ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Doll Lover...รักมากมายเจ้าชายตุ๊กตา

    ลำดับตอนที่ #9 : The Doll Lover.....VIII

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 58



     

    “ขอโทษครั...เฮ้ย! น..นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?” จากที่ตั้งใจจะเอ่ยคำขอโทษกับคนที่ตัวเองชน แต่เมื่อเงยหน้ามองดูให้ชัด กับพบว่าเป็นเด็กหนุ่มลูกพี่ลูกน้องเจ้าปัญหาของบอมมี่นั่นเอง

    “ก็แฟนฉันทำงานที่นี่ ฉันก็ต้องมาดูแลแฟนสิ พวกโรคจิตยิ่งเยอะอยู่ด้วย เกิดหน้ามืดทำมิดีมิร้ายฮันนี่ของฉันขึ้นมา จะได้ช่วยทันยังไงล่ะคร้าบ...คุณยักษ์ใหญ่”

    “ฮึ! ห่วงตัวเองก่อนเถอะ...ไอ้โรคจิต”

    “นายว่ายังไงนะ?!! ไอ้ยักษ์ใจตุ๊ด!!

    เสียงพึมพำกับตัวเอง แต่ดันไปเข้าหูของอีกฝ่ายที่ตั้งท่ารอหาเรื่องอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาคริสถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยความเซ็ง  เค้าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นมัวจากคำเรียกของคนอ่อนวัยกว่า ตอนนี้เค้าต้องข่มใจเข้าไว้ เพราะยังมีเรื่องสำคัญที่ติดค้างในใจตั้งแต่วันก่อนรอคำตอบอยู่ตรงหน้านี้

    “นี่นาย...เอ่อ...คุณแฟนของปาร์คบอม” สรรพนามถูกเปลี่ยนเมื่อคนตรงหน้าตาขวางทำเสียงจิ๊จ๊ะออกมาอย่างขัดใจ และคริสก็ฉลาดพอที่จะเอ่ยออกมาให้คนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้นแม้จะขัดกับความรู้สึกลึกๆข้างในของตัวเองที่อยากจะตะโกนเรียกออกมาว่า ไอ้เด็กบ้า ก็ตาม

    “ฉันชื่อคิม จงอิน เรียกจงอินก็ได้” คนอ่อนวัยกว่าอารมณ์ดีขึ้นทันตาเมื่อได้ยินที่คริสพูด ความขุ่นเคือง และอคติที่มีต่อคนตรงหน้าแทบมลายหายเพียงแค่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่ายอมรับเค้าในฐานะแฟนของบอมมี่

    “จงอินเรื่องที่พูดเมื่อวาน ที่บอกว่าคนไข้? เจ้าของตุ๊กตาซอมบี้? หมายถึงอะไรเหรอ?”

    “เอ่อ..คือเรื่องนั้น... เอ่อ..”

    “ว่ายังไงล่ะ?”

    “คือว่ามัน...”

    “มันเกี่ยวกับฉันใช่ไหม?”

    “นายรู้!!” ท่าทีตกใจจนตาเบิกค้างรวมถึงคำพูดเพียงแค่สองคำ ก็ทำให้สิ่งที่สงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตัวเองนั้นยิ่งชัดเจน แต่ไม่ทันที่คริสจะได้จี้ถามรายละเอียด หญิงสาวที่เป็นต้นเรื่องก็ดันแทรกมาขวางตรงกลางระหว่างเค้าและจงอิน

    “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนายทั้งนั้น...คริส” น้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาดดังขึ้น

    “แต่เมื้อกี้เด็กนั่นบอกว่า...”

    “จงอินไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!! คนที่รู้ดีคือฉัน และถ้านายอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ กรุณาถามฉันและฟังจากฉันคนเดียวเท่านั้น!!

    “ถ้างั้นก็ตอบมา ที่บอกว่าคนไข้? เจ้าของตุ๊กตาซอมบี้? มันคืออะไร?”

