คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : RED 13
RED 13
.
.
.
I thought I saw a man brought to life
He was worm
He came around
And he was dignified
He show me what it was to cry
Well you couldn’t be that man I adored
You don’t seem to know
Or seem to care
What your heart is for
I don’t know him anymore
“There’s nothin’ where he used to lie My conversation has run dry That’s what going on…”คยองซูนอนแผ่หราอยู่บนเตียงกว้าง ริมฝีปากรูปหัวใจนั้นเปล่งเสียงขับเพลงไปเรื่อย เสียงโหวกเหวกจากบ้านหลังติดกันนั้นน่ารำคาญกว่าที่คิดเมื่อมันเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญไม่รู้จักจบสิ้น สุดท้ายก็ต้องลุกไปปิดประตูเพื่อสร้างความสงบ
หากถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร โดคยองซูจะตอบว่า เขารู้สึกสับสน ยามแรกที่ได้ยินว่าลูกหมาของแบคฮยอนนั้นกินเนือที่โยนข้ามไปนั้นเขาสะใจอยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ตัวเดียว อาจจะสอง หรือสาม
พวกมันตะกละเองนี่หน่า
แต่การพรากเอาชีวิตใครไปไม่ใช่เองที่จะทำได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์ ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ฆาตกรอย่างไรก็คือฆาตกร เขาฆ่าลูกหมาพวกั้นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าของ
เขากำลังทำอะไรอยู่ เขาทำทุกอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ปาร์คชานยอลงั้นหรือ? เพื่อที่จะครอบครองคนๆนั้นมันทำให้เขากลายเป็นปีศาจได้เชียวหรือ ปาร์คชานยอลมีค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
แน่ล่ะ เมื่อคุณทิ้งชีวิตตัวเองไปแล้วและเขาคือคนที่เก็บมันขึ้นมา คุณจะรู้ว่าเขามีค่าสำหรับคุณมากแค่ไหน และเขาเป็นคนเดียวที่เห็นว่าชีวิตคุณมีค่า คุณเป็นผมคุณก็คงไม่อยากเสียคนๆเดียวที่เห็นค่าของคุณหรอกจริงมั้ย
ปาร์คชานยอลทำให้ชีวิตโดคยองซูมีค่า หากแต่ก็ทำให้มันไร้ค่าได้เช่นกัน
Nothings right I’m torn
I’m all out of faith This is how I feel
I’m cold and I am shamed Lying naked on the floor
Illusion never changed Into something real
I’m wild awake and I can see perfect sky is torn
You’re a little late
I’m already torn
หยาดน้ำใสๆไหลออกจากดวงตากลมโตโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น เคยได้ยินที่ว่าการร้องไห้เงียบๆนั้นเจ็บที่สุด แต่โดคยองซูไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาเจ็บที่สุดหรือยังเพราะเขาไม่เคยสักครั้งที่จะเจ็บน้อยกว่านี้ เป็นปีศาจก็มีหัวใจ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำ หากแต่สำนึกของเขามันเดินทางช้ากว่าอารมณ์ชั่ววูบเสมอ ลงมือทำไปแล้วถึงได้รู้สึกตัว ทุกครั้งที่คิดว่าตัวเองทำร้ายคนอื่น ความรู้สึกสำนึกผิดมันเกาะกินจิตใจ กาลงมือทำร้ายตัวเองมันช่วยให้เขารู้สึกผิดน้อยลง ลองเจ็บดูบ้าง มันบรรเทาเขาได้
แขนเรียวยกขึ้นไปจนสุด ชายแขนเสื้อที่ยาวปิดมือเล็กนั้นร่นลงมาจนเห็นร่องรอยของความเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขากรีดข้อมือเพราะต้องการรู้สึกเจ็บปวด ต้องการให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาความรู้สึกผิดในจิตใจ
ร่าง ทั้งร่างลุกจากเตียงนุ่มไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบวัตถุสีเงินวาววับออกมาก่อนจะ ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำท่บัดนี้มีเสียงน้ำไหลล้นดังอยู่ชัดเจน คยองซูวางคัตเตอร์ลงกับขอบอ่าง จัดการกับเสื้อผ้าของตนเองแล้วก้าวลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เสียนาน ขาเรียวยกชันขึ้นตรงหน้า ตากลมมองยังหน้าขาของตนที่มีร่องรอยแบบเดียวกับข้อมือ ใช่… `ไม่เพียงแต่กรีดข้อมือ ที่ต้นขาก็ด้วยเช่นกัน
เลือเล็กคว้าเอาคัตเตอร์ตรงขอบอ่างมาถือเอาไว้ จ้องมองมันอย่างหลงใหล ค่อยๆรูดขึ้นจนเกิดเสียงครูดดังพร้อมๆกับใบมีดคมกริบที่เด่นชัดชวนมอง บาง เฉียบงดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งในยามที่จรดลงบนผิวเนื้อท่ชวนให้จ้องมอง ปลายแหลมที่กดลงไปจนเกิดโลหิตสีแดงผุดไหลย้อนออกมานั้นเป็นภาพทำให้ใจเต้น แรง อกแรงกดลงไปแล้วลากกรีดเบาๆเป็นแนวยาว เนื้อนวลแยกปริออกจากกันพร้อมด้วยของเหลวแดงฉานที่ทะลักล้นจนไหลปะปนกับน้ำในอ่าง ร่างเล็กๆนอนแช่ในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นสีแดงจากๆอย่างผ่อนคลาย
“ฮึ”เค้นหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี อ่า… อยากจะแช่จนตัวเป็นสีแดงไปเลย
.
