ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF EXO by น้ำจ๊ะ แม่ไอ้แดง [NOW: แฟนเกือบเก่า ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #10 : แฟนเกือบเก่า Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 60






    แฟนเกือบเก่า  ตอนที่ 5 

     


    มือเรียวกำแน่นจนชื้นเหงื่อเพราะความกดดัน  แบคฮยอนลงจากรถทั้งๆที่จิตใจในเวลานี้ยังไม่พร้อมเสียด้วยซ้ำ  ชำเลืองมองคนขับรถรับจ้างที่กำลังขนสัมภาระลงมาวางให้ใกล้ๆกันก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง  ร้านอาหารของครอบครัวเขานั้นดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย  แม้จะเป็นแค่ร้านเล็กๆแต่ก็สวยงามสะอาดสะอ้านและมีคนเข้ามาอุดหนุนไม่ได้ขาด 

     

    “แบค แบคฮยอน”  หญิงสาววัยกลางคนแต่งกายเรียบง่ายกำลังเดินออกมาส่งลูกค้าแต่สายตากลับมองเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน  ใครบางคนที่เธอไม่เห็นหน้ามาเนิ่นนานเหลือเกิน  ใครบางคนที่เธอคิดถึงอยู่ทุกวันทุกคืน  น้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  มือไม้สั่นเทาในขณะที่ยังไม่ละลายตาจากภาพตรงหน้า  กลัวเหลือเกินว่าหากเผลอแม้เพียงนิดทุกอย่างจะหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า

     

    “แม่”  แบคฮยอนก้าวออกไปด้านหน้าโดยไม่สนข้าวของที่ว่างอยู่เต็มพื้น  แค่เห็นหน้าแม่เขาก็ลืมไปหมดทุกอย่าง  อยากกอดหญิงสาวแน่นๆ  อยากบอกให้รู้ว่าคิดถึงแม่มากแค่ไหน  อยากทิ้งความบอบช้ำทั้งหมดที่เคยพบเจอแล้วกลับมาเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่  อยากพูดคำว่าขอโทษซ้ำๆจนกว่าจะหมดแรง  อยากร้องไห้ให้แม่ปลอบเหมือนเมื่อก่อน  อยากลืมทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  เริ่มนับหนึ่งตรงที่แห่งนี้  ที่บ้านของเขาเอง

     

    “แบคฮยอนจริงๆหรอลูก  นี่ลูกแม่จริงๆใช่มั้ย”  ผู้เป็นแม่กอดลูกชายเอาไว้แน่น  ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นก็ยิ่งโอบรัดให้แน่นยิ่งกว่าเดิม  แบคฮยอนของเธอกำลังเจ็บปวด แบคฮยอนของแม่   

     

    “ฮึก ผมขอโทษครับแม่”

     

    “คุณ! มีอะไรกัน นั่นนั่นมัน” ชายร่างท้วม  เดินตามภรรยาออกมาจากร้านหลังจากหล่อนไม่ยอมกลับเข้าไปเสียที  แต่กลับพบว่าคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่แค่หญิงสาวเท่านั้น  ใครอีกคนที่ไม่พบเจอกันเนิ่นนาน  ใครอีกคนที่หายไปและไม่ยอมกลับมา  ตั้งสติได้ก็พุ่งปรี่เข้าใส่ด้วยท่าทางเอาเรื่อง  “ไอ้แบค!

     

    “พะ พ่อ”  แบคฮยอนละอ้อมกอดจากผู้เป็นแม่  ยกมือปาดน้ำตาลวกๆ  กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  มืออีกข้างก็ถูกแม่บีบเอาไว้แน่น  แน่นอนว่าหล่อนคงรู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร  ทั้งคิดถึง  ทั้งกลัว  บางทีพ่ออาจจะชกเขาสักหมัดสองหมัด  แถมเข่า แถมศอกอีกเล็กน้อย  ซึ่งเขาก็สมควรได้รับมันจริงๆ  หลับตาแน่นยามผู้เป็นพ่อพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ  กลั้นใจรับแรงปะทะอย่างเต็มที่  หวังว่ากลังจากนี้พ่อจะให้อภัยเขาได้

     

    หมับ!

     

    แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด  พ่อไม่ได้ต่อยหรือทำร้ายอะไรอย่างที่คิดเอาไว้  แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำนั้นยิ่งพาให้แบคฮยอนน้ำตาไหลหนักยิ่งกว่าเก่า  มันไม่ใช่เพราะความเจ็บ  มันคือน้ำตาแห่งความเสียใจ  เสียใจที่ตนเป็นลูกที่ไม่ดี  เสียใจที่ทำให้พ่อแม่เจ็บปวด  เสียใจที่ตนหนีไปแต่ทั้งคู่กลับไปโกรธเคืองกันสักนิด  อ้อมกอดของพ่อมันทั้งยิ่งใหญ่และอบอุ่น  เขารู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน

     

    “โทรมอย่างกับศพ  นี่แกไปลำบากลำบนอยู่ที่ไหนตั้งนาน” 

     

    “ฮึก ฮึก  พ่อ”

     

    “ร้องไห้เป็นเด็กๆ  หัดอายคนอื่นซะบ้าง”

     

    “ฮืออออออออออ”

     

    แบคฮยอนคิดว่านี่คือการร้องไห้ที่หนักที่สุดในชีวิต  ถูกชานยอลทำเสียใจมากี่ครั้งเขาก็ยังไม่เคยร้องไห้ได้หนักหนาเท่านี้  อ้อมกอดของพ่อกับแม่นั้นมีพลังมากกว่าสิ่งใด  เสียงของพ่อกับแม่คือสิ่งที่เขาโหยหาเหลือเกิน  เขาหยุดร้องไห้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว  ยิ่งพ่อกับแม่เอาแต่กระซิบถามว่ากินข้าวมาหรือยัง  เดินทางมาเหนื่อยหรือเปล่า  เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม  มันพาให้น้ำตาไหลออกมาหนักขึ้นทุกที  ที่คือสิ่งที่ลูกไม่รักดีคนนี้ได้รับจากพ่อและแม่  นี่คือสิ่งที่พ่อแม่เอ่ยถามเมื่อเขากลับมาหลังจากหายไปหลายปี

     

    พ่อและแม่จูงมือเด็กน้อยของพวกเขาเข้ามาด้านใน  ส่งยิ้มยินดีไปทั้งร้าน  เอ่ยปากบอกพนักงานให้ออกไปยกสัมภาระตามเข้ามา  พาลูกชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาอวดลูกค้าที่กำลังสนใจ  พ่อเอาแต่พูดว่าลูกชายคนนี้ไปผจญภัยตามประสาเด็กๆ  และตอนนี้กลับมาแล้ว  แม่ก็คอยหัวเราะตามไปอย่างอารมณ์ดี  ทุกคนทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องแย่ๆอะไรเกิดขึ้นมาก่อน  บรรยากาศช่างคึกครื้นและอบอวลด้วยความสุขคลอเคล้ากับเสียงเพลงที่กำลังดังขึ้นราวกับตั้งใจจะต้อนรับการกลับมาของเด็กชายผู้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างอันโหดร้าย 

     

     

    ที่แห่งนี้มีความรักอยู่  คอยรับรู้และคอยเข้าใจ

    แม้ข้างนอกจะเป็นอย่างไร  จะร้อนหรือหนาวแค่ไหน  ก็ไม่สำคัญ

    จะเตรียมความรักไว้ให้เธอพักผ่อน  ลืมความร้อนเรื่องราวที่ไหวหวั่น

    และรอยยิ้มที่มาจากใจ  เพื่อเพิ่มเติมความสดใส  เมื่อไรที่พบกัน

                    ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน  จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี

    เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ  นานเท่าไรก็จะมี  ให้กับเธอ  อยู่ตรงนี้

     

    .

    .

    .

     

    “ซูจองกับวอนโฮบอกว่ากำลังเข้ามา”   จงอินกดตัดสายโทรเข้าจากเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมาบอกกับคนป่วยที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหนนานเป็นชั่วโมง 

     

    ก็พอจะรู้ว่าชานยอลกำลังเสียใจ  แต่ไม่ยอมทำอะไรเลยแบบนี้ก็ไม่ช่วยเช่นกัน  อย่างน้อยกินข้าวกินยาเพื่อที่ร่างกายจะได้หายดีแล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป จงอินแอบลองถามเด็กสาวร้านซักรีดดูว่าแบคฮยอนหายไปอยู่ที่ไหนแต่หล่อนก็บอกว่าไม่รู้อะไรสักอย่าง  ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนได้อย่างไรเพราะมาเจอยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกัน  วันที่คุยกับแบคฮยอนที่โรงพยาบาลเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะทิ้งชานยอลไปได้ง่ายๆ  ท่าทางรักมากเสียขนาดนั้นใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะหอบผ้าหอบผ่อนออกจากห้องไม่ร่ำลา

     

    “กูเคยชกแบคฮยอนด้วยนะมึงรู้มั้ย  กูแม่งเหี้ยไง  พาผู้หญิงเข้ามานอนในห้องเลย  นอนบนเตียงที่แบคฮยอนเคยนอน”  ชานยอลพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าจงอินกำลังฟังอยู่หรือเปล่า  มือหนาลูบไปตามโซฟานิ่มแล้วค่อยๆเหยียดตัวลงไปนอนแนบพร้อมหลับตาลง  “จากนั้นแบคฮยอนก็ย้ายออกมานอนที่โซฟาตลอดกลิ่นยังติดอยู่เลย”

     

    “ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึงนะ  กูจะพูดตรงๆว่ามึงมันเหี้ย  แต่กูก็เหี้ยด้วยที่ชอบยุให้มึงเลิกกับแฟน  เพราะฉะนั้นกูจะช่วยมึงตามหาแบคฮยอนเป็นการไถ่โทษ  ส่วนมึงก็ทำตัวให้หายดีแล้วแล้วมาช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อ” 

     

    ชานยอลยังคงนอนนิ่งอยู่กับที่  เขาไม่อยากทำอะไรจนกว่าจะรู้ว่าเขาสามารถตามหาแบคฮยอนได้ที่ไหน  เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเขาเคยเลี้ยงสุนัขเอาไว้ตัวนึง  ในตอนเย็นที่เขากลับจากโรงเรียนอยู่ๆมันก็หายออกไปจากบ้าน  แม่บอกกับเขาว่าเดี๋ยวมันก็จะกลับมา  และปาร์คชานยอลเด็กโง่ก็เชื่อแบบนั้น  เขาไม่สนใจที่จะตามหามัน  ผ่านไปวันแล้ววันเล่ามันก็ยังไม่กลับมา  สุดท้ายเขาก็ไปเจอมันนอนแน่นิ่งอยู่ที่สนามหลังโรงเรียนประถม  เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย  มันคงพยายามจะมาหาเขาที่โรงเรียนในตอนเย็น  แต่คงถูกใครสักคนทำร้ายเข้าและชานยอลก็มาเจอมันช้าเกินไป  ถ้าเขาตัดสินใจตามหามันเสียตั้งแต่วันแรกก็คงไม่เป็นอย่างนี้  ในขณะที่เขานั่งกินข้าวอย่างอิ่มหนำมันก็นอนทรมานอยู่ตรงนี้  ตอนที่เขาเล่นเกมอย่างสนุกสนาน  ตอนที่เขานั่งดูการ์ตูนอย่างเพลิดเพลินโดยไม่คิดจะตามหามัน  มันก็นอนอยู่ตรงนี้   ตอนนี้เขาไม่อยากจะทำพลาดอีกแล้ว 

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    จงอินหันมองเจ้าของห้องอย่างปาร์คชานยอลเพื่อจะถามว่าให้เปิดประตูเลยหรือไม่แต่ก็เปลี่ยนใจเดินไปเปิดเองโดยไม่ขออนุญาตเพราะอีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะทำอะไรทั้งนั้น     ร่างของเพื่อนอีกสองคนยืนรออยู่หน้าประตู  จองซูจองก้าวพรวดเข้ามาทันทีที่ประตูถูกเปิดออก  หญิงสาวไม่สนใจจงอินที่มาต้อนรับแต่กลับตรงเข้าไปหาคนป่วย  

    “ไอ้ลูกหมาปาร์คชานยอล!  สองมือเหวี่ยงกระเป๋าสะพายขึ้นฟาดในชานยอลที่นอนอยู่จนพากันตกอกตกใจทั้งห้อง   

                    “เฮ้ยยยย!  วอนโฮรีบวิ่งตามเข้ามาแล้วดึงซูจองเอาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะทำร้ายร่างกายคนป่วยไปมากกว่านี้

     

                    “เป็นไรวะ”  จงอินที่ได้สติก็รีบตามเข้าไปดูชานยอลที่พยุงตัวขึ้นมานั่งทำหน้างงๆ

     

    “นายมีแฟนทำไมถึงไม่บอก!  ถ้าฉันไม่โทรหาแม่นายก็คงไม่ได้รู้แน่”

                   

    “เธอโทรหาแม่ฉันหรอ?  บอกเรื่องนี้รึเปล่า  ฉันไม่อยากให้แม่รู้นะ”  ชานยอลเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลแต่ก็ถูกซูจองยกเท้าขึ้นเตะหน้าแข้งจนต้องหดขาหนี

                   

    “นั่นไม่ใช่ประเด็นนะยะ  ประเด็นคือนายไม่เคยบอกฉันว่านายมีแฟน!  แล้วฉันก็เกือบจะต้องกลายเป็นนังแรดที่อยากได้แฟนของคนอื่น! นี่เข้าใจสถานการณ์มั้ยเนี่ย” 

     

                    ซูจองยอมรับว่าเธอไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรนัก  เอาแต่ใจและขี้เหวี่ยงขี้วีนไม่มีใครเกิน  ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคิดว่าจะมาทำนิสัยแย่ๆกับเพื่อนพ้องที่ดีต่อกัน  จนกระทั่งวันนี้ที่เธอโทรหาแม่ของปาร์คชานยอลเพื่อเล่าอาการบาดเจ็บของลูกชายให้หล่อนฟัง  แต่อีกฝ่ายก็หลุดปากออกมาว่าแฟนของลูกชายคงยอมย้ายออกไปแล้วถึงได้ไม่มีใครดูแล  ความข้องใจพุ่งเข้าใส่จนทำตัวก้าวร้าวแล้วคาดคั้นจนได้ความว่าชานยอลมีแฟนและเจ้าหล่อนก็ไปขอร้องให้เลิกกันเพื่ออนาคตด้านธุรกิจของครอบครัว  หน้าสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหว  มันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าเป็นเพราะตัวเธอเองด้วยส่วนหนึ่งที่ร่ำร้องอยากจะได้ปาร์คชานยอลใจแทบขาด  เอาเรื่องเงินทองการงานมาเป็นสิ่งล่อใจอีกฝ่ายจนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ 

     

                    “ขอโทษแต่เขาไม่อยู่แล้ว  เธอไม่ได้แย่งของใครหรอก” 

                   

    “นั่นแหละปัญหา  เขาไปเพราะแม่นายมาขอร้อง  เข้าใจมั้ยยะ!

                   

    “อะไรนะ!!!” ไม่ใช่แค่ชานยอลเท่านั้นที่ฟังแล้วต้องตกใจ  แต่วอนโฮและจงอินก็ถามออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

                   

    “แม่นายบอกฉันว่าแฟนนายอาจจะย้ายออกเพราะท่านไปขอร้อง”  ถึงจุดนี้ก็ใจเย็นลงได้มากพอที่วอนโฮยอมปล่อยให้ยืนเฉยๆได้โดยไม่ต้องรั้งเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะเข้าไปอาละวาดใส่ชานยอลอีก  “พ่อฉันตกลงจะช่วยบริษัทของแม่นายถ้าเราแต่งงานกัน  พ่อคงเห็นว่าฉันชอบนายมากเลยอยากช่วย  จริงๆฉันก็ผิดเหมือนกัน  ขอโทษ”

     

                   

    มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหลังจากฟังสิ่งที่ซูจองบอก ถ้าไม่เพราะแม่มันก็จะแปลว่าแบคฮยอนทนเขาไม่ไหวอีกแล้ว  ซึ่งนึกย้อนไปถึงความไม่เอาไหนของตัวเองแล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมา  หรือถ้าเป็นเพราะแม่ที่ทำให้แบคฮยอนยอมจากไป  เขาก็คงกลายเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่อาจทำเพื่อแม่ได้หลังจากไปตามแบคฮยอนกลับมา  เหนือสิ่งอื่นใด  เขาไม่รู้ว่าจะไปตามหาแบคฮยอนได้จากที่ไหน

     

                    “ไปตามแฟนนายกลับมาเหอะ  ฉันจะบอกพ่อเอง  เรื่องธุรกิจไม่ให้เสียหรอก  ถือว่าฉันไถ่โทษส่วนของฉันก็แล้วกัน”  ซูจองบอกเมื่อเห็นว่าชานยอลดูลังเลอยู่ไม่น้อย  ในหัวของอีกฝ่ายคงกังวลไปหมดหลายเรื่อง  ยิ่งมีพ่อแม่มาเกี่ยวข้องด้วยแล้วนั้นการตัดสินใจก็ยิ่งลำบาก 

     

                    “มันไม่รู้จะไปตามที่ไหนน่ะสิ  ไม่มีใครรู้ที่อยู่แบคอยอนสักคน  เขาจ้างรถมาขนของพาไป  ไม่ได้ให้ใครไปส่งเลย”  จงอินตบบ่าชานยอลเบาๆ  เพื่อให้เพื่อนได้คลายความกดดัน  ทั้งเรื่องแม่ เรื่องแฟน  ถึงเขาจะคิดว่าชานยอลสมควรโดนแล้วแต่ทุกคนควรได้รับโอกาสแก้ตัว

     

    “พวกโง่”  วอนโฮที่ฟังอยู่ก็เอ่ยออกมาเรียกสายตาอาฆาตจากกลุ่มเพื่อน  ยืดอกยักคิ้วอย่างไม่สนใจก่อนจะว่าต่อไป  “มึงก็ไปขอดูกล้องหน้าคอนโดสิวะว่ารถบริษัทไหนที่มารับแฟนมึงไป  แล้วก็ไปถามที่อยู่จากบริษัท”

     

                    โอเค  มันฉลาด 

     

                   

     

    จงอินรับหน้าที่ลงไปติดต่อเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด  ต้องยอมรับว่าความคิดของวอนโฮนั้นหลักแหลมแบบที่คนโง่ๆอย่างพวกเขา3คนรวมกันยังนึกไม่ได้  แต่บางทีมันอาจไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเพราะมาถึงที่แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ดูเสียอย่างนั้น  พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ในห้องปฏิเสธที่จะนำเทปออกมาให้ ไม่ว่าจะขอร้องและอธิบายอย่างไรก็ไม่สำเร็จ  สุดท้ายก็ต้องถอยทัพออกมายืนเตะฝุ่นสูบบุหรี่แก้เครียดอยู่หน้าคอนโด  คิดไม้ตกว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ดูเทปบันทึกภาพวงจรปิดที่ต้องการ จะไปแจ้งความว่าคนหายแล้วขอหมายศาลมาเอาเทปก็ดูจะเอิกเกริกเกินงาม

     

                   

    “พี่สูบบุหรี่ตรงนี้ไม่ได้นะคะ”  เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลนัก  ใช่คุ้นหู  เพราะช่วงที่มาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลที่นี่  จงอินเจอจองฮวาแทบจะตลอดเวลา  เพราะเพื่อนที่หมดอาลัยกับทุกสิ่งอย่างพึ่งพาอะรไม่ได้  เขาจึงไม่มีทางเลิกนอกจากมาขอให้เด็กสาวช่วยแนะนำอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยอย่างหาที่ทิ้งขยะไม่เจอ  ร้านอาหารใกล้ๆ  หรือแม้แต่พูดคุยเรื่องของแบคฮยอน  ยอมรับว่าตอนแรกไม่ชอบท่าทางของจองฮวาสักเท่าไร  มันดูแล้วให้อารมณ์เหมือนพวกเด็กนักเรียนหน้าห้องที่พวกหลังห้องอย่างเขานึกอยากเดินไปถีบให้ตกเก้าอี้วันละหลายสิบครั้ง  ซึ่งพอได้คุยก็ถึงกับหัวเราะลั่นเพราะเธอเป็นเด็กสาวเรียนดีนั่งหน้าห้องจริงๆ  แต่เรื่องความมีน้ำใจก็กลบเอาความน่าหมั้นไส้หายไปหมด

     

    ก็ถือว่าคบได้  สวยด้วย

     

    “เครียดอยู่น่า  ตาแก่ในห้องนั่นไม่ยอมให้ดูกล้องวงจรปิดอ่ะ” 

     

    “แล้วพี่จะอยากดูกล้องวงจรปิดทำไมล่ะคะ”

     

    “ก็จะดูรถที่แบคฮยอนจ้างมาน่ะสิ  จะไปถามที่อยู่แบคฮยอน”

     

    จองฮวาขมวดคิ้วยุ่งทันทีที่ได้ยิน  จะตามหาที่อยู่พี่แบคฮยอนอย่างนั้นหรือ  เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าคนพวกนี้เป้นอะไรกัน  ตอนที่พี่แบคฮยอนอยู่ก็ไม่เคยจะสนใจรักษาเขาเอาไว้  พอตอนนี้เขายอมถอยออกไปก็ดิ้นรนจะตามหา  เธอเห็นพี่ชายตัวเล็กต้องเจ็บปวดอยู่เสมอโดยที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้  เธอจะไม่ยอมให้พี่แบคอยอนต้องกลับมาเจอเรื่องเหล่านี้อีก   เด็กสาวถอนใจแรงๆแล้วหันหลังเดินเข้าร้านไปโดยไม่สนจงอินที่งุนงงกับท่าทางบึ้งตึงไม่รู้สาเหตุของเธอจนต้องวิ่งตามมา

     

    “จะซักผ้าหรอคะ?”  ไม่ใช่จองฮวาที่เอ่ยถามแต่เป็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนนับเงินอยู่ด้านในร้าน 

     

    “เปล่าแม่  เพื่อนพี่ชานยอล” 

     

    “ชานยอล?  ชานยอลไหน  ชานยอลแบคฮยอนน่ะหรอ?”

     

    จองฮวาพยักหน้าก่อนจะเดินไปดูใบสั่งงานเพื่อเลี่ยงที่จะคุยกับจงอิน  ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆกับสายตาของหญิงสาววัยกลางคนที่เอาแต่มองหัวจรดเท้าอยู่หลายรอบ  ทำไมพอพูดชื่อชานยอลเขาถึงต้องโดนมองแรงอยู่เรื่อย  นี่เพื่อนซี้มันชั่วช้าจนขึ้นชื่อไปทั้งคอนโดเลยหรือยังไง  ได้ข่าวว่ามันก็แค่นอกใจแบคฮยอนหลายครั้ง  พาผู้หญิงมาฟัดกันในห้อง  ไม่เอาใจใส่แบคฮยอน  ไม่ดูแล  ไม่แคร์  ไม่….  พอก่อนแล้วกัน  ยิ่งไล่ยาวยิ่งดูเลว  จงอินกำลังคิดว่าแบคฮยอนคงเป็นที่รักของคนที่นี่มากจริงๆ 

     

    “แล้วพ่อหนุ่มตามจองฮวาเข้ามานี่ต้องการอะไรล่ะ” 

     

    “คือ ไม่มีอะไรครับ  ผมแค่พยายามจะตามหารถที่แบคฮยอนจ้างมานับเมื่อวันก่อน”  จงอินยิ้มแห้ง 

     

    “อ๋อ  รถของCorelogisน่ะหรอ”

     

    “แม่!!!  จองฮวาร้องเสียงดังหลังจากผู้เป็นมารดาบอกชื่อบริษัทรถกับจงอินไปง่ายๆแบบนั้น ทั้งๆที่เธอพยายามจะเลี่ยงให้ช่วยเหลือทุกหนทาง  ดันมาตกม้าตายตอนจบเสียได้  บ้าที่สุดเลย

     

    “อ่า  ครับ  งั้นผมลาเลยนะครับ”  จงอินยิ้มกว้างเอ่ยลาผู้ใหญ่ที่เพิ่งช่วยให้ตนบรรลุเป้าหมายอย่างไม่ตั้งใจ  โค้งอย่างสุภาพแล้วกระตุกยิ้มมีชัยใส่เด็กสาวจองฮวาที่ยืนหน้าบึ้งตึงเพราะไม่พอใจ 

     

     

    “เดี๋ยว!  จองฮวาวิ่งตามจงอินออกมาอย่างร้อนใจ 

     

    “ว่า?”

     

    “พี่  อย่าไปตามพี่แบคฮยอนเลยนะคะ  ฉันน่ะ  เห็นพี่เขาเสียใจมากพอแล้ว  อย่าดึงเขากลับมาอีกเลย” 

     

    “นี่ จองฮวา”  จงอินเดินเข้าไปหาเด็กสาว  วางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู  แน่นอนว่าเขาเข้าใจถึงความหวังดีของอีกฝ่ายที่มีต่อแบคฮยอน  แต่เขาก็อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจเขาด้วยเช่นกัน  จงอินเองก็เห็นชานยอลเสียใจทั้งๆที่คนอย่างมันไม่เคยจะหมดอาลัยแบบนี้เลยสักครั้ง  เมื่อจองฮวาอยากช่วยแบคฮยอน  เขาเองก็อยากช่วยชานยอลเหมือนกัน

     

    ……….

     

    “หน้าที่ของเราสองคนคือต่างช่วยเท่าที่ช่วยได้  เธอช่วยปกป้องแบคฮยอนอย่างถึงที่สุด  พี่เองก็มีหน้าที่ในฐานะเพื่อนที่ต้องช่วยชานยอล  แต่ว่าคนตัดสินใจไม่ใช่เราสองคนนะ  พวกเขาจะเลิกกันไปจริงๆหรือจะกลับมา  อย่างน้อยพวกเขาควรได้คุยกัน  เธอไม่คิดหรอว่ามันไม่แฟร์ที่จะต้องจากกันไปทั้งๆที่ไม่ได้บอกลา  ชานยอลไม่ใช่คนดีหรอก แต่มันก็เสียใจเป็นนะ”

     

    “พี่แบคฮยอนก็เสียใจ  ตอนที่ไปพี่แบคฮยอนก็เสียใจเหมือนกัน”

     

    “พี่รู้พวกเขาถึงควรได้คุยกัน  ให้ทั้งสองคนได้ตัดสินใจ  ไม่ใช่เสียใจเพราะจากกันโดยไม่เข้าใจกันเลยจนวินาทีสุดท้าย  แบบนั้นจะไม่มีใครได้ไปต่อสักคน  ทั้งชานยอลและแบคฮยอนจะจมอยู่กับทุกข์ที่เกิดจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน”

     

    …………   จองฮวาก้มหน้านิ่ง  ยกมือขึ้นไปจับข้อมือของจงอินให้ออกไปจากศีรษะของตนก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าร้านไปเงียบๆ  บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าพี่แบคฮยอนกับพี่ชานยอลได้คุยกันอีกสักครั้ง  ถ้าไม่อยากให้ขัดขวาง  เธอก็จะไม่ขัดขวาง

     

    จงอินมองตามเด็กสาวที่เดินไปแล้ว  เขารู้ว่าจองฮวาเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะบอก  อาจจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ดีกว่าเอาแต่ตั้งแง่กับชานยอลอยู่ตลอด  เขาเองก็ต้องไปจัดการหาที่อยู่ของแบคฮยอนให้เรีนบร้อย  หวังว่าการได้เจอกันอีกครั้งมันจะทำให้อะไรดีขึ้น  อย่างที่เขาบอกกับจองฮวาไป  ต่อให้ไม่ได้กลับมารักกันอีกครั้ง  แต่ชานยอลและแบคฮยอนก็ยังได้คุยกันให้เข้าใจ  ไม่ว่าอย่างไรมันก็คงดีกับใจของทั้งคู่มากกว่าตอนนี้

     

    .

    .

    .

     

     

    “มึงแน่ใจนะว่าเรามาถูกที่”  ชานยอลหันไปถามจงอินที่ขับรถมาจอดหน้าร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง

     

    “เออสิ  กูตั้งจีพีเอสมาอย่างดี  ไม่ผิดหรอก”  จงอินบอกพลางยืดเส้นยืดสายหลังจากขับรถมานานหลายชั่วโมงติดกันโดยไม่ได้พักเพราะชานยอลร้อนใจเหลือเกิน  จะให้มันขับเองก็ดูใจร้ายใจดำกับคนป่วยเกินไป 

     

    จริงๆบริษัทรถไม่ยอมให้ที่อยู่ของแบคฮยอนกับจงอิน  สุดท้ายก็เป็นไอ้วอนโฮที่ให้พ่อของมันจัดการเอามาให้  ยอมใจให้กับความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อคุมพื้นที่แถบนั้น  มีเพื่อนดีๆจงอินก็ชื่นอกชื่นใจ  อะไรๆก็ง่ายไปหมด  เหลือแค่พาไอ้ชานยอลมาส่งให้ถึงที่เท่านั้น  ไหนๆก็ตั้งใจว่าจะช่วยให้ถึงที่สุด  เขาก็จะไม่ปล่อยมือกลางทางแน่นอน

     

    “มึงจะเข้าไปป่ะวะ”

     

    “มึงไปเหอะ  กูหลับรอในรถนี่แหละ  โชคดีนะเว้ย”

     

     

    ชานยอลลงจากรถแล้วพาสภาพร่างอันย่ำแย่ของตนเข้าไปด้านในร้าน  กวาดตามองหาคนที่อยากเจอมากที่สุดในเวลานี้แต่กลับไม่พบ  หญิงสาววัยกลางคนท่าทสงใจดีเดินตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่แสนมีเสน่ห์  ปาร์คชานยอลไม่ได้กำลังตกหลุมรักสาวใหญ่แต่อย่างใด  เขาแค่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเหมือนกับรอยยิ้มของแบคฮยอน  รอยยิ้มที่สวยที่สุด  น่ามองที่สุด  และเป็นรอยยิ้มที่เขาเป็นคนทำลายมัน

     

    “ยินดีต้อนรับค่ะ  กี่ท่านคะ”

     

    “ครับ?  คนเดียวครับ”

     

    “เชิญทางนี้ค่ะ”    

     

    ชานยอลเดินตามอีกฝ่ายไปยังโต๊ะมุมในสุดที่ว่างอยู่  แม้ร้านจะไม่ใหญ่โตนักแต่ลูกค้าก็แน่นจนหาที่นั่งแทบไม่ได้  คิดเอาว่าคงเป็นร้านชื่อดังของที่นี่  เมนูถูกวางลงตรงหน้าให้เลือกเอาตามต้องการ  แต่เวลานี้ใจของเขาไม่ได้จนจ่ออยู่ที่รายชื่ออาหาร  สายตายังคงแอบมองหาแบคฮยอนเป็นระยะ  ในเมื่อมาไม่ผิดที่เขาก็ควรจะเจอแบคฮยอนอย่างที่ตั้งใจ  แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา  หรือเขาควรจะถามดีนะ

     

    “ขอโทษนะครับ  ที่นี่คือ  ผม

     

    “จะถามหาแบคฮยอนใช่มั้ยรึเปล่า?”

     

    ชานยอลอ้าปากค้างหลังจากได้ฟังหญิงสาวตรงหน้าถามแบบนั้น  เขาสาบานได้ว่ายังไม่ได้เผลอพูดชื่อแบคฮยอนเลยสักคำแต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้รู้ดีราวกับอ่านใจออกเขาแบบนี้

     

    “ทำไม

     

    “ป้าเห็นรูปคุณอยู่ในกระเป๋าของแบคฮยอน  รู้ตั้งแต่ที่คุณเดินเข้ามาแล้วค่ะ  ตกลงว่ามาหาแบคฮยอนจริงๆใช่มั้ย?”

     

    “ครับ”

     

    “แบคฮยอนน่ะ

     

    “คุณ!  ตรงนั้นมีอะไรรึเปล่า  รับออเดอร์นานเชียว!  เสียงดุดังขึ้นขัดบทสนทนา  ร่างท้วมใหญ่เดินอาดเข้ามาที่โต๊ะ  สายตาจ้องมองลูกค้าแปลกหน้าที่ภรรยากำลังรับออเดอร์อยู่ด้วยความข้องใจ  จะว่าคุ้นหน้าก็คงใช่  แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

     

     

    ชานยอลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ  เขาเคยถ้าให้เดาคุณป้ายิ้มสวยตรงหน้สคงเปนแม่ของแบคฮยอนไม่ผิดตัว  ส่วนคุณลุงท่าทางน่ากลัวคนนี้ก็คงจะเป็น…. พ่อของแบคฮยอน  เคยได้ยินแฟนตัวเล็กพูดอยู่หลายครั้งว่าพ่อของเจ้าตัวนั้นดุมากจนไม่กล้ากลับบ้าน  แต่ตอนนี้ชานยอลคิดว่าเขาเองก็ไม่ควรมาเหมือนกัน  รู้งี้ลากไอ้จงอินเข้ามาด้วยก็ดี  ทำลูกเขาเสียใจจนต้องหอบผ้ากลับมาบ้าน   พ่อแม่เขาคงยินดีปรีดาต้อนรับอย่างอบอุ่น 

     

    ปาร์คชานยอลอาจตายก่อนได้เจอแบคฮยอนก็ได้

     

    TBC.



      คือคิดว่าตอนนี้มันจะจบอ่ะ  แต่มันไม่จบ  มันยาวกว่าที่เราคิดเอาไว้เยะเลย  ฮ่าาาาาาาาา


     #นจมอด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×