรู้สึกสะใจ คยองซูก็แค่อยากจะยั่วโมโหชานยอลเล่นๆเท่านั้นหลังจากที่ร่างสูงคุมสติตัวเองไม่อยู่หลายครั้ง  อยากจะลองดูเหมือนกันว่าชานยอลนั้นเป็นเจ้าชายที่ถูกปีศาจร้ายเข้าสิง หรือจริงๆนั้นเป็นปีศาจร้ายที่แสร้างว่าเป็นเจ้าชายมาตลอด  ได้ยินเสียงชานยอลพ่นลมหายใจแรงๆสองสามครั้ง พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องพยายามากเหลือเกินที่จะคุมสติตัวเองเอาไว้  "กลับไปเรียนดีกว่า  ชานยอลเองก็เหมือนกัน หาชุดเปลี่ยนแล้วรีบมาเรียนด้วยล่ะ"

     

                    "เดี๋ยว" ไม่ทันที่คยองซูจะเปิดออกไป ชานยอลก็เรียกอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมส่งบางอย่างให้  คัตเตอร์ของโดคยองซู  คนตัวเล็กกว่าแอบแปลกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าตนให้มันไปกับแบคฮยอน แต่ทำไมตอนนี้ถึงไปอยู่ในมือของชานยอลได้เล่า ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนเอาไปให้ชานยอลเพราะโกรธหรือมีปัญหาอะไรกันหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องชื่นชมเสียหน่อย คุณหนูบยอนร้ายไม่เบาเลยเชียวล่ะ

     

                    "เก็บไว้เถอะ  เผื่อชานยอลต้องใช้"  คยองซูก้าวลงจากรถอย่างไม่รีบร้อน หันกลับมากระตุกยิ้มเบาๆก่อนจะทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนฟังได้ว้าวุ่นใจมากกว่าเก่า "ของหายน่ะ ได้คืนยากนะ รู้รึเปล่า ปาร์คชานยอล"

     

     

     

                    บ้านของครอบครัวบยอนร้อนเป้นไฟทั้งวัน หลังจากได้รับรู้เรื่องที่แสนร้ายกาจเกี่ยวกับอู๋อี้ฟานและลูกชายหัวแก้วหัวแหวน  โบมีแทบจะเป็นลมตอนที่เห็นรูปจากโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น  ผิดกับคนเป็นสามีที่นิ่งเฉยแต่แววตากรุ่นโกรธเหลือเกิน  ไม่เคยรู้ว่าเด็กสองคนจะสนิทสนมกันจนถึงขั้นนั้น  ทั้งโกหกและทำตัวน่าอับอาย  จิตใจร้อนรุ่มอยากจะไปพาตัวแบคฮยอนกลับมาเสียตอนนี้  ถึงแม้ปาร์คเฮราจะยืนยันว่าจัดการให้ได้แน่นอนก็ตาม  บ้านพักของนายพลปาร์คอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลพอสมควร  อาจจะใจร้ายที่ต้องพาลูกชายไปกักบริเวณไกลถึงที่นั่น หากแต่ปล่อยให้อยู่แบบนี้มีหวังว่าคงได้พากันเสียคนเพราะเด็กอี้ฟานที่พวกเขาอุตส่าห์เอ็นดู

     

                    อยากจะวางเฉยแล้วคิดว่าเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆของเด็กสองคน  หากแต่พวกเขาเลี้ยงแบคฮยอนมาอย่างทะนุถนอมเกินกว่าจะปล่อยให้ไปทำเรื่องไม่เหมาะสม อีกอย่างที่ไม่เหมาะเสียยิ่งกว่าคือคนๆนั้นเป็นพี่ชายของคู่หมายตัวเอง  ความสัมพันธ์ที่แสนจะยุ่งเหยิงนี้ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก  มันไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น

     

                    "โบมี  แบคฮยอนกลับมารึยัง"  ปาร์คเฮราเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เห็นทั้งโบมีและบยอนมงยูลนั่นอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

     

                    "ยังเลย  แต่คนรถออกไปแล้วล่ะ มีอะไรรึเปล่า"

     

                    "ก็ชานยอลน่ะสิเพิ่งกลับมาเมื่อกี้เอง บอกว่าไปรับแบคฮยอน แต่แบคฮยอนไม่อยู่ที่โรงเรียน"

     

                    ทั้งโบมีและมงยูลต่างใจกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ยังภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องแย่ๆขึ้นอีก บางทีอาจจะมีอะไรผิดพลาดไปก็เป็นได้

     

                    "คลาดกันรึเปล่า คนรถอาจจะรับแบคฮยอนออกมาแล้ว"

     

                    "คุณมงยูล  ถ้าแบบนั้นแบคฮยอนก็ควรถึงบ้านแล้วสิคะ อีกอย่างไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ ชานยอลออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเฝ้าอยู่หน้าโรงเรียนทั้งวันก็ยังไม่เห็นแบคฮยอนออกมาตอนไหนเลย"  ปาร์คเฮราบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีทางยอมแพ้  เธอเอ็นดูแบคฮยอนแค่ไหนใครๆก็รู้ดี แต่หากว่าเด็กคนนั้นคิดจะหักหลังความเอ็นดูและทอดทิ้งลูกชายของเธอ ก็คงต้องใจร้ายกันเสียแล้ว