.
.
แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ดวง ตารีเล็กน่ารักยังคงบวมช้ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตรงหน้ามีเนินดินเล็กๆสามเนินที่โปรยด้วยกลีบดอกไม้ที่พอหาได้ภายในบ้าน ลูกหมาที่เขาหวังดีอยากให้มันมีความสุข อยากจะเลี้ยงมันให้เติบโต บัดนี้ทุกอย่างพังทลายลงเพราะคนใจร้าย ใครที่ทำได้ถึงขนาดนี้ เขามั่นใจว่าลูกหมาของไม่ได้เห่ารบกวนใครสักนิด มันแทบไม่เคยออกไปจากบ้านสักครั้ง แล้วเหตุใดจึงมีคนคิดร้ายกับพวกมัน
ร่าง สูงโปร่งนั่งยองๆลงข้างๆมือหนายกขึ้นลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆเพื่อปลอบประโลม ชานยอลอาสาเป็นคนขุดหลุมฝังเจ้าตัวเล็กนี้ให้แบคฮยอนก่อนจะคอยอยู่ข้างๆจน ถึงตอนนี้ เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ เขาถึงรู้ดีว่าเวลาแบคฮยอนร้องไห้นั้น จะปล่อยออกมาหมดไม่มีกั๊กเอาไว้เลยสักนิด แต่ข้อดีคือคนตัวเล็กจะฟูมฟายให้จบรอบเดียวไม่มีก๊อกสองให้คนปลอบต้องเป็นห่วง
“ถ้าเราไม่พามันมา มันก็คงไม่ต้องมาตายแบบนี้”เสียงหวานเอ่ยตำนิตัวเองจนคนฟังต้องกอดเอาไว้หลวมๆเชิงให้กำลังใจ
“ไม่เลย มันโชคดีมากแบคฮยอน อย่างน้อยมันก็ยังได้มีช่วงชีวิตหนึ่งที่สมบูรณ์ มันมีคนที่รักมัน มีบ้าน มีครอบครัว เชื่อเราเถอะ พวกมันมีความสุขมากๆก่อนที่จะจากไป”
แบคฮยอนทิ้งหัวกลมลงกับอกกว้างของร่างสูง เขาอ่อนล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมายิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นไม่ได้หยุดหย่อน ทุกสิ่งถาโถมเข้ามาจนเขาไม่รู้ว่าจะตองเดินไปทางไหนที่จะเจ็บน้อยที่สุด
แล้วลูกหมาน้อยๆพวกนี้เล่า เขาจะมีหน้าไปบอกกับคริสว่าอย่างไร
“พักผ่อนนะ”ชานยอลเดินมาส่งคนตัวเล็กถึงหน้าห้องหากแต่ไม่ได้เข้าไปอย่างทุกที อยากให้แบคฮยอนได้ทำใจเงียบๆ
“อืม ขอบคุณนะชาน”เมื่อไม่มีใครยืดเยื้อมากความแบคฮยอนก็เข้าห้องไปทันที
มือ เล็กที่จับลูกบิดออกแรงดันเบาๆเพื่อให้ประตูปิดสนิทอย่างเชื่องช้าแล้วเอา หน้าผากพิงประตูอย่างอ่อนแรงก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่มาจากด้านหลัง หากแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ตกใจสักนิด เขารู้ดีว่าคนๆนี้คือใคร
แขนแกร่งกอดเอวบางเอาไว้ในขณะที่อีกข้างยกขึ้นดันประตูห้องที่ถูกปิดไปเมื่อไม่นาน ศีรษะของคนตัวโตเกยลงบนบ่าเล็กก่อนจะเอ่ยถามประโยคที่ทำให้คนฟังต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
“พวกมันทรมานรึเปล่า”
“ฮึก ฮือออออออออ”ไม่มีประโยคคำตอบใดๆออกจากริมฝีปากบาง มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจได้เป็นอย่างดี แบ คฮยอนไม่อาจลืมภาพของลูกสุนัขตัวน้อยที่นอนกระตุกชักอย่างน่ากลัว เลือดสีแดงที่ไหลออกจากทุกช่องทวาร เศษอาหารที่ถูกขับออกมาพร้อมโลหิตแดงฉาน
พวกมันทรมานอย่างถึงที่สุด
“ฮึก”เสียงทุ้มสะอื้นขึ้นเบาๆ
“ฮึก พี่คริส ฮืออออออ”มือเรียวยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของคนที่กำลังร้องไห้อยู่กับไหล่ของตนเอง ศีรษะเล็กเอาแบนลงไปกับข้างแก้มเปียกชื้นจากน้ำตาของครสก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น
เสียงสะอื้นของคนสองคนดังเบาๆคลอไปกับความเศร้าที่เกาะกินจิตใจ พวกเขาเลี้ยงมันด้วยกัน เฝ้ามองมันเติบโตมาด้วยกัน และหวังที่จะเห็นมันมีความสุขด้วยกัน หากแต่มันได้จบลงแล้วในวันนี้ พวกมันจากไปแล้ว
.
.
.
ชานยอลหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของคยองซูอยู่พักใหญ่หลังจากเคาะเรียกแล้วได้ยินเสียงตอบจากในห้องน้ำว่าให้รอ ครั้งนี้มันจำเป็นที่เขาต้องคุยกับคยองซูจริงๆเสียที เขาคิดว่าเขาพอจะรู้ว่าใครท่างยาเบื่อลูกสุนัขของแบคฮยอน ถึงไม่มีหลักฐานเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าเป็นโดคยองซู หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าคยองซูไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆแต่ก็มองข้ามไป หรือ หลายๆครั้งที่คยองซูทำเรื่องร้ายๆเขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ คยองซูน่าสงสารและเขาเข้าใจถึงความเก็บกดภายในจิตใจที่บิดเบี้ยวนั้น คน ที่ถูกพ่อแม่ทำราวกับเป็นแค่เครื่องประดับเสริมบารมีมากกว่าจะเป็นลูก เพราะเข้าใจถึงความกดดันในชีวิตทำให้เขายืนอยู่ข้างคยองซูเสมอ หากแต่ครั้งนี้มันหนักหนาเกินไป
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ริมฝีปากรูปหัวใจสงยิ้มที่ไร้แววความสดใสมาให้ ชานยอลสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างผ่านชุดคลุมสีขาว เขาเห็นร่องรอยคราบสีแดงที่ซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา ร่างสูงเดินตามเข้าไปก่อนจะเลี่ยงไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ถูกจัดวางไว้ตรงโต๊ะมุมห้อง ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้าคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“ชะ ชาน ยอล”ดวงตากลมโตฉายแววตระหนกเล็กๆที่เห็นร่างสูงดึงขาของตนไปวางบนตักกว้างแล้วถลกชุดคลุมขึ้นจนถึงท่อนขาช่วงบน
“เจ็บมากมั้ย”ชานยอลเอ่ยถามออกไปพลางเช็ดแผลบาดเป็นแนวยาวที่แม้จะไม่ลึกมากหากปล่อยไว้เฉยๆคงไม่ใช่เรื่องดี
มือหนาทำแผลอย่างเบามือ ตั้งแต่ขึ้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะถอนใจออกมา
“อยากไปวางดอกไม้ให้พวกมันมั้ย”
คำถามของชานยอลทำเอาคนฟังชะงัก พวกมัน หมายถึงลูกหมาพวกนั้นงั้นหรือ นี่ชานยอลรู้สินะว่าเป็นฝีมือของเขา ถ้ารู้แล้วทำไมถึงยังได้ดีกับเขาเช่นนี้ ตอนนี้คยองซูพอจะเข้าใจแล้ว่าตัวร้ายในละครน้ำเน่านั้นทำชั่วด้อย่างไรโดยไม่มีใครรู้เห็นและลอยนวลไปได้เสมอ มันไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้เห็น หากแต่คนที่รู้เห็นนั้นไม่พูดมันออกมา ชานยอลก็คงเป็นเช่นนั้น รู้ว่าเขาทำอะไรแต่กลับไม่ปริปากบอกใคร
“ไม่บอกแบคฮยอนหรอ”
“เราจะไม่ทำแบบนั้นคยองซูก็รู้ เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอายาแก้อักเสบมาให้นะ”ร่างสูงไมต่อความยาวสาวความยืดใดๆ พูดจบก็ลุกขึ้นเก็บกล่องยาเอาไว้ตำแหน่งเดิม ขายาวก้าวไปจนถึงประตูแต่ก็ไม่ได้ออกไปในทันที หมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“จะพักผ่อนก่อนก็ได้แล้วค่อยเก็บของ เดี๋ยวเย็นนี้เราจะให้รถไปส่งที่บ้าน”
!!!
คยองซูนั่งเงียบๆมองปาร์คเฮราที่อามาช่วยเก็บของให้หลังจากได้ยินลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกว่าตั้งใจจะเฉดหัวเขาออกไปในเย็นวันนี้ เธอมีท่าทีแสดงออกราวกับพระแม่มารีผู้เมตตาหากแต่เขารู้ว่ามันช่างจอมปลอม
“อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าลูก เอาขนมกลับไปฝากคุณพ่อคุณแม่ด้วยมั้ย”หญิงสาวหันมาถามด้วยท่าทางอ่อนโยน
“ไม่ เป็นไรครับ ขอบคุณคุณป้ามาก”คยองซูตอบกลับไปอย่างสุภาพในขณะที่สายตาจ้องมองเปลือกนอก ที่แสนสง่างามเช่นผู้ดีของคู่สนทนาจนทะลุไปเห็นเนื้อในที่กำลังดีดดิ้นราว กับลิงค่างบ่างชะนี
ปาร์คเฮรามองเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนที่นอนก่อนจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ มือขาวยกขึ้นลูบหัวเบาๆเป็นการแสดงออกว่าเธอเอ็นดูเด็กคนนี้มากแค่ไหนแม้ในใจจะลิงโลดเหลือเกินที่โดยองซูไปได้เสียที
หล่อน ไม่เคยคิดว่าการหมั้นหมายของชานยอลและแบคฮยอนเป็นเรื่องเร่งด่วนมากจนกระ ทั้งอู๋อี้ฟานแสดงตัวชัดเจนว่ามีเจตนาจะพรากเอาแบคฮยอนไปจากลูกชายของเธอ ซ้ำชานยอลยังมีคยองซูเป็นชนักปักหลังอยู่อีกคน หากอี้ฟานเอาเรื่องนี้ไปอ้างกับครอบครัวบยอนเธอก็งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน
“ชานยอลบอกป้าว่าเราน่าสงสารมาก ป้าก็เสียใจที่เราต้องไปวันนี้ แต่อย่าเสียใจนะเลยลูก อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใครเลยนะ”
ผีเห็นผีฉันใด ปลาเน่าก็ย่อมได้กลิ่นปลาเน่าด้วยกันฉันนั้น ตอนนี้โดคยองซูอยากจะอาเจียนกับท่าทีเสแสร้งของปาร์คเฮราเหลือเกิน
“อย่าห่วงว่าผมจะไม่เหลือใครเลยครับ ถึงไม่มีปาร์คชานยอล ผมก็ยังมีศักดิ์ศรี”
คุณหญิงชะงักไปทันทีที่ได้ยินประโยคของเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้า เธอก็พอจะรู้ว่าคยองซูน่ะตัวแสบซ้ำยังร้ายลึก และเพราะร้ายเงียบจึงไม่คิดว่าจะทำให้เธอหน้าชาได้แบบนี้ ศักดิ์ศรีงั้นหรือ แค่ต้องการไขว่ขว้าสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายคนเดียวของตนเอง ศักดิ์ศรีอะไรนั่นไม่สำคัญสำหรับเธอเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะยินดีให้เด็กรุ่นราวคราวลูกมาว่ากระทบเธอเช่นนี้
“เดี๋ยวป้าจะให้คนรถไปส่งเลยนะจ๊ะ จะได้ไปพักผ่อน”ว่าจบก็ลุกออกไปอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของคุณสนทนานัก
.
.
.
คิมมินซอกกำลังยืนตัวลีบแอบอยู่ริมกำแพง ท่าทางที่ดูอย่างไรก็ช่างมีพิรุธนั้นบ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังทำเรื่องไม่ดีบางอย่างอยู่ ใช่… นายน้อยคิมกำลังโดดเรียน ซ้ำยังนัดผู้ชายออกมาเจอกันเสียด้วย
งามหน้าจริง
แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา เรื่องงามหน้าก็ช่างมันเถอะ เขากำลังเบื่ออย่างถึงที่สุดที่เพื่อนทั้งสามคนพากันหยุดเรียนไปโดยไม่บอกก่อนล่วงหน้า ปล่อยให้เขาไปนั่งเรียนงงๆอยู่ลำพัง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องโทรหาจื่อเทาให้ออกมาด้วยกัน แต่ก็โทรหลังจากโทรหาเพื่อนฝูงแล้วแต่ไม่มีใครรับสายน่ะนะ ถึงได้ไปรบกวนพี่ชายหน้าดุคนนั้นแทน
ร่างสูงโปร่งของจื่อเทาเดินออกมาจากโรงเรียนพลางขำขันไปกับท่าทางของมินซอกที่ทำตัวมีพิรุธเกินจำเป็น อะไรจะน่ารักขนาดนั้น เหมือนเด็กๆไม่มีผิด
“ไงเรา”
“ไปพี่ ไปเร็ว เดี๋ยวอาจารย์ออกมาเห็น”ออกแรงลากพี่ชายตัวโตให้รีบเดินไปจนพ้นบริเวณใกล้โรงเรียนเสียที
มินซอกเป็นนักกีฬา ถึงจะตัวเล็กแต่ก็แข็งแรงเอาเรื่อง ดังนั้นแค่ลากคนตัวโตกว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ส่วนจื่อเทาก็ได้แต่เดินมาไปแต่โดยดี เพราะคร้านจะดวลพลังกันให้เหนื่อยเปล่า
“เพื่อนไปไหนกันหมด”ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถประจำทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แบคฮยอนคงยังไม่หายมั้งครับ ชานยอลนี่ก็ไม่รู้ติดต่อไม่ได้ ส่วนจุนมยอนก็คงไปเฝ้าพี่จงอิน วันนี้พี่เขากลับไปพักที่หอได้แล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินว่าคุณหนูตวขาวของตนนั้นไปไหนทำอะไร จื่อเก็หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกยินดีที่ทั้งเพื่อนและคนที่ตนแอบรักนั้นจะมีความรู้สึกดีๆต่อกัน แต่ถึงกระนั้นจะให้พูดว่าไม่เจ็บเลยก็คงจะไม่ใช่ มินซอกที่เห็นสีหน้าของคนข้างๆก็เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดอะไรที่กระทบจิตใจอีกฝ่ายไปเสียแล้ว
พี่จื่อเทาชอบจุนมยอน ใครๆก็ดูออก
“พี่ไม่เป็นไรนะ อยากกลับบ้านมั้ย ผมไม่กวนแล้วก็ได้นะ แยกกันเลยก็ได้”
“ไม่ๆ พี่โอเค แค่กำลังนึกดีใจสองคนได้เจอคนดีๆกันทั้งคู่ คุณหนูน่ะแสนดีเสมอ ไอ้จงอินเองก็เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี มันกำพร้าแต่เด็ก ใช้ชีวิตลำบาก แต่ก็ขยันทำงานเก็บเงินมาก ถึงมันไม่ร่ำรวยแต่ความพยายามของมันจะทำให้คุณหนูมีความสุข”
“พูดเหมือนไม่เจ็บ”มินซอกเลิกคิ้ว เห็นจื่อเทาพูดเสียยาวเหยียดก็อดแซวไม่ได้ เขาไม่ได้ต้องการให้พี่ชายคนนั้นฝืนตัวเองเพื่อให้ใครสบายใจ ในเมื่อตั้งใจจะเป็นพี่เป็นน้องกัน เก็ปรารถนาให้อีกฝ่ายจริงใจต่อกัน
“เจ็บดิ อย่าย้ำไอ้ตัวแสบ”มือหนายกขึ้นผลักศีรษะกลมของเด็กแก้มป่องเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
นั่งกันออกมาสักพักก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไป แค่รู้สึกเบื่อ แค่อยากออกไปนอกโรงเรียน จึงรีบร้อนจนลืมคิดว่าอยากจะไปไหน สดท้ายจื่อเทาก็ชวนให้มินซอกไปที่บ้านของตน เพราะจำได้ว่าจุนมยอนเคยซื้อตื่มซำของที่ร้านไปฝากและมินซอกก็เอ่ยปากว่ารสชาติถูกปากนัก วันนี้พาไปกินที่ร้านเลยคงจะชอบใจไม่น้อย
มินซอกดูท่าทางตื่นเต้นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน หันซ้ายหันขวามองนู้นดูนั้นด้วยแววตาเป็นประกายระยับ อาจเพราะเด็กคนนี้มีแม่ที่มีเชื้อเป็นคนจีนถึงได้รู้สึกหลงไหลในติ่มซำขนาดนี้
ร้านติ่มซำฮวางนั้นไม่ใช่ร้านหรูหราอะไรนัก เป็นเพียงแค่ตึกแถวธรรมดาที่ความใหญ่โตนั้นเท่ากับหนึ่งคูหาเท่านั้น หากแต่ลูกค้านั้นกลับแวะเวียนกันมาไม่ได้ขาด กระทั้งตอนนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาต่อแถวรอคิวซื้อกลับบ้านและรอคิวสำหรับนั่งกินในร้านนั้นยาวเหยียด แน่นอนว่าโต๊ะก็เต็มแน่นทุกโต๊ะ ทำเอาความตั้งใจที่จะนั่งกินติ่มซำในร้านนั้นต้องล้มเลิกไป จื่อเทาสะกิดให้มินซอกเดิมตามเข้าไปด้านในร้าน เลยเข้าไปยังตัวที่พักอาศัยด้านหลัง ขายาวก้าวขึ้นไปตามบันไดแล้วหยุดที่ชั้นลอยก่อนเป็นอันดับแรก
“ม๊า”หยิงวัยกลางคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับสมุดบัญชีนั้นเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก
“อ้าว อาเทา โดดเรียนอีกสิห๊ะ มาแต่หัววันเนี่ย แล้วลื้อพาใครมาด้วยเนี่ย”
“นี่มินซอก เพื่อนคุณหนูคิม ลูกนายแบงก์บ้านท้ายซอยอ่ะ เขาชอบติ่มซำ เลยพามากิน”
“สวัสดีครับอาหยี่ เรียกผมซิ่วหมินก็ได้ ชื่อจีนผมเอง”มินซอกแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง เป็นมิตรเสียจนจื่อเทานึกขำ เขา จำได้ว่าตอนเจอกันมินซอกก็ดูเป็นกันองกับเขามากเสียจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะ เป็นเด็กที่มนุษยสัมพันธ์ดีอะไรปานนั้น แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้ก็คือเด็กนั้นมีชื่อจีนเสียด้วย ไม่เคยบอกเขาสักครั้ง แต่กลับบอกแม่ของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเสียนี่
“อ่อๆ ในร้านไม่มีโต๊ะว่างแล้วล่ะ ลื้อพาไอ้หนูนี่ไปที่ห้องลื้อก็ได้ เดี๋ยวบอกเด็กข้างล่างยกขึ้นไปให้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวอั๊วไปยกเอง ข้างล่างดูยุ่งเชียว อาเจ๋อีไปไหนก็ไม่รู้”
“เจ๋ลื้อนี่เผลอไม่ได้เลยเชียว หายหัวตลอด ไปๆ พากันไปข้างบนไป จะได้ไม่ร้อน”
มินซอกโค้งให้ผู้ใหญ่อย่างเคารพอีกครั้งก่อนจะรีบตามจื่อเทาที่เดินนำลิ่วไปที่ห้องแล้ว ห้องนอนของพี่ชายตัวโตนั้นดูปกติอย่างเหลือเชื่อ มินซอกคิดว่าหน้าโหดๆแบบนี้อาจจะสะสมพวกอาวุธสงครามเอาไว้ในห้องอะไรแบบนั้น แต่นี่มันดูปกติดี เหมือนห้องนอนคนทั่วไป ออกจะสอาดสอ้านเสียด้วยซ้ำ
“ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรแปลกๆนะ ไม่ใช่กำลังมองหาคาตาน่ายาวเมตรครั้งหรือพวกสนับมือปีศาจอยู่หรอกนะ”
จื่อเทาญาณทิพย์ชัดๆเลย
“เปล่าสักหน่อย ผมจะไปคิดว่าห้องพี่มีอะไรแบบน้นได้ไงล่ะ”
“ก็ดี นั่งรอในนี้แป๊ปล่ะกัน เดี๋ยวไปยกอะไรมาให้กิน”
“ขอบคุณครับผม!”
จื่อเทาหัวเราะเอ็นดูท่าทางของมินซอกเบาๆก่อนจะออกไปจากห้องเพื่อหยิบเอาติ่มซำชุดเล็กๆมารองท้องกันก่อน แต่ยังไม่ทันได้ลงไปถึงชั้นล่างก็ถูกขวางไม่ได้หญิงสาวร่างสูงโปร่งตาชี้ดูเจ้าเล่ห์เอาเรื่อง
“ไอ้เทา แกฟ้องม๊าหรอว่าฉันหายหัวไปไหนไม่รู้น่ะ”
“เปล่า แค่บอกว่าไม่รู้เจ๋หายไปไหน แล้วนี่ตกลงเมื่อกี้เจ๋หายหัวไปไหนมาอ่ะ”
“ไม่ต้องยุ่ง ว่าแต่แกเถอะ ได้ยินว่าไปพาลูกเต้าเหล่าใครมากกในห้องหรอ”
“เฮ้ย พูดดีๆ เป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวน้องมันได้ยินแล้วจะไม่สนิทใจ”
“อ่า ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าอย่างแกคงไม่ลืมคุณหนูท้ายซอยนั่นง่ายๆแน่”หญิงสาวไหวไหล่นิดๆก็จะเดินสวนขึ้นไปเพื่อไปห้องของตนเองบ้าง
มินซอกใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในห้องนอนของจื่อเทา ทั้งกินขนม กินข้าว เล่นเกมส์ ดูการ์ตูน ไปจนถึงงีบบหลับ คนตัวเล็กทำตัวตามสบายมากเสียจนเจ้าของห้องสงสัยว่าครอบครัวคิมนั้นเลี้ยงลูกมาอย่างไรกัน ถึงได้ดูไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เด็คนนี้อาจถูกทำร้าย ถูกลวนลาม หรือแม้แต่ฆ่าปลดทรัพย์ไปแล้วก็ได้ แต่ไม่ทันได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้ โทรศัพท์มือถือของมินซอกก็ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจเสียก่อน แม้เจ้าสมาร์ทโฟนนั้นจะแผดเสียงดังขนาดไหน ก็ไม่อาจปลุกเจ้าของมันจากนิทราได้ สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คงเป็นคนที่ทนฟังอยู่ข้างๆนี่
“ลูลู่ ฮึ”จื่อเทาอ่านชื่อที่ถูกบันทึกเอาไว้แล้วก็หัวเราะออกมา เขาคิดว่าคงเป็นลู่หานแน่ ลู่หานที่เขาพอจะรู้ว่าเป็นทั้งคนดูแลและเป็นครูสอนพิเศษให้มินซอก แต่ดูเจ้าเด็กนี่เมมชื่อคนเป็นครูสิ แสบจริงๆ
“สวัสดีครับ”เสียงแหบทุ้มกรอกลงไหตามสายทันทีที่ถือวิสาสะกดรับ
‘ฮัลโหล นั่น… ฮัลโหล มินซอก’
“ขอโทษครับ ผมจื่อเทาเอง”
‘…… หรอ แล้วมินซอกล่ะ คือผมมารออยู่ที่หน้าโรงเรียนนานแล้วไม่เห็นออกมาเสียที’
“หลับครับ ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนหรอก คุณลู่หานมารับที่บ้านผมได้มั้ย ร้านติ่มซำตรงปากซอยบ้านคุณหนูจุนมยอนน่ะครับ”
‘งั้นบอกมินซอกด้วยนะว่าเดี๋ยวผมจะไปรับ’
ลู่หานวางสายไปแทบจะทันทีที่พูดจบ ซึ่งคู่สนทนาอย่างจื่อเทาได้ฟังแล้วก็ขอยืนยันว่าแม้น้ำเสียงจะเรียบเฉยแต่ก็ไม่อาจปิดบังความขุ่นหมองข้องใจของคนพูดได้เลย เป็นไปได้ว่าไม่เขาหรือมินซอกต้องซวยแน่ๆ หวังว่าคงรับมือไม่ยากเหมือนคิมจงซอกหรอกนะ
ลู่หานไม่ใช่คนขับรถเร็วจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้สนใจเข็มไมล์เลยด้วยซ้ำ เขาอยากไปรับมินซอกให้เร็วที่สุด ไม่เข้าใจว่าทำไมมินซอกถึงได้ไปอยู่ที่บ้านของเด็กที่ชื่อจื่อเทานั่นได้ เท่าที่รู้สองคนนี้เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แล้วมันเรื่องอะไรที่คนตัวเล็กนั้นจะไปหลับไปนอนอยู่ที่บ้านคนอื่นได้แบบนี้
รถเก๋งสีดำเงาวับจอดนิ่งที่หน้าตึกแถว ดวงตากลมโตมองเข้าไปภายในที่แน่นขนัดด้วยผู้คน ก่อนจะลงจากรถเพื่อไปรับมินซอกดังที่ตั้งใจเสียที
เรียวขาก้าวผ่านผู้คนอย่างสุภาพ เบี่ยงัวเข้าไปด้านใน กวาดสายตามองหาคนที่พอจะให้ความช่วยเหลือตนได้ จนในที่สุดก็พอจะเห็นหนทางเมื่อมีหญิงสาวที่ดูท่าทางจะอยู่ในวัยใกล้เคียงกันกับตนเองเดินมาด้วยท่าทางเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ พอดีผมมาหาจื่อเทาน่ะครับ”
“อ้อ นี่พ่อรูปหล่อเป็นเพื่อนไอ้เทามันหรอเนี่ย”
ลู่หานชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียตนเอง พอรูปหล่อเนี่ยนะ? แต่เอาเถอะ เวลานี้เควรจะไปพามินซอกกลับบ้านกิอนจะมามัวใส่ใจว่าใครจะเรียกใครวาอะไร
“คือที่จริงแล้ว ผมเป็นผู้ปกครองของมินซอก”
“มินซอก? เด็กคนนั้นน่ะหรอ ขึ้นไปได้เลยค่ะ ชั้นสองนะคะ ตอนผ่านชั้นลอยเห็นป้าแก่ๆนั่งตรวจบัญชีท่าทางงกๆก็ไม่ต้องไปสนใจนะคะ เชิญค่ะ”หญิงสาวผายมือไปทางบันไดก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับลูกค้า
ลู่หานก้าวขึ้นบันไดไปเบาๆราวกับย่องเบาขึ้นบ้านไปหวังจะขโมยของ เขานึกไปถึงคำบอกเล่าของหญิงสาวว่าชั้นลอยนั้นมีคนอยู่หากแต่ตอนนี้ไม่เห็นใครสักคน บางที่หญิงแก่ที่ว่าอาจมีธุระไปทำพอดิ เป็นโชคดีที่เขาไม่ต้องยืดเยื้อเพราะเสียเวลาอธิบายกับใครต่อใครว่าเหตุใดถึงได้มาเดินป้วนเปี้ยนในบ้านคนอื่นเช่นนี้ ลู่หานตรงไปที่ชั้นสองก่อนจะพบว่าทั้งชั้นมีห้องอยู่ห้องเดียวเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไม่นานหลังจากเคาะเรียก เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา จื่อเทาเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าลู่หานมายืนอยู่หน้าห้องแบบนี้ ขับรถเร็วใช้ได้เลยแหะ
“เชิญครับ”เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้แขกได้เดินเข้ามา
“มินซอก”ลู่หานเอ่ยเรียกเด็กน้อยที่กำลังจิตใจจดจ่อกับเกมส์ที่เล่นอยู่ตรงหน้าจนไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้มีแขกมาเยี่ยมเยือนถึงในห้อง
“อ้าว พี่ลู่หาน มาเร็วจัง ผมเพิ่งตื่นได้แป็ปเดียวเอง”
“แล้วก็มาเล่นเกมส์เลยเนี่ยนะ เดี๋ยวเถอะเราน่ะ โดดเรียนด้วยใช่มั้ยเนี่ย”
“อย่าบอกป๊านะ”มินซอกส่งยิ้มเจื่อนให้อีกฝ่าย
“กลับบ้านกันเถอะ”
“ครับ”คนตัวเล็กลุกขึ้นทันที มินซอกไม่อยากขัดคำสั่งลู่หานเวลานี้ เพราะกลัวอีกคนจะไปฟ้องว่าตนแอบโดดเรียน ซึ่งอาจจะโดนดีแน่ๆถ้าป๊าจอมโหดหรือม๊าจอมเนี้ยบรู้เข้า
“ขอบคุณมากที่ดูแลมินซอกวันนี้”ลู่หานหันไปขอบคุณจื่อเทา อย่างน้อยๆเขาก็ควรขอบคุณที่เด็กคนนี้อดทนกับมินซอกเกือบทั้งวัน
“ยินดีครับ”
“ผมไปแล้วนะพี่ ไว้จะมาใหม่ ขอบคุณมากนะครับ”
“อืม”จื่อเทายิ้มเอ็นดีก่อนจะลูบขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนอ่อนกว่าจนชี้ยุ่ง
ลู่หานมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ ไม่ใช่ไม่อยากให้มินซอกมีสังคม หากแต่กับเด็กที่ชื่อจื่อเทาคนนี้ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จะจบลงแค่พี่น้อง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาแบบนั้น
ลู่หานรักมินซอก แม้รู้ว่าไม่ได้ครอบครอง แต่ก็ไม่อยากเสียให้ใคร
.
.
.
