ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #17 : RED 16

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57





    RED 16

     

    ประตูหอพักแคบๆถูกปิดลงพร้อมกับจงอินและจื่อเทาที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย  ทั้งสองคนชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นคริสอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว  ทั้งๆที่ช่วงนี้แทบไม่เคยกลับมานอนที่หอ  ขมวดคิ้วเป็นปมเม่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ

     

    หน้ามึงไปโดนส้นตีนอะไรมาวะ

     

    ไม่ได้โดนตีน  แต่โดนมือคริสตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย  แค่หน้าพังก็เซ็งจะแย่แล้วยังต้องมีคนคอยมาถามย้ำอยู่เรื่อย

     

    ใคร?”

     

    ไม่เสือกครับ  ขอร้อง

     

    เพราะเห็นว่าเพื่อนไม่อยากจะตอบคำถามสักเท่าไร  จงอินจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะอยากรู้เรื่องของเพื่อนไปในทันที  แต่ อีกหนึ่งสิ่งที่อดสงสัยไม่ได้คืออะไรหอบไอ้หน้าหล่อนี่มาที่หอทั้งๆที่ช่วง นี้กำลังไปได้ดีกับบ้านหลังใหญ่เพราะคนข้างบ้านนั้นน่ารักเสียจนอดใจปีนขึ้น ไปหาไม่ได้

     

    ไอ้โรคจิต


     

    แล้วอะไรหอบมึงมาเนี่ย

     

    กูจะให้มึงไปซื้อโทรศัพท์ให้กูหน่อย  หน้ากูแม่งออกไปพบปะมวลมหาประชาชนไม่ได้เลย

     

    โทรศัพท์ มึงจะใช้สองเครื่องทำเหี้ยอะไร  เครื่องเดียวยังใช้ไม่ค่อยจะเป็นจื่อเทาถามอย่างสงสัย  เพราะปกติคริสเป็นพวกโลวเทคโนโลยีอย่างุนแรง  สมาร์ทโฟนที่มีอยู่ก็ใช้เป็นแค่โทรเข้าออก  ส่งข้อความแชทง่ายๆเท่านั้น   ไอ้จงอินแกล้งตั้งสายเรียกเข้าให้มันเป็นเพลงค้างคาวกินกล้วยแม่งยังไม่มีปัญญาเปลี่ยนกลับเลย  แล้วดัดจริตจะพกโทรศัพท์สองเครื่อง

     

    โทรศัพท์กูหายบ้างเถอะ

     

    เอ้าหายไปไหนอ่ะ

     

    ถ้ารู้ว่าหายไปไหน มันจะเรียกว่าหายหรอมึง

     

    งั้นกูว่ารอบนี้ซื้อซัมซุงฮีโร่ก็พอ  ไอ้ห่า  ของดีๆใช้ก็ไม่เป็นแล้วยังเสือกทำหายจงอินเบะหน้าใส่เพื่อนซี้

     

    เออ  จะซื้ออะไรก็ซื้อมาเหอะ

     

    คิมจงอินขอเดา  ว่าที่พูดอย่างนี้คือแม่งไม่รู้จักซัมซุงฮีโร่แหงๆเลย

    ฟายเย่อออออ 
     

    .

    .

    .

    ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นหมอจะให้นอนต่อรึเปล่าจุนมยอนเอ่ยถามเพื่อแก้มป่องที่นอนบนเตียงผู้ป่วยโดยมีแบคฮยอนนั่งอยู่ข้างๆ

     

    เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ที่จริงแค่รอน้ำเกลือหมดก็น่าจะกลับได้แล้ว  ไม่ รู้ว่าทำไมหมอต้องให้รอพรุ่งนี้ด้วยก็ไม่รู้มินซอกบ่นงุ้งงิ้งอย่างไม่ชอบ ใจนักที่หมอสั่งให้ตนต้องนอนโรงพยาบาลทั้งๆที่นอกจากเป็นไข้แล้วก็ไม่มีอะไร ผิดปกติสักนิด

     

    นอนน่ะดีแล้ว  เผื่อไข้ขึ้นมาอีกจะได้ไม่ต้องหามมาโรงพยาบาลอีกรอบนะ

     

