คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : The Doll Lover.....VI
“เฮ้ย!! ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลยนะ...ไอ้ตุ๊ดยักษ์!!” เสียงตวาดอย่างไม่พอใจที่ดังขึ้นจากปากของชายหนุ่มอีกคนไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกกลัวเกรงแต่อย่างใด เค้าเพียงแต่แค่ปลายตามองคนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแค่ครู่ ก่อนจะเบนสายตาหันกลับมาจับจ้องคนตรงหน้าแววตาเขม็ง
“บอกให้ปล่อยไงไอ้...”
“จงอิน!! ขึ้นไปคอยฉันข้างบน!”
“แต่ว่า...”
“คิม จงอิน”
เสียงเน้นย้ำอย่างจริงจังของหญิงสาว ทำเอาคนที่กำลังหัวเสียอยู่ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพราะขัดใจ แต่เค้าก็ทำอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้ นอกเสียจากกระชากเสียงถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ห้องอยู่ไหน?!! พาไปสิ!!”
บอมมี่ถึงกับส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทีกระฟัดกระเฟียดของจงอิน ที่เดินไล่บี้แถบจะชนหลังของเฉินที่เดินนำหน้าตัวลีบเข้าไปในลิฟต์อย่างรนราน และทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดสนิทลง เสียงของคนที่ยังไม่คลายมือออกจากข้อมือของเธอก็ดังขึ้น เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
“คราวนี้จะบอกฉันได้หรือยัง? เรื่องที่ไอ้เด็กนั่นมันพูด ตุ๊กตาซอมบี้? คนไข้? มันหมายความว่ายังไง?”
“เอ่อ...คือว่า” บอมมี่ถึงกับไปไม่เป็นไม่รู้จริงๆว่าตัวเองควรจะเริ่มจากตรงไหน หรือควรจะพูดออกไปยังไง ยิ่งเห็นสายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งมาอย่างจับผิด หญิงสาวถึงกับสมองตื้อคิดอะไรแทบไม่ออก
แต่เหมือนโชคยังเข้าข้างเธออยู่ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อเด็กพิการทางสมองปิดอยู่ที่บอร์ดแจ้งข่าวของทางคอนโด บอมมี่ถึงกับดวงตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างดีใจ
“อู๋ฟาน...ถ้าฉันเล่าให้นายฟัง นายอย่าเที่ยวพูดไปนะ ฉันสงสารจงอิน” หญิงสาวแกล้งตีหน้าเศร้า “จงอินเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง คือว่า...จงอินมีปัญหาทางสมอง เค้าไม่ปกติ”
“หา?!! ไอ้เด็กนั่นเป็นบ้าเหรอ?!!!”
“ชู่ว์!!! เบาๆสิ...อู๋ฟาน” บอมมี่ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากเค้าแทบไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มเล่นตะโกนออกมาดังลั่นเรียกให้คนแถวนั้นมองมาเป็นตาเดียว แต่คนที่ถูกฝามือแตะเข้าที่ปากถึงกับหน้าแดงกล่ำ เค้ารีบใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้เกาะกุมข้อมือของอีกฝ่ายไว้ ยกขึ้นและปัดมือบางออกทันทีที่ได้สติ
“เอ่อ...ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เค้าแค่สร้างโลกส่วนตัว สร้างเรื่องราวขึ้นมาในหัว ชอบคิดไปเองว่าคนนู้นเป็นแบบนั้น คนนั้นเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นบ้านะ จงอินแค่อารมณ์แปรปรวน แต่ก็ไม่เคยทำร้ายหรือทำอันตรายใครเลย”
“แต่เด็กนั่นควรอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าออกมาเพ่นพ่านข้างนอกแบบนี้ อืม...ฉันโทรเรียกเจ้าหน้าที่ดีกว่า”
“อย่านะ!!”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นเล่นเอาร่างสูงสะดุ้งโหยง คริสถึงกับหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างสงสัย เมื่ออีกฝ่ายดูมีพิรุธออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...ที่จริงจงอินใกล้จะหายแล้วล่ะ หมอเองก็เป็นคนให้เค้ากลับมาอยู่กับครอบครัว เพื่อเรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมทั่วๆไป แต่เพราะว่าเค้าติดฉันมากไง พอฉันมาเกาหลี เค้าเลยหนีออกจากบ้านแล้วตามมาที่นี่ ถ้าขืนจับเค้าเข้าโรงพยาบาลไปอีกมีหวังอาการคงต้องกำเริบเป็นหนักกว่าเก่าแน่เลย ถ้ายังไงให้เค้าอยู่ที่นี่สักพักนะ เดี๋ยวฉันกล่อมให้เค้ากลับอเมริกาเอง”
“ไม่!!”