แบคฮยอนรู้สึกอึดอัดเหลือเกินในเวลานี้ ครอบครัวปาร์คเชิญให้มาร่วมมื้อเย็นด้วยทั้งๆที่เขายังรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียเพื่อนตัวเล็กๆทั้งสามตัวไป ใช่ว่าไม่เคยมาแต่เวลานี้เขาไม่พร้อมจะสังสรรค์ใดๆกับใครทั้งสิ้น
ผู้ใหญ่พากันพูดคุยไปเรื่อยๆระหว่างมื้อเพื่อสร้างบรรยากาศ โดยเพาะปาร์คเฮราที่ตั้งใจจะพูดคุยเรื่องสำคัญกับครอบครัวบยอน หลังจากให้คนไปส่งคยองซูแล้ว คุณหญิงก็สั่งให้เตรียมมื้อเย็นสำหรับสองครอบครัวทันที เรื่องที่จำเป็นต้องคุยก็ไม่ควรชักช้า เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะพลาดท่าให้เจ้าเด็กอี้ฟานนั้นถอนหงอกเอาได้
“ที่จริงชวนมากินข้าวกันก็เพราะทางเรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ พอดีวันนี้ตาชานยอลแกใจร้อน มาบอกว่าจะจะหมั้นหมายกับน้องแบคให้เป้นเรื่องเป้นราวไปเสียที คิดว่าคุณบยอนกับโบมีคงจะเห็นดีเห็นงามด้วย”
แบคฮยอนเบิกตาโพลงทันทีที่ได้ยินคำบอกกล่าวของคุณหญิงเฮรา ก่อนจะหันไปหาชานยอลที่มองมาทางตนเองด้วยสายตาเรียบเฉย
“อืม จะว่ายังไงดี คือจะหมั่นหมายกันก็คงไม่เร็วไม่ช้านี้อยู่แล้ว แต่มาบอกกะทันหันก็กลัวว่าเด็กๆจะไม่พร้อมน่ะสิคะ”โบมีเอ่ยตอบไปอย่างเกรงใจ ที่จริงแล้วก็ตั้งใจจะเกี่ยวจะดองกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไรเพราะทั้งชานยอลและแบคฮยอนก็ยังถือว่าเด็กนัก
“ไม่พร้อมอะไรกัน ก็เนี่ยชานยอลเอ่ยปากเองเลยนะ ยังไงเด็กๆเขาก็ใจตรงกันอยู่แล้ว จริงมั้ยลูก”เฮราหันไปหาชานยอลที่ยังคงเล่นเกมส์จ้องตากับแบคฮยอนอยู่
“ครับ เราสองคนคิดว่าอยากจะหมั้นหมายกันแล้ว”
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนแทบจะสบถออกมาดังๆ อยากทำตัวหยาบคาย อยากแสดงอารมณ์ด้านร้ายๆออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนเหลือเกิน แต่มันติดอยู่นิดเดียว ตรงที่เขาทำไม่เป็นไงล่ะ! จะสบถสักคำเขายังไม่รู้เลยว่าต้องใช้คำอะไรให้หยาบคายมากพอให้สาสมกับอารมณ์ตอนนี้
“ผมขอเวลาสักครู่นะครับ ขอออกไปคุยกับชานยอลหน่อย”
ไม่ รอให้ผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะอนุญาต แบคฮยอนก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปดึงให้ชานยอลตามตนเองออกไปด้านนอก ขาเรียวก้าวทิ้งน้ำหนักลงแรงๆระบายอารมณ์ไปตลอดทางก่อนจะหยุดตรงสนามข้างตัว บ้าน
ผลัก!
แบคฮยอนหันกลับไปออกแรงผลักคนที่เดินมาติดๆ แต่ชานยอลกลับเพียงแค่เซไปเล็กน้อยเท่านั้น ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ได้เช่นเดิมจนกลายเป็นคนที่ลงมือผลักนั้นอารมณ์เสียซะเอง
“เป็นบ้าอะไรชานยอล! ไหนเราคุยกันแล้วไงว่าจะเป็นเพื่อนกัน แล้วนี่มาพูดเรื่องหมั้นหมายอะไรอีก!
“เราคุยกัน… ก็ใช่ แต่ไม่ได้ตกลง”คนตัวสูงพูดออกมาหน้าตาเฉย
“ปาร์คชานยอล!!!”
“ครับ”
แบ คฮยอนได้แต่ยืนตัวสั่นกำมือแน่นเพราะอารมณ์ที่เดือดดาลเหตุจากคนตรงหน้าที่ ทำตัวเหมือนไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร แล้วที่มาทำแบบนี้ได้ เขาขอเดาว่าคงจะทิ้งคยองซูแล้วแน่ๆ จะใจร้ายเกินไปแล้วปาร์คชานยอล
“จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย จะทำกับเราแบบนี้ใช่มั้ย”
“โกรธหรอ? โกรธแล้วจะทำยังไงล่ะ บยอนแบคฮยอน ไหนบอกสิว่าจะทำอะไร จะร้องให้ไอ้อี้ฟานมันมาช่วยหรอ”
ไม่ว่าเปล่า สองเท้าของคนพูดยังก้าวเข้าหาจนแบคอยอนต้องถอยหนีไปด้วยความหวาดหวั่น ภาพของชานยอลยามที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นั้นยังฝังใจอยู่เสมอ หากแต่ตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะกลัวอีกแล้ว
“เราจะหมั้นกับพี่คริส”
แบคฮยอนพูดจบก็สะบัดหน้าหนีตั้งถ้าจะเดินเลี่ยงไปแต่ก็คงไม่ทันคนที่เพิ่งอารมณ์ขึ้นเพราะคำพูดของคนตัวเล็กไปหยกๆไม่ได้ จะหมั้นกับอู๋อี้ฟานงั้นหรือ จะมากไปแล้วแบคฮยอน ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าใครที่เป็นเจ้าของตัวเอง
“ก็เอาสิ ไปหมั้นกับมันเลย แล้วจะได้รู้ว่าไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นยังไง”มือหนาบีบข้อมือของอีกฝ่ายจนขึ้นเป็นริ้วแดงก่อนจะสะบัดออกจนแบคฮยอนแทบจะเสียหลักล้ม ชานยอลจ้ำอ้าวกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่หันกลับมามองสักนิด
แบคฮยอนได้แต่ยืนหายใจฟืดฟาดอยู่คนเดียว ยอมรับว่าขวัญเสียไม่น้อยกับคำขู่ของชานยอล แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรเขาจริงๆ อย่างน้อยชานยอลก็ต้องเกรงใจพ่อกับแม่ของเขาอยู่บ้าง
หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ
TBC.
#ฟิคสีแดง
ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะ
ความคิดเห็น