    ใช่  แบคพูดถูกจุนมยอนเห็นด้วยทันที  คนตัวขาวเดินมาวางจานผลไม้ที่เพิ่งปอกเสร็จลงบนโต๊ะข้างเตียงให้มินซอก

     

    เฮ้อ  แต่ว่าเสียดายชานยอลไม่มา  ช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยเน๊อะ  เมื่อก่อนมันไม่เป็นอย่างนี้  เราไปไหนกันสี่คนตลอดเลย  แล้วดูตอนนี้สิ  นี่แอบสงสัยนะว่าพวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า

     

    มินซอกที่เพียงแค่บ่นไปเรื่อยนั้นไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนกำลังทำให้ใครอีกคนต้องจมอยู่ในห้วงความคิด  เพราะคำพูดของมินซอกที่ว่า พวกเรานั้นยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า ทำให้แบคฮยอนอดนึกไปถึงชานยอลไม่ได้ 

     

    นั่นสินะ เขากับชานยอลยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า

     

     

    ตื๊ด

     

    เสียงเตือนข้อความดังขึ้น  แบคฮยอนดูการแจ้งเตือนก่อนจะพบว่าป็นชานยอลที่ส่งรูปภาพเข้ามา   ค่อนข้างจะน่าแปลกใจที่ชานยอลส่งข้อความมาทั้งๆที่รู้ว่าเขาเปิดดูไม่ได้  เป็นคนล็อคเองแท้ๆ  ลืมแล้วหรือไงนะ

     

    เพราะไม่สามารถเปิดดูได้แบคฮยอนจึงเลิกสนใจสิ่งที่ถูกส่งมาให้  วางโมรศัพท์ลงข้างตัวได้ไม่นาน  เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ‘สมบัติของฉันอ่า ชื่อที่บันทึกไว้ยังงเหมือนเดิม  มันไม่เคยเปลี่ยนเลย  ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป  นอกจาก……..

     

    หัวใจของบยอนแบคฮยอน

     

    อืม

     

    ‘0009 เปิดดูแล้วก็รีบมาล่ะ  มีเรื่องต้องคุยกัน

     

    แบคฮยอนได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อชานยอลพูดเพียงแค่นั้นแล้ววางสายไปในทันที  อะไรจะรีบร้อนขนาดนั้น  นิ้วเรียวกดปลดล็อคด้วยรหัสที่ชานยอลบอก มันเป็นตัวเลขง่ายๆที่เขาคาดไม่ถึง  และเพราะคาดไม่ถึงนี่แหละ  ถึงได้มองข้ามมันไป

     

    !!!

     

    รูปภาพที่ถูกโหลดขึ้นมา  ทำเอาคนตัวเล็กแทบจะทำโทรศัพท์หลุดมือ  รูปของเขาที่กำลังใช้ปากกับแทคยอน  ทำไมชานยอลึงมีรูปนี้  เพราะมือไม้ที่สั่นและใบหน้าตระหนกของแบคฮยอนทำให้มินซอกและจุนมยอนอดแปลกใจไม่ได้ว่าเพื่อนรักเป็นอะไรหรือไม่

     

    แบคเป็นอะไรหรอ

     

    คะ..คือ เรา ต้องรีบกลับน่ะ  พอดีว่า  พอดีว่ามีเรื่องด่วน  เรากลับก่อนนะท่าทางลุกลี้ลุกลนเก็บข้าวของอย่างไร้สมาธิสร้างความเป็นห่วงให้เพื่อนอีกสองคนเหลือเกิน

     

    รีบแบบนี้รอคนรถไม่ทันแหงๆ  ให้พี่ลู่หานไปส่งสิ  จุนมยอนก็ไปพร้อมกันเลยนะ  จะได้ไม่ต้องกลับมืดๆมินซอกเสนอ 

     

    ไม่เป็นไร  เกรงใจอาจารย์ลู่

     

    ไม่ต้องเกรงใจหรอก  ไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ  เดินออกไปบอกพี่ลู่หานไป

     

    อ้าว  ถ้าอาจารย์ลู่ไปแล้วใครจะอยู่ดูแลตัวเองล่ะ

     

    นี่ คุณหนูจุน  ที่นี่มีทั้งหมอทั้งพยาบาล  เราไม่เป็นไร  พวกตัวไปเหอะ

     

