ตอนที่ 52 : season 2 l o๔ - ขอต้อนรับสู่ฮอกวอตส์
"อ้าวเซอุน จะไปไหนน่ะ—ไม่ไปที่นั่งของพรีเฟ็คหรอ เราใกล้จะเริ่มคุยกันแล้วนะ" เสียงดังคุ้นหูจากชายหนุ่มร่างสูง เรียกให้เจ้าของชื่อหยุดยืนนิ่ง พร้อมหันหน้ามาสบสายตาคู่สนทนา เสียงรถไฟที่เพิ่งวิ่งออกจากชานชาลาได้ไม่นานดังขึ้นขัดกับเสียงคุยที่เจี้ยวแจ้วของนักเรียนภายในขบวน
"อ่าพี่จงฮยอน—ผมกำลังจะไปหาพี่ยองมินครับ พี่จงฮยอนจะไปนั่งแล้วหรอ" จองเซอุนเอ่ยตอบคนเป็นพี่ในชุดลำลองสีดำทั้งตัว ก่อนจงฮยอนจะพยักหน้ารับ
และ ครับ
ตอนนี้จองเซอุนกลายเป็นพรีเฟ็คเรเวนคลออย่างเต็มตัวแล้ว
ทุกคนคงจะไม่แปลกใจ และก็จริง ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเลยที่เซอุนได้เป็นพรีเฟ็คปีห้าของเรเวนคลอ
ทุกคนต่างพูดเหมือนกันหมดว่า
ว่าแล้ว
และเขาก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ว่าพวกพรีเฟ็คแต่ละชั้นปีจากบ้านต่างๆต้องไปรวมกันที่ที่นั่งสำหรับพรีเฟ็คเพื่อพูดคุยและตกลงในเรื่องงานและกิจกรรมต่างๆของปีนี้
และดูเหมือนพี่จงฮยอนก็คงกำลังจะไปที่ห้องนั้นแล้ว
"ใช่ พี่รำคาญพวกเพื่อนๆน่ะ เล่นกันเสียงดังเหมือนยังไม่โต เลยขอไปนั่งรอก่อน" เซอุนเอียงคออย่างสงสัย พลางเอ่ยถามต่อ
"เขาเล่นอะไรกันหรอครับ? นี่ผมจะไปกวนหรือเปล่า"
"ไม่กวนหรอก มันไร้สาระมากเกินกว่าพี่จะทนดูไหวเฉยๆ—งั้นพี่ไปแล้วนะ ไว้เจอกัน" อีกคนตอบมาด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ก่อนจะส่งยิ้ม พร้อมหมุนตัวหันหลังเดินไปอีกทาง
เซอุนได้แต่มองตามพรีเฟ็คปีหกของกริฟฟินดอร์ไปอย่างไม่เข้าใจ
อะไรคือความหมายของคำว่าไร้สาระกัน
ถึงขนาดกริฟฟินดอร์ด้วยกันยังคิดว่ามันไร้สาระ มันคงจะถึงที่สุดจริงๆ
แต่ก็เข้าใจได้
พวกกริฟฟินดอร์น่ะถนัดแต่ใช้กำลัง ใช่ เซอุนกำลังเหมารวมคนรักของเขาด้วย
ถึงแม้พี่ยองมินจะดูฉลาดและไม่ค่อยเป็นกริฟฟินดอร์เท่าไหร่
แต่ความจริงแล้วอีกคนน่ะเป็นกริฟฟินดอร์ขนานแท้เลยละ
ลืมๆไปเถอะ ว่าปีที่แล้วพี่ยองมินทำตัวร้ายขนาดไหน
เขาเดินมาจนถึงหน้าประตูขบวนของที่นั่งฝั่งกริฟฟินดอร์ ก่อนจะได้ยินเสียวโหวกเหวกโวยวายดังออกมาจากห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
และไม่รอช้า เซอุนก็ก้าวเท้าไปยืนชะเง้อคอมองเข้าไปด้านใน
อ่า
นั่นพี่ยองมินนี่
และเมื่อมองเห็นใบหน้าของคนรัก เซอุนก็เลื่อนประตูเปิดออกในทันที
นั่นทำให้ทั้งห้องหันมาหาเขาเป็นสายตาเดียว ภายในห้องเต็มไปด้วยกริฟฟินดอร์มากหน้าหลายตา มีที่เขาคุ้นชินอยู่สองสามคน นั่นคือพี่ยงกุกและพี่ดงฮยอน นอกนั้นก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง แถมไม่มีพี่ชายของเขาอีกต่างหาก
“อ้าวววว เมียใครมาครับบบ” เป็นพี่ดงฮยอนที่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางวงที่กำลังเล่นอะไรสักอย่างด้วยความสนุกสนาน (สังเกตได้จากเสียงที่ดังลั่นไปทั่วขบวน)
“เงียบดิ!—มาหาพี่หรอครับ” อิมยองมินที่นั่งอยู่ในสุดก็ถามขึ้นหลังจากที่หันไปตวาดเสียงดังใส่เพื่อนตนเอง พร้อมกับดันตัวเองออกมายืนอยู่นอกวงสนทนา
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เขาเพียงแค่ก้าวขามาเพียงก้าวเดียว ก่อนมืออุ่นร้อนของเจ้าตัวจะขยับมากอดเอวเขาอย่างคุ้นชิน
“ครับ ผมมาเอาปากกาที่ลืมไว้กับพี่” เขาเอ่ยตอบไป
“อ่อ! พี่เก็บไว้ในเป้นู้นครับ เดี๋ยวหยิบให้—“ ยังไม่ทันให้อีกคนได้พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมาสะบัดเป็นการปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปเล่นต่อเถอะ เดี๋ยวผมหยิบเอง” เขาว่าไปแบบนั้น พร้อมพเยิดหน้าไปในวงนั้น และเอ่ยย้ำอีกครั้งว่าเขาสามารถหยิบเองได้จริงๆ
“โอเคครับ อยู่กระเป๋าช่องซ้ายนะ” ว่าแค่นั้น พี่ยองมินก็กลับไปยังที่นั่งตนเองและเริ่มเล่นอะไรสักอย่างต่อ
เซอุนชะเง้อหน้ามองเข้าไปในวงด้วยความสนใจว่าพวกเขากำลังเล่นอะไรกันอยู่
ก่อนเขาจะพบว่าคำพูดของพี่จงฮยอนเมื่อกี้ไม่ได้เกินจริงเสียสักนิด
“กูชนะเว้ย!! เอาหินมาจ้า” เสียงพี่ยงกุกดังลั่น พร้อมกับเจ้าตัวที่ยืนขึ้นตะโกนอย่างดีใจ ราวกับได้มังกรมาเลี้ยงแบบเป็นๆ แต่ความจริงแล้วเขาก็แค่ชนะในการเล่นก็อบสโตน
อ่าใช่
สิ่งที่พวกเขากำลังเล่นกันอยู่นั้น
มันเรียกกันว่า ก็อบสโตน
จัดว่าเป็นเกมที่เป็นที่นิยมระดับล่างสุดในโลกพ่อมดแม่มดเลยก็ว่าได้
เป็นเกมที่ไม่ว่ายังไง เรเวนคลอแบบเขาไม่เคยคิดจะเล่นเลยสักครั้ง
ถ้าให้เล่นเป็นเกมคลายเครียดก็คงพอจะเข้าใจได้ แต่มันคงจะมีวิธีคลายเครียดที่ดีกว่าก็อบสโตนละนะ
มันก็แค่การเล่นโยนหินให้หมุนเป็นวงกลมเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่าตัดสินแพ้ชนะยังไง รู้แค่ว่าผู้ชนะจะได้สิทธิ์ในการยึดหินของผู้เล่นที่แพ้
และดูเหมือนเกมนี้พี่ยงกุกจะเป็นผู้ชนะมาหลายตาแล้ว เดาได้จากมือเจ้าตัวที่กำลังโอบอุ้มหินอยู่เต็มมือ
“อะไรวะ—หินกูจะหมดละเนี่ย”
“กูหมดละ นั่งดูแล้วกันทีนี้”
เซอุนส่ายหัวอย่างระอาใจ ก่อนจะหันตัวไปยังชั้นวางกระเป๋าที่มีกระเป๋าของอีกคนวางกองอยู่
กระเป๋าเป้สีดำสนิทที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดีหล่นมาอยู่ในมือของเขาจากแรงกระตุกเบาๆ
ร่างโปร่งวางมันลงกับตักตัวเอง พร้อมคุ้ยหาซิบในช่องซ้ายของกระเป๋า
หากถามว่าทำไมเขาถึงมาลืมปากกาขนนกไว้ที่อิมยองมินได้
เซอุนก็ตอบตามตรงเลยว่าเขาไม่รู้เลยจนกระทั่งเมื่อวานซืนตอนจัดกระเป๋า เอาหนังสือและเสื้อผ้าใส่หีบเพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางมาเรียนที่ฮอกวอตส์ ก่อนจะค้นพบว่าปากกาขนนกที่เขาแสนรักไม่อยู่ภายในห้อง เขาตามหาจนทั่วบ้านแล้ว ทั้งห้องนั่งเล่นที่เขาชอบไปนั่งเขียนหนังสือ หรือห้องของสองพี่น้องของเขา
แต่ก็ว่างเปล่า
จนเซอุนตะงิดใจได้ว่าเขานำปากกาไปด้วยตอนที่ไปดูควิดดิชรอบชิงที่ผ่านมา
ถามพี่ซองอู หรือซอนโฮก็ไม่มีใครนึกออก
งั้นคนสุดท้ายที่เป็นได้ก็คือ อิมยองมิน
พูดได้ว่าทั้งงานการแข่งขันควิดดิช จองเซอุนไม่ได้อยู่ห่างจากคนรักของตัวเองเลย ยังไงอีกคนต้องเห็นบ้างละ
คืนนั้นเซอุนจึงเขียนจดหมายให้เจ้าพุดดิ้งไปส่งที่ปราสาทของตระกูลอิมอย่างรวดเร็ว
และใช่
พี่ยองมินตอบเขามาว่า ปากกาขนนกนั่นอยู่กับเจ้าตัว
เซอุนแทบจะตะโกนร้องอย่างโล่งใจ ก่อนเขาจะตอบกลับอีกคนว่าให้เอามาให้ด้วยในวันเดินทางไปเรียน
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เซอุนต้องปรี่ออกมาหาร่างสูงที่นี้ก่อนจะไปยังห้องของพรีเฟ็ค
มือเล็กคุ้ยไปทั่วจนเจอเข้ากับซิบที่รูดเปิดได้
หากเขาสามารถใช้เวทย์มนต์นอกโรงเรียนได้แล้วก็คงจะไม่มีปัญาในการที่ต้องมานั่งหาแบบนี้หรอก
แต่เมื่อเปิดออกแล้วอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างเหลี่ยมๆก็เรียกความสนใจให้เขานำมันออกมาดู
แต่คิดผิด
เขาไม่ควรเอาออกมาเลยสักนิด
“นี่อะไรอ่ะพี่ยองมิน?” เขาเอ่ยถามด้วยความตกใจ พลางยกของในมือขึ้นให้อีกคนสามารถมองเห็นได้
ก่อนทั้งห้องจะเงียบไป
“เดี๋ยวไอ้ปาก้า!! มึงพกด้วยหรอวะ!!”
“เอาแร้ววว น้องเซอุน อันตรายแล้วครับน้อง”
“โหเจ๋งว่ะมึง มีความรับผิดชอบต่อสังคมดี” และอีกหลายประโยคที่ตามมา พร้อมกับพี่ยองมินที่ลุกจากที่นั่งมาหาเขาอีกครั้ง แล้วลากแขนเขาให้เดินมาจนชิดประตู และเอ่ยพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังเท่าไหร่นัก
“ไม่ใช่นะครับคนดี คือพี่—“
“พี่พกมาทำไมหรอครับ?” เขาเอ่ยถามด้วยควมสงสัย ใบหน้าเล็กตีกันยุ่ง
“คือพี่—“
“ผมต้องการคำอธิบายที่มันเพียงพอกับเรื่องนี้”
“...”
“พี่พกถุงยางมาทำไมครับ?” เซอุนเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เขาไม่ได้หัวโบราณหรือใสซื่อจนเกินไป ถึงขนาดไม่รู้จักกล่องสี่เหลี่ยมๆนี่ที่ถูกผลิตขึ้นโดยมักเกิ้ล หน้าที่ของมันคือป้องกันการมีบุตร และป้องกันโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ ตามที่เขาเคยได้ยินมา
“คือพี่”
“พี่ยองมินผมไม่ได้จะว่าหรอกนะ แต่แค่ผมสงสัย”
“งั้นพี่ขอตอบตามจริง—“
“...” เขาเงียบตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกคนจะพูด
“ตามธรรมชาติของผู้ชายเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ แฟนพี่ก็ใช่ว่าจะน่ารักน้อยซะที่ไหน นับวันยิ่งน่ารักมากครับรู้ตัวหรือเปล่า อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้คิดจะเอาไปใช้กับใครนอกจากเราอยู่แล้ว ก็เลยพกเอาไว้เผื่อฉุกเฉินพี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้”
“พี่ยองมิน!” เขาเอ่ยพูดอย่างเหลืออด
ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวด้วยความเขินจนแก้มกลมขึ้นสีแดงชัดเจน
“อย่างน้อยพกไว้พี่จะได้อุ่นใจว่าเราจะทำมันได้โดยที่เซอุนจะไม่เจ็—โอ้ย!!!” เสียงร้องโอดโอยของร่างสูงดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวพูดจบ
เซอุนฟาดมือลงบนหลังอีกคนอย่างแรงจนดังไปทั่วห้อง
เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาเพื่อนๆของอิมยองมินได้
“ใครจะอนุญาตให้พี่ทำแบบนั้นกัน!”เขาว่า
“พี่ก็รอเราอนุญาตก่อนนี่ไงครับ”
“ทำไมพี่ถึงเป็นคนทะลึ่งแบบนี้กันนะ! ผมจะฟ้องพี่ซองอู!” เซอุนโวยวายออกมาเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำที่ซ่อนไว้ไม่อยู่ทำให้เขาต้องหันหน้าหนีอีกคน
“ผมจะไปห้องพรีเฟ็คแล้ว ปากกานั่นค่อยเอาคืนแล้วกันนะครับ!” ว่าจบ เซอุนก็เปิดประตูแล้ววิ่งออกไปจากบริเวณนี้ย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สนใจเสียงที่เรียกชื่อตัวเองเลย
ความจริง
เขาไม่ได้โกรธอะไรหรอก
เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ และก็เป็นเรื่องที่ดีที่ควรพกด้วย
แต่ให้ตาย
เขาจะรอดถึงปิดเทอมไหมนะ
เซอุนเดินย้ำเท้าอย่างใช้ความคิดระหว่างทางที่เขากำลังเดินตรงไปยังห้องสำหรับพรีเฟ็ค ใบหน้าเล็กมุ่ยลงเมื่อความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้ายังไม่จางหายไปเสียที
น่าหงุดหงิดเสียจริง
เขาส่ายหัวสะบัดความคิดบ้าๆในหัวออก ก่อนเท้าเล็กจะหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อมองเห็นร่างใครบางคนยืนขวางทางอยู่
"ไง—"
อ่า
จองแจฮยอนอีกแล้ว
"ไง" เขาขานตอบไป
"เจอกันอีกแล้ว" แจฮยอนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว รถไฟไม่ได้ใหญ่เลย" เขาตอบไปตามความจริง ก่อนอีกคนจะหัวเราะร่วนใส่เขา
"ฮ่าๆ สมแล้วครับคุณพรีเฟ็คเรเวนคลอ" ร่างโปร่งว่าตอบมาแบบนั้น ก่อนเขาจะผายมือไปยังทางที่ตรงไปยังห้องของพรีเฟ็ค "เชิญครับ"
เซอุนพยักหน้ารับ พร้อมเอ่ยขอบคุณ เท้าเล็กก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่หางตาของเขากลับมองเห็นร่างโปร่งกำยำของแจฮยอนที่กำลังเดินตามหลังมา
"นายตามฉัน?" หันไปเอ่ยถามด้วยความสงสัย แจฮยอนมองใบหน้าเขาพลางเลิกคิ้วมอง
"ฉันเปล่า" เขาว่า "ฉันแค่จะไปทางนี้เหมือนกัน"
เซอุนมองด้วยความแปลกใจ
ทางนี้เป็นทางสำหรับไปห้องพรีเฟ็คเท่านั้น และถ้าไม่ใช่พรีเฟ็คก็ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้
อ่า
เข้าใจแล้ว
"นายเป็นพรีเฟ็คสลิธีริน?" เซอุนเอ่ยถามอีกครั้ง พร้อมกับหันหลังกลับมาเผชิญหน้าอีกคน
"ใช่ครับ—ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง"
"ครับ ยินดีเหมือนกัน"
"ฉันหวังว่าปีนี้เราจะได้ร่วมงานด้วยกันมากขึ้น—"
"..."
"และหวังว่าสลิธีรินและเรเวนคลอจะสนิทกันมากขึ้นนะครับ :)"
“ซอนโฮๆๆ ตื่นได้แล้ว ใกล้จะถึงฮอกวอตส์แล้ว” ร่างของยูซอนโฮกระตุกตัวขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง
ดวงตากลมโตเสมองไปรอบๆ พร้อมกับเปิดปากกว้าง หาวออกมา
“ใกล้ถึงแล้วหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ใช่—รีบไปเปลี่ยนใส่ชุดคลุมได้แล้วนะ” อันฮยองซอบว่าอีกครั้ง พร้อมดันตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน
ซอนโฮพยักหน้ารับ มือเรียวคว้าเอาเสื้อคลุมมาถือๆไว้แนบอก ก่อนเสียงเลื่อนเปิดประตูจะดังเรียกความสนใจของพวกเขา
ร่างสูงโปร่งของปาร์คอูจินในชุดเครื่องแบบของสลิธีรินอย่างเรียบร้อยปรากฎกายอยู่ที่ประตูเป็นรอบที่สามของวันนี้แล้ว
อันที่จริงฮอกวอตส์ก็ไม่ได้มีการห้ามไม่ให้นักเรียนต่างบ้านนั่งด้วยกันหรอก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมยูซอนโฮถึงได้มองเห็นหน้าปาร์คอูจินมาตลอดทั้งวันในการเดินทาง
เพราะพ่อหนุ่มสลิธีรินคนนี้ไม่ยอมกลับไปนั่งที่ขบวนของตัวเองยังไงละ
ซอนโฮได้แต่กรอกตาไปมาเมื่อมองเห็นรอยยิ้มกวนๆของอูจินที่ส่งมาให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหน้าไปพูดกับเพื่อนของเขา
เขาจึงได้สาวเท้าออกไปเปลี่ยนชุดได้ก่อนที่จะรู้สึกเหม็นเบื่อไปมากกว่านี้
“นายว่าปีนี้เราจะได้เรียนอะไรบ้าง” ระหว่างทางที่พวกเขากำลังเดินออกจากรถไฟมาที่ชานชาลา ฮยองซอบก็เอ่ยถามขึ้น
“เรียนอะไรก็ได้ ขอแค่อย่ามีเรียนพยากรณ์บ่อยก็พอ ฉันเบื่อจะตาย” เขาว่าตอบไป พร้อมก้าวเท้าลงมายังชาลาที่เต็มไปด้วยนักเรียนฮอกวอตส์มากหน้าหลายตา
เด็กปีหนึ่งที่เพิ่งมากำลังถูกต้อนเรียงแถวให้เป็นระเบียบด้วยฝีมือของพรีเฟ็คในแต่ละชั้นปีของบ้านต่างๆ
เขาแอบเห็นพี่เซอุนกำลังตีหน้ามึนใส่รุ่นน้องกลุ่มนึงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
ให้ตายเถอะ
การมีพี่ชายเป็นพรีเฟ็คนี่น่าภูมิใจจริงๆ
“เอาจริงฉันไม่คิดเลยว่ามินะจะได้เป็นพรีเฟ็ค” จู่ๆฮยองซอบก็หันมากระซิบกับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
สายตาของซอนโฮจึงกวาดไปทั่วเพื่อมองหาคนที่ถูกเอ่ยถึงในบทสทนา
ร่างของหญิงสาวที่มีใบหน้าน่ารักในชุดคลุมของฮัพเฟลพัฟกำลังดินต้อนนักเรียนปีหนึ่งอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมละ?” เขาถาม
“ไม่รู้อ่ะ มินะน่ะดูไม่ค่อยชอบที่ได้อยู่ฮัพเฟิลพฟสักเท่าไหร่—เท่าที่ได้ยินมาอ่ะนะ”
“จริงหรอ? ไม่หรอกน่า ศาสตราจารย์ต้องคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วถึงจะเลือกให้มินะเป็นพรีเฟ็ค เราควรเชื่อในตัวเธอนะ” ซอนโฮเอ่ยตอบไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมตบมือลงบนบ่าของเพื่อนตนที่กำลังทำหน้ามุ่ยอยู่
“ถ้านายคิดอย่างั้นอ่ะนะ—“
“เอาน่า เรารีบไปขึ้นรถม้ากันเถอะ ฉันหิวจะแย่อีกแล้ว” เขาว่าตอบไปอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันให้พวกเขาทั้งสองได้เดินไปไหนไกล แขนของใครบางคนก็วางพาดลงมาบ่นไหล่ของเขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยสัมผัสและกลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าของแขน ทำให้ซอนโฮแทบไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นใคร
“ไหนอูจินบอกนายเพิ่งตื่น—ตื่นมาก็หิวเลยหรอ” ใบหน้าขาวนวลที่คุ้นเคยปรากฏในสายตาเขา
ไลควานลินที่เพิ่งเดินมาเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“นายก็รู้ว่าฉันหิวยู่ตลอดเวลา” ซอนโฮเอ่ยตอบไป
“แบบนี้พวกเอลฟ์คงจะเหนื่อยหนักกว่าเดิมแน่เลย” เมื่ออีกคนพูดจบ ยูซอนโฮก็ไม่รอช้าที่จะยื่นมือไปหยิกเอวบางๆของร่างสูงด้วยแรงที่ไม่เบาเลยสักนิด
“โอ๊ย! เจ็บ” ควานลินร้องเสียงหลงทันทีที่โดน เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งเขา ฮยองซอบ และอูจิน(มาเมื่อไหร่นะ)
“สมควรแล้ว”
“นายโกรธที่ฉันไม่ได้ไปหาตอนอยู่บนรถไฟหรอ?” จู่ๆควานลินที่เลิกร้องแล้วก็หันมาถามเขา พร้อมกันกับที่ซอนโฮก้าวเท้าเดินไปตามทางที่จะตรงเข้าไปยังปราสาท ตามหลังคู่รักที่เดินนำไปก่อนแล้ว
“ฉันจะไปโกรธทำไม? ฉันเป็นคนบอกนายเองนะไลควานลิน ว่าไม่ต้องมาหา ไว้เจอกันที่ปราสาทเลย” เขาเอ่ยตอบไป พร้อมลากแขนเสื้อของร่างสูงให้รีบเดินให้ทันเขา
“ทำไมถึงไม่ให้ไปหากัน ฉันก็คิดถึงนายเป็นนะซอนโฮ” ไลควานลินเอ่ยเถียงอีกครั้ง
“ฉันรู้น่า—ฉันแค่บ่นเรื่องอูจินกับฮยองซอบไปซะเยอะเลย” เขาว่า “แล้วจะให้มาทำในสิ่งที่ฉันเอ่ยบ่นไปมันก็ไม่ใช่ไง เข้าใจใช่ปะ?”
ร่างสูงพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“เข้าใจครับ—งั้นรีบเดินกันดีกว่า ไปช้าเดี๋ยวจะไม่ได้ที่นั่งตรงซี่โครงอบนะ” พูดแค่นั้น ซอนโฮก็คว้าเอามือเรียวให้รีบวิ่งตัดหน้าผู้คนไปให้ถึงรถม้าด้วยความรวดเร็ว
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว
เขาจะช้าไม่ได้
เจอกันซี่โครงอบ!
เสียงเจื้อยแจ้วของนักเรียกทุกชั้นปีดังลั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ของปราสาทฮอกวอตส์ ก่อนประตูบานใหญ่จะถูกเปิดอ้าออกกว้างโดยศาสตราจารย์ชีต้าที่เป็นผุ้เดินนำเด็กชั้นปีที่หนึ่งเข้ามาเหมือนอย่างทุกครั้ง
ความเงียบเข้าครอบงำไปทุกส่วนของห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคนจดจ้องไปยังนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งด้วยความสนใจ รวมทั้งซอนโฮที่กำลังมองหาคริสอยู่เช่นกัน
น้องชายข้างบ้านของเขามีท่าทีที่ดูมั่นใจมากกว่าใครเพื่อน แถมใบหน้าหล่อยังดูเป็นมิตรกับทุกคนอีกต่างหาก
นั่นทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาได้ว่าคริสจะสามารถเข้ากับเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆได้
“เอาละทุกคน—เราจะเริ่มพิธีการคัดสรรบ้าน” เสียงของศาสตราจารย์ชีต้าดังขึ้นมา พร้อมกันกับที่เธอกางกระดาษรายชื่อออกพร้อมกับขานเรียกนักเรียนปีหนึ่งแต่ละคนให้ออกมาข้างหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ยกสูง
จากนั้นจึงสวมหมวกให้เพื่อให้หมวกคัดสรรทำการคัดสรรบ้านให้กับนักเรียนแต่ละคนอย่างที่ทำเป็นประจำ
ทั้งเขาและนักเรียนหลายๆคนก็ยอมรับในตัวหมวกคัดสรรทุกครั้ง ว่าเจ้าหมวกทรงสูงนั้นได้ทำการคัดเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคนแล้ว
คนแล้วคนเล่าผ่านไป เสียงปรบมือและโห่ร้องต้อนรับน้องใหม่ดังขึ้นจากทุกบ้าน
และในที่สุดก็ถึงตาของน้องชายของเขา
“คริส จอห์นสัน” เสียงเรียกชื่อของคริสดังขึ้นมา ก่อนเจ้าตัวจะปรากฏตัวเดินมายืนด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม
ร่างของคริสขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับหมวกที่ถูกสวมไว้บนหัว
น่าแปลก
โดยปกติแล้ว หมวกคัดสรรจะใช้เวลาในการคัดสรรบ้านให้แต่ละคนเพียงไม่กี่วินาที มากสุกก็คงแค่หนึ่งนาที
แต่สำหรับครั้งนี้แล้วหมวกคัดสรรกลับไม่เอ่ยอะไรออกมาเลยทั้งๆที่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว
เสียงซุบซิบของนักเรียนหลายคนก็ดังขึ้นมาไล่เลี่ยกัน
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ” เขาหันหน้าไปถามฮยองซอบด้วยความสงสัย
“หมวกชะงักน่ะ—หมวกคัดสรรไม่สามารถตัดสินบ้านให้คริสได้ อาจจะมีความก้ำกึ่งของสองบ้านซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยหรอกนะ” ฮยองซอบเอ่ยตอบมา
เป็นเวลาเดียวกันกับที่หมวกตะโกนชื่อบ้านขึ้นมาดังลั่น
“กริฟฟินดอร์!!!” หลังจากนั้น เสียงตะโกนกู่ก้องพร้อมเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาจากฝั่งโต๊ะของกริฟฟินดอร์
ซอนโฮหันสายตามองตามคริสด้วยความสงสัย
ชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ
หมวกคัดสรรลังเลระหว่างกริฟฟินดอร์กับบ้านไหนกัน?
“นั่นน้องข้างบ้านนายหรอซองอู”
“ใช่”
“ดูหน่วยก้านใช้ได้—“
“เดี๋ยวๆ พูดงี้คือจะเอาคริสไปทำอะไรวะ” ซองอูเอ่ยถามเพื่อนตนเองด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนจะเป็นเชสเตอร์ที่ดีได้” คิมดงฮยอนที่ปีนี้ได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์เอ่ยพูดพร้อมเท้าคางมองไปยังหัวโต๊ะที่เป็นที่นั่งของเด็กใหม่
“แต่สายตาเหมือนไม่ใช่แบบนั้นเลยว่ะ” อิมยองมินเอ่ยแย้งขึ้นพร้อมกลั้วหัวเราะ
“ยุ่งน่า”
“พวกมึงเงียบ! ศาสตราจารย์โบอาจะพูดแล้ว” เขาหันไปเอ่ยปรามเพื่อนตัวเอง พร้อมกันกับที่ศาสตราจาร์ยโบอา อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ได้ขึ้นไปยืนบนแท่นเพื่อเอ่ยทักทายกับนักเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก
“ยินดีต้อนรับนักเรียนที่น่ารักทุกคนเข้าสู่อีกหนึ่งปีในฮอกวอตส์ ปิดเทอมเป็นอย่างไรกันบ้าง? ฉันหวังว่าทุกคนจะเตรียมพร้อมกับการเรียนในเทอมนี้แล้ว” เธอว่า “ศาสตราจารย์ทุกคนได้เตรียมความพร้อมในการสอนบนเรียนต่างๆให้กับพวกเธอทุกคนแล้ว และในปีนี้ สำหรับนักเรียนปีหกทุกคนที่เพิ่งได้มีการเลือกสายในปีที่แล้ว ขอให้ไปลงเรียนวิชาตามที่ผลของคะแนนการสอบวพรส.ได้แจ้งไว้ด้วย” สิ้นเสียงศาสตราจารย์โบอา เสียงของเด็กปีหกแต่ละคนก็ร้องโอดโอยมาด้วยความเศร้าใจ
แทบไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะได้เรียนอะไรบ้างในปีนี้
คงมีแต่วิชาน่าเบื่อแน่นอน
“และสำหรับนักเรียนปีห้าอย่าลืมเตรียมตัวในการสอบวพรส.ในช่วงสิ้นเทอมด้วย” เขาหันสายตาไปมองที่โต๊ะของเรเวนคลอเพื่อสังเกตใบหน้าของน้องชายคนกลาง
เซอุนกลับไม่มีสีหน้าเหนื่อยใจเหมือนอย่างคนอื่นๆเลย น้องชายเขาเพียงยิ้มละหันไปเอ่ยพูดกับแดฮวีต่อเท่านั้น
อะไรจะชิลขนาดนั้นวะ
งง
“และสุดท้าย ฉันเพิ่งได้รับทราบข่าวมาจากศาสตราจารย์ดันมิลล์—ในวาระโอกาสพิเศษระดับชาติของกีฬาพ่อมดแม่มดสากลอย่างควิดดิชยูโรเปี้ยนคัพ ในครั้งนี้จะมีการจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมของปีหน้า”
นักเรียนทุกคนต่างตั้งใจฟังในสิ่งที่ศาสตราจารย์โบอากำลังพูดถึง
“และเพื่อการสานสัมพันธ์ระหว่างชาติต่างๆในยุโรป จึงได้มีการจัดตั้ง กิจกรรมการเก็บตัวนักกีฬาและการแข่งขันกระชับมิตรความสัมพันธ์ของแต่ละทีมและของพ่อมดแม่มดในแต่ละชาติ” นักเรียนต่างฮือฮาขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินหัวข้อในการพูดของศาสตราจารย์โบอา
“—โดยนักกีฬาทีมชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันควิดดิชยุโรเปี้ยนคัพจะถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนพ่อมดแม่มดในชาติต่างๆ โรงเรียนละสองทีม และเพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมสานสัมพันธ์นี้ ฉันขอแจ้งให้นักเรียนฮอกวอตส์ทุกคนทราบ ว่าปีนี้เราจะมีแขกมาเยือนอีกหนึ่งครั้ง และฉันไม่ทราบเลยว่าทีมควิดดิชของชาติไหนจะได้มาอยู่ร่วมกับเรา แต่ฉันขอให้นักเรียนฮอกวอตส์ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วย”
สิ้นเสียงศาตราจารย์โบอา องซองอูก็หันมองหน้าเพื่อนตนด้วยความตกใจ
“เมื่อกี้ศาสตาจารย์หมายความว่าจะมีทีมควิดดิชทีมชาติมาอยู่กับพวกเราในโรงเรียนงั้นหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่แค่ทีมเดียว แต่มาถึงสอง” ดงฮยอนเอ่ยต่อ
“แล้ว—ที่กูกำลังคิดคือ” ยงกุกที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
“อะไร?” เขาขานรับ พร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ควิดดิชทีมบัลแกเรียได้เข้าร่วมยูโรเปี้ยนคัพหรือเปล่า?”
“...”
“แล้วควิดดิชทีมบัลแกเรียจะมีโอกาสได้มาอยู่ที่ฮอกวอตส์ไหม?”
มีทีมควิดดิชบัลแกเรีย = มีคังแดเนียล
ก
รี๊
ด
!
!
!
เคราเมอร์ลินช่วยด้วยยยยยยยยยย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ควานลินก้อใช่ย่อยแฮะ5555
พี่ซองอูถึงกับกรี๊ดเลยเหรอ 5555 ดีใจมากกกก เหรอพี่5555
รอตอนต่อไปสู้ๆค่ะไรท์ :3
ปล.คริสคือใครหรอคะ เราหมายถึงใครมารับบทเป็นคริส