     

                    "ฉัน... จะทำยังไงดีนะ"  โบมีรู้สึกเหมือนกำลังใจสลาย แบคฮยอนไม่เคยดื้อรั้นและเหลวไหลขนาดนี้มาก่อน  ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ลูกชายคนดีแอบหนีหายออกไปจากโรงเรียนเช่นนี้  อาจจะจริงอย่างที่ปาร์คเฮราบอกเมื่อเช้าว่าอู๋อี้ฟานกำลังพาแบคฮยอนลงเหว  ในฐานะแม่นั้นเธอจำเป็นต้องเด็ดจัดการขั้นเด็ดขาด  ต้องรีบทำอะไรบางอย่างก่อนที่ลูกชายของเธอจะทำตัวเลยเถิดไปมากกว่านี้  "คุณคะ ฉันว่าตามหาลูกแล้วส่งแกไปคืนนี้เลยเถอะค่ะ"

     

                    "อืม ผมเข้าใจแล้ว"  บยอนมงยูลลุกออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สั่งความให้ลูกน้องหลายคนออกไปตามหาตัวแบคฮยอนอย่างเร็วที่สุด  ถ้าวันนี้เขาจะต้องเป็นว่าที่ใจร้ายก็อยากให้ลูกรักได้เข้าใจว่ามันเต็มไปด้วยความหวังดีทั้งสิ้น ยอมรับแบบลูกผู้ชายว่าเขาชอบใจอู๋อี้ฟานไม่น้อย อาจจะมากกว่าชานยอลเสียด้วยซ้ำ หากแต่สิ่งที่เด็กสองคนนั้นทำมันไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่ว่าเคยสัญญากับตระกูลปาร์คไว้ว่าจะยกแบคฮยอนให้ชานยอลแล้วเขาคงไม่ต้องแยกแบคฮยอนกับอี้ฟานเช่นนี้

     

                    ในระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ปาร์คชานยอลก็ได้แต่กังวลไม่ใจไม่เป็นสุข  เมื่อครู่คุณหญิงเฮราโทรมาบอกด้วยน้ำเสียงยินดีว่าตนและแบคฮยอนจะถูกส่งไปนอกเมืองในคืนนี้ มันมีบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา นั่นคือเขาไม่อยากถูกเกลียด ปาร์คชานยอลไม่อยากถูกแบคฮยอนเกลียด แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหากคนตัวเล็กรู้ว่าคุณน้าโบมีกับคุณน้ามงยูลเห็นรูปนั้นแล้ว ต่อให้ยืนยันว่าเขาไม่ได้นำมันไปให้พวกท่านดู แบคฮยอนก็คงไม่เชื่ออยู่ดี  ตอนนี้ที่ทำได้คือตามหาตัวแบคฮยอนให้เจอก่อนคนของบ้านบยอน

     

                    ส่ายตาสอดส่ายไปรอบๆก่อนจะพบว่าแสงไฟดวงนึงจากหน้ารถบางคันกำลังตรงมา เสียงเครื่องดังลั่นที่เคยได้ยินหลายครั้งทำให้ชานยอลมั่นใจว่าต้องเป็นอี้ฟานกับแบคฮยอนแน่นอน  มือหนาหักพวงมาลัยเพื่อพารถทั้งคันไปขวางทางเอาไว้อย่างไม่นึกกลัว  จักรยานยนต์ที่แล่นฉิวมานั้นเบรกกระชั้นชิดจนแทบจะชนกันอย่างจัง  ชานยอลเปิดประตูลงจากรถในขณะที่คริสเองก็จัดการยันขาตั้งแล้วลงจากรถสองล้อของตนโดยไม่สนแบคฮยอนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังนั่งหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ

                   

                    "มึงทำบ้าอะไรวะ!" คริสกระชากคอชานยอลด้วยความโมโห  แรกเริ่มเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครที่มันบ้าระห่ำถึงขั้นมาจอดรถขวางได้แบบนี้  แต่เมื่อเห็นว่าเป็นชานยอลอารมณ์กรุ่นโกรธก็ยิ่งพุ่งสูง รู้ว่าไม่ได้ญาติดีกันเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้เขามีแบคฮยอนซ้อนท้ายมาด้วย ถ้าหากขับมาเร็วกว่านี้อีกนิดและเบรคไม่ทันขึ้นมา ไม่ใช่แค่เขาที่จะเจ็บตัว แต่คนตัวเล็กก็จะพลอยเจ็บไปด้วย

                   

                    "พี่คริสครับ ใจเย็นๆ!" แบคฮยอนรีบลงจากรถมาห้ามเอาไว้ก่อนที่จะมีการลงไม้ลงมือจนเจ็บตัวกันไปจริงๆ ยอมรับว่าตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อไม่มีใครเป็นอะไรก็ควรให้ทุกคนใจเย็นๆกันก่อนจะดีกว่า

     

                    "นายต้องไปเดี๋ยวนี้" ชานยอลเอ่ยกับพี่ชายต่างมารดาของตน  "อย่ากลับไปที่บ้าน นายตายแน่ๆ"

     

