ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Doll Lover...รักมากมายเจ้าชายตุ๊กตา

    ลำดับตอนที่ #3 : The Doll Lover.....II

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 55


     

    “อู๋ ฟาน” เสียงเรียกชื่อทำให้เค้าต้องหันกลับมามอง และเมื่อพบเข้ากับใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตากำลังส่งยิ้มหวานมาให้ รอยยิ้มกว้างที่มีอยู่ในตอนนี้จึงถูกส่งกลับไปให้เธอเช่นกัน

    “ฉันไม่อยากได้แหวนแล้วล่ะ แต่ขอเป็นไอ้นี่แทนก็แล้วกัน!!” พูดจบสิ่งที่ซ่อนไว้ข้างหลังก็ถูกนำออกมาปรากฏให้เห็นตรงหน้า ตุ๊กตาแกะสีขาวขนฟูฟ่อง...มิสซิสแมรี่ ตุ๊กตาสุดรักสุดหวงของเค้านอนนิ่งอยู่ในมือของเธอคนนั้น

    แต่ไม่ทันที่เค้าจะได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา อยู่ๆรอยยิ้มหวานหยดของคนตรงหน้า กลับแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเย็น ดวงตาที่เคยสดใสเป็นประกาย กลับเบิกกว้างจ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว เค้าถึงกับเย็นวาบไปทั้งร่าง ขนตามแขนขาและต้นคอ...ลุกชันขึ้นมา เมื่อสบเข้ากับดวงหน้าอันดุร้าย

    และในวินาทีต่อมา หัวใจที่เต้นอยู่ราวกับถูกฉีกออก เมื่อร่างสีขาวในมือของคนตรงหน้า ถูกฉีกกระชากส่วนหัวไปทาง ลำตัวไปอีกทาง ก่อนที่แม่มดใจร้ายจะส่งเสียงหัวเราะหวีดแหลม บาดเข้ามาดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเค้า พร้อมกันกับหัวของมิสซิสแมรี่ที่ถูกโยนส่งมา ลอยละลิ่วตกลงในอุ้งมือของเค้าแทน

    ทั้งที่อยากวิ่งหนีจากความโหดร้ายตรงนี้ไป แต่ร่างทั้งร่างของเค้ากลับแข็งทื่อ มือที่ถือหัวของมิสซิสแมรี่สั่นอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้มกลั่นตัวและหยดลงมาบนขนสีขาวฟูฟ่องหยดแล้วหยดเล่า เค้าทำได้เพียงแต่มองดวงตากลมโตสีดำขลับของตุ๊กตาแสนรัก ที่ตอนนี้แปรสภาพเป็นแค่เพียงเศษซากอย่างเจ็บปวดหัวใจ

    แต่แล้วจู่ๆดวงตากลมโตใสซื่อที่เค้าจ้องมองอยู่ กลับวาวโรจน์ขึ้นมา สีดำสนิทนั่นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงสว่างวาบ





    จ้องเขม็งมาอย่างโกรธแค้นชิงชัง เค้าได้แต่มองภาพใบหน้าบิดเบี้ยวไร้รูปทรงไปทุกครั้ง ที่ปากขยับพรั่งพรูคำต่อว่าออกมา อย่างหวาดกลัวสุดขีด

     

    “นายทิ้งฉันไว้กับแม่มด! นายปล่อยให้ยัยนั่นฆ่าฉัน!!

    “ทำไม? อู๋ ฟาน? ทำไมนายไม่ช่วยฉัน!!! ทำไม? ทำไม...นายถึงปล่อยให้ฉันตาย!!!

     “อู๋ อี้ ฟาน...ฉันเกลียดนาย!!

    .

    .

    .

    .

    “ไม่!!!

    คริสผวาตื่นลุกพรวดขึ้นมานั่ง ทั้งที่อากาศในห้องเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ แต่เหงื่อเม็ดโป้งกลับผุดขึ้นจนชุ่มโชกไปทั้งหน้าและตามลำตัว

    ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน ฝันร้ายที่ทำให้เค้าเกลียดกลัวช่วงเวลากลางคืน หวาดผวากับการนอนหลับ ฝันร้ายที่ห่างหายจากชีวิตของเค้าไปกว่าสิบปี แต่ในตอนนี้มันกลับย้อนเข้ามา ทันทีที่ยัยแม่มดนั่นปรากฏตัวขึ้นมาในชีวิตของเค้าอีกครั้ง

    ชายหนุ่มพยายามสลัดไล่ภาพติดตาที่เกิดจากฝันร้ายเมื่อครู่ให้ออกไปจากหัว ก่อนจะสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาแรงๆ สลับไปมาอยู่อย่างนี้ เพื่อควบคุมร่างกายที่ตื่นตระหนกให้กลับมาเป็นปกติ

    หลังจากที่รู้สึกดีขึ้น คริสเหลือบตาดูนาฬิกาตรงหัวเตียงแล้วพบว่าเกือบจะเจ็ดโมงเช้า เค้านึกขอบคุณที่โชคชะตาไม่โหดร้ายกับเค้าจนเกินไปนัก เพราะถ้าถูกหลอกหลอนด้วยความฝันอย่างเมื่อครู่ในตอนหัวค่ำหรือกลางดึก ช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนั้นเค้าคงไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อีก และนั่นคงส่งผลกระทบต่องานถ่ายแบบในวันนี้อย่างแน่นอน

    อาจเป็นเพราะเสียเหงื่อไปมาก ในตอนนี้ชายหนุ่มจึงต้องพาร่างสูงของตัวเอง ออกจากห้องนอนมาเพื่อไปหาน้ำดื่ม แต่ทันทีที่เลื่อนบานประตูห้องครัวให้เปิดออก เสียงหัวเราะ รวมถึงภาพใบหน้ายิ้มระรื่นของผู้หญิงที่เป็นสาเหตุของฝันร้ายที่เพิ่งจะหลอกหลอนเค้าไปเมื่อครู่ ปรากฏชัดให้เห็นอยู่ตรงหน้า สร้างความเดือดดาลขึ้นในใจจนแทบระงับไว้ไม่อยู่

    “ตื่นเช้าจังเลยนะ...อู๋ ฟาน” หญิงสาวยิ้มแย้มทักทายออกไป โดยไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้คนตรงหน้าอารมณ์พลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม 

    ชายหนุ่มไม่ตอบ ไม่มอง และพยายามคิดว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ แต่แล้วความอดทนของเค้าก็ขาดผึง เมื่อหญิงสาวชักชวนให้เค้ากินอาหารเช้าร่วมกันกับเธอ

    “ดีเลย! ฉันทำข้าวต้มเผื่อนายด้วย กินด้วยกันเลยนะ”

    “ฉันไม่กินข้าวต้มใส่ยาพิษของเธอหรอก!! นังแม่มด!!

    เสียงตวาดดังลั่น เล่นเอาเฉินที่กำลังตักข้าวต้มจะเข้าปาก ถึงกับถือช้อนค้างนิ่ง บอมมี่เองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน เธอไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่เธอก็พูดกับเค้าดีๆ

    ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ทำให้หญิงสาวต้องรีบสร้างเกาะกำบังความอ่อนแอของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่จะเผลอตัวร้องไห้ออกมาจนทำให้เสียแผน

    “ยาพิษเหรอ? ฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก...อู๋ ฟาน แต่ถ้าเป็นยาเสน่ห์...ก็ไม่แน่!!

    “ธ...เธอ!! นังปิศาจ!!

    “พูดไม่เพราะเลยนะคะที่รัก ไม่เอาแล้ว...ไปอาบน้ำดีกว่า” ทั้งที่บอกว่าจะออกไปแล้ว แต่บอมมี่กลับเดินตรงเข้าไปหาร่างสูง เข้าไปใกล้...ใกล้เสียจน คนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟต้องเป็นฝ่ายถอยหนีเสียเอง

    “วันนี้ฉันขอติดรถไปบริษัทด้วยนะ...อู๋ ฟาน”

    “ไม่!!

    “นายไม่เข้าบริษัทเหรอ?

    “วันนี้คุณคริส มีถ่ายแบบข้างนอกครับ” เฉินถึงกับหลบตาวูบ เมื่อเจอเข้ากับสายตาที่จ้องมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของคนที่เป็นเจ้านาย

    “ไม่ใช่แค่วันนี้! แต่ไม่ว่าจะวันไหน เมื่อไหร่ เวลาอะไร เธอก็ไม่มีสิทธิไปเสนอหน้าอยู่ในรถฉัน!!

    “อย่าใจร้ายสิ...อู๋ ฟาน”

    “ฉันเหรอใจร้าย?” ชายหนุ่มทวนคำอย่างยียวน ก่อนประโยคที่ดังขึ้นถัดมาจะทำให้คนที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ถึงกับตัวแข็งทื่อ แต่มือไม้กลับอ่อนแรงจนช้อนที่ถืออยู่ หล่นลงมากระแทกโต๊ะ

    “เธอต่างหากที่ใจร้าย...ยัยแม่มด!! เพราะถ้าเธอยังกล้าเสนอหน้าขึ้นมาบนรถฉันอยู่ เท่ากับว่าเธอนั่นล่ะที่เป็นคนทำให้เฉินโดนไล่ออก!!!

    พูดจบคริสก็เดินออกไป ทิ้งไว้เพียงคนสองคนที่อยู่ในอารมณ์ที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งเหนื่อยหน่ายกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จนแทบไม่อยากทำอะไร แต่กลับอีกคนรนรานราวกับมีไฟสุม เมื่อหน้าที่การงานของเค้ากำลังจะจบลง เพียงเพราะเค้าดันมาอยู่ขั้นกลางระหว่างสงครามของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านาย

    “คุณบอมมี่!!  ผมจะทำยังไงดีครับ!!

    “ไม่ต้องกลัวไปหรอก...อาเฉิน ฉันรู้ดี ว่าฉันควรต้องทำยังไง!!

     



     

    เมื่อเห็นร่างบางในชุดรัดรูปสีน้ำเงินเข้มก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ มือที่กำลังจะกดปุ่มโทรออกหาคู่ควงคนล่าสุดถึงกับชะงักค้าง ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดของลู่หาน จะพุ่งตรงไปยังเจ้าของเรียวขาเพรียวสวยที่กำลังย่างก้าวผ่านประตูเลื่อนอัตโมมัติเข้าไปในบริษัทแทน

    “วันนี้คริสไม่ได้เข้าบริษัท...เค้ามีถ่ายแบบข้างนอกครับ”

    เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียกให้บอมมี่ที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่ ถึงกับต้องหันกลับไปมอง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าสวยทันทีที่พบว่าเป็นดาราหนุ่มสุดฮออต เจ้าของใบหน้าหวานขนาดผู้หญิงยังต้องอาย เพื่อนสนิทในวงการและในชีวิตจริงเพียงคนเดียวของคริส...เสี่ยว ลู่หาน!

    “เรื่องนั้น...ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ”

    หญิงสาวตอบกลับไป แต่นั่นกลับเรียกสีหน้าแปลกใจจากอีกฝ่าย จนเธออดไม่ได้ที่จะต้องพูดต่อ

    “เวลาของฉันไม่ได้มีไว้ตามผู้ชายอย่างเดียวหรอกนะคะ ฉันมาทำงานต่างหากล่ะ”

    “ทำงาน? ที่นี่น่ะเหรอ?

    “เป็นถึงลูกเจ้าของ แต่ไม่รู้ความเป็นไปในบริษัท หรือที่เค้าลือกันว่าความสนใจของคุณเสี่ยว ลู่หาน จะมีให้แค่เฉพาะสาวๆในวงการ...จะเป็นเรื่องจริง”

    “มันก็แค่ข่าวลือ” รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ที่ใช้มัดใจสาวๆมานักต่อนัก ถูกส่งไปให้คนตรงหน้า

    “ไม่ใช่เฉพาะแค่ในวงการหรอกครับ ผู้หญิงทุกคนมีคุณค่าและก็น่าสนใจกันทั้งนั้น ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนกับหนังสือ ที่ทุกเล่มจะมีหน้าปกและคำโปรยชวนเชิญให้อ่าน แต่เมื่อเปิดดูแล้วบางเล่ม เพียงแค่บรรทัดแรกของบทนำ คุณก็แทบจะปิดมันลง โดยไม่คิดเสียเวลาอ่านต่อให้จบเลยด้วยซ้ำ แต่กลับบางเล่มยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก...จนแทบไม่อยากวาง อ่านซ้ำไปซ้ำมา จนลืมเวลาไปเลยก็มี”

    “ถ้าอย่างนั้นในสายตาของ อู๋ ฟาน ฉันคงเป็นสารานุกรม มีคุณค่า แต่ไม่น่าอ่าน”

    “แต่สำหรับผม คุณเป็นเหมือนพจนานุกรมต่างหาก ไม่ใช่แค่มีคุณค่า แต่ในทุกคำล้วนมีความหมายทั้งสิ้น”

    ไม่เพียงแค่พูด แต่ชายหนุ่มยังค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ สายตาที่จ้องมองมานั้น หยาดเยิ้ม...หวานพอๆกับคำพูดของเค้าที่มีให้เธอ หญิงสาวเองก็ไม่คิดที่จะหลบ แต่กลับจ้องไปที่เค้าอย่างท้าทายเช่นกัน

    แต่ในวินาทีที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน หญิงสาวกลับหมุนตัวหันหลัง ตั้งใจให้ปลายผมยาวสลวยของตนเอง สะบัดโดนเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มอย่างจัง ซึ่งนั่นคือคำเตือนเล็กๆ ว่าเธอไม่ได้ง่ายอย่างที่เค้าคิด

    “ลิฟต์มาแล้ว คุณจะขึ้นไปด้วยกันไหมคะ?

    “หึ หึ” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เพียงแค่หัวเราะในลำคอออกมา ก่อนจะเดินตามหญิงสาวเข้าไปในลิฟต์ ในใจได้แต่คิดว่าผู้หญิงสวย ท้าทาย แต่ไม่ง่ายแบบนี้ล่ะ...ที่เค้าสนใจ

    “ทำไมคุณถึงมาแท็กซี่ล่ะครับ? ที่จริงคุณติดรถมากับคริสก็ได้นะ เพราะยังไงที่ที่เค้าจะไป ก็ต้องผ่านทางนี้อยู่แล้ว” ลู่หานเอ่ยถามออกมา ในขณะที่ลิฟต์เคลื่อนผ่านแต่ละชั้นขึ้นไป

    “เมื่อวานคุณก็เห็นไม่ใช่เหรอคะ ว่าเพื่อนคุณแสดงออกว่ารักฉันมากขนาดไหน เมื่อเช้า อู๋ ฟานยังแสดงความรักกับฉันต่อ ด้วยการประกาศกร้าวห้ามไม่ให้ฉันขึ้นไปเหยียบบนรถของเค้าอีกด้วย”

    คำพูดประชดประชันแต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม แสดงให้ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้จริงจังอะไรนักกับที่ตัวเองพูด แต่แววตาและสีหน้าเศร้าสลดที่แอบเห็นเมื่อวาน กลับทำให้เค้าคิดว่านี่คือหน้าฉาก ที่หญิงสาวทำขึ้นเพื่อปิดซ่อนความรู้สึกเจ็บปวด จากการกระทำและคำพูดของคริสที่มีต่อเธอ

     “ขนาดนั้นเลยเหรอ?

    “ค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอพูดตรงๆว่าชุดนี้รวมถึงชุดที่คุณใส่เมื่อวาน แม้มันจะทำให้คุณดูสวยจนถึงกับต้องเหลียวหลังมอง  แต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะ ถ้าจะขึ้นแท็กซี่หรือใช้รถสาธารณะไปไหนมาไหนแบบนี้”

    ชายหนุ่มถึงกับอึกอักเมื่อประโยคที่ตั้งใจจะพูดต่อไปนั้น มันแทบไม่เคยหลุดออกจากปากเพลย์บอยอย่างเค้าเลย

    “เอ่อ...มันดูล่อแหลมจนเกินไป คือว่า...ผมเป็นห่วง”

    บอมมี่รู้สึกแปลกใจเล็กๆที่ได้ยินลู่หานเอ่ยปากเตือนเธอเรื่องการแต่งตัว เพราะที่จริงแล้วเพลย์บอยอย่างเค้าน่าจะชอบใจมากกว่าที่ได้เห็นรูปร่างของผู้หญิงในชุดที่เซ็กซี่แบบนี้ แต่นี่ก็ทำให้เธอมองเค้าดีขึ้นมานิดนึง หลังจากที่ฝังหัวว่าเค้าเป็นผู้ชายอันตรายเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

    “ถ้าอย่างนั้น ฉันเองก็คงต้องพูดตรงๆเช่นกัน ว่านี่เป็นสไตล์ของฉัน ตัวตนของฉันเป็นแบบนี้ ให้เปลี่ยนคงเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง เอาเป็นว่าฉันจะคอยระวังตัวเองแล้วกันค่ะ”

    เมื่อบอมมี่พูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์เปิดในชั้นที่เธอต้องการพอดี

    "ขอตัวก่อนนะคะ”

    “เดี๋ยวครับ! คุณปาร์ค บอม!!

    “คะ?

    “คุณขับรถเป็นไหม?

    “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง ถามกลับไปอย่างงงๆ “ทำไมเหรอคะ?

    ไม่มีคำตอบจากคนในลิฟท์ มีเพียงแต่รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ส่งมาให้ ก่อนประตูจะค่อยๆปิดลง

    “อะไรของเค้านะ?

    บอมมี่บ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันหลังเดินไปตามทาง จนเมื่อเจอห้องที่แจ้งไว้ในจดหมายนัด เธอจึงเปิดประตูเข้าไป แต่สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งอยู่กลางห้องนั่น ทำเอาเธอถึงกับหลุดปากออกมาอย่างแปลกใจ

    “ไหนว่ามีแต่ผู้ชายไง!

    แต่แล้วเธอถึงกับตกใจ เมื่อเด็กสาวน่ารักที่เธอคิดไว้ดึงวิกผมที่สวมอยู่ออก เผยให้เห็นผมรองทรงสั้นราวกับเด็กผู้ชาย

    “พี่ซิ่วหมินห้ามเอาออกนะ!! พี่แพ้เกมพระราชาพี่ต้องทำตามคำสั่งผมสิ!” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นว่า คนข้างๆนั้นดึงเอาวิกผมออกแล้ว

    “ใช่ๆ พี่แพ้ พี่ก็ต้องยอมรับบทลงโทษสิ หรือพี่จะยอมจ่ายเงิน!” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งรีบสำทับขึ้น ผิวขาวราวน้ำนมบวกกับใบหน้าอันหล่อเหลา ยิ่งส่งให้เค้าดูดีมีออร่าสมกับเป็นว่าที่ไอดอล

    “อ่ะแฮ่ม”

    หญิงสาวส่งเสียงกระแอมขึ้นมา เมื่อเด็กหนุ่มสองคนนั่นทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนในห้องนี้ แต่แทนที่พวกเค้าจะหันมามองเธอเต็มๆตาเหมือนเด็กสาว(?)อีกคนนั่น กลับใช้แค่หางตาเหล่มองมาที่เธออย่างเสียไม่ได้

    “ฉันชื่อปาร์ค บอม หรือจะเรียกว่า บอมมี่ก็ได้นะ ฉันเป็นคุณครูสอนร้องเพลงคนใหม่ของพวกเธอ”

    “ผมพยอน แบคฮยอน”

    “ผมโอ เซฮุน”

    “ผมคิม มินซอก ครับ แต่เรียกผมว่าซิ่วหมินก็ได้” ไม่เพียงแค่เอ่ยแนะนำตัว แต่เค้ายังลุกยืนขึ้นก่อนโค้งตัวให้เธออย่างมีมารยาท ต่างจากเด็กหนุ่มอีกสองคนที่แค่เอ่ยชื่อออกมา แต่ไม่คิดจะมองหรือลุกขึ้นทักทายเธอเลยด้วยซ้ำ

    “เธอเป็นผู้ชายหรอกเหรอ ตอนแรกคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงเสียอีก”

    “เห็นๆอยู่ว่าเป็นผู้ชายกันทั้งห้อง ก็แค่ใส่วิก ไม่ได้แต่งหน้า ใส่ขนตาปลอมสักหน่อย เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังดูไม่ออก แล้วจะสอนคนอื่นได้เหรอ?

    เด็กแบคฮยอนร้ายไม่ใช่เล่น ทำเอาบอมมี่ถึงกับหน้าตึง แต่พยายามสะกดกั้นอารมณ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นเอาไว้

    “อืม...เรื่องง่ายๆ ฉันไม่ค่อยรู้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องยากๆ อย่างเช่น คนบางคนแต่งตัวเป็นผู้ชาย วิกก็ไม่ได้ใส่ ขนตาปลอมก็ไม่ได้ติด  แต่ฉันกลับดูออกนะว่าเค้าไม่ใช่!!

    “ม...หมายความว่ายังไง?

    “อย่ามาแอ๊บ!!

    “อะ...แอ๊บเอิ๊บ อะไรกัน!!

    “เขียนอายไลน์เนอร์ซะขนาดนี้ คิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอไง?

    “ผู้ชายสมัยนี้ เค้าก็เขียนอายไลน์เนอร์เป็นเรื่องปกติกันทั้งนั้นล่ะ!

    “แต่ไม่มีผู้ชายคนไหน ตวัดปลายซะแคทอายส์อย่างนี้หรอกนะ!!

    “ชิ!” เมื่อเห็นว่าคนที่เถียงอยู่ไม่ใด้หงิมๆติ๋มๆเหมือนกับครูสอนร้องเพลงคนอื่นๆที่ผ่านมา แบคฮยอนทำได้เพียงแต่สะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง ก่อนจะยู่หน้าน้อยๆอย่างขัดใจ

    “เธอก็อีกคน...ไม่ต้องเก๊กเลย ปากแดงอย่างกับเพิ่งไปดูดเลือดใครมาแบบนี้ Victoria secret สี yummy berry ใช่ไหม?

    “แบคฮยอน! เค้ารู้ด้วยอ่ะ!!” เด็กหนุ่มหน้าขาวหันไปหาคนข้างๆ พร้อมกับเขย่าร่างบางนั่นอย่างลืมตัว

    “โอ้ย! เลิกเขย่าฉันได้แล้ว...เซฮุน!! ฉันจะอ้วก!!

     “แต่ผมเป็นผู้ชายแท้ๆนะครับ!!” ซิ่วหมินถึงกับลุกยืนขึ้น ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แววตาและสีหน้าจริงจังของเค้า ทำเอาบอมมี่อดยิ้มออกมาไม่ได้

    “ฉันรู้แล้วล่ะ เธอนั่งลงเถอะ...ซิ่วหมิน”

    “สองมาตรฐานชัดๆ” แบคฮยอนพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง แต่นั่นก็ไม่อาจรอดสายตาของบอมมี่ไปได้

    "มีอะไรหรือเปล่า...แบคฮยอน?

    “เปล่าครับ”

    “ฉันไม่สนหรอกนะ ว่าพวกเธอจะเป็นอะไร เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับฉัน แต่สิ่งที่พวกเธอต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ คือฉันเป็นครูของพวกเธอ ดังนั้นความรู้ความสามารถที่ฉันมี...ฉันก็จะสอนและถ่ายทอดให้พวกเธอไปอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นพวกเธอเอง ก็ต้องตั้งใจเรียนให้เต็มที่เหมือนกัน”

    เมื่อเห็นท่าทีสงบเสงี่ยมลงของสองหนุ่มน้อยหัวใจเคะ บอมมี่ถึงกับอมยิ้มขำ ตั้งใจทิ้งประโยคเด็ดอีกอันเอาไว้ให้พวกเค้าเจ็บๆคันๆหัวใจเล่น ก่อนที่เธอจะเริ่มบทเรียนแรกในวันนี้

     

    “อ๋อ! อีกเรื่องที่จะบอก คิดจะมาแรงใส่ฉัน...เร็วไปล้านปีย่ะ!!

     

     

     

     

    วันแรกของการสอน ทำเอาบอมมี่สูญเสียพลังงานไปอย่างมาก แม้จะมีนักเรียนแค่สามคน แต่แค่โอ เซฮุนเพียงคนเดียวก็เล่นเอาเธอเหนื่อยจนแทบขาดใจ เด็กคนนั้นแค่ไล่คีย์โน้ตธรรมดาๆยังทำให้เพี้ยนได้เลย

    “ช่วยโทรตามแท็กซี่ให้ด้วยค่ะ”

    หญิงสาวเอ่ยกับโอเปอร์เรเตอร์เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของอาคาร แทนที่อีกฝ่ายจะกดโทรศัพท์ แต่กลับยื่นซองจดหมายและพวงกุญแจมาให้เธอ

    “คุณลู่หาน ฝากให้คุณค่ะ”

    แม้จะงง แต่บอมมี่ก็รับมาก่อนเปิดซองจดหมายออก ไม่มีข้อความใดๆนอกจากตัวเลขที่เขียนเรียงกันไว้ ซึ่งนั่นคงไม่พ้นเป็นเบอร์ของลู่หานแน่ๆ หญิงสาวจัดการกดหมายเลขตามที่เขียนไว้ในกระดาษแล้วโทรออก เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังขึ้นเพียงสามครั้ง ปลายสายก็กดรับ

    “ฮัลโหล”

    “ใช่คุณลู่หานไหมคะ?

    “สวัสดีครับ...คุณปาร์ค บอม”

    “นี่มันหมายความว่ายังไงคะ?

    “แค่รถประจำตำแหน่งของคุณครูคนใหม่ ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ครับ”

    “ก็คงไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้ารถคันนั้นเป็นรถธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ Porsche 911 Carrera S สีดำสุดหรูแบบนี้”

    “ผมไม่แน่ใจว่าคุณคุ้นกับเส้นทางหรือยัง ผมเลยตั้ง GPS ทางไปคอนโดของคริสไว้ให้” ลู่หานรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะไม่ยอมรับรถที่เค้าส่งไปให้ และลางสังหรณ์ของเค้าก็เป็นจริง

    “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกนะ ใช้รถแพงขนาดนี้ เผื่อชนหรือขูดขีดอะไรเข้า ฉันคงไม่มีปัญหาชดใช้”

    “ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริง งั้นก็เอา Boxster คันสีแดงของคุณ มาใช้คืนก็ได้นะครับ”

    “คุณรู้ได้ยังไง?

    “ก็เมื่อตอนเช้า ผมโดนใครคนหนึ่งต่อว่า ว่าไม่รู้ความเป็นไปในบริษัท ผมเลยต้องทำการบ้านสักหน่อย คุณครูสอนร้องเพลงคนใหม่ ที่อิมพอร์ตมาจากอเมริกา สาวสวยคนดังจาก College of music Breklee เกียรตินิยมอันดับหนึ่งพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ได้มีดีแค่สวยอย่างเดียว ลูกสาวคนเดียวของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของอเมริกา โสด และยังไม่มีแฟน ข้อมูลแค่นี้คุณว่าพอไหมครับ”

    “หึ หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้โกรธอะไร ที่เค้าสืบข้อมูลส่วนตัวของเธอ

    “ถ้าอย่างนั้น คุณคงยอมรับสิ่งที่ผมเสนอให้ได้แล้วสิครับ หรือว่าคุณเองจะใจร้ายพอจะเห็นเฉินโดนแม่ของคริสไล่ออก เพราะปล่อยให้ลูกสาวของเพื่อนรักต้องไปไหนมาไหนเองด้วยแท็กซี่แบบนี้”

    “ลืมแล้วเหรอคะว่าฉันเป็นแม่มด แล้วส่วนใหญ่แม่มดก็มักจะใจร้ายด้วยสิ”

    “ผมไม่ใช่คริสนะครับ ที่จะมองคุณเป็นแบบนั้น แต่ถึงคุณจะเป็นแม่มดจริง คุณไม่ใช่แม่มดใจร้ายหรอกครับ แต่เป็น...แม่มดเจ้าเสน่ห์ต่างหาก”

    แค่ฟังเสียงที่กรอกมาตามสาย หญิงสาวก็รู้แล้วว่า ทำไมลู่หานถึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นคาสโนว่าหน้าสวยแห่งวงการบันเทิง เพราะแค่คำพูดและน้ำเสียง ก็สามารถทำให้หัวใจของคนที่ได้ฟังนั้นหลอมละลายได้ ขนาดเธอที่มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว ยังเผลอใจสั่นไปหลายครั้งที่ได้คุยกับเค้าเลย
     

    “ก็ได้ค่ะ! ฉันจะใช้รถของคุณ”

     

     

     

     

    “ลู่หานมาเหรอ? ไม่เห็นโทรบอกกันก่อนเลย”

    ร่างสูงที่นั่งอุ้มตุ๊กตาอัลปาก้าสีขาวอยู่บนเบาะหลังของรถ Bentley Mulsanne เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ที่เห็นรถของเพื่อนรักกำลังเลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถของคอนโดเค้า

    และเมื่อเฉินเลี้ยวรถตามเข้าไปจอดข้างๆกันกับรถของลู่หานแล้ว คริสรีบวางตุ๊กตาอัลปาก้าลงบนเบาะ ก่อนจะพูดขึ้นมาราวกับว่าตุ๊กตานั่นมีชีวิต

    “เอซ...รออยู่นี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวปะป๊ามา!

    ชายหนุ่มเปิดประตู ก่อนจะลงจากรถมายืนรอให้เจ้าของรถคันข้างๆออกมาจากรถเช่นกัน แต่แล้วเค้าถึงกับตกใจจนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคนที่ออกมานั้นไม่ใช่ลู่หาน แต่กลับกลายเป็นบอมมี่...ยัยแม่มดใจร้าย

    “ธ...เธอเอารถเพื่อนฉันมาขับได้ยังไง!!!” เสียงตะโกนดังลั่น ทำเอาบอมมี่ถึงกับส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เหนื่อยจากที่ทำงานมาแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับคนตรงหน้านี้อีก แต่ยังไม่ทันจะตอบอีกฝ่ายกลับกระชากเสียงถามขึ้นดังกว่าเดิม

    “ฉันถาม!! ว่าเอารถลู่หานมาขับได้ยังไง!!!!

    “ลู่หานเค้าให้ฉันยืมรถ”

    “ไม่จริง!! รถคันนี้เป็นคันโปรดของเค้า ขนาดฉันยืมไปขับ เค้ายังอิดออดเลย แล้วนี่เค้าจะให้ยัยแม่มดอย่างเธอ เอามาขับได้ยังไง!!

    เห็นอาการวีนเหวี่ยงของคริสแล้ว ป่วยการณ์ที่จะอธิบายอะไรออกไปอีก หญิงสาวทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะบอกให้เค้าไปถามเพื่อนของเค้าดูเอง

    “ถ้าไม่เชื่อฉัน ก็ลองโทรถามเพื่อนของเธอสิ...อู๋ ฟาน!

    “อยู่แล้ว! ไม่ต้องให้เธอบอกหรอก ยังไงฉันก็ต้องโทรถามลู่หานอยู่แล้ว!!” ชายหนุ่มพูดจบก็รีบกดโทรศัพท์มือถือหาลู่หาน แต่เมื่อเห็นบอมมี่ทำท่าจะเดินหนีไป มือที่เหลืออยู่อีกข้าง กลับรีบคว้าข้อมือบางของหญิงสาวไว้ในทันที

    “จะหนีไปไหน!! อยู่ตรงนี้แหล่ะ!! ถ้าลู่หานบอกว่าไม่ได้ให้เธอยืมรถ เธอได้ไปนอนในคุกแน่...ยัยแม่มด!!

    แม้คำพูดจะชวนให้โมโห แต่มือหนาที่เกาะกุมเธอไว้อยู่นี้ กลับทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจ เร็วขึ้น แรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ บอมมี่ถึงกับต้องขยับตัวให้ห่างจากร่างสูงออกมา เมื่อรู้สึกว่าเสียงเต้นของหัวใจมันดังออกมาประจานให้เธอได้อาย

     “ลู่หาน!! ยัยนั่นเอารถของนายมาขับได้ยังไง!!” ทันทีที่ปลายสายกดรับ เสียงที่กรอกลงไปในสายดังขึ้นอย่างคาