ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] RED ChanBaek KrisBaek

    ลำดับตอนที่ #14 : RED 13

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57





    RED 13
    .
    .
    .
     

    I thought  I saw a man brought to life

    He was worm

    He came around

    And he was dignified

    He show me what it  was to cry

    Well  you couldn’t be that man  I adored

    You  don’t  seem  to know

    Or seem  to care

    What  your  heart  is  for

    I don’t  know him  anymore

     

    “There’s  nothin’  where he used  to lie My conversation has run dry That’s  what going  on…”คยองซูนอนแผ่หราอยู่บนเตียงกว้าง  ริมฝีปากรูปหัวใจนั้นเปล่งเสียงขับเพลงไปเรื่อย  เสียงโหวกเหวกจากบ้านหลังติดกันนั้นน่ารำคาญกว่าที่คิดเมื่อมันเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญไม่รู้จักจบสิ้น  สุดท้ายก็ต้องลุกไปปิดประตูเพื่อสร้างความสงบ

     

    หากถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร  โดคยองซูจะตอบว่า เขารู้สึกสับสน  ยามแรกที่ได้ยินว่าลูกหมาของแบคฮยอนนั้นกินเนือที่โยนข้ามไปนั้นเขาสะใจอยู่ไม่น้อย  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ตัวเดียว  อาจจะสอง  หรือสาม

     

    พวกมันตะกละเองนี่หน่า

     

    แต่การพรากเอาชีวิตใครไปไม่ใช่เองที่จะทำได้อย่างมีความสุข  ไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์  ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  ฆาตกรอย่างไรก็คือฆาตกร  เขาฆ่าลูกหมาพวกั้นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าของ 

     

    เขากำลังทำอะไรอยู่ เขาทำทุกอย่างนี้ไปเพื่ออะไร  ปาร์คชานยอลงั้นหรือ เพื่อที่จะครอบครองคนๆนั้นมันทำให้เขากลายเป็นปีศาจได้เชียวหรือ  ปาร์คชานยอลมีค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

     

    แน่ล่ะ  เมื่อคุณทิ้งชีวิตตัวเองไปแล้วและเขาคือคนที่เก็บมันขึ้นมา  คุณจะรู้ว่าเขามีค่าสำหรับคุณมากแค่ไหน  และเขาเป็นคนเดียวที่เห็นว่าชีวิตคุณมีค่า  คุณเป็นผมคุณก็คงไม่อยากเสียคนๆเดียวที่เห็นค่าของคุณหรอกจริงมั้ย

     

    ปาร์คชานยอลทำให้ชีวิตโดคยองซูมีค่า  หากแต่ก็ทำให้มันไร้ค่าได้เช่นกัน

     

    Nothings  right  I’m torn

    I’m all out of faith This is how I feel

    I’m cold and I am shamed Lying naked  on the floor

    Illusion  never changed  Into something real

    I’m  wild awake and I can see perfect  sky is torn

    You’re a little late

    I’m already torn

     

     

    หยาดน้ำใสๆไหลออกจากดวงตากลมโตโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น  เคยได้ยินที่ว่าการร้องไห้เงียบๆนั้นเจ็บที่สุด  แต่โดคยองซูไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาเจ็บที่สุดหรือยังเพราะเขาไม่เคยสักครั้งที่จะเจ็บน้อยกว่านี้  เป็นปีศาจก็มีหัวใจ  ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำ  หากแต่สำนึกของเขามันเดินทางช้ากว่าอารมณ์ชั่ววูบเสมอ  ลงมือทำไปแล้วถึงได้รู้สึกตัว  ทุกครั้งที่คิดว่าตัวเองทำร้ายคนอื่น  ความรู้สึกสำนึกผิดมันเกาะกินจิตใจ  กาลงมือทำร้ายตัวเองมันช่วยให้เขารู้สึกผิดน้อยลง  ลองเจ็บดูบ้าง  มันบรรเทาเขาได้

     

    แขนเรียวยกขึ้นไปจนสุด ชายแขนเสื้อที่ยาวปิดมือเล็กนั้นร่นลงมาจนเห็นร่องรอยของความเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขากรีดข้อมือเพราะต้องการรู้สึกเจ็บปวด  ต้องการให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาความรู้สึกผิดในจิตใจ

     

    ร่าง ทั้งร่างลุกจากเตียงนุ่มไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบวัตถุสีเงินวาววับออกมาก่อนจะ ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำท่บัดนี้มีเสียงน้ำไหลล้นดังอยู่ชัดเจน  คยองซูวางคัตเตอร์ลงกับขอบอ่าง จัดการกับเสื้อผ้าของตนเองแล้วก้าวลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เสียนาน  ขาเรียวยกชันขึ้นตรงหน้า ตากลมมองยังหน้าขาของตนที่มีร่องรอยแบบเดียวกับข้อมือ ใช่… `ไม่เพียงแต่กรีดข้อมือ  ที่ต้นขาก็ด้วยเช่นกัน

     

    เลือเล็กคว้าเอาคัตเตอร์ตรงขอบอ่างมาถือเอาไว้  จ้องมองมันอย่างหลงใหล  ค่อยๆรูดขึ้นจนเกิดเสียงครูดดังพร้อมๆกับใบมีดคมกริบที่เด่นชัดชวนมอง  บาง เฉียบงดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งในยามที่จรดลงบนผิวเนื้อท่ชวนให้จ้องมอง ปลายแหลมที่กดลงไปจนเกิดโลหิตสีแดงผุดไหลย้อนออกมานั้นเป็นภาพทำให้ใจเต้น แรง  อกแรงกดลงไปแล้วลากกรีดเบาๆเป็นแนวยาว  เนื้อนวลแยกปริออกจากกันพร้อมด้วยของเหลวแดงฉานที่ทะลักล้นจนไหลปะปนกับน้ำในอ่าง  ร่างเล็กๆนอนแช่ในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นสีแดงจากๆอย่างผ่อนคลาย

     

    ฮึเค้นหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี  อ่าอยากจะแช่จนตัวเป็นสีแดงไปเลย

    .

    .

    .

     

    แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่กับพื้น  ดวง ตารีเล็กน่ารักยังคงบวมช้ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตรงหน้ามีเนินดินเล็กๆสามเนินที่โปรยด้วยกลีบดอกไม้ที่พอหาได้ภายในบ้าน ลูกหมาที่เขาหวังดีอยากให้มันมีความสุข อยากจะเลี้ยงมันให้เติบโต  บัดนี้ทุกอย่างพังทลายลงเพราะคนใจร้าย  ใครที่ทำได้ถึงขนาดนี้ เขามั่นใจว่าลูกหมาของไม่ได้เห่ารบกวนใครสักนิด  มันแทบไม่เคยออกไปจากบ้านสักครั้ง  แล้วเหตุใดจึงมีคนคิดร้ายกับพวกมัน

     

    ร่าง สูงโปร่งนั่งยองๆลงข้างๆมือหนายกขึ้นลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆเพื่อปลอบประโลม ชานยอลอาสาเป็นคนขุดหลุมฝังเจ้าตัวเล็กนี้ให้แบคฮยอนก่อนจะคอยอยู่ข้างๆจน ถึงตอนนี้  เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ เขาถึงรู้ดีว่าเวลาแบคฮยอนร้องไห้นั้น  จะปล่อยออกมาหมดไม่มีกั๊กเอาไว้เลยสักนิด  แต่ข้อดีคือคนตัวเล็กจะฟูมฟายให้จบรอบเดียวไม่มีก๊อกสองให้คนปลอบต้องเป็นห่วง

     

    ถ้าเราไม่พามันมา มันก็คงไม่ต้องมาตายแบบนี้เสียงหวานเอ่ยตำนิตัวเองจนคนฟังต้องกอดเอาไว้หลวมๆเชิงให้กำลังใจ

     

    ไม่เลย  มันโชคดีมากแบคฮยอน  อย่างน้อยมันก็ยังได้มีช่วงชีวิตหนึ่งที่สมบูรณ์  มันมีคนที่รักมัน  มีบ้าน  มีครอบครัว  เชื่อเราเถอะ พวกมันมีความสุขมากๆก่อนที่จะจากไป

     

    แบคฮยอนทิ้งหัวกลมลงกับอกกว้างของร่างสูง เขาอ่อนล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมายิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นไม่ได้หยุดหย่อน  ทุกสิ่งถาโถมเข้ามาจนเขาไม่รู้ว่าจะตองเดินไปทางไหนที่จะเจ็บน้อยที่สุด

     

    แล้วลูกหมาน้อยๆพวกนี้เล่า  เขาจะมีหน้าไปบอกกับคริสว่าอย่างไร

     

     

    พักผ่อนนะชานยอลเดินมาส่งคนตัวเล็กถึงหน้าห้องหากแต่ไม่ได้เข้าไปอย่างทุกที  อยากให้แบคฮยอนได้ทำใจเงียบๆ

     

    อืม ขอบคุณนะชานเมื่อไม่มีใครยืดเยื้อมากความแบคฮยอนก็เข้าห้องไปทันที

     

    มือ เล็กที่จับลูกบิดออกแรงดันเบาๆเพื่อให้ประตูปิดสนิทอย่างเชื่องช้าแล้วเอา หน้าผากพิงประตูอย่างอ่อนแรงก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่มาจากด้านหลัง หากแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ตกใจสักนิด เขารู้ดีว่าคนๆนี้คือใคร

     

    แขนแกร่งกอดเอวบางเอาไว้ในขณะที่อีกข้างยกขึ้นดันประตูห้องที่ถูกปิดไปเมื่อไม่นาน  ศีรษะของคนตัวโตเกยลงบนบ่าเล็กก่อนจะเอ่ยถามประโยคที่ทำให้คนฟังต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง

     

    พวกมันทรมานรึเปล่า

     

    ฮึก ฮือออออออออไม่มีประโยคคำตอบใดๆออกจากริมฝีปากบาง มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจได้เป็นอย่างดี  แบ คฮยอนไม่อาจลืมภาพของลูกสุนัขตัวน้อยที่นอนกระตุกชักอย่างน่ากลัว เลือดสีแดงที่ไหลออกจากทุกช่องทวาร เศษอาหารที่ถูกขับออกมาพร้อมโลหิตแดงฉาน
     

    พวกมันทรมานอย่างถึงที่สุด

     

    ฮึกเสียงทุ้มสะอื้นขึ้นเบาๆ

     

    ฮึก พี่คริส ฮืออออออมือเรียวยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของคนที่กำลังร้องไห้อยู่กับไหล่ของตนเอง  ศีรษะเล็กเอาแบนลงไปกับข้างแก้มเปียกชื้นจากน้ำตาของครสก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น

     

    เสียงสะอื้นของคนสองคนดังเบาๆคลอไปกับความเศร้าที่เกาะกินจิตใจ  พวกเขาเลี้ยงมันด้วยกัน  เฝ้ามองมันเติบโตมาด้วยกัน  และหวังที่จะเห็นมันมีความสุขด้วยกัน หากแต่มันได้จบลงแล้วในวันนี้  พวกมันจากไปแล้ว

     

    .

    .

    .

    ชานยอลหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของคยองซูอยู่พักใหญ่หลังจากเคาะเรียกแล้วได้ยินเสียงตอบจากในห้องน้ำว่าให้รอ  ครั้งนี้มันจำเป็นที่เขาต้องคุยกับคยองซูจริงๆเสียที เขาคิดว่าเขาพอจะรู้ว่าใครท่างยาเบื่อลูกสุนัขของแบคฮยอน  ถึงไม่มีหลักฐานเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าเป็นโดคยองซู  หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าคยองซูไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆแต่ก็มองข้ามไป  หรือ หลายๆครั้งที่คยองซูทำเรื่องร้ายๆเขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ คยองซูน่าสงสารและเขาเข้าใจถึงความเก็บกดภายในจิตใจที่บิดเบี้ยวนั้น  คน ที่ถูกพ่อแม่ทำราวกับเป็นแค่เครื่องประดับเสริมบารมีมากกว่าจะเป็นลูก เพราะเข้าใจถึงความกดดันในชีวิตทำให้เขายืนอยู่ข้างคยองซูเสมอ หากแต่ครั้งนี้มันหนักหนาเกินไป


    ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ  ริมฝีปากรูปหัวใจสงยิ้มที่ไร้แววความสดใสมาให้ ชานยอลสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างผ่านชุดคลุมสีขาว เขาเห็นร่องรอยคราบสีแดงที่ซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา  ร่างสูงเดินตามเข้าไปก่อนจะเลี่ยงไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ถูกจัดวางไว้ตรงโต๊ะมุมห้อง  ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้าคนที่นั่งอยู่บนเตียง


     

    ชะ ชาน ยอลดวงตากลมโตฉายแววตระหนกเล็กๆที่เห็นร่างสูงดึงขาของตนไปวางบนตักกว้างแล้วถลกชุดคลุมขึ้นจนถึงท่อนขาช่วงบน

     

    เจ็บมากมั้ยชานยอลเอ่ยถามออกไปพลางเช็ดแผลบาดเป็นแนวยาวที่แม้จะไม่ลึกมากหากปล่อยไว้เฉยๆคงไม่ใช่เรื่องดี

    มือหนาทำแผลอย่างเบามือ ตั้งแต่ขึ้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะถอนใจออกมา

     

    อยากไปวางดอกไม้ให้พวกมันมั้ย

     

    คำถามของชานยอลทำเอาคนฟังชะงัก  พวกมัน หมายถึงลูกหมาพวกนั้นงั้นหรือ  นี่ชานยอลรู้สินะว่าเป็นฝีมือของเขา  ถ้ารู้แล้วทำไมถึงยังได้ดีกับเขาเช่นนี้  ตอนนี้คยองซูพอจะเข้าใจแล้ว่าตัวร้ายในละครน้ำเน่านั้นทำชั่วด้อย่างไรโดยไม่มีใครรู้เห็นและลอยนวลไปได้เสมอ  มันไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้เห็น  หากแต่คนที่รู้เห็นนั้นไม่พูดมันออกมา  ชานยอลก็คงเป็นเช่นนั้น  รู้ว่าเขาทำอะไรแต่กลับไม่ปริปากบอกใคร

     

    ไม่บอกแบคฮยอนหรอ

     

    เราจะไม่ทำแบบนั้นคยองซูก็รู้ เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอายาแก้อักเสบมาให้นะร่างสูงไมต่อความยาวสาวความยืดใดๆ  พูดจบก็ลุกขึ้นเก็บกล่องยาเอาไว้ตำแหน่งเดิม  ขายาวก้าวไปจนถึงประตูแต่ก็ไม่ได้ออกไปในทันที  หมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

     

    จะพักผ่อนก่อนก็ได้แล้วค่อยเก็บของ  เดี๋ยวเย็นนี้เราจะให้รถไปส่งที่บ้าน

    !!!

    คยองซูนั่งเงียบๆมองปาร์คเฮราที่อามาช่วยเก็บของให้หลังจากได้ยินลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกว่าตั้งใจจะเฉดหัวเขาออกไปในเย็นวันนี้  เธอมีท่าทีแสดงออกราวกับพระแม่มารีผู้เมตตาหากแต่เขารู้ว่ามันช่างจอมปลอม 

     

    อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าลูก เอาขนมกลับไปฝากคุณพ่อคุณแม่ด้วยมั้ยหญิงสาวหันมาถามด้วยท่าทางอ่อนโยน

     

    ไม่ เป็นไรครับ ขอบคุณคุณป้ามากคยองซูตอบกลับไปอย่างสุภาพในขณะที่สายตาจ้องมองเปลือกนอก ที่แสนสง่างามเช่นผู้ดีของคู่สนทนาจนทะลุไปเห็นเนื้อในที่กำลังดีดดิ้นราว กับลิงค่างบ่างชะนี

     

    ปาร์คเฮรามองเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนที่นอนก่อนจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ  มือขาวยกขึ้นลูบหัวเบาๆเป็นการแสดงออกว่าเธอเอ็นดูเด็กคนนี้มากแค่ไหนแม้ในใจจะลิงโลดเหลือเกินที่โดยองซูไปได้เสียที

     

    หล่อน ไม่เคยคิดว่าการหมั้นหมายของชานยอลและแบคฮยอนเป็นเรื่องเร่งด่วนมากจนกระ ทั้งอู๋อี้ฟานแสดงตัวชัดเจนว่ามีเจตนาจะพรากเอาแบคฮยอนไปจากลูกชายของเธอ  ซ้ำชานยอลยังมีคยองซูเป็นชนักปักหลังอยู่อีกคน  หากอี้ฟานเอาเรื่องนี้ไปอ้างกับครอบครัวบยอนเธอก็งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน

     

    ชานยอลบอกป้าว่าเราน่าสงสารมาก  ป้าก็เสียใจที่เราต้องไปวันนี้  แต่อย่าเสียใจนะเลยลูก อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใครเลยนะ

     

    ผีเห็นผีฉันใด ปลาเน่าก็ย่อมได้กลิ่นปลาเน่าด้วยกันฉันนั้น  ตอนนี้โดคยองซูอยากจะอาเจียนกับท่าทีเสแสร้งของปาร์คเฮราเหลือเกิน

     

    อย่าห่วงว่าผมจะไม่เหลือใครเลยครับ  ถึงไม่มีปาร์คชานยอล  ผมก็ยังมีศักดิ์ศรี

     

    คุณหญิงชะงักไปทันทีที่ได้ยินประโยคของเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้า  เธอก็พอจะรู้ว่าคยองซูน่ะตัวแสบซ้ำยังร้ายลึก  และเพราะร้ายเงียบจึงไม่คิดว่าจะทำให้เธอหน้าชาได้แบบนี้  ศักดิ์ศรีงั้นหรือ  แค่ต้องการไขว่ขว้าสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายคนเดียวของตนเอง  ศักดิ์ศรีอะไรนั่นไม่สำคัญสำหรับเธอเลยสักนิด  แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะยินดีให้เด็กรุ่นราวคราวลูกมาว่ากระทบเธอเช่นนี้

     

    เดี๋ยวป้าจะให้คนรถไปส่งเลยนะจ๊ะ  จะได้ไปพักผ่อนว่าจบก็ลุกออกไปอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของคุณสนทนานัก 

    .

    .

    .

    คิมมินซอกกำลังยืนตัวลีบแอบอยู่ริมกำแพง ท่าทางที่ดูอย่างไรก็ช่างมีพิรุธนั้นบ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังทำเรื่องไม่ดีบางอย่างอยู่  ใช่นายน้อยคิมกำลังโดดเรียน  ซ้ำยังนัดผู้ชายออกมาเจอกันเสียด้วย

     

    งามหน้าจริง

     

    แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา  เรื่องงามหน้าก็ช่างมันเถอะ เขากำลังเบื่ออย่างถึงที่สุดที่เพื่อนทั้งสามคนพากันหยุดเรียนไปโดยไม่บอกก่อนล่วงหน้า  ปล่อยให้เขาไปนั่งเรียนงงๆอยู่ลำพัง  สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องโทรหาจื่อเทาให้ออกมาด้วยกัน  แต่ก็โทรหลังจากโทรหาเพื่อนฝูงแล้วแต่ไม่มีใครรับสายน่ะนะ  ถึงได้ไปรบกวนพี่ชายหน้าดุคนนั้นแทน

     

    ร่างสูงโปร่งของจื่อเทาเดินออกมาจากโรงเรียนพลางขำขันไปกับท่าทางของมินซอกที่ทำตัวมีพิรุธเกินจำเป็น  อะไรจะน่ารักขนาดนั้น เหมือนเด็กๆไม่มีผิด 

     

    ไงเรา

     

    ไปพี่  ไปเร็ว เดี๋ยวอาจารย์ออกมาเห็นออกแรงลากพี่ชายตัวโตให้รีบเดินไปจนพ้นบริเวณใกล้โรงเรียนเสียที 

     

     มินซอกเป็นนักกีฬา  ถึงจะตัวเล็กแต่ก็แข็งแรงเอาเรื่อง  ดังนั้นแค่ลากคนตัวโตกว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร  ส่วนจื่อเทาก็ได้แต่เดินมาไปแต่โดยดี  เพราะคร้านจะดวลพลังกันให้เหนื่อยเปล่า

     

    เพื่อนไปไหนกันหมดร่างสูงเอ่ยถามเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถประจำทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    แบคฮยอนคงยังไม่หายมั้งครับ  ชานยอลนี่ก็ไม่รู้ติดต่อไม่ได้  ส่วนจุนมยอนก็คงไปเฝ้าพี่จงอิน  วันนี้พี่เขากลับไปพักที่หอได้แล้วล่ะ

     

    เมื่อได้ยินว่าคุณหนูตวขาวของตนนั้นไปไหนทำอะไร จื่อเก็หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกยินดีที่ทั้งเพื่อนและคนที่ตนแอบรักนั้นจะมีความรู้สึกดีๆต่อกัน  แต่ถึงกระนั้นจะให้พูดว่าไม่เจ็บเลยก็คงจะไม่ใช่  มินซอกที่เห็นสีหน้าของคนข้างๆก็เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดอะไรที่กระทบจิตใจอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

     

    พี่จื่อเทาชอบจุนมยอน  ใครๆก็ดูออก

     

    พี่ไม่เป็นไรนะ  อยากกลับบ้านมั้ย  ผมไม่กวนแล้วก็ได้นะ  แยกกันเลยก็ได้

     

    ไม่ๆ  พี่โอเค  แค่กำลังนึกดีใจสองคนได้เจอคนดีๆกันทั้งคู่  คุณหนูน่ะแสนดีเสมอ  ไอ้จงอินเองก็เป็นคนดี  เป็นเพื่อนที่ดี  มันกำพร้าแต่เด็ก  ใช้ชีวิตลำบาก  แต่ก็ขยันทำงานเก็บเงินมาก  ถึงมันไม่ร่ำรวยแต่ความพยายามของมันจะทำให้คุณหนูมีความสุข

     

    พูดเหมือนไม่เจ็บมินซอกเลิกคิ้ว  เห็นจื่อเทาพูดเสียยาวเหยียดก็อดแซวไม่ได้ เขาไม่ได้ต้องการให้พี่ชายคนนั้นฝืนตัวเองเพื่อให้ใครสบายใจ  ในเมื่อตั้งใจจะเป็นพี่เป็นน้องกัน เก็ปรารถนาให้อีกฝ่ายจริงใจต่อกัน

     

    เจ็บดิ  อย่าย้ำไอ้ตัวแสบมือหนายกขึ้นผลักศีรษะกลมของเด็กแก้มป่องเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    นั่งกันออกมาสักพักก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไป  แค่รู้สึกเบื่อ  แค่อยากออกไปนอกโรงเรียน  จึงรีบร้อนจนลืมคิดว่าอยากจะไปไหน  สดท้ายจื่อเทาก็ชวนให้มินซอกไปที่บ้านของตน  เพราะจำได้ว่าจุนมยอนเคยซื้อตื่มซำของที่ร้านไปฝากและมินซอกก็เอ่ยปากว่ารสชาติถูกปากนัก  วันนี้พาไปกินที่ร้านเลยคงจะชอบใจไม่น้อย

     

    มินซอกดูท่าทางตื่นเต้นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน  หันซ้ายหันขวามองนู้นดูนั้นด้วยแววตาเป็นประกายระยับ  อาจเพราะเด็กคนนี้มีแม่ที่มีเชื้อเป็นคนจีนถึงได้รู้สึกหลงไหลในติ่มซำขนาดนี้ 

     

    ร้านติ่มซำฮวางนั้นไม่ใช่ร้านหรูหราอะไรนัก  เป็นเพียงแค่ตึกแถวธรรมดาที่ความใหญ่โตนั้นเท่ากับหนึ่งคูหาเท่านั้น   หากแต่ลูกค้านั้นกลับแวะเวียนกันมาไม่ได้ขาด  กระทั้งตอนนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาต่อแถวรอคิวซื้อกลับบ้านและรอคิวสำหรับนั่งกินในร้านนั้นยาวเหยียด  แน่นอนว่าโต๊ะก็เต็มแน่นทุกโต๊ะ ทำเอาความตั้งใจที่จะนั่งกินติ่มซำในร้านนั้นต้องล้มเลิกไป  จื่อเทาสะกิดให้มินซอกเดิมตามเข้าไปด้านในร้าน  เลยเข้าไปยังตัวที่พักอาศัยด้านหลัง  ขายาวก้าวขึ้นไปตามบันไดแล้วหยุดที่ชั้นลอยก่อนเป็นอันดับแรก

     

    ม๊าหยิงวัยกลางคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับสมุดบัญชีนั้นเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก

     

    อ้าว อาเทา โดดเรียนอีกสิห๊ะ มาแต่หัววันเนี่ย  แล้วลื้อพาใครมาด้วยเนี่ย

     

    นี่มินซอก  เพื่อนคุณหนูคิม ลูกนายแบงก์บ้านท้ายซอยอ่ะ เขาชอบติ่มซำ  เลยพามากิน

     

    สวัสดีครับอาหยี่  เรียกผมซิ่วหมินก็ได้ ชื่อจีนผมเองมินซอกแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง เป็นมิตรเสียจนจื่อเทานึกขำ เขา จำได้ว่าตอนเจอกันมินซอกก็ดูเป็นกันองกับเขามากเสียจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะ เป็นเด็กที่มนุษยสัมพันธ์ดีอะไรปานนั้น แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้ก็คือเด็กนั้นมีชื่อจีนเสียด้วย  ไม่เคยบอกเขาสักครั้ง  แต่กลับบอกแม่ของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเสียนี่

     

    อ่อๆ  ในร้านไม่มีโต๊ะว่างแล้วล่ะ  ลื้อพาไอ้หนูนี่ไปที่ห้องลื้อก็ได้ เดี๋ยวบอกเด็กข้างล่างยกขึ้นไปให้

     

    ไม่ต้อง  เดี๋ยวอั๊วไปยกเอง  ข้างล่างดูยุ่งเชียว  อาเจ๋อีไปไหนก็ไม่รู้

     

    เจ๋ลื้อนี่เผลอไม่ได้เลยเชียว หายหัวตลอด  ไปๆ  พากันไปข้างบนไป จะได้ไม่ร้อน

     

    มินซอกโค้งให้ผู้ใหญ่อย่างเคารพอีกครั้งก่อนจะรีบตามจื่อเทาที่เดินนำลิ่วไปที่ห้องแล้ว  ห้องนอนของพี่ชายตัวโตนั้นดูปกติอย่างเหลือเชื่อ  มินซอกคิดว่าหน้าโหดๆแบบนี้อาจจะสะสมพวกอาวุธสงครามเอาไว้ในห้องอะไรแบบนั้น  แต่นี่มันดูปกติดี เหมือนห้องนอนคนทั่วไป  ออกจะสอาดสอ้านเสียด้วยซ้ำ

     

    ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรแปลกๆนะ ไม่ใช่กำลังมองหาคาตาน่ายาวเมตรครั้งหรือพวกสนับมือปีศาจอยู่หรอกนะ

    จื่อเทาญาณทิพย์ชัดๆเลย

     

    เปล่าสักหน่อย  ผมจะไปคิดว่าห้องพี่มีอะไรแบบน้นได้ไงล่ะ

     

    ก็ดี  นั่งรอในนี้แป๊ปล่ะกัน  เดี๋ยวไปยกอะไรมาให้กิน

     

    ขอบคุณครับผม!

     

    จื่อเทาหัวเราะเอ็นดูท่าทางของมินซอกเบาๆก่อนจะออกไปจากห้องเพื่อหยิบเอาติ่มซำชุดเล็กๆมารองท้องกันก่อน  แต่ยังไม่ทันได้ลงไปถึงชั้นล่างก็ถูกขวางไม่ได้หญิงสาวร่างสูงโปร่งตาชี้ดูเจ้าเล่ห์เอาเรื่อง

     

    ไอ้เทา  แกฟ้องม๊าหรอว่าฉันหายหัวไปไหนไม่รู้น่ะ

     

    เปล่า  แค่บอกว่าไม่รู้เจ๋หายไปไหน  แล้วนี่ตกลงเมื่อกี้เจ๋หายหัวไปไหนมาอ่ะ

     

    ไม่ต้องยุ่ง  ว่าแต่แกเถอะ  ได้ยินว่าไปพาลูกเต้าเหล่าใครมากกในห้องหรอ

     

    เฮ้ย พูดดีๆ  เป็นพี่น้องกัน  เดี๋ยวน้องมันได้ยินแล้วจะไม่สนิทใจ

     

    อ่า  ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าอย่างแกคงไม่ลืมคุณหนูท้ายซอยนั่นง่ายๆแน่หญิงสาวไหวไหล่นิดๆก็จะเดินสวนขึ้นไปเพื่อไปห้องของตนเองบ้าง

     

    มินซอกใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในห้องนอนของจื่อเทา  ทั้งกินขนม กินข้าว เล่นเกมส์ ดูการ์ตูน  ไปจนถึงงีบบหลับ  คนตัวเล็กทำตัวตามสบายมากเสียจนเจ้าของห้องสงสัยว่าครอบครัวคิมนั้นเลี้ยงลูกมาอย่างไรกัน  ถึงได้ดูไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นขนาดนี้  ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา  เด็คนนี้อาจถูกทำร้าย  ถูกลวนลาม  หรือแม้แต่ฆ่าปลดทรัพย์ไปแล้วก็ได้   แต่ไม่ทันได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้  โทรศัพท์มือถือของมินซอกก็ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจเสียก่อน  แม้เจ้าสมาร์ทโฟนนั้นจะแผดเสียงดังขนาดไหน ก็ไม่อาจปลุกเจ้าของมันจากนิทราได้  สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คงเป็นคนที่ทนฟังอยู่ข้างๆนี่

     

    ลูลู่  ฮึจื่อเทาอ่านชื่อที่ถูกบันทึกเอาไว้แล้วก็หัวเราะออกมา เขาคิดว่าคงเป็นลู่หานแน่  ลู่หานที่เขาพอจะรู้ว่าเป็นทั้งคนดูแลและเป็นครูสอนพิเศษให้มินซอก  แต่ดูเจ้าเด็กนี่เมมชื่อคนเป็นครูสิ  แสบจริงๆ

     

     “สวัสดีครับเสียงแหบทุ้มกรอกลงไหตามสายทันทีที่ถือวิสาสะกดรับ

     

    ฮัลโหล   นั่น…  ฮัลโหล  มินซอก

     

    ขอโทษครับ  ผมจื่อเทาเอง

     

    ‘…… หรอ แล้วมินซอกล่ะ  คือผมมารออยู่ที่หน้าโรงเรียนนานแล้วไม่เห็นออกมาเสียที

     

    หลับครับ  ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนหรอก  คุณลู่หานมารับที่บ้านผมได้มั้ย ร้านติ่มซำตรงปากซอยบ้านคุณหนูจุนมยอนน่ะครับ

     

    งั้นบอกมินซอกด้วยนะว่าเดี๋ยวผมจะไปรับ

     

    ลู่หานวางสายไปแทบจะทันทีที่พูดจบ  ซึ่งคู่สนทนาอย่างจื่อเทาได้ฟังแล้วก็ขอยืนยันว่าแม้น้ำเสียงจะเรียบเฉยแต่ก็ไม่อาจปิดบังความขุ่นหมองข้องใจของคนพูดได้เลย  เป็นไปได้ว่าไม่เขาหรือมินซอกต้องซวยแน่ๆ  หวังว่าคงรับมือไม่ยากเหมือนคิมจงซอกหรอกนะ

     

     

    ลู่หานไม่ใช่คนขับรถเร็วจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้สนใจเข็มไมล์เลยด้วยซ้ำ เขาอยากไปรับมินซอกให้เร็วที่สุด ไม่เข้าใจว่าทำไมมินซอกถึงได้ไปอยู่ที่บ้านของเด็กที่ชื่อจื่อเทานั่นได้  เท่าที่รู้สองคนนี้เพิ่งรู้จักกันไม่นาน  แล้วมันเรื่องอะไรที่คนตัวเล็กนั้นจะไปหลับไปนอนอยู่ที่บ้านคนอื่นได้แบบนี้

     

    รถเก๋งสีดำเงาวับจอดนิ่งที่หน้าตึกแถว  ดวงตากลมโตมองเข้าไปภายในที่แน่นขนัดด้วยผู้คน ก่อนจะลงจากรถเพื่อไปรับมินซอกดังที่ตั้งใจเสียที

     

    เรียวขาก้าวผ่านผู้คนอย่างสุภาพ  เบี่ยงัวเข้าไปด้านใน กวาดสายตามองหาคนที่พอจะให้ความช่วยเหลือตนได้  จนในที่สุดก็พอจะเห็นหนทางเมื่อมีหญิงสาวที่ดูท่าทางจะอยู่ในวัยใกล้เคียงกันกับตนเองเดินมาด้วยท่าทางเป็นมิตร

     

    สวัสดีค่ะ

     

    สวัสดีครับ  พอดีผมมาหาจื่อเทาน่ะครับ

     

    อ้อ  นี่พ่อรูปหล่อเป็นเพื่อนไอ้เทามันหรอเนี่ย

     

    ลู่หานชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียตนเอง  พอรูปหล่อเนี่ยนะ? แต่เอาเถอะ  เวลานี้เควรจะไปพามินซอกกลับบ้านกิอนจะมามัวใส่ใจว่าใครจะเรียกใครวาอะไร

     

    คือที่จริงแล้ว  ผมเป็นผู้ปกครองของมินซอก

     

    มินซอก เด็กคนนั้นน่ะหรอ  ขึ้นไปได้เลยค่ะ  ชั้นสองนะคะ ตอนผ่านชั้นลอยเห็นป้าแก่ๆนั่งตรวจบัญชีท่าทางงกๆก็ไม่ต้องไปสนใจนะคะ  เชิญค่ะหญิงสาวผายมือไปทางบันไดก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับลูกค้า

     

    ลู่หานก้าวขึ้นบันไดไปเบาๆราวกับย่องเบาขึ้นบ้านไปหวังจะขโมยของ เขานึกไปถึงคำบอกเล่าของหญิงสาวว่าชั้นลอยนั้นมีคนอยู่หากแต่ตอนนี้ไม่เห็นใครสักคน  บางที่หญิงแก่ที่ว่าอาจมีธุระไปทำพอดิ  เป็นโชคดีที่เขาไม่ต้องยืดเยื้อเพราะเสียเวลาอธิบายกับใครต่อใครว่าเหตุใดถึงได้มาเดินป้วนเปี้ยนในบ้านคนอื่นเช่นนี้  ลู่หานตรงไปที่ชั้นสองก่อนจะพบว่าทั้งชั้นมีห้องอยู่ห้องเดียวเท่านั้น 

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    ไม่นานหลังจากเคาะเรียก  เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา  จื่อเทาเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าลู่หานมายืนอยู่หน้าห้องแบบนี้   ขับรถเร็วใช้ได้เลยแหะ

     

    เชิญครับเด็กหนุ่มเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้แขกได้เดินเข้ามา

     

    มินซอกลู่หานเอ่ยเรียกเด็กน้อยที่กำลังจิตใจจดจ่อกับเกมส์ที่เล่นอยู่ตรงหน้าจนไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้มีแขกมาเยี่ยมเยือนถึงในห้อง

     

    อ้าว  พี่ลู่หาน  มาเร็วจัง  ผมเพิ่งตื่นได้แป็ปเดียวเอง

     

    แล้วก็มาเล่นเกมส์เลยเนี่ยนะ  เดี๋ยวเถอะเราน่ะ  โดดเรียนด้วยใช่มั้ยเนี่ย

     

    อย่าบอกป๊านะมินซอกส่งยิ้มเจื่อนให้อีกฝ่าย

     

    กลับบ้านกันเถอะ

     

    ครับคนตัวเล็กลุกขึ้นทันที  มินซอกไม่อยากขัดคำสั่งลู่หานเวลานี้  เพราะกลัวอีกคนจะไปฟ้องว่าตนแอบโดดเรียน  ซึ่งอาจจะโดนดีแน่ๆถ้าป๊าจอมโหดหรือม๊าจอมเนี้ยบรู้เข้า 

     

    ขอบคุณมากที่ดูแลมินซอกวันนี้ลู่หานหันไปขอบคุณจื่อเทา  อย่างน้อยๆเขาก็ควรขอบคุณที่เด็กคนนี้อดทนกับมินซอกเกือบทั้งวัน

     

    ยินดีครับ

     

    ผมไปแล้วนะพี่  ไว้จะมาใหม่  ขอบคุณมากนะครับ

     

    อืมจื่อเทายิ้มเอ็นดีก่อนจะลูบขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนอ่อนกว่าจนชี้ยุ่ง 

     

    ลู่หานมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ  ไม่ใช่ไม่อยากให้มินซอกมีสังคม หากแต่กับเด็กที่ชื่อจื่อเทาคนนี้  รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จะจบลงแค่พี่น้อง  ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาแบบนั้น

     

    ลู่หานรักมินซอก  แม้รู้ว่าไม่ได้ครอบครอง  แต่ก็ไม่อยากเสียให้ใคร

    .

    .

    .

    แบคฮยอนรู้สึกอึดอัดเหลือเกินในเวลานี้  ครอบครัวปาร์คเชิญให้มาร่วมมื้อเย็นด้วยทั้งๆที่เขายังรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียเพื่อนตัวเล็กๆทั้งสามตัวไป  ใช่ว่าไม่เคยมาแต่เวลานี้เขาไม่พร้อมจะสังสรรค์ใดๆกับใครทั้งสิ้น

     

    ผู้ใหญ่พากันพูดคุยไปเรื่อยๆระหว่างมื้อเพื่อสร้างบรรยากาศ  โดยเพาะปาร์คเฮราที่ตั้งใจจะพูดคุยเรื่องสำคัญกับครอบครัวบยอน  หลังจากให้คนไปส่งคยองซูแล้ว  คุณหญิงก็สั่งให้เตรียมมื้อเย็นสำหรับสองครอบครัวทันที  เรื่องที่จำเป็นต้องคุยก็ไม่ควรชักช้า  เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะพลาดท่าให้เจ้าเด็กอี้ฟานนั้นถอนหงอกเอาได้

     

    ที่จริงชวนมากินข้าวกันก็เพราะทางเรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ  พอดีวันนี้ตาชานยอลแกใจร้อน  มาบอกว่าจะจะหมั้นหมายกับน้องแบคให้เป้นเรื่องเป้นราวไปเสียที  คิดว่าคุณบยอนกับโบมีคงจะเห็นดีเห็นงามด้วย

     

    แบคฮยอนเบิกตาโพลงทันทีที่ได้ยินคำบอกกล่าวของคุณหญิงเฮรา ก่อนจะหันไปหาชานยอลที่มองมาทางตนเองด้วยสายตาเรียบเฉย

     

    อืม  จะว่ายังไงดี  คือจะหมั่นหมายกันก็คงไม่เร็วไม่ช้านี้อยู่แล้ว  แต่มาบอกกะทันหันก็กลัวว่าเด็กๆจะไม่พร้อมน่ะสิคะโบมีเอ่ยตอบไปอย่างเกรงใจ  ที่จริงแล้วก็ตั้งใจจะเกี่ยวจะดองกันอยู่แล้ว  แต่ก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไรเพราะทั้งชานยอลและแบคฮยอนก็ยังถือว่าเด็กนัก 

     

    ไม่พร้อมอะไรกัน  ก็เนี่ยชานยอลเอ่ยปากเองเลยนะ  ยังไงเด็กๆเขาก็ใจตรงกันอยู่แล้ว  จริงมั้ยลูกเฮราหันไปหาชานยอลที่ยังคงเล่นเกมส์จ้องตากับแบคฮยอนอยู่

     

    ครับ  เราสองคนคิดว่าอยากจะหมั้นหมายกันแล้ว

     

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนแทบจะสบถออกมาดังๆ  อยากทำตัวหยาบคาย  อยากแสดงอารมณ์ด้านร้ายๆออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนเหลือเกิน  แต่มันติดอยู่นิดเดียว  ตรงที่เขาทำไม่เป็นไงล่ะ! จะสบถสักคำเขายังไม่รู้เลยว่าต้องใช้คำอะไรให้หยาบคายมากพอให้สาสมกับอารมณ์ตอนนี้

     

    ผมขอเวลาสักครู่นะครับ  ขอออกไปคุยกับชานยอลหน่อย

     

    ไม่ รอให้ผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะอนุญาต แบคฮยอนก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปดึงให้ชานยอลตามตนเองออกไปด้านนอก ขาเรียวก้าวทิ้งน้ำหนักลงแรงๆระบายอารมณ์ไปตลอดทางก่อนจะหยุดตรงสนามข้างตัว บ้าน

     

    ผลัก!

     

    แบคฮยอนหันกลับไปออกแรงผลักคนที่เดินมาติดๆ  แต่ชานยอลกลับเพียงแค่เซไปเล็กน้อยเท่านั้น  ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ได้เช่นเดิมจนกลายเป็นคนที่ลงมือผลักนั้นอารมณ์เสียซะเอง

     

    เป็นบ้าอะไรชานยอล! ไหนเราคุยกันแล้วไงว่าจะเป็นเพื่อนกัน  แล้วนี่มาพูดเรื่องหมั้นหมายอะไรอีก

     

    เราคุยกันก็ใช่ แต่ไม่ได้ตกลงคนตัวสูงพูดออกมาหน้าตาเฉย

     

    ปาร์คชานยอล!!!

     

    ครับ

     

    แบ คฮยอนได้แต่ยืนตัวสั่นกำมือแน่นเพราะอารมณ์ที่เดือดดาลเหตุจากคนตรงหน้าที่ ทำตัวเหมือนไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร แล้วที่มาทำแบบนี้ได้ เขาขอเดาว่าคงจะทิ้งคยองซูแล้วแน่ๆ  จะใจร้ายเกินไปแล้วปาร์คชานยอล

     

    จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย จะทำกับเราแบบนี้ใช่มั้ย

     

    โกรธหรอ? โกรธแล้วจะทำยังไงล่ะ บยอนแบคฮยอน  ไหนบอกสิว่าจะทำอะไร  จะร้องให้ไอ้อี้ฟานมันมาช่วยหรอ

     

    ไม่ว่าเปล่า สองเท้าของคนพูดยังก้าวเข้าหาจนแบคอยอนต้องถอยหนีไปด้วยความหวาดหวั่น  ภาพของชานยอลยามที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นั้นยังฝังใจอยู่เสมอ  หากแต่ตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะกลัวอีกแล้ว

     

    เราจะหมั้นกับพี่คริส

     

    แบคฮยอนพูดจบก็สะบัดหน้าหนีตั้งถ้าจะเดินเลี่ยงไปแต่ก็คงไม่ทันคนที่เพิ่งอารมณ์ขึ้นเพราะคำพูดของคนตัวเล็กไปหยกๆไม่ได้  จะหมั้นกับอู๋อี้ฟานงั้นหรือ  จะมากไปแล้วแบคฮยอน  ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าใครที่เป็นเจ้าของตัวเอง

     

    ก็เอาสิ  ไปหมั้นกับมันเลย  แล้วจะได้รู้ว่าไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นยังไงมือหนาบีบข้อมือของอีกฝ่ายจนขึ้นเป็นริ้วแดงก่อนจะสะบัดออกจนแบคฮยอนแทบจะเสียหลักล้ม  ชานยอลจ้ำอ้าวกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่หันกลับมามองสักนิด

     

    แบคฮยอนได้แต่ยืนหายใจฟืดฟาดอยู่คนเดียว  ยอมรับว่าขวัญเสียไม่น้อยกับคำขู่ของชานยอล  แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรเขาจริงๆ  อย่างน้อยชานยอลก็ต้องเกรงใจพ่อกับแม่ของเขาอยู่บ้าง


    หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ



    TBC.


    #ฟิคสีแดง

    ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×