                    "หมายความว่าไง  มึงกำลังพูดเรื่องอะไร"

     

                     "พ่อแม่ของแบคฮยอนเห็นแล้ว รูปในโทรศัพท์นั่น"

     

                    "อะไร อะไรนะ" แบคฮยอนที่ยืนห้ามทัพอยู่ใกล้ได้ยินประโยคที่ชานยอลบอกก็ถามเสียงสั่น  หวังว่าชานยอลจะแค่พูดเล่นเท่านั้น  หากพ่อแม่ของเขาเห้นแล้วจริงๆมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

     

                    พลัก!!!  หมัดหนักๆกระแทกเข้าเต็มข้างแก้มจนชานยอลล้มลงไปกับพื้น คริสแทบอยากจะฆ่าชานยอลตอนนี้เลยด้วยซ้ำ รู้ว่าเกลียดเขามาก แต่ทำแบบนี้มันคือการทำร้ายแบคฮยอนยิ่งกว่าทำร้ายเขาเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าชานยอลจะกล้าทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารักเสียเหลือเกิน ตอนนี้คนที่ดูจะน่าห่วงที่สุดก็คือแบคฮยอน ไม่รู้ว่าจากนี้ผู้ใหญ่จะทำอย่างไรกับคนตัวเล็กบ้าง

     

                    "จะต่อยฉันอีกสักสองสามหมัดก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ไม่ว่าพวกนายจะเชื่อรึเปล่า ฉันไม่ได้เป็นคนเอารูปให้พวกเขาดู"  ชานยอลแค่ไม่อยากให้แบคฮยอนเกลียดเขาไปมากว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าแบคฮยอนจะเชื่อที่เขาพูดหรือไม่ก็ตาม  "แต่ตอนนี้นายต้องไปซะอี้ฟาน พวกเขาเอานายตายแน่ๆ ถ้าเจอตัว"

     

                    "ไปด้วยกันนะ"  คริสคว้ามือของแบคฮยอนที่ยังคงมีท่าทีกังวลใจ  เขาพอจะเข้าใจที่ชานยอลบอก พวกผู้ใหญ่ไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่ ถึงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันว่าเขาคือคนในรูป แต่อย่างไรเสียที่แบคฮยอนต้องเจอเรื่องแบบนั้นมันก็เป็นเพราะเขาจริงๆ

                     

                    "ไม่ได้ แบคฮยอนไปไม่ได้"

     

                    "มึงจะทำไมวะ กูจะไม่หนีไปแล้วปล่อยให้แบคฮยอนลำบากอยู่ที่นี่คนเดียวหรอก"  มือหนากระชับแน่นในขณะที่คนตัวเล็กก็บีบแรงๆตอบกลับไปเช่นกัน

     

                    "ถ้าแบคฮยอนไปกับนายพวกเขาก็จะตามจนเจออยู่ดี และพวกเขาต้องตามเจอแน่  ความพยายามของนายจะทำให้แบคฮยอนลำบากมากกว่าเดิมนะอี้ฟาน"

     

                    จริงอย่างที่ชานยอลว่า เรื่องมันอาจจะจบไม่สวยก็จริง แต่ถ้ายังรั้นจะพากันหนีทุกอย่างมันอาจจะหนักหนายิ่งกว่าคำว่าจบไม่สวยก็เป็นได้  คริสควรจะได้หนีไป ในขณะที่แบคฮยอนก็อาจจะถูกลงโทษซึ่งคงไม่ร้ายแรงอะไรนัก  จะให้ไปบอกความจริงว่ารูปนั้นไม่ใช่คริสก็คงจะถูกคาดคั้นจนต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง และแน่นอนว่ามันจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม จากเรื่องชู้สาวก็จะกลายเป็นเรื่องที่คนตัวสูงไปคบหากับนักเลงและรวมไปถึงเรื่องยาเสพติดด้วย

     

                    บอกใครไม่ได้เด็ดขาด

     

                    "พี่คริสไปเถอะครับ  ผมไม่เป็นไร พ่อกับแม่ไม่ทำอะไรหรอก"

                   

                    "แต่..."

     

                    "นายรีบไปเถอะ ฉันจะดูแลแบคฮยอนเอง" ชานยอลบอกอย่างหนักแน่น เขาเองก็รักแบคฮยอนไม่น้อย หน้าที่ดูแลแบคฮยอนนั้นก็เป็นของเขาเช่นกัน  "อย่างน้อยก็ตอนนี้"

     

                    ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ในตอนนี้จำเป็นต้องแยกกันก่อนเพื่อให้รอดทั้งคู่ ดวงใจของคนสองคนวูบไหวราวกับจะปลิวหายไปเมื่อคิดว่าจะต้องจากกันโดยที่ไม่มีรู้เลยว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกเมื่อไร  คริสเดินกลับไปยังเจ้าสองล้อคู่กายโดยที่คนตัวเล็กเดินตามไปร่ำลาอยู่ไม่ห่าง  มันอาจจะผิดที่พวกเขาเจอกันช้า รักกันในวันที่สายไปแล้ว ถ้ารู้อนาคตสักนิดคริสจะไม่พาตัวเองมาถึงจุดนี้แน่นอน เขาจะเป็นแค่อู๋อี้ฟาน เด็กผู้ชายธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง เติมโตมาเป็นคนที่เหมาะสมกับแบคฮยอนทุกๆประการ

