ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF EXO by น้ำจ๊ะ แม่ไอ้แดง [NOW: แฟนเกือบเก่า ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #3 : แฟนเกือบเก่า Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 58


     
     
     
     

    Chapter 2

     

     

    ร่างสูงนั่งเอนตัวพิงกับหัวเตียงอย่างอ่อนแรง  ชานยอลยังไม่ได้นอนแม้แต่นิดเดียว ต่างจากคนข้างกายที่นอนหลับสนิทไปแล้วหลังจากทำรักกันอย่างร้อนแรงตั้งแต่กลับมา สายตาหันมองร่างกายเปลือยเปล่าที่มีผ้าห่มผืนหนาคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่  นานเหลือเกินที่เขาไม่ได้กอดแบคฮยอนแบบนี้ ไม่ได้นั่งมองอีกฝ่ายนานๆแบบนี้

     

     

    ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลงเรื่อยๆ ยอมรับว่ากำลังเบื่อ หากแต่ใช่ความเบื่อที่มีต่อแบคฮยอน ชานยอลกำลังเบื่อชีวิตแบบนี้ เขาได้เจอโลกใหม่ สังคมใหม่ และค้นพบว่าการผูกติดตัวเองเอาไว้กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างเขาต้องการ เขาต้องการอิสระ ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการแบคฮยอน

     

     

    ชานยอลลุกจากเตียงคว้าเอาผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเอาไว้ลวกๆ เดินออกจากห้องนอนมองดูพื้นห้องรับแขกทีมีเสื้อผ้าทั้งใหญ่เล็กกระจัดกระจายไปทั่ว ก้มเก็บขึ้นทีละชิ้นก่อนจะนำไปโยนลงตะกร้าผ้าของแบคฮยอนที่วางอยู่ตรงมุมห้อง  ทิ้งตัวบนโซฟานุ่มที่มีกลิ่นอ่อนๆของแบคฮยอนติดอยู่ คนตัวเล็กนอนบนนี้ทุกวัน มันนานมาแล้วที่ท่าทางเบื่อหน่ายของเขาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ หลายครั้งที่เขาเผลอตัวทำเรื่องเลวๆ  เขาจูบกับใครต่อใคร นอนกับคนอื่นไปทั่ว คิดแค่ว่าเรื่องพวกนี้ใครๆก็ทำ  โดยที่ลืมคิดไปว่าแบคฮยอนไม่เคยสักครั้งที่จะทำแบบนี้ แบคฮยอนมีแค่เขา

     

    และเขาก็อยากให้เป็นแบบนั้นตลอดไป

     

     

     

    นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ชานยอลกำลังรู้สึกไม่ดีนักที่มีใครมาพูดว่าเป็นแฟนของแฟนเขา เขาไม่ถือสาเรื่องวอนโฮเพราะรู้จักอีกฝ่ายดี มันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร อาจจะรุ่มร่ามแต่ไม่ได้จริงจัง แตที่ทำให้เขาไม่ชอบใจคือพนักงานอีกคนที่ออกตัวว่าเป็นแฟนของแบคฮยอน ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครกัน….

     

    กูขอโทษแทนไอ้วอนโฮด้วย มันเมาแล้วเรื้อนแบบนั้นตลอดชานยอลเอ่ยทันทีที่เขามาในห้อง เพราะแบคฮยอนเงียบมาตลอดทางจึงคิดเอาว่าอีกฝ่ายคงโกรธเรื่องของเพื่อนเขา

     

    อืม ไม่เป็นไร

     

    ตอนทำงาน มึงเจอแบบนี้บ่อยรึเปล่า

     

    ไม่มีหรอก ทำไมถึงคิดว่าจะมีล่ะ กูเป็นผู้ชายนะแบคฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก

     

    ก็มึงน่ารัก

     

