ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF EXO by น้ำจ๊ะ แม่ไอ้แดง [NOW: แฟนเกือบเก่า ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #14 : แฟนเกือบเก่า Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 59


    แฟนเกือบเก่า 6

     

    หลายวินาทีผ่านไปชานยอลก็ยังทำได้แค่นั่งเฉยๆ มองดูใบหน้าดุของชายร่างท้วมโดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ถ้าแม่ของแบคฮยอนยังเคยเห็นรูปเขา มีหรือที่พ่อของเจ้าตัวจะไม่เคย วัดดวงกันตรงที่จำได้หรือจำไม่ได้เท่านั้น

     

    "หน้าคุ้นๆ"  เสียงดุเอ่ยเบาราวกับพยายามจะค้นความทรงจำของตนเองมากกว่าถามจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ในขณะเดียวกันชานยอลก็ลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง

     

    "ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ ไปดูลูกค้าเถอะ" ภรรยารีบดันหลังสามีให้กลับไปดูลูกค้าโต๊ะอื่น เกรงว่าอยู่นานกว่านี้จะเกิดนึกได้ขึ้นมาว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือใคร เธอไม่อยากนึกเลยว่าถ้ารู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น  ตอนที่รู้เรื่องแบคฮยอนเป็นเกย์ครั้งแรกก็อาละวาดเสียจนบ้านแทบพังซ้ำยังคาดโทษไว้ทั้งลูกชายและเพื่อนชายของลูก  แล้วครั้งนี้ก็เห็นว่าแบคฮยอนกลับมาอย่างเจ็บช้ำน้ำใจโดยคนๆเดียวกับที่เคยพรากแบคฮยอนไป  ผู้เป็นพ่อก็คงไม่ปล่อยเด็กหนุ่มหน้าหล่อให้รอดกลับไปง่ายๆแน่

     

    บยอนยงซานยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับลูกค้าคนเมื่อครู่ที่หน้าตาคุ้นเสียเหลือเกิน  เขามั่นใจว่าต้องเคยเห็นอย่างแน่นอน  และคงไม่ไกลจากแถวนี้เพราะตัวเขาเองแทบไม่ได้ไปไหนไกลๆ  หากว่านึกออกก็คงไม่คาใจอยู่แบบนี้  ซูเอผู้เป็นภรรยาที่แสนดีก็เหมือนจะมีพิรุธ  ทำไมต้องรีบกันเขาออกมาทั้งๆที่เขาก็ทักทายลูกค้าแบบนี้ได้กับโต๊ะอื่นๆ

     

    “แบคฮยอนลูก  ไปรับออเดอร์โต๊ะข้างในหน่อยไป”  ซูเอเอ่ยกับลูกชายที่เพิ่งกลับมาจากส่งของ 

     

    ยงซานมองหน้าแบคฮยอนก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา  ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างกำลังทำหน้าที่  เขารู้สึกแปลกๆกับไอ้หนุ่มคนนั้นแล้วยังมาแปลกๆกับแบคฮยอนอีก  เหมือนมีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน  หรือว่า….

     

     

     

     

                    ด้านแบคฮยอนที่รับคำสั่งจากผู้เป็นแม่มาอย่างงงๆก็เดินมามองหาโต๊ะด้านในที่ยังไม่ได้สั่งอาหาร  เพราะร้านไม่ใหญ่มากทำให้สามารถมองเห็นหน้าทุกๆคนได้ชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายโต๊ะ  คนตัวเล็กหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใคร  ดวงตากลมสวยและใบหน้าหล่อเหลากำลังมองประสานมา   

     

                    ปาร์คชานยอล 

     

                    เวลานี้มากกว่าความตกใจคือความกังกล  เขาคิดว่าพ่อกับแม่คงไม่รู้ว่าชานยอลเป็นใครถึงได้ปล่อยให้มานั่งอยู่ในร้านได้  แต่ถ้ารู้ขึ้นมาล่ะก็  เรื่องใหญ่แน่ๆ

     

                    “มาทำอะไร”  คนตัวเล็กสาวเท้าตรงดิ่งเข้าไปหา 

     

                    “มารับมึงกลับบบ้าน”  ชานยอลมองใบหน้าที่แสนคิดถึง  มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไป  อยากจะบอก  อยากขอโทษ  แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาอยากให้แบคฮยอนกลับไปด้วยกัน 

     