    เมื่อไม่อาจขัดใจมินซอกได้  ทั้งแบคฮยอนและจุนมยอนจึงต้องยอมกลับไปโดยให้ลู่หานไปส่ง  แทนการรอคนรถที่บ้านมารับ เพราะในสถานการณ์ที่แสนเร่งรีบ  แบคฮยอนไม่คิดว่าจะรอไหวจริงๆ

     

    เพื่อนทั้งสองออกไปแล้วทิ้งเอาไว้เพียงคนป่วยกับเสียงจากโทรทัศน์ที่ไม่ดังมากนักให้อยู่เป็นเพื่อนกัน  กดรีโมทคอนโทรเพื่อเปลี่ยนช่องไปเรื่อย  บางครั้งรายการทีวีก็น่าเบื่อเกินกว่าที่จะช่วยให้ใครรับชมเพื่อแก้เบื่อได้ กลักลายเป็นน่าเบื่อยิ่งกว่าเดิม

     

    แกร๊ก

     

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง  มินซอกไม่ได้อยากจะใส่ใจนัก  เพราะลู่หานออกไปส่งแบคฮยอนกับจุนมยอน  คนที่เข้ามาก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพยาบาลกับหมอ  อาจจะเอายามาให้  ตรวจเคอาการ  วัดไข้  หรือพูดคุยกันเล้กๆน้อยๆ

     

    แต่ทันทีที่หันไป ดวงตากลมใสก็ต้องเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างเล็กน้อยกันจะหุบลงแล้วเม้มเอาไว้แน่น  ร่างสูงที่เดินเข้ามาทำให้คนที่เฝ้ารอมาตลอดทั้งวันถึงกับทำอะไรไม่ถูก

     

    เป็นไงบ้าง

     

    พี่เทา

     

    เพราะมินซอกเอาแต่สติหลุดอยู่อย่างนั้น จื่อเทาจึงได้แต่ยิ้มแห้งส่งไป  ใช่ว่าจะไม่เห็นข้อความทั้งหลายที่มินซอกระดมส่งให้  แต่เพราะยังไม่พร้อมจะพูดอะไร  ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน  ต้องทำหน้ายังไง  ต้องพูดอะไร  ต้องขอโทษหรือเงียบเอาไว้  ต้องรับผิดชอบหรือทำเป็นลืมมันไป  จื่อเทาไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรเมื่อมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย 

     

    พอดี  พี่ไปหาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ไอ้คริสน่ะ  ก็เลยแวะ  มาเยี่ยม

     

    ครับ

     

    ขอโทษที่ไม่ได้ตอบข้อความเลย  แต่ยังไงก็คิดว่าต้องมาคุยกัน  ส่วนเรื่องนั้น  พี่อยากขอเวลาอีกหน่อย

     

    ไม่ต้องหรอกพี่เพราะท่าทางลำบากใจของจื่อเทาทำให้มินซอกต้องตัดสินใจจบปัญหานี้ด้วยตัวเอง  ไม่ได้อยากเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไร  ไม่ได้อยากให้ลำบากใจ ไม่อยากไปฝืนความรู้สึก

     

    ………

     

    เรื่องนั้นลืมๆมันไปเถอะครับ  ไม่มีใครผิดหรอก เราก็เมากันทั้งคู่ อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชาย ไม่ได้มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว  พี่อย่าคิดมากเลย นี่ขนาดเห็นหน้าพี่ผมยังนึกเรื่องนั้นไม่ออกเลยถ้าพี่ไม่พูดขึ้นมาก่อน  ผมไม่เป็นไรหรอก

     

    พูดว่าไม่เป็นไรทั้งๆที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้ยเนี่ยนะ  จื่อเทาไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงต้องทำเป็นเข้มแข็งเสียเหลือเกิน  ตัวก็เล็กแค่นั้น  หัวใจจะใหญ่ได้สักแค่ไหนเชียว
     

    มินซอก

     

    ผมน่ะลืมเก่งนะ  พี่ไม่ต้องห่วง

     

    มินซอก  ได้โปรด  อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลยมือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กเบาๆ 

     

    มินซอกทำได้เพียงหลบตาพี่ชายตัวโตที่กำลังมองตนเองด้วยแววตาแห่งความสงสารเห็นใจ  ต้องให้ย้ำอีกครั้งหรืออย่างไรจื่อเทาถึงจะเข้าใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ  ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด

    .