     

                    "รอนะ แล้วพี่จะกลับมาหา"

     

                    "สัญญานะ"

     

                    "ครับ" มือหนาลูบแก้มใสแผ่วเบาอย่างอาลัย มองดวงตาคู่นั้นที่แสนรักก่อนจะกลั้นใจออกรถไป คริสได้แต่บอกตัวเองว่าเขาต้องหาโอกาสมาหาแบคฮยอน ต่อให้เป็นคนดีกว่านี้ไม่ได้แต่เขาก็จะไม่ทำให้แบคฮยอนต้องลำบาก

     

                    เสียงเครื่องยนต์ลั่นถนนไกลออกไปแล้ว เหลือเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้ความมืดกลืนกินตนเองช้าๆ ชานยอลมองแผ่นหลังของคนที่จิตใจหลุดลอยหายออกไป อยากจะไปประคองร่างนั้นให้เข้ามาแนบชิดปลอบประโลม แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ต้องการ ขายาวก้าวเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับในรถที่นำออกมาจากบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต เฝ้ารอให้แบคฮยอนตามขึ้นมาอย่างใจเย็น อย่างไรเสีย ตอนนี้ก็ไม่มีอู๋อี้ฟานแล้ว ถึงจะช้ากว่านี้คนตัวเล็กก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดีไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

    .

    .

    .

     

                    เพี๊ยะ! 

                    ใบหน้าน่ารักสะบัดไปตามแรงฟาดจากมือหนาของผู้เป็นพ่อ บยอนมงยูลน้ำตาคลอยืนตัวสั่นเพราะความโกรธ เสียใจ และผิดหวัง มองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ตนเพิ่งออกแรงตบไปจนใบหน้าบวมช้ำอย่างรู้สึกผิด ไม่เคยคิดว่าจะตีลูกได้ลงจนกระทั่งตอนนี้ที่พลั้งมือไปสุดแรง

     

                    "คุณ พะ พอ แล้วนะคะ" โบมีรีบห้ามสามีเอาไว้เพราะไม่อยากเห็นลูกต้องเจ็บไปมากกว่านี้ แค่ต้องส่งแบคฮยอนไปกักบริเวณเสียไกลตา ใจคนเป็นแม่ก็แทบขาดอยู่แล้ว

     

                    ในขณะเดียวกันแบคฮยอนก็ยังคงเงียบแม้ว่าใบหน้าจะชาไปแล้วเกือบครึ่ง เจ็บแต่ไม่ร้อง เสียใจแต่ไม่พูด พอจะรู้เรื่องที่ต้องย้ายไปต่างจังหวัดจากชานยอลบ้างแล้วตอนที่อยู่บนรถ เข้าใจว่าพ่อและแม่ก็คงไม่อยากจะทำเช่นนี้ เข้าใจว่านี่คงเป็นวิธีลงโทษที่เบามือมากแล้ว แบคฮยอนไม่คิดจะโกรธใครที่สุดท้ายเรื่องมันต้องกลายเป็นเช่นนี้ เพราะตัวเขาเองก็มีส่วนผิดจริง คนตัวเล็กไม่กลัวสักนิด เพราะมั่นใจว่า ไม่ว่าตนจะไปอยู่ที่ไหน พี่คริสก็ต้องตามหาจนเจอแน่นอน

     

                    "ไปซะวันนี้เลย พ่อจะไม่รอให้เกิดเรื่องแย่ๆอะไรลับหลังอีก"

     

                    "แบคฮยอน" นายพลปาร์คเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มตัวเล็กเอาไว้ก่อนเมื่อเห็นว่ากำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน "อี้ฟานล่ะ"

     

                    แบคฮยอนยังนิ่งแม้ว่าคำถามนั้นจะทำให้ใจร้อนรน  ไม่กล้าพอที่จะสบตากับนายพลปาร์คที่กำลังรอคำตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี กลัวว่าถ้าถูกตามตัวเจอพี่คริสก็จะเดือดร้อน แต่ถ้าบอกไปบางทีเรื่องมันอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด สับสนในใจเสียจนต้องแอบเหลือบมองชานยอลที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก คนตัวสูงส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงให้ปฏิเสธไปเสีย

     

                    "ไม่ทราบครับ"

     

                    "ไม่ได้ไปด้วยกันอย่างนั้นหรอ"

     

                    "เราแยกกันตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วครับ เมื่อครู่ผมก็กลับมาคนเดียว" กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก แบคฮยอนไม่คิดว่าท่านนายพลจะเชื่อที่ตนพูดนัก รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนโกหกแนบเนียนอะไร

     

                    "อืม ไม่เป็นไร ไปเก็บของเถอะ ชานยอลก็เหมือนกัน รถมารอรับแล้ว"

     

