คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : RED 15
RED 15
ความรู้สึกเย็นชื้นที่ข้างแก้มปลุกให้คนที่หมดสติไปรู้ตัวขึ้นมาอีกครั้ง มินซอกค่อยๆลืมตาขึ้นมา หันมองหาต้นเหตุที่รบกวนตนเอง ก่อนจะพบว่าเป็นหญิงสาวที่เขาพบอยู่ชั้นล่างที่เป็นบริเวณร้านติ่มซำ ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าเธอจะเป็นพี่สาวของจื่อเทาสินะ
“อ้าว ตื่นแล้วหรอ”
“ผม…”เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พอจะมีสติคือตอนที่กระดกเบียร์กระป๋องที่ห้าหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูมึนงง สับสน มัวเมาและ หวิวไหว อยากจะคิดว่าคงเพราะเมาจึงฝันเรื่องแบบนั้น แต่อากาศเจ็บร้าวที่ด้านหลังก็บอกทุกอย่างได้ชัดเจนว่าเพราะเมาจึงทำเรื่องแบบนั้น
“กลับบ้านไหวมั้ย ไม่ไหวพี่ขับรถไปส่งก็ได้นะ ไอ้เทาก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ พอเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราเสร็จก็หายหัวไปเลย บอกแค่ให้มาช่วยดูหน่อยเพราะเราไม่สบาย”
“เออ แล้วตอนนี้กี่โมงแล้วหรอครับ”
“จะสามทุ่มแล้วล่ะ เอาไง จะกลับบ้านหรือจะนอนนี่”
“คือพี่ไปส่งผมที่ท้ายซอยได้มั้ยครับ ผมไปค้างที่นั้นก็ได้”
“ท้ายซอย บ้านนายแบงก์อ่ะหรอ ได้สิ เก็บของก่อนล่ะกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ขอบคุณครับ”
มินซอกมองตามหญิงสาวใจดีที่เดินออกไปรอด้านนอกเพื่อให้เขาได้มีเวลาเก็บของและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่หลังก้มมองกางเกงบอลกับเสื้อยืดตัวโตที่สวมใส่อยู่แล้วก็ตัดสินใจเก็บเอาชุดนัดเรียนใส่ลงเป้ที่หอบหิ้วมาด้วยทันที ไปทั้งแบบนี้ก็คงไม่เป็นไร
ความรู้สึกเจ็บระบมยาวก้าวเดินนั้นไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด อย่างน้อยๆก็ยังพอเดินเองไหว เขาไม่ได้อ่อนแอ แม้จะตัวเล็กแต่ก็เป็นนักกีฬาเรื่องจะให้มาทำตัวบอบบางยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวได้เสียชื่อสำนักแทโจกันพอดี
มองไปรอบๆห้องอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าพี่จื่อเทาหายไปไหน มันคงจะดีถ้าได้พูดคุยกัน เขาไม่ใช่ผู้หญิงไม่ได้หวังว่าจะให้อีกฝ่ายมารับผิดชอบ หากแต่อยากจะเคลียร์ให้เข้าใจกัน อยากบอกว่าเขาไม่เป็นไร หวังว่าจ่อเทาก็คงจะไม่เป็นอะไรเช่นกัน ขอแค่คุยกัน แค่อยากรู้ว่าเราจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ จะเป็นเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ยังไม่นอนหรอ?”จุนมยอนเอ่ยถามเพื่อนแก้มป่องที่ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น ถามว่าไปไหนทำอะไรมาก็ไม่ตอบ แปลกคนเสียจริง
“ไม่ง่วงเลย”อยากบอกเหลือเกินว่าเพิ่งตื่น
“งั้นเราอ่านหนังสืออยู่เป็นเพื่อนนะ”
“ไม่ต้อง นอนก่อนเลย เดี๋ยวเราค่อยนอนทีหลัง”
“ยังไม่ง่วงเหมือนกัน”คนตัวขาวส่งยิ้มมาให้เพื่อให้มินซอกสบายใจว่าไม่ได้เป็นสาเหตุที่จุนมยอนไม่ยอมนอนไปด้วย
มินซอกทำเพียงแค่ยิ้มกลับไป มองจุนมยอนที่ยกหนังสือเรียนขึ้นมาทบทวนแล้วก็หันกลับมาสนใจเจ้าสมาร์ทโฟนในมือเหมือนเดิม
“คุณหนูจุน”
“ครับ”จุนมยอนวางหนังสือลงข้างตัวแล้วให้ความสนใจกับคนแก้มป่องที่เรียกตัวเองทันที
“เขาถามไรหน่อยสิ”มินซอกคลานไปนอนลงข้างๆคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่
“ว่า?”
“สมมุติว่าตัวทำเรื่องผิดพลาดไป ตัวจะทำยังไงต่ออ่ะ”
“อืม แล้วทำไมมันถึงเป็นเรื่องผิดพลาดล่ะ”คนตัวขาวเอ่ยถามพลางตบตักตัวเองเบาๆเป็นสัญญาณให้มินซอกยกหัวขึ้นมาหนุนเอาไว้ จุนมยอนหยิบเอาหนังยางเส้นเล็กๆจากโต๊ะข้างเตียงมามัดปอยผมด้านหน้าของคนที่นอนทำหน้ายุ่งหนุนตักอยู่
“ก็มันผิดไง มันไม่ควรทำ แล้วเราก็ไม่ตั้งใจ”
“แล้วเสียใจมั้ย”
คำถามที่ย้อนกลับมาให้ครุ่นคิดนั้นทำเอามินซอกต้องถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกเช่นไร ไม่รู้ว่าเสียใจหรือเปล่า ที่รู้คือเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ถามว่าเสียใจหรือไม่ มันก่ำกึ่งระหว่างเฉยๆกับไม่เสียใจเลยสักนิด
“สำคัญหรอ”
“สำคัญสิ ความผิดพลาดน่ะตัดสินกันที่ความรู้สึก เพราะงั้นถ้าอยากรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ก็ต้องรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเสียก่อน เพื่อที่หลังจากที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วจากนี้ เราจะได้มั่นใจว่าจะไม่เสียใจ ไม่งั้นมันจะได้กลายเป็นความผิดพลาดจริงๆ”
“อืม แล้วนี่จะไม่ถามหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”เพราะคนที่พูดจ้อให้คำปรึกษาเป็นเรื่องเป็นราวนั้นไม่แม้แต่จะเอ่ยถามอะไร มินซอกจึงอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่ล่ะ ถ้าอยากบอกมินซอกก็คงเล่ามาแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“ฮึ ขอบคุณนะ”คนแก้มป่องคลี่ยิ้มกว้างไปให้เจ้าของตักอุ่นที่ตนอาศัยหนุนแทนหมอนอยู่ จุนมยอนเองก็ส่งยิ้มกลับมาพร้อมกับดึงปอยผมด้านหน้าที่ถูกมัดไว้ของมินซอกเล่นไปมา
มือที่ก่อนหน้ากำโทรศัพท์เอาไว้แน่น เพื่อรอการติดต่อจากใครบางคน บัดนี้กลับคลายออกแล้ววางเจ้าสมาร์ทโฟนทิ้งไว้ข้างๆตัวแทน วันนี้คงต้องทิ้งไปก่อน ปล่อยไปก่อน ไว้รอให้พร้อมแล้วค่อยคุยกันมันคงจะดีกว่าที่นั่งรออยู่แบบนี้
.
.
.
ร่าง สูงโปร่งที่บัดนี้กำลังนั่งร่วมโต๊ะมื้อเช้ากับครอบครัวบยอนนั้นกำลังตั้งใจ ฟังชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเล่าเรื่องต่างๆไปตามประสา คริสถูกเชิญโดยคุณและคุณนายบยอนให้มาร่วมมื้อเช้ากัน เพราะบยอนแบคฮยอนกล่าวว่าเขาเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆ เคยเจอหลายครั้ง เป็นพี่ชายของชานยอล ซ้ำยังเคยนำกระเช้ามาเยี่ยมเมื่อตอนที่ป่วย จึงอยากชวนมาร่วมโต๊ะเพื่อตอบแทนเล็กๆน้อยๆ
เรื่องของเรื่องคือคนตัวเล็กโดนเจ้าน้องชายของเขาล็อคโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกสุดเข้าใจว่าแค่บล็อกชื่อคริสอู๋ไป แต่พอจะปลดล็อคโทรศัพท์อีกครั้งก็ได้รู้ว่ามันถูกเปลี่ยนรหัสไปเสียแล้ว ตอนนี้จึงทำได้แค่รับสายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
คริสยอมรับว่าไม่ชอบการรวมกลุ่มกับผู้ใหญ่นัก เขาไม่รู้จักการวางตัวหรือแม้แต่มารยาทที่ต้องแสดงออกไป แต่ครอบครัวบยอนไม่ได้สร้างความอึดอัดให้เขาเหมือนเวลาที่ต้องนั่งร่วมกับพวกบ้านใหญ่ของตระกูลปาร์ค
“ที่โรงงานก็เยอะ จะไว้ใจใครก็ไม่ได้ แต่ก็อยากพักบ้าง ผู้ชายอย่างเราๆนี่แข็งแรงแต่ก็เหนื่อยเป็น”บยอนมงยูลยังคงบ่นเรื่อยเปื่อยให้เด็กหนุ่มฟัง
“ก็ผมไงครับ”เป็นแบคฮยอนที่เสนอตัวเข้ามาในบทสนทนาเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยว่าไว้ใจใครให้ทำงานแทนไม่ได้
“โถ่ ก็เราต้องไปแต่งเข้าบ้านในพล ที่จริงอ่ะนะ อยากให้ชานยอลมาช่วยงานมากกว่า เพราะไหนๆบ้านนั้นก็มีอี้ฟานอยู่อีกคน”เมื่อตอบลูกชายแล้วก้หันไปขอความเห็นของคริสทันที
“พวกเขาคงไม่คงให้เด็กอย่างผมสืบทอดตระกูลหรอกครับ ไม่เอาถ่าน ไม่เป็นโล้เป็นพาย คงสู้ชานยอลไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เฮ้อออ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าหมั้นหมายแบคฮยอนให้ชานยอลไปแล้ว น้าจะยกให้เราแล้วนะเนี่ย เมื่อกี้ก็ดูพูดคุยสนิทสนมกันดี แถมเอาตัวเรามาช่วยงานได้ด้วย”
“คุณ!”โบมีรีบปรามสามีทันที เกรงว่าหากใครมาได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อจะได้มีปัญหากับคุณหญิงเฮรา
“แต่ผมก็ว่าน่าเสียดายนะครับ จริงๆผมก็ชอบคุณหนูบยอนมาก ทั้งน่ารัก ทั้งนิสัยดี ไม่น่ามาเจอกันช้าเลย”คริสพูดราวกับว่ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร แต่ก็ลอบมองคนตัวเล็กที่บัดนี้กำลังเงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่ทั้งๆที่สองแก้มนั่นแดงซ่านด้วยความเขินอาย
“พอเถอะลูก น้องเขินจะแย่แล้ว”หญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะยกยิ้มนิดๆที่เห็นล฿กชายหัวแก้วหัวแหวนของตนนั้นมีท่าทีเขินอายอย่างน่ารัก
ถ้าบอกว่ามื้อเช้าวันนี้เป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข ก็คงจะเป็นเรื่องจริงที่เขาว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอเมื่อร่างสูงโปร่งของคนที่สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนกำลังเดินเข้ามา ชานยอลโค้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆกับแบคฮยอน
“ทานข้าวหรือยังลูก”โบมีเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยกันดี
“เรียบร้อยแล้วล่ะครับ เลยมารอรับแบคฮยอนให้ไปโรงเรียนด้วยกัน”
“เอ้อ ดีดี นี่กำลังพูดถึงเราอยู่พอดี พ่ออี้ฟานเขาชมใหญ่ว่าเราน่ะทำอะไรก็เป็นโล้เป็นพายกว่าตัวเอง”
ชานยอลหันไปมองหน้าอู๋อี้ฟานทันทีที่มงยูลพูดจบ คนมีศักดิ์เป็นพี่ชายกำลังส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจเหลือเกินมาให้ ชานยอลจึงส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจเช่นกันกลับไป รอยยิ้มที่ใครเห็นก็คงชื่นชมในความสัมพันธ์อันดีของพี่น้อง แต่ขอให้ยกเว้นแบคฮยอนเอาไว้หนึ่งคน เพราะตอนนี้ริมฝีปางบางนั้นเม้มแน่นด้วยความกังวล เพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ชานยอลและคริสเผชิญหน้ากันเช่นนี้ หวังทั้งคู่จะอดทนต่อกันมากพอเพื่อให้มื้อเช้าผ่านไปด้วยดี
“ผมอิ่มแล้วครับ”
เพราะไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะเล่นสงครามประสาทกันไปถึงเมื่อไ แบคฮยอนจึงตัดสินใจปิดเกมส์ด้วยการจบมื้อเช้าเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้านในทันที ทั้งหมดกล่าวลาผู้ใหญ่ของบ้านทั้งสองคน ก่อนที่ชานยอลจะคว้ามือเรียวของแบคฮยอนให้เดินไปด้วยกันโดยมีคริสเดินตามมาด้านหลัง
“แบคฮยอนจะไปกับชานยอลหรอครับ”คริสเอ่ยถามเมื่อเดินออกมาพ้นตัวบ้านแล้ว
“เอ่…”เพราะไม่ชินต่อสรรพนามที่คริสใช้ แบคฮยอนจึงได้แต่ยืนงงในขณะที่ชานยอลเองก็รอฟังเช่นกันว่าคริสนั้นจะพูดอะไร
“พี่นึกว่าคุณจะให้พี่ไปส่งเสียอีก”
“แบคฮยอนไม่จำเป็นต้องให้นายไปส่ง”ชานยอลจ้องเขม็งเพราะคริสนั้นดูจะลอยหน้าลอยตาชวนให้หงุดหงิดเหลือเกิน
“คือ ขอบคุณพี่คริสมากนะครับ แต่ผมคงไม่รบกวน เอาไว้โอกาสหน้านะ”แบคฮยอนตอบอย่างสุภาพพลางส่งยิ้มให้อย่างที่เคยทำ
“งั้นก็ เดินทางปลอดภัยนะครับ ลูกหมาของพี่”
จุ๊บ
ไม่มีคำว่าเกรงกลัวต่อใครหน้าไหนทั้งสิ้น ทันทีทีเอ่ยคำลาจบคริสก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ร่างสูงเดินเข้าใกล้สองคนตรงหน้าก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพศเบาๆที่ริมฝีปากบางของแบคฮยอน
ผลัก!
หมัดหนักๆพุ่งเข้ากระแทกที่ข้างแก้มของคริสจังๆจนล้มลงไปกับพื้น ชานยอลรีบตามไปคร่อมทับเอาไว้แล้วปล่อยหมัดใส่อีกนับครั้งไม่ถ้วนท่ามกลางความตกใจของแบคฮยอน
“ชานยอล! หยุดนะ หยุดสิ!”พยายามจะเข้าไปดึงแต่ก็ถูกสะบัดหลุดออกมา
ชานยอลยังคงรัวหมัดใส่คริสไม่หยุด โดยที่คริสนั้นไม่ตอบโต้หรือปัดป้องอะไรทั้งสิ้น แบคฮยอนยังคงร้องห้ามสุดเสียงแม้ว่ามันจะไม่อาจห้ามชานยอลได้เลยก็ตาม คนจากทั้งสองบ้านกำลังทยอยวิ่งกันออกมาเพราะเสียงร้องของแบคฮยอน นายพลปาร์คที่มาถึงเป็นคนแรกรีบเข้าไปกระชากชานยอลออกจากตัวของคริสและเหวี่ยงลงไปกับพื้นอีกฝั่งเพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“ชานยอล!”คุณหญิงเฮรารีบวิ่งเข้าไปดูลูกชายเพื่อสำรวจว่ามีรอยฟกช้ำหรือไม่ ในขณะที่แบคฮยอนและบยอนมงยูลก็ช่วยกันพยุงคริสที่ใบหน้านั้นบวมช้ำและเลือดท่วมอย่างน่ากลัว
“แกเป็นบ้าอะไรห๊ะ ไปต่อยพี่เขาทำไม!”นาย พลปาร์คหันไปตะคอกลูกชายที่คนเป็นแม่กำลังโอ๋อย่างออกนอกหน้าทั้งๆที่ดูก็ รู้ว่าฝ่ายของคริสนั้นไม่ได้แตะต้องตัวชานยอลเลยแม้แต่ปลายก้อย
“คุณจะดุลูกทำไมเนี่ย!”
“เงียบไปเลยคุณหญิง ไม่เห็นหรือไงว่าลูกคุณต่อยลูกผมเกือบตายน่ะห๊ะ!!!”
เพราะความโมโห จึงทำให้ประโยคที่ฟังแล้วสร้างบาดแผลให้ลูกชายนั้นหลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างไม่ตั้งใจ ชานยอลลุกขึ้นยืนพลางกำมือแน่นอย่างเจ็บแค้นใจ ลูกคุณลูกผมงั้นหรือ อู๋อี้ฟานคือคนเดียวที่เป็นลูกพ่ออย่างนั้นหรือ เขามันไม่ใช่ลูกพ่อแล้วสินะ
สายตากวาดมองไปรอบก็พบว่าทั้งแบคฮยอน คุณน้ามงยูลและคุณหน้าโบมีส่งสายตาผิดหวังมาให้เขาอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนจะเห็นคนที่บัดนี้ใบหน้ายับเยินกำลังกระตุกยิ้มอย่างผู้มาชัยมาให้ พร้อมกับขยับริมฝีปากที่อ่านตามแล้วชวนให้เดือดดาลยิ่งกว่าเก่า
“เด็กอันธพาล”
แบคฮยอนค่อยๆไล้สำลีลงบนรอยแผลที่บวมช้ำจนน่ากลัว คริสไม่ได้โอดโอยแม้ว่ามือเรียวนั้นจะลงแรงหนักไปบ้างก็ตาม เมื่อใส่ยาจนทั่วก็ใช้พลาสเตอร์ปิดทับลงไปสองสามจุดที่ดูท่าว่าอาการจะหนักกว่าส่วนอื่นอยู่พอสมควร
“พี่ไม่น่าจะทำแบบนั้น ช่วงนี้ชานยอลอารมณ์ร้อนมาก โมโหร้ายตลอดเลย”
“ช่างหัวมันสิ ไอ้เด็กเก็บกดนั้นน่ะ โอ๊ย!”
แบคฮยอนกดแผลที่มุมปากของคริสแรงๆเมื่อได้ยินประโยคร้ายๆออกมา ซ้ำยังส่งค้อนวงใหญ่ไปให้จนคริสต้องเบ้หน้ากับท่าทางไม่พอใจของแบคฮยอน
“ทำไม แตะไม่ได้เลยสิแฟนมึงเนี่ย”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ”
“ขอโทษนะครับคุณหนู เออ แล้วนี่มึงจะไปโรงเรียนรึเปล่า”
“ไปสิครับ จุนมยอนโทรมาบอกว่าอยู่คนเดียว มินซอกไม่สบายพี่ลู่หานมารับไปโรงงพยาบาล ส่วนชานยอล คิดว่าคงไม่ไปแล้ว”
“อืม งั้นเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกครับ หน้าแบบนี้ยังจะไปเจอใครได้อีก”
เพราะคำพูดของแบคฮยอนทำให้คริสรู้สึกเสียความมั่นใจเล็กน้อย พยายามสอดส่ายสายตาหากระจกเพื่อส่องดูหน้าดูตาของตัวเองว่ามันแย่มากดั่งที่คนตัวเล็กว่าหรือไม่ ร่างสูงลุกขึ้นไปยังโต๊ะเครื่องแป้งอย่างรวดเร็ว หันซ้ายขวาสำรวจดูใบหน้าจนทั่วพลางทำหน้าเหยเกไปด้วย เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากแบคฮยอนที่กำลังนั่งมองอยู่ เพราะ ไม่คิดว่าพี่คริสก็จะห่วงหล่อกับเขาเป็นเหมือนกัน
.
.
.
ลู่หานนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่มินซอกนอนเงียบๆอยู่บนนั้น เมื่อเช้าจุนมยอนโทรมาบอกว่ามินซอกไข้ขึ้นสูง คุณคิมก็ออกไปธนาคารแต่เช้า ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร เขาจึงรีบไปหาทันทีโดยไม่ต้องคิด รับมินซอกจากบ้านของจุนมยอนไปโรงพยาบาลในทันที คนตัวเล็กไข้ขึ้นสูง ตัวร้อนมากเสียจนเขากลัวว่าจะช็อคไปเสียก่อน
หลังจากถึงมือหมอก็พอจะเบาใจได้เล็กน้อย เพราะทั้งฉีดยาทั้งเช็ดตัวจนไข้ลดลงไปมาก แต่ สิ่งที่ทำให้ลู่หานรู้สึกกังวลอยู่ตอนนี้คือคำบอกเล่าของพยาบาลที่เช็ดตัว ให้มนซอกว่าสาเหตุที่ไข้ขึ้นอาจเป็นเพราะแผลอักเสบที่ช่องทางด้านหลังเกิด การฉีกขาดเล็กน้อย ตอนนั้นเขาตกใจมากจนพยาบาลต้องบอกให้ใจเย็นและบอกว่าคงเป็นผลจากการมีเพศสัมพันธ์
ลู่หานอยากบอกหล่อนเหลือเกินว่าสิ่งที่ได้รับรู้มันไม่ได้ส่งผลให้จิตใจสงบลงได้เลย เพศสัมพันธ์น่ะหรือ หลังจากที่แยกกับเขามินซอกไปไหน ถ้าเป็นที่บ้านของจุนมยอนก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ แม้จะถามกับเจ้าตัวไปแล้วแต่ก็ไม่ได้รับำตอบใดๆ
“จะไม่บอกพี่จริงๆหรอว่าใคร”
“รู้แล้วจะทำไมล่ะ พี่จะบอกป๊าให้ส่งคนไปกระทืบหรือไง”
“พอเถอะ ที่ทำแบบนี้เพราะพี่หรือเปล่า เพราะเรื่องที่พี่บอกมันทำให้เราตัดสินใจผิดหรือเปล่ามินซอก”
“ก็ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ ถ้าใช่พี่จะทำยังไงลู่หาน!”
มินซอกตะคอกออกไปอย่างนึกโมโห เขาไม่อยากตอบคำถามเรื่องเหล่านี้กับใคร คนเดียวที่เขาอยากคุยด้วยในเวลานี้อย่างจื่อเทานั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาให้เจอสักนิด
“งั้นหรอ งั้นพี่ก็ขอโทษด้วยนะ ขอโทษที่ความรักของพี่มันทำร้ายมินซอก”
ลู่หานถอนใจกับความรู้สึกของตนเอง ทิ้งตัวนั่นลงกับเก้าอี้หน้าห้องพักฟื้น เพราะรู้ดีว่าถ้าบอกความรู้สึกให้มินซอกรับรู้ น้องจะต้องรับไม่ได้ ถึงได้เก็บเงียบมาตลอด ทำตัวเป็นเพียงพี่ชายที่แสนดี เป็นพี่ชายที่น้องไว้ใจ แต่หลังๆมานี้คนตัวเล็กมีสังคมมากขึ้น รู้จักใครต่อใครมากหน้าหลายตา เขามีลางสังหรณ์ว่าจะต้องสูญเสียมินซอกไป ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ และหนึ่งในสาเหตุมันก็คือความรู้สึกของเขานั่นเอง
แล้วพี่ต้องยังไงหรอมินซอก?
ด้านคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องก็เอาแต่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ไม่มีข้อความ ไม่มีสายเข้าจากจื่อเทา แค่คุยกันมากยากมากหรือ ทำไมต้องหนี ทำไมถึงทิ้งเขาแบบนี้ และเมื่ออดทนต่อการรอคอยต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว สุดท้ายมินซอกก็ตัดสินใจเปิดโปรแกรมแชท
ท่านเจ้าสำนักคิม: พี่อยู่ไหนหรอ คุยกันหน่อยได้มั้ย
ท่านเจ้าสำนักคิม: ผมอยากคุยกับพี่นะ ตอบผมหน่อยสิ
ท่านเจ้าสำนักคิม: ผมอยู่ที่โรงพยาบาล พี่ช่วยมาหาผมได้มั้ย
ได้แต่ถอนใจเพราะไม่ว่าจะส่งอะไรไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฝั่งจื่อเทาก็ไม่มีวี่แววจะตอบกลับมา ไม่แม้แต่จะอ่านมันด้วยซ้ำ ใจร้ายจริงๆ ฮวางจื่อเทา
ท่านเจ้าสำนักคิม: ผมยอมแพ้แล้ว เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่พูดถึงอีก
ท่านเจ้าสำนักคิม: พี่ช่วยมาเยี่ยมผมหน่อยนะ
เพราะไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้ ความรักจึงมักจะเจ็บปวดเสมอ คนหนึ่งมอบความรัก คนหนึ่งวิ่งหนี และอีกคนที่สับสน หากเพียงแต่รู้ผลของสิ่งที่ทำล่วงหน้าได้ คงไม่มีคนสารภาพรัก คงไม่มีคนที่วิ่งหนี และคงไม่มีคนที่เลือกเส้นทางผิด
.
.
.
สองเพื่อนซี้เดินคล้องแขนกันเข้ามาในโรงอาหารอย่างร่าเริง เพราะวันนี้คลาสก่อนพักเที่ยงถูกยกไป ทำให้ทั้งจุนมยอนและแบคฮยอนได้พักเร็วกว่าปกติ มองซ้ายมองขวาเพื่อหาโต๊ะที่ดูเหมาะก่อนจะสะดุดตากับคนตาโตที่มองมาจากอีกด้านของโรงอาหาร
คยองซูจ้องมองคนที่ตนเองแสนเกลียดชัง สะบัดหน้าหนีไปอีกทางเพื่อจะกลับไปอ่านหนังสือเสียทีหลังจากเสียเวลามาซื้อน้ำดื่มเมื่อสักครู่ แต่หากก้าวไปได้ไม่เท่าไรก็ถูกรั้งไว้จากด้านหลัง หันไปมองเห็นแบคฮยอนกำลังยืนหอบอยู่ตรงหน้า ท่าทางคงจะวิ่งมาจึงได้เหนื่อยแทบขาดใจเช่นนี้ หันไปมองอีกคนที่เห็นว่ามาด้วยกัน จนมยอนทำเพียงแค่มองด้วยความกังวลก็เท่านั้น
“ขอ ขอคุยด้วยได้มั้ยคยองซู”แบคฮยอนเอ่ยปากขอร้อง
“ฉันต้องไปอ่านหนังสือ”
“คยองซูอ่า ขอเวลาหน่อยเถอะ”ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก แบคฮยอนคือมนุษย์อีกหนึ่งคนที่ถือคตินี้
เพราะหลังจากที่คยองซูออกไปจากบ้านตระกูลปาร์คแล้วก็ไม่ได้ไถ่ถามทุกข์สุขของคยองซูจากชานยอลเลย เพราะฝ่ายนั้นก็ดูเหมือนจะไม่อยากพูดถึงสักเท่าไร
“มีเรื่องอะไร”
“หลายเรื่อง…ที่ผ่านมา”
คยองซูถอนหายใจเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่ายกับความน่ารำคาญของแบคฮยอนที่ไม่รู้จักคำว่าต่างคนต่างอยู่ คงอยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้จบเพื่อจะได้สบายใจสินะ คิดตื้นเหลือเกิน คิดแต่ความสบายใจของตน แล้วเขานี่ล่ะ จะเอาอะไรมาสบายใจ งี่เง่าจริงๆ
“ไปคุยที่อื่น”ว่าจบก็เดินนำออกไปยังโตะที่ตนวางหนังสือทิ้งเอาไว้ คยองซูทิ้งตัวนั่งลงโดยมีแบคฮยอนนั่งที่ฝั่งตรงกันข้าม
“เราอยากขอโทษ”คำกล่าวขอโทษของแบคฮยอนทำเอาคยองซูขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“เรื่อง?”
“เรื่องที่ทำให้เกลียด”
เพราะได้ยินเหตุผลจึงพอจะเข้าใจได้ ขอโทษที่ทำให้เกลียดงั้นหรือ เข้าท่าดีเหมือนกัน คนถูกเกลียดเป็นคนผิด ผิดที่ทำใหคนอื่นเกลียดตัวเอง ฮึ!
“ขอโทษแล้วยังไง ตายชดใช้สิ”ใบหน้าเรียบเฉยของคยองซูกับประโยคเมื่อครู่ทำเอาแบคฮยอนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพราะทำอะไรไม่ถูก
“คือ…”
“ใจเสาะ ไม่ได้เรื่อง กลับไปได้แล้ว ฉันต้องอ่านหนังสือ”
“ขอโทษนะ เรา….”
“เลิกพูดคำว่าขอโทษ ไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารำคาญน่ะ”
“ขอ….ขอโทษจริง แต่เราแค่อยากคุยด้วยดีๆ”
คยองซูแทบจะพ่นไฟกับความงี่เง่าของแบคฮยอน นี่ถ้าไม่คิดว่าบยอนแบคฮยอนนั่นโง่เกินกว่าจะกวนประสาทใครต่อใครคงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจทำอยู่แน่ๆ
“คุยดีๆ ฮึ! โลกของนายนี่สวยงามเหลือเกินนะ เอะอะก็ขอโทษ เอะอะก็อยากให้ดีกัน ทำไมถึงคิดว่าฉันจะอยากคุยดีๆกับคนที่ฉันเกลียดจนแทบจะอาเจียนออกมาด้วย”
“…….”
“ชีวิตนายนี่ดีนะ ทำอะไรก็ดูดี ดูพ่อพระไปหมด ขนาดเป็นตัวต้นเหตุให้พี่น้องตีกันยังไม่มีใครว่าอะไรนายเลย โอ้ ชานของเรา คุณคริสของผม แย่งผมสิครับ แย่งกันเร็วเข้า ฆ่ากันให้ตายไปเลย… น่าสมเพชเหมือนกันหมด”
“นี่เราเปล่านะ!”
“ขึ้นเสียง? นี่โกรธแล้วหรอคุณหนูบยอนคนดี โกรธที่ฉันพูดความจริงงั้นหรอ อ่า…รับไม่ได้สินะ”
“………”แบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าต้องตอบโต้ออกไปเช่นไรนั้นได้แต่เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นอารมณ์เอาไว้ คยองซูกระตุกยิ้มอย่าพอใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นโกรธจนตัวสั่นตัวเกร็งเช่นนี้ ถลกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยขนเห็นรอยแผลที่ข้อมือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวไปจนใบหน้าชิดกับแบคฮยอน
“เห็นแผลพวกนี้มั้ย? มันช่วยได้นะ”กระซิบแนบกับใบหูพอให้ได้ยินกันสองคนแล้วผละออกมานั่งอย่างเดิม ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเอาคัตเตอร์อันเล็กออกมาวางเอาไว้บนโต๊ะ
“…….”แบคฮยอนจ้องมองสิ่งที่คยองซูนำออกมานิ่งๆ
“ฉันให้ยืม”ว่าจบก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของทั้งหมดของตนออกจากโต๊ะ หอบเอากระเป๋าและกองหนังสือจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงแค่แบคฮยอนและคัตเตอร์สีเงินวาววับบนโต๊ะตัวเดิม
.
.
.
ชานยอลกำลังเปิดดูเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางที่ไม่ใช่ของตนอย่างถือวิสาสะ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้เมื่อครู่ก็เดินย้อนกลับไปยังที่เดิมอีกครั้งเพื่อทบทวนสิ่งที่ตนเองทำ ทบทวนความบุ่มบ่ามใจร้อนของตน แต่กลับพบว่าอู๋อี้ฟานทำโทรศัพท์ตกเอาไว้ คงเป็นตอนที่ถูเขาต่อยลงไปกับพื้นเป็นแน่ และที่โง่ที่สุดคือหมอนั่นไม่ล็อคหน้าจอใดๆเอาไว้เลย
ไล่อ่านข้อความต่างๆที่ส่งหยอกล้อกับแบคฮยอนก็แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งเสีย ท่าทางคงสนิทสนมกันมากเหลือเกิน แต่จะโทษใครไม่ได้นอกจากตนเอง ปาร์คชายอลที่ผิด ปาร์คชานยอลที่พลาด เขาไม่น่ามั่นใจว่าแบคฮยอนจะไม่ทิ้งเขา เขาน่าจะฉุกคิดสักนิดว่าความอดทนของแบคฮยอนนั้นไม่ได้มีมากพอสำหรับเฝ้ารอ
เมื่ออ่านข้อความโต้ตอบของแบคฮยอนจนหมดแล้ว ชานยอลก็เปิดไล่ดูข้อความอื่นๆอีกเพราะอยากจะรู้ว่าอี้ฟานนั้นนำคนตัวเล็กของเขาไปพูดเสียๆหายๆบ้างหรือเปล่า ข้อความที่สนทนากับเพื่อนนั้นช่างไร้สาระ มีเพียงข้อความที่ส่งหา “คุณไค” และ “ฮวางจื่อ” เท่านั้นที่แอบกล่าวถึงแบคฮยอนเพียงเล็กน้อย
แต่แล้วเมื่อเปิดดูข้อความของ “แทคยอน” ชานยอลก็ต้องชะงัก เห็นรูปที่ฝ่ายนั้นส่งเข้ามาในเครื่องของอี้ฟานแล้วถึงกับทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งก็มั่นใจได้ว่าคนๆนี้คือบยอนแบคฮยอน หากแต่สิ่งที่ทำอยู่นั้นช่างแสนกักขฬะโสมม
แบคฮยอนกำลังทำออรัลเซ็กส์
แล้วรูปนี้อยู่ในโทรศัพท์ของอู๋อี้ฟาน
“ไอ้สารเลว!”
TBC.
#ฟิคสีแดง
ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ
ความคิดเห็น