คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : RED 14
RED 14
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แบคฮยอน แม่ ขอเข้าไปนะลูก”เสียงเรียกจากหน้าห้องดังขึ้นในขณะที่เจ้าของห้องกำลังนอนแผ่ หลาอยู่บนเตียงนุ่ม แบคฮยอนผุดลุกขึ้นนั่งก่นจะขานรับออกไป
“ครับ”
หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง เธอเดินมานั่งลงข้างๆกับลูกชายผู้เป็นที่รัก มือสวยที่เริ่มมีร่องรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยเอื้อมไปกุมมืออีกคนเอาไว้แล้วบีบเบาๆ
“ชานยอลบอกว่าคุยกับลูกแล้ว ตกลงกันว่าจะจัดพิธีหมั้นสักสัปดาห์หน้า ลูกพร้อมแล้วหรือจ๊ะ”
แบคฮยอนถอนหายใจออกมากับคำบอกเล่าของผู้เป็นมารดา เขาเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องคอยร้องขอโอกาสของตัวเองจากการมัดมือชกของชานยอล
“ผมไม่คิดว่าตัวเองมีทางเลือกอื่น เพราะต่อให้เลื่อนออกไป ช้าเร็วก็ต้องหมั้นกันอยู่ดี”
“ยกเลิกมันได้นะลูก ตลอดไปเลยก็ได้”
“อย่าห่วงเลยครับแม่ ผมโอเค”ใช่ว่าใจไม่อยากยกเลิก แต่เขาไม่ได้เห็นแก่ตัวถึงเพียงนั้น มากกว่าความบาดหมางระหว่งเขากับชานยอล อีกเรื่องที่จะเป็นปัญหาตามมาคือความสัมพันธ์อันดีของสองครอบครัวอาจต้องพังลงเพียงเพราะเขาไม่คิดอบยากจะยืนข้างปาร์คชานยอลอีกแล้ว ถึงแม่คนเป็นแม่จะเอ่ยปากตามใจนเป็นลูกอย่างไร เขาก็จับน้ำเสียงแห่งความกังวลได้ชัดเจน คงลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“แบค…”
“มันจะราบรื่นครับ…หวังว่า”แบคฮยอนเอนตัวลงกอดเอวคนเป็นแม่เอาไว้ก่อนจะซุกศีรษะลงกับตักอุ่นนั่น
“แม่รักลูกนะครับคนดี ไม่ว่าอะไรที่ลูกคิด ลูกทำ แม่จะเคารพมัน ตราบใดที่ลูกแม่มีความสุข”
ร่าง สูงพ่นควันสีขาวคละคลุ้งออกจากริมฝีปากที่ก่อนหน้านั้นสูดเอาความหวานลิ้น จากมวนบุหรี่ที่คีบอยู่ตรงระหว่างนิ้ว แผ่นหลังกว้างพิงทับกระจกที่ถูกปิดสนิทด้วยผ้าม่านจากด้านใน ชานยอลนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องของแบคฮยอนมาสักพักใหญ่แล้ว เขาปีนมานั่งตรงนี้ราวกับหมาที่เฝ้าเจ้าของ ราวกับกลัวว่าถ้าไม่เฝ้าเอาไว้จะมีใครปีนขึ้นมาและพาแบคฮยอนหนีไป
เขามันเห็นแก่ตัว เขาก่อปัญหาทุกอย่างขึ้นมา เขาทำทุกอย่างพังพินาศ ทำให้ใครต่อใครเสียใจ และเขาเองก็เสียใจเช่นกัน เคยคิดว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้ เคยคิดว่าปัญหามันจะจบลงในแบบที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่เขาหลงลืมไปคือแบคฮยอนมีหัวใจ มีความรู้สึก และมีขีดจำกัดของความอดทน เมื่อเขาพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมถึงได้รู้ว่ามันสายไปเสียแล้ว แบคฮยอนไม่อยู่รอเขาอีกแล้ว จิตใจที่บริสุทธิ์นั้นโบยบินออกไปหานอื่นแล้ว การกลับมาที่พบแต่ความว่างเปล่า เขามาช้าไป
ม่านถูกเปิดออกพร้อมกับแสงไฟจากในห้องที่ลอดผ่านออกมา ชานยอลเอี้ยวตัวไปก็พบว่าแบคฮยอนกำลังยืนมองอยู่จากด้านใน คนตัวเล็กทำท่าจะเปิดประตูออกแต่มือหนาของชานยอลกลับดันเอาไว้ มืออีกข้างที่คีบบุหรี่ยกขึ้นสูงเพื่อบอกให้คนด้านในรู้ว่าไม่ควรออกมาสูดดมกลิ่นควันพิษเหล่านี้ แบคฮยอนเห็นดังนั้นจึงล้มเลิกการแสดงน้ำใจต่ออีกฝ่ายแล้วเลือกที่จะนั่งหันหลังพิงกระจกอีกด้านแทน
“ทำไมมานั่งตากยุงตรงนี้ล่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามออกไปผ่านกระจกที่กั้นอยู่
“แล้วนั่งไม่ได้หรอ? ก็แค่นั่งเฉยๆ เกลียดเรามากขนาดที่ไม่อยากให้เรามาเหยียบระเบียงห้องเลยหรือไง”
“เปล่า ไม่ได้เกลียด”
“หรอ”
“แต่ไม่รัก”
คำตอบของแบคฮยอนทำเอาชานยอลแทบจะหัวเราออกมาดังๆด้วยความสมเพชตัวเอง จะบอกว่าตัวเองโชคดีที่อีกฝ่ายได้ได้เกลียดชังอะไร แต่ที่บอกว่าไม่ได้รักนั้นมันโหดร้ายยิ่งกว่าสิ่งใดที่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนตัวเล็ก
“รู้มั้ย ต่อให้หมั้นกันไป หรือต่อให้แต่งงาน ถึงจะต้องอยู่ในโลกที่เหลือแค่เราของคน ชานจะได้ทุกอย่างของเราไป ยกเว้นหัวใจ”
“เดี๋ยวนี้หัดพูดตรงขึ้นนะ แต่ได้ยินแบบนี้ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องเสียใจที่ตัวเองจะเลวไปมากกว่านี้”
“เราไม่เคยคิดว่าชานเลว ต่อให้ทำเรื่องแย่ๆแค่ไหน สำหรับเรา ชานก็ไม่ใช่คนเลว”
“ฮ่า ฮ่า งั้นโลกสวยๆแบบแบคคิดว่าเราไม่ได้เป็นคนเลวแต่เป็นคนแบบไหนล่ะ คนเห็นแก่ตัว? คนใจร้าย? คนนิสัยไม่ดี?”
แบคฮยอนถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปหาอีกคนที่อยู่ด้านนอก จ้องมองอย่างแน่วแน่ผ่านสายตาที่แสดงออกว่ากำลังจริงจังกับสิ่งที่กำลังจะพูดเพียงใด
“เป็นคนที่เราไม่รักไง”
ว่าจบคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนแล้วรูดม่านปิดเอาไว้ให้มิดชิดอย่างเดิม ทิ้งให้ชานยอลนั่งอยู่ลำพังที่เดิมพร้อมกันก้นบุหรี่ที่ดับคามือไปแล้ว
“เป็นคำตอบที่ดีจริงๆแบคฮยอน”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆคนเดียวในความมืดมิด
“ถาม จริง?”มินซอกเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากได้ยินชานยอลที่ อยู่ข้างหลังบอกจุนมยอนว่าจะจัดงานหมั้นกับแบคฮยอนในสัปดาห์หน้านี้
“อืม”แบคฮยอนทำแค่เพียงเอ่ยตอบไปอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะสนใจกับอาจารย์ผู้สอนที่อยู่หน้าห้องเช่นเดิม
มินซอกได้แต่ครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างไม่เข้าใจ ทำไมทั้งสองคนถึงรีบจัดงานหมั้นกันนัก อีกอย่างที่น่าแปลกใจกว่าคือคยองซูนั้นยอมหรือ แล้วคุณคริสสิงมอเตอร์ไซค์เล่า ท่าทางว่าจะไปกันได้ดีกับเพื่อนเขาแท้ๆแล้วไหงแบคฮยอนมาหมั้นกับชานยอลเสียได้
“คยองซูล่ะ?”อดไม่ได้ที่จะต้องหันไปถามเพื่อคลายข้อสงสัยในทันที
“ก็อยู่ที่ห้องAไง”
“คุณชายปาร์ค”
ถ้าปาร์คชานยอลมีเจตนากวนประสาทคิมมินซอก ก็ขอบอกเลยว่าทำได้ดีมาก เพราะตอนนี้คนแก้มป่องนั้นอยากจะกระโจนข้ามโต๊ะไปบีบคออีกคนให้หายหมั่นไส้สักที
เมื่อเห็นสายตาอาฆาตที่ดูอย่างไรก้ไม่น่ากลัวสักนิดของมินซอก ชานยอลก็หัวเราเบาๆในลำคออย่างนึกสนุกที่ได้แกล้งให้เพื่อนตัวเล็กนี้หงุดหงิดเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะตอบข้อข้องใจให้อีกคนรับรู้
“เลิกแล้ว”
คำตอบของชานยอลทำให้มินซอกแทบจะโห่ร้องออกมาด้วยความสะใจ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง ฮึ! โดคยองซู ชอบทำหน้าซื่อตาใสดีนัก คราวนี้ล่ะ เขาจะซ้ำให้จมดินไปเลย
มิ นซอกและแบคฮยอนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาอย่างรีบร้อน เพราะบยอนแบคฮยอนนั้นโหยหาห้องน้ำอยู่นานเป็นชั่วโมงหากแต่อาจารย์ที่แสนจะ ใจร้ายกลับไม่ยอมสั่งเลิกคลาสง่ายๆ ขออนุญาตและแต่ก็ถูกปฏิเสธ สุดท้ายก็ต้องทนจนหมดคาบเรียนไปอย่างกระสับกระส่าย
แบคฮยอนพุ่งเข้าไปขางในอย่างรวดเร็วในขณะที่มินซอกยืนรออยู่ตรงหน้ากระจก สายตาสำรวจดูตนเองอย่างเรียบร้อยก่อนจะชงักเพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ สายตาจ้องมองใบหน้าที่ไม่ถูกชะตาอยู่สักพักก่อนจะหลีกทางให้เล็กน้อยเมื่อคยองซูหอบเอาจานสีและพู่กันนั้นมาเทล้างที่อ่างข้างๆกัน
“ทำไมมาล้างคนเดียวล่ะ? อ่อ ลืมไปว่าไม่มีเพื่อน”
คยองซูชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคเยาะเย้ยจากมินซอก แต่ก็ไม่ใส่นักยังคงก้มหน้าก้มตาล้างอุปกรณ์ที่ใช้เรียนศิลปะต่อไปเงียบๆ
“น่าจะหาเพื่อนไว้บ้างนะ ตอนนี้ไม่มีชานยอลให้เกาะแล้ว ตัวคนเดียวเหงาแย่”
เมื่อเห็นคยองซูยังนิ่งมินซอกจึงเอ่ยปากพูดจาเหน็บแนมให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นอย่างมีความสุข พูดไปแล้วก๋เฝ้ามองปฏิกิริยาของอีกคน อยากเห็นว่าแอ๊บซื่อแบบนี้ถ้าวีนแตกจะเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผิดคาดไปมากทีเดียว เมื่อคยองซูนั้นไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองอะไร หากแต่เงยหน้าขึ้นมองมินซอกนิ่งๆและยกมือขึ้นมาวางทาบลงบนอกของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
คยองซูกระตุกยิ้มเบาๆก่อนจะผละออกไปจากคนที่กำลังขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ ขาเรียวก้าวฉับออกไปจากบริเวณห้องน้ำในทันทีทิ้งให้มินซอกยืนงงอยู่เพียงลำพัง
“มินซอก เมื่อกี้คุยกับใครหรอ”แบคฮยอนที่เสร็จธุระแล้วเดินออกมาทันเพื่อนที่ยืนนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
“เปล่า ไม่มีไร”
“เอ๊ะ! เสื้อไปโดนอะไรมา”
แบคฮยอนไปชี้ที่เสื้อนักเรียนสีขาวของเพื่อนซี้ที่บัดนี้เปรอะเปื้อนด้วยรอยสีน้ำเงินเป็นวงกว้างตรงช่วงอก มินซอกมองตามนิ้วเรียวไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อพบว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการกระทำของคยองซูนั้นก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห
ร้ายกาจนักนะโดคยองซู!
บยอนแบคฮยอนกำลังภาวนาไม่ให้ตัวเองตกลงไปขาแข้งหัก เขามักจะพึมพำราวกับสวดมนต์แบบนี้ทุกครั้งเวลที่จะกระโดดลงจากกำแพงสูงไปอีกฝั่งของโรงเรียน สวนสาธารณะเก่าที่ร้างผู้คน ก่อนหน้านี้มีนเคยมีเสียงเห่าเล็กๆดังอยู่เป็นระยะ หากแต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
แบคฮยอนนั่งลงบนพื้นหญ้าที่ทิ่มขึ้นสูงเพราะขาดการตัดแต่งดูแล เอนตัวพิงกับต้นไม้สูงใหญ่แล้วหลับตาลงช้าๆ ความเย็นรื่นพัดพาให้รู้สึกผ่อนคลาย ลมอ่อนๆที่ปะทะกับใบหน้านั้นทำเอาง่วงเหงาหาวนอนไม่น้อย ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสจากการจุมพิศที่เปลือกตาจนต้องลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า
คริสมองแบคฮยอนที่บัดนี้ลืมตาขึ้นจ้องหน้าตนเองนิ่ง ไม่นานเด็กตรงหน้าก็ส่งยิ้มละมุนมาให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขามีความรู้สึกว่าอยากจะเข้ามาที่นี่ทั้งๆที่ไม่มีพวกลูกสุนัขให้เขาคอยเข้ามาเฝ้าดูแลอีกแล้ว เมื่อเข้ามาพบแบคฮยอนนั่งหลับอยู่ก็นึกขำอยู่ไม่น้อยว่าตัวเองก็เจอสุนัขหลงตัวหนึ่ง
“ดีใจจังที่เจอพี่”
คริสไม่ได้ตอบรับอะไร ร่างสูงนั่นลงข้างๆกันก่อนจะจับหัวเล็กให้เอนลงมาหนุนบนตักแกร่งอย่างนุ่มนวล แบคฮยอนลอบยิ้มกับการกระทำของคริสแต่ก็ยอมนอนลงอย่างไม่ขัดขืน
“ง่วงก็หลับดิ”
“ถ้าผมหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา พี่ก็ยังจะอยู่ตรงนี้ใช่รึเปล่า”
“ฮึ เรื่องเยอะ”ไม่ว่าเปล่าคริสลงมือดีดหน้าผากจนแบคฮยอนนิ่วหน้าเพราะความเจ็บเล็กๆ ก่อนที่มือจะเอื้อมไปจับมือเรียวสวยของแบคฮยอนเอาไว้และสอดนิ้วเข้าประสานแนบแน่นไร้ช่องว่าง
“แบบนี้ต่อให้หลับทั้งคู่ก็ตื่นมาเจอกันแน่นอน”
“ครับ”แบคฮยอนกระชับมือใหญ่ของคริสแน่น
คนตัวเล็กนอนนิ่งอยู่สักพักแต่ไม่ได้หลับใหลไปอย่างที่ตั้งใจ เงยหน้ามองดูคริสที่กำลังแกะเปลือกห่อลูกอมสีหวานและหย่อนมันเข้าปากไปอย่างแปลกใจ ท่าทางไม่น่าจะชอบอะไรแบบนี้แท้ๆ คนถูกจ้องเริ่มรู้ตัวจึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าแบคฮยอนนั้นมีปัญหาอะไร นิ้วเรียวสวยจึงยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากเป็นคำตอบ
“อ่อ กำลังเลิกบุหรี่อยู่”
“ครับ?”
“เลิกบุหรี่ ให้มึงแหละ”
“เอ๋ ผมไม่ได้บอกให้เลิกเลยนะ”แบคฮยอนผุดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเหตุผลของคริส
“รู้ แต่อยากเลิก อยากเป็นคนที่ดีพอสำหรับคุณหนูบยอนก็แค่นั้น”คริสเสหน้าหนีไปทางอ่นราวกับไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเองตอบออกมา แต่คนฟังอย่างแบคฮยอนที่มองอยู่กลับรู้สึกว่าร่างสูงคงกำลังขวยเขินเสียมากกว่า
“งั้นช่วยพูดเพราะๆด้วยสิครับ ถ้าพี่ต้องคุยกับผมต่อหน้าผู้ใหญ่พี่จะกูมึงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ งั้นมาซ้อมเรียกกันเพราะๆนะครับ”
“เฮ้อออ ได้คืบจะเอาศอก ได้ ศอกจะเอาส้นตีนนะคนเราเนี่ย”ร่างสูงขมวดคิ้วดุใส่แบคฮยอนที่กำลังพยายามต้อน เขาให้จนมุมด้วยการเอาผู้ใหญ่มาอ้างให้เราเปลี่ยนสรรพนามเรียก
“งื้ออออ ก็แค่ซ้อมไว้ เผื่อถึงเวลาจะได้ชินไงครับ”
“เออ ก็ได้”แม้จะรับคำไปแล้วแต่คริสก็ยังนิ่งไม่เอ่ยอะไรอีก
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองคน แบคฮยอนนั่งเท้าคางจ้องคริสเงียบๆในขณะที่คนถูกกจดจ้องก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อสายตาที่กำลังกดดัน คริสอยากจะหัวเราะออกมาเพราะสายตาและท่าทางของแบคฮยอนตอนนี้เหมือนลูกสุนัขกำลังกดดันเจ้าของให้เล่นด้วยไม่มีผิด
ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงออดลากยาวดังมาจากกำแพงสูง บอกเวลาที่คนตัวเล็กจะต้องกลับไปเข้าเรียนเสียที แบคฮยอนมีท่าทีเสียดายเล็กน้อยแต่ก็ต้องยาวลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวที่เต็มไปด้วยเศษดินและหญ้า
“ผมไปเรียนแล้วนะครับ”
“อืม”
เมื่อเห็นว่าคริสยังคงไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเหมือนเดิมจึงตัดใจและเดินกลับไปทางกำแพงสูงของโรงเรียน แต่ก็ต้องหยุดเพื่อหันมาดูเมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตามมา แบคฮยอนเลิกคิ้วสงสัยไปให้คริส
“พี่เดินมาส่งคุณ”
!!!
“อะไรนะครับ”บอกทีว่าเมื่อครู่นี้บยอนแบคฮยอนได้ยินผิดไป อะไรพี่?น แล้วอะไรคุณ?
“พี่บอกว่าพี่เดินมาส่งคุณ โถ่เว้ย อย่าให้พูดซ้ำได้มั้ยวะ”ใบหน้าหล่อเหล่าขึ้นสีจนเห็นได้ชัดเจน
“ฮึ ฮึ ฮึ ขอบคุณครับ”แบคฮยอนส่งยิ้มกว้างไปให้คนที่ดูอย่างไรก็รู้ว่ากำลังเขินอายอย่างน่ารักขัดกับใบหน้าและบุคลิคที่มักจะห้าวเป้งอยู่เสมอ
มือเรียวยกขึ้นโบกมือลาคนตัวสูงก่อนจะรีบปีนกลับเข้าไปในโรงเรียนดังเช่นที่เคยทำอยู่ประจำ ไม่อาจจะปิดบังรอยยิ้มของตนเองได้ เพราะประโยคที่คริสพูดนั้นยังคงดังซ้ำๆในหัวชวนให้รู้สึกมีความสุขอยู่เรื่อย
“พี่กับคุณงั้นหรอ..... ก็เข้าท่าดีนะ”
เพราะคาบนี้อาจารย์ประจำวิชาเกิดติดประชุมขึ้นมากะทันหัน บรรดานักเรียนทั้งหลายจึงพากันตัวใครตัวมันอย่างที่เห๋น บ้างก็อ่านหนังสือ บ้างก็ล้อมวงคุยกัน บ้างก็เอาแต่กดโทรศัพท์แล้วยิ้มกับมันราวกับคนบ้า ถ้าหากจะยกตัวอย่างให้เห็น คิมมินซอกจะเสนอแบคฮยอนเป็นคนแรก ตอนแรกก็สงสัยว่าเพื่อนรักนั้นเอาแต่ยิ้มกับโทรศัพท์ด้วยเหตุอันใด แต่พอแอบลองชะเง้อดูก็พอเข้าใจ ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการส่งข้อความตอบโต้ไปมากับคุณคริสจนหลุดไปอยู่อีกโลกเสียแล้ว
บยอนบยอล: มันชื่อนาเมโกะ
คริสอู๋: มันน่ารักดี
บยอนบยอล: ประหลาด
คริสอู๋: ไปอยู่กับไอ้จงอินเลยไป
ไอ้เวรจงอินเรียกมันว่าเห็ดจังไร
บยอนบยอล: ก็มันประหลาดจริงๆนี่ครับ
คริสอู๋: น่ารัก
แบคฮยอนอดขำตัวเองไม่ได้ที่จริงจังกับการเถียงเรื่องเห็ดเจ้าปัญหาที่คริสใช้ตั้งเป็นรูปดิสเพลย์ เห็ดหน้าตาประหลาดที่ดูยังไงเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันน่ารักสักนิด ผิดกับคนตัวโตที่เอาแต่เถียงว่ามันน่ารักเสียเหลือเกิน
“โอ๊ะ นี่ปาร์คชานยอล!”แบคฮยอนโวยทันทีที่ถูกชานยอลเอื้อมมาดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือ
ชานยอลไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนตัวเล็กข้างหน้าสักนิดหรือแม้แต่สายตาที่พยายามจะอาฆาตเขานั้นก็ช่างหาความน่ากลัวไม่ได้ ก้มมองดูหน้าจอก็เห็นว่ามีแต่ข้อความที่ตอบโต้กับ “คริสอู๋” ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นอู๋อี้ฟานแน่ๆ
“เอาโทรศัพท์เรามานะชานยอล นี่! เราโกรธแล้วนะ เอาคืนมาเลย”
“หรอ นี่โกรธแล้วหรอ”ปาร์คชานยอลอยากจะขำ โกรธได้น่ากลัวสมเป็นแบคฮยอนจริงๆ
คนตัวเล็กได้แต่ฟึดฟัดที่ถูกชานยอลข่มกันเช่นนี้ นี่เขาโกรธแล้วจริงๆนะ ทำไมชานยอลไม่หัดกลัวเสียบ้าง เห็นว่าเขาโกรธเล่นๆหรืออย่างไรกัน
“มินซอก ถ้าโกรธจะต้องทำยังไง”สะบัดหน้าไปถามเพื่อนข้างๆเพื่อหาที่ปรึกษา
“เอ่อ…เราว่าใจเย็นๆเน๊อะ”มินซอกไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร จะให้บอกหรือว่าเวลาโกรธเขาระบายอารมณ์ด้วยการไปออกเสียงบนสนามซ้อมเทควันโด้
“นั่นสิ ชานยอลก็ด้วย อย่าไปแกล้งแบคฮยอนแบบนั้นสิ”จุนมยอนช่วยห้ามอีกแรง
“ใครว่าแกล้ง เรากำลังจัดระเบียบพฤติกรรมว่าที่คู่หมั้นอยู่ต่างหาก เริ่มจากโทรศัพท์ก่อนเลย ต่อไปนี้ห้ามติดต่ออี้ฟานทุกช่องทาง”
“นี่ อย่ามาสั่งเรานะ!”
ชานยอลไม่สนใจฟังอะไร ตั้งหน้าตั้งตาเช็คดูโทรศัพท์ที่ยึดมาได้ ก่อนจะกดบล็อก คริสอู๋ เพื่อไม่ให้สามารถพูดคุยติดต่อกันได้อีก
“ถ้ายังรั้นจะไปคบหามัน เราจะได้เห็นดีกัน เข้าใจมั้ยแบคฮยอน”เอ่ยเสียงเรียบพลางส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของไป ในขณะที่คนรับนั้นแทบจะกระชากออกไปจากมือด้วยความขุ่นเคือง
มินซอกและจุนมยอนทำได้เพียงส่ายหน้ากับความสัมพันธ์ที่ดูจะยิ่งแย่ลงของชานยอลและแบคฮยอน ในฐานะเพื่อนของทั้งคู่ ไม่ว่าอย่างไรก็อยากให้คุยกันดีๆเหมือนเมื่อก่อนนี้
ใครจะไปคิดว่าชานยอลจะเอาจริงขนาดนี้ ร่างสูงโทรไปสั่งไม่ให้รถที่บ้านบยอนมารับแบคฮยอนเพื่อบังคับให้คนตัวเล็กนั่งรถกลับด้วยกัน ทั้งมินซอกและจุนมยอนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้แต่โบกมืออำลาและอวยพรขอให้เพื่อนตัวเล็กโชคดี เพราะดูเหมือนว่าคำว่าเพื่อนของทั้งสองคนจะมีขอบเขตเมื่อสถานการณ์ของชานยอลและแบคฮยอนมันไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่เป็นในฐานะคู่หมั้นคู่หมาย
“เดี๋ยวนี้พี่ลู่หานบ่นใหญ่ว่าไม่ค่อยมาเรียนพิเศษกันเลย”มินซอกเปิดบทสนทนาเมื่อตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สองคนกับจุนมยอน
“ก็เห็นนี่ว่าช่วงนี้มีแต่เรื่อง อีกอย่างพักไปก่อนก็ได้นะ เราต้องไปทำงานพิเศษด้วย”
“ห๊ะ! งานพิเศษ งานอะไร คุณหนูจุนไปทำงานพิเศษเนี่ยนะ!”มินซอกก็ไม่ได้คิดว่าการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเป็นเรื่องผิดปกติอะไรหากจะมีพวกลูกคุณหนูสักคนอยากลองใช้ชีวิตแบบติดดินดูบ้าง แต่เพราะเป็นจุนมยอน มินซอกถึงคิดว่ามันผิดปกติอย่างถึงที่สุด คุณหนูจุนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยเนี่ยนะไปทำงานพิเศษ
“ร้านกาแฟที่มยองดงน่ะ ไปกับพี่จงอิน คุณป๋าอนุญาตแล้วด้วยนะ”คนตัวขาวยิ้มกว้างจนแก้มแทบจะปริ
“เรื่องจริงหรอเนี่ย”
“จริงสิ ก็เมื่อวานไปลองช่วยพี่จงอินดู มันก็สนุกดี แล้วพอตอนค่ำพี่จงอินไปส่ง คุณป๋าเจอพอดีเลยชวนเข้าบ้านไปนั่งคุยกัน คุยไปคุยมาก็พูดเรื่องเราไปลองช่วยงานที่ร้าน คุณป๋าเห็นดีด้วยใหญ่เลย เขาอยากให้เราลองทำอะไรดูบ้าง แล้วมีพี่จงอินคอยดูแลก็ยิ่งวางใจน่ะ”
“โอ้โห ได้คุยกับคุณอาแล้วด้วยอ่ะ มีพัฒนาการณ์ก้าวกระโดดมากเลยนะเนี่ย”
“โย่ เด็กๆ”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายร่างสูงสองคน จงอินเดินยิ้มแย้มมาในขณะที่จื่อเทายังคงรักษามาตราฐานความคมชัดดุดันบนใบหน้าได้อย่างดีราวกับเป็นรูปปั้นก็ไม่ปาน
“อ๊ะ พี่เทา เดี๋ยวนี้แทบจะไม่ค่อยได้เจอพี่เลยนะเนี่ย”จุนมยอนเอ่ยทักพี่ชายหน้าเข้มที่เมื่อก่อนนั้นเจอกันทุกวัน
“ได้ข่าวว่าจะไปทำงานพิเศษกับจงอินหรือครับ”
“อ่า ครับ”
“เออ พอก่อน ค่อยคุยครับ ต้องไปแล้ว เดี๋ยวเข้างานสาย ไปกันเถอะจุนมยอน”จงอินลากคนตัวขาวให้ตามตัวเองไปเสียที ในขณะที่จุนมยอนถูกลากไปก็ยังโบกมือลามินซอกกับจื่อเทาไม่หยุดจนลับสายตาไป
“ต่อหน้าต่อตาเลยเน๊อะ พี่ไม่เป็นไรใช่ป่ะ”มินซอกอดที่จะเอ่ยถามทุกข์สุขของจื่อเทาไม่ได้
“ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ”มือหนายกขึ้นขยี้ผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร แต่อย่างเขาจะไปทำอะไรได้ กับคนที่ได้แต่ฝันถึง คนที่คิดว่าอยู่สูงเกินไป แต่ตอนนี้คนๆนั้นกลับกลายเป็นของเพื่อนรักไปแล้ว มันเจ็บ แต่ก็ทำได้แค่นั้น แค่เจ็บเท่านั้น
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสจนลืมสังเกตไปว่ามีใครบางคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถนั้นยืนมองอยู่ด้วยความรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ ท่าทางที่สนิทสนมเกินไปทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานนั้นทำให้ลู่หานไม่ชอบใจนัก ยืนกอดอกพิงรถนิ่งอยู่อย่างนั้น เฝ้ารอว่าเมื่อไรมินซอกจะละความสนใจจากจื่อเทาแล้วหันมาเห็นตนเองเสียที
“นู้น”เป็นจื่อเทาที่สังเกตเห็นลู่หานก่อน จึงพยักเพยิดให้มินซอกหันไปมองตาม
“อ้าว”คนตัวเล็กเห็นว่าพี่ชายคนสนิทมายืนรออยู่แล้วก็รีบลุกขึ้นบอกลาจื่อเทาและวิ่งไปหาลู่หานทันที
มินซอกก้าวขึ้นตามลู่หานที่เดินไปประนั่งประจำหน้าพวงมาลัยเช่นตอนมา หน้าตาดูไม่ค่อยสบอารมณ์นั้นแสดงออกชัดเจนจนมินซอกต้องขมวดคิ้วตามไปด้วยอีกคน ครุ่นคิดอย่างหนักว่ามีสิ่งใดให้พี่ชายใจดีคนนี้ต้องขุ่นเคืองใจ ปกติลู่หานจะชวนตนเองคุยเล่นอยู่เรื่อย หากแต่วันนี้กลับนั่งเงียบแถมยังทำหน้าบอกบุญไม่รับเสียอีก
“ลูลู่ พี่เป็นไรอ่ะ”
“เปล่า”
“เอ… เป็นแหง ถามคำตอบคำ”
ลู่หานเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากให้มินซอกรู้สึกว่ากำลังถูกหงุดหงิดใส่ เขาไม่อยากเอาความงี่เง่าของตัวเองไปลงกับอีกฝ่าย แม้ว่าสาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้จะเป็นเพราะเจ้าตัวก็ตาม
“จอดรถเลย”
“หืม?”ลู่หานแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆคนข้างๆก็บอกให้จอดรถ
“จอดสิ ข้างๆน่ะโล่งๆ จอดเลย เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้!”
เพราะตอนนี้มินซอกเริ่มใส่อารมณืลงในน้ำเสียงบ่งบอกว่าคงกำลังหงุดหงิดอยู่เช่นกัน ลู่หานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจอดรถตามที่อีกฝ่ายต้องการ
“พี่มีปัญหาอะไร ผมพูดด้วยก็ไม่พูด ไม่พอใจอะไรก็บอกสิ!”
“คือ…พี่ขอโทษ”
“ผมไม่ได้อยากได้คำขอโทษ ผมอยากได้คำอธิบาย ไม่งั้นมันจะจบหรอ เดี๋ยวพี่ก็หงุดหงิดไม่มีสาเหตุขึ้นมาอีก! มีอะไรก็พูดมาเลย พูดเลย!!!”
“พี่รักเรา! พอใจรึยัง”
มินซอกเบิกตาโพลงทันทีที่ได้ยินคำสารภาพของลู่หาน รักอย่างนั้นหรอ รักเขางั้นหรือ ไม่นานใบหน้าน่ารักก็เลิกแสดงความตกใจแต่แปรเปลี่ยนเป็นสงสัยเข้ามาแทนที่
“พี่ไม่อยากให้เราเข้าใกล้เด็กที่ชื่อจื่อเทา พี่ไม่อยากให้เราไปสนิทกับใคร พี่หวง ขอโทษ”เสียงขอโทษแผ่วเบาในท้ายประโยค ลู่หานอยากขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก เขารู้ดีว่ามินซอกไว้ใจตนเองในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง แต่การที่เขาคิดเกินเลยกับอีกฝ่ายนั้นคงทำให้เด็กน้อยรู้สึกโกรธอยู่พอควร
มินซอกจ้องหน้าลู่หานนิ่งก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก้าวหนีไปอย่างรีบร้อน ยังไม่อยากจะคุยกับลู่หานในเวลานี้
“มินซอก!”
“อย่าตามมานะ! ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ตอนนี้”หันไปตะคอกใส่คนที่พยายามจะวิ่งตามมา สองขาก้าวถี่ไปโบกรถโดยสารที่ผ่านมาพอดี ทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะด้านหลังและบอกให้คนขับออกรถทันทีโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักนิด
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้คิมมินซอกพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าห้องที่เพิ่งได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนไม่นานนี้ ตั้งใจจะไปหาจุนมยอนแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนตัวขาวคงยังไม่กลับมาแน่ จึงเปลี่ยนจุดหมายมายังร้านติ่มซำที่อยู่ใกล้กว่าแทน ทั้งผู้เป็นมารดาและพี่สาวของจื่อเทานั้นต่างยุ่งอยู่กับงานจนแทบจะไม่ใส่ใจแขกที่เข้ามาสักนิด พอเห็นหน้ามินซอกก็เอ่ยปากอนุญาตส่งๆให้ขึ้นไปหาจื่อเทาข้างบนแทนการมานั่งรอแล้วเสียเวลาให้ใครขึ้นไปตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะเรียกดังไม่นาน เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาก่อนจะต้องเบิกตาอย่างตกใจที่เห็นว่าใครคือผ้มาเยี่ยมเยือน จื่อเทามั่นใจว่าเขาเห็นคิมมินซอกขึ้นรถไปกับลู่หานแล้ว บางทีตอนนี้เขาอาจจะกำลังเริ่มเมาเพราะเบียร์หลายกระป๋องที่เพิ่งจัดการไปไม่นานนี้
“ผม เข้าไปได้มั้ย”
“อ๋อ อืม”คนตัวโตเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้แขกเดินเข้ามา
มินซอกย่นจมูกเพราะรู้สึกถึงกลิ่นฉุนของกระป๋องเบียร์ที่วางเกลื่อนพื้นห้อง กระป๋องเปล่าเกือบสิบใบและที่ยังไม่ได้เปิดแช่อยู่ในถังน้ำแข็งที่ไม่น่าจะต่ำกว่ายี่สิบกระป๋อง นี่ดื่มย้อมใจหรืออย่างไรกัน
“โทษที วันนี้ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร ดื่มมั้ย”จื่อเทานั่งลงกับพื้นห้องเช่นเดิม หลังกว้างพิงกับเตียงที่สูงไม่มากนัก หยิบกระป๋องเบียร์ส่งให้เด็กน้อยที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน
“ผมไม่ดื่มหรอก ได้กลิ่นก็เมาแล้วพี่”
*สามสิบนาทีต่อมา*
“อึก พี่คิดดูดิ ผมไว้ใจเขาม๊ากเลย คิดว่าเราเป็นพี่น้องกานนนน แต่อาร๊ายยยย เอิ้กกก มาบอกว่ารักผม โคตรสับสนเลย ผม อึก ผมสับสนมากเลย”มินซอกเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ตนไม่สบายใจให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆฟัง น้ำ เสียงที่เริ่มยานบวกกับกระป๋องเบียร์ในมือนั้นบ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้คนตัว เล็กกำลังเมาเพราะเจ้าน้ำสีเหลืองอำพันที่เอ่ยปากไปก่อนหน้าว่าจะไม่ดื่มมัน
“ช่าย แล้วจุนมยอนนะ ก็ไปกับไอ้จงอิน รักกันซะง้านเลย อึก สับสน เอ้อออออ”จื่อเทาเองก็มีสภาพไม่ได้ต่างจากคนข้างๆเท่าไรนัก เพราะก่อนหน้ามินซอกจะมาเจ้าตัวก็จัดไปหลายกระป๋องแล้ว ยิ่งพอเริ่มปรับทุกข์กันก็ยิ่งเพลิน สองคนรวมกันหมดไปหลายสิบกระป๋องเลยทีเดียว
“มันตกจายยย ผมมไม่เยคิดเรื่องแบบนี้เลย สนใจแต่เทควันโด้ ตอนนี้เลยต้องมานั่งคิดจนปวดหัวไปหมด หรือปวดหัวเพราะเมาอะพี่”มินซอกที่เริ่มสับสนเพราะสติที่ไม่ครบถ้วนนั้นหันไปถามจื่อเทาอย่างงงงวยในตัวเอง
“ไม่เคยมีแฟนหรออออ”พี่ชายตัวสูงไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับตั้งคำถามส่งไปแทน ดูเหมือนว่าทั้งสองครจะคุยกันคนละเรื่องมาสักพักใหญ่แล้ว
“ม่ายยยย เลย ไม่มีอ่ะ”
“เคยจูบยางงงง”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ คิก เอิ้กกก ไม่เคยยยย”
“ลองป่ะ”
“เมาอ่อพี่”
CUT
“อืม คุณหนู… คุณหนูจุนมยอน”
TBC.
#ฟิคสีแดง
ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ
ความคิดเห็น