                    แบคฮยอนเดินขึ้นหายไปยังชั้นบนแล้ว ในขณะที่ชานยอลพนักหน้าให้กับผู้เป็นพ่อก่อนจะไปเก็บของตามคำสั่ง เอาเข้าจริงมันไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไรที่ต้องไปอยู่ไกลแบบนั้น แม้ว่าจะได้อยู่กับแบคฮยอน แต่มันก็เหมือนว่าตนถูกกักบริเวณไปด้วย ชีวิตที่อยู่ในกรอบมาตลอดมันช่างอึดอัดเหลือเกิน  เขาอยากอยู่กับแบคฮยอน แต่ก็อยากได้ชีวิตที่เป็นอิสระ ที่ชีวิตที่เป็นของปาร์คชานยอลจริงๆ  แปลกใจเหลือเกินที่ตนเองเกิดมามีพร้อมทุกอย่าง แต่กลับไม่มีความสุขแม้แต่น้อย  มีเพียงแบคฮยอนเท่านั้นที่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชานยอลยังพอมองเห็นอนาคตที่จะมีความสุขได้  ดังนั้น เขาจะเสียแบคฮยอนไปไม่ได้เด็ดขาด



                   70%



                    "แบคฮยอน ตื่นเถอะ" ชานยอลสะกิดปลุกคนตัวเล็กที่หลับสนิทซบไหล่หนาของตนอยู่บนเบาะด้านหลังของรถแวนกระจกทึบ ตลอดทางนั้นคนตัวสูงไม่ได้หลับพักผ่อนอย่างที่ควร เขาใช้เวลาไปกับการนั่งมองข้างทางพร้อมกับคอยดูแลให้แบคฮยอนหลับสบายจนถึงจุดหมาย

     

                    "ถึงแล้วหรอ" แบคฮยอนงัวเงียขยี้ตาก่อนจะมองไปรอบๆ มันไม่ได้แย่นัก ฟ้ามืดอาจทำให้ที่นี่ดูน่ากลัวไปสักหน่อย แต่เงียบสงบดี ก้าวขาลงจากรถก็สัมผัสได้ถึงความเย็นของอากาศภายนอก มีนายทหารของสามคนเดินนำเข้ามาในบ้านขนาดกลางที่ตั้งอยู่เพียงหลังเดียว ถึงจะเป็นบ้านพักทหารแต่ก็สะดวกสบายพอตัว แบคฮยอนกำลังคิดว่าจริงๆที่นี่ก็ดี เสียแค่ไม่มีพี่คริสเท่านั้น

     

                    "แบคเลือกห้องก่อนเลย แล้วนอนต่อก็ได้ นอนยาวไม่ต้องรีบตื่น" คนตัวสูงเอ่ย เฝ้ามองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แบคฮยอนไม่แม้แต่จะหันมาสนใจ คนตัวเล็กเปิดดูทั้งสองห้องก่อนจะเลือกห้องที่เล็กกว่าแล้วหายเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ชานยอลได้แต่ถอนใจ ถึงแม้จะได้แบคฮยอนมาอยู่ข้างกาย ก็ใช่ว่าจะได้ครอบครอง

    .

    .

    .

                    แบคฮยอนข้องใจไม่น้อยเมื่อมองอาหารมากมายที่ถูกจัดไว้บนโต๊ะ ได้ยินว่ามีรถนำมาส่งให้ตั้งแต่เช้า คงตั้งใจให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอย่างจะนั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงชอบใจไม่น้อยที่จะได้มาอยู่กับชานยอล ได้เล่นกับเพื่อนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่จำความได้ แต่เวลานี้มันช่างทรมานใจเหลือเกินที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้

     

                    ช่วงเวลาที่เด็กคนหนึ่งกำลังเติบโต กำลังได้เรียนรู้โลกภายนอก ได้รู้จักความรัก แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกพรากไป บางทีพระเจ้าอาจไม่ได้สร้างมาให้บยอนแบคฮยอนมีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้กำหนดชะตาชีวิตให้อยู่นอกกรอบที่วางเอาไว้ ไม่ได้มอบพรให้กับหัวใจดวงนี้เพื่อจะได้มีความรักและสมหวังในตอนสุดท้าย

     

                    แต่... เขาสู้ได้ ถ้าพระเจ้าไม่สร้างสิ่งเหล่านั้นมาให้ แบคฮยอนก็จะสร้างมันด้วยตัวเอง

     

                    "เหม่ออะไรน่ะ ทำไมไม่รีบกินล่ะ" ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กจมหายไปกับห้วงคำนึงบางอย่างโดยไม่แตะต้องอาหารตรงหน้าแม้แต่น้อย

     

                    "เปล่า" ตอบออกไปห้วนๆราวกับไม่ใส่ใจ หวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ว่าตนกำลังต่อต้านทุกวิถีทางอยู่

     

                    คนตัวสูงสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นความขุ่นมัวในใจเอาไว้เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนเอาแต่เฉยชา ไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กจะต่อต้านไปเพื่ออะไร ที่ต้องมาติดอยู่ที่นี่ใช่ว่าจะเป็นเพราะเขาเสียทีเดียว หากเจ้าตัวไม่ไปทำเรื่องเสียหายแบบนั้นแต่แรกก็คงไม่เป็นเช่นนี้   จะดื้อแพ่งไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดีต่อกันไว้จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า มือหนาจับเอาช้อนตักขาไก่ตุ๋นโสมกลิ่นหอมฉุยน่าทานใส่ในจานของคนตัวเล็ก แต่ก็ถูกเขี่ยออกไปวางเฉยๆโดยไม่ได้รับการแตะต้อง ทั้งๆที่เขาพยายามจะทำดีๆแล้วแท้ๆ... บางทีแบคฮยอนคงลืมไปแล้วว่าตอนที่เขาโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันเป็นอย่างไร