    ชานยอลเห็นแบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดเล่นเพราะแบคฮยอนน่ารักจริงๆ เขาชอบใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ผิวขาวเนียน ริมฝีปากคว่ำตกเหมือนเด็กน้อยกำลังงอแง ไฝเม็ดเล็กที่เหนือมุมปากนั้นก็เช่นกัน ดวงตาตกที่ช้อนมองเขาราวกับลูกสุนัข แบคฮยอนน่ารักเหลือเกินในสายตาเขาและก็มั่นใจว่าหลายคนก็คงมองว่าน่ารักเช่นเดียวกัน

     

     

    เดินเข้าไปประชิดร่างจนแทบไร้ช่องว่างให้อากาศได้ผ่านไป สองมือหนาประคองใบหน้าของแบคฮยอนเอาไว้และก้มลงประทับจูบแผ่วเบา เกิดความเงียบขึ้นรอบตัวสร้างความกดดันให้คนทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร สายตาสอดประสานกันอยู่ครู่หนึ่งและริมฝีปากก็เคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง เป็นความโหยหาที่รุนแรงเหลือเกิน เนิ่นนานเท่าไรที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกันเช่นนี้

     

     

    แบคฮยอนยังคงเป็นแบคฮยอนของเขาเสมอ เมื่อก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ก็ไม่ต่างกัน ร่างกายที่อ่อนยวบภายใต้การรังแกของปาร์คชานยอล ริมฝีปากบางๆครวญครางรัญจวนใจไม่หยุดหย่อน ยามขยับกายร้อนเข้าใส่ก็ยังคงเติมเต็มได้อย่างร้อนแรง ชานยอลจดจำทุกๆอย่างของแบคฮยอน  ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ชื้นเหงื่อ เส้นผมที่สะบัดไปมาด้วยความซ่านจากแรงอารมณ์

     

     

    มันเป็นภาพที่เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครได้เห็นเด็ดขาด

    .

    .

    .

     

     

    “หน้ามึงโทรมมาก เมื่อคืนไม่ได้นอนหรอวะ” จงอินเอ่ยทักเพื่อนตัวสูงที่บัดนี้กำลังนั่งคลึงขมับด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

     

    “อืม” ชานยอลตอบเพียงสั้นๆ เป็นเรื่องจริงที่เขายังไม่ได้หลับแม้แต่นิดเดียว เพราะคิดเรื่อยเปื่อยจนฟ้าสว่าง ออกซื้อโจ๊กมาวางเอาไว้ให้แบคฮยอนแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวมาเรียนโดยไม่ทันได้ปลุกคนที่หลับอยู่ด้วยซ้ำ

     

    “ทำไรอยู่ ไมไม่หลับไม่นอน”

     

    “เสือก”

     

    จงอินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระต่อคำด่าของชานยอล เขาพอจะรู้ว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายอยู่รอจนแบคฮยอนเลิกงาน แต่ก็คิดไว้แล้วว่าอย่างไรก็น่าจะได้นอนบ้างสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี ถ้าหากทั้งสองคนเหมือนคู่รักทั่วๆไปที่ไม่ได้พร้อมจะเลิกกันตลอดเวลาแบบนี้ เขาคงคิดไปแล้วว่าอาจจะจู๋จี๋กันตามประสาคนเป็นแฟน แต่ทั้งชานยอลและแบคฮยอนนี่มัน…. เรื่องอย่างนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้น  คนเบื่อขี้หน้ากันขนาดนั้คงไม่เกิดอารมณ์ตอนองตากันหรอก นอกเสียจากจริงๆพวกมันก็ยังรักกันอยู่

     

     

    “แล้วแฟนมึงเป็นไงอ่ะ โกรธเรื่องไอ้วอนโฮป่ะวะ”

     

    “ไม่ กูบอกไปแล้วว่าไอ้วอนโฮมันล้อเล่น”

     

    “อืม” จงอินครางรับพลางพยักหน้าเบาๆเพื่อแสดงออกให้เห็นว่าเข้าใจเช่นกัน “เออ แต่ว่าไอ้เด็กเสิร์ฟคนเมื่อวานนี่มันเป็นใครวะ แบคฮยอนได้บอกป่ะ”