    “ที่จริงเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย แต่ถ้าอยากรู้มาก ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้ รุ่นพี่ฉันที่เป็นจิตแพทย์เค้าไหว้วานให้ช่วยดูแลเด็กที่มีปัญหาคนนึง เธอเป็นโรคหวาดกลัวผู้ชายเพราะเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ  และก็หวาดกลัวตุ๊กตาเพราะคนเลวคนนั้นใช้ตุ๊กตาเป็นเหยื่อล่อ  คำสุดท้ายที่เธอพูดคือเรียกตุ๊กตาว่าซอมบี้”

    “เธอไม่ใช่จิตแพทย์? รุ่นพี่เธอเค้าจะให้เธอช่วยได้ยังไง?” ชายหนุ่มแย้งขึ้น เค้าไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยินเลยสักนิด

    “แต่ฉันเป็นครูสอนร้องเพลง เคยได้ยินเรื่องดนตรีบำบัดไหม? นั่นล่ะจุดประสงค์ของรุ่นพี่ฉัน”

    “นี่มันเรื่องจริงเหรอ?” แม้อีกฝ่ายจะมีเหตุผลมายันแต่ความคลางแคลงใจก็ไม่ได้หายออกไปจากห้วงความคิดเลยสักนิด

    “สิ่งที่นายถาม ฉันก็ตอบไปหมดแล้ว จะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นสิทธิ์ของนาย ฉันขอตัว” หญิงสาวไม่คิดจะรอฟังคำพูดใดอีก เธอรีบคว้าแขนของลูกพี่ลูกน้องจอมก่อเรื่องดึงให้เดินตามออกไปในทันที ทิ้งให้คนที่ยังไม่หมดความสงสัยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

    “ฮันนี่...โกหกออกไปแบบนั้นมันจะดีเหรอ?” จงอินที่ถูกลากให้เดินตามออกมา รู้สึกไม่ค่อยดีที่ได้ยินเรื่องราวโกหกใหญ่โตของหญิงสาว ถึงยังไงเค้าเชื่อว่าถ้าบอมมี่ตั้งใจจะรักษาคนไข้จริงๆ ก็ควรจะเปิดใจให้อีกฝ่ายได้รู้ ไม่ใช่เบี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆแบบนี้

    “ใครว่าฉันโกหก?”

    “หา?”

    “ที่นายบอกว่าอยากช่วยฉัน...ยังอยากทำอยู่หรือเปล่า?”

    และทันทีที่เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจก็ปรากฏออกมาที่เรื่องยุ่งๆกำลังจะหลุดไปอีกหนึ่งเปราะ

    “จงอิน...พรุ่งนี้มาเริ่มงานกัน”

     

     

    “ครูบอมมี่! ทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะครับ!!” เสียงโวยวายดังขึ้นเมื่อ มองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกเงาที่คุณครูคนสวยยื่นส่งให้

    “ทำไมเหรอ? มันเข้มไปเหรอ? ฉันว่าก็พอดีแล้วนะ ดูใสๆดีออก” คำตอบที่ทำให้คนฟังแทบร้องไห้ ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่ที่โวยวายออกไปแบบนั้น มันเป็นเพราะตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อเงาสะท้อนในกระจกกลับกลายเป็นใบหน้าสวยใสสไตล์สาวน้อยวัยมัธยมนั่นต่างหาก

    คิ้วหนาดำเข้มของเค้ากลายเป็นเรียวโกร่ง ขนตายาวแต่ตรงทื่อกลับงอนโค้งจนแทบจะวางดินสอลงไปได้ ไหนจะแก้มกลมๆของเค้าที่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เหมือนตอนที่เมากรึ่มเพราะโดนรุ่นพี่มอมโซจูในวันรับน้องเข้าหอ นี่ยังไม่นับริมฝีปากสีชมพูวาววับเพราะไอ้แท่งสีชมพูในมือของหญิงสาวนั่นอีก ตอนนี้ซิ่วหมินแทบอยากจะฝังหน้ามุดดินหนีหายไปจากตรงนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

    “อ่ะ..ใส่นี่ซะ”

    “หา?!!!

    ซิ่วหมินถึงกับไปไม่เป็นเมื่อวิกผมยาวถูกส่งมาตรงหน้า และไม่ทันให้ตั้งตัว คุณครูคนสวยก็สวมมันลงบนหัวของเค้าทันที ก่อนจะพยายามจัดเซตให้เข้าทรง

    “เพอร์เฟค!!

    เสียงตะโกนชอบใจของหญิงสาวทำให้ซิ่วหมินได้สติ

    “ไหนครูบอมมี่บอกจะให้ผมทำงานให้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ละครับ?”

    “ก็นี่ล่ะงานของเธอ”

    “งานของผม?” ชายหนุ่มทวนคำ ก่อนจะแย้งขึ้นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้

    “ที่บอกว่างานง่ายๆ ไม่ต้องพูดอะไร แค่เขียนอย่างเดียว แต่นี่มันไม่ใช่อย่างพี่พูดไว้เลยนะครับ แบบนี้ผมไม่เอาด้วยแล้ว!!

    ซิ่วหมินดึงวิกผมออกก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ เค้าหันหลังเดินตรงไปยังประตูห้องโดยไม่คิดจะเอ่ยคำลากับคนสูงวัยกว่าเลยสักนิด  ที่จริงเค้าไม่อยากเสียมารยาทกับครูของตัวเอง แต่เมื่ออีกฝ่ายทำราวกับเค้าเป็นตัวตลก ก็เปล่าประโยชน์ที่จะอยู่ต่อไปให้เธอทำตามอำเภอใจแบบนี้

    “ห้าร้อยล้านวอน!! ฉันให้นายห้าร้อยล้านวอน!!

    สองขาถึงกับชะงัก ซิ่วหมินตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เค้าแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าคุณครูคนสวย จะยอมเสนอเงินจำนวนมากมายขนาดนี้เพื่อแลกกับกลายแปลงโฉมให้เค้ากลายเป็นผู้หญิง...ทำไปทำไม?

     “ขอร้องล่ะนะ...ซิ่วหมิน นายเป็นคนเดียวที่จะช่วยฉันได้”

    “ทำไมถึงต้องเป็นผมล่ะครับ? แล้วทำไมต้องแปลงร่างผมให้กลายเป็นผู้หญิง?”

    หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัดที่มี นี่คงถึงเวลาแล้วกระมังที่ต้องเปิดเผยเรื่องที่ปกปิดเอาไว้เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ซึ่งเธอหวังไว้ลึกๆว่าจะไม่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไป

    “ซิ่วหมินสิ่งที่ฉันจะบอกต่อไปจากนี้ มันคือความลับของฉัน มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ ถึงแม้ว่านายได้ฟังแล้ว อาจตัดสินใจไม่ช่วยเหลือฉันก็ตาม ฉันก็ได้แต่หวังว่านายจะไม่แพร่งพรายความลับนี้ออกไปให้ใครได้รู้....ฉันเชื่อใจนายนะ”

    “ฉันไม่ได้เป็นแค่ครูสอนร้องเพลง ที่จริงฉันมีปริญญาอีกใบนั่นก็คือจิตวิทยาคลินิก ซึ่งหมายความว่าฉันเป็นครูสอนร้องเพลงและเป็นนักจิตวิทยาด้วยเช่นกัน รายละเอียดลึกๆฉันไม่อยากจะพูดถึงมากนัก เอาเป็นว่าที่ฉันขอให้เธอมาช่วยนั้น เพราะต้องการให้นายช่วยดึงน้องชายของฉัน ให้เลิกเข้าไปวุ่นวายกับคนไข้อีกคนที่ฉันกำลังจะเริ่มรักษาเค้า...คือเค้าไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วย เค้าไม่ยอมรับฉันแน่ๆถ้ารู้ว่าฉันคือนักจิตวิทยา ฉันจำเป็นที่ต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้ และหาทางทำให้เค้าไว้ใจจนสามารถเปิดใจให้ฉันช่วยเหลือเค้าได้ แต่ถ้าน้องชายฉันยังวุ่นวายอยู่แบบนี้ มันไม่มีทางสำเร็จ หรือดีไม่ดีมันมันอาจเลวร้ายจนหาทางแก้ไม่ได้เลย”

    “ผม...”