    .

    .

    แบคฮยอนแทบจะพุ่งลงจากรถของลู่หานในทันทีที่จอดสนิทตรงหน้าบ้าน  หากแต่จุดหมายไม่ใช่บ้านของตนอย่างที่ควรจะเป็น  แบคฮยอนก้าวฉับอย่างรีบร้อนเข้าไปในบ้านข้างๆแทน 

     

    อ้าว น้องแบค  มาหาชานยอลหรอลูกคุณหญิงเฮราเอ่ยทักเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาท่าทางรีบร้อน

     

    ครับ  อยู่บนห้องใช่มั้ยครับ

     

    จ้ะหญิงสาวตอบพลางยิ้มเบาๆให้  ท่าทีของแบคฮยอนดูแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย  ปกติคุณหนูบยอนี่คุ้นเคยไม่ใช่เด็กที่ดูลุกลี้ลุกล้นเช่นนี้  บางทีอาจมีเรื่องไม่ค่อยดีนักก็เป็นได้

     

    งั้นผมขอไปหาชานยอลนะครับว่าจบก็เดินเลี่ยงไปทันทีโดยไม่สนใจสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสัยของผู้ใหญ่ตรงหน้า  ตรงปรี่ไปที่ห้องของชานยอลในทันที  หยุดยืนหน้าประตูไม้แล้วเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะก่อนตามมารยาท

     

    ชานยอลที่นอนเอกเขนกบนเตียงกว้างเลิกคิ้วเล็กน้อยกับท่าทีของคนที่ตนกำลังรอ   ท่าทีใจเย็นของร่างสูงทำให้แบคฮยอนแทบจะอกแตกตาย  ทำเขาร้อนใจมากขนาดนี้แต่ตัวเองมานอนสบายใจเฉิบอยางนี้หรือ

     

    ไปเอารูปนั้นมาจากไหน

     

    สำคัญหรอ

     

    สำคัญสิไปเอามาจากที่ไหนปาร์คชานยอล

     

    ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มขึ้นเสียงแล้ว ซ้ำยังเอ่ยชื่อตนเสียเต็มยศเช่นนี้  โกรธแล้วสินะแบคฮยอน  โกรธมากด้วย

     

    เอามาจากไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก  สำคัญที่ว่าแบคไปทำอะไรเอาไว้มากกว่า  ตอบมาสิว่ารูปที่เห็นเนี่ย  มันเกิดอะไรขึ้น

     

    อึก!  

     

    แบคฮยอนได้แต่กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่เมื่อชานยอลเริ่มเท้าความไปถึงเรื่องแสนอัปยศนั่น  เรื่องที่เขาแทบจะลืมมันไปแล้ว  เรื่องที่ไม่อยากนึกถึงให้อับอายอีก  แต่ถ้าบอกไปทั้งหมด คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากคริส  ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอน

     

    เราไม่จำเป็นต้องอธิบาย  มันเป็นเรื่องของเรา

     

    คิดเอาไว้แล้วว่าต้องพูดอย่างนี้  มันคงเป็นเรื่องของแบคนั่นแหละ  ตราบใดที่คุณน้าโบมีกับคุณน้ามงยูลยังไม่เห็นชานยอลกระตุกยิ้มอย่างมีชัยเมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของคนตรงหน้า

     

    ชานยอล!

     

    อย่าอารมณ์เสียครับ  ไม่ต้องห่วงหรอก  เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ  ถ้าแบคไม่ทำผิดสัญญาเสียก่อน

     

    สัญญาอะไร

     

    เรื่องงานหมั้น  ต้องเป็นไปตามกำหนด แล้วก็…. ห้ามติดต่ออู๋อี้ฟานอีก  ไม่ว่าจะทางไหน  ห้ามโทร  ห้ามส่งข้อความ  หรือแม้แต่พูดคุยกับมันก็ไม่ได้  ถ้าเรารู้ รับรองได้ว่าโทรศัพท์ของอู๋อี้ฟานที่มีรูปแสนเซ็กซี่นี่โชว์หราอยู่หน้าจอจะตกถึงมือพวกคุณน้าอย่างแน่นอน

     

    แบคฮยอนอย่างจะลงไปดีดดิ้นกรีดร้องบนพื้นให้สาสมกับความอึดอัดใจ  นี่ปาร์คชานยอลกำลังขู่เขา  ชานยอลที่เขาเคยไว้ใจที่สุดในทุกๆเรื่อง  ชานยอลที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันตลอดไป  มันจบแล้วจริงๆ

     

    ทำไมหรอชาน  ทำไมต้องทำกับเราขนาดนี้หรอเสียงที่เอ่ยถามอย่างไร้เรี่ยวแรงนั่นบ่งบอกได้ดีว่าแบคฮยอนกำลังเหนื่อยล้าและเสียใจมากเพียงใด  ชานยอลมองดูแววตาที่แสนเศร้านั่นอย่างรู้สึกผิดในใจ  หากแต่ถ้าเขาใจอ่อนปล่อยแบคฮยอนไป เขาก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว  ไม่ใช่แค่แบคฮยอนที่เหนื่อย เขาเองก็ไม่ต่างกัน เขาพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว  ทำทุกทางเพื่อรั้งอีกคนเอาไว้แล้ว  แต่ดูเหมือนมันไม่เคยมีประโยชน์อะไรเลย

     

    แล้วไม่ถามตัวเองดูล่ะว่าทำไมแบคถึงทำกับเราแบบนี้  ทำไมถึงต้องไปรักมันด้วย

     

    เพราะคำตัดพ้อนั่นของชานยอล  ตอนนี้แบคฮยอนตรัสรู้แล้วว่าคนตัวสูงนั้นไม่เคยเข้าใจอะไรเลย  ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง  ไม่คิดจะโทษตัวเองบ้างเลยหรืออย่างไร

     

    เพราะพี่คริสไม่เคยทำให้เราเสียใจไง

     

    งั้นหรอ  เราทำให้แบคเสียใจมากสินะ  แต่ช่วยให้โอกาสเราหน่อยไม่ได้หรอ  เรารู้ว่าเราผิดที่ให้แบครอ  แต่เราก็แก้ไขทุกอย่างแล้ว ตอนนี้เรามีแค่แบคนเดียว  ขอร้องล่ะ รักเราบ้างสักนิดเถอะ

     

    รู้มั้ย  ถ้าเราจะต้องตายภายในหนึ่งชั่วโมง  แล้วชานมาตอนหกสิบนาทีกับอีกหนึ่งวินาทีมันจะเกิดอะไรขึ้น

     

    ……

     

    เราก็ตายไง  เข้าใจรึเปล่า  ไม่ทันก็คือไม่ทัน  หนึ่งชั่วโมง  หนึ่งนาที  หรือหนึ่งวินาที  ยังไงมันก็สายเกินไปอยู่ดี  เราทุ่มเวลาเกือบทั้งหมดที่มีเพื่อรอชานมาตลอด  แต่ตอนนี้เราเหลือเวลาแค่พอให้รักษาหัวใจตัวเองเท่านั้น  ปล่อยเราไปไม่ได้หรอ

     

    ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่เข้าใจ เขาเข้าใจดีถึงสิ่งที่แบคฮยอนบอก  หากแต่เขาเองก็ไม่เหลืออะไรแล้วเช่นกัน  แบคฮยอนเหลือเวลาที่จะรักษาตัวเอง  แต่เขาเหลือแค่แบคฮยอนคนเดียวเท่านั้น  ชีวิตเขาเหลือแค่นี้จริงๆ

     

    ขอโทษ

     

    คำขอโทษจากคนตัวสูงนั้นตอบสิ่งที่แบคฮยอนขอร้องได้อย่างชัดเจน  จะอ้อนวอนแค่ไหนชานยอลก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไป  ตอนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว  คนตัวเล็กพยักหน้าอย่างยอมรับ เขาไม่เคยเลือกอะไรเองได้อยู่แล้ว


     

    แบคฮยอนก้าวเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนที่นอนนุ่ม  ล้วงมือเรียวสวยเข้าไปหยิบคัตเตอร์สีเงินวาววับในกระเป๋ากางเกงของตนแล้ววางมันลงที่ข้างตัวของชานยอล  โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูเมื่อเห็นคฃว่าคนตัวสูงมองสิ่งที่ตนมอบให้อย่างไม่เข้าใจ  ก่อนจะผละออกแล้วกลับออกไปจากห้องทิ้งให้ชานยอลอยู่กับความเงียบที่มีเพียงเสียงกระซิบของแบคฮยอนดังซ้ำๆอยู่ในหัว

     

    อันนี้ คยองซูฝากมา


     

    สอง ขาก้าวอย่างอ่อนแรงไปตามทางเดินเพื่อออกไปจากรั้วบ้านหลังใหญ่  แบคฮยอนก้มมองดูมือของตนเองที่ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบจากคัตเตอร์สแตน เลส  ตอนนี้รู้สึกเสียดายเหลือเกินที่ทิ้งคัตเตอร์ไว้ให้ชานยอล  บางทีเขาควรใช้มันเสียเอง  ไม่น่าเอาความสะใจเป็นที่ตั้ง  คยองซูคงอยากให้เขาใช้มันมากกว่าที่จะเอาไปให้ชานยอลแบบนั้น

    นึก แล้วก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้  ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นพวกยอมคนอื่นเป็นนิสัยแท้ๆ  แต่เดียวนี้กลับระเบิดอารมณ์ได้ง่ายๆ  เหมือนว่าจะติดนิสัยจากคุณคริสแล้วสินะ

    คุณคริสงั้นหรือ

    โอ๊ย

    แบ คฮยอนยกมือขึ้นลูบหน้าผากของตนเองที่เพิ่งชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง  เพราะมัวแต่เดินก้มหน้าจนไม่รู้ว่ามีใครมาหยุดยืนขวางเอาไว้จึงไม่ทันระวัง  เงยหน้าขึ้นมองด้วยใจสั่นไหวกับใบหน้าของคนที่กำลังคิดถึง  คริสเลิกคิ้วมองลูกหมาน้อยของตนที่ใบหน้าโศกเศร้าจนน่าสงสาร

    เป็นไรวะมือหนายกขึ้นหมายจะยีหัวคนตัวเล็กเล่นอย่างเคย แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายเบี่ยงหนีเสียอย่างนั้น

    แบ คฮยอนจ้องใบหน้าของคริสอย่างรู้สึกผิดในใจ  หากแต่ก็ไม่ลืมว่าตกลงกับชานยอลไว้อย่างไร  เขาจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้  จำเป็นที่ต้องฝืนใจตนเอง   เดินเลี่ยงไปอีกทางทันทีที่เห็นว่าคริสตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างต่อ 

    ไอ้ลูกหมา

    …….

    กล้าเดินหนีกูเหรอ

    …..

    เฮ้ย เป็นไรวะ

    ……

    แบคฮยอน

    คริ สมองตามแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปอย่างไม่เข้าใจ  แบคฮยอนเป็นอะไรไป  ทำไมถึงมีท่าทีแปลกๆ  ทำไมถึงเดินหนีเขาไปทั้งๆที่ปกติแทบจะกระโดดเข้าใส่เขาเลยเสียด้วยซ้ำ

    ไอ้ลูกหมามันเป็นอะไรของมันวะ

    ร่าง สูงเดินกลับไปยังฮายาบูสะลูกรักที่จอดเอาไว้หน้าบ้าน  ก่อนจะสตาร์ทอีกครั้ง  แล้วขับเข้ามาด้านใน  ตรงไปยังเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นสิ่งเดียวในบริเวณบ้านนี้ที่ตนเป็นเจ้าของ  จอดรถเข้าที่แล้วจึงนำผ้ามาคลุมไว้เหมือนเช่นเคย  แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านไปพักผ่อนดั่งหวัง  ร่างสูงของใครอีกคนก้ปรากฏขึ้นเสียก่อน 

    คริ สขมวดคิ้วที่เห็นว่าชานยอลมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆเช่นนี้  ปกติแล้วน้องชายจอมถือตัวของเขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้แถวๆนี้ด้วยซ้ำ  ก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวเคยอยากจะได้เรือนหลังเล็กนี้อยู่  หากแต่คนที่เชื่อฟังนายพลปาร์คจนแทบจะคิดเองไม่เป็นอย่างชานยอลรู้ว่าที่นี่ ถูกยกให้กับเขา ก็ไม่รุกล้ำเข้ามาเลยสักครั้ง

