ตอนที่ 85 : (ตอนพิเศษ 1) พ่อมดใจร้าย 70%
รัฐเขตตอบแทนสไตล์ลิสจำเป็นด้วยการเลี้ยงข้าวกลางวัน และเมื่อมื้อเที่ยงจบลงก็คงถึงเวลาแยกย้าย
“แยกกันตรงนี้เลยนะคะ เดี๋ยวมิ้นท์นั่งแท็กซี่กลับออฟฟิศเอง คุณเขตจะได้รีบไปธุระ”
“ธุระของพี่สำคัญ แต่ไม่ได้ด่วนขนาดนั้น มิ้นท์ก็...อย่าเพิ่งไปเลยนะ” เขากล่าวเสียงนุ่ม ก่อนสบตาเธอ “อยู่กินไอติมกับพี่ก่อนได้ไหม”
“มิ้นท์จะกลับออฟฟิศแล้วค่ะ งานกองเต็มโต๊ะเลย อยากรีบเคลียร์ให้เสร็จ”
“พักเรื่องงานไว้ก่อนก็ได้ พี่ก็ไม่ได้เร่งอะไรซะหน่อย”
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่...มานี่เร็ว” เจ้านายหนุ่มรวบรัดตัดความ รีบฉุดมือเลขาให้เดินไปยังร้านของหวานที่หมายตาไว้ แต่เธอก็ยังมีเงื่อนไข
“ถ้าอย่างนั้นคุณเขตไม่ต้องเลี้ยงมิ้นท์แล้วนะคะ มิ้นท์ขอออกค่าไอติมเอง”
“ไม่ต้องหรอก จำไม่ได้เหรอว่ามิ้นท์ยังไม่ได้เอาเงินทอนคราวที่พี่ฝากซื้อเครื่อง Spell ไปเลยนะ” รัฐเขตกระซิบกระซาบ อมยิ้มที่หาทางจัดการกับเงินก้อนนั้นได้ ในเมื่อเธอปฏิเสธที่จะรับมันไว้ เขาก็จะเลี้ยงของโปรดเธอไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ
ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะเข้าไปในร้าน สาวใหญ่เจ้าของห้างก็ปรี่เข้ามาทักเสียก่อน “อ้าว...คุณเขต มาช้อปปิ้งเหรอคะ แต่เอ๊ะ...ทำไมยังต้องพาเลขามาด้วย หรือจะมาคุยงาน”
“ผมมีธุระสำคัญน่ะครับ ก็เลยชวนมิ้นท์มาด้วยกัน” ชายหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกเพื่อรักษามารยาท และจำต้องยอมปล่อยให้มนสิชาดึงมือออกไปจากการเกาะกุมของตนอย่างเสียไม่ได้
“ธุระที่ว่า เกี่ยวกับพี่ เอ่อ...หมายถึง ห้างของพี่น่ะค่ะ เกี่ยวหรือเปล่า” หนึ่งฤทัยถามแบบลุ้นๆ นัยน์ตายังสื่อความคาดหวังกับคำตอบอยู่เหมือนกัน
“ไม่เกี่ยวหรอกครับ แต่เป็น...ธุระส่วนตัว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผม...อาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้” รัฐเขตหลบเลี่ยงสาวใหญ่แล้วรีบคว้ามือเลขาอีกหน แม้เธอจะยื้อไว้ก็ตาม
“คุณเขตให้มิ้นท์กลับออฟฟิศเถอะค่ะ ขอติดเรื่องไอติมไว้ก่อน คราวหน้ารับรองว่าไม่เบี้ยวแน่”
“ได้...งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” เขากระซิบตอบ แล้วหันไปหาหนึ่งฤทัย “ผมขอตัวก่อนนะครับ จะต้องรีบไปทำธุระสำคัญอย่างที่บอกไว้”
เจ้าของห้างไฮโซอ้าปากจะรั้งแต่ไม่ทัน เพราะรัฐเขตฉุดมือเลขาเดินฉับๆ ราวกับรีบร้อนเหลือทน ไม่อยากคิดเลยว่าธุระสำคัญที่เขาอ้างคือแค่การไปส่งเลขากลับออฟฟิศหรือเปล่า
สุดท้ายแล้ว...ไม่ว่าจะรัฐเขตหรือพัทธดนย์ก็ไม่ต่างกัน ยังไงก็คงไม่มีใครสนใจสานสัมพันธ์กับเธอจริงๆ สักคน
รถยนต์สัญชาติสวีเดนสีดำสนิทขับเคลื่อนออกจากลานจอดรถของห้าง The One มุ่งหน้าไปยังตึกสำนักงาน Wish แต่พอใกล้ถึงที่หมาย เจ้าของรถกลับขับเลยไปจนผู้โดยสารต้องเตือนสติเขา
“เลยทางเข้าออฟฟิศแล้วค่ะคุณเขต”
“พอดีพี่เปลี่ยนใจไม่เข้าออฟฟิศแล้ว อยากให้มิ้นท์ไปช่วยพี่เตรียมตัวก่อนจะเจอคนที่นัดไว้ได้หรือเปล่า” คนถูกทัดทานไม่ทุกข์ร้อน แล้วขับรถต่อไปหน้าตาเฉย
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกลับออฟฟิศค่ะ เพราะเอกสารหรืออุปกรณ์เตรียมพรีเซนท์อยู่ที่นั่นทั้งหมดเลย”
“ไม่ต้องใช้หรอก ก็บอกแล้วไงว่าเป็นนัดส่วนตัว...ไม่เกี่ยวกับงาน แต่พี่...พี่ตื่นเต้น ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เลยอยากซ้อมก่อน”
“แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนคะ ถ้าพาไปหาลูกปืนอีก...มิ้นท์ไม่ไปด้วยแล้วนะ” มนสิชาอดระแวงไม่ได้ ก็สถานการณ์มันคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกิน
สีหน้าวิตกกับถ้อยคำของคนที่นั่นเบาะข้างๆ ทำให้ชายหนุ่มที่ยิ้มกริ่มอยู่แล้วกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม “ไม่หรอก แต่พี่จะพามิ้นท์ไปสถานที่ที่พี่นัดกับ ‘คนสำคัญ’ ไว้”
“เอ่อ...คุณเขตคะ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว มิ้นท์ขอไม่ก้าวก่ายดีกว่าค่ะ”
“ไปเถอะ พี่ต้องการความช่วยเหลือจากมิ้นท์จริงๆ”
รัฐเขตพาเลขากลับมาที่บ้านของเขาก่อนเวลาเลิกงานตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้หญิงสาวมีแต่คำถามมากมายเต็มหัวไปหมด แม้เธอจะเดาได้ว่าคนสำคัญที่เจ้านายหนุ่มนัดเอาไว้คงสนิทใกล้ชิดกันเป็นอย่างดี เขาถึงนัดมาเจอกันที่บ้าน แต่สิ่งที่ย้อนแย้งที่สุดคือไม่รู้ว่าเขาจะชวนเธอแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่ทำไม ถ้าตั้งใจจะกลับบ้านอยู่แล้ว
เธอเดินตามรัฐเขตเข้าไปสู่โถงรับแขกของบ้านที่เงียบสนิท รัญชยาเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านหลังนี้จะจ้างแม่บ้านจากบริษัทรับทำความสะอาดให้เข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยสัปดาห์ละสองครั้ง แต่วันนี้คงยังไม่ถึงกำหนดที่แม่บ้านจะเข้ามาละมั้ง บรรยากาศมันถึงได้เงียบเชียบขนาดนี้
มนสิชาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะยืนจะนั่งตรงไหนดี ส่วนคนที่พามาก็เอาแต่เดินวนไปเวียนมา เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ แล้วก็หนีขึ้นบันไดไป ปล่อยให้เธอคว้างอยู่ที่ชั้นล่างตามลำพัง สุดท้ายหญิงสาวก็ทนไม่ไหว จำต้องเสียมารยาทขึ้นไปตามเจ้าของบ้านถึงชั้นบน
“คุณเขต คุณเขตอยู่ไหนคะ”
หญิงสาวเดินผ่านห้องของรัญชยาที่เธอเคยมาอาศัยนอนอยู่ครั้งหนึ่ง ปากก็ยังเรียกหารัฐเขตอยู่จนกระทั่งมาหยุดเท้าอยู่หน้าประตูห้องถัดมาซึ่งมีเสียงกุกกักอยู่ภายใน และแล้วเธอก็เห็นคนที่กำลังตามหาเปิดประตูออกมาจากห้องนั้น
“ขึ้นมาก็ดีแล้ว ตามพี่มานี่หน่อยสิ”
รัฐเขตเปิดประตูออกกว้างเผยให้เห็นสภาพภายในห้องที่ตกแต่งเรียบหรูด้วยสีเอิร์ธโทน ข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้เธอรู้ว่านี่คงเป็นห้องนอนส่วนตัวของเขา
“เข้ามาสิ”
“ไม่เหมาะมั้งคะ มิ้นท์ลงไปรอข้างล่างดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อน” เจ้าของห้องคว้าแขนมนสิชาเข้าหาตัวจนเธอพ้นเขตประตูเข้ามาข้างใน “พี่แค่จะให้มิ้นท์ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้หน่อย มันจะมีอะไรไม่เหมาะ”
“ชุดที่คุณเขตกำลังใส่อยู่มิ้นท์ก็เลือกให้แล้วนี่คะ ถ้าจะให้เลือกอีก มิ้นท์ขอเลือกชุดเดิมค่ะ” มนสิชาโผจะไปท่าเดียว
“เดี๋ยวสิ ถ้าเรื่องชุดลงตัวแล้ว พี่ขอถามความเห็นหน่อย” ชายหนุ่มดึงแขนเธออีกรอบ แล้วเดินมาดักหน้า ไล่ต้อนให้คนตัวเล็กกว่าถอยร่นเข้าไปข้างใน โดยที่ตัวเขาเองยืนขวางทางออกของห้องเอาไว้ “ถ้ามิ้นท์...รักใครสักคน มิ้นท์จะบอกรักคนคนนั้นยังไง”
“...”
“เงียบอีกแล้ว งั้นพี่เปลี่ยนคำถามก็ได้ สมมติว่ามีคนมาบอกรัก มิ้นท์อยากให้เขาทำยังไง...พี่หมายถึงทำแบบไหนมิ้นท์ถึงจะประทับใจ”
หญิงสาวเผลอสบตาคนถามเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ อยากบอกเขาเหลือเกินว่าวิธีการที่เขาถามถึงไม่ได้สำคัญมากเท่ากับว่าคนบอกรักเป็นใครต่างหาก
“คุณเขต...ถามทำไมคะ”
“พี่แค่อยากได้ไอเดียเฉยๆ มิ้นท์ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร งั้นเราเริ่มซ้อมกันเลยเถอะ”
“ซ้อมเหรอคะ...ซ้อมอะไร”
“พี่คิดว่า...มันถึงเวลาแล้วที่พี่ควรจะจริงจังกับการมีครอบครัวสักที วันนี้พี่ก็เลยจะสารภาพความรู้สึกกับผู้หญิงคนนึง พี่นัดเขาไว้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะมา” รัฐเขตยิ้มละมุนในขณะที่อีกฝ่ายชาไปทั้งร่าง “พี่...พี่จะบอกยังไงดี คือพี่ก็ไม่ค่อยถนัดพูดเรื่องความรู้สึกสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้รันเป็นคู่ซ้อมก็มีหวังคงถูกแซวไม่เลิกแน่ พี่ก็เลยอยากให้มิ้นท์ช่วยเป็นผู้หญิงคนนั้น แล้วฟังสิ่งที่พี่เตรียมจะพูดกับเขาหน่อย พี่จะได้...ไม่ประหม่า”
มนสิชารู้สึกปวดหน่วงที่ใจ และเสียดเสียวรอยแผลกระสุนที่หลังขึ้นมากะทันหันทั้งที่ไม่มีอะไรไปโดนมันเลย แต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วง เกรงว่าเขาจะยังตัดใจไม่ได้
“คนที่คุณเขตนัดไว้คือขนมเหรอคะ ถ้าใช่...มิ้นท์ไม่เห็นด้วยที่จะมาสารภาพรักตอนนี้ เพราะคุณเขตก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าขนมมันรักกับคุณดนย์ พูดไปก็มีแต่จะผิดหวังเปล่าๆ”
“เรื่องนั้นพี่รู้และทำใจได้แล้ว อีกอย่าง...คนที่พี่นัดก็ไม่ใช่ขนมด้วย เขาเด็กกว่าพี่เกือบสิบปี ก็รุ่นเดียวกับขนมนั่นแหละ”
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ มิ้นท์ยินดีด้วยนะคะที่คุณเขตกำลังจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ขอให้มีความสุขมากๆ รักกันไปนานๆ นะคะ” เธออวยพรเขาแล้วหันหลังให้ ด้วยไม่อยากเห็นใบหน้าคมเข้มของคนที่ยืนขวางประตูอยู่ตอนนี้
เขาคงเย็นชาเสียจนไม่เคยเห็นความรักของเธออยู่ในสายตา พอทำใจเรื่องขวัญจิราได้ก็มีเป้าหมายใหม่ทันที
ความจริงเธอควรเฉลียวใจเร็วกว่านี้ หากคิดย้อนไปถึงเทพนิยายที่เคยอ่านแล้วอ่านอีกในสมัยเด็ก ไม่ว่าพ่อมดในเรื่องไหนๆ ก็ใจร้ายทั้งนั้น พ่อมดไฮเทคคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน แล้วนี่เธอกำลังหวังอะไรจากพ่อมดใจร้ายงั้นเหรอ น้ำตาถึงจวนเจียนจะไหลเต็มทีเมื่อรู้ว่าคนที่เขาเลือก...ไม่ใช่เธอ
**************************************
มิ้นท์....
สิ่งที่แกควรเฉลียวใจอีกอย่างคือการที่พี่เขตลากแกเข้ามาให้ห้องเว้ย...ย...ย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