“อู๋ฟาน”
“ฉันไม่มีทางอยู่ร่วมบ้านกับคนแบบนั้นแน่ เกิดอยู่ๆคลั่งขึ้นมา แล้วเอามีดมาปาดคอฉันล่ะ ใครจะรับผิดชอบ?”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?”
“จะไปรู้เหรอ? ญาติเธอนี่ไม่ใช่ญาติฉัน” น้ำเสียงขุ่นเอ่ยออกมา แต่เพียงแค่ครู่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมาบนมุมปาก เมื่อคิดได้ว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายเจ็บแสบได้
“อ๋อ...ฉันนึกออกแล้ว!!”
“อะไรเหรอ?”
“ก็ขนข้าวของของเธอออกจากห้องฉัน! แล้วก็ไสหัวกลับอเมริกาไปพร้อมๆกับไอ้บ้านั่นไงล่ะ...ยัยแม่มด!!”
แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของบอมมี่ รวมถึงน้ำใสๆที่คลอหน่วยอยู่ในดวงตาทั้งคู่ของเธอ คริสกลับไม่นึกสะใจอย่างที่คิดไว้เลยสักนิด แถมอาการกระตุกถี่ๆที่หัวใจมันยังทำให้เค้าต้องรีบสะบัดมือออกจากหญิงสาว ก่อนจะตะโกนเสียงดังขึ้นมากลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตัวเอง
“ถ้ากลับมาแล้วยังเห็นไอ้เด็กบ้านั่นอยู่ในห้องล่ะก็ ฉันจะโทรเรียกให้โรงพยาบาลมารับมันไปแล้วขังลืมแน่!!”
พูดจบชายหนุ่มก็หันหนีก่อนจะเดินออกไปอีกทาง ปล่อยให้อีกฝ่ายที่ยังไม่คลายความเจ็บปวดจากคำพูดรุนแรงของเค้า ได้แต่ยืนค้างนิ่งตั้งรับไม่ทันกับเรื่องวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาซ้ำเติมอีกระลอก
“อู๋ฟาน...เพราะฉันใช่ไหม? นายถึงได้กลายเป็นคนใจร้ายแบบนี้?”
“ขอจองตั๋วไปอเมริกาค่ะ ที่เดียวค่ะ ชื่อคิม จง... จิงอิน!!!” ยังไม่ทันได้พูดจบ โทรศัพท์ในมือก็ถูกแย่งไปโดยฝีมือของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบกดวางสายทันทีที่คว้ามันมาได้
“ฮันนี่...เค้าไม่กลับอเมริกาคนเดียวนะ! ถ้าตัวเองไม่กลับไปกับเค้า เค้าก็จะอยู่ที่นี่!!”
“คิม จงอิน!!” บอมมี่ที่ได้แต่เงียบมาตลอดถึงกับแผดเสียงดังลั่น ตั้งแต่ที่ต้องลากสังขารพาลูกพี่ลูกน้อง...ลูกชายคนเดียวของน้องชายแท้ๆของแม่ของเธอออกจากคอนโดของคริสมา จนกระทั่งมาถึงยังห้องพักในโรงแรมหรูระดับห้าดาวกลางกรุงโซลแห่งนี้ เธอยังไม่ปริปากพูดหรือต่อว่าเค้าออกมาเลยสักคำ
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มทำลงไปเมื่อครู่นั้นมันทำให้อารมณ์ของเธอระเบิดออก บอมมี่โกรธจัดจนร่างทั้งร่างสั่น เครียดจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนเต้นตุบๆรัวถี่ขึ้นมาเพราะความเอาแต่ใจและการกระทำแผลงๆของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้อง หญิงสาวเหนื่อยทั้งกายทั้งใจจนแทบทนต่อไปไม่ไหวถึงกับทรุดนั่งลงบนเตียงก่อนจะก้มหน้ายกสองมือขึ้นกุมขมับ
“ฮ...ฮันนี่” มือที่เอื้อมไปจับไหล่บางถูกปัดออก และนั่นทำเอาคนที่อุตส่าห์บากหน้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาด้วยความรักถึงกับน้ำตาคลอหน่วย น้อยใจเสียจนกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ไม่ไหว คิม จงอินในวัยสิบแปดปีเต็มกลายร่างเป็นเด็กชายตัวน้อยๆทันทีน้ำใสๆหยดลงจากดวงตา
“ฮึก...ฮือ...”