     

    “ไม่รู้ กูไม่ได้สนใจ เลยไม่ถาม” ถ้าจงอินกำลังหมายถึงไอ้เด็กที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนแบคฮยอน ชานยอลขอบอกเลยว่าเขาไม่สนใจมันแม้แต่นิดเดียว

     

    “แหม ไม่สน เมื่อวานมึงโคตรหึงเลยเหอะ”

     

    “ก็กูหึงไง มึงมีปัญหาหรอ”

     

    “เหยดดดดดด ยอมรับง่ายๆงี้เลย” จงอินทำหน้าทึ่งสุดๆใส่เพื่อนตัวสูง ใครจะไปคิดว่าชานยอลจะยอมรับง่ายๆว่าหึงแฟนที่บ่นว่าเบื่ออยู่แทบทุกวัน

     

    “ก็แบคฮยอนเป็นแฟนกู กูไม่มีสิทธิ์หึงรึไง”

     

    “มีครับเพื่อน” 



     

    ไม่นานนักก็มีอีกสองชีวิตเดินมาสมทบ วอนโฮยังคงมีสีหน้าแช่มชื่นอย่างเคย แม้เมื่อคืนจะดื่มหนักจนแทบต้องนอนข้างถนนก็ตาม ส่วนซูจองก็ยังคงภาพลักษณ์ดาวคณะได้อย่างไม่มีที่ติ สวยเชิดเข้ามาทิ้งตัวนั่งข้างชานยอลโดยไม่ต้องให้ใครเอ่ยชวน หญิงสาวกอดแขนคนตัวสูงเอาไว้เช่นทุกครั้ง เลิกคิ้วสูงใส่หญิงสาวอีกกลุ่มที่แอบส่งสายตาหาชานยอลและจงอินอยู่พักใหญ่โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยสักนิด

     

    “มาถึงก็ฉี่รดขาไอ้ชานยอลเลยนะ” วอนโฮเอ่ยแซว


    “หุบปากไปเลย ฉันไม่ใช่หมาสักหน่อย” ซูจองแวดใส่ แต่ก้ไม่คิดจะปล่อยแขนชานยอลแต่อย่างใด ต่อให้ถูกหาว่าเป็นหมาหรือขี้หวงหล่อนก็ไม่สนหรอก เพราะชานยอลจะเป็นของใครไม่ได้นอกจากจองซูจองคนนี้  แน่นอนว่าหล่อนยังไม่ได้ แต่มั่นใจว่าจะต้องได้ในสักวัน ถึงแม้จะไม่มีท่าทีที่ชานยอลจะแสดงออกทางชู้สาวก็ตาม


    ความจริงก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่ชานยอลก็ดูเป็นผู้ชายเจ้าชู้เพลย์บอย หิ้วสาวไปฟันเล่นๆแล้วทิ้งนับไม่ถ้วน แต่กับซูจองแล้วเจ้าตัวไม่เคยทำแบบนั้นสักครั้ง จะถูกเนื้อต้องตัวก็ในกรณีจำเป็นหรือโดนตัวกันแบบที่ชานยอลไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย มีแต่หญิงสาวที่พยายามออเซาะแล้วออเซาะอีกแต่ก็ไม่ได้ผล  เคยยอมหน้าด้านหน้าทนไปขอคำปรึกษาจากวอนโฮ ซึ่งคำตอบคือ เพราะชานยอลคิดว่าซูจองเป็นเพื่อน ให้ตายสิ! ตอนที่หล่อนมาตีสนิทนี่ก็เพราะถูกอกถูกใจปาร์คชานยอล หวังว่าพอสนิทชิดเชื้อเป็นเพื่อนเป็นฝูงจะเข้าหาได้ง่าย กลับกลายเป็นว่าชานยอลไม่ยอมคิดเกินเลยใดๆไปเสียอย่างนั้น

