ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #2 : RED 01

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 57




    RED 01


    Rrrrrrr  Rrrrrrrrr


    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือสีขาวสะอาดตา ดังขึ้นในขณะที่เจ้าของกำลังยืนรอรถมารับอยู่หน้าโรงเรียนเอกชนสุดไฮโซอย่างมัธยมT  มือเรียวสวยหยิบขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร หน้าจอขึ้นหราว่า สมบัติของฉัน


    ว่าไงชานยอล

     

    อยู่ไหนน่ะ คุณแม่โทรมาบอกว่าเย็นนี้ครอบครัวพวกเราจะไปกินข้าวข้างนอกกัน ให้เราตามไปได้เลย

     

    อ้าว หรอ ไม่มีใครโทรบอกเราเลยอ่ะ

     

    ก็เราโทรบอกอยู่นี่ไง แล้วก็จะไม่มีรถมารับแบคด้วย ผู้ใหญ่ให้เราไปพร้อมกันเลย  แบคมาขึ้นรถกับเรานะ

     

    อื้ม เรารอตรงหน้าโรงเรียนนะ ออกมารับเราเลย


     

    วาง สายไปไม่นาน รถคันสีดำวาววับก็เลื่อนออกมาจากประตูโรงเรียนแล้วค่อยๆจอดเทียบริมฟุตบาท ที่แบคฮยอนยืนรออยู่  ร่างบางเปิดประตูด้านหลังออกก่อนจะพบว่าคยองซูนั่งอยู่ข้างๆชานยอลแล้ว เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงปิดประตูลงแล้วเปิดประตูหน้าข้างคนขับแทน


    เดี๋ยวๆแบค  คยองซูอ่า  นายไปนั่งข้างหน้าได้มั้ย เดี๋ยวแบคกับเราต้องไปหาครอบครัวพร้อมกัน

    ชานยอลเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน ทั้งแบคฮยอนและคยองซูมองหน้ากันนิ่งเหมือนรอว่าให้ใครตัดสินใจบางอย่าง

     

    ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพอถึงบ้านคยองซุ เราค่อยย้ายไปก็ได้

     

    เรา ไปนั่งข้างหน้าน่ะดีแลฃ้ว แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาลำบากเปล่าๆร่างเล็กด้านหลังเปิดประตูออก มาแล้วยื้อแย่งที่นั่งด้านหน้ากับแบคฮยอน

     

    เราไม่ลำบากหรอก

     

    ไม่ลำบาก แต่ไม่สะดวก  ไปนั่งข้างหลังเถอะ

     

    อ๊ะ! กะ..ก็ก็ ได้แบคฮยอนปล่อยมือออกจากประตูทันทีที่รู้สึกได้ถึงแรกกระชากจากอีกคน อ่า คยองซูตัวเล็ก แต่เอาจริงก็แรงเยอะใช่เล่น  คนตัวพอๆกันอย่างเขาถึงกับเสียหลังไปเลย


     

    ทั้ง คันรถเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากโรงเรียน  เพราะชานยอลเป็นคนพูดน้อย  และคยองซูกับแบคฮยอนก็ไม่สนิทสนมกันมากพอจะคุยเล่นกันมากมาย 

     

    ชาน ยอลที่เอาแต่มองแบคฮยอนจนคนที่ตกเป็นเป้าสายตาหันมาตวัดใบหน้าใส่เป็นเชิง ถามว่า มองทำไม มีปัญหาหรือไงชานยอลไม่ตอบอะไรแต่ก็ส่ายหน้ากลับไปยิ้มๆ 

     

