คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Doll Lover.....IV
ในตอนนี้รอบๆตัวของหญิงสาวแทบจะมีแต่ความมืดมิด แสงไฟสลัวติดๆดับๆ จากหลอดไฟบนยอดเสา ไม่ได้ช่วยให้มองเห็นอะไรถนัดชัดตาขึ้นมาเลย ทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนที่กลัวความมืด แต่บรรยากาศวังเวงแบบนี้ก็เรียกให้ขนอ่อนตามไรผมและต้นคอลุกชันขึ้นมาได้
แสงไฟริบๆที่ห่างออกไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร ดูจะเป็นทางเลือกเดียวที่มีสำหรับหญิงสาว เธอตัดสินใจเดินไปตามทางเพื่อให้ใกล้จุดหมายมากขึ้น ในใจได้แต่คิดว่ายังดีกว่ายืนฝันลมๆแล้งๆว่าจะมีแท็กซี่ขับผ่านมา ซึ่งนั่นแทบเป็นไปไม่ได้เลยบนถนนสายเปลี่ยวแห่งนี้
แต่ทันทีที่แสงไฟจากทางด้านหลัง สาดกระทบร่างและพื้นที่รอบๆตัว บอมมี่รีบหันกลับไปมอง ด้วยความหวังเล็กๆว่านั่นจะเป็นแสงไฟจากหน้ารถแท็กซี่สักคนที่ขับผ่านมาทางนี้ แต่เมื่อรถคนนั้นเคลื่อนมาใกล้พอให้สายตาปรับมองภาพได้ชัดเจน ความหวังที่มีกลับแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลใจเข้ามาแทนที่ เมื่อบานกระจกถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นผู้ชายแปลกหน้า ในสภาพใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเยิ้มส่งสายตาโลมเลียมองจ้องมาที่เธอโดยไม่คิดจะปิดบังเอาไว้
“จะไปไหนจ๊ะ...น้องสาว! ให้พี่ไปส่งเอาไหม...คนสวย?”
บอมมี่ไม่ตอบ แต่กลับเร่งฝีเท้าหนีห่างออกจากรถของผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นให้เร็วขึ้น แต่แล้วเธอถึงกับใจหายวาบ เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูรถ พร้อมกับเสียงฝีเท้าไล่ตามหลังมาติดๆ
“กรี๊ด!!!”
บอมมี่กรีดร้องขึ้นมาสุดเสียง เมื่อแขนถูกกระชากอย่างแรง โดยฝีมือของคนแปลกหน้าที่วิ่งตามมาจนทัน
“จะร้องโวยวายทำไม!!! แต่งตัวโป๊ขนาดนี้มาเดินที่เปลี่ยวๆมืดๆ ถ้าไม่ขายตัวแล้วจะมาทำอะไร!!”
“ปล่อยฉันนะ!! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า!!” หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งพยายามแกะมือของคนแปลกหน้าออก ปากก็ปฏิเสธออกไปว่าเธอไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด
“ทำเป็นบอกว่าไม่ใช่!! โธ่! ฉันดูออกหรอกน่า ว่าคิดจะโก่งราคา! เท่าไหร่...ว่ามา?”
ทั้งที่ยังตกใจไม่หาย แต่เมื่อโดนดูถูกขนาดนี้ บอมมี่ถึงกับเลือดขึ้นหน้า หญิงสาวหยุดดิ้นก่อนจะค่อยๆหันไปสบตากับคนที่ทำกักขฬะใส่เธอ รอยยิ้มหวานหยดส่งไปให้แต่ในใจกลับเดือดปุด และทันทีที่คนชั่วนั้นปล่อยมือออกจากแขนเพราะคิดว่าเธอยอมตกลงแล้ว ส้นรองเท้าเรียวแหลมยาวกว่า4นิ้วของคริสเตียนลูบูแตง ก็กระแทกลงไปบนหลังเท้าของผู้ชายคนนั้นเต็มแรง ร่างท้วมสูงถึงกับทรุดลงไปนั่งยองๆ พร้อมกับส่งเสียงร้องลั่นขึ้นมาอย่างเจ็บปวด
“โอ้ย!! เท้าฉัน!!”
“นี่คือผลของการที่แกกล้าดูถูกฉัน!! จำเอาไว้!!...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว!!” หญิงสาวตะคอกใส่หมายจะทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่กล้ายุ่งกับเธออีก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสิ่งที่เธอทำกลายเป็นดั่งน้ำมันที่ราดไปบนกองไฟ
ใบหน้าของชายคนนั้นบิดเบี้ยวขึ้นด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววอาฆาตจ้องเขม็งมาที่หญิงสาวอย่างมุ่งร้าย ก่อนที่เค้าจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา ใบมีดสีเงินวาววับที่ดีดตัวออกมาจากฝัก ทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อ ความกล้าที่มีเมื่อครู่หายวับไปพร้อมๆกับที่ความหวาดกลัวแล่นลิ่วเข้าเกาะกุมหัวใจ
“พูดดีๆไม่ชอบ!! มึงได้เจ็บกว่าที่กูเจ็บ เป็นร้อยๆเท่าแน่....นังบ้า!!”
เสียงตะคอกกราดเกรี้ยวเรียกสติที่หลุดลอยไปกับความกลัวให้กลับมา บอมมี่ไม่รอให้คนชั่วนั่นได้ตั้งตัว เธอขว้างกระเป๋าคลัทซ์ในมือใส่หน้าของมันสุดแรง ส่งผลให้อีกฝ่ายถึงกับหน้าหงาย แต่แค่นั้นยังไม่พอ สมองสั่งให้เธอยกเท้าขวาขึ้นมา ก่อนจะถีบเข้าไปตรงเป้ากางเกงของอีกฝ่ายเต็มแรง
บอมมี่ไม่อยู่รอดูผลงานของตัวเอง เธอหมุนตัวกลับก่อนจะออกวิ่งไปข้างหน้า พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อวิ่งห่างออกมาได้สักพัก รองเท้าที่สูงกว่าสี่นิ้ว กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ถ่วงให้เธอนั้นวิ่งช้าลง หญิงสาวตัดสินใจถอดรองเท้าออกและวิ่งต่อไปด้วยเท้าเปล่า
“โอ้ย!!”
แต่เพราะความมืดทำให้หญิงสาวไม่เห็นเศษแก้วที่แตกกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนนั้นเต็มแรง
แต่ในตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจบาดแผลหรือดึงเอาเศษแก้วที่ฝังตัวอยู่บนฝ่าเท้าออก หญิงสาวต้องหาทางรอดอื่นแทนการวิ่งหนีต่อไปทั้งๆที่บาดเจ็บแบบนี้
เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ตรอกเล็กๆทางด้านซ้ายมือ อาจจะช่วยถ่วงเวลาคนชั่วนั้นไว้ จนพอมีเวลาให้เธอหนีห่างออกไปได้ เร็วเท่าความคิดหญิงสาวโยนรองเท้าข้างหนึ่งในมือเข้าไปข้างใน ส่วนอีกข้างที่เหลือเธอก็ทิ้งเอาไว้ตรงปากทางเข้าเพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอวิ่งหนีเข้าไปในตรอกแคบๆนั่น ก่อนที่ตัวเองจะลากเท้าเดินไปนั่งซ่อนตัวอยู่หลังลังกระดาษกล่องใหญ่7-8ใบที่กองซ้อนกันอยู่แถวๆปากทางเข้าตรอกเล็กๆนั่น
สักพักเสียงฝีเท้าย่ำหนักๆดังเข้ามาใกล้ บอมมี่ถึงกับยกมือขึ้นปิดหู เมื่อเสียงท่อนเหล็กถูครืดไปกับพื้นดังสะท้อนขึ้นมาหวีดแหลมจนบาดแก้วหู แต่ไม่ทันที่ความตื่นกลัวจะลดระดับ หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น เมื่อเสียงฟาดหนักๆดังขึ้นมาเหนือหัว ก่อนที่ลังกระดาษกล่องบนสุดจะปลิวไปตามแรงกระทบนั่น ร่วงหล่นตกลงมาอยู่ข้างกาย
ความกลัวทำให้สติที่มีเตลิดหาย แทนที่จะหนีอย่างที่ตั้งใจไว้ หญิงสาวกลับซุกตัวเข้าไปในช่องเล็กๆระหว่างกำแพงกับลังกระดาษนั่น ทั้งที่ลังกระดาษพวกนั้นไม่สามารถปิดร่างบางของเธอไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
ทันทีที่มือหนาสัมผัสโดนตัว เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาสุดเสียง ก่อนที่ร่างบางจะตะเกียกตะกายออกมาจากที่ซ่อนคลานหนีไปตามพื้น โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองดูด้านหลังเลยสักนิด ความรู้สึกเดียวที่มีในตอนนี้คือกลัว...กลัวมากเหลือเกิน
และเมื่อเสียงฝีเท้าย่ำหนักๆไล่ตามมา พร้อมกันกับมือหนาจับเข้ากับไหล่บางของเธอไว้ บอมมี่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว ปากก็กรีดร้องออกมาไม่หยุด
“กรี๊ด!! ปล่อย!! ปล่อยฉัน!!”
“นี่!! ฉันเอง...อู๋ฟาน!!”
เสียงที่คุ้นหู ชื่อที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน เรียกให้ใบหน้าหวานหันกลับมามอง หญิงสาวจ้องคนที่ยืนค้ำหัวอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ใบหน้าคมนั่นจะถูกบดบังด้วยม่านน้ำตาให้พร่ามัว แล้วกลับชัดเจนขึ้นอีกครั้งเมื่อน้ำใสๆทะลักล้นไหลรินออกมาจากดวงตา แรงกดดันที่มีจากความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกแถวลำคอ ก่อนจะหลุดออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮ เกราะความเข้มแข็งที่สร้างเอาไว้แตกสลาย เหลือไว้เพียงแค่ผู้หญิงอ่อนแอธรรมดาๆที่ร้องไห้จนตัวโยนอยู่อย่างนี้
คริสได้แต่มองภาพของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่อ่อนยวบ ใบหน้าหวาดกลัวร้องไห้ออกมาอย่างเสียขวัญ ร่างทั้งร่างสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น หรือแม้แต่ดวงตาคู่สวยที่ฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน ทั้งๆที่ทั้งหมดที่หญิงสาวกำลังเป็นอยู่นี้ มันคือสิ่งที่เค้าอยากเห็น แต่ทำไมชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกสะใจเลยสักนิด ยิ่งได้เห็นเท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่งของหญิงสาวมีเลือดไหลซึมเปรอะเปื้อนไปทั้งฝ่าเท้า เค้าถึงกับปวดหนึบขึ้นมาที่หัวใจ
ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นผลักให้ชายหนุ่มทำเรื่องที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดว่าจะทำลงไปได้ เค้าทิ้งท่อนเหล็กในมือที่เก็บได้จากข้างทางทิ้งไป ก่อนจะช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“ถ้าไม่อยากลื่นตก ก็เอามือคล้องคอฉันไว้!”
สิ่งที่คริสทำ รวมถึงคำพูดที่ถึงแม้น้ำเสียงจะกระด้างแต่ก็แฝงไว้ด้วยความห่วงใย ทำเอาก้อนสะอื้นระลอกใหม่หลุดออกมาอีกรอบ บอมมี่ซบหน้าเข้ากับอกแกร่ง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอยู่อย่างนั้น...น้ำตาของความดีใจ ที่อย่างน้อยคริสเองก็ไม่ได้เกลียดเธอ เสียจนต้องการให้เธอพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้นหรือตายจากกันไปจริงๆ
ปิ๊น! ปิ๊น!!
เสียงแตรรถที่ดังขึ้น เรียกให้ร่างสูงที่เดินอุ้มหญิงสาวไปตามทางอยู่ ถึงกับต้องหันไปมอง และเมื่อเห็นว่าไม่ใช่มีเพียงแค่รถของตัวเอง แต่กลับมีรถของลู่หานตามมาด้วย ชายหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ
“นายมาได้ไง?”
คริสถามขึ้นเมื่อเจ้าของรถเปิดประตูลงมา แล้วรีบเดินเข้ามาประชิดตัว แต่แทนที่ลู่หานจะตอบ เค้ากลับกระชากเสียงใส่เพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจ
“ส่งคุณปาร์ค บอมมาให้ฉัน! ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล!”
“เอ่อ...”
“ส่งมา!!” เมื่อเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่าย ลู่หานถึงกับตะคอกออกมาอย่างโกรธจัด
คริสเกือบจะส่งร่างบางในอ้อมแขนไปให้คนตรงหน้าเสียแล้ว ถ้าเพียงแต่สัมผัสรอบลำคอจะไม่ได้กระชับแน่นขึ้น และใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นที่แนบสนิทไปกับอกของตัวเองอยู่ จะยิ่งฝังลึกลงไปจนตัวเค้าเองรู้สึกได้
“ขอโทษนะ...ลู่หาน ยัยนี่ตัวหนัก! นายอุ้มไม่ไหวหรอก!!”
พูดจบคริสไม่รอให้ลู่หานพูดอะไรออกมาอีก เค้ารีบพาบอมมี่ไปที่รถของตัวเอง โดยที่เฉินเปิดประตูด้านหลังรอเอาไว้อยู่แล้ว และเมื่อจัดการให้ร่างบางเข้าไปนั่งในรถได้เรียบร้อย คริสรีบสั่งให้เฉินเอารถออก...จุดหมายคือโรงพยาบาล โดยไม่ได้สนใจเพื่อนรักของตัวเองที่ยืนมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไป ด้วยแววตาวาวโรจน์อย่างโกรธจัด
“นายก็รู้ดีว่าฉันไม่ชอบให้ใครแย่งของ ถึงแม้จะเป็นนายก็ตาม...คริส!!”
“ยิ้มอะไร...เฉิน?”
คริสถามขึ้นน้ำเสียงขุ่น เมื่อหันมาเจอเข้ากับเฉินที่ยืนยิ้ม ทำหน้ากรุ่มกริ่มมองมาอย่างมีเลศนัย
“คุณคริสไม่เกลียดคุณบอมมี่แล้วเหรอครับ? ผมเห็นว่าคุณคริสดูเป็นห่วงเป็นใยเธอ ทั้งตอนที่อยู่ด้วยกันในรถ ทั้งที่โรงพยาบาล รวมถึงในตอนนี้ด้วย”
“พูดบ้าๆ!! ใครเป็นห่วง!! ฉันเกลียดยัยแม่มดนั่นจะตาย!!” คริสตวาดออกมาเสียงดังลั่น แต่นั่นกลับไม่ทำให้คนตรงหน้า เลิกทำสีหน้ายียวนกวนอารมณ์ของเค้าไปได้ แถมเฉินยังปากดีถึงขนาดกล้าต่อคำกลับมา ยิ่งเพิ่มโทสะของเค้าให้มีมากขึ้นไปอีก
“ถ้าอย่างนั้น...แล้วทำไมคุณคริสถึงอุ้มคุณบอมมี่ตลอดเลยล่ะครับ? ขนาดผมบอกว่าจะช่วยคุณคริสยังปฏิเสธ แล้วเมื่อกี้คุณเองก็ยังเป็นคนอุ้มเธอ พาเข้าไปส่งในห้องนอนอีกด้วย”
“ก็ยัยนั่นตัวหนักจะตาย! ส่วนนายก็ผอมแห้งมีแต่กระดูกแบบนี้ ถ้าขืนฉันให้นายเป็นคนอุ้ม ป่านนี้คงได้เจ็บกันทั้งคู่!!”
“เหรอ?”
“เฉิน!!”
ไม่ต้องรอให้ตวาดซ้ำเป็นรอบสอง เฉินรีบวิ่งตัวปลิวเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้เจ้านายหนุ่มอยู่กับอารมณ์ขุ่นมัวที่ตัวเองเป็นคนก่อไว้เพียงลำพัง
คริสยืนนิ่งอยู่กับที่แต่ในหัวกลับสับสนกับความคิดหลากหลายที่ตีมั่วกันไปหมด คำพูดของเฉินสะกิดแผลในใจของเค้าให้เปิดออก ทั้งที่ยัยนั่นเป็นแม่มดร้าย ที่ทำลายความสุขของเค้ามาค่อนชีวิต แต่ทำไมความรู้สึกเป็นห่วงกลับไม่จางหายไปจากใจเสียที
ยิ่งเมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา สภาพของหญิงสาวที่ร้องไห้อย่างเสียขวัญ รวมถึงใบหน้าหวาดกลัว และสายตาเจ็บปวดที่มองนิ่งมาที่เค้านั่น มันเหมือนกับการได้มองดูเงาสะท้อนของตัวเองในวัยเด็กยามที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายขึ้นมาก็ไม่ปาน
ถ้าการทำให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวด แล้วกลายเป็นว่าตัวเองต้องมาเจ็บเองแบบนี้ ทางเดียวที่จะไม่ต้องกลับไปเจอฝันร้ายแบบเดิมๆอีก คงไม่พ้นหนีให้ห่างจากยัยแม่มดร้ายนั่น
มีอู๋ฟานที่ไหน ที่นั่นต้องไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ...ปาร์ค บอม!
ความคิดเห็น