    ขอคุยด้วยหน่อย

    ข้างในมั้ยคริสชี้ไปที่ด้านในเรือนหลังเล็ก  ขอเดาว่าชานยอลคงอยากเข้าไปสัมผัสมันสักครั้ง  เขาควรจะสงเคราะห์มันสักหน่อยล่ะนะ

    ไม่ รอให้ชานยอลตอบตกลง คริสก็เดินนำเข้าไปทันที  ด้านในไม่กว้างมากนัก  เป็นห้องรับแขกเล็กๆที่มีทีวีธรรมดากับ โซฟาชุดกลาง  พอให้รับแขกได้สองสามคน  ห้องครัวถูกแบ่งสัดส่วนออกไปด้านในโดยไม่มีประตูกั้น  และอีกฝั่งเป็นห้องนอนที่ถูกปิดประตูเอาไว้มิดชิด

    คริ สทิ้งตังนั่งลงบนโซฟาก่อนจะกดเปิดทีวีช่องเพลงร็อคที่เร่งวอลลุ่มเสียจนสุด  ชานยอลถอนใจกับความกวนประสาทของอีกฝ่ายที่จงใจเปิดเสียงรบกวนสิ่งที่เขา ต้องการจะพูด

    เรื่องแบคฮยอน

    อะไรนะ! พูดดังๆสิ ไม่ได้ยินเว้ย!”คริสเอ่ยถามทั้งๆที่สายตายังจ้องไปยังจอสี่เหลี่ยมด้านหน้า

    เลิกยุ่งกับแบคฮยอนซะ  นายจะทำลายอนาคตเขา

    ห๊ะ!

    อู๋อี้ฟาน  ขอร้อง

    อีกทีสิ เมื่อกี้ขอร้องกูหรอมือหนากดปิดเสียงรบกวนแทบจะในทันที

    ใช่  เลิกยุ่งกับแบคฮยอน  เขาไม่ควรต้องทิ้งอนาคตเพราะนาย

    อนาคตอนาคตอะไรหรอวะที่มึงพูดถึง  อนาคนที่จะกลายเป็นนกน้อยในกรงทองตลอดชีวิตน่ะหรอ

    แล้วมันแย่กว่าต้องใช้ชีวิตกับพวกกุ๊ยหรือไง  ให้บินอออกจากกรงไปเพื่อทำเรื่องต่ำๆ  ฮึฉันไม่ซีเรียสกับเรื่องBlow job หรอกนะ  แต่ฉันซีเรียสตรงที่เป็นแบคฮยอน

    คริ สเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง เขาไม่รู้ว่าชานยอลจะหมายถึงเรื่องของแทคยอนหรือไม่  หากถ้าใช่นั่นน้องชายเขาจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

    มึง….หมายความว่ายังไง

    มันน่าตกใจฉันรู้  แต่จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก  ตราบใดที่นายจะเลิกยุ่งกับแบคฮยอน

    มาถึงตรงนี้ คริสพอจะเดาสาเหตุทีแบคฮยอนเอาเดินเลี่ยงเขาไปแบบนั้นได้แล้ว   ท่าทางว่าชานยอลคงจะคุยเรื่องนี้กับแบคฮยอนไปก่อนแล้ว

    คงจะใช้วิธีนี้กับแบคฮยอนด้วยล่ะสินะ

    ………..”ชาน ยอลไม่ตอบอะไร  ทำเพียงแค่ลุกหนีเท่านั้น  สองขาก้าวยาวๆหมายจะออกไปจากที่นี่เสียที  ไม่สนสักนิดว่าคริสจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่ตนทำ  ตราบใดที่ไม่ต้องเสียแบคฮยอนไป  เขาก็จะทำทุกๆอย่าง

    ดอกไม้แสนสวยใจแจกัน  มันจะเหี่ยวตายในไม่ช้าคริสพูดพลางมองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไป  ก่อนที่ชานยอลจะหยุดเดินและหันกลับมาอีกครั้ง

    นั่นมัน  คือสิ่งที่นายกำลังทำ  นายคือคนที่เด็ดดอกไม้จากต้นต่างหากล่ะอู๋อี้ฟาน

     

    .

    .

    .