    การ สนทนากันโดยไร้คำพูดนั้นเป็นเรื่องปกติของคนทั้งคู่  และแม้ว่าจะไร้ซุ่มเสียงใดๆ แต่คนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้าก็ชำเลืองเห็นอยู่ตลอด  คยองซูไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ นอกจากเรื่องเพื่อนของชานยอลจะไม่ชอบตนแล้ว  นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาไมอยากไปรวมกลุ่มกับพวกนั้น  เวลาที่แบคฮยอนอยู่ด้วย ชานยอลจะมองไม่เห็นหัวเขาเสมอ  คยองซูคนนี้จะไร้ตัวตนทุกครั้งที่มีแบคฮยอนโผล่มา  มันน่าเจ็บใจเหลือเกิน  ยอมรับว่าแบคฮยอนและชานยอลมีสายสัมพันธ์กันมาแต่ไหนแต่ไร  ทั้งคู่จะต้องลงเอยกันแบบไหน  แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต  ตอนนี้ปัจจุบันนี้คือโดคยองซูต่างหากที่ยืนเคียงข้างปาร์คชานยอล

     

    รถ จอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่ คยองซูส่งยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปและโบกมือให้อย่างร่าเริง ในขณะที่อีกมือกำแน่นอยู่ด้านหลัง แน่นจนปลายเล็บกดย้ำลงไปบนผิวเนื้ออ่อนบางจนห้อเลือด

    .

    .

    .

    ขอบคุณแบคฮยอนเอ่ยแล้วรับจานสเต็กเนื้อของตนที่ชานยอลอาสาเอาไปหั่นให้

     

    อืมร่างสูงเพียงตอบรับเบาๆก่อนจะเริ่มลงมือจัดการกับอาหารของตัวเอง

     

    ผู้ใหญ่ ทั้งสองครอบครัวนั่งยิ้มกริ่มมองทั้งคู่ด้วยความปริ่มในใจ  ดูแลกันและกันเป็นอย่างดีแบบนี้ในอนาคตเขาก็วางใจได้ว่าทั้งคู่จะใช้ชีวิต อยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี

     

    ทั้ง ชานยอลและแบคฮยอนเองก็ปฏิบัติต่อกันเช่นนี้มาตลอด ไม่ใช่เพียงแค่ทำเพื่อเอาใจผู้ใหญ่หรือทำไปตามหน้าที่และความเหมาะสม แต่ทั้งคู่ทำให้แก่กันด้วยความเต็มใจ และอยากดูแลกันและกันจริงๆ ชานยอลตระหนักดีอยู่เสมอว่าแบคฮยอนสำคัญมากแค่ไหน แม้ตอนนี้เขาจะคบกับคยองซูและปล่อยมือคนตัวเล็กไม่ได้ แต่หากถึงวันที่เขาต้องคว้ามือแบคฮยอนไว้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยมือคยองซู

     

    แน่ นอนว่านี้มันไม่ยุติธรรมกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขา แต่ก่อนจะคบหากันคยองซูเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะจบลง อย่างไร ในเมื่อเต็มใจที่จะเจ็บปวด  เขาเองก็เต็มใจที่จะจับมือของคยองซูไว้จนวันกว่าจะถึงจุดจบเช่นกัน

     

    ผู้ใหญ่ ทั้งสองบ้านนั้นยังคงพูดคุยกันไปเรื่อย ชานยอลและแบคฮยอนได้แต่นั่งเงียบๆอย่างไม่รู้จะทำอะไร มือเรียวสะกิดคนตัวสูงข้างๆ มือหนาแบออกส่งกลับมาราวกับรู้ว่าคนตัวเล็กต้องการอะไร นิ้วสวยวาดลงไปบนมือของชานยอล คำสั้นๆถูกเขียนลงไปบนนั้น

    เบื่อ


    เมื่อ จับใจความได้ว่าแบคฮยอนสื่ออะไรก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะคว้ามืออีกคนมาจับ เอาไว้แล้วบีบเบาๆจนเจ้าของมือสวยหัวเราะตามออกมาดเช่นกัน

    .

    .

    .

