คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : แฟนเกือบเก่า Chapter 5
แฟนเกือบเก่า ตอนที่ 5
มือเรียวกำแน่นจนชื้นเหงื่อเพราะความกดดัน แบคฮยอนลงจากรถทั้งๆที่จิตใจในเวลานี้ยังไม่พร้อมเสียด้วยซ้ำ ชำเลืองมองคนขับรถรับจ้างที่กำลังขนสัมภาระลงมาวางให้ใกล้ๆกันก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ร้านอาหารของครอบครัวเขานั้นดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้จะเป็นแค่ร้านเล็กๆแต่ก็สวยงามสะอาดสะอ้านและมีคนเข้ามาอุดหนุนไม่ได้ขาด
“แบค… แบคฮยอน” หญิงสาววัยกลางคนแต่งกายเรียบง่ายกำลังเดินออกมาส่งลูกค้าแต่สายตากลับมองเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน ใครบางคนที่เธอไม่เห็นหน้ามาเนิ่นนานเหลือเกิน ใครบางคนที่เธอคิดถึงอยู่ทุกวันทุกคืน น้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือไม้สั่นเทาในขณะที่ยังไม่ละลายตาจากภาพตรงหน้า กลัวเหลือเกินว่าหากเผลอแม้เพียงนิดทุกอย่างจะหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า
“แม่” แบคฮยอนก้าวออกไปด้านหน้าโดยไม่สนข้าวของที่ว่างอยู่เต็มพื้น แค่เห็นหน้าแม่เขาก็ลืมไปหมดทุกอย่าง อยากกอดหญิงสาวแน่นๆ อยากบอกให้รู้ว่าคิดถึงแม่มากแค่ไหน อยากทิ้งความบอบช้ำทั้งหมดที่เคยพบเจอแล้วกลับมาเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ อยากพูดคำว่าขอโทษซ้ำๆจนกว่าจะหมดแรง อยากร้องไห้ให้แม่ปลอบเหมือนเมื่อก่อน อยากลืมทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เริ่มนับหนึ่งตรงที่แห่งนี้ ที่บ้านของเขาเอง
“แบคฮยอนจริงๆหรอลูก นี่ลูกแม่จริงๆใช่มั้ย” ผู้เป็นแม่กอดลูกชายเอาไว้แน่น ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นก็ยิ่งโอบรัดให้แน่นยิ่งกว่าเดิม แบคฮยอนของเธอกำลังเจ็บปวด แบคฮยอนของแม่
“ฮึก ผมขอโทษครับแม่”
“คุณ! มีอะ—ไร—กัน นั่น… นั่นมัน” ชายร่างท้วม เดินตามภรรยาออกมาจากร้านหลังจากหล่อนไม่ยอมกลับเข้าไปเสียที แต่กลับพบว่าคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่แค่หญิงสาวเท่านั้น ใครอีกคนที่ไม่พบเจอกันเนิ่นนาน ใครอีกคนที่หายไปและไม่ยอมกลับมา ตั้งสติได้ก็พุ่งปรี่เข้าใส่ด้วยท่าทางเอาเรื่อง “ไอ้แบค!”
“พะ พ่อ” แบคฮยอนละอ้อมกอดจากผู้เป็นแม่ ยกมือปาดน้ำตาลวกๆ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มืออีกข้างก็ถูกแม่บีบเอาไว้แน่น แน่นอนว่าหล่อนคงรู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร ทั้งคิดถึง ทั้งกลัว บางทีพ่ออาจจะชกเขาสักหมัดสองหมัด แถมเข่า แถมศอกอีกเล็กน้อย ซึ่งเขาก็สมควรได้รับมันจริงๆ หลับตาแน่นยามผู้เป็นพ่อพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กลั้นใจรับแรงปะทะอย่างเต็มที่ หวังว่ากลังจากนี้พ่อจะให้อภัยเขาได้
หมับ!
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด พ่อไม่ได้ต่อยหรือทำร้ายอะไรอย่างที่คิดเอาไว้ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำนั้นยิ่งพาให้แบคฮยอนน้ำตาไหลหนักยิ่งกว่าเก่า มันไม่ใช่เพราะความเจ็บ มันคือน้ำตาแห่งความเสียใจ เสียใจที่ตนเป็นลูกที่ไม่ดี เสียใจที่ทำให้พ่อแม่เจ็บปวด เสียใจที่ตนหนีไปแต่ทั้งคู่กลับไปโกรธเคืองกันสักนิด อ้อมกอดของพ่อมันทั้งยิ่งใหญ่และอบอุ่น เขารู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน
“โทรมอย่างกับศพ นี่แกไปลำบากลำบนอยู่ที่ไหนตั้งนาน”
“ฮึก ฮึก พ่อ”
“ร้องไห้เป็นเด็กๆ หัดอายคนอื่นซะบ้าง”
“ฮืออออออออออ”
แบคฮยอนคิดว่านี่คือการร้องไห้ที่หนักที่สุดในชีวิต ถูกชานยอลทำเสียใจมากี่ครั้งเขาก็ยังไม่เคยร้องไห้ได้หนักหนาเท่านี้ อ้อมกอดของพ่อกับแม่นั้นมีพลังมากกว่าสิ่งใด เสียงของพ่อกับแม่คือสิ่งที่เขาโหยหาเหลือเกิน เขาหยุดร้องไห้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งพ่อกับแม่เอาแต่กระซิบถามว่ากินข้าวมาหรือยัง เดินทางมาเหนื่อยหรือเปล่า เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม มันพาให้น้ำตาไหลออกมาหนักขึ้นทุกที ที่คือสิ่งที่ลูกไม่รักดีคนนี้ได้รับจากพ่อและแม่ นี่คือสิ่งที่พ่อแม่เอ่ยถามเมื่อเขากลับมาหลังจากหายไปหลายปี
พ่อและแม่จูงมือเด็กน้อยของพวกเขาเข้ามาด้านใน ส่งยิ้มยินดีไปทั้งร้าน เอ่ยปากบอกพนักงานให้ออกไปยกสัมภาระตามเข้ามา พาลูกชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาอวดลูกค้าที่กำลังสนใจ พ่อเอาแต่พูดว่าลูกชายคนนี้ไปผจญภัยตามประสาเด็กๆ และตอนนี้กลับมาแล้ว แม่ก็คอยหัวเราะตามไปอย่างอารมณ์ดี ทุกคนทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องแย่ๆอะไรเกิดขึ้นมาก่อน บรรยากาศช่างคึกครื้นและอบอวลด้วยความสุขคลอเคล้ากับเสียงเพลงที่กำลังดังขึ้นราวกับตั้งใจจะต้อนรับการกลับมาของเด็กชายผู้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างอันโหดร้าย
ที่แห่งนี้มีความรักอยู่ คอยรับรู้และคอยเข้าใจ
แม้ข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวแค่ไหน ก็ไม่สำคัญ
จะเตรียมความรักไว้ให้เธอพักผ่อน ลืมความร้อนเรื่องราวที่ไหวหวั่น
และรอยยิ้มที่มาจากใจ เพื่อเพิ่มเติมความสดใส เมื่อไรที่พบกัน
ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี
เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไรก็จะมี ให้กับเธอ อยู่ตรงนี้…
.
.
.
“ซูจองกับวอนโฮบอกว่ากำลังเข้ามา” จงอินกดตัดสายโทรเข้าจากเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมาบอกกับคนป่วยที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหนนานเป็นชั่วโมง
ก็พอจะรู้ว่าชานยอลกำลังเสียใจ แต่ไม่ยอมทำอะไรเลยแบบนี้ก็ไม่ช่วยเช่นกัน อย่างน้อยกินข้าวกินยาเพื่อที่ร่างกายจะได้หายดีแล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป จงอินแอบลองถามเด็กสาวร้านซักรีดดูว่าแบคฮยอนหายไปอยู่ที่ไหนแต่หล่อนก็บอกว่าไม่รู้อะไรสักอย่าง ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนได้อย่างไรเพราะมาเจอยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกัน วันที่คุยกับแบคฮยอนที่โรงพยาบาลเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะทิ้งชานยอลไปได้ง่ายๆ ท่าทางรักมากเสียขนาดนั้นใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะหอบผ้าหอบผ่อนออกจากห้องไม่ร่ำลา
“กูเคยชกแบคฮยอนด้วยนะมึงรู้มั้ย กูแม่งเหี้ยไง พาผู้หญิงเข้ามานอนในห้องเลย นอนบนเตียงที่แบคฮยอนเคยนอน” ชานยอลพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าจงอินกำลังฟังอยู่หรือเปล่า มือหนาลูบไปตามโซฟานิ่มแล้วค่อยๆเหยียดตัวลงไปนอนแนบพร้อมหลับตาลง “จากนั้นแบคฮยอนก็ย้ายออกมานอนที่โซฟาตลอด… กลิ่นยังติดอยู่เลย”
“ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึงนะ กูจะพูดตรงๆว่ามึงมันเหี้ย แต่…กูก็เหี้ยด้วยที่ชอบยุให้มึงเลิกกับแฟน เพราะฉะนั้นกูจะช่วยมึงตามหาแบคฮยอนเป็นการไถ่โทษ ส่วนมึงก็ทำตัวให้หายดีแล้วแล้วมาช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อ”
ชานยอลยังคงนอนนิ่งอยู่กับที่ เขาไม่อยากทำอะไรจนกว่าจะรู้ว่าเขาสามารถตามหาแบคฮยอนได้ที่ไหน เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเขาเคยเลี้ยงสุนัขเอาไว้ตัวนึง ในตอนเย็นที่เขากลับจากโรงเรียนอยู่ๆมันก็หายออกไปจากบ้าน แม่บอกกับเขาว่าเดี๋ยวมันก็จะกลับมา และปาร์คชานยอลเด็กโง่ก็เชื่อแบบนั้น เขาไม่สนใจที่จะตามหามัน ผ่านไปวันแล้ววันเล่ามันก็ยังไม่กลับมา สุดท้ายเขาก็ไปเจอมันนอนแน่นิ่งอยู่ที่สนามหลังโรงเรียนประถม เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย มันคงพยายามจะมาหาเขาที่โรงเรียนในตอนเย็น แต่คงถูกใครสักคนทำร้ายเข้าและชานยอลก็มาเจอมันช้าเกินไป ถ้าเขาตัดสินใจตามหามันเสียตั้งแต่วันแรกก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ในขณะที่เขานั่งกินข้าวอย่างอิ่มหนำมันก็นอนทรมานอยู่ตรงนี้ ตอนที่เขาเล่นเกมอย่างสนุกสนาน ตอนที่เขานั่งดูการ์ตูนอย่างเพลิดเพลินโดยไม่คิดจะตามหามัน มันก็นอนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้เขาไม่อยากจะทำพลาดอีกแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
จงอินหันมองเจ้าของห้องอย่างปาร์คชานยอลเพื่อจะถามว่าให้เปิดประตูเลยหรือไม่แต่ก็เปลี่ยนใจเดินไปเปิดเองโดยไม่ขออนุญาตเพราะอีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะทำอะไรทั้งนั้น ร่างของเพื่อนอีกสองคนยืนรออยู่หน้าประตู จองซูจองก้าวพรวดเข้ามาทันทีที่ประตูถูกเปิดออก หญิงสาวไม่สนใจจงอินที่มาต้อนรับแต่กลับตรงเข้าไปหาคนป่วย
“ไอ้ลูกหมาปาร์คชานยอล!” สองมือเหวี่ยงกระเป๋าสะพายขึ้นฟาดในชานยอลที่นอนอยู่จนพากันตกอกตกใจทั้งห้อง
“เฮ้ยยยย!” วอนโฮรีบวิ่งตามเข้ามาแล้วดึงซูจองเอาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะทำร้ายร่างกายคนป่วยไปมากกว่านี้
“เป็นไรวะ” จงอินที่ได้สติก็รีบตามเข้าไปดูชานยอลที่พยุงตัวขึ้นมานั่งทำหน้างงๆ
“นายมีแฟนทำไมถึงไม่บอก! ถ้าฉันไม่โทรหาแม่นายก็คงไม่ได้รู้แน่”
“เธอโทรหาแม่ฉันหรอ? บอกเรื่องนี้รึเปล่า ฉันไม่อยากให้แม่รู้นะ” ชานยอลเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลแต่ก็ถูกซูจองยกเท้าขึ้นเตะหน้าแข้งจนต้องหดขาหนี
“นั่นไม่ใช่ประเด็นนะยะ ประเด็นคือนายไม่เคยบอกฉันว่านายมีแฟน! แล้วฉันก็เกือบจะต้องกลายเป็นนังแรดที่อยากได้แฟนของคนอื่น! นี่เข้าใจสถานการณ์มั้ยเนี่ย”
ซูจองยอมรับว่าเธอไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรนัก เอาแต่ใจและขี้เหวี่ยงขี้วีนไม่มีใครเกิน ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคิดว่าจะมาทำนิสัยแย่ๆกับเพื่อนพ้องที่ดีต่อกัน จนกระทั่งวันนี้ที่เธอโทรหาแม่ของปาร์คชานยอลเพื่อเล่าอาการบาดเจ็บของลูกชายให้หล่อนฟัง แต่อีกฝ่ายก็หลุดปากออกมาว่าแฟนของลูกชายคงยอมย้ายออกไปแล้วถึงได้ไม่มีใครดูแล ความข้องใจพุ่งเข้าใส่จนทำตัวก้าวร้าวแล้วคาดคั้นจนได้ความว่าชานยอลมีแฟนและเจ้าหล่อนก็ไปขอร้องให้เลิกกันเพื่ออนาคตด้านธุรกิจของครอบครัว หน้าสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหว มันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าเป็นเพราะตัวเธอเองด้วยส่วนหนึ่งที่ร่ำร้องอยากจะได้ปาร์คชานยอลใจแทบขาด เอาเรื่องเงินทองการงานมาเป็นสิ่งล่อใจอีกฝ่ายจนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
“ขอโทษ… แต่เขาไม่อยู่แล้ว เธอไม่ได้แย่งของใครหรอก”
“นั่นแหละปัญหา เขาไปเพราะแม่นายมาขอร้อง เข้าใจมั้ยยะ!”
“อะไรนะ!!!” ไม่ใช่แค่ชานยอลเท่านั้นที่ฟังแล้วต้องตกใจ แต่วอนโฮและจงอินก็ถามออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
“แม่นายบอกฉันว่าแฟนนายอาจจะย้ายออกเพราะท่านไปขอร้อง” ถึงจุดนี้ก็ใจเย็นลงได้มากพอที่วอนโฮยอมปล่อยให้ยืนเฉยๆได้โดยไม่ต้องรั้งเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะเข้าไปอาละวาดใส่ชานยอลอีก “พ่อฉันตกลงจะช่วยบริษัทของแม่นายถ้าเราแต่งงานกัน พ่อคงเห็นว่าฉันชอบนายมากเลยอยากช่วย… จริงๆฉันก็ผิดเหมือนกัน ขอโทษ”
มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหลังจากฟังสิ่งที่ซูจองบอก ถ้าไม่เพราะแม่มันก็จะแปลว่าแบคฮยอนทนเขาไม่ไหวอีกแล้ว ซึ่งนึกย้อนไปถึงความไม่เอาไหนของตัวเองแล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมา หรือถ้าเป็นเพราะแม่ที่ทำให้แบคฮยอนยอมจากไป เขาก็คงกลายเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่อาจทำเพื่อแม่ได้หลังจากไปตามแบคฮยอนกลับมา เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่รู้ว่าจะไปตามหาแบคฮยอนได้จากที่ไหน
“ไปตามแฟนนายกลับมาเหอะ ฉันจะบอกพ่อเอง เรื่องธุรกิจไม่ให้เสียหรอก ถือว่าฉันไถ่โทษส่วนของฉันก็แล้วกัน” ซูจองบอกเมื่อเห็นว่าชานยอลดูลังเลอยู่ไม่น้อย ในหัวของอีกฝ่ายคงกังวลไปหมดหลายเรื่อง ยิ่งมีพ่อแม่มาเกี่ยวข้องด้วยแล้วนั้นการตัดสินใจก็ยิ่งลำบาก
“มันไม่รู้จะไปตามที่ไหนน่ะสิ ไม่มีใครรู้ที่อยู่แบคอยอนสักคน เขาจ้างรถมาขนของพาไป ไม่ได้ให้ใครไปส่งเลย” จงอินตบบ่าชานยอลเบาๆ เพื่อให้เพื่อนได้คลายความกดดัน ทั้งเรื่องแม่ เรื่องแฟน ถึงเขาจะคิดว่าชานยอลสมควรโดนแล้วแต่ทุกคนควรได้รับโอกาสแก้ตัว
“พวกโง่” วอนโฮที่ฟังอยู่ก็เอ่ยออกมาเรียกสายตาอาฆาตจากกลุ่มเพื่อน ยืดอกยักคิ้วอย่างไม่สนใจก่อนจะว่าต่อไป “มึงก็ไปขอดูกล้องหน้าคอนโดสิวะว่ารถบริษัทไหนที่มารับแฟนมึงไป แล้วก็ไปถามที่อยู่จากบริษัท”
โอเค มันฉลาด
จงอินรับหน้าที่ลงไปติดต่อเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ต้องยอมรับว่าความคิดของวอนโฮนั้นหลักแหลมแบบที่คนโง่ๆอย่างพวกเขา3คนรวมกันยังนึกไม่ได้ แต่บางทีมันอาจไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเพราะมาถึงที่แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ดูเสียอย่างนั้น พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ในห้องปฏิเสธที่จะนำเทปออกมาให้ ไม่ว่าจะขอร้องและอธิบายอย่างไรก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องถอยทัพออกมายืนเตะฝุ่นสูบบุหรี่แก้เครียดอยู่หน้าคอนโด คิดไม้ตกว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ดูเทปบันทึกภาพวงจรปิดที่ต้องการ จะไปแจ้งความว่าคนหายแล้วขอหมายศาลมาเอาเทปก็ดูจะเอิกเกริกเกินงาม
“พี่สูบบุหรี่ตรงนี้ไม่ได้นะคะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลนัก ใช่… คุ้นหู เพราะช่วงที่มาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลที่นี่ จงอินเจอจองฮวาแทบจะตลอดเวลา เพราะเพื่อนที่หมดอาลัยกับทุกสิ่งอย่างพึ่งพาอะรไม่ได้ เขาจึงไม่มีทางเลิกนอกจากมาขอให้เด็กสาวช่วยแนะนำอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยอย่างหาที่ทิ้งขยะไม่เจอ ร้านอาหารใกล้ๆ หรือแม้แต่พูดคุยเรื่องของแบคฮยอน ยอมรับว่าตอนแรกไม่ชอบท่าทางของจองฮวาสักเท่าไร มันดูแล้วให้อารมณ์เหมือนพวกเด็กนักเรียนหน้าห้องที่พวกหลังห้องอย่างเขานึกอยากเดินไปถีบให้ตกเก้าอี้วันละหลายสิบครั้ง ซึ่งพอได้คุยก็ถึงกับหัวเราะลั่นเพราะเธอเป็นเด็กสาวเรียนดีนั่งหน้าห้องจริงๆ แต่เรื่องความมีน้ำใจก็กลบเอาความน่าหมั้นไส้หายไปหมด
ก็ถือว่าคบได้… สวยด้วย
“เครียดอยู่น่า ตาแก่ในห้องนั่นไม่ยอมให้ดูกล้องวงจรปิดอ่ะ”
“แล้วพี่จะอยากดูกล้องวงจรปิดทำไมล่ะคะ”
“ก็จะดูรถที่แบคฮยอนจ้างมาน่ะสิ จะไปถามที่อยู่แบคฮยอน”
จองฮวาขมวดคิ้วยุ่งทันทีที่ได้ยิน จะตามหาที่อยู่พี่แบคฮยอนอย่างนั้นหรือ เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าคนพวกนี้เป้นอะไรกัน ตอนที่พี่แบคฮยอนอยู่ก็ไม่เคยจะสนใจรักษาเขาเอาไว้ พอตอนนี้เขายอมถอยออกไปก็ดิ้นรนจะตามหา เธอเห็นพี่ชายตัวเล็กต้องเจ็บปวดอยู่เสมอโดยที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ เธอจะไม่ยอมให้พี่แบคอยอนต้องกลับมาเจอเรื่องเหล่านี้อีก เด็กสาวถอนใจแรงๆแล้วหันหลังเดินเข้าร้านไปโดยไม่สนจงอินที่งุนงงกับท่าทางบึ้งตึงไม่รู้สาเหตุของเธอจนต้องวิ่งตามมา
“จะซักผ้าหรอคะ?” ไม่ใช่จองฮวาที่เอ่ยถามแต่เป็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนนับเงินอยู่ด้านในร้าน
“เปล่าแม่ เพื่อนพี่ชานยอล”
“ชานยอล? ชานยอลไหน ชานยอลแบคฮยอนน่ะหรอ?”
จองฮวาพยักหน้าก่อนจะเดินไปดูใบสั่งงานเพื่อเลี่ยงที่จะคุยกับจงอิน ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆกับสายตาของหญิงสาววัยกลางคนที่เอาแต่มองหัวจรดเท้าอยู่หลายรอบ ทำไมพอพูดชื่อชานยอลเขาถึงต้องโดนมองแรงอยู่เรื่อย นี่เพื่อนซี้มันชั่วช้าจนขึ้นชื่อไปทั้งคอนโดเลยหรือยังไง ได้ข่าวว่ามันก็แค่นอกใจแบคฮยอน…หลายครั้ง พาผู้หญิงมาฟัดกันในห้อง ไม่เอาใจใส่แบคฮยอน ไม่ดูแล ไม่แคร์ ไม่…. พอก่อนแล้วกัน ยิ่งไล่ยาวยิ่งดูเลว จงอินกำลังคิดว่าแบคฮยอนคงเป็นที่รักของคนที่นี่มากจริงๆ
“แล้วพ่อหนุ่มตามจองฮวาเข้ามานี่ต้องการอะไรล่ะ”
“คือ… ไม่มีอะไรครับ ผมแค่พยายามจะตามหารถที่แบคฮยอนจ้างมานับเมื่อวันก่อน” จงอินยิ้มแห้ง
“อ๋อ รถของCorelogisน่ะหรอ”
“แม่!!!” จองฮวาร้องเสียงดังหลังจากผู้เป็นมารดาบอกชื่อบริษัทรถกับจงอินไปง่ายๆแบบนั้น ทั้งๆที่เธอพยายามจะเลี่ยงให้ช่วยเหลือทุกหนทาง ดันมาตกม้าตายตอนจบเสียได้ บ้าที่สุดเลย
“อ่า ครับ งั้นผมลาเลยนะครับ” จงอินยิ้มกว้างเอ่ยลาผู้ใหญ่ที่เพิ่งช่วยให้ตนบรรลุเป้าหมายอย่างไม่ตั้งใจ โค้งอย่างสุภาพแล้วกระตุกยิ้มมีชัยใส่เด็กสาวจองฮวาที่ยืนหน้าบึ้งตึงเพราะไม่พอใจ
“เดี๋ยว!” จองฮวาวิ่งตามจงอินออกมาอย่างร้อนใจ
“ว่า?”
“พี่ อย่าไปตามพี่แบคฮยอนเลยนะคะ ฉันน่ะ เห็นพี่เขาเสียใจมากพอแล้ว อย่าดึงเขากลับมาอีกเลย”
“นี่ จองฮวา” จงอินเดินเข้าไปหาเด็กสาว วางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู แน่นอนว่าเขาเข้าใจถึงความหวังดีของอีกฝ่ายที่มีต่อแบคฮยอน แต่เขาก็อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจเขาด้วยเช่นกัน จงอินเองก็เห็นชานยอลเสียใจทั้งๆที่คนอย่างมันไม่เคยจะหมดอาลัยแบบนี้เลยสักครั้ง เมื่อจองฮวาอยากช่วยแบคฮยอน เขาเองก็อยากช่วยชานยอลเหมือนกัน
“……….”
“หน้าที่ของเราสองคนคือต่างช่วยเท่าที่ช่วยได้ เธอช่วยปกป้องแบคฮยอนอย่างถึงที่สุด พี่เองก็มีหน้าที่ในฐานะเพื่อนที่ต้องช่วยชานยอล แต่ว่า…คนตัดสินใจไม่ใช่เราสองคนนะ พวกเขาจะเลิกกันไปจริงๆหรือจะกลับมา อย่างน้อยพวกเขาควรได้คุยกัน เธอไม่คิดหรอว่ามันไม่แฟร์ที่จะต้องจากกันไปทั้งๆที่ไม่ได้บอกลา ชานยอลไม่ใช่คนดีหรอก… แต่มันก็เสียใจเป็นนะ”
“พี่แบคฮยอนก็เสียใจ ตอนที่ไปพี่แบคฮยอนก็เสียใจเหมือนกัน”
“พี่รู้… พวกเขาถึงควรได้คุยกัน ให้ทั้งสองคนได้ตัดสินใจ ไม่ใช่เสียใจเพราะจากกันโดยไม่เข้าใจกันเลยจนวินาทีสุดท้าย แบบนั้นจะไม่มีใครได้ไปต่อสักคน ทั้งชานยอลและแบคฮยอนจะจมอยู่กับทุกข์ที่เกิดจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน”
“…………” จองฮวาก้มหน้านิ่ง ยกมือขึ้นไปจับข้อมือของจงอินให้ออกไปจากศีรษะของตนก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าร้านไปเงียบๆ บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าพี่แบคฮยอนกับพี่ชานยอลได้คุยกันอีกสักครั้ง ถ้าไม่อยากให้ขัดขวาง เธอก็จะไม่ขัดขวาง
จงอินมองตามเด็กสาวที่เดินไปแล้ว เขารู้ว่าจองฮวาเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะบอก อาจจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ดีกว่าเอาแต่ตั้งแง่กับชานยอลอยู่ตลอด เขาเองก็ต้องไปจัดการหาที่อยู่ของแบคฮยอนให้เรีนบร้อย หวังว่าการได้เจอกันอีกครั้งมันจะทำให้อะไรดีขึ้น อย่างที่เขาบอกกับจองฮวาไป ต่อให้ไม่ได้กลับมารักกันอีกครั้ง แต่ชานยอลและแบคฮยอนก็ยังได้คุยกันให้เข้าใจ ไม่ว่าอย่างไรมันก็คงดีกับใจของทั้งคู่มากกว่าตอนนี้
.
.
.
“มึงแน่ใจนะว่าเรามาถูกที่” ชานยอลหันไปถามจงอินที่ขับรถมาจอดหน้าร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง
“เออสิ กูตั้งจีพีเอสมาอย่างดี ไม่ผิดหรอก” จงอินบอกพลางยืดเส้นยืดสายหลังจากขับรถมานานหลายชั่วโมงติดกันโดยไม่ได้พักเพราะชานยอลร้อนใจเหลือเกิน จะให้มันขับเองก็ดูใจร้ายใจดำกับคนป่วยเกินไป
จริงๆบริษัทรถไม่ยอมให้ที่อยู่ของแบคฮยอนกับจงอิน สุดท้ายก็เป็นไอ้วอนโฮที่ให้พ่อของมันจัดการเอามาให้ ยอมใจให้กับความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อคุมพื้นที่แถบนั้น มีเพื่อนดีๆจงอินก็ชื่นอกชื่นใจ อะไรๆก็ง่ายไปหมด เหลือแค่พาไอ้ชานยอลมาส่งให้ถึงที่เท่านั้น ไหนๆก็ตั้งใจว่าจะช่วยให้ถึงที่สุด เขาก็จะไม่ปล่อยมือกลางทางแน่นอน
“มึงจะเข้าไปป่ะวะ”
“มึงไปเหอะ กูหลับรอในรถนี่แหละ โชคดีนะเว้ย”
ชานยอลลงจากรถแล้วพาสภาพร่างอันย่ำแย่ของตนเข้าไปด้านในร้าน กวาดตามองหาคนที่อยากเจอมากที่สุดในเวลานี้แต่กลับไม่พบ หญิงสาววัยกลางคนท่าทสงใจดีเดินตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่แสนมีเสน่ห์ ปาร์คชานยอลไม่ได้กำลังตกหลุมรักสาวใหญ่แต่อย่างใด เขาแค่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเหมือนกับรอยยิ้มของแบคฮยอน รอยยิ้มที่สวยที่สุด น่ามองที่สุด และเป็นรอยยิ้มที่เขาเป็นคนทำลายมัน
“ยินดีต้อนรับค่ะ กี่ท่านคะ”
“ครับ? คนเดียวครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
ชานยอลเดินตามอีกฝ่ายไปยังโต๊ะมุมในสุดที่ว่างอยู่ แม้ร้านจะไม่ใหญ่โตนักแต่ลูกค้าก็แน่นจนหาที่นั่งแทบไม่ได้ คิดเอาว่าคงเป็นร้านชื่อดังของที่นี่ เมนูถูกวางลงตรงหน้าให้เลือกเอาตามต้องการ แต่เวลานี้ใจของเขาไม่ได้จนจ่ออยู่ที่รายชื่ออาหาร สายตายังคงแอบมองหาแบคฮยอนเป็นระยะ ในเมื่อมาไม่ผิดที่เขาก็ควรจะเจอแบคฮยอนอย่างที่ตั้งใจ แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา หรือเขาควรจะถามดีนะ…
“ขอโทษนะครับ ที่นี่… คือ ผม…”
“จะถามหาแบคฮยอนใช่มั้ยรึเปล่า?”
ชานยอลอ้าปากค้างหลังจากได้ฟังหญิงสาวตรงหน้าถามแบบนั้น เขาสาบานได้ว่ายังไม่ได้เผลอพูดชื่อแบคฮยอนเลยสักคำแต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้รู้ดีราวกับอ่านใจออกเขาแบบนี้
“ทำไม…”
“ป้าเห็นรูปคุณอยู่ในกระเป๋าของแบคฮยอน รู้ตั้งแต่ที่คุณเดินเข้ามาแล้วค่ะ ตกลงว่ามาหาแบคฮยอนจริงๆใช่มั้ย?”
“ครับ”
“แบคฮยอนน่ะ…”
“คุณ! ตรงนั้นมีอะไรรึเปล่า รับออเดอร์นานเชียว!” เสียงดุดังขึ้นขัดบทสนทนา ร่างท้วมใหญ่เดินอาดเข้ามาที่โต๊ะ สายตาจ้องมองลูกค้าแปลกหน้าที่ภรรยากำลังรับออเดอร์อยู่ด้วยความข้องใจ จะว่าคุ้นหน้าก็คงใช่ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
ชานยอลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาเคยถ้าให้เดาคุณป้ายิ้มสวยตรงหน้สคงเปนแม่ของแบคฮยอนไม่ผิดตัว ส่วนคุณลุงท่าทางน่ากลัวคนนี้ก็คงจะเป็น…. พ่อของแบคฮยอน เคยได้ยินแฟนตัวเล็กพูดอยู่หลายครั้งว่าพ่อของเจ้าตัวนั้นดุมากจนไม่กล้ากลับบ้าน แต่ตอนนี้ชานยอลคิดว่าเขาเองก็ไม่ควรมาเหมือนกัน รู้งี้ลากไอ้จงอินเข้ามาด้วยก็ดี ทำลูกเขาเสียใจจนต้องหอบผ้ากลับมาบ้าน พ่อแม่เขาคงยินดีปรีดาต้อนรับอย่างอบอุ่น
ปาร์คชานยอลอาจตายก่อนได้เจอแบคฮยอนก็ได้
TBC.
คือคิดว่าตอนนี้มันจะจบอ่ะ แต่มันไม่จบ มันยาวกว่าที่เราคิดเอาไว้เยะเลย ฮ่าาาาาาาาา
#นจมอด
ความคิดเห็น