    หลัง จากส่งเด็กทั้งสองคนแล้วลู่หานก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อนอนเฝ้ามิ นซอก  มองดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาเกือบสามทุ่ม  บางทีมินซอกอาจจะหลับไปแล้วแต่ก็ผิดคาด  ดูเหมือนเขาจะเดาผิดไป

    ขอ โทษที  พี่นึกว่าเราหลับไปแล้วลู่หานตั้งท่าจะเดินกลับออกไปเมื่อเห็นว่ามินซอกยัง ไม่หลับอย่างที่คิด  ทั้งๆที่ต้องมานอนเฝ้าแต่ก้ต้องรอให้คนตัวเล็กหลับไปเสียก่อน เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรำคาญและไม่อยากเห็นหน้า

    เดี๋ยว  พี่อยู่ในนี้แหละ  ผมกำลังจะนอนแล้วล่ะ

    อืม

    ความ เงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง  มันไม่เคยเป็นแบบนี้  เมื่อก่อนที่อยู่ด้วยกันมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  มันเปลี่ยนไปพร้อมกับความเชื่อใจที่เคยมี  เมื่อความรู้สึกของลู่หานเปลี่ยน  ความรู้สึกของมินซอกก้เปลี่ยนไปเช่นกัน

    ลู่ หานได้แต่โทษตนเองที่มั่นใจเสียจนลืมไปว่า  ไม่รักอย่างไรก็คือไม่รัก เขาคิดเสมอว่าตราบใดที่เขายังเป็นคนเดียวที่ได้ยืนอยู่ข้างมินซอก สักวันคนตัวเล็กก็คงรักเขาไม่ต่างจากที่เขารัก  เขาเองที่พลาด  มินซอกไม่รัก  และตอนนี้เขาก็มั่นใจว่าอย่างไรก็คงไม่มีวันรัก

    ร่าง โปร่งเอนตัวพิงพนักโซฟาจ้องมองคนป่วยที่กำลังพยายามข่มตาหลับอยู่บนเตียงผู้ ป่วย  ต่อไปนี้เขาลู่หานคงทำได้เฝ้ามองมินซอกเท่านั้น 

    พี่ลู่หาน

    หืม?”อดแปลกใจไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วเด็กน้อยไม่ได้หลับไปอย่างที่ควรจะเป็น  มินซอกหันหน้ามามองตาแป๋ว

    นอนไม่หลับเลย  พี่ร้องเพลงให้ฟังได้มั้ย

    พี่หรอร้องเพลงเนี่ยนะ

    ใช่  พี่เคยร้องให้ฟัง ตอนที่ผมยังเด็กๆคนตัวเล็กกระตุกยิ้มออกมากับเรื่องราวในอดีต พี่ชายที่แสนใจดีร้องเพลงกล่อมน้องชายตัวเล็ก

    อ่า  นั่นมันนานแล้วนะ ตอนนั้นเราแค่หกขวบเอง  ตอนนี้โตแล้วก็ต้องร้องเพลงกล่อมหรอ

    แน่สิ  โตกว่านี้  ผมก็ยังเป็นน้องชายของพี่  ร้องหน่อยนะ  เพลงที่พี่ร้องตอนนั้น

    นั่น สินะ จะโตกว่านี้  มินซอกก็มองว่าเขาเป็นแค่พี่ชายใจดีคนนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย  แต่มากกว่าจะมานั่งตอกย้ำตัวเองให้เจ็บปวด เขาควรจะเป็นพี่ชายคนเดิมเพื่อให้น้องชายอยากจะยืนเคียงข้างต่อไป

    Dancing bears  painted  wings  thing I almost  remember  and a  songsomeone  sing  Once  upon a December

    ราว กับว่าได้ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว  เด็กน้อยวัยหกขวบในอ้อมกอดของพี่ชายวัยสิบห้าปี  เพลงที่ถูกขับกล่อมดังจากริมฝีปากของคนที่โตกว่า  เพื่อให้เด็กน้อยนั้นหลับฝันดี 

     

    Someone  holds  me  safe  and  warm

    Horses  prance  through  a silver  storm

    Figures  dancing  gracefully

    Across my memory

     

    Far  away long  ago

    Glowing  dim  an  as  ember

    Things  my  heart

    Used  to know

    Once  upon a  December




    TBC.  


    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×