ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF EXO by น้ำจ๊ะ แม่ไอ้แดง [NOW: แฟนเกือบเก่า ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #13 : [OS Special CHAN's DAY] I'm in love with a monster ตอน...นายหญิงฉลามแห่งเกาะนางเงือก

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 58


       





    [OS Special CHAN’s DAY]

    I’m in love with a monster

              ตอนนายหญิงฉลามแห่งเกาะนางเงือก

               


               NOTE:  มันไม่ได้เกี่ยวไรกะวันเกิดพี่ชานเลยค่ะ  แต่ที่บอกว่าสเปวันเกิดพี่ชานเพราะเราจะแต่งเรื่องนี้ทุกครั้งที่คิดว่ามันเป็นวันพิเศษ  ครั้งแรกวันฮาโลวีน  ตอนที่สองคือศุกร์13  และตอนนี้คือวันเกิดพี่ชาน  แค่นี้  ฮ่าาาาาาาาาาา

     

    v

     v

     v



    “มึง”  แบคฮยอนชี้หน้าจงอินที่เพิ่งจะโผล่พ้นประตูเข้ามาในร้านกาแฟที่ตนนัดเอาไว้  ก่อนจะชี้ไปที่เพื่อนอีกสองคนอย่างเซฮุนและคยองซูที่ตามกันเข้ามาติดๆ  “มึง  แล้วก็มึงด้วย  พวกมึงมาช้า  กูรอเป็นชั่วโมงแล้วนะ”

     

    “ซอรี่ค่ะ  พวกกูไปทำธุระมา”  จงอินเอ่ยด้วยสีหน้ายียวนจนเพื่อนตัวเล็กที่นั่งทำหน้างอต้องชกเข้าที่ไหล่เบาๆเพราะความหมั่นไส้

     

    “จะมีธุระอะไรสำคัญไปกว่าการที่กูนัดมาเพื่อจะคุยเรื่องเตรียมสอบ”  แบคฮยอนท่าทางจริงจังแต่เพื่อนอีกสามคนกลับขมวดคิ้วแสดงความสงสัยออกมา 

     

    “สอบไรมึง?” 

     

    “ก็ซูนึงไง  พวกมึงลืมหรอ”  คนตัวเล็กไม่เข้าใจสักนิดว่าเพื่อนๆของตนทำไมถึงได้เอื่อยเฉื่อยกันนักทั้งๆที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว  พูดเรื่องสอบก็ทำหน้างงกันหมด  สงสัยคิดว่าจบมัธยมก็สบายแล้วสินะ  ไม่เตรียมตัวอะไรเลย

     

    “พวกกูไม่ต้องสอบ  คยองซูพยายามอธิบาย  “นี่มึงไม่รู้หรอว่าพวกกูได้โควตาเข้ามอชังมี”

     

    อะ! ไร! นะ!

     

    .

    .

    .

     

    “คุณก็เลยโกรธแล้วพรวดพราดกลับมาบ้านโดยไม่ฟังเพื่อนพูดต่อหรอ”   ชานยอลนั่งฟังแบคฮยอนบ่นอยู่นานนับชั่วโมงตั้งแต่ที่คนตัวเล็กกลับมา  ดูเหมือนเรื่องที่ทำเจ้าตัวขุ่รข้องหมองใจจะเกี่ยวกับเพื่อนทั้งสามคนที่ได้โควต้าเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆกันหมดแล้วไม่ยอมบอกให้รู้  เขาก็พอจะได้ยินจากครอบครัวบยอนว่าเด็กน้อยของเขาเรียนไม่เก่งเอาเสียเลย  คงจะทำให้พลาดโควต้าไปในขณะที่เพื่อนๆได้กันหมด 

     

    “แล้วจะอยู่ทำไม  แค่นี้ผมก็เหมือนโดนถีบตกทางเท้าไปนอนคว่ำหน้าบนถนนให้รถสิบล้อทับตาย  แล้วถ้าบังเอิญไม่ตายผมก็จะกัดลิ้นตัวเองซะให้ขาดใจเพราะอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น  คุณเข้าใจมั้ยเนี่ย  ผมโดนเพื่อนทิ้งแล้ว  พวกนั้นไม่บอกอะไรเลย  ตั้งใจจะไปเรียนกันสามคนแล้วก็ปล่อยให้ผมไปแข่งไถนากับน้องทุยกลางแดดร้อนจัดในอุณหภูมิสี่สิบองศาที่ประเทศไทย  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอ่ะ”

     

    แบคฮยอนระบายอารมณ์ยาวจนคนโตกว่าฟังไม่ทัน  ความน้อยใจพุ่งขึ้นสิบระดับ  ไหนจะความโกรธที่ตีตื้นเข้ามาโดยที่เจ้าตัวก็ยังตอบไม่ได้ว่าโกรธเพื่อนเพราะอะไร  จะโกรธที่เพื่อนไม่บอก  โกรธที่เพื่อนได้โควตาแต่ตนไม่ได้  โกรธที่เพื่อนทำเหมือนจะทิ้งตนเอาไว้คนเดียว  หรือโกรธที่ตนเองฉลาดไม่พอที่จะตามเพื่อนไป  มหาวิทยาลัยชังมีเป็นสถาบันเกรดดีที่สุดในสาขาเฉพาะทางด้านบริหาร  และก็เข้ายากที่สุดเช่นกัน  ใช่ว่าแค่มีเงินก็จะเสนอหน้าเข้าไปนั่งเรียนได้  ที่นี่ต้องสอบเข้าไปเท่านั้นโดยแยกออกจากการสอบซูนึงของมหาวิทยาลัยอื่นๆเพื่อจะคัดเด็กได้ละเอียดยิ่งกว่า  แน่นอนว่าสติปัญญาระดับล่างอย่างบยอนแบคฮยอนไม่มีทางจะเข้าได้

     

    นอกจากหน้าตากับฐานะแล้วแบคฮยอนก็ไม่มีดีอะไรอีก  โง่ก็โง่  ทำอะไรเองก็ไม่เป็นสักอย่าง  เอาแต่ใจก็เท่านั้น  ซ้ำยังมนุษยสัมพันธ์แย่สุดๆ  มีแค่เพื่อนสามคนที่คบกันมานาน  นอกนั้นคนตัวเล็กก็ไม่มีเพื่อนคนไหนอีกแล้ว  นิสัยติดลบจนคนอื่นยี้กันหมด  ถ้าหากเข้ามหาวิทยาลัยชังมีตามพวกจงอินไปไม่ได้  คุณหนูบยอนก็หัวเดียวกระเทียมลีบเพราะไปที่อื่นคงไม่มีใครคบ

     

    “ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วคุณจะไปไหนล่ะ  เปลี่ยนใจอยากไปกับผมขึ้นมาแล้วหรือ”  ชานยอลแค่ลองถามออกไปเพราะแบคฮยอนดูท่าจะดื้อเกินกว่าจะยอมเขาง่ายๆ  แต่วินาทีนี้ที่คนตัวเล็กกำลังสับสนดูจะเหมาะกับการล่อลวงเป็นที่สุด   ใครจะว่าชานยอลเป็นตาแก่โรคจิตที่ลุ่มหลงความน่ารักน่าฟัดของเด็กน้อยรุ่นหลานก็ตามแต่  เขาไม่ใส่ใจทั้งนั้น  ท้าพนันได้ว่าหากใครมาเจอตัวเล็กๆผิวขาวๆหน้าตาจิ้มลิ้มและนิสัยพยศเหมือนลูกแมวที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือคงอยากจับมาตีก้นแรงๆให้สาแก่ใจกันทั้งนั้น  แต่ว่าหากใครกล้าทำแบบนั้นกับแบคฮยอนของเขารับรองได้ว่าจะจับมันโยนลงทะเลให้เป็นอาหารฉลามเสีย

     

    “คุณเคยบอกว่าจะยกเกาะนางเงือกให้ผมใช่มั้ย?”

    “ในกรณีที่คุณเป็นนายหญิงฉลาม  ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ  ชานยอลต้องบอกให้แบคฮยอนเข้าใจ

     

    “ผมทำอะไรกับมันก็ได้ใช่มั้ย”

     

    “ทุกอย่างยกเว้นระเบิดมันทิ้ง”

     

    “สร้างบ้านได้รึเปล่า”

     

    “ได้”

     

    “ห้างสรรพสินค้าล่ะ”

     

    “ห๊ะ”  ชานยอลขมวดคิ้วมองเด็กน้อยเอาแต่ใจที่ทำสีหน้าคาดหวังสุดชีวิตก็ตัดสินใจรับปากอย่างเสียมิได้  “ได้สิ”

     

    “สนามบิน”

     

    “ความคิดดี  ผมก็วางแผนจะสร้างสนามบินกลางทะเลอยู่เหมือนกัน”  เรื่องสนามบินถือว่าเข้าท่าไม่น้อยเพราะชานยอลเองก็มีโครงการเรื่องนี้อยู่  อาจไม่ใหญ่โตแต่ก็พอจะให้จอดเครื่องบินส่วนตัวได้

     

    “แล้วผมจะย้ายอะไรไปไว้ที่เกาะก็ได้ใช่รึเปล่า”

     

    “ได้ทั้งหมดที่คุณต้องการ  คุณอยากย้ายอะไรไปล่ะ  เตียงนอนสี่เสาหลังใหญ่ของคุณ  หรือจะให้ย้ายห้องคุณทั้งห้องไปเลย”

     

    “ย้ายมหาวิทยาลัยชังมีไปสิ”

     

    “คือ ถ้าผมทำไม่ได้  คุณก็จะไม่ยอมไปอยู่กับผมหรอ”

     

    “ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ  คุณรวยขนาดนี้   เขาพูดกันว่านายหัวฉลามผู้ยิ่งใหญ่ทำได้ทุกอย่างไม่ใช่หรอ  แค่นี้ทำไม่ได้แล้วผมจะไปฝากชีวิตกับคุณได้ยังไง”

     

    “ผมเสียใจ แบคฮยอน  ผมทำไม่ได้”  ชานยอลยอมรับแต่โดยดี  ใครที่ไหนมันจะไปย้ายมหาวิทยาลัยทั้งสถาบันมาไว้ที่เกาะได้  “แต่ผมให้คนไปอุ้มเพื่อนคุณมาไว้ที่เกาะได้นะ”

     

    “ตกลง!

     

    ด้วยประการฉะนี้เด็กน้อยแบคฮยอนวัย 18ปีจึงถูกคุณอาผู้เป็นเพื่อนพ่อวัย 36ปีล่อลวงมาเป็นสมาชิกครอบครัวฉลามได้สำเร็จโดยที่ไม่ต้องออกแรงหรือใช้กำลังใดๆ  ซ้ำครอบครัวบยอนก็ไว้ใจให้ปาร์คชานยอลได้ดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเต็มตัว 

     

    แต่ถึงกระนั้นแบคฮยอนก็คือแบคฮยอน  เด็กดื้อก็คือเด็กดื้อ  พอมาถึงเกาะฉลามก็งอแงจะไปเกาะผีเสื้อให้ได้   บอกว่าคราวก่อนตั้งใจไปพักก็ไปไม่ถึง  ชานยอลอธิบายให้ฟังว่าช่วงนี้เกาะจะวุ่นวายเพราะแขกมาพักกันเต็มอัตราเนื่องด้วยเป็นช่วงปิดเทอม คงไม่เหลือห้องดีๆไว้รับรองนายหญิงแน่ๆคนตัวเล็กก็ไม่สนใจ  ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไปเพราะไม่อยากนอนที่เกาะฉลาม  นายหัวได้แต่ถอนใจ  ถ้าหากรู้ว่าจะดื้อแบบนี้จะไม่ใจดีด้วยตั้งแต่แรก  จะแอบอุ้มหนีพ่อหนีแม่มาฟัดไม่ปราณีตั้งแต่เข้าเขตตะวันตกจนถึงเกาะฉลามให้รู้แล้วรู้รอดไป

     

    “งั้นไปเกาะนางเงือก  ผมจะให้คนงานไปตั้งกระโจมให้สักหลัง”

     

    “ดี!

     

                    .

                    .

                    .

     

                    แบคฮยอนมองร่างสูงใหญ่ที่กระโดดลงจากเรือจนน้ำทะเลเปียกไปครึ่งขา  ไม่เข้าใจว่าจะจอดห่างอะไรนักหนา  เจ้าตัวใส่กางเกงผ้ามาคงไม่รู้สึกอะไรแต่แบคฮยอนนี่สิ  กางเกงยีนส์ผ้าหนาชนิดที่ว่าไม่เปียกน้ำก็ยังหนัก  แล้วตัวสูงขนาดชานยอลยังเปียกไปครึ่งขา แบคฮยอนไม่จมถึงเอวเลยหรืออย่างไร  ช่วงนี้เขาเริ่มจะเกลียดความตัวเล็กของตัวเองอยู่บ่อยๆ  ทั้งอ่อนแอกว่าโดนเขารังแกเอาแต่ใจแล้วยังต้องมาเปียกน้ำแบบนี้อีก  เหตุผลของนายหัวคือกลัวเรือจะชนหินโสโครกเพราะยังไม่เคลียร์รอบเกาะให้เรียบร้อย  ถือเป็นเหตุผลที่คนอย่างเขาไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงจริงๆ  ความรู้เรื่องพวกนี้ก็ไม่มีมาสู้  สุดท้ายก็จำใจยอมเปียกกระโดดตามลงน้ำจนได้

     

                    “ที่นี่ดูสะอาดกว่าเกาะฉลาม”  แบคฮยอนไม่ได้พูดเพราะอยากกวนอารมณ์ของชานยอล  แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆตามที่เห็น  หาดทรายละเอียดไร้เศษซากกิ่งไม้เปลือกหอยให้ตำเท้า  มีโขดหิดเล็กใหญ่อยู่เป็นจุดๆ  คลื่นก็ซัดเข้ามาไม่แรงนัก  ต่างกับเกาะฉลามลิบลับ  จะมีเหมือนกันก็คงเป็นความร่มรื่นจากต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมไปทั่ว  พอเห็นแบบนี้แบคฮยอนก็อยากจะพับโครงการสร้างบ้านไปเสีย  หากต้องตัดต้นไม่พวกนี้ก็น่าเสียดายไม่น้อย 

     

                    “แน่ล่ะ  ซื้อมาตั้งแพงนี่ครับ”  ชานยอลว่าพลางหันมาดึงมือก่อนจะชี้ไปที่กระโจมผ้าขนาดกลางที่ตั้งอยู่ห่างชายหาดไปนิดหน่อย  “ผมให้คนติดไฟเอาไว้แล้ว  อีกไม่นานคงมืด  คุณจะได้ไม่กลัว”

     

                    “โอเค  ผมจะพักผ่อนแล้ว  คุณกลับไปเถอะ”

     

                    “ไม่กลัว?”

     

                    “กลัวอะไร  คุณน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว  อยู่ห่างๆคุณ ผมก็ไม่มีอะไรให้กลัวทั้งนั้นแหละ”

     

                    “เชิญตามสบายครับ”  ชานยอลไม่เร้าหรือต่อ  ปล่อยให้คนตัวเล็กได้พักผ่อนตามที่ต้องการก่อนจะเดินกลับไปที่เรือ  แต่เขาก็ไม่ได้วางใจที่จะปล่อยให้แบคฮยอนอยู่บนเกาะคนเดียว  แม้จะกลับขึ้นเรือมาแล้วก็ใช่ว่าจะได้ไปที่ไหน  ถอดเสื้อออกไปพาดไว้บนกาบเรือเพราะเปียกจากน้ำทะเลที่กระเด็นใส่แล้วนั่งเอนตัวลงเพื่อพักผ่อนในที่ของตนเองเช่นกัน 

     

                    ท้องฟ้าสลัวทำให้ชานยอลรู้สึกเป็นห่วงเด็กน้อยจอมอวดดีของเขาขึ้นมา  เกรงว่าพอฟ้ามืดเจ้าตัวเล็กจะเกิดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ  อย่างน้อยเขาควรไปบอกให้แบคฮยอนรู้เสียหน่อยว่าเขานั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล  จากกระโจมตะโกนเรียกก็คงดังไปถึงเรือ  เจ้าตัวจะได้ใจชื้นขึ้นบ้าง  ตัดสินใจลงจากเรืออีกครั้งไปตามหาเป้าหมาย  เดินไปถึงกระโจมก็เห็นแสงไฟเริ่มสว่างสวนทางกับท้องฟ้า  เห็นกางเกงยีนส์คุ้นตาพาดอยู่กับเก้าอี้ไม้หน้ากระโจม  เดาว่าแบคฮยอนคงจะถอดมาผึ่งไว้เพราะมันเปียกไปเกือบทั้งตัว  แต่ที่น่าแปลกคือคนที่ควรเจอกลับไม่อยู่เสียนี่  แบคฮยอนไปไหนกันนะ?

     

                    มองหาจนทั่วก็พบว่าร่างเล็กๆที่แสนนุ่มมือกำลังนั่งสบายอกสบายใจบนโขดหิน  ทอดสายตาออกไปยังทะเลที่เริ่มมืดลงเรื่อยๆ  เห็นแล้วก็พอใจที่แบคฮยอนดูจะชอบที่นี่   ท่าทางผ่อนคลายแบบนั้นถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกฝ่ายจะไม่งอแงขอออกไปนอนที่อื่นเหมือนตอนอยู่บนเกาะฉลามอีก

     

                    “แบคฮยอน”

     

                    “คุณ  ไหนกลับไปแล้วนี่”  แบคฮยอนเบิกตากว้างที่เห็นว่านายหัวยังอยู่บนเกาะแบบนี้  มือเรียวสวยรีบดึงชายเสื้อลงมาปิดหน้าขาเอาไว้  ที่กล้าจะถอดกางเกงไปตากแบบนั้นก็เพราะมั่นใจว่าอยู่คนเดียว  แต่นี่อะไร  เผลอไม่ได้เลยสักนิด  ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง คนแก่จอมเจ้าเล่ห์ก็มาประชิดตัว

     

                    “ผมนอนอยู่บนเรือ  กลัวคุณอยู่คนเดียวไม่ได้  แล้วคุณก็กลับไปที่กระโจมได้แล้ว  นี่กำลังจะมืด  ไฟส่องมาไม่ถึงเดี๋ยวคุณมองทางไม่เห็น”

     

                    “ไม่อ่ะ  ผมจะอยู่ตรงนี้ก่อน”  แบคฮยอนไม่ได้อยากเอาแต่ใจ  แต่คนมันสวมแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงชั้นในเท่านั้น  จะให้พรวดพราดลุกก็คงไม่ดีแน่  อย่างน้อยก็ควรให้ชานยอลออกไปก่อน 

     

                    “ทำไมพูดยากแบบนี้  ชอบให้ผมเป็นห่วงหรอ”  ไม่ว่าเปล่า  ร่างสูงใหญ่ตรงดิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งขดอยู่บนโขดหินทันที  ท่าทีตระหนกของแบคฮยอนดูน่าขันและน่ามอง  นึกถึงยามได้รังแกอีกฝ่ายเลือดในกายมันก็พลุ่งพล่านไปหมด  ไม่สนเสียงร้องโวยวายจากริมฝีปากเล็กๆแต่ถือวิสาสะจับอุ้มให้ใจหายกันไป

     

                    “นี่!  คุณ ปล่อย!  มือเรียวทั้งทุบทั้งดันอกกว้างของคนที่อุ้มตนอยู่  ยิ่งอุ้มท่าเจ้าสาวแบบนี้ชายเสื้อก็ยิ่งถลกขึ้นมาเห็นไปถึงไหนต่อไหน  ยิ่งดิ้นก็ยิ่งไปกันใหญ่  สุดท้ายก็ต้องใช้ท่าไม้ตายที่รับรองได้ว่าเก่งมาจากไหนก็ต้องพ่ายแพ้ สองแขนจัดการล็อคคอคนตัวโตเอาไว้ก่อนจะโน้มลงมาแล้วอ้าปากงับหูกางๆนั่นไปเต็มแรง      

     

                 


    CUT

    ที่เดิมจ้ะ


     

     




    ชานยอลห่มผ้าให้แบคฮยอนที่หลับสนิทไปแล้ว  ถอดเอาเสื้อตัวบางกับชั้นในออกไปจนเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือยขาวผ่องยามต้องแสงสีนวล  เอาชุดทั้งหมดของคนตัวเล็กไปผึ่งเอาไว้ด้วยกันหวังว่าเด็กน้อยของเขาจะได้ใส่มันอีกครั้งในรุ่งเช้าก่อนจะกลับไปที่เกาะฉลาม จูบลาแผ่วเบาบนริมฝีปากเล็กๆก่อนที่สองขาก้าวกลับไปที่เรือ  ทิ้งตัวลงนั่งแล้วเอนกายอย่างที่ชอบทำ  เมื่อสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่นอนในกระโจมด้วยกันตั้งแต่แรก  แน่นอนว่าคนอย่างเขาย่อมรักษาคำพูด  ดังนั้นนายหัวฉลามจะนอนเฝ้านายหญิงอยู่บนเรือตลอดทั้งคืน

     

     

                    The End


                    #นจมอด

     

                        

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×