    "แล้ว แบบนี้คยองซูจะไม่โกรธเอาหรอ"จุนมยอนเอ่ยถามขณะนั่งกินข้าวในห้องอาหารของ โรงเรียนหลังจากได้ฟังจากแบคฮยอนว่าเมื่อวานเย็นได้ไปส่งคยองซูพร้อมชานยอล

     

    "ก็ไม่นี่"

     

    "มี สิทธิอะไรมาโกรธ ตัวเองมาทีหลังแล้วเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ด้วย"มินซอกออกความเห็นอย่างออกรสชาติ เขาไม่ชอบคยองซูเลยสักนิด ไม่ชอบก็ไม่อยากปิดบัง มินซอกไม่ใช่นางฟ้าเทวดาแบบแบคฮยอนและซูโฮที่จะได้จิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องจน ไม่เคยคิดแง่ลบกับใคร เขาให้อิสระกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองเสมอ

     

    "ไม่เอาน่ามินซอก คยองซูก็เป็นคนน่ารักนะ ที่จริงถ้าลองคุยกันดีๆ พวกเราอาจเป็นเพื่อนกันก็ได้"

     

    "ฝันสิ แบคไม่รู้อะไร เวลาตัวเองหันหลังไปนะ คยองซูน่ะมองตัวเหมือนอยากจะบีบคอเลยล่ะ"

     

    "มินซอกอ่า อย่าพูดแบบนี้สิ ใครมาได้ยินเดี๋ยวได้เอาไปพูดกันผิดๆนะ เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า"

     

    "อืม นั่นสิ เลิกพูดเรื่องนี้แล้วกินข้าวกันเถอะ"จุนมยอนรีบตักข้าวเข้าปากโชว์ให้เพื่อน ดูเป็นตัวอย่าง หวังว่าทั้งโต๊ะจะเลิกคุยเรื่องที่ไม่จรรโลงใจเสียที

     

    "ก็ได้"

    .

    .

    .

    เลิกเรียนตั้งแต่สี่โมงเย็น แต่ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้วแบคฮยอนก็ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะข้อความที่ถูกส่งมาจากปาร์คชานยอล

     

    >>>วันนี้มีซ้อมรวมวง เลิกค่ำๆหน่อย รอกลับพร้อมกันนะ โทรบอกคนรถที่บ้านด้วยว่าไม่ต้องมารับ<<<

    และ แน่นอนว่าแบคฮยอนก็โทรบอกที่บ้านแล้วว่าไม่ต้องมารับ ตอนนี้เลยต้องมานั่งรออีกคนที่กำลังซ้อมดนตรีอยู่ เขาเลือกจะรอข้างล่างเพราะไม่ชอบเสียงเครื่องเสียงดังกระหึ่ม ทุกครั้งที่ชานยอลต้องมาซ้อมในตำแหน่งมือกีต้าร์ของวงโรงเรียน เขาก็จะมานั่งรอข้างล่างเสมอ แต่...ปกติ เวลานี้ ก็เลิกแล้วนี่นา

     

    คน ตัวเล็กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอยู่หลายครั้ง จะโทรถามก้ไม่ได้เพราะโทรศัพท์เจ้ากรรมดันแบตหมดไปเสียดื้อๆ เมื่อเช้าก็รีบร้อนเสียจนลืมหยิบที่ชาร์จสำรองมาด้วย ตอนนี้สมาร์ทโฟนเครื่องงามก็มีประโยชน์สูงสุดเป็นได้แค่ที่ทับกระดาษเท่า นั้น หรือเขาควรจะขึ้นไปตามข้างบนดีนะ จะได้เร่งให้รีบเลิกเสียที ป่านนี้แล้วรถราก็หายากแล้ว โรงเรียนเขาไม่ได้อยู่ในเขตสัญจรของรถโดยสารเท่าไรนัก ยังไงก็ต้องเดินออกไปอีกไกลกว่าจะเจอป้ายรอรถ

     

    สอง ขาก้าวถี่ๆไปยังบันไดหมายจะขึ้นชั้นสองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าตลอดทาง เดินไปจนถึงชั้นบนมืดสนิท ปกติถ้าซ้อมอยู่ยังไงก้หน้าจะเปิดไฟตรงบันไดไว้บ้างตัดสินใจก้าวขึ้นต่อไป ก็ยิ่งพบความจริงว่า มันทั้งมืดสนิทและเงียบเชียบ

    ไม่มีคนอยู่

     

    แล้วทำไมชานยอล?

     

    มากกว่า การมาหาคำตอบ ตอนนี้เขาควรรีบกลับเสียก่อน ถ้าชานยอลไม่อย่ที่นี่ ก็เท่ากับเขารอเก้ออยู่คนเดียว เขาอยู่คนเดียว และต้องกลับคนเดียว เดินออกไปไกลลิบเพียงคนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

     

    แบ คฮยอนจ้ำอ้าวออกไปให้พ้นเขตโรงเรียนก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงระยะ ทางออกไปให้ถึงป้ายรถ ไกลก็ไกล มืดก็มืด เกือบจะร้องไห้ออกมาเพราะความท้อและหวาดกลัว ก็ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างอยู่บ้าง หน้าโรงเรียนRที่ฝั่งตรงข้าม ใครบางคนกำลังสวมแจ็กเก็ตอยู่ข้างๆมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

     

    อยู่ใกล้ๆก็น่าจะช่วยเหลือกันได้นะ

     

    "ขอ โทษครับ"ร่างเล็กวิ่งไปพร้อมตะโกนรั้งอีกฝ่ายไว้ เจ้าของร่างสูงที่ยืนเคียงมอเตอร์ไซค์ก็หันกลับมามองตามเสียงเรียกก็พบว่า เป็นคนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อไม่กี่วันมานี้นี่เอง

     

    "คุณ คุณที่เอานมให้หมานี่"แบคฮยอนส่งเสียงตื่นเต้าให้ฝ่ายตรงข้ามในขณะที่คนถูกทักยังหน้านิ่งประหนึ่งอีกคนเป็นอากาศธาตุ

     

    "....."

     

    "คุณครับ คุณ คุณ คุณ"แบคฮยอนใช้ความพยายามในการเรีกร้องความสนใจจากฝ่ายตรงข้าม

     

    "...."

     

    "คุณชื่อคริสใช่มั้ยครับ"เขาจำได้ตอนที่ได้ยินเพื่อนของคนๆนี้เรียก

     

    "มึง...ทำไมรู้ชื่อกู"แววตาประหลาดใจฉายออกมาอยากปิดไม่มิด

     

    "ผมได้ยินเพื่อนคุณเรียกครับ ผมชื่อแบคฮยอนนะครับ ยินดีที่รู้จัก"

     

    "ใครอยากรู้จักมึง"คนตัวสูงหันกลับไปสนใจกับพาหนะของตัวเอง

     

    "คุณคริสครับ ขอผมติดรถไปลงข้างหน้าได้มั้ย"

     

    "ห๊ะ!"คริสหันกลับมาแทบในทันที เจ้าเด็กนี่พ่อแม่สอนมาแบบไหนกัน ถึงได้มาขอติดรถคนแปลกหน้าง่ายๆอย่างนี้ พวกลูกคุณหนูถูกเลี้ยงมาให้ไร้สมองรึไง

     

    "คือมันมืดแล้ว ก็เลย.... คือ...."