     

                    "กินเข้าไป แบคฮยอน อย่าทำให้ต้องโมโหเลย" ไม่ได้อยากจะขู่ ไม่ได้อยากจะทำให้กลัว แต่เขาจำเป็นต้องควบคุมอีกฝ่ายให้ได้ ปล่อยให้พยศกว่านี้อาจได้เผลอใช้กำลังจนต้องเจ็บตัวกันแน่ๆ

     

                    แบคฮยอนช้อนตาขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น ภาพของชานยอลที่ช่วยตนเองในวันนั้นย้อนกลับมาทันที น่ากลัวจนสั่นไปทั้งร่าง ทั้งรุนแรงและไร้ความปรานี ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าชานยอลจะไม่เผลอตัวตีเขาขึ้นมา คนตัวเล็กก้มหน้าลงเพื่อจัดการกับอาหารตรงหน้าตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที

     

                    แบบนี้จะอยู่ได้อย่างไร จะให้อยู่กับความหวาดกลัวแบบนี้อย่างนั้นหรือ

     

                    "เสร็จแล้วขอออกไปเดินข้างนอกได้รึเปล่า" กลั้นใจถามออกไป กังวลไม่น้อยว่าชานยอลอาจจะไม่อนุญาต แต่ก็คงต้องลองเสี่ยงดู

     

                    "อืม ได้สิ" ไม่จำเป็นต้องขังเอาไว้แต่ในบ้าน ต่อให้ออกไปเดินข้างนอก แบคฮยอนก็หนีไปไม่ได้อยู่ดี ทั้งทหารและบอดี้การ์ดกระจายกันอยู่รอบที่นี่คงทำได้แค่หายตัวหนีไปเท่านั้น

    .

    .

    .

                    อากาศด้านนอกเย็นสบายแม้จะเป็นช่วงกลางวัน ต้นไม้หนาทึบจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นป่ารอบๆบริเวณบ้านไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับร่มรื่นชวนให้เดินเล่นไปเรื่อย ชานยอลไม่ได้ตามออกมานั้นถือว่าเป็นเรื่องดี ทหารสองสามนายทำเพียงแค่มองอยู่ห่างๆ ผิดกับบอดี้การ์ดที่ตามติดทุกฝีก้าวชวนให้อึดอัดไปหมด

     

                    "ไม่ตามได้รึเปล่า ผมอยากอยู่คนเดียว" คนตัวเอ่ยกับชายในสูทดำสองคนที่เอาแต่เดินตามไม่หยุด

     

                    "ไม่ได้ครับ คุณชายปาร์คสั่งไว้ อีกอย่างตรงนั้นต้นไม้เยอะมาก คุณแบคฮยอนอาจมีอันตราย"

     

                    "โธ่ ไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ ผมกำลังรู้สึกแย่มาก แค่ขออยู่ลำพังไม่ได้หรอ ผมไม่บอกชานยอลหรอกนะ พวกคุณรอแถวๆนี้ก็ได้"

     

                    "แต่ว่า..." บอดี้การ์ดทั้งสองยังคงลังเล

     

                    "เอาแบบนี้ครับ ถ้ากลัวว่าผมจะมีอันตรายแล้วตะโกนเรียกพวกคุณไม่ดังพอก็เอาโทรศัพท์ของพวกคุณมา ถ้ามีอะไร ผมจะโทรหาพวกคุณอีกคนให้รีบมาช่วย แบบนี้ดีมั้ยครับ"

     

                    "เอ่อ..."

     

                    "นะครับ แค่เดินดูเรื่อยเปื่อย แป๊บเดียวเท่านั้น นะครับ"

     

                    สุดท้ายลูกอ้อนของคุณหนูตัวเล็กก็ใช้ได้ผล บอดี้การ์ดทั้งสองคนถอนใจเบาๆก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้อย่างไม่มีทางเลือกพร้อมกำชับว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินให้รีบโทรออกที่เบอร์แรก แบคฮยอนรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบเดินให้ห่างออกมาทันที มือเรียวสวยกำโทรศัพท์แน่นด้วยทั้งดีใจและตื่นเต้น ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมซ่อนหาตอนเด็กๆกำลังวนกลับมาในความรู้สึก เมื่อก่อนนี้มันเป็นเกมที่ทั้งเขาและชานยอลเล่นด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

     

                    หันมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดคนจริงๆ รีบเร่งกดโทรศัพท์ต่อสายถึงคนที่จำเบอร์โทรศัพท์ได้แม่น เป็นคนที่จะหาทางมาช่วยเขาได้อย่างแน่นอน คนที่จะไม่ยึกยักและถามหาเหตุผลวุ่นวาย

     

                    ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ..... เสียงสัญญาณดังอย่างต่อเนื่อง ในใจได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายรับโทรศัพท์โดยเร็ว ใจดวงน้อยเต้นรัวเสียยิ่งกว่าจังหวะของสัญญาณในเครื่องมือสื่อสาร ได้โปรดรับสายทีเถอะมินซอก

     

                    (ฮัลโหล)

     

                    "มินซอก"

     

                    (หืม? แบคฮยอนหรอ เบอร์ใครเนี่ย)

     

                    "เบอร์ใครก็ช่างเถอะ ตัวหาทางมาช่วยเราที ตอนนี้เราอยู่กับชานยอลที่บ้านพักของนายพลปาร์ค"

     

                    (เกิดอะไรขึ้นน่ะ แล้วบ้านนายพลอยู่ที่ไหนล่ะ)

     

                    "เรื่องมันยาว เราจะเล่าทีหลัง แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่ที่ไหน มินซอกมาช่วยเราหน่อยนะ"

     

                    (ได้ๆ ได้สิ เราจะหาทางช่วยเอง แบคไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ชานยอลเป็นไงบ้าง)

     

                    "เราไม่เป็นไร ชานยอลก็เหมือนกัน แต่อีกหน่อยก็ไม่รู้ รีบมานะ พี่คริสก็คงตามหาเราอยู่เหมือนกัน"

     

                    (พี่คริสงั้นหรอ)

     

                    "อืม ถ้าเจอพี่คริส ฝากบอกเขาด้วยนะว่าเราไม่เป็นอะไร บอกเขาด้วยว่าเราคิดถึงเขา อ๊ะ!"

     

                    ไม่ทันจะได้พูดอะไรมากไปกว่านี้โทรศัพท์ก็ถูกกระชากออกไปจากมือโดยฝีมือของคนที่แบคฮยอนไม่อยากให้มาเจอที่สุดในเวลานี้ ชานยอลยืนจ้องเขม็งด้วยสายตาขุ่นเคืองจนคนถูกมองต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความหวาดกลัว

     

                    "คิดถึงมันมากใช่มั้ย"

     

                    "ชานยอล..."

     

                    "ห่างกันแค่วันเดียวก็จะขาดใจแล้วหรือไง ห๊ะ!"  ชานยอลฉุดกระชากคนตัวเล็กให้เดินตามออกมาโดยไม่สนเสียงร้องขอความปราณีจากอีกฝ่ายแม้แต่น้อย โยนโทรศัพท์คืนให้แก่บอดี้การ์ดที่พยายามจะช่วยกันห้ามและขอให้ตนใจเย็นกว่านี้

     

                    มันมากเกินไปจริงๆ มาอยู่กับเขาแค่วันเดียวก็ร้องหาอู๋อี้ฟานเสียแล้ว เห็นปาร์คชานยอลเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไร ต้องให้ย้ำอีกสักกี่ครั้งว่าเรื่องของแบคฮยอนและอี้ฟานไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะสุดท้ายเมื่อถึงเวลาเจ้าตัวก็ต้องแต่งงานกับเขาอยู่ดี บยอนแบคฮยอนเป็นของปาร์คชานยอลเท่านั้น

     

     

                    "อึก!" ร่างเล็กกว่าถูกเหวี่ยงลงบนที่นอนจนจุกไปหมด แบคฮยอนผวาคู้เข่ากอดตัวเองเอาไว้แน่นราวกับว่านี่คือเกราะที่จะปกป้องให้ปลอดภัย ชานยอลกำลังโกรธ และแบคฮยอนรู้ดีว่ามันน่ากลัวเพียงใด

     

                    ร่างสูงเดินตรงเข้ามาดึงข้อเท้าเล็กก่อนจะกระชากเข้าหาตัวเอง ออกแรงกดไหล่อีกฝ่ายให้จมนิ่งไปกับที่นอน ขึ้นคร่อมกักขังให้ร่างกายสั่นเทาสูญสิ้นอิสระ ดวงตาวาวโรจน์โกรธเคืองจนไม่อาจดึงสติกลับมาได้ ชานยอลไม่สะเทือนสักนิดแม้ว่าแบคฮยอนจะออกแรงดิ้นหนีสักแค่ไหน ยิ่งถูกขัดขืนยิ่งพาให้อารมณ์ดิ่งลึกสู่ความดำมืด ทำไมต้องหนี ทำไมต้องกลัว  ทั้งๆที่ไปทำเรื่องบัดสีกับอู๋อี้ฟานได้ไม่นึกอายแต่กลับขัดขืนตนเองที่เป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่จำความได้

     

                    "ร้องไห้ทำไม ร้องทำไม!"

     

                    "ฮึก ชะ ชาน เราเจ็บ ปล่อยนะ ปล่อยเถอะ"

     

                    "ปล่อยแล้วเราจะได้อะไรล่ะ ถ้าเราเป็นคนดี เราจะได้อะไรงั้นหรอ" เสียงทุ้มเย็นยะเยือกเอ่ยถามราวกับเย้ยหยันคนไร้ทางสู้ ชานยอลไม่ได้กำลังตัดพ้อ ไม่ได้จริงจัง แต่น้ำเสียงนั้นคือการถามเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายนับจากนี้

     

                    "ชานยอล..."

