ตอนที่ 61 : เกินหน้าที่ 35%
รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนไปยังเส้นทางที่มนสิชาไม่คุ้นเคย และยังไม่รู้ว่าจุดหมายในการเดินทางครั้งนี้จะสิ้นสุดลงที่ใด อาจเป็นร้านกาแฟหรือร้านอาหารเงียบๆ สักแห่ง แต่ก็ยังอุ่นใจว่าชายหนุ่มที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับคงไม่พาเธอไปทำมิดีมิร้ายอะไร เพราะเขาเพิ่ง...อกหัก
เธอคิดอยู่นานว่าจะไต่ถามเรื่องราวจากเขาดีหรือเปล่า แต่เมื่อเขาบอกเองว่าต้องการเพื่อนคุย จะคุยตอนนี้หรือตอนถึงที่หมายแล้วก็คงไม่ต่างกันละมั้ง
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นคะ ขนมมันปฏิเสธคุณเขตเหรอ”
รัฐเขตหันมองเลขาสาวแทบจะในทันทีที่เธอเอ่ยชื่อเพื่อนสนิท เขาค่อนข้างทึ่งที่มนสิชารู้เรื่องของเขามากขนาดนี้ “มิ้นท์รู้ด้วยเหรอ”
“เดาน่ะค่ะ คิดว่าขนมคงทำอะไรสักอย่าง คุณเขตถึงได้ถอดใจ”
“ไม่ใช่ พี่หมายความว่า...มิ้นท์รู้ว่าพี่รักขนมด้วยเหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวสะท้านในใจที่ต้องยอมรับแบบนั้น ทั้งที่จะเรียกว่ารู้ดีอยู่แก่ใจเลยก็ได้ “แล้วนี่คุณเขตสารภาพรักกับขนมแล้วเหรอคะ”
“ยังหรอก”
“อ้าว แล้วจะอกหักได้ยังไงคะ ในเมื่อขนมมันยังไม่รู้เลยว่าคุณเขตรู้สึกยังไงกับมัน” มนสิชาข้องใจ
เขาถอนใจยาวๆ แล้วว่า “พี่จะรู้สึกยังไง มันก็คงไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนี้ขนมคง...รักคนอื่นไปแล้ว”
เลขาสาวไม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้านายเลยแม้แต่น้อย ยามนี้รัฐเขตไม่เหมือนคนที่เธอรู้จัก ถ้าเป็นเรื่องงาน เขามุ่งมั่นพร้อมลุยและแก้ปัญหา แต่เรื่องหัวใจทำไมถึงคร้านแม้จะหาความจริงว่าขวัญจิรารักคนอื่นจริงหรือเปล่า
“ทำไมยอมแพ้ง่ายๆ ละคะ ทำไมคุณเขตถึงไม่สู้เพื่อความรักของตัวเอง”
มนสิชาพยายามปลุกปลอบให้รัฐเขตมีแรงฮึด เธอไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้ ไม่อยากให้เขาผิดหวัง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถอดใจจริงๆ เพราะเขาตั้งคำถามเธอกลับ
“ถ้ามิ้นท์เป็นพี่ แล้วศัตรูหัวใจเป็นคนที่เราไม่อยากจะสู้กับเขา เป็นคนที่เราตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยื้อแย่งอะไรมาจากเขาเด็ดขาด มิ้นท์จะสู้ไหม”
“เอ่อ...” คนถูกถามเอ่ยออกมาได้แค่นั้นเพราะพูดไม่ออก คำถามจากบุรุษบนเบาะข้างๆ ทำให้เธอเข้าใจเขากระจ่างไม่ต่างจากความรู้สึกของตัวเอง
รัฐเขตขับรถต่อไปบนถนนย่านชานเมืองราวกับไร้จุดหมายปลายทาง เขาแค่อยากหนีจากเรื่องที่เจ็บปวดทั้งที่รู้ว่าคงหนีไม่พ้น และการขับรถไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็คงไม่ช่วยอะไร
ทันใดนั้น หญิงสาวเบาะข้างก็ร้องอย่างตื่นตระหนก “คุณเขตระวังค่ะ!!”
รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเร่งเครื่องแซงขึ้นมาแล้วตัดหน้ารถยนต์สัญชาติสวีเดนในระยะกระชั้นชิด รัฐเขตเบรกสุดตัวจนรถหยุด และไม่ได้เกิดการเฉี่ยวชนใดๆ แต่มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็เสียหลักล้มลงอยู่ดี ทั้งคนขี่และคนซ้อนล้มกลิ้งลงข้างทาง แต่คิดว่าคงไม่บาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต เพราะพวกเขาสวมหมวกกันน็อกชนิดเต็มใบทั้งคู่
พ่อมดแห่ง Wish รีบจอดรถเทียบข้างทางห่างจากมอเตอร์ไซค์ที่ล้มลงเกือบสิบเมตร แล้วหันมาสั่งคนที่นั่งเบาะข้าง “มิ้นท์รอพี่อยู่บนรถนะ เดี๋ยวพี่กลับมา”
เขาเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังคู่กรณีที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นเพื่อสอบถามอาการ “เป็นอะไรมากไหมครับ”
ชายผู้ขับขี่เปิดหมวกกันน็อกออกส่วนหนึ่งพลางว่า “ก็เจ็บสิ อะไรหักบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ พี่ขับรถยังไง ไม่เห็นเหรอว่าผมแซงขึ้นมาน่ะ”
“ผมเห็น แต่ไม่คิดคุณว่าจะปาดหน้ากะทันหันแบบนี้” รัฐเขตชี้แจง แต่ชายคู่กรณีทำท่าทีเหมือนไม่สบอารมณ์
ชายคนขับพยายามลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อผ้าที่เลอะฝุ่นผงและเศษหญ้า ในขณะที่คนซ้อนท้ายลุกขึ้นนั่งโดยไม่พูดอะไร ไม่แม้กระทั่งจะเปิดหมวกกันน็อก ชายคนขับจึงละล้าละลังเหมือนทำตัวไม่ถูกที่เพื่อนไม่มาช่วยเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน แล้วนี่จะให้พาไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” รัฐเขตอาสา แต่ชายคนขับปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมไปเอง”
รัฐเขตเห็นอาการคู่กรณีทั้งสองไม่เป็นอะไรมาก จึงควักนามบัตรในกระเป๋าสตางค์ส่งให้ “คุณเอานามบัตรผมไว้แล้วกัน ถ้าจะให้ช่วยค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ หรืออยากให้ช่วยเหลืออะไรก็โทรมา”
ชายคนนั้นรับนามบัตร แล้วโน้มไปประคองรถมอเตอร์ไซค์ให้กลับมาตั้งตรงอีกครั้ง ก่อนเตรียมเคลื่อนรถออกไป แต่คนซ้อนยังไม่เข้าประจำตำแหน่งเดิม กระนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนได้เป็นปกติ
เมื่อทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยดี รัฐเขตก็หันหลังเดินกลับมาที่รถของตัวเอง แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเล็กน้อย เมื่อรักษาการเลขาไม่ทำตามที่เขาสั่ง “ลงมาทำไม พี่บอกแล้วไงว่าให้รออยู่บนรถ”
“ก็มิ้นท์...” มนสิชาเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างคนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไม่ได้กลับไปยังพาหนะที่พาเขามา แต่กลับหันหน้ามาทางที่เธอยืนอยู่และกำลังล้วงหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาเล็งเข้าหารัฐเขตจากด้านหลัง
“พี่เขต!!”
หญิงสาวกระโจนเข้าหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว เธอกอดเขาแน่นแล้วพลิกเอาตัวเองเป็นปราการป้องกันร่างนั้น ท่ามกลางเสียงดังสนั่นจากอาวุธชนิดพกพา
“ปัง!”
แรงจากกระสุนผลักร่างบางให้เซถลามาทับรัฐเขตจนเสียการทรงตัว ดีที่ยังมีกระโปรงหลังของรถหรูช่วยรับน้ำหนักทั้งสองร่างไม่ให้ทิ้งตัวลงไปกับพื้น เลือดที่ไหลซึมผ่านเนื้อผ้าด้านหลังของร่างที่กอดเขาอยู่ทำให้รัฐเขตชะงักและเพิ่งรู้ตัวว่าถูกลอบปองร้าย ส่วนเลขาของเขาก็ทำงานเกินหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บแต่ยังกอดเขาไว้แน่นมาก
“มิ้นท์ มิ้นท์ ได้ยินพี่ไหม” พ่อมดไฮเทคตะโกนเรียกชื่อมนสิชาแล้วกระชับกอดเธอ สายตาเขาจับจ้องไปยังต้นตอของเรื่องที่กำลังหลบหนีด้วยมอเตอร์ไซค์ที่เคยล้มกลิ้งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
ใจหนึ่งเขาอยากตามสองคนร้ายนั่นไป แต่จะปล่อยให้คนเจ็บรอความช่วยเหลือแบบนี้ก็คงไม่ได้เช่นกัน
ท่ามกลางความสับสน ตื่นตระหนก มนสิชาก็เอ่ยถามอย่างขาดๆ หายๆ “พี่เขต...เป็น...อะไร...ไหม”
“ไม่ พี่ไม่เป็นไร มิ้นท์ก็ต้องไม่เป็นอะไรนะ” ชายหนุ่มอุ้มร่างนั้นลอยละลิ่วเหนือพื้น แล้วพาไปขึ้นรถเพื่อนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่เธอไม่ตอบรับและเหมือนว่าจะหลับไปแล้ว “มิ้นท์ อย่าเพิ่งหลับสิ แข็งใจไว้ก่อน”
รัฐเขตเรียกชื่อหญิงสาวอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา มันเงียบจนใจหวิว เขาจึงได้แต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลกร้าย เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหัวใจเขาก็แหลกสลายได้ถึงสองหน แค่อกหักก็แย่พออยู่แล้ว นี่เลขาและเพื่อนปรับทุกข์ของเขายังต้องมาบาดเจ็บอีก
“ไหนรับปากว่าจะไปกินไอติมเป็นเพื่อนพี่ไง อย่าเป็นอะไรนะมิ้นท์ พี่ยังไม่ได้ชมเลยว่ามิ้นท์เป็นเลขาที่ดีมาก ทำงานได้ถูกใจพี่ทุกอย่าง ตื่นมาฟังพี่ก่อนได้ไหม”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเลขาของเขา และชวนเธอคุยไปตลอดทาง แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเช่นเดิม
**********************************
คำให้การจากไรท์...ผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ไกลๆ
"เอ่อ คือว่า ไรท์ไม่เห็นหน้าคนร้ายเลยค่ะ มองแต่พี่เขตตลอดเวลา ฮี้วววว"
ชั้นร้าย...ชั้นรู้ หุหุ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
