ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #10 : RED 09

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57





    RED 09



    ฮายาบูสะคันโตแล่นด้วยความเร็วผ่านเข้าประตูโรงเรียนที่ล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐสูงราวกับปราสาท  ก่อนจะจอดลงที่ข้างโต๊ะด้านในโรงเรียนที่มีเด็กชายร่างเล็กนั่งอยู่สองคน  บรรดานักเรียนโรงเรียนTพากันมองอย่างแตกตื่น  ที่มีใครบางคนขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดบริเวณด้านในแบบนี้  

     

    มันผิดกฎนะ

     

    ผมบอกแล้วว่าอย่าเข้ามาแบคฮยอนที่ก้าวลงจากด้านหลังถอดหมวกกันน็อคออกพลางบ่นงุ้งงิ้งที่คริสทำให้ตนต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น

     

    ส่วนจุนมยอนและมินซอกที่เห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาส่งเพื่อนของตนถึงในนี้ก็รีบลุกขึ้นโค้งให้อย่างสุภาพ  คริสมองทั้งสองคนแล้วก้มหัวกลับให้เล็กน้อย  คว้าเอาหมวกกันน็อคจากมือแบคฮยอนมาถือไว้ ส่งมือหนาอีกข้างไปผลักเข้าที่หน้าผากมนของคนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    เห็นกูใจดีด้วยนี่กล้าบ่นกูแล้วนะมึงอ่ะ

     

    ก็พี่คริสอ่ะ!

     

    เห็นท่าทางฟึดฟัดเหมือนลูกหมากำลังหิวนมแล้วก็อดผลักซ้ำไปแรงๆกที่ไม่ได้  ก่อนจะหันไปหามินซอกที่นั่งยิ้มๆอยู่ที่โต๊ะ gเพื่อไปถามหาเพื่อนของตนที่ไปอาศัยบ้านของมินซอกอยู่มาสองวันแล้ว

     

    ไอ้เทามาป่ะ

     

    มาครับ  ออกมาพร้อมกันเมื่อเช้า แต่ว่าพี่จงอินยังไม่หายดี  ป๊ากับม๊าเลยอยากให้พักดูอาการก่อน  โดนไปหนักขนาดนั้น  น่าจะเป็นอาทิตย์กว่าจะหายดี

     

    อืม  ขอบใจมาก

     

    ครับผมมินซอกรับคำด้วยความยินดี

     

    แบคฮยอนเดินไปวางกระเป๋าข้างๆจุนมยอนที่ตอนนี้กำลังมองหน้ามินซอกกับคริสสลับกันไปมาเหมือนต้องการคำอธิบายจากบทสนทนาของคนทั้งคู่ 

     

    พี่จงอินเป็นอะไร?

     

    จนเมื่อคริสพาตัวเองพร้อมด้วยรถคู่ใจออกไปแล้ว  คนตัวขาวก็รีบดึงมินซอกมาเพื่อให้สนใจตนเองทันที  ที่จริงก็พอรู้สึกว่าตัวเองห่างเหินกับเพื่อนสองคนพอสมควรในช่วงนี้  แต่ดูเหมือนจะมีรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

     

    พี่จงอินเป็นอะไร

     

    เมื่อได้ยินคำถามของจุนมยอน  มิ นซอกและแบคฮยอนก็นึกได้ทันทีว่าคุณหนูจุนมยอนของพวกเขานั้นไม่รู้เรื่อง อะไรสักอย่าง ในช่วงที่ผ่านมาคยองซูนั้นยึดตัวเพื่อนตัวขาวคนนี้ไปแทบจะตลอดเวลา  ทั้งสองคนจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้จุนมยอนฟังตั้งแต่เรี่องที่เกิดขึ้นที่มยองดงในวันนั้น จนถึงเรื่องของคยองซูที่ตกบันไดเมื่อวาน  ซึ่งตรงส่วนนี้เองมินซอกก็เป็นฝ่ายนั่งฟังแบคฮยอนเล่าเช่นกัน
     

    แล้ว  เรื่องคนพวกนนั้นล่ะ  มันจะมาทำอะไรแบคกับคุณคริสอีกรึเปล่า

     

    เอ่อ…”แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึง  จะให้ตอบไปอย่างไรว่าตนเองไปทำอะไรมาเมื่อวานนี้เพื่อจบปัญหากับแทคยอน

     

    นั่นสิ  ไอ้พวกนนั้นมันจะมาหาเรื่องอีกหรือเปล่ามินซอกเองก็เป็นกังวลเช่นกัน

     

    คือ  ไม่แล้วล่ะ พวกนั้นออกจากโซลไปแล้ว  หนีตำรวจน่ะแบคฮยอนไม่ได้โกหก  พวกนั้นออกจากโซลไปแล้วจริงๆ 

     

    ก็ไม่ได้โกหก  แค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง

     

    ทั้งมินซอกและจุนมยอนมีท่าทีโล่งใจมากขึ้น  แบคฮยอนองก็ไม่ต่างกัน  เพียงโล่งใจที่เพื่อนทั้งสองของตนไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก  เมื่อใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทั้งแบฮยอนและมินซอกก็เริ่มทยอยเก็บของเพื่อเตรียมตัวขึ้นไป  ในขณะที่จุนมยอนยังนิ่งอยู่และมีท่าทางลุกลน คนตัวขาวมองหน้ามินซอกเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง  อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า เขาไม่เคยทำแบบนี้เลยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้ดูไม่ดี  จุนมยอนยังงไม่พูดอะไร  แต่ท่าทีเหมือนกำลังชั่งใจบางอยางนั้น ก็เป็นที่สังเกตของเพื่อนอีกสองคนได้ไม่ยาก

     

    มีอะไรรึเปล่าเป็นมินซอกที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อน

     

    เออ  คือว่า  คือพูดไปสิจุนมยอน  แค่พูดออกไป

     

    มีอะไรครับคุณหนูจุนคนแก้มป่องถามเน้นเสียงจริงจังอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอ้ำอึ้ง

     

    เราอยากไปเยี่ยมพี่จงอิน

     

    อ๋อออออออทั้งมินซอกและแบคฮยอนพลักหน้ารับรู้พร้อมเพรียงกัน  ที่แท้คุณหนูจุนอยากไปเยี่ยมจงอินที่นอนเจ็บอยู่นี่เอง  ถึงว่าเห็นทำท่าอึกอักอยู่นาน

     

    เดี๋ยวเลิกเรียนก็ปพร้อมมินซอกสิ

     

    เราอยากไปเลยนี่นา  เราร้อนใจอ่ะ

     

    อ่าฮะมินซอกเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรหากจะต้องโดดเรียนไปบ้าง  แต่คนตั้งใจเรียนอย่างจุนมยอนออกปากอยากโดดเรียนไปด้วยตัวเองขนาดนี้  มันก็นะ…..

     

    พี่จงอินรู้คงดีใจแย่แบคฮยอนห้ามตัวเองไม่ให้เอ่ยปากแซวเพื่อนไม่ได้จริงๆ  ท่าทางตื่นๆของจุนมยอนมันช่างน่าแกล้งยิ่งกว่าอะไร

     

    ก็ได้  งั้นไปกันหมดเลยแล้วกันนะ จะโทรให้พี่ลู่หานมารับ

     

    อ่า  มินซอกไปกับจุนมยอนเถอะ  เผื่ออาจารย์สั่งงานอะไร  เราจะได้เก็บเอาไว้ให้นะแบคฮยอนอาสาที่จะอยู่แทน  เพื่อให้มินซอกพาจุนมยอนไป เขา รู้ดีว่าการที่คนที่จริงจังและมีความพยายามเรื่องเรียนมากอย่างจุนมยอนยอม ที่จะทิ้งชั่วโมงเรียนไปเพื่ออะไรสักอย่างมันคงเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ 

     

    เอางั้นหรอจุนมยอนมีท่าทีเกรงใจไม่น้อย เขากำลังทำให้แบคฮยอนมีภาระ

     

    ไม่เป็นไร  มินซอกพาจุนมยอนไปเถอะ

     

    อืม  ขอบคุณนะ

     

    เมื่อเพื่อนทั้งสองคนออกไปแล้ว  แบคฮยอนจึงเก็บของและรีบขึ้นห้องเรียนทันทีเพราะใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว  ทุกอย่างควระเป็นปกติเช่นทุกวัน  หากไม่รู้สึกถึงสายตาแปลกๆของคนรอบข้างที่ส่งมาให้  คนตัวเล็กมองไปรอบตัวก็พบว่ามีหลายนที่มองมาที่ตนพร้อมกับซุบซิบบางอย่างกันโดยไม่ปิดบังท่าที  ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้  ตอนนี้เขาตัวคนเดียว  ไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร เสียงซุบซิบกันรอบตัวนั้นฟังไม่ได้ศัพท์แต่ก็ทำให้รู้สึกแย่ไม่น้อย  แบคฮยอนรีบก้มหน้าก้มตาเดินเลี่ยงไปยังตึกเรียน  แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด  แม้ จะมาจนถึงลิฟท์แล้วก็ยังไม่วายมีนักเรียนที่ร่วมตึกเดียวกันคอยมองให้รู้สึก อึดอัดกดดันจน่างทั้งร่างแทบจะลีบหายไปกับผนังด้านในลิฟท์ 

     

    ตัวเลขระบุชั้นที่เจ็ด แบคฮยอนก็รีบเดินออกมาทันทีที่ลิฟท์เปิด  แต่ก็ต้องล้มลงมานั่งกองกับพื้นพร้อมของในมือที่กระจายไปทั่ว  แรงผลักจากด้านหลังนั้นไม่สามารถระบุตัวคนทำได้  เพราะในลิฟท์นั้นยังมีนักเรียนอยู่อีกหลายคน  แบคฮยอนรีบกอบเอาของที่หล่นกระจายนั้นเข้าหาตัว  ในเวลาที่ดูน่าสมเพชเช่นนี้  ไม่มีใรที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสักคน  นักเรียนบางคนยืนมองนิ่งๆ  บางคนยืนซุบซิบนินทา  และที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือคนที่เดินผ่านและเหยียบของของเขาอย่างจงใจ

     

    มันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เคยดีกับเขา  คนที่เคยแสดงตัวว่าเป็นเพื่อนกัน 

     

    ในที่สุดก็เก็บของจนหมดอย่างทุลักทุเล คนตัวเล็กจ้ำอ้าวไม่สนใจใครอีก เขาแค่อยากไปให้ถึงห้องเร็วๆก็เท่านั้น  อย่างน้อยก็ไปให้พ้นของสายตาที่แสดงความเกลียดชังต่อเขา  ไปให้พ้นจากเสียงซุบซิบที่ดังรบกวนประสาทหูของเขา 

     

    อึก!

     

    นี่ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้สักนิด

     

    แบคฮยอนมองโต๊ะเรียนของตัวเองที่ถูกขีดเขียนด้วยปากเมจิกจนเละเทะ  ข้อความที่อานแล้วแทบจะร้องไห้ออกมา  นี่สินะคือสาเหตุที่ทุกคนปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้  มือเรียวสวยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพยายามที่จะเช็ดข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกออกไป  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล  แม้จะออกแรงถูจนเจ็บมือไปหมด  ก็ไม่สามารถลบออกไปได้  ขอบตาร้อนผ่าว  พร้อมกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่จนเอ่อเต็มสองตา  เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นเบาๆจากเพื่อร่วมห้องหลายๆคน 

     

    ลบไม่ออก

     

    ฮึก

     

    ข้อความพวกนี้ คำที่ถูกเขียนซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบครั้งด้วยหลากหลายลายมือ 

     

    ฆาตกร” 

     

     

    บยอนแบคฮยอนเคยคิดว่าบรรยากาศสังคมรังเกียจและการถูกกลั่นแกล้งกันในห้องเรียนนั้นแย่มากพอแล้ว  แต่ตอนนี้เขาก้ได้รู้ว่ามีสิ่งที่แย่กว่า  วิชาพละ เขาไม่ใช่คนแข็งแรงแต่ก้ไม่เคยเลี่ยงการเรียนพละ  ไม่เคยคิดว่ามันแย่  ไม่เคยสักครั้งที่อยากจะโดดเรียน  หากแต่เวลานี้ได้มาพบว่าเพื่อนร่วมห้องหลายคนนั้นต่างมองมาทางเขาอย่างไม่น่าไว้ใจ  ในมือถือแร็กเกตและอีกข้างที่โยนลูกเทนนิสขึ้นลงเหมือนเตรียมพร้อมอะไรบางอย่าง 

     

    ไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดเลยจริงๆ

     

    ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของแบคฮยอน  เพราะทันทีที่อาจารย์ประจำวิชาเดินเลี่ยงออกไปแล้ว  เพื่อนหลายคนที่คอยจ้องเขาอยู่ก็เริ่มพูดคุบกระซิบกระซาบนัดแนะกัน

     

    เล่นเทนนิสกันหน่อยสิคุณหนูบยอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     

    จากนั้นก็ลูกเทนนิสก็ถูกตีมาทางคนตัวเล็กด้วยวามแรงและเร็วจนกระแทกเข้ากับมือสวยที่กำไม้แร็กเกตเอาไว้  ความเจ็บปวดทำให้แบคฮยอนต้องปล่อยไม้แร็กเกตลง  และทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้นสนามเมื่อมีลูกเทนนิสอีกหลายลูกถูกส่งมาหาเขาอย่างจงใจ  เสียงหัวเราะและลูกกลมๆถูกส่งมาจากทุกทิศทางอย่างไร้ความปรานี

     

    พอแล้ว  หยุดเถอะ  เราเจ็บนะ อ๊ะ

     

    ไม่มีใครเมตตา  บางคนเร่มเลิกใช้แร็กเกตตีส่งมาเปลี่ยนเป็นปาใส่ตรงๆอย่างไม่คิดปิดบังความตั้งใจ

     

    โอ๊ย เจ็บ หยุดนะ
     

    แม้จะร้องขอให้เห็นใจกันแต่ก็ไม่มีใครสนสักนิด  ลูกเทนนิสหลายลูกยังคงทำหน้าที่สร้างความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายของแบคฮยอนอย่างต่อเนื่อง

     

    คนตวเล็กนั่งขดตัวลงกับพื้น  ยกมือขึ้นปิดบริเวณศีรษะเอาไว้  หลับตาแน่นดด้วยความกลัวและเสียใจ  ไม่อยากรับรู้อะไรอีก  ปล่อยให้ลูกเทนนิสเข้ามาปะทะร่างกายต่อไปโดยไม่คิดจะอ้อนวอนให้ใครหยุดอีก 

     

    เฮ้ย!”เสียงใครบางคนดังขึ้นตามมาด้วยเสียงแตกตื่นของบรรดาเพื่อนร่วมห้องของแบคฮยอน  
     

    เมื่อรู้สึกได้ว่าไร้การโจมตีจากลูกกลมๆนั้นแล้ว  คนตัวเล็กก็ค่อยๆลืมตาขึ้นดู  ก่อนที่ภาพตรงหน้าที่ได้เห้นนั้นจะทำให้ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

     

    ร่างสูงของชานยอลกำลังนั่งครอมบนตัวของเพื่อนผุ้ชายคนหนึ่งและปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้ง  นักเรียนอีกคนพยายามจะดึงชานยอลออกไปนั่นยิ่งทำให้คนที่อารมณ์กำลังครุกรุ่นในตอนนี้ยิ่งเดือดดาล  ร่างสูงละมือจากเพื่อนที่นอนเลือดกลบท่วมปากแล้วคว้าแร็กเกตบนพื้นขึ้นมาก่อนจะฟาดลงไปยังคนที่พยายามจะห้ามตนเอง 
     

    แบคฮยอนมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นกลัว เขาเคยคิดว่าชานยอลน่ากลัวที่สุดแล้วในห้องน้ำวันนั้น  แต่เปล่าเลย  นี่ต่างหาก  ชานยอลกลายเป็นใครอีกคนที่แบคฮยอนไม่รู้จัก ชานยอลที่แสนเกรี้ยวกราด

     

    ไม้แร็กเกตในมือแกร่งฟาดลงไปไม่ออมแรงจนคนถูกกระทำต้องลงไปนอนกองกับพื้น  แต่ใช่ว่าชานยอลจะหยุด ร่างสูงตามไปใช้เท้ายกเหยียบที่หน้าของเพื่อนร่วมห้องที่ตอนนี้โลหิตสีแดงฉานไหลออกจากกลางศีรษะดูน่ากลัว 

     

    อย่าแตะต้องแบคฮยอนบอกเพียงเท่านั้นก่อนจะกระทืบซ้ำลงไปบนใบหน้าที่บวมช้ำอีกหลายครั้งจนพอใจ

     

    ชานยอลเดินตรงไปหาแบคฮยอนทันที  เพื่อนในห้องหลายคนที่ก่อนหน้ากำลังสนุกสนานกับการใช้คนตัวเล็กเป็นเป้าซ้อมเทนนิสได้แต่ยืนตัวเกร็งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างหวาดกลัว  ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปช่วยสองคนที่โดนชานยอลระเบิดอารมณ์ใส่  ไม่กล้าจะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

     

    ร่างสูงมองแบคฮยอนที่นั่งตัวสั่นอยู่ที่พื้น ยื่นมือเข้าไปเกลี่ยหยาดน้ำใสที่ไหลจากสองตาลงมาบนผิวแก้มขาวเนียนอย่างเบามือ  ไล่สายตามองไปตามใบหน้าและร่างกายของคนตัวเล็กที่เต็มไปด้วยรอยช้ำแดงจากแรงอัดของลูกเทนนิส

     

    ยิ่งเห็นยิ่งโมโห

     

    โมโหตัวเองที่ปกป้องแบคฮยอนไม่ได้  โมโหที่มาช้า  โมโหที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างในยามที่แบคฮยอนลำบาก

     

    ขอโทษนะ  ขอโทษที่มาช้า

     

    ฮึกชาน

     

    ไม่ร้องนะครับ  เดี๋ยวเราจะพาไปห้องพยาบาลเน๊อะรอยยิ้มอ่อนโยนที่แบคฮยอนรู้สึกคุ้นเคยถูกส่งมาให้ 

     

    แต่ไม่ใช่!

     

    สิ่งที่แบคฮยอนเห็นก่อนหน้านี้บ่งบอกว่ารอยยิ้มนี่ไม่ใช่ชานยอล  ไม่ใช่อีกแล้ว  ภาพที่แสนโหดร้ายนั่นยังติดตาอยู่จนไม่สามารถทำใจให้ยื่นมือออกไปจับมือแกร่งนั้นได้อีกแล้ว เขารู้ว่าชานยอลช่วยเขาเอาไว้  แต่ที่ทำขนาดนั้นมันไม่มากไปหรือ  ถ้าหากสองคนนั้นเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร  นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุเหมือนกรณีของเขากับคยองซู  สิ่งที่ชานยอลทำคือทำร้ายร่างกาย  และชานยอลที่เขารู้จักมาเป็นสิบๆปี  ไม่ใช่คนที่จะทำร้ายคนอื่นได้ถึงขนาดนั้น
     

    มือเรียวปัดมือของชานยอลออกไป  มองดูข้อนิ้วที่มีรอยเลือดติดอยู่ก็ยิ่งรู้สึกกลัว  ช้อนตาขึ้นมองก็พบว่าชานยอลกำลังขมวดคิ้วบ่งบอกได้ว่ากำลังไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่เขาทำนัก

     

    เรา..เราจะไปเอง เราเจ็บแค่นิดเดียว  ชานพาสองคนนั้นไปโรงพยาบาลเถอะ

     

    ทันทีที่บอกออกไป  ชานยอลก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอพลางกรอกสายตาอย่างระอา

     

    บยอนแบคฮยอนคนดี  ฉันไม่ได้อัดมันเพื่อจะเป็นพลเมืองดีพามันไปหาหมอหรอกนะ คิดอะไรง่ายๆเป็นเด็ก เมื่อไรจะโตสักทีห๊ะ!!!”เสียงตะคอกทำเอาคนตัวเล็กตรงหน้าสะดุ้งตัวโยน  ชานยอลมองอย่างกราดเกรี้ยว  ก่อนจะกระชากแขนของแบคฮยอนให้ลุกขึ้นแล้วออกแรงลากให้เดินตามไป

     

    ชะ ชาน ชานยอลแม้จะถูกลากไปอย่างไม่เต็มใจ  แต่แบคฮยอนก็คิดว่าเวลานี้เขาไม่ควรทำให้ชานยอลโมโหอีก  หลังจากที่เมื่อครู่เขาพยายามจะให้ชานยอลพาเพื่อนทั้งสองคนไปโรงพยาบาล  แบคฮยอนก็ได้สัมผัสกับชานยอลในโหมดที่เคยคิดว่าไม่อยากจะเจออีกแล้วนับจากเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้น

     

    เสียงเรียกแผ่วเบาของคนที่คิดว่าสำคัญที่สุดไม่อาจฉุดให้อารมณ์เย็นลงได้   ปาร์ชานยอลไม่เข้าใจ  ทั้งๆที่สิ่งที่เขาทำนั้นก็เพื่อปกป้องแบคฮยอน  แต่ทำไมคนตัวเล็กนี้กลับมีท่าทีต่อเขาราวกับเขาเป็นพวกอันธพาลที่ไม่ควรเข้าใกล้ 

     

    ชาน
     

    โธ่เว้ย! หยุดส่งเสียงน่ารำคาญแบบนี้สักทีจะได้มั้ยวะ!

     

    เป็นชานยอลที่หันไปตะคอกใส่แบคอยอนอีกครั้ง  ร่างเล็กมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก  อีกครั้งที่ชานยอลกำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าระยะเวลาหลายปีที่เติบโตมาด้วยกันนั้น เขาแทบไม่รู้จักอีกคนเลย 

     

    ร่างสูงชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้า  พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะคว้าแบคอยอนเข้ามากอดแนบอก  แม้คนถูกกอดจะไม่ได้ออกแรงดิ้น  แต่ชานยอลกกระชับอ้อมกอดแน่นราวกับกลัวว่าอีกคนจะหายไปหากเขากอดเอาไว้ไม่แน่นพอ

     

    ขอโทษ  ขอโทษแบคฮยอน  เราแค่โมโห  เราขอโทษ  ขอโทษนะครับ  ขอโทษ  ขอโทษ

     

    แบคฮยอนฟังเสียงทุ้มที่เอ่ยคำขอโทษออกมามากมายจนนับไม่ได้  ความมึนงงต่อเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกำลังดึงสติสัมปชัญญะของเขาให้หายไปช้าๆ  สุดท้ายเสียงพร่ำเอ่ยขอโทษนั้นก็กลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่  พร้อมกับสติของคนตัวเล็กที่ดับวูบลงไปในอ้อมอกของชานยอลเช่นกัน

     
    .
    .
    .

    แม้อาการเจ็บร้าวตามร่างกายนั้นจะทุเลาลงแล้ว  แต่คิมจงอินก็ยังคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่บ้านของมินซอกให้เกรงอกเกรงใจเป็นบุญคุณ  เพราะแขนกับหลังที่เจ็บหนักกว่าส่วนอื่นนั้นยังคงไม่หายดี  ครอบครัวนี้นอกจากจะช่ำชองเรื่องศิลปะการต่อสู้แล้ว  เรื่องการแพทย์แผนโบราณก็ดูจะมีความรู้กันอยู่ไม่น้อย  คุณหนูของบ้านยังยืนยันเองเลยว่า  อาการของเขานั้น  แม่ของเจ้าตัวรักษาให้ได้สบายๆ  เพราะลูกศิษย์บางคนแค่ซ้อมกันเล่นๆยังเจ็บหนักกว่าเขาเสียอีก เอิ่ม  ขอโทษเถอะครับ  จะโหดสัสไปไหน

     

    ร่างสูงรู้สึกตัวอยู่สักพักแล้ว  แต่ตามันไม่พร้อมจะลืมมาสู้แสงเวลานี้  นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่บ้านคนอื่น เขาจะเนียนขี้เกียจแกล้งหลับยาวไปถึงเที่ยง  บอกเลยว่าปกติแล้วถ้าไม่ใช่วันทำงานพิเศษ  ชีวิตคิมจงอินก็มีแค่เรียนแล้วก็หลับนั่นแหละครับคุณ

     

    พี่จงอินยังไม่ตื่นเลย เราควรกลับไปเรียนก่อนมั้ย

    เสียงใคร มันคุ้นๆ

     

    โดดมาแล้วก็รอก่อนสิ  เดี๋ยวก็ตื่นแล้วล่ะ

    อ่า  อันนี้เสียงมินซอก เขาได้ยินมาสองวันล่ะ  จำได้  แต่ว่านะ  เสียงคนก่อนหน้านี่มัน

     

    งื้อออ พี่จงอินอ่า  ตื่นสิครับ

    ชัดชัดเลย 

     

    ดวงตาที่แกล้งทำเป็นหลับสนิทเบิกโพลงขึ้นมาทันทีที่มั่นใจว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร  หันไปทางขวาก็เห็นว่านตัวขาวนั่งจ้องเข้าอยู่ไม่ละสบาย  ดวงตาสุกใสเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว  รอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันแสนงดงามนั้นประดับบนใบหน้าสวยชวนมอง

     

    สโนว์ไวท์!”สโนว์ไวท์ของเขา  สโนว์ไวท์ของคิมจงอิน 

     

    พี่จงอิน  ตื่นแล้วหรอครับจุนมยอนเอ่ยออกมาอย่างดีใจ  จนมินซอกที่ยืนอยู่อีกมุมของห้องรีบหันมาดู 

     

    นอนกินบ้านกินเมืองเลยอ่ะครับพี่  ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวผมไปตามม๊ามาดูอาการพี่นะ  คุยกับจุนมยอนไปก่อนนะ นี่ คิดถึงพี่จนยอมโดดเรียนมาเลยแหละ

     

    มินซอก!”คนตัวขาวค้อนขวับใส่เพื่อนทันที  แต่มินซอกก้ไม่ได้สนใจนัก  พาตัวเองออกไปตามแม่มาดูอาการของจงอินตามที่บอกจริงๆ

     

    ส่วนคนที่นอนอยู่นั้นก็เอาแต่จ้องหน้าจุนมยอนจนคนที่เป็นเป้าสายตาเริ่มเขินนิดๆ  ใบหน้าขาวสว่างนั้นขึ้นสีระเรื่อน่ารักชวนมอง

     

    คือสภาพพี่ดูไม่ได้เลยเน๊อะ  อายจังจงอินส่งยิ้มแหยไปให้  ประโยคที่ฟังดูน่าสงสารกรายๆนั่น  ทำให้จุนมยอนต้องรีบส่ายหน้าพัลวัน  เพราะไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเขารู้สึกสงสารหรืออะไร

     

    ไม่เลยครับ  คุณป๊าของมินซอกพูดเสมอว่า  ลูกผู้ชายจะดูเท่ที่สุด  ตอนที่ร่างกายบาดเจ็บจากการต่อสู้  แล้วก็จะดูหล่อที่สุดตอนที่หน้าเป็นแผลพูดเองก็ยังอยากจะขำออกมา  ประโยคที่ได้ยินมานี้  ทุกวันนี้จุนมยอนเองก็ยังไม่เข้าใจว่าลีจงซอกใช้ตรรกะอะไรในการตัดสิน

     

    โห  งั้นพี่ก็ทั้งหล่อทั้งเท่สุดๆเลย  ดูหน้าสิ  เฮ้อ  ไปทำงานก็ไม่ได้

     

    ครับ

     

    ไม่ได้โทรหาด้วย

     

    ครับ ใช่จุนมยอนไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเขารอโทรศัพท์จากจงอินมาสองวันแล้ว  ปกติรุ่นพี่ผิวคล้ำคนนี้จะคอยเทียวโทรมาหยอดมุขเสียวๆให้เขาได้อารมณ์ดีทุกวัน  พอหายไปสองวันอย่างไม่รู้สาเหตุแบบนี้ก็อดคิดถึงไม่ได้

     

    คิดถึงมากเลย

     

    ……..ครับเหมือนกัน  ก็ได้แต่รับคำออกไปอย่างสุภาพเท่านั้น  คำว่าเหมือนกันก็ฟังดูง่าย  แค่พูดออกไปก็จบ  แต่ทำไมคิมจุนมยอนถึงมาแอบพูดในใจนเดียวแบบนี้ 

     

    ไม่มีความกล้าเอาซะเลย

     

    ดูเหมือนจะหมดเรื่องคุยกันไปเสียเฉยๆ  เมื่อไม่ว่าจงอินจะส่งคำถามอะไรไป  จุนมยอนก็จะตอบกลับมาแค่ ครับ  เท่านั้น  ห้องทั้งห้องก็ดูจะเข้าสู่ความเงียบ  จงอินไม่คิดว่าตอนเจอหน้ากันจะมีเรื่องให้คุยกันน้อยนิดแค่นี้  ทั้งๆที่เวลาโทรหาช่วงว่าง  ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันเยอะกว่านี้มากนัก  สรรค์หาเรื่องมาเป็นประเด็นอยู่ตลอดไม่ขาดบทสนทนา เอาจริงๆว่าเวลาอยู่ต่อหน้ามันก็ชวนให้ขัดเขินไม่น้อย  อย่าว่าแต่จุนมยอนที่ไม่รู้จะตอบอะไร  เพราะต่อให้ฝ่ายนั้นตอบอะไรยาวเป็นกิโลออกมา เขาก็ไม่รู้จะตั้งคำถามอะไรชวนสร้างสรรค์ไปเป็นหัวข้อสนทนา

     

    สุดท้ายก็แค่มองหน้ากันไปมาท่ามกลางความเงียบ  ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้มินซอกที่ออกไปตามแม่ของเจ้าตัวนั้นรีบกลับมาเสียที  อย่างน้อยก็จะได้ช่วยทำลายบรรยากาศชวนให้ขวยเขินปนอึดอัดนี้เสียที  คิมจงอินได้แต่ถอนใจยาวๆเพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง  ส่วนจุนมยอนก็กำลังทุบตีตัวเองอยู่ในความคิด 

     

    ดิ้นรนมาหาเขาถึงที่  ดันพูดเป็นแต่คำว่า ครับ  ท่าทางพี่จงอินคงจะเคืองไม่น้อย  โธ่  คิมจุนมยอนคนโง่  เรามันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย  บางทีก็อยากจะถามมินซอกเหมือนกันว่าทำอย่างไรถึงจะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายและรวดเร็วเหมือนเจ้าตัว  เขาดูถือตัวเกินไปหรือเปล่า  ตึงเกินไปมั้ย  เขาควรจะหย่อนสักหน่อย  ทำตัวสบายๆ  เล่นมุขตลก  หรือกล้ากว่านี้   จะทำไงดีล่ะเนี่ย  จะร้องไห้แล้วนะ 

     

    โอ๊ย!

     

    โอ๊ะ โอ๊ะ  ใจเย็น  จุนมยอนใจเย็น  เป็นอะไรไป  เจ็บอะไรตรงไหรรึเปล่าจงอินผงะหนีไปเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆสโนว์ไวท์แสนน่ารักก็แหกปากขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ

     

    อ่า ทะ ทะ โทษทีครับ  ผม  คือไม่มีอะไรจุนมยอนส่งยิ้มแหยๆไปให้จงอินที่ดูท่าจะงุนงงอยู่ไม่น้อยกับอารมณ์หลุดๆของเขา

    กล้าๆหน่อยคิมจุนมยอน  กล้าๆหน่อย

     

    คือ

     

    ครับ?”จงอินเลิกคิ้วสูงเมื่อดูท่าทางแล้วคุณหนูตัวขาวมีบางอย่างที่ต้องการบอก

    ผมคิดถึงพี่ คือ! คือว่า คิดถึงมุขตลกของพี่น่ะครับ

    จุนมยอนคนโง่!

    อ่า  คิดถึงแต่มุขหรอครับ  คนเล่นมุขไม่คิดถึงหรอเมื่อได้ที  คิมจงอินต้องจัดให้หนัก เขาคิดว่าเขาไม่ใช่พวกชอบเข้าขางตัวเอง  ชอบมโนไปเอง   แต่ครั้งนี้มั่นใจเหลือเกินว่าจุนมยอนกำลังหมายถึงว่าคิดถึงคิมจงอินคนนี้แน่นอน  ก็แหงล่ะ  หน้าแดงไปถึงหู  เดาว่าเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าใบหน้าขาวใสนั้นเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

    จงอินยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเขยิบเข้าไปหาขอบเตียงเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงนั้น  จุนมยอนที่เห็นว่าคนป่วยกำลังพยายามพาตัวเข้ามาใกล้ก็รีบแสร้งหันไปสนใจสิ่งรอบตัวแทน 

    ถ้าใกล้ขนาดนี้แล้วให้มองหน้าตรงๆ  คิมจุนมยอนต้องเป็นลมไปตรงนี้แน่นอน  เมื่อรู้สึกว่าเข่าของอีกคนมาเบียดชิดก็แอบชำเลืองมอง  แต่ดูเหมือนนตัวขาวจะพลาดไปเสียแล้ว  เพราะทันทีที่เห็นสายตาของจงอินที่จงมาในระยะใกล้ชิด  จุนมยอนก็ทำอะไรไม่ถูก  ปกติเขาจะเห็นจงอินจะดูสนใส  สนุกสนาน  แววตาดูขี้เล่นซุกซน  แต่ตอนนี้

    พี่เหมือนหมาป่าเลยตอนนี้เอ่ยเสียงแผ่วๆอย่างกล้าๆกลัวๆ

    ฮึ  งั้นจุนมยอนก็เลิกเป็นสโนว์ไวท์แล้วมาเป็นหนูน้อยหมวกแดงให้พี่แทน  ดีมั้ยครับคิมจงอินกำลังจะแสดงให้คุณหนูที่แสนน่ารักได้รู้จักกับคำว่าปากว่ามือถึงของจริง  เพราะทันทีที่เอ่ยถามไปก็ไม่ได้รอคำตอบแต่อย่างใด  ใบหน้าเจ้าเล่ห์โน้มไปหาคนที่นั่งหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกฉ่ำน่าลิ้มลอง

    ริม ฝีปากขอคนตัวสูงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำเอาก้อนเนื้อในอกของคิมจุนมยอนเต้น แรงเสียจนแทบจะระเบิดออกมา สายตาที่มองสบกันชวนให้ยิ่งเขินอาย  เมื่อสุดท้ายแล้วริมฝีปากเข้ามาชิดจนแทบไร้ช่องว่าง  ดวงตาสุกใสของคนตัวขาวก็ปิดลงแน่นทันที  คุณหนูจุนมยอนนิ่งรอรับสัมผัสด้วยริมฝีปากที่ไม่มีใครเคยได้ครอบครอง ใจเต้นระทึกด้วยความไม่เคย  ริมฝีปากเผยอออกพองามเพื่อให้จงอินได้แตะต้องมันเป็นคนแรก

    จุ๊บ

    สัมผัส แผ่วเบาที่แก้มนุ่มทำเอาคนที่เตรียมตัวเตรียมใจอย่างเต็มที่อย่างจุนมยอน ต้องลืมตามองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ที่ควรจะเกิดแต่ดันไม่เกิด  จงอินมองคนที่ทำหน้างงอยู่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู  เอาจริงก็อยากจูบนะ  แต่เห็นแก้มแดงๆแล้วมันอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้

    มือขาวยกขึ้นมาจับทับสัมผัสของจงอินที่แก้มเนียนของตน  สมองกำลังประมวลผลเหตุกาณณ์ก่อนหน้า  ดวงตาเบิกกว้างขึ้น  ใบหน้าที่แดงซ่านอยู่แล้วยิ่งเห่อร้อนให้หนักเข้าไปอีก  ไม่ใช่ว่าเขินที่ถูกจุ๊บแก้ม  แต่อายที่ตัวเองดันคิดไปว่าจะโดนอีกฝ่ายจูบเสียนี่

    จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะคิมจุนมยอน

    ฮึ ฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าจงอินระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า  แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บเอี้ยวไปซ้อนหลังตัวเองเอาไว้  เพราะยิ่งหัวเราะมากก็เจ็บร้าวไปทั้งหลัง  แต่จะให้หยุด  บอกเลยว่ายาก

    จุนมยอนมองจงอินที่กำลังหัวร่ององหงายตัวเองอยู่ก็คิ้วกระตุกขึ้นมา  ริมฝีปากสวยเม้มแน่นอย่างควบคุมอารมณ์  หัวเราะอยู่ได้คนบ้า

    นี่คุณหนูจุนจะโกรธแล้วนะ!

    พี่จงอิน…”ไม่ใช่การตวาด  ไม่ใช่การตะคอก  ไม่ขึ้นเสียง  ไม่ใส่อารมณ์ลงไปในน้ำเสียง  เอ่ยเรียกไปเรียบๆให้อีกคนพอรู้สึกตัว

    ฮ่า ฮ่า ฮ่าแต่คิมจงอินยังไม่หยุด

    คิมจงอิน

    ฮ่า ฮ่า ฮึบโดนเรียกแบบมาเต็มทั้งชื่อสกุลให้เกียรติวงศ์ตระกูลขนาดนี้  ขอเดาว่าสโนว์ไวท์ของเขากำลังเคืองแหงๆ จงอินที่หัวเราะค้างเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆอย่างสำนึกผิด

    จุนมยอนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ใช่ว่าจะโกรธเคืองอะไรขนาดนั้น  เพียงแต่ที่ต้องหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อยากให้จงอินเห็นว่าเขากำลังแอบยิ้มอยู่  ถ้ารู้ว่าเขาหายโกรธง่ายๆแบบนี้  เดี๋ยวก็ได้เอาเรื่องนี้มาล้อกันอีกแน่นอน

    ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องอีกครั้ง  แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกอึดอัดเหมือนก่อนหน้า   เวลานี้ความเงียบเป็นเหมือนเกมส์จ้องตาก็ไม่ปาน  เงียบแข่งกันไปจนกว่าจะมีใครหลุดออกมาก่อนนั้นเอง

     

    ก๊อก!  ก๊อก! ก๊อก!

    เด็กๆ

    ยังไม่ทันได้ตัดสินหาผู้แพ้ผู้ชนะ เสียงเรียกจากหน้าห้องก็ขัดขึ้นเสียก่อน  หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาข้างในพร้อมส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้  ซงเฉียนเดินเข้ามาใกล้ๆเตียงเพื่อตรวจดูอาการให้จงอิน  ส่วนมินซอกที่เดินตามมาก็เลิกคิ้วแปลกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆรอบๆตัวของคนสองคนที่อยู่ด้วยกันลำพังในห้องก่อนหน้านี้  เหลือบมองจุนมยอนและจงอินที่ทำท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  น่าสงสัยสุดๆเลย

    ลุกขึ้นนั่งแบบนี้เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอกน่ะเรา

    ขอโทษครับคุณน้า  พอดีผมรู้สึกเมื่อยๆน่ะครับจงอินตอบหลังจากที่ประคองตัวเองให้นอนลงอย่างเดิมเรียบร้อยแล้ว

    มินซอกเดินไปหาจุนมยอนที่กำลังตั้งใจนั่งดู วิธีบำบัดอาการบาดเจ็บของจงอินอย่างตั้งใจ  สะกิดที่ไหล่เบาๆพอให้รู้สึกตัวก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณเชิญชวนให้กลับไปที่โรงเรียนด้วยกัน  เมื่อ ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปเรียนช่วงบ่ายให้ทัน จุนมยอนก้มดูเวลาจากนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบเที่ยง แล้ว  หากไปรีบออกไปตอนนี้จะไม่ทันเข้าเรียนช่วงบ่ายแน่นอน

    พวก ผมไปเรียนก่อนนะม๊ามินซอกบอกกับผู้เป็นมารดาที่กำลังดูอาการของจงอินอยู่ แล้วเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่วางทิ้งไว้ที่โซฟาตรงมุมห้อง

    จ้ะ  เดินทางปลอดภัยนะลูกซงเฉียนอวยพรเด็กทั้งสองตามสมควรพลางส่งยิ้มอ่อนโยนให้

    ลานะครับคุณน้าจุนมยอนเอ่ยลาผู้ใหญ่หนึ่งดียวในห้อง  ก่อนจะหันไปมองจงอินที่ส่งสายตาอ้อนๆมาให้  เห็นแล้วทำให้คุณหนูจุนต้องยิ้มออกมา  ท่าทางเหมือนเด็กๆที่กำลังเหงาเพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวนั้น  มันดูไม่เข้ากับร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงเท่าไร  แต่จุนมยอนก็คิดว่าอย่างไรแล้วมันก็ยังดูน่ารักอยู่ดี

    ผมจะมาเยี่ยมอีกนะครับคนตัวขาวก้มลงไปกระซิบบอกเบาๆแล้วรีบผละออกมาอย่างเขินอาย  เพราะในห้องนี้มีทั้งมินซอกและน้าซงเฉียนอยู่ด้วย  แต่เขาก็กล้าทำเช่นนี้ออกไป 

    ตอนนี้แม้จะฟินสุดๆแต่คิมจงอินก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า จากคุณหนูที่แสนขี้อายนั้น  จุนมยอนดูจะกล้ามากขึ้นหรือเปล่า  นี่ความหน้าด้านของเขามันออสโมซิสผ่านคลื่นโทรศัพท์ไปถึงคนตัวขาวนี่ด้วยหรืออย่างไร  แต่แบบนี้ก็ดี เพราะคนได้กำไรก็ไม่ใช่ใครนอกจากคิมจงอินคนนี้ล่ะนะ


     

    มินซอกคอยชำเลืองมองเพื่อนตัวขาวที่กำลังเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ  เพี้ยนไปแล้วแน่ๆคุณหนูจุน  แปลกเกินไปนะแบบนี้  แค่ไปสนิทกับพี่จงอินโดยไม่บอกเพื่อนบอกฝูงก็คดีนึงแล้ว  ก่อนหน้านี้ยังไปทำท่ากระซิบกระซาบกินหูกันอีก  ต้องมีอะไรในกอไผ่แหงแซะ

    จุนมยอน

    หืม?”

    ชอบพี่จงอินหรอ

    อึก! แทบจะสำนักน้ำลายทันทีที่ได้ยินคำถาม  เท้าทั้งสองคู่หยุดชะงักอยู่กับที่  ใบหน้าน่ารักของทั้งคู่ก็จ้องกันนิ่งๆ  ความเงียบปกคลุมราวกับจะกดดัน   คนนึงรอคำตอบ  ส่วนอีกคนก็กำลังคิด

    ชอบงั้นหรือ?

    ถ้าชอบมันจะเป็นแบบไหนล่ะเพราะไม่เคยสนใจเรื่องของความรัก  จุนมยอนจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าชอบได้หรือยัง

    ตอนนี้กลายเป็นมินซอกเสียเองที่เงียบไป  อย่าว่าแต่จุนมยอน  ตัวเขาเองก็ไม่เคยรู้ว่า การชอบใครสักคนนั้นมันเป็นอย่างไร  บางที เขาควรลองถามเอาจากคนที่พอรู้ดีมั้ยนะ  ชานยอลหรือแบคฮยอนจะรู้หรือเปล่า 

    พูดถึงแบคฮยอน  รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    มินซอกเหม่ออะไรน่ะ

    เราเป็นห่วงแบคฮยอนน่ะ  รีบไปกันเถอะ

    TBC.


    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×