ตอนที่ 37 : ๓๑ - ตระกูลผู้เสพความตาย
“ศาสตราจารย์ครับ” ทันทีที่ประตูบานใหญ่ที่เก่าแก่ถูกเปิดออกโดยฝีมือของเจ้าของห้อง เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ พร้อมกับใบหน้าของเด็กเรเวนคลอที่สาวเจ้ารู้จักเป็นอย่างดีก็ปรากฏขึ้น
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องตามมา” คนที่ถูกเรียกว่าศาสตราจารย์เอ่ยตอบ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในตัวห้องอย่างคุ้นเคย พร้อมกับแง้มประตูออกเป็นวงกว้างที่พอจะให้นักเรียนที่กำลังทำหน้ามุ่ยเดินเข้ามา
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย พลางก้มโค้งให้
ศาสตราจารย์โบอายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนเธอจะหันหลังเดินไปที่โต๊ะตัวเองที่อยู่ใจกลางของห้อง ข้างๆกันก็มีแมวรับใช้นั่งเฝ้าอยู่ไม่ไกล
น่าแปลกที่แมวของเธอมักชอบจะส่งเสียงขู่ออกมาอยู่บ่อยครั้งที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้อง
และนี่ก็เป็นครั้งแรกของนักเรียนจองเซอุน ปีสี่จากเรเวนคลอ
แต่ทำไมแมวของเธอถึงได้ทำเพียงมองตามเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะความคิดอันแน่วแน่ของเด็กคนนี้ก็เป็นได้
“เธอคงจะสงสัยใช่ไหม” และเมื่อร่างบางๆของศาสตราจารย์นั่งลงบนเก้าอี้บุหนังอย่างดี เธอก็เอ่ยถาม
“ครับ—ผมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด” เซอุนเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว
“แน่วแน่ดีนะ—ยูนา เธอช่วยไปจัดการเรื่องนั้นให้ฉันที” แต่ก่อนที่ศาสตราจารย์โบอาจะเริ่มเอ่ยเล่าอะไร คนอายุมากก็หันไปพูดกับรูปวาดหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ถัดจากที่เซอุนยืนไปไม่เท่าไหร่
หญิงสาวที่ถูกเอ่ยเรียกก็พยักหน้ารับแล้ว เดินย้อนกลับเข้าไปในรูปภาพตัวเอง
“เอาละ—ฉันจะเล่าในส่วนที่ฉันควรพูดแล้วกันนะ ที่เหลือเธอควรจะไปถามมาจากปากของเด็กคนนั้นเอง” เซอุนพยักหน้ารับอย่างรัวๆ ก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้ตรงข้ามตามคำเชื้อเชิญ
“ครับ”
“ก่อนหน้านี้มีจดหมายเข้ามาที่ฮอกวอตส์ เนื้อหาภายในจดหมายนั้นบกบ่องว่า ได้มีนักโทษคนหนึ่งหลุดออกมาจากคุกอัซคาบัน” เธอเอ่ย
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ อัซคาบันน่ะ—“
“แน่นหนา—ฉันรู้ดี แต่มันก็เป็นไปแล้ว ทางเดลี่พรอเฟ็ตคิดจะเล่นข่าวนี้ แต่ท่านนายกสั่งห้ามไว้”
“ทำไมหรือครับ?”
“ความกลัวน่ะคุณจอง ท่านนายกคงจะกลัวว่าหากข่าวหลุดออกไปว่าสถานที่ที่มีความป้องกันแน่นหนาขนาดนั้นกลับถูกทำลายได้ง่ายๆ ควงจะไม่ดีต่อกระทรวงเท่าไหร่” ศาสตราจารย์เอ่ยพูดแล้วพลิกหน้าหนังสือที่เธอเพิ่งหยิบขึ้นมา
เซอุนรับคำด้วยการพยักหน้าเบาๆ
เขารู้เรื่องนี้ดีหรอก เพราะพ่อและแม่ที่ทำงานในกระทรวงชอบพูดเป็นประจำ
เสียเงินแกลเลียนได้ แต่จะเสียหน้าไม่ได้
“แล้วนั่นมันเกี่ยวกับพี่ยองมินยังไงหรอครับ” เขาว่าอีกครั้งด้วยความสงสัย
“เธอพอจะรู้ไหมว่าเข็มพรีเฟ็คของคุณอิมหายไปอยู่ที่ไหน?” คนที่อยู่ตรงข้ามเซอุนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล
เขานึกคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ผมรู้สึกว่าน่าจะหายตั้งแต่ที่ไปร่วมงานเลี้ยงอำลาบนเรือเดิร์มสแตรงก์ครับ” สิ้นเสียงเซอุนทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เพราะอยู่ๆศาสตราจารย์โบอาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางสาวเท้าเดินไปมุมห้องที่มีรูปปั้นของชายหนุ่มคนหนึ่งวางอยู่ ก่อนเธอจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่างกับรูปปั้นนั้นโดยที่เขาไม่ได้ยิน
“เธอบอกว่ามันหายไปตอนนั้น—แน่ใจใช่ไหม” เซอุนพยักหน้าเป็นคำตอบเมื่อศาสตราจารย์เอ่ยถามอีกครั้ง
“ไปจัดการซะ”นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนรูปปั้นจะเดินตรงเข้าไปในกองไฟของเตาผิง
“มีอย่างนึงที่เธอควรรู้นะคุณจอง”
“...”
“เหตุผลที่มือปราบมารมาจับตัวคุณอิมไป เพราะในที่เกิดเหตุมีเข็มของพรีเฟ็คกริฟฟินดอร์หล่นอยู่”
“...”
“ซึ่งของคุณคิมพรีเฟ็คอีกคนก็ยังอยู่บนอก งั้นแสดงว่ามันเป็นของคุณอิม เพราะเข็มของพรีเฟ็คจะตกทอดเป็นรุ่นสู่รุ่น ไม่มีทางที่มันจะมีมากกว่าสอง”
“ผม—“ เซอุนที่ได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปทันที เพราะเขาคิดไม่ออกเลยว่ามันเป็นแบบนั้นได้ยังไง
หากจะมีคนขโมยไป มันก็ไม่มีสาเหตุที่จะต้องทำแบบนั้นเลยสักนิด
และไม่มีทางที่พี่ยองมินจะทำแน่อยู่แล้ว
ให้ตาย
ปวดหัวชะมัดเลย
“นี่มันเรื่องใหญ่เกิดกว่าที่เธอจะจัดการนะคุณจอง แนะนำว่าให้อยู่นิ่งดีกว่า ทางกระทรวงคงไม่อยากให้เด็กเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้”
ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาประชิดตัวคนตัวบางพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า
“กลับไปเข้าห้องเรียนเถอะ ฉันจะลงมือช่วยคุณอิมอย่างเต็มกำลัง” ศาสตราจารย์เอ่ยบอกอีกครั้ง ก่อนจะผายมือไปทางประตูบานใหญ่ไม่ไกล
“ครับ—ผมจะพยายาม” เซอุนเอ่ยตอบ พร้อมลุกขึ้นยืนแล้วเดินเลี่ยงไปที่ประตู เอื้อมมือไปเปิดออกอย่างไม่เร่งรีบ
แต่ไม่ทันให้เขาได้ก้าวเท้าออกไปจากห้อง น้ำสียงหวานๆของศาสตราจารย์โบอาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจัดการให้พวกเขาไม่พาคุณอิมไปที่กระทรวงแล้ว แต่ให้ไปไว้ที่คุกใต้ดินแทน”
“...”
“และตอนนี้คุกใต้ดินก็ปลอดมือปราบมารนะ”
เซอุนหันมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ภายในห้อง ก่อนจะพบศาสตราจารย์โบอาที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้เขา แล้วเพยิดหน้าให้เขาอีกเป็นการส่งท้าย
อ่า ให้ตาย
เขารักฮอกวอตส์จัง
คล้อยหลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องของศาสตราจารย์โบอา เซอุนเดินผ่านโถงทางเดินที่มีนักเรียนหลากหลายบ้านที่เดินผ่านเป็นประจำอย่างคุ้นเคย มันไม่ได้สร้างความฉงนให้เขาได้เท่ากับใครบางคนที่เพิ่งเดินผ่านเขาไป
ความรู้สึกบางอย่างของเซอุนมันบอกว่าคนๆนั้นมีอะไรแปลกๆบางอย่าง
เพราะหลังจากที่เซอุนรู้สึกแบบนั้น เขาก็หันหลังกลับไปมองแทบจะทันที
เจ้าของร่างที่ให้เขารู้สึกระหลาดก็กำลังหันมองมาอยู่เช่นเดียวกัน
เจ้าตัววาดรอยยิ้มให้เขาราวกับคนคุ้นเคย แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นมันดูมีอะไรสักอย่างที่น่ากลัว
หากจำไม่ผิด
นั่นคือคนที่ทำให้พี่ยองมินตกลงจากไม้กวาดเมื่อการแข่งขันที่ผ่านมาไม่นาน
ไม่ใช่ไลควานลินคนนั้นที่หวดลูกควัฟเฟิลใส่
แต่เป็นคนที่พยายามบินหลอกล่อไปมา
ใช่คนนั้นแหละ
อูจินยอง
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เซอุนได้ลงมาเหยียบส่วนภายในของปราสาท ยิ่งชั้นใต้ดินยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ก่อน วันๆนึงของจองเซอุนก็อยู่แค่เพียงในหอพัก ห้องเรียน ห้องสมุด และก็ห้องโถงใหญ่เพียงเท่านั้น ถึงพักหลังมานี่จะมีสวนกลางปราสาทเพิ่มมาก็ตามที แต่เขาก็ไม่เคยไปไหนมากกว่านี้เลย
ถามว่าตอนนี้เขากลัวไหม
ไม่กลัวก็ไม่ใช่จองเซอุนคนนี้แล้ว
คนตัวเล็กพยายามส่องไฟในมือไปตามทางถึงแม้จะมีแสงไฟจากโคมไฟติดผนังแล้วก็ตามที หลังจากที่เขาเข้าเรียนตามตารางปกติแล้ว (แล้วเซอุนก็เพิ่งค้นพบว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรจะเอาอะไรใส่สมองเลยสักนิด) เซอุนก็รีบตรงมาที่นีทันที
ก่อนเขาจเดินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดที่ถัดไปไม่ไกลก็คือหอพักของสลิธีรินแล้ว คุกใต้ดินที่ไม่ถูกเปิดใช่มานานหลายปีกลับมีแสงสว่างวาบมากจากภายใน
ความจริงตรงนี้ไม่ได้เรียกว่าคุกหรอก มันแค่เคยเป็นเท่านั้น
ไม่แปลกใจเลยที่จะมีฝุ่นเกาะ และลอยฟุ้งเต็มอากาศไปหมด
“พี่ยองมิน” เมื่อมองไม่เห็นอะไรจากทางข้างหน้าแล้ว เซอุนจึงจำเป็นต้องเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่ภายใน ไม่นาน ร่างของคนบางคนก็เดินเข้ามาเกาะอยู่ตรงรั้วที่กัดระหว่างเขาทั้งคู่ไว้
“เซอุน? เรามาทำอะไรที่นี้” ใบหน้าของพี่ยองมินที่โผล่เขามาในสายตาเขาทำเอาความรู้สึกของเซอุนแทบระเบิด
สภาพที่ฝุ่นเต็มเสื้อคลุมขนาดนั้น ไม่ดีเลยสักนิด
“พี่โอเคใช่ไหมครับ?” เขาเอ่ยถาม
“โอเคครับ พี่สบายมาก เพราะยังไงพี่ก็ไม่ได้ทำ” ยองมินเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ผมรู้ครับ ยังไงก็ไม่ใช่พี่”
“ดีจังเลย—ต่อให้คนอื่นไม่เชื่อพี่ยังไง แต่ถ้าเราเชื่อพี่ พี่ก็ดีใจแล้วครับ” เซอุนถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าคนเป็นพี่ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไรมากมายอย่างที่เขาคิดเลย
“’งั้น—พี่เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ?” เขาเอ่ยถาม ก่อนจะเลิกคิ้วมองอีกคน
“เรื่องไหนครับ?”
“ทุกเรื่องเลย”
“ความจริงแล้ว พี่เป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลผู้เสพความตายที่ยังหลงเหลืออยู่ พ่อของพี่มาจากตระกูลที่รับใช้ศาสตร์มืดครับ ทั้งตระกูลทางฝั่งพ่อเป็นผู้เสพความตายทั้งหมด และพี่ก็เป็นญาติกับปาร์คอูจินและอูจินยองด้วย” เซอุนพยักหน้าลงเป็นเชิงเข้าใจ หลังจากที่คนตัวสูงตกลงจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พวกเขานั่งลงกับพื้นและหันหน้าเข้าหากัน โดยมีรั้วกั้นไว้อยู่
“แต่พ่อของพี่คิดว่ามันไร้สาระที่จะทำตามสิ่งแย่ๆที่พวกบรรดาบรรพบุรุษทำไว้ เลยคิดที่จะแยกตัวออกมา—อันที่จริงพ่อพี่ดันมาหลงรักหญิงมักเกิ้ลคนหนึ่งเข้า ซึ่งเราก็รู้ใช่ไหม ว่าการที่พ่อมดแม่มดมีความรักกับพวกมักเกิ้ลจะเป็นยังไง และก็อย่างที่เข้าใจ พ่อของพี่ถูกไล่ออกจากตระกูล แล้วต้องหนีมาที่อังกฤษ และพวกเขาก็มีพี่ แน่นอนพี่ได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์”
“พี่เป็นเลือดผสมงั้นหรอครับ?”
“ครับ—นั่นแหละพี่ถึงไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากครอบครัวทางฝั่งพ่อเท่าไหร่ ถึงจะยอมให้พี่กับพ่อกลับเข้าไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ชอบพี่กันอยู่ดี” ยองมินเอ่ยตอบ
“แล้วคนที่หนีออกมาจากคุกอัซคาบันพี่รู้จักเขาไหม” เซอุนว่าขึ้น ก่อนจะได้รับแรงพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ครับ—เขาเป็นปู่ของพี่เอง พี่เคยเจอเขาอยู่สองสามครั้ง ก่อนท่านจะโดนจับขังไว้ที่อัซคาบันเนื่องจากใช้คาถาต้องห้ามกับมักเกิ้ล”
“ถ้างั้นหมายความว่าพี่เป็นพวกผู้เสพความตายงั้นหรอครับ?” เซอุนเอ่ยถามบ้างหลังจากที่สิ้นประโยคของคนเป็นพี่
“ก็ประมาณนั้น แต่พ่อพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแล้ว ท่านไม่เคยทำด้วยซ้ำ พี่ด้วย”
“ก็พอดูออกหรอกครับ” ยองมินหันมองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าทันที แล้วด้วยความหมั่นไส้ เขากยื่นมือเข้ามาดีดจมูกเซอุนเบาๆ
“ร้ายนะเรา” เซอุนหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ดูเหมือนสลิธินหรือเปล่า?” เขาถาม พาลให้นึกถึงครั้งแรกที่เราได้เจอกัน
สายตาที่ดูน่าหลงใหลนั่นเหมือนกับมีแรงดึงดูด และใช่ เขาคิดว่าคนๆนั้นเป็นสลิธีริน
“อาจจะใช่—ตอนแรกพ่อพี่ก็บอกนะ ว่าพี่อาจจะได้อยู่สลิธิริน อย่าแปลกใจนะ พี่ไม่เข้าใจเลยตอนนั้น เพราะพี่หวังอย่างเดียวคือกริฟฟินดอร์ พอไปถึงพิธีคัดสรร ได้นั่งเก้าอี้ พี่ก็เอาแต่คิดวนไปมาว่ากริฟฟินดอร์ แต่หมวกบ้านั่นกลับบอกว่าพี่มีเลือดของสลิธีรินไหลเวียนอยู่เต็มไปหมด จะไปอยู่กริฟฟินดอร์ได้ยังไง แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ คิดอยู่แบบนั้นจนหมวกตะโกนกริฟฟินดอร์ขึ้นมา”
เซอุนเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ก่อนจะยกยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างออกรสชาติ
“ผมแปลกใจที่พี่พูดเยอะมากวันนี้” เซอุนว่า
“อาจะเพราะพี่เพิ่งจะเล่าเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังก็ได้มั้งครับ สบายใจมากเลย” ยองมินตอบพลางยิ้มตามคนป็นน้อง
“พี่จะได้ไม่เครียดไง”
“ขอบคุณนะครับเซอุน ถึงพี่จะไม่ชอบที่เราตามพี่มานี่ก็ตาม แต่พี่ก็ดีใจที่เห็นหน้าเรา” คนตัวสูงเอ่ยอีกครั้ง ก่อนจะพยายามเอื้อมมือออกไปจับมือคนเป็นน้อง
“ผมเป็นแฟนพี่นะครับพี่ยองมิน ถึงมันจะน่าอาที่ต้องพูด แต่เวลานี้เป็นเวลาที่ผมต้องอยู่ข้างๆพี่ไม่ใช่หรอครับ?” สิ้นเสียงเขา ใบหน้าของพี่ยองมินก็ขึ้นสีแดงจัดอย่างเห็นได้ชัด ขนาดตรงนี้ไม่ค่อยมีแสงไฟ แต่ขาก็รู้สึกได้
“พอแล้วๆ—อย่าทำให้พี่อยากพังไอ้รั้วบ้านี้ออกไปหาเราสิครับ” ยองมินว่าอีกครั้ง พลางเลื่อนมือไปลูบใบหน้าตัวเองไปมา แล้วเอ่ยต่อ “รีบกลับไปได้แล้วครับ ใกล้จะเวลาอาหารค่ำแล้ว”
“ก่อนไปผมขอถามอีกอย่างนึงได้ไหมครับ” เซอุนเอ่ย พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้วเพื่อแสดงว่าเขาจะถามเพียงข้อเดียวจริงๆ
“วันนี้เราถามเยอะเหมือนกัน น่ารักดี—ถามมาเลยครับ”
“คนทำเรื่องนี้ไม่มีวันเป็นพี่—ถ้างั้นพี่ยองมินคิดไหมครับว่าเป็นฝีมือใคร?” เซอุนเอ่ยถาม แต่คำถามของเขากลับได้สีหน้าลำบากใจ กับเสียงถอนหายใจเบาๆออกมาแทน
“หากพี่บอกเรา เราต้องสัญญากับพี่ก่อนนะว่าจะไปเข้าไปยุ่งมากกว่านี้แล้ว”
“ผม—“
“เรื่องในตระกูลผู้เสกความตายไม่ใช่เรื่องที่เราควรจะเข้าไปยุ่งหรอกนะครับ” คนตัวสูงเอ่ยต่อ ด้วยน้ำเสียงแกมขู่แต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใยจนเซอุนต้องพยักหน้าเป็นการตกลง
“ตกลงครับ—ผมจะไม่ยุ่งแล้ว” เซอุนตอบรับ ก่อนจะเบนสายตาไปจ้องคนที่กำลังขมวดคิ้วยุ่งมองอยู่
“อันที่จริงพี่ไม่มีหลักฐานอะไรจะไปเอาผิดเขาหรอกครับ แต่มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของพี่”
“...”
“เพราะหลานที่จะสืบทอดตระกูลผู้เสกความตายมีเพียงแค่สามคน พี่ อูจิน และจินยอง และเท่าที่รู้มา เด็กที่ชื่ออูจินนั่นไม่รู้จักพี่ ไม่แม้แต่สนใจเรื่องในตระกูลเลยด้วยซ้ำ”
“...”
“ในบรรดาทั้งหมดนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่รู้เรื่องของพี่ และ เขาก็อยากกำจัดพี่ออกไปด้วย”
“ผมพอเดาออกแล้ว” เซอุนว่าพร้อมแค่นยิ้ม
“พี่อ่านใจเราอยู่ คนนั้นแหละ แบบที่เราคิดเลย”
“...”
“อูจินยองเป็นคนเดียวที่อยากให้พี่หายไปจากโลกนี้”
เซอุนเดินเอื่อยๆไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน ถึงแม้ว่าตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ และคงกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ก็ตามที
เขากำลังใช้ความคิด รวบรวมทุกอย่างมาปะติดปะต่อเผื่อเขาจะสามารถคิดได้ว่าจะหาหลักฐานอะไรมัดตัวคนที่ทำดี
คืนในงานเลี้ยง แน่นอนว่าเซอุนพบอูจินยอง แต่เขาก็วุ่นวายเกินกว่าจะสนใจว่าตอนนั้นอีกคนทำอะไรบ้าง
ถึงไม่มีหลักฐานอะไร แต่ความรู้สึกของทั้งเซอุนแล้วยองมินก็คล้ายคลึงกัน
พวกเขาสงสัยในตัวของอูจินยอง
ท่าทางภายนอกดูไม่มีอะไรให้น่าสน แต่เหมือนกับว่าเป็นคนที่มีความคิดอะไรอยู่เต็มไปหมด เพราะไม่ได้เป็นตัวเด่น แต่กลับได้เล่นในตำแหน่งซีกเกอร์
แปลกใจจัง
“สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่องนะ” เสียงแหบๆของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา ทำให้เซอุนชะงักตัวหยุดนิ่งแล้วค่อยๆหันหลังกลับไปมองที่มาของเสียง
ใบหน้าของคนที่เพิ่งจะอยู่ในห้วงความคิดเขาโผล่ขึ้นมาในกรอบสายตาเขา ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆเดินดุ่มๆตรงมาหา
เซอุนถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ
“มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าถึงอยู่เรเวนคลอ แต่ก็ไม่ควรตั้งคำถามไปซะทุกเรื่องนะ” อูจินยองเอ่ยอีกครั้ง พลางเดินมาใกล้เข้าขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้านายไม่ได้ทำ ก็ไม่ควรจะต้องกลัวอะไรนี่” เซอุนเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเพราะความกลัว
แย่แล้ว
“หึ—ปากดีเข้าไป พอไม่มีไอ้ยองมินคุ้มหัว นายก็จะกลายเป็นแค่พิกซี่น่าขยี้ตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ” คนตรงหน้าเซอุนพูดพร้อมกับกระชากแขนเขาอย่างแรงจนตัวของเซอุนโน้มไปข้างหน้า
ด้วยแรงของหมอนั่นทำแขนเขารู้สึกชาไปหมด
“นายไม่มีสิทธิ์ทำอะไรฉัน นี่มันในโรงเรียน” คนตัวเล็กเอ่ยอีกครั้ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ถ้าฉันจะทำ ใครมันจะมารู้เห็นด้วย? ถ้าฉันสาปนายให้เป็นแมลงสักตัว ก็คงไม่มีใครรู้แล้ว”
“กูไงที่รู้”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลังของเซอุน ก่อนที่หลังของเขาจะชนเข้ากับแผงอกล้ำสันที่ไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานานแล้ว
แต่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเดิม
อบอุ่น และ ปลอดภัย
“มึงมาอยู่นี่ได้ไง? เขาขังมึงอยู่ที่ใต้ดินไม่ใช่หรอ!” อูจินยองที่มองเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ สีหน้าที่เคยเหมือนกับคนถือไพ่เหนือกว่าก็หายไปทันที เหลือเพียงแต่คนที่กำลังกลัว
กลัวในสิ่งที่อิมยองมินทำได้
“กูได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตนักเรียนได้อย่างปกติ แต่แค่โดนยึดไม้กายสิทธิ์ในระหว่างที่ทางกระทรวงกำลังไต่สวนเรื่องนี้” ยองมินเอ่ยตอบ ก่อนจะพยักร่างของเซอุนไปอยู่ด้านหลังตัวเอง
“เหอะ—ยอมรับเถอะว่ามึงคนทำ เข็มพรีเฟ็คก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นมึง” จินยองว่า
“ถามตัวเองดีกว่า ว่าคนที่ทำทำไมไม่ยอมรับผิดสักที—นี่มึงแค่อิจฉาที่กูได้รับทุกอย่างมางั้นหรอ?”
“มึง!!” จินยองสบถเสียงดัง
“เป็นหลานที่ไม่ได้อะไรมาเลย มึงไม่รู้หรอว่าตอนที่เกิด ทุกคนพากันคิดว่ามึงเป็นสควิบ ตลกเป็นบ้า” ยองมินเอ่ยอีกครั้งก่อนจะแสยะยิ้มมองคนที่กำลังหัวร้อนได้ที่ตรงหน้า แล้วเอ่ยต่อ
“แย่หน่อยที่คนที่เคยถูกไล่ออกจากตระกูลอย่างกูได้มาทุกอย่าง ทั้ง อ่านใจ พาร์เซลเม้าส์ และเลือดสลิธีรินที่ไหลวนอยู่ในตัว”
เซอุนที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ตอนนี้น้ำเสียงคนรักเปลี่ยนไป ราวกับว่ากลังโกรธจัด แต่กำลังพยายามข่มความโกรธไว้ในใจ
และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นพี่ยองมินดูโกรธขนาดนี้
“ไอ้ยองมิน!” อูจินยองพยายามจะพุ่งเข้าใส่อีกคนแต่ก็ต้องชะงักตัวเมื่อมีเสียงดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ทำอะไรกัน?” เสียงของศาสตราจารย์ชีตาร์ตั้งขึ้นพร้อมการปรากฏกายของเธอ
“ไม่มีอะไรหรอกครับศาสตราจารย์” ยองมินเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่มีเวลามาคุยแล้ว รีบตามฉันมาพรีเฟ็คอิม” คนเป็นอาจารย์ว่า แล้วเดินสะบัดผ้าคลุมไปอีกทางทันที ยังไม่วายยื่นมือมากวักเรียกให้เดินตามไป
ยองมินที่ได้ยินแบบนั้น ก็หันตัวไปคว้ามือของเซอุนมากุมไว้แล้วสาวเท้าเดินออกไปจากบริเวณนั้น
แต่เมื่อคนตัวสูงก้าวเท้าผ่านร่างของจินยองที่กำลังโกรธจนหน้าขึ้นสี และกำลังหายใจเข้าออกเพื่อสงบอารมณ์ของตัวเองไว้ ยองมินก็ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆด้วยรอยยิ้มหวาน
“มึงรู้ใช่ไหมว่ากูทำอะไรได้บ้าง”
“...”
“ฉะนั้น—อย่าแตะต้องคนของกูอีก” สิ้นเสียงของยองมิน ทั้งสองก็พากันเดินตามทางที่ศาสตราจารย์ชีตาร์เพิ่งเดินไป ทิ้งไว้เพียงแค่คนที่กำลังโมโหจนแทบจะลุกเป็นไฟ
-talk-
ไม่มีไรมาก ตอนนี้เซอุนผัว ยองมินผัวคร่า 5555555555555
แค่อยากแสดงออกว่าน้องมาเป็นเรเวนคลอได้ไม่ใช่แค่จับฉลากเอาเด้อ น้องมีความเปงเรเวนคลอสูง
ก็ดูเหมือนจะแก้ปมพี่ยองมินแล้วเนอะ งงตรงไหนไหม
ที่อยู่ดีๆที่แกโมโหเพราะคนของแกโดนทำร้ายจ้า คริคริ
นี่ปั่นตอนง่วงง่ะ มีอะไรผิดก็กระซิบมาบอกหน่อยจิ ไปแร้วนะ จุ้บจุ้บ
*บางส่วนในเนื้อเรื่องไม่มีจริงตามแฮรี่นะคะ เราแค่สมมุติขึ้นเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่อง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดีใจที่อันนี้เดาถูก 555555
และความผัวของพี่ยองมินนั้น นุ้แพ้ค่า ;-;
กร๊าวใจและอ่อนไหวกันมาก
ปอลิง. อูจินยองงงง เธอดูหล่อมากกก แม้เธอจะเป็นตัวร้าย แต่เธอหล่อ กร๊าวใจนุ Y^Y