    “ฉันรู้ว่ามันกะทันหันไปสำหรับเธอ แต่ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอช่วยจริงๆ เพราะถ้าเธอปฏิเสธฉันก็คงหมดหนทาง”

    “ผม...”

    ทั้งสีหน้าและแววตาสับสนของเด็กหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมา นี่เธอกำลังมัดมือชกทำให้เด็กดีๆคนนึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองได้ยังไง สำนึกของความเป็นครูกำลังโต้แย้งด้านมืดในจิตใจ และเมื่อกำลังจะเอ่ยปากยกเลิกแผนการทั้งหมดนั้น เสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็ดังขึ้น

    “ตกลงครับ...ผมจะช่วยครู”

     

     

     

    เรื่องราวจากปากของคุณครูคนสวย เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการให้เค้าปลอมตัวเป็นผู้หญิง...ไม่ใช่แค่ผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นเด็กสาวที่มีความผิดปกติทางจิตเนื่องจากถูกล่วงละเมิดทางเพศ และเกลียดกลัวตุ๊กตาเพราะมันคือเหยื่อล่อของคนใจทราม แถมชีวิตรันทดช็อคจนพูดไม่ได้ และยังถูกทอดทิ้งให้อยู่ในบ้านหลังใหญ่แค่สองคนกับแม่บ้าน เพราะพ่อแม่ต้องทำงานที่ต่างประเทศ มันฟังดูอย่างกับละครน้ำเน่าหลังข่าวที่แม่กับน้องสาวชอบดูกันนัก

    แต่ตอนนี้ตัวเค้า...ซิ่วหมิน ไม่ใช่สิ ชื่อใหม่ของเค้า ซูจี สาวน้อยวัยใสกำลังนั่งอยู่ในบ้านที่คุ้นตา บ้านหลังที่เค้าเข้าออกมาเป็นสิบครั้งเพราะต้องมาดูแล ซูจี ตัวจริงที่ตอนนี้บินไปอยู่อเมริกากับพ่อแม่ของเธอแล้ว

    เสียงฝีเท้าดังกระชั้นถี่เข้ามาใกล้ ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ และทันทีที่ได้ยินเสียงบานประตูที่อ้าออก หัวใจของเค้าก็แทบจะหยุดเต้น ซิ่วหมิ่นได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยขึ้นมองคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง

    “เอ่อ...ซูจีจ๊ะ” เสียงเรียกของครูบอมมี่ดังขึ้นแต่ไม่อาจทำให้เค้ามีความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้น ตอนนี้ร่างทั้งร่างสั่นจนควบคุมไม่อยู่...เค้ากลัวจะถูกจับได้ เค้ากลัวว่าคนที่ชื่อ จงอิน จะไม่เชื่อว่าเค้าคือผู้หญิง เค้ากลัวว่าจะทำให้แผนการของครูบอมมี่ทั้งหมดจะพังพาบ...เพียงเพราะเค้าเล่นละครได้ไม่เนียน

    “ซูจี...ฉันชื่อจงอิน ไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะ ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ คอยดูแลและคุ้มครองเธอ พวกเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”

     น่าประหลาด...เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของคนที่ชื่อจงอิน หัวใจที่เต้นระส่ำก็คลายลง ใบหน้าที่กดลงแนบกับลำคอค่อยๆยกขึ้นจนสามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้เด่นชัด

    รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าคมคายของคนที่ไม่เคยได้พบเจอกันมาก่อน กลับทำให้ความหวาดกลัวที่มีก่อนหน้าจางหายราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

    รอยยิ้มมหัศจรรย์ที่ทำให้เค้าหลงลืมว่าตัวเองคือใคร? รอยยิ้มที่เปลี่ยนเค้าให้กลายเป็น ซูจีหญิงสาวโชคร้ายโดยสมบูรณ์

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×