                    “ไม่ ชานยอล  นี่บ้านกู  ตอนนี้กูอยู่ที่บ้านแล้ว”  แบคฮยอนอยากจะขอร้องให้ชานยอลรีบกลับไปเสียที  เขาไม่สนว่าชานยอลมาเพื่ออะไร  ต้องการอะไร  หรือหาบ้านเขาเจอได้อย่างไร  วินาทีนี้เพื่อความปลอดภัยของชานยอลเอง  เจ้าตัวต้องรีบกลับไปก่อนที่พ่อของเขาจะจับได้ว่าคนที่มานั่งเสนอหน้าอยู่ในร้านนี้คือผู้ชายที่เขาเคยหนีตามไปครั้งก่อน 

     

                    “ฟังกูพูดหน่อยเถอะนะ” 

     

                    “มึงนั่นแหละ  ฟังกู  กลับไปซะก่อนที่

     

                    เพล้ง!!!

     

                    ชานยอลรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กระแทกศีรษะเต็มแรง  ความเจ็บร้าวกับแก้วน้ำที่ตกแตกอยู่บนพื้นนี่มัน  มันเหมือนกับกระแทกที่ศีรษะของเขาแล้วร่วงลงไป  แต่มันมาจากไหนกันเล่า  แก้วใบนี้ลอยมาได้อย่างไร  ของเหลวบางอย่างไหลลงมาตามหน้าผากจนอดที่จะเอามือไปสัมผัสดูไม่ได้  สีแดงซานที่ติดมาทำเอาต้องกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่  เงยหน้ามองแบคฮยอนที่อ้าปากค้างอย่างตกใจ  ลูกค้าคนอื่นๆก็ไม่ต่างกันสักนิด  มีเพียงคนๆเดียวที่ดูจะอารมณ์เดือดเต็มที่  ชายร่างท้วมหน้าดุมองมาอย่างอาฆาตก่อนที่จะตรงดิ่งเข้ามา….

     

                    “เอ็ง!  ไอ้ลูกหมากรุงโซล!!!

     

                    .

     

                    .

     

                    .

     

                    บยอนยงซานถูกภรรยาที่รักยืนคุมตัวอยู่หลังร้านในขณะที่แบคฮยอนพาปาร์คชานยอลออกไปทำแผลด้านนอก  คนเป็นพ่อที่ข้องใจถึงใบหน้าคุ้นรีบมาหารูปของไอ้หนุ่มที่แบคฮยอนเคยติดต่อผ่านโปรแกรมแชทเมื่อครั้งก่อน  ตอนนั้นที่แบคฮยอนหนีไปเขาเอารูปโปรไฟล์ของได้เด็กคนนั้นไปปริ้นท์ใส่กระดาษแล้วแปะประกาศทั่วเมืองประหนึ่งหมายจับ  หากว่าใครหาตัวมันกับแบคฮยอนเจอเขาจะมีรางวัลให้  ทุกวันนี้รูปพวกนั้นยังคงถูกเก็บเอาไว้ในลังใส่ของ  พอไปค้นจนเจอก็ห้ามตัวเองไม่อยู่  วิ่งออกไปคว้าแก้วแล้วปาจนสุดแรง  ผลคือไอ้เด็กนั่นเกือบจะตัวแตก  โชคดีที่เป็นแผลไม่ใหญ่นัก  ไม่อย่างนั้นแบคฮยอนอาจจะโกรธจนหนีไปอีกรอบ

     

                    “คุณเกือบทำพ่อหนุ่มนั่นหัวแตกแล้วนะ”

     

                    “ก็มันโมโหนี่  กล้าดียังไงถึงมาเหยียบถ้ำเสือแบบนี้”

     

                    “ถ้ำเสืออะไรของคุณ  บ้านเราเป็นร้านอาหารนะคะ  ถ้าทำแบบนี้ลูกค้าก็ขวัญกระเจิงกันพอดี  ทีหลังไม่เอาแล้วนะ  มันเป็นเรื่องของเด็กๆเขา  เราอย่าเข้าไปยุ่งเลย”

     

                    “แต่มันทำแบคฮยอนเสียใจ  ลูกเคยหลงคำมันไปครั้งนึงแล้ว  ถ้าครั้งนี้เชื่อมันอีกล่ะ”

     

                    “คุณคะ”  ซูเอจับมือสามีหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น  “แบคฮยอนเสียใจมาแล้ว  ถ้าลูกยังอยากจะลองเสี่ยงอีกครั้ง  เราก็ทำอะไรไม่ได้  คุณต้องเชื่อการตัดสินใจของลูก  ถ้ามันไม่เวิร์คจริงๆ  พวกเราก็ยังอยู่ตรงนี้นี่คะ  แบคฮยอนโตแล้ว  ให้แกตัดสินใจเองเถอะ”

     

                    “แต่….