     

    "จำเป็นต้องให้มึงไปด้วยหรอ คิดว่ากูเป็นนักบุญโปรดสัตว์หรือไง"

     

    "ก็คุณใจดี ผมเลยคิดว่า คุณน่าจะช่วยผม"

     

    "นี่ มึงบ้าหรอ กูดูใจดีหรอ หน้ากูเนี่ย เบิกตาตี่ๆของมึงมองหน้ากูชัดๆดิ"คริสส่งมือหนาไปผลักหัวของอีกคนไม่แรงนัก แต่ก็ทำให้เซถอยไปหลายก้าว

     

    "ใจดีสิครับ ก็คุณน่ะ ช่วยลูกหมาพวกนั้น เรื่องแบบนี้ต้องคนจิตใจดีถึงทำได้ คุณน่ะเป็นคนใจดีนะครับ"

     

    "กูใจดีกับหมา แล้วยังไง มึงเป็นหมาหรอไอ้เตี้ย"

     

    "......."แบคฮยอนไม่ตอบอะไรออกไป เข้าตาจนจริงๆ คนๆนี้ไม่อ่อนให้เขาบ้างเลย

     

    "หลบ ขวางรถกู"

     

    เอาวะ! ดีกว่าเดินออกไปมืดๆคนเดียว

     

    "ผมเป็นหมาให้คุณได้นะครับ!"

     

    ร่าง สูงชะงักทันที อะไรจะลงทุนขนาดนี้ จะยอมเป็นหมาเชียวหรือ แล้วทำไมเขาต้องใจร้ายกับเจ้าเด็กเตี้ยนี่ล่ะ แค่ติดรถไปคงไม่เป็นไรมั้ง ถึงขนาดเป็นหมา ก็คงอยากให้ช่วยจริงๆ

     

    "เอาไป"หมวกกันน็อคถูกส่งไปหาคนตัวเล็ก

     

    "นุ่ณยอมให้ผมติดรถไปแล้วใช่มั้ยครับ? ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ แต่ว่า...แค่ใกล้ๆ ผมว่าผมไม่ใส่ดีกวา"

     

    "บ้านมึงอยู่ไหน"

     

    "......."

     

    "นี่มึงจำบ้านตัวเองได้มั้ย"

     

    "คะ..ครับ คือ....คุณจะไปส่งผม?"นิ้วเรียวสวยชี้ตัวเองอย่างประหลาดใจ คนคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน ตอนแรกยังไงก็ไม่ช่วย พอบทจะช่วยก็ช่วยเสียเต็มที

     

    "เออ!"

     

    "อยู่คังนัมครับ แต่ว่ามันไกลผมว่าคุณไม่ต้อง..."

     

    "บ้านกุอยู่แถวนั้น"

     

    "อ่อ"แบคฮยอนยกหมวกกันน็อคมาสวมอย่างงงๆ เป็นที่รู้กัน คังนัมคือย่านเศรษฐี ทำไมนักเรียนจากโรงเรียนธรรมดาถึงได้อาศัยอยู่แถวนั้น เขาไม่ได้อยากจะแบ่งชนนั้น แต่มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ

     

    รถที่ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กกอดเอาคนด้านหน้าไว้แน่น แต่ไม่ได้มีใครปริปากออกมา จนใกล้ถึงแล้วแบคฮยอนต้องบอกทางไปยังบ้าน คริสขับตามคำบอกของเจ้าบ้านจนพาเด็กหลงด้านหลังนี่มีส่งจนได้

     

    "ขอบคุณนะครับ แล้วบ้านคุณอยู่ไหนหรอครับ"

     

    "แถวนี้แหละ"

     

    "หื้ม....."

     

    "ไม่ต้องทำหน้าหวังอะไร กุเป็นลูกคนใช้ รู้แค่นี้แล้วมึงก็รีบๆเข้าบ้านไปเลย"

     

    "งั้นผมไปแล้วนะครับ "

     

    "เออ!"คริ สพูดจบก็บิดคันเร่งออกไป แบคฮยอนมองตามมอเซอร์ไซค์ของคนใจดีจอมโหดนั้นไปอย่างยิ้มๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่า หนักที่หัวแบบบอกไม่ถูก สองมือส่งไปกอบกุมศีรษะเพื่อหาสาเหตุ

     

    ตายแล้ว!

     

    หมวกกันน็อค!


    TBC.


    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×