ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #18 : RED 17

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57




    RED 17

     

    ใจเต้นแรง  ขาสั่น  เหงื่อซึม  คล้ายว่าจะตกหลุมรัก  หากแต่เวลานี้คิมจงอินไม่ได้กำลังตกหลุมรักอะไรทั้งสิ้น เขาตกหลุมรักกับสโนว์ไวท์ของเขาไปแล้ว  ตอนนี้ที่เผชิญอยู่  คือความตื่นเต้นระดับแม็กซ์  ตื่นเต้นที่มาพบกับคุณว่าที่พ่อตาแบบตัวต่อตัว
     

    เรื่องมีอยู่ว่า  ระหว่างที่คิมจงอินคนนี้กำลังจะเดินทางไปโรงเรียนตามประสาคนรักอนาคตนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อนและชื่อที่ปรากฏก็คือ  คิมจุนโฮ   บร๊ะสงฆ์ว่าที่พ่อตาโทรหาแต่เช้าตรู่  หลังจากรับสายก็ได้ความว่านายแบงก์นั้นต้องการพบเขาในเช้าวันนี้  จึงเป็นเหตุให้คิมจงอินต้องมานั่งต่อสู้กับตะคริวอยู่ในห้องทำงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเวลานี้

     

    เด็กหนุ่มนั่งรออยู่ตรงโซฟาพักผ่อนตั้งแต่ราวๆครึ่งชั่วโมงก่อน  เพราะคนที่โทรเรียกเจ้าตัวมาอย่างคิมจุนโฮนั้นยังไม่มีท่าทีว่าจะว่างเว้นจากสายโทรศัพท์ที่ถูกโอนเข้ามาไม่หยุดหย่อน  งานหนักแท้ครับ
     

    ขอโทษที  ให้รอนานเลยหลังจากเคลียร์สายต่างๆแล้วคิมจุนซูก็หันไปทักทายเด็กชายที่ตนเองเรียกมาพบ

     

    ไม่นานหรอกครับ  ผมเองก็นั่งเฉยๆ
     

    ดี ดี  มานั่งตรงนี้มา  ลุงมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ

     

    จงอินลุกจากโซฟาที่ค่อนข้างจะทิ้งระยะห่างจากคู่สนทนาอยู่ไม่น้อย  สองขาก้าวอย่างเกรงๆไปที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามกับคิมจุนโฮ  นายแบงก์หยิบซองเอกสารจากลิ้นชักออกมาก่อนจะวางลงบนโต๊ะ  ส่งยิ้มเอ็นดูให้เด็กหนุ่มที่ยังดูเกร็งๆอยู่

     

    เราใกล้จะจบมอหกแล้วใช่มั้ยจุนโฮเปิดประเด็นทันที

     

    ครับ  อีกสามเดือน

     

    อืม  แล้ว  ได้คิดไว้รึยังว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหน

     

    คือ….”จะให้ตอบออกไปอย่างไรว่า  อ่อ  ไม่เรียนแล้วครับ  พูดแบบนั้นมีหวังโดนยึดลูกชายคืนแน่  แต่ก็นะ  เอาจริงๆเขาก็ไม่คิดจะเรียนต่อแล้ว  ตั้งใจจะทำงานเก็บเงินอย่างเดียวเท่านั้น  ค่าเทอมมหาวิทยาลัยนั่นแพงแสนแพง  จะเอาปัญญาที่ไหนไปส่งตัวเองเรียน  ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า  ครั้นจะไปสอบแข่งเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐก็ดันโง่เกินบรรยาย   แล้วงี้จะไปเรียนได้ยังไงกัน

     

    ไม่ต้องเครียด  ลุงแค่ลองถามดู  ที่จริงลุงอยากจะขอบคุณเรามากนะ  ตอนนี้จุนมยอนดูเป็นผู้ใหญ่มาก  จากที่ทำอะไรไม่เป็น  กลัวการเข้าสังคม  เพื่อนน้อย  ขี้อาย  แต่ตอนนี้กลับออกไปทำงานพิเศษ  ไปเจอสังคมข้างนอก  สดใสขึ้นเยอะ

     

    ผมยินดีครับ  ผมเองก็ดีใจที่จุนมยอนน่าเริงแบบนี้

     

    ใช่ ใช่ อ่า แล้วจุนมยอนยังเล่าอีกว่าที่เราเลือกทำงานร้านอาหารอิตาเลี่ยนเพราะอยากเป็นเชฟงั้นหรอ

     

    ครับ  ผมชอบทำอาหารน่ะครับ

     

    ถ้าได้มีร้านเป็นของตัวเองก็คงจะดีล่ะนะ

     

    ครับสิ่งที่คิมจุนโฮพูดนั้นมันคือความใฝ่ฝันของจงอิน  เด็กหนุ่มผู้ปรารถนาจะมีร้านอาหารที่มีครัวกว้างๆไว้ให้ทำอาหารได้อย่างสมใจ  เพราะโลกแห่งความจริงนั่นคือหอพักแคบๆที่เขาอาศัยอยู่มันไม่มีแม้กระทั่งห้องครัวด้วยซ้ำ

     

    เรารักจุนมยอนจริงๆใช่มั้ย

     

    รักครับ

     

    แล้วคิดว่าจะดูแลลูกลุงยังไงทั้งๆที่ตัวเองไม่มีอนาคตอะไรรออยู่เลยแบบนี้

     

    …….”เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้านิ่ง  คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเป็นแบนี้  แต่จะโทษใครได้  จะเอาอะไรไปดูแลดอกฟ้าทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่หมาวัด 

     

    พอจะเข้าใจใช่มั้ยว่าแค่ความรักมันไม่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนได้อยู่ด้วยกัน  อนาคตของจงอินก็จะเป็นอนาคตของจุนมยอนเหมือนกัน

     

    ……

     

    ลองไปตัดสินใจดูนะจุนโฮบอกพลางเลื่อนซองเอกสารมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม  จงอินมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็รับซองนั้นไปแล้วเปิดดู

     

    ในหัวของคิมจงอินเต็มไปด้วยพล็อตนิยายน้ำเน่าที่นางเอกผู้แสนอาภัพต้องถูกกีดกันจากครอบครัวของชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม  ในซองนี้บางทีอาจเป็นเงินจำนวนหนึ่งหรือเช็คสักใบเพื่อจ้างให้เขาออกไปจากชีวิตของคุณหนูจุน  แต่ซองนี่ดูใหญเกินไป  มันอาจจะเป็นโฉนดที่ดิน  อ่าร้านอาหาร  ใช่แล้ว  ต้องใช่แน่  คิมจุนโฮถึงได้เรียกเขามาคุยเรื่องร้านอาหาร

     

    คิดไปต่างๆนาๆจนกระทั้งหยิบกระดาษด้านในออกมาดู  จงอินถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่สักอย่างที่เขาคิด  มีเอกสารสองสามแผ่นที่ไม่ใช่ภาษาเกาหลี  แผ่นหนึ่งดูคล้ายๆใบกรอกประวัติ  ส่วนที่เหลือ.....

     

    อ่านไม่ออกครับ

     

    มันคืออะไรหรือครับตัดสินใจเอ่ยถามคนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงกันข้าม

     

    เอกสารสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลักสูตรการทำอาหารน่ะ  ทุนร้อยเปอร์เซ็นต์  สนับสนุนโดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารQ นายคิมจุนโฮ

     

    อะ อะไร นะครับ

     

    เราเป็นเด็กมีความตั้ใจและความพยายาม  แต่บางครั้งโอกาสมันก็หาไม่ได้ง่ายๆ  ลุงเลยคิดว่าควรจะยื่นมันให้กับเราซะเอง  อีกอย่างอนาคตของเราจะเป็นอนาคตของจุนมอนด้วยจุนโฮย้ำประโยคที่พูดไปก่อนหน้านี้ไม่นานอีกครั้งเพื่อให้จงอินเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
     

    ผมขอบคุณคุณลุงจริงๆครับ  ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณคุณลุงได้ยังไงไหว

     

    ไม่ต้องทำอะไรหรอก  แค่ดูแลจุนมยอนได้ดีหลังจากกลับมาแล้วก็พอ

     

    ครับ กลับมา กลับจากไหนหรือครับ

     

    เรียนต่อไง  มหาวิทยาลัยนั่นอยู่ที่ฟิเรนเซ่

    !!!

     

    ช็อค  คิมจงอินช็อคไปแล้ว  นี่เขาต้องไปเรียนไกลถึงอิตาลีเชียวหรือ  แล้ว  แล้วจะไปยังไง  จะเรียนยังไง  อยู่ยังไง  กินยังไง  พระเจ้านี่คิมจงอินจะเอาชีวิตรอดได้ยังไงในอิตาลี!!!

     

    ช่วงนี้ยังไงก็เลิกทำงานพิเศษก่อนนะ  ลุงอยากให้เราแบ่งเวลาสำหรับเรียนภาษาช่วงเย็น  ยังไงก็ควรมีพื้นฐานไปบ้าง  แล้วลุงก็อยากให้เราคุยเรื่อองนี้กับจุนมยอนเอง  บอกว่าได้ทุนจากโรงเรียนก็แล้วกัน

     

    ……..”คิมจงอินยังช็อคอยู่

     

    วันนี้ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์ทิ้งคาบเรียนมาคุยกับคนแก่แบบนี้  เรารีบกลับไปเรียนเถอะ

     

    ครับจงอินลุกจากเก้าอี้พร้อมถือซองเอกสารเอาไว้แน่น  เดินมึนๆงงๆออกไปจากห้องอย่างไร้สติ  อิตาลี  คิมจงอินต้องไปอิตาลี 


     

     

    ร่างโปร่งยืนพิงกำแพงอิฐของโรงเรียนไฮโซสุดหรูหรา  สูดหายใจเข้าออกทำสมาธิ  รวมรวมคำพูดทั้งหมดทั้งมวลที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับใช้บอกเรื่องสำคัญกับคนที่ตนกำลังรออยู่ 

     

    พี่จะบอกเรายังไงดีนะจุนมยอน

     

    รถหรูมากมายจอดเรียงรายกับรอรับบรรดาลูกหลานคนมีเงินทั้งหลายกลับไปยังเคหะสถานของตน  บางคนห้องน้ำที่บ้านยังใหญ่กว่าหอพักของคิมจงอินด้วยซ้ำ  ใครจะไปคิดว่าคนไม่มีอะไรอย่างเขาจะมาคว้าเอาดอกฟ้าจากที่นี่ไปเป็นแฟนได้  จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยนะ

     

    พี่จงอิน  เหม่ออะไรครับคนตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้าคนที่ยืนเหม่อลอยก่อนจะยกมือโบกไปมาเพื่อเรียกสติให้อีกคน

     

    อ้าว มาแล้วหรอ

     

    ไปกันครับจุนมยอนจับมือหนาแล้วออกแรงลากให้อีกฝ่ายเดินตามมา  เพื่อไปยังร้านพิซซ่าที่ทั้งคู่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่

     

    วันนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ  พี่ลาให้แล้ว  คือ….มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

     

    จุนมยอนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าจงอินมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับตนเอง  ปกติไม่เคยเห็นท่าทางจริงจังเช่นนี้  สงสัยว่าเรื่องที่จะพูดคงเป็นเรื่องซีเรียสอยู่พอตัว  เดินจูงมือกันมาช้าๆตามทางเพื่อไปให้ถึงถนนใหญ่  จงอินยังคงเงียบอยู่ตลอดทาง  ไม่มีมุกตลกที่คอยส่งให้คนตัวเล็กได้ขำขันอย่างเช่นเคย  ซ้ำยังได้ยินเสียงถอนใจเบาๆอยู่เป็นระยะ

     

    อีกสามดือนพี่จะจบมอหกแล้วนะจงอินตัดสินใจเปิดประเด็น

     

    ครับ

     

    พี่เรื่องเรียนต่อน่ะ  พี่  คือได้ทุนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

     

    หืม? จริงหรอ  พี่จงอินดีจังเลย!!!”จุนมยอนหยุดเดินก่อนจะเขยื่ออีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น  น้ำเสียงแสดงความดีใจเสียยิ่งกว่าคนที่ได้รับทุนเสียอีก  มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนคนมองใจเต้นแรง  แล้วแบบนี้จงอินจะทำใจอย่างไรเมื่อต้องห่างจากจุนมยอน

     

    อืม  แต่ว่าที่พี่จะบอกเราคือพี่ต้องไปเรียนไกลเลยนะเสียงอ่อยลงอย่างรู้สึกได้ 

     

    พี่ต้องไปเรียนต่างจังหวัดหรอคนตัวเล็กถามหน้าเจื่อน มือขาวบีบมืออีกฝ่ายแน่น เขาไม่อยากห่างจงอินเลยจริงๆ

     

    เปล่า

     

    ………

     

    คือ

     

    คือ?”

     

    พี่ต้องไปเรียนต่อที่ฟลอเรนซ์

    !!!

     

    จุนมยอนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ  ใบหน้าหวานก้มลงจนแทบจะชิดกับอก  ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้  ใจที่เคยเต้นระรัวทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นแผ่วลงจนแทบหยุดเต้น  แค่คิดว่าไปต่างจังหวัดยังใจเสียแทบตาย  แต่นี่ไปต่างประเทศเชียวนะ  มันไม่ไกลเกินไปหน่อยหรอ

     

    อิตาลีเลยหรอ  ผม  ผมจะทำยังไงดี  พี่จะทิ้งผมไปอิตาลีงั้นหรอ

     

    จุนมยอนอ่า  พี่ไม่ได้ทิ้งนะครับ  พี่แค่ไปเรียนเอง  หลักสูตรสั้นๆ  ปีสองปีก็กลับแล้วจงอินที่เห็นว่าคนตัวเล็กเล็กเริ่มเบะปากออกเตรียมร้องไห้ก็เข้ามากอดไม่แคร์สายตาผู้คนและรถราที่ผ่านไปมา

     

    ตั้งสองปีแหน่ะ  ฮึก  ให้ผมไปด้วยได้มั้ย  ผมจะขอพ่อไปเรียนต่อกับพี่นะ  ไปด้วยกันนะ ฮืออออออ

     

    อย่าร้องไห้จุนมยอน  ไม่เอาไม่งอแงนะมือหนาลืบกลุ่มผมนุ่มปลอบเด็กน้อยในอ้อมกอด เขาไม่อยากให้จุนมยอนร้องไห้  หากแต่ก็คงจะตามใจคนตัวเล็กไม่ได้  แน่นอนว่าคุณคิมจุนโฮต้องไม่ปล่อยลูกชายตัวเล็กนี้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาแน่ๆ

     

    ฮือออออออออ

     

    เราไปกับพี่ไม่ได้หรอก  แต่พี่สัญญาว่าจะไปกลับมา  สองปีมันแค่แป๊ปเดียวเท่านั้นเองถ้าเทียบกับช่วงเวลาหลังจากนั้น  ช่วงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต  รอพี่อยู่ที่นี่นะครับ  พี่รักจุนมยอนนะรู้ใช่มั้ย

     

    ฮึก  ฮึก  ผม  ฮือออ ฮึก  ก็รักพี่  ฮืออออแขนเรียวกอดจงอินเอาไว้แน่นกว่าเดิม
     

    มีเวลาอีกสามเดือน  จากนี้เรามาทำให้มันมีความหมายที่สุดเถอะนะ


     

    ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาทำมันลงไปแล้ว  คิมจงอินและคิมจุนมยอนกำลังอยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปซ็อกโช  หลังจากที่คุยกันจนเข้าใจ  อยู่ดีๆจุนมยอนก็นึกอยากไปทะเลขึ้นมาและจงอินผู้แสนตามใจก็ตกลงพามาในทันที เย็นป่านนี้ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มืดเสียก่อน 

     

    คนตัวเล็กเอนซบไหล่กว้างเพื่อพักผ่อนเพราะการเดินทางนั้นใช้เวลาถึงสามชั่วโมง  การนอนพักเก็บแรงเอาไว้นั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ  มือของทั้งคู่กระชับกันแน่นราวกับกลัวว่าจะถูกพรากออกจากกัน  ช่างน่าแปลกใจที่เด็กสองคนนั้นจะเรียนรู้ที่จะรักกันได้มากถึงเพียงนี้  จุนมยอนคือความประทับใจของจงอิน  คุณหนูผู้แสนใจดีและอ่อนโยนทุกอย่างที่เป็นคิมจุนมยอนมันแทรกซึมเข้าครอบครองหัวใจจนไม่เหลือที่ว่าง  และจงอินก็เป็นความประทับใจของคุณหนูจุนเช่นกัน  เด็กชายในวัยเรียนที่ขยันหมั่นเพียรและแสนจริงใจนั้นเป็นสิ่งที่จุนมยอนไม่เคยพบเจอในสังคมของตนเอง  ทั้งคู่คือความปะทับใจของกันและกัน  ความประทับใจที่กลายเป็นความรัก

     

    เสียงโหวกเหวกจากภายนอกดังเข้ามาทันทีที่ประตูเปิดออก  รถไฟจอดเทียบท่าสถานีช็อกโซ  เด็กหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนเดินตามกันเพื่อหารถไปยังหาดดังที่ตั้งใจไว้  รถประจำทางขนาดเล็กจอดรอรับผู้โดยสารอยู่ไม่ห่างจากสถานีนัก โชเฟอร์ที่เป็นชายชรานั้นควบคุมรถให้แล่นไปเรื่อยอย่างไม่รีบร้อน  ก่อนจะมาจอดที่หลังตลาดขายของสด

     

    จุนมยอนตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งเมื่อเดินเลาะเข้ามาในตลาด  อาหารทะเลเรียงรายวางไว้ให้เลือกซื้อนั่นเป็นสิ่งที่คุณหนูผู้ไม่เคยสัมผัสการเดินตลาดสักครั้งคิดว่ามันน่าตื่นตาเหลือเกิน  จงอินลอบมองท่าทางของอีกคนอย่างนึกเอ็นดู  คนน่ารักนั้นทำอะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมด 

     

    อ้า  สดชื่นจัง

     

    คนตัวเล็กเอ่ยเมื่อสัมผัสได้ถึงลมทะเลที่พัดเข้าปะทะกับใบหน้า  สูดลมหายใจเข้าลึกราวกับจะเก็บเอาอากาศทั้งหมดเข้าไปไว้ในร่างกาย  แม้ว่าท้องฟ้าจะเริ่มเข้าสู่ความมืดไปบ้างแล้วแต่ก็ยังคงมองเห็นความสวยงามของท้องทพเลนี้ได้ชัดเจน  จงอินจูงมือขาวนั้นให้กึ่งว่างไปที่หาดด้วยกัน  ทั้งคู่โยนกระเป๋าลงบนผืนทรายละเอียด  ถอดรองเท้าและถุงเท้ากองรวมไว้ด้วยกันและพร้อมใจกันวิ่งลงไปต่อสู้กับเกลียวคลื่นบางๆนั้นทันที

     

    มันเย็นจริงๆ  พี่กลัวเรจะป่วยจังเลยจงอินบอกอย่างกังวลเมื่อพวกเขาลงมาแช่น้ำทะเลจนเปียกมาถึงเข่า  และแน่นอนว่าจุนมยอนน่ะเลยเข่าขึ้นมาแล้ว 

     

    ผมแข็งแรงนะ  ถึงไม่เท่ามินซอกกับชานยอล  แต่ก็แข็งแรงกว่าแบคฮยอนตั้งเยอะบอกพลางยกสองแขนขึ้นมาทำท่าเบ่งกล้ามโชว์อย่างน่ารัก

     

    ครับๆ  แต่ว่าเราอยู่กันได้แค่แป๊ปเดียวนะ  ไม่งั้นกลับไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายแน่

     

    อื้ม

     

     

    ความมืดปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ จงอินและจุนมยอนเดินกลับมาตามทางในตลาด  รองเท้าและถุงเท้าถูกใส่กลับเข้ามาเรียบร้อยเช่นเดิม ส่วนกางเกงที่เปียกน้ำก็พับขึ้นมาเล็กน้อย  รถโดยสารที่ติดเครื่องจอดเทียบท่าอยู่นั้นมีคนอยู่บนรถไม่มากนัก  อาจเป็นเพราะช่วงเวลาเกือบจะตามทุ่มแล้วก็เป็นได้ 

     

    รถออกเดินทางทันทีที่เวลาเตือนดังสามทุ่มตรง  ผู้คนทยอยลงกันไปตามรายทางคนแล้วคนเล่าจนสุดท้ายมีเพียงแจงอินและจุนมยอนที่นั่งต่อไปจนสุดสาย ทันทีที่รถจอดทั้งสองคนก็รีบมาที่สถานี  แต่ก็ต้องพบว่า….
     

    มันมืดสนิท!!!

     

    ร่างสูงรีบวิ่งมาดูที่หน้าสถานี  ป้ายตรงหน้าติดเอาไว้ว่าเที่ยวสุดท้ายคือสามทุ่มตรง  จงอินแทบจะทุบหัวตัวเอง  เพราะเห็นสถานีที่โซลขึ้นว่าเที่ยวสุดท้ายสี่ทุ่มตรงจึงเข้าใจไปว่าที่ซ็อกโชนี่ก็คงไม่ต่างกัน  แต่นี่มัน

     

    พี่จงอินจุนมยอนเรียกพลางทำหน้ามุ่ย  รถไฟหมดแล้วแบบนี้จะกลับยังไง

     

    เฮ้อออ เราคงต้องนอนที่นี่แล้วล่ะ เที่ยวแรกตีห้า  เราจะรีบกลับตอนนั้นแล้วกัน  ขอโทษนะ  พี่ผิดเองที่ไม่เช็คเวลาให้ดีๆ

     

    ไม่หรอกครับ  งั้นเดียวผมขอโทรศัพท์ก่อนนะนตัวเล็กเดนแยกออกมาก่อนจะต่อสายหาผู้เป็นพ่อเพื่อจะบอกว่าตยจะค้างกับคยองซู  จุนมยอนไม่กล้าพอจะบอกว่าตัวเองมาทะเลแบบนี้  จะให้คนที่บ้านมารับคงจะไม่ได้  รบกวนอาจารย์ลู่เหมือนทุกทีก็ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่  จะให้ขับรถดึกๆตั้งสองสามชั่วโมงได้อย่างไร

     

    จงอินมองจุนมยอนที่เดินกลับมาจากคุยโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกผิด  จะให้โทษว่าจุนมยอนอยากมาเองก็คงไม่ใช่  ต่อให้ใครอยากมาถ้าตรวจเช็คเรื่องเวลาให้ดีก็คงไม่เป็นแบบนี้  แต่นี่กลับกลายว่าเขาพาจุนมยอนมาลำบากลำบนเสียอีก

     

    ที่นี่เย็นดีนะครับคนตัวเล็กทิ้งตัวลงข้างจงอินที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว 

     

    พี่ขอโทษนะ

     

    ขอโทษทำไม  แบบนี้ก็ดีนะ  เราจะได้อยู่ด้วยกันนานอีกนิด  เอ้อ  ถอดกางเกงออกมาตากได้มั้ย

     

    ตรงนี้เนี่ยนะจงอินเหวอไปไม่น้อยที่จุนมยอนมีความคิดเช่นนี้

     

    ครับ  ทำไมล่ะ  มืดขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอกว่าแล้วก็ลุกขึ้นถอดกางเกงนักเรียนออกมาพาดไว้กับพนักเก้าอี้ทันทีแล้วเอาเสื้อสูทมาคลุมขาไว้แทน  โดยที่จงอินก็ทำแบบเดียวกัน  คาดว่างตากได้ไม่แห้งดีนักเพราะยางไรก็ต้องรีบใส่กลับให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีใครมาเห็น

     

    ลมที่พัดผ่านกระทบเนื้อผิวนั้นเริ้มเย็นขึ้นเรื่อยๆ สองมือสอดประสานส่งผ่านไออุ่นให้กันและกัน  ความเงียบปกคลุมทั้งคู่มีเพียงเสียงหวีวหวิวของสายลมเท่านั้นที่พอจะดังกลบเสียงลมหายใจกับเสียงของหัวใจที่เต้นแรง  จงอินลอบมองคนข้างๆ  คุณหนูจุนของเขาสว่างไสวแม้อยู่ในความมืด  ใบหน้าหวานหันมาสบตากับคนท่กำลังจ้องมองตนเองอยู่ก่อนจะส่งยิ้มไปให้

     

    จูบนะฟังดูราวกับกำลังขออนุญาต แต่จงอินก็ไม่ได้รอให้คนตัวเล็กตอบอะไรกลับมา 

     

    ริมฝีปากเคลื่อนเข้าไปประกบเบาๆด้วยความอ่อนโยน  ทั้งสองคนใช้ริมฝีปากแตะกันไปมาแล้วค่อยๆดูดดึงกันและกันเบาๆ สายตายังจดจ้องกันไม่ลดละ  จนสุดท้ายจุนมยอนก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเสียก่อน ดวงตาหลับพริ้มเมื่อเริ่มรู้สึกถึงรสจูบที่หนักหน่วงมากขึ้น  ทั้งคู่รับรู้ได้ดีว่าจากนี้มันอาจเลยเถิดไปเกินกว่าการจูบ

     

    จงอินส่งลิ้นร้อนเข้าสู่โพร่งปากเล็กที่เผยอออกรอรับอย่างเต็มใจ  บดจูบร้อนแรงจนเสียการควบคุม  สองแขนแกร่งประคองร่างบอบบางนั้นให้ราบไปกับเก้าอี้ช้าๆ  ละริมฝีปากจากอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายแล้วเปลี่ยนเป็นไล้จูบตั้งแต่คางสวยลงไปยังซอกคอขาวสว่าง

     

    อื้อออ พี่จงอิน  ที่นี่  อ๊ะ ที่นี่สถานี อื้อออสติหลุดลอยไปกับสัมผัสี่ได้รับ  แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัว  จุนมยอนรู้ดีเชียวล่ะ  รู้ดีถึงริมฝีปากที่สาละวนอยู่กับลำคอของตนเอง

     

    มืดขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอกราวกับจะล้อเลียนประโยคของคนตัวเล็กที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้



    CUT

    .

    .

    กุญแจสำรองที่เจ้าของห้องปั๊มเอาไว้ให้ยามฉุกเฉินถูกนำมาใช้เมื่อจื่อเทาเคาะประตูจนกระดูกนิ้วเกือบแตกแล้วแต่ก็ยังไงมีใครเปิดให้  ประตูเปิดออกพร้อมกับขายาวก้าวดิ่งไปยังเพื่อนหน้าหล่อที่นอนหลับสนิทอยู่บนฟูก ยกเท้าขึ้นสะกิดเขี่ยคนที่หลับอยู่รู้สึกตัวเสียที

     

    “เชี่ยคริส  หลับหรอตายครับ”

     

    …….

     

    “เฮ้ออออ  ไอ้คริส!”เพิ่มเสียงเป็นเลเวลสูงสุดพร้อมกับเตะแรงๆที่สีข้าง

     

    “โอ๊ย!”คริสลุกพรวดขึ้นมาเราะความเจ็บปวดจากการถูกเพื่อนซี้ทำร้าย  หน้าหล่อเงยขึ้นมองจื่อเทาที่ยืนกอดอกทำหน้าตายอยู่ข้างๆ 

     

    ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนกันกูคงคิดว่ามันเกลียดกูนะครับแหม่

    “โทรหากูแต่เช้ามืดนี่เพื่อให้มาปลุกมึง?”

     

    “เปล่า  กูตื่นนานแล้ว แต่มึงยังไม่มาเลยหลับรอ  กูรีบออกมาเมื่อคืนลืมหยิบเป๋าตังค์มาด้วย กะว่ามาถึงนี่ค่อยยืมไอ้จงอิน แม่งก็หายไปไหนไม่รู้”

     

    จากที่ตอนแรกไม่ทันสังเกต จื่อเทาก็เริ่มรู้สึกทันทีว่าจงอินไม่อยู่ในห้อง  ฟังจากคำบอกเล่าของคริสแล้วท่าทางว่าคงไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้  

    “เดี๋ยวแม่งก็มามั้ง   มึงก็ไปอาบน้ำไป  จะได้ไปโรงเรียนสักที”

     

     

    ไม่นานนักที่คริสใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว เขาไม่ใช่คนประณีตอะไรมากนัก แล้วก็ไม่เคยเข้าใจพวกที่อาบน้ำแต่งตัวนานเป็นชั่วโมงเลยสักครั้ง  มันจะอาบให้ตัวลอกเลยหรืออย่างไร  ร่างสูงคว้าเอาเป้ขึ้นสะพายหลังแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้จื่อเทารับรู้ว่าตนพร้อมแล้ว 

     

     แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะออกไปจากห้อง  ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อน  จงอินที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมจุนมยอนนั้นได้ชะงักไปทันทีที่เห็นเพื่อนซี้ทั้งสองคนยืนอยู่ในห้อง  ไม่ต่างจากฝ่ายคริสและจื่อเทาที่แปลกใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ใช่ว่าจะแปลกใจที่เห็นจงอิน  และแปลกใจคนที่มาด้วยกันต่างหาก  เช้าขนาดนี้  กลับมาที่ห้องด้วยกันแบบนี้

     

    จงอินกับจุนมยอนไปไหนกันมา!

     

    คนตัวขาวมองหน้าจื่อเทากับคริสสลับไปมาก่อนจะทำตัวลีบที่สุดเท่าที่จะทำไดแล้วค่อยๆไปแอบหลังจงอิน ก็รู้ว่าแอบไม่มิดหรอก  แต่มันก็เขินอายเกินกว่าจะสู้ตาคนอื่นได้

     

    “คือ”จงอินได้แต่อ้ำอึ้ง

     

    “มึงมาคุยกับพวกกูหน่อยสิครับ”คริสพูดน้ำเสียงลอดฝันเพราะไม่อยากให้คุณหนูตัวขาวต้องตกใจ

     

    “อ่าาา  จุนมยอนอาบน้ำก่อนนะ  เดี๋ยวพวกพี่ออกไปซื้ออะไรเข้ามาให้รองท้องตอนเช้า นะครับ”จงอินหันไปบอกกับคนที่แอบอยู่ด้านหลัง  จุนมยอนพยักหน้าเบาๆแล้วค่อยๆเดินเลี่ยงไปอีกมุม ก้มหน้าหลบสายตาสองคู่ที่มองตาตนเองอยู่

     

     

     

    จงอิน คริสและจื่อเทาลงมาจากหอพักแล้วมุ่งหน้าไปร้านข้าวต้มริมทางเพื่อนำไปเป็นอาหารเช้าให้จุนมยอน  ทั้งสามคนเดินเกาะกลุ่มกันตลอดทางเพื่อถามไถ่เอาความกับคิมจงอินว่าพาคุณหนูจุนหายไปไหนถึงกลับมาเอาเสียตอนเช้าเช่นนี้  แม้จงอินจะเลี่ยงตอบในตอนแรก  แต่สุดท้ายเมื่อทนแรงกดดันไม่ได้จึงเฉลยออกไปว่าพาจุนมยอนไปช็อกโซเพราะคนตัวเล็กอยากเที่ยวทะเล

     

    “ทะเล?  เมื่อวานเย็นเนี่ยนะ”จื่อเทาที่ได้ยินก็ต้องถามย้ำอีกครั้ง  ใครมันบ้าไปทะเลกันเย็นๆแบบนั้น  ไม่ทันได้ลงน้ำฟ้าก้มืดพอดี มันจะไปสนุกอะไร

     

    “อืม  แล้วกลับไปทันรถไฟก็เลยค้างที่สถานีแล้วรีบกลับมาพร้อมรถไฟเที่ยวแรกนี่แหละ”

     

    “นอนค้างสถานี! ไอ้จงอิน  เด็กมันมีพ่อมีแม่นะเว้ย  มึงพาลูกเขาไปนอนลำบากเนี่ยนะ”คริสแทบจะเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนที่ท่าทางน่าจะช่ำชองเรื่องเดทที่สุดนั้นกลับทำเรื่องไม่น่าประทับใจลงไปกับแฟนที่บอกว่ารักนักรักหนา

     

    “ก็มันสุดวิสัยนี่หว่า  แถวนั้นมืดก็มืด  รถราก็ไม่มี  มึงจะให้กูพาน้องเขาไปนอนที่ไหน”

     

    “เออๆ  แล้วคุณหนูนึกยังไงถึงขอให้มึงพาไปทะเลวะ”อดถามออกไปไม่ได้ เพราะจื่อเทามั่นใจว่าตั้งแต่รู้จักคุณหนูจุนมยอนมาไม่เคยมีสักคั้งที่เด็กคนนี้จะทำตัวนอกกรอบของครอบครัว  การที่คุณหนูของเขาเอ่ยปากให้จงอินพาไปเถลไถลเช่นนี้คงมีเหตุจำเป็นบางอย่างจริงๆ

     

    “เนี่ยแหละที่จะบอกพวกมึง  แต่อย่าไปบอกจุนมยอนนะเว้ย  พ่อน้องเขาให้บอกว่ากูได้ทุนไปอ่ะ”

     

    “ไปไหน”คริสที่เดินรั้งท้ายรีบเดินมาตีคู่กับจงอินทันที

     

    “ไปเรียน ที่อิตาลี”

     

    จื่อเทาเป็นคนแรกที่ชะงักไปและหยุดเดินแทบจะในทันทีก่อนจะตามมาด้วยคริสที่ชะงักเท้าไปแล้วเช่นกัน  ใช้เวลาตั้งสติกันครู่หนึ่งทั้งคู่ก็หันมามองหน้าจงอินด้วยความตกใจ

     

    “อิตาลี!!!

     

    งานประสานเสียงต้องมา

     

    หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากจงอินแล้ว ทั้งคริสและเทาก็ได้แต่โอดครวญด้วยความอิจฉา  ทำไมเพื่อนตัวดำของพวกเขาถึงได้โชคดีนัก  ว่าที่พ่อตาเอ็นดูสุดใจขาดดิ้น  ริษยาหาใดเปรียบเลยครับ

     

    “แล้วคุณหนูล่ะ  ไม่อยากไปกับมึงหรอ”

     

    “อยากดิ  แต่ไปไม่ได้หรอก  อีกอย่างกูก็ไปไม่นาน  ในฐานะที่มึงสนิทกับจุนมยอนที่สุด  กูฝากมึงดูแลน้องด้วยนะ”จงอินหันไปฝากฝังสโนว์ไวท์ของตนกับจื่อเทาที่น่าจะวางใจได้ที่สุดเพราะทั้งสองคนนั้นรู้จักกันเป้นอย่างดี

     

    จื่อเทาที่ได้ยินคำขอของเพื่อนรักก็พยักหน้าให้เป็นเชงรับปาก สองปีที่จงอินไม่อยู่ สองปีที่เขาจะได้อยู่ใกล้คุณหนูที่เขาตกหลุมรัก  เขาควรจะบอกเพื่อนรักหรือเปล่าว่ากำลังวางใจคนผิด  ช่วงระยะเวลาสองปีเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันสูญเปล่าเด็ดขาด  มันเป็นโอกาสของเขาแล้ว  โอกาสของฮวางจื่อเทา

     

    .

    .

    .

    เช้านี้ปาร์คชานยอลตื่นมาด้วยความหงุดหงิดใจ  โทรศัพท์ของอู๋อี้ฟานที่เขาเจอมันหายไป  มั่นใจว่าเก็บเอาไว้ในลิ้นชักข้างเตียง แต่เช้านี้เขาไม่พบมันอยู่ในนี้แล้ว  หาจนทั่วทั้งห้องเพราะคิดว่าบางทีอาจจะพลาดไป  ทั้งบนที่นอน ใต้หมอนทั่วทุกมุม แต่ก็ไม่พบ หรือจะมีใครมาหยิบมันไป  ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงใครกันที่จะกล้าเข้ามาหยิบของของเขาถึงในห้อง

     

    ร่างสูงรุดออกจากห้องทันที  ตรงไปยังแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ไม่ไกล  ถ้าจากตรงนี้ไปถึงหน้าห้องของเขาก็ยังอยู่ในระยะสายตาพอดี 

    “ป้าครับ”

     

    “คะ คุณชาย”หญิงสูงวัยเอ่ยตอบกลับมาเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของคุณชายของตระกูลตรงดิ่งมาหาด้วยท่าทีร้อนใจ

     

    “ป้าเห็นใครเข้าไปในห้องผมบ้างหรือเปล่าครับ”

     

    “อืม ป้าก็ไม่แน่ใจค่ะ ป้าลงไปอยู่หลังบ้านเสียนานเพิ่งจะกลับขึ้นมาเมื่อครู่นี้ล่ะค่ะ  อ้อ  แต่ถ้าเป็นช่วงเช้ามืดตอนที่ป้ามาเก็บผ้าลงไปซัก  จำได้เหมือนจะเห็นคุณหญิงออกมาจากห้องคุณชายนะคะ”

     

    “แม่? แม่หรือครับ”

     

    หายนะ นี่คือคำเดียวที่ชานยอลนึกออก  ถ้าแม่เอาไปจริงๆ  แม่จะเอาไปทำอะไร  แม่จะเห็นรูปนั้นหรือเปล่า  ตอนนี้ปาร์คชานยอลเริ่มรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าไม่ต่างจากอู๋อี้ฟานสักนิด  ก็แค่ล็อกโทรศัพท์แต่ทำไมถึงไม่ทำ

     

     

    เดินตามหาผู้เป็นมารดาไปทั่วทั้งบ้านแต่ก้ไม่พบ  ถามเอาจากบรรดาแม่บ้านก้ได้แต่คำตอบเหมือนๆกันว่าไม่รู้  รู้แค่ออกไปนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปไหน  เออ! ดี  คนหายออกจากบ้านไปทั้งคนแต่ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน

     

    ไม่นานนักชานยอลก็เห็นหญิงสาวงามสง่าเดินเข้ามาในบ้าน  ปาร์เฮรามีใบหน้าปลื้มปริ่มจนรู้สึกได้  หล่อนหันมามองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วส่งยิ้มแสดงความรู้สึกสุขใจมาให้

     

    “แม่ไปไหนมาครับ”

     

    “อ๋อ  บ้านบยอนจ้ะ”

     

    บ้านบยอน แม่ไปทำไม”

     

    เฮราเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เอื้อมมือมาจับมือหนาของชานยอลเอาไว้  บีบเบาๆราวกับส่งกำลังใจ  ก่อนจะยิ้มหวานแล้วตอบคำถามออกไปอย่างมั่นใจ

     

    “เอาหลักฐานสำคัญที่ได้มาจากห้องลูกไปให้ครอบครัวบยอนดู  หลักฐานที่เปิดเผยความต่ำตมกักขฬะของไอ้ลูกเมียน้อยที่พวกเขาเอ็นดูมันยังไงล่ะ”

     

    “แม่!

     

    ไม่เคยรู้สึกอยากจะเป็นบ้าเท่านี้  ชานยอลกำลังจะเป็นบ้า  นี่แม่ของเขาทำอะไรลงไป  นี่เอาโทรศัพท์กับรูปนั้นไปให้พ่อแม่ของแบคฮยอนดูแล้วสินะ 

     

    “ทำไมต้องตะคอกแม่ด้วย”ปาร์คเฮราไม่เข้าใจนัก  เหตุใดชานยอลจึงขึ้นเสียงใส่ตนเองเช่นนี้  นี่เขาไปทำสิ่งใดที่ไม่ถูกใจลูกชายคนนี้หรืออย่างไร  จะมีอะไรที่เขาทำผิดไปได้ในเมื่อเขาทำทุกอย่างก็เพื่อชานยอลทั้งสิ้น  เพราะเมื่อวานที่หวังดีจะนำเอาขนมกับน้ำไปให้แบคฮยอนที่ท่าทางรีบร้อนมาพบชานยอล  แต่ยังไม่ทันได้เสิร์ฟอะไรก็ดันไปได้ยินเรื่องที่เด็กสองคนกำลังคุยกัน

     

    เพราะแบคฮยอนที่ทำท่าทางจะไม่ขลาดกลัวอีกแล้ว  และอู๋อี้ฟานที่เอาแต่กวนประสาทจนเดาใจไม่ถูก  ชานยอลไม่มีทางชนะสงครามนี้ได้ด้วยตัวตนเดียว  จำเป็นต้องมีผู้ช่วย

    “แม่ทำอะไรลงไป  แม่รู้มั้ยว่านี่มันจะทำให้แบคฮยอนเดือดร้อนน่ะแม่!

     

    “แม่รู้  และนี่จะเป็นข่าวดีที่สุด  คุณบยอนตกลงให้เราหาบ้านพักไกลๆแล้วเขาจะส่งแบคฮยอนไปอยู่ที่นั่น  พร้อมกับลูก”

     

    TBC.

    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×