เสียงสะอื้นรวมถึงเสียงลมหายใจติดขัดของคนข้างๆ ทำเอาบอมมี่ถึงกับใจอ่อนยวบ รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นไม้ตายของจงอินที่ใช้ในการเรียกร้องความสนใจจากเธอเวลาที่โกรธหรือเบื่อหน่ายเค้า แต่มันกลับใช้ได้ผลทุกครั้งเพราะเธอเองใจไม่แข็งพอกับน้ำตาลูกผู้ชาย
สองมือที่กุมขมับแปรเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรอบร่างหนาของคนข้างๆ ซึ่งอีกฝ่ายเหมือนรู้งาน เค้ารีบโผเข้ามาซุกหน้ากับเนินอกอิ่มของเธอก่อนออดอ้อนตามสไตล์...คิม จงอิน
“เค้าขอโทษนะ ฮึก! ตัวเองอย่าโกรธอย่าเกลียดเค้าเลยนะ...ฮันนี่”
“งั้นจงอินก็ต้องฟังฉัน กลับอเมริกาไปซะ อีกแค่สามเดือนจงอินก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ จงอินต้องกลับไปเตรียมตัว ทำนู้นนี่นั่นอีกตั้งหลายอย่าง ถ้าอยากเที่ยวเกาหลี ฉันอนุญาตให้อยู่เที่ยวได้สามวัน หลังจากนั้นจงอินต้องกลับอเมริกา”
“ไม่อ่ะ!! ฮึก! เค้าไม่กลับ!!”
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจสิ...จงอิน” บอมมี่ถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงดื้อดึง แต่อยู่ๆหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องที่ชายหนุ่มล่วงรู้ความลับสำคัญของเธอ บอมมี่ดันเอาคนในอ้อมกอดออก ก่อนจะเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาในใจออกมา
“แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน! แล้วจงอินรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง? แล้วไหนจะเรื่องพวกนั้นอีก ใคร? ใครเป็นคนบอกจงอิน?”
“เอ่อ...แม่บอก” คำตอบไม่เต็มเสียงของชายหนุ่มทำเอาบอมมี่ถึงกับหรี่ตามองอย่างจับผิด เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เค้าพูด แต่ไหนๆแล้วถ้าจะจับโจรก็ต้องจับให้มั่นคั้นเอาให้ตาย
“บอกเรื่อง?”
“ก็...ก็ทุกเรื่องเลยไง แม่เป็นคนบอกที่อยู่ของฮันนี่ให้เค้ารู้ แถมยังอนุญาตให้เค้ามาหาตัวเองที่นี่ด้วย แล้วก็เรื่องที่ตัวเองมารักษาคนไข้ที่เป็นเจ้าของไอ้ตุ๊กตาซอมบี้นั่นอีก แม่เป็นคนบอกเค้าจริงๆนะ”
“โกหก!!”
ผู้ร้ายปากแข็งถึงกับสะดุ้งโหยง หน้าซีดเผือดเมื่อเจอเข้ากับสายตาเป็นประกายวาววับที่มองมาอย่างรู้ทันของอีกฝ่าย
“เรื่องที่อยู่กับเรื่องมาดูแลคนไข้ฉันเล่าให้คุณน้าฟังจริงๆ แต่เรื่องที่เรียกมิสซิสแมรี่ว่าตุ๊กตาซอมบี้ ฉันไม่เคย และมีแค่เพียงคนเดียวที่จะเรียกมิสซิสแม่รี่แบบนั้น นั่นก็คือพี่สาวของนาย...แอมเบอร์ แต่ฉันเชื่อเลยว่าแอมไม่มีทางเล่าเรื่องพวกนี้ให้นายฟังแน่...คิม จงอิน”
แต่ยังไม่ทันได้แก้ตัวต่อ คนข้างกับจับเข้าที่ไหล่ของเค้าจนแน่น และเริ่มขบวนการรีดเค้นคำสารภาพของเค้าออกมา
“เพราะฉะนั้นบอกความจริงฉันมา...คิม จงอิน”
“โอ้ย!! ฮันนี่!! อย่าทำเค้า!!”
มือเล็กบอบบางแต่แข็งปานคีมเหล็ก บีบและกดลงไปบนบ่าหนา จงอินถึงกับเปลี้ยไปทั้งร่าง แถมยังเจ็บจี๊ดแทบทนไม่ไหวขึ้นมาทุกครั้งเมื่อนิ้วโป้งของหญิงสาวรีดเค้นโดนจุดสำคัญบนหัวไหล่
“สารภาพมา...คิม จงอิน!!”
“ยอม...ยอมแล้ว!! เค้าแอบฟังตัวเองกับแอมคุยกัน!!”
ในที่สุดเมื่อทนไม่ไหวผู้ร้ายก็ยอมเปิดปาก บอมมี่ถึงกับผุดรอยยิ้มออกมาอย่างสมใจ แต่อีกใจก็ทั้งขำทั้งสงสารคนตรงหน้าที่หน้าตาเหยเกเพราะเจ็บจากสิ่งที่เธอทำ
“แอบฟังได้ไง? ฉันว่าพวกฉันก็ปิดประตูล็อคห้องทุกครั้งที่คุยกันนะ”
“ก็เค้าเอาเครื่องดักฟังแอบเอาไปไว้ในห้อง ตอนที่แอมเผลอไงล่ะ”
“หา? ว่ายังไงนะ?!!” บอมมี่แทบจะลมจับเมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มพูด
“ตัวเองจะมาโทษเค้าไม่ได้นะ ก็ทั้งแม่ตัวเอง ทั้งแม่เค้า ทั้งแอมเบอร์ รวมถึงตัวฮันนี่เองด้วยล่ะ ชอบทำตัวมีลับลมคมนัยกัน แอบคุย แอบพูดกัน พอเค้าจะเข้าไปฟังด้วยก็ขับไล่ไสส่งเค้า พอถามก็ไม่ยอมบอกไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย นี่ถ้าเค้าไม่ทำแบบนั้น เค้าก็คงไม่รู้ว่าตัวเองจะมาเกาหลี มาเพื่อรักษาเจ้าของตุ๊กตาซอมบี้ คนที่ตัวเองรู้สึกผิดมาตลอดที่ทำให้คนๆนั้นเป็นโรคจิตคลั่งตุ๊กตา”
“กลับไป! กลับอเมริกาไปเลย...จงอิน”
“ไม่อ่ะ! เค้าไม่กลับ!!”
“ไม่กลับได้ยังไง?!! นายทำเรื่องเลวร้ายมากรู้ตัวไหม? ทั้งเรื่องดักฟัง ทั้งโกหก แถมยังหนีออกจากบ้านมาที่นี่อีก คิม จงอิน นายไม่มีสิทธิ์มาดื้อดึงหรือต่อรองอะไรทั้งนั้น กลับอเมริกาไปเลย!!”
“ถ้าแม่เค้ายอมให้เค้าอยู่ที่นี่ล่ะ! ตัวเองจะยอมไหม?!!”
“ไม่มีทางหรอก คุณน้าไม่มีทางยอมให้นายทำแบบนั้นแน่...จงอิน”
“ตอบเค้ามา...ตัวเองจะยอมไหม?”
เมื่อโดนเซ้าซี้หนักๆ หญิงสาวจึงรับปากส่งๆไปเพราะรู้อยู่แล้วว่าน้าสะใภ้ของตัวเองไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ๆ
“ก็ได้!! ถ้าแม่นายยอม ฉันก็ยอม!!”
ใบหน้าคมยิ้มกริ่ม ไม่พูดอะไรนอกจากเริ่มนับถอยหลังตามจังหวะวินาที แต่นั่นทำเอาบอมมี่ถึงกับงง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะมาไม้ไหนอีก
“5...”
“4...”
“3...”
“2...”
“1...”
‘Baby tonight Turn the music down 'Cause we'll go dancing, dancing, dancing Set this floor on fire Throw your hands higher Everyone's dancing, dancing, dancing We'll be dancing tonight’
สิ้นเสียงนับหนึ่ง เสียงเรียกเข้าเพลง Dancing tonight ก็ดังขึ้น ทำเอาบอมมี่ถึงกับสะดุ้งเล็กๆอย่างตกใจ แต่เมื่อเธอกดรับสาย น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายกลับทำเอาบอมมี่ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“บอมมี่!! นี่น้าเองนะ! จงอิน...จงอินอยู่กับหนูหรือเปล่า?!!”
“ค่ะ...จงอินอยู่กับหนูที่เกาหลี เอ่อ...คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ให้น้องอยู่ด้วยนะ...บอมมี่ น้องอยากอยู่นานแค่ไหน? ให้อยู่ไปเลย! น้าอนุญาต!!”
“หา?!!”
“ไม่หงไม่หาแล้ว...บอมมี่!! จงอินมันเอาลูกๆของน้าไปเป็นตัวประกัน แอร์เมส ปราด้า กุซซี่ ชาแนล รุ่นถูกๆก็ไม่เอา เอารุ่นลิมิเตดฯไปเกือบหมดตู้เลย แถมยังทิ้งจดหมายขู่น้าอีกว่าจะปล่อยถูกๆร้อยสองร้อยเหรียญบนอีเบย์ น้าใจจะขาดอยู่แล้ว...บอมมี่!! ช่วยน้าด้วยนะ ฝากดูแลจงอินด้วย โอ้ย!! ไม่มีเวลาคุยแล้ว น้าต้องรีบไปส่องในอีเบย์ แค่นี้นะ ตรู้ด................”
บอมมี่แทบจะล้มทั้งยืน เมื่อปลายสายกดตัดสัญญาณไป เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินสิ่งที่น้าสะใภ้เอื้อนเอ่ย และไม่อยากจะยอมรับเลยว่าได้พลาดท่าเสียทีให้ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ชื่อ...คิม จงอินไปเสียแล้ว
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮะ...พี่บอมมี่”
ความคิดเห็น