     

                    “ลูกน่ะ  พ่อแม่อย่างเราก็เลี้ยงได้แต่ตัว  หัวใจเป็นของแก  เราจะไปรักหรือไม่รักแทนไม่ได้”  ซูเอหวังว่ายงซานจะเข้าใจ  ที่ผ่านมาจะโทษแต่แบคฮยอนหรือพ่อหนุ่มกรุงโซลคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่อง  พวกเขาเองก็ทำผิดพลาดในฐานะพ่อและแม่  ถ้าวันนั้นพวกเขาใจเย็นกว่านี้  ยอมเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็นเรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิด  แบคฮยอนเองก็คงไม่ต้องกลัวจนเตลิดไปไกล  ดังนั้นจึงอยากจะเข้าใจลูกชายให้มากที่สุดเพื่อไถ่โทษสำหรับที่ผ่านมา 

     

                    เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อคงจะไม่อยากให้เกิดเรื่องซ้ำอีก  แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของพ่อแม่ที่จะไปตัดสินหัวใจของลูก  หากว่าแบคฮยอนอยากลองเสี่ยงอีกครั้งก็คงต้องปล่อยให้ได้ลอง  แบคฮยอนเติบโตขึ้นมาก  การจากไปครั้งนั้นไม่ใช่จะมีแต่เรื่องแย่ๆเสียทีเดียว  ตอนนี้ครอบครัวบยอนรู้แล้วว่าหลังจากที่ฝนตกกระหน่ำ  ท้องฟ้าจะสดใสยิ่งกว่าเดิม  พวกเขารักกันมากขึ้น  พยายามทำความเข้าใจกันมากขึ้น  เป็นพ่อแม่ที่ใจเย็นมากขึ้นและเป็นลูกชายที่แสนน่ารัก 

     

                    ตอนนี้เหมือนมีเมฆก้อนเล็กๆที่กำลังลอยเข้ามา  พวกเขาไม่มีทางรู้ว่ามันจะเป็นเมฆสีขาวที่บังแดดเป็นร่มเงาหรือจะกลายเป็นเมฆครึ้มดำที่นำพายุเข้ามาซัดสาดอีกครั้ง  อย่างไรก็ตามคนที่จะพิสูจน์ได้นั้นมีเพียงแบคฮยอนคนเดียว  หากแบคฮยอนต้องการที่จะเปียกฝนอีกครั้ง  พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเดินถือร่มเข้าไปบังฝนเอาไว้ให้เมื่อลูกเลือกเอง ในฐานะพ่อแม่พวกเขามีหน้าที่แค่ยืนถือร่มรอให้ลูกชายตัวเล็กๆวิ่งเข้ามาหลบฝนเท่านั้น  แบคฮยอนโตแล้ว  ถึงเวลาที่ต้องรับผิดชอบหัวใจ  รับผิดชอบความรู้สึกทั้งหมดให้ได้

     

                    คนไหนรัก  คนนั้นต้องรับผิดชอบเอง

     

                    .

                    .

                    .

                   

                    “ขออนุญาตครับ”   จงอินยิ้มแห้งให้คนสองคนที่กำลังสร้างบรรยากาศสีชมพูประกายหม่นอยู่ใกล้ๆ  หลังจากนั่งรอชานยอลอยู่ในรถได้สักพักก็เห็นเพื่อนซี้ถูกพาออกมาสภาพนองเลือด  ได้ความว่าโดนคุณพ่อตาปาเข้าด้วยแก้วอย่างจังจนหัวแทบแยก  และแบคฮยอยเองก็ยังคงทำหน้าที่แฟนที่แสนดีด้วยการตามมาทำแผลให้  แต่ที่ชวนให้อึดอัดสุดๆนั้นก็คงเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่  “ไปเดินเล่นนะ”

     

                    ชานยอลและแบคฮยอนไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้คนที่ต้องการแยกตัวออกไปในเวลานี้  จากที่เงียบและน่าอึดอัดเป็นทุนเดิมแต่เมื่อต้องอยู่กันลำพังความน่าอึดอัดก็ยิ่งทวีคูณ  คนตัวเล็กค่อยๆเก็บเอาอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดลงกล่องตามเดิมโดยไม่สนว่าจะมีสายตาที่มองมาอยู่ตลอด

     

                    “มึงไม่รักกูแล้วหรอ”  คำถามจากปากของชานยอลทำเอาคนตัวเล็กต้องชะงัก  สบตากันเพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่แบคฮยอนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

     

                    “เฮ้อ

     

                    “มึงอย่าถอนหายใจใส่กูนะแบคฮยอน  มึงเบื่อกูหรอ”   ชานยอลคิดว่านี่คือการเอาคืน  หลังจากที่เขาเคยเบื่อแบคฮยอนจนแสดงออกอย่างเฉยชา  วันนี้เขากำลังถูกอีกฝ่ายแก้แค้น

     

                    “กูไม่ได้เบื่อมึง  แล้วกูก็ยังรักมึงมากที่สุด ชานยอล”  แบคฮยอนเอ่ยออกมาเมื่อดูเหมือนว่าชานยอลจะไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น   “แต่กูเบื่อสิ่งที่เราเป็น  กูเกลียดความรักโง่ๆของเราสองคน  มึงเข้าใจรึเปล่า”

     

                    “ก็กูจะชวนมึงไปเริ่มกันใหม่นี่ไงล่ะ  เราไปเริ่มกันใหม่นะแบคฮยอน  อะไรที่กูทำไม่ดี  กูสัญญาว่าจะปรับปรุงตัว  ขอแค่มึงกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม  มึงไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น  ตอนนี้ซูจองจัดการเรื่องแม่กูให้แล้ว  เราไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้ว”   ชานยอลจับมือเรียวเอาไว้แน่นในขณะที่แแบคฮยอนได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอ  ไม่ว่าอย่างไรชานยอลก็ยังเป็นชานยอล  เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต  เป็นเด็กที่คิดว่าทุกอย่างมันง่ายไปเสียหมด  เป็นปาร์คชานยอลที่ได้ทุกอย่างมาอย่างง่ายดายและไม่เคยต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง    

     

                    “อุปสรรคของเรามันไม่ใช่คนอื่น  แต่มันเป็นตัวของเราเอง  ถ้ากูกลับไป  สักวันถ้าเรามีปัญหามันก็จะเหมือนเดิมอีก   ตกอยู่ในสถานการณ์เดิมๆ  ความรู้สึกเดิมๆ  ความคิดเดิมๆ  แล้วก็แก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมๆ  กูไม่อยากจะหันหลังให้มึงอีกแล้วชานยอล  หัวใจกูมันรับไม่ไหวอีกแล้ว  เราแยกกันมันคงทางที่ดีที่สุด”

     

                    “แล้วหัวใจกูล่ะ  ไม่มีมึงอยู่ด้วยกัน  กูจะรับไหวได้ยังไง  ถ้าต้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วไม่เจอมึงกูจะอยู่ได้ยังไง  ฮึกมึงไม่อยากอยู่ด้วยกันหรอแบคฮยอน มึง…. ฮึก  ไม่  ไม่อยาก 

     

                    “ไม่ๆ  ชานยอล  มึงอย่าร้อง  มึงคือปาร์คชานยอล  ปาร์คชานยอลต้องไม่ร้องไห้”  มือเรียวลีบใบหน้าหล่อแผ่วเบาอย่างรักใคร่   “การได้อยู่กับมึงคือสิ่งที่กูต้องการที่สุด  แต่มันไม่ใช่ตอนนี้  ไม่ใช่ตอนที่เรายังไม่มีแม้แต่กำลังที่จะดูแลตัวเองและสุดท้ายก็ต้องจบเหมือนเดิม  สักวันนึงชานยอล  สักวันที่เราจะเติบโตมากกว่านี้  สักวันที่เราจะมีกำลังมากพอที่จะดูแลตัวเองและประคองกันและกัน  ถ้ายังรักกัน  กูเชื่อว่ามันจะไม่สายเกินไป” 

     

                    “แบคฮยอน….

     

                    “ไปมีชีวิตของมึงเถอะชานยอล  ถ้าถึงเวลาที่มึงเติบโตขึ้นแล้วยังต้องการกูอยู่  กูสัญญาว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง  และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

     

                    ริมฝีปากบางเฉียบทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันของคนตัวสูง  มันบางเบาเสียจนส่งผ่านความรู้สึกของการจากลาได้เป็นอย่างดี  ชานยอลไม่อาจจะห้ามน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ได้แม้แบคฮยอนจะขอร้องไม่ให้เขาร้องไห้ก็ตาม  แน่นอนว่าในตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งที่คนตัวเล็กบอกได้ดี  ถ้าแบคฮยอนต้องการให้เขาไป  เขาก็จะไป  ไปเพื่อใช้ชีวิของตัวเอง  ไปเพื่อที่จะตื่นมาในตอนเช้าเพียงลำพัง  ไปเพื่อที่จะพบว่าจากนี้ไม่มีคนตัวเล็กอยู่เคียงข้างกันอีกต่อไปแล้ว 