     

                    "ไม่เอา"  ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงไปจนชิดกับคนตัวเล็ก ริมฝีปากจุมพิตแผ่วเบาข้างกกหู กระซิบแหบทุ้มให้คนฟังยิ่งสั่นหนักเพราะความหวาดกลัว  "ไม่เอาสิ ไม่เรียกชานยอล เรียกแค่ชาน แบบที่แบคชอบสิ ชาน... ชาน ชาน"

     

                    "ฮึก ชาน ฮึก เรากลัว อย่า อย่าทำอะไร ฮึก อื้ออออ ไม่!" สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ว่าลำคอขาวของตนถูกกัดเข้าจังๆจนเจ็บร้าว ชานยอลเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

     

                    แบคฮยอนออกแรงดิ้นให้หนักขึ้นเมื่อบัดนี้ร่างสูงได้คุกคามซุกไซ้ร่างกายตนเองจนน่าผวา ที่ผ่านมาเขาได้รู้แล้วว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร และรู้ว่าสิ่งที่ชานยอลกำลังทำมันจะนำพาไปถึงสิ่งใด มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่การบังคับขืนใจ

     

                    "หยุดดิ้นซะ เราไม่อยากทำให้แบคเจ็บ" ไม่ใช่คำขู่ให้อีกฝ่ายกลัว แต่ชานยอลกำลังขอ ขอให้แบคฮยอนยอมเป็นของเขาอย่างนุ่มนวล ลำพังเท่านี้ก็ถูกเกลียดมากพอแล้ว ถ้าหากคนตัวเล็กยินยอมแต่โดยดี เขาก็พร้อมจะถนอมอีกฝ่ายเช่นกัน

     

                    "ปล่อยเรา อย่าทำแบบนี้!" รู้ดีว่าเพราะยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกทำให้เจ็บ แต่ไม่อยากยินยอม ต่อให้สู้ไม่ได้ เขาก็จะขัดขืนให้ถึงที่สุด อย่างน้อยชานยอลก็ต้องรู้ว่าเขาไม่เต็มใจ ร่างทั้งร่างถูกจับคว่ำลงกับที่นอนด้วยความรุนแรง มือหนาของคนด้านบนดึงรั้งเสื้อผ้าจนได้ยินเสียงฉีกขาดของมันที่ฟังดูแล้วน่ากลัวเหลือเกิน

     

                    "ถ้าเราปล่อย แบคจะรักเรารึเปล่า" ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หมดเวลาเล่นแล้ว ถ้าไม่ใช้วิธีนี้เขาต้องได้เสียแบคฮยอนให้อู๋อี้ฟานปแน่  "ตอบมา ถ้ายอมปล่อย จะเลือกเราใช่มั้ย แบคฮยอน ตอบ!"

     

                    ร่างเล็กกว่าถูกกดจนนิ่งสนิทไปกับเตียง ใบหน้าน่ารักแดงกล่ำเพราะความเจ็บปวด บัดนี้แบคฮยอนเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ ต่อให้ชานยอลรุนแรงกว่านี้ก็คงไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว อยากทำอะไรก็คงต้องปล่อยให้ทำ อยากได้อะไรก็ให้เอาไปให้หมด แต่แบคฮยอนจะไม่เลือกปาร์คชานยอลแน่นอน

     

                    "ไม่ เราไม่ได้รักชาน"

                    !!!

     

                    ชานยอลกระชากเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของแบคฮยอนออกไป คนตัวเล็กยังคงออกแรงดิ้นรนแต่ไม่ได้มีกำลังมากเท่าเดิมคงจะหมดแรงไปไม่น้อย และต่อให้คนตัวเล็กใช้กำลังขัดขืนได้มากเท่าเดิม ก็คงหนีไม่พ้นนรกที่เขากำลังจะมอบให้อยู่ดี

     

                    แผ่นหลังขาวเนียนเผยสู่สายตา ริมฝีปากอิ่มไม่รอช้าที่จะเข้าครอบครองเป็นเจ้าของ พรมจูบไปทั่ว ดูดดุนจนขึ้นรอยช้ำสีเขียวม่วง ไม่มีรอยรักสีกุหลาบอย่างที่ควรจะเป็น ทุกการกระทำรุนแรงและโหดร้าน ชานยอลต้องการให้แบคฮยอนจดจำทุกสิ่งที่เขากำลังทำ นี่ไม่ใช่การทำรัก แต่มันคือการลงโทษ จงเจ็บปวดจนฝังใจ ติดตรึงอยู่ในทุกๆส่วน แบคฮยอนจะไม่มีวันลืมปาร์คชานยอล แม้จะถูกจดจำในฐานะปีศาจก็ตาม

     

                   CUT


     

                    แบคฮยอนเป็นของเขาแล้ว

     

                     เป็นของปาร์คชานยอล ไม่ใช่อู๋อี้ฟาน


                    TBC.



    Cut สั้นนิดเดียว ไม่ต้องอ่านก็ได้ รู้แค่ว่าชานยอลใจร้ายก็พอเน๊อะ 

    ส่วนใครคิดว่าจะอ่าน ไม่ต้องแปะเมลล์นะคะ เข้าTwitter ดูแท็ก #ฟิคสีแดง หรือดูในทวิตเราเอง @mainKEY492  




    #ฟิคสีแดง

     

                   

     

                   

     

     


                

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×