    พลาดตั้งแต่ก้าวแรก ลงเหวจนตอนนี้ก็ไม่มีปัญญาปีนขึ้นมา


     

    “ไปเรียนเหอะ เธอก็ปล่อยก่อนซูจอง แบบนี้ฉันเดินไม่ได้นะ” ชานยอลว่าพลางยกมือขึ้นดันไหล่หญิงสาวออกเบาๆ ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่อย่างไรซูจองก็เป็นผู้หญิง จะให้เล่นแรงๆแบบเพื่อนคนอื่นคงไม่ได้

     

    “ไม่ปล่อย ขืนปล่อยยัยโต๊ะนั้นก็กระโดดสิงนายแน่ ให้รู้ซะบ้างว่านายเป็นของใคร”

     

    “พวกโซจินน่ะหรอ” ชานยอลมองไปตามสายตาของซูจองก็พบว่า ยัยโต๊ะนั้นที่หล่อนบอกคือใคร เขาจำได้ดีว่าโซจินเป็นผู้หญิงที่เขาเคยเผลอพาไปนอนด้วยที่ห้องตอนเมา เป็นวันเดียวกับที่เขาชกแบคฮยอนเพราะเจ้าตัวอาละวาดพังข้าวพังของจนห้องเละเทะราวกับมีระเบิดมาลง รู้ว่าผิดแต่ที่ชกเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้แบคฮยอนหยุดอาละวาดแลใจเย็นขึ้น แต่ความคิดโง่ๆของเขาก็พาให้ความรักที่ร่อแร่เต็มทีนั้นดิ่งลงเหวยิ่งกว่าเดิม

     

    “มึงฟาดหล่อนไปแล้วหรอวะ” จงอินหันมาถามเมื่อเห็นว่าชานยอลมีท่าทีรู้จักกับสาวๆโต๊ะนั้น

     

    “ไม่รู้ จำไม่ได้”

     

    “ปาร์คชานยอลให้ตายสิ! นี่นายเป็นผู้ชายแบบไหนกัน ต่อไปนี้ห้ามมั่วแล้วนะ นายเป็นของฉันเข้าใจมั้ย” ซูจองไม่ลดละที่จะเอาชานยอลมาเป็นของตน


    “เพ้อเจ้อมาก ไปเรียนกันเหอะ” จงอินส่ายหน้าระอาแล้วเดินนำออกไปก่อนด้วยความรู้สึกรำคาญเล็กๆ


    “ไอ้จงอินนี่ ฉันเพ้อเจ้อที่ไหน ชานยอลเป็นของฉัน ถ้านายรู้ว่าแม่ของชานยอลชอบฉันมากแค่ไหนนายจะไม่พูดแบบนี้”

     

    ชานยอลได้แต่ถอนใจกับคำพูดของซูจอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม่ของเขาชอบหล่อนมากจริงๆ เพราะธุรกิจที่ทำอยู่นั้นทำให้ต้องพึ่งพาครอบครัวจองอยู่หลายครั้ง บวกกับที่หญิงสาวพูดจาเอาอกเอาใจแม่ของเขาอย่างดี แม้ว่าแม่จะเข้าใจดีเรื่องที่เขามีแบคฮยอนเป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ชานยอลก็รู้ว่าแม่หวังว่าจะสักวันเขาจะเลิกกับแฟนตัวเล็กและทำตามที่เจ้าตัวต้องการจริงๆสักที

    .

    .

    .


    “ห้าล้านสองแสนวอนน่าจะพออยู่นะ อาจจะได้ค่าเทอมสักเทอมนึงด้วย” แบคฮยอนเปิดสมุดบัญชีของตนขึ้นมาดูเพื่อปรึกษากับเจ้านายตัวเล็กอย่างคยองซู

     

    “ก็ไม่เลวนะ หอพักก็ดูสะดวกดี ที่จริงเรื่องเรียนยังไงกูก็เป็นคนติดต่อ ถ้าไม่พอกูออกให้ก่อนก็ได้”

     

    “เฮ้ย ไม่เอา กูไม่อยากติดหนี้ใคร ไม่สบายใจว่ะ ยังไงถ้าค่าสมัครกับค่าเทอมมันขาดก็มาบอกกูนะ กูจะเอาให้เอง” แบคฮยอนไม่ได้หยิ่ง แต่เขาคิดว่าการไม่เป็นหนีเป็นสินไม่ว่ากับใครก็ตามจะทำให้ชีวิตดีมากกว่า ตอนนีเขาคิดว่ามีเงินมากพอสำหรับหอพักใกล้กับมหาวิทยาลัย M แล้ว อีกไม่นานคงได้ย้ายออกจริงๆ พร้อมๆกับสมัครเรียนที่นั้นด้วย

     

    แบคฮยอนกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาอาจจะคิดเรื่องเรียนช้าเกินไป แต่คยองซูเองก็คอยบอกเสมอว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปหากเราจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ใช่ว่าทุกวันนี้ชีวิตเขาย่ำแย่ หากแต่เมื่อตั้งใจจะคืนชีวิตให้ชานยอล แบคฮยอนเองก็ต้องสร้างชีวิตของตัวเองเช่นกัน

     

    “ที่จริงมึงไปเป็นรูมเมทกับมินฮยอกก็ได้นะ ไหนๆก็จะไปเรียนที่เดียวกัน น้องมันก็ชวนอยู่ไม่ใช่หรอ”

     

    “อืม แต่ก็ไม่เอา เกรงใจน้องมันด้วย แล้วก็ อยากลองช้ชีวิตตัวคนเดียงด้วยว่ะ”

     

    เสียงกุกกักจากหลังร้านที่ยังไม่เปิดให้บริการนั้นรบกวนบทสนทนาจนทั้งแบคฮยอนและคยองซูต้องยอมหันไปสนใจต้นต่อที่น่าสงสัย แต่แล้วก็เห็นว่าเป็นมินฮยอกที่โผลเข้ามาพร้อมยิ้มกว้างจนเห็นฟังครบแทบทุกซี่ เด็กหนุ่มวิ่งถลามาหาพี่ชายทั้งสองอย่างร่าเริ่ง ชูแบงค์หมื่นวอนปึกใหญ่ในมืออวดสายตาทันที

     

    “เมื่อคืนบอลเข้าเพียบเลยครับ”

    ปั้ก! ฝ่ามือของคยองซูฟาดลงกลางศีรษะของมินฮยอกจนเจ้าตัวหน้าทิ่มลงมาโขกกับโต๊ะ

     

    “แกแทงบอลแล้วยังมีหน้ามาอวดคนอื่นอีก เดี๋ยวก็เรียกตำรวจจับซะเลยนี่”

     

    “โห่ พี่คยองซูครับ อย่าซีเรียสน่า ครั้งเดียวเองนะ”

     

    “อย่าตอแหล คิดว่าทำเป็นสุภาพแล้วแกจะรอดหรอ ไม่เอาขวดเบียร์ฟาดแทนมือก็ดีแค่ไหนแล้ว มีครั้งนี้ก็ต้องมีครั้งต่อไปแน่ อีกอย่างนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ คิดว่าไม่รู้หรอ”

     

    “นั่นสิ แล้วนี่ก็โชคดีที่แทงได้ แต่ถ้าเกิดเสียขึ้นมาล่ะ นายไม่แย่หรอมินฮยอก” แบคฮยอนเอ่ยอย่างจริงจัง เขาเคยมีประสบการณ์กับมันดี เพราะเมื่อก่อนชานยอลแทงบอลได้ทุกวันทุกนัด เสียให้โต๊ะไปเป็นล้านๆจนเจ้าตัวต้องถอดแหวนไปขายเอาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งแบคฮยอนจำได้ดีเพราะแหวนที่ชานยอลถอดไปคือแหวนที่เจ้าตัวซื้อมาใส่คู่กันกับเขา แต่แฟนตัวสูงก็สัญญาไว้ว่าจะเลิกเด็ดขาดเพราะรู้สึกเข็ดจริงๆ  ตอนนี้แบคฮยอนก็หวังว่าชานยอลจะรักษาสัญญา เริ่มเข้าฤดูการแข็งขันแล้ว ทำเอาเขากังวลจริงๆ

     

    “ผมสัญญา ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว นะครับ นะ น้า น้า” มินฮยอกเอ่ยอย่างเอาใจ เอียงตัวไปมาหวังให้ดูน่ารัก แต่คยองซูขอสาบานว่าเห็นไอ้เด็กมินฮยอนทำแบบนี้แล้วเส้นที่เท้ามันกระตุกแปลกๆ อย่างลองถีบแรงๆดูเสียที

     

    “แล้วนึกไงถึงได้มาที่นี่”

     

    “อ่อ ก็ได้ตังค์มาเยอะ เลยจะชวนพวกพี่ไปกินข้าวกันน่ะครับ ผมเลี้ยงเอง” มินฮยอกอยากตอบแทนเจ้านายตัวเล็กอย่างคยองซูที่เอ็นดูและใจดีกับเขาเสมอและอยากพาคนที่เอาทำงานงกๆอย่างแบคฮยอนไปเปิดหูเปิดตาบ้าง “นะครับ ระหว่างร้านยังไม่เปิด”


     

    สุดท้ายทั้งสามคนก็มานั่นอยู่ด้วยกันที่ร้านจาจังมยอนใกล้ๆ ทั้งคยองซูและแบคฮยอนไม่อยากจะเอาเปรียบน้องด้วยการกินอะไรแพงๆ แม้มินฮยอกจะออกปากว่ากินได้ไม่อั้นก็ตาม พวกเขาไม่ได้รีบร้อนนัก ระหว่างจัดการกับบะหมี่ดำตรงหน้าก้ยังคงหาบทสนทนามาพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่แบคฮยอนกำลังจะไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับมินฮยอกเจ้าเด็กหนุ่มก็ดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน เป็นเรื่องน่ายินดีที่ใครๆก็ต่างมีความสุขกับการได้เห็นแบคฮยอนพยายามจะเริ่มต้นใหม่

     

    ตื๊ด

    เสียงโปรแกรมแชทดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของแบคฮยอนที่วางไว้บนโต๊ะ เจ้าตัวเลื่อนดูสักครู่ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะข้อความที่ได้รับ เพราะเอาแต่นิ่งอยู่แบบนั้นคยองซูจึงถือวิสาสะชะโงกหน้าไปดูด้วยตนเอง

     

    “ว๊าว ปาร์คชานยอลกินอะไรผิดสำแดงรึเปล่า”

     

    “แปลก” แบคฮยอนพูดได้เพียงเท่านี้เมื่อยังรู้สึกงุนงงกับข้อความที่ได้รับ ชานยอลส่งมาถามว่าเขาสามารถหยุดงานคืนนี้ได้หรือเปล่า เพราะเจ้าตัวอยากกินหม้อไฟและต้องการให้แบคฮยอนออกมาซื้อของด้วยกัน

     

    “เออ แปลก ปกติมันไม่เห็นเคยจนใจมึง” คยองซูว่าไปตามจริง ปกติแบคฮยอนทำงานจนเกือบเช้าก็ไม่เห็นปาร์คชานยอลจะสนใจ จะเหนื่อยจะหิวก็ไม่เห็นจะถามไถ่ทุกข์สุข ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างล่ะ ควงผู้หญิงอื่นบ้างล่ะ พากันไปนอนที่ห้องบ้างก็ไม่เห็นว่าจะเห็นหัวเพื่อนเขาสักนิด วันนี้นึกยังไงถึงได้คิดจะชวนกินข้าวด้วยกัน

     

    “เขาอาจจะอยากขอโทษเรื่องเมื่อวานก็ได้นะพี่” มินฮยอกเป็นอีกคนที่รู้เรื่องชานยอล เมื่อวานนี้เขาเกือบจะเข้าไปต่อยคนตัวสูงคนนั้นแล้วที่ปล่อยให้พี่แบคฮยอนถูกเพื่อนตัวเองทำรุ่มร่ามใส่โดยไม่เข้ามาช่วยแม้แต่นิดเดียว

     

    “ให้ตายเดาใจมันไม่ออกเลย”

    .

    .

    .

     

    เพราะคยองซูอนุญาตให้หยุดงานได้โดยไม่หักค่าแรง ตอนนี้แบคฮยอนเลยมายืนอยู่หน้าซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อรอชานยอลที่นัดกันเอาไว้ แต่ชานยอลก็คือชานยอล ตอนนี้เลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วก็ไม่เห็นเห็นแม้แต่เงาของคนที่เป็นฝ่ายชวน

     

    Rrrrrrr Rrrrrrrr

    ชานยอล

     

    “อืม มึงอยู่ไหนแล้ว”

     

    โทษทีว่ะแบคฮยอน มึงกลับไปรอที่ห้องก่อนเลย

     

    “มีอะไรวะ”

     

    คือเพื่อนกูอยากจะมาซื้อของด้วย

     

     

    เป็นประโยคที่ฟังแล้วอยากจะร้องไห้เหลือเกิน การที่เพื่อนของชานยอลอยากจะตามมาซื้อของด้วยนั้นทำให้คนอย่างแบคฮยอนต้องกลับไปนั่งรอที่ห้องลำพังทั้งๆที่เขาควรจะได้เป็นคนเดินเลือกซื้อของกับชานยอลแท้ๆ

     

    “แล้วนี่ถ้าเพื่อนมึงอยากแดกหม้อไฟกับมึง กูต้องออกไปนั่งหน้าห้องรึเปล่า”

     

    เฮ้ย มึงอย่าหลงประเด็นดิวะ

     

    “เหอะ ช่างเถอะ เอาไว้ถ้าเพื่อนมึงจะตามมาที่ห้องก็รีบโทรบอกกูแล้วกัน จะได้ออกไปทำงาน” แบคฮยอนวางสายทันทีโดยไม่รอให้ชานยอลได้พูดอะไรต่อ การที่เขามายืนเป็นชั่วโมงเพื่อสุดท้ายจะต้องกลับไปรอที่ห้องแบบนี้มันมีประโยชน์อะไร

     

    เฮ้อได้แต่ถอนใจแรงๆระบายอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหมดที่มี อย่างไรเสียตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับไปที่ห้องอย่างที่ชานยอลบอก รอเวลาให้อีกคนกลับมาซึ่งก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนที่เจ้าตัวบอกจะไม่ตามไปด้วย แต่ไม่ทันได้ออกเดิน ภาพตรงหน้าก็หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างเอาไว้ ชานยอลกำลังเดินมาพร้อมด้วยหญิงสาวที่แบคฮยอนเห็นเมื่อคืนนี้ คนที่นั่งเกยกับแฟนตัวสูงของเขาในร้านและตอนนี้หล่อนก็เดินกอดแขนชานยอลแน่นอย่างไม่สนใจใคร  ชานยอลดูชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนยังอยู่ตรงนี้ แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อทั้งสองคนเดินสวนเขาไปโดยไม่คิดจะหันมามองด้วยซ้ำ ชานยอลเดินผ่านแบคฮยอนไปพร้อมผู้หญิงคนอื่น

     

    นี่คือเพื่อนที่มึงบอกงั้นสินะ….

     

     

    TBC.

     

     

     

     

    อย่าด่าพี่ชานนะ ฮิ


    [น้ำจ๊ะ แม่ไอ้แดง]

     

     

    #นจมอด

     

     

    มินฮยอกคนดีของพี่น้ำจ๊ะ 

     

     

    ทักทายมวลชนหน่อยค่าาาาา

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×