     

                    แต่ที่สำคัญที่สุดคือปาร์คชานยอลจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ชายที่ดีพร้อม  เติบโตเป็นคนที่จะคอยดูแลลแบคฮยอน  จะไม่ทำให้คนตัวเล็กต้องเสียใจอีก   เขาเชื่อว่าการเจอกันของเรานั้นมันไม่ใช่แค่เป็นทางผ่านในช่วงเวลานึงของชีวิตเท่านั้น  เขาไม่ใช่คนที่ดี  ไม่ใช่แฟนที่ดี  แต่เขารู้ตัวดีว่ารักแบคฮยอนมากแค่ไหน  บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญที่จะทำให้เรารักใครสักคนได้จนสุดชีวิต  ทุกอย่างคือความตั้งใจของเขา  หัวใจของปาร์คชานยอลคือสิ่งที่กำหนดทุกอย่าง  และเมื่อถึงเวลาที่สมควร  หัวใจของเราสองคนก็จะได้กลับมาอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง  

     

     

                    .

                    .

                    .

     

                    “เพื่อนกลับไปล้วหรือลูก?”  ซูเอเอ่ยถามลูกชายตัวเล็กที่เดินกลับเข้ามาในร้าน   สีหน้าเศร้าซึมนั้นทำเอาเธออดสงสารไม่ได้ 

     

                    “ครับ กลับไปกันแล้ว”

     

                    “เลิกกันแล้วสิ  ก็บอกแล้วว่าหน้าอ่อนๆแบบนั้นไม่ได้เรื่อง  คุณก็ไม่เชื่อผม”   ยงซานหัวเราะฮึในลำคอพร้อมเอ่ยกับภรรยาที่ดูจะเข้าข้างไอ้หนุ่มกรุงโซลเสียเหลือเกินทั้งๆที่เขาก็บอกไปแล้วว่าหน้าแบบนั้นคงไม่จริงใจอะไร   ไม่อย่างนั้นจะทำลูกเขาหอบผ้าหอบผ่อนกลับมาอยู่บ้านแบบนี้ได้อย่างไรกัน

     

                    “เปล่าครับ  เราแค่แยกกันอยู่  แต่เราไม่ได้เลิกกัน  และจะไม่มีวันเลิกกัน”   แบคฮยอนตอบด้วยรอยยิ้ม  แน่นอนว่าผู้เป็นพ่ออาจไม่ชอบใจนัก   แต่คนตัวเล็กก็ยังอยากที่จะตอบแบบนี้  เพราะในความเป็นจริงเขาไม่อาจจะเลิกรักชานยอลได้เลย  แม้ว่าสุดท้ายคนตัวสูงจะเปลี่ยนใจให้กับคนอื่น  แต่สำหรับเขาแล้วชานยอลคือรักเดียวเท่านั้น 

     

                    “ดื้อ”  ยงซานเดินเข้าไปหาลูกชายก่อนจะกอดเอาไว้  “จะรักใครก็ได้  ชีวิตเป็นของแก  จะทุ่มจนไม่เหลือให้ตัวเองก็ไม่เป็นไร  ยังไงพ่อกับแม่ก็รักแกแทนส่วนที่แกไม่รักตัวเองได้อยู่แล้ว   ขอแค่ไม่ลืมก็พอว่าเราเป็นครอบครัว  ถ้าวันไหนที่อยากร้องไห้พ่อจะให้แกมาซบอกได้ถึงจะขัดใจที่มันดูไม่ค่อยแมนก็ตาม  แต่อย่าหายไปนานๆอีกเลยนะ”

     

                    แบคฮยอนกอดตอบอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่นก่อนจะอ้าแขนรับคุณแม่ตัวเล็กให้เข้ามากอดด้วยกันอีกคน  ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองโชคดีที่สุด  เขามีพ่อและแม่ที่รักเขาเหลือเกิน  การหายออกไปจากบ้านไม่ได้ทำหึความรักในครอบครัวลดลง  สิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการจากลาและระยะห่างมันไม่อาจทำลายหัวใจที่มอบรักแท้ให้แก่กัน

     

                    แบคฮยอนมั่นใจว่าหากความรักของเขาและชานยอลคือของจริง  มันก็จะไม่มีวันถูกทำลายไปเพราะการจากลาเช่นกัน     



                   TBC.


                   Happy new year 2016


                   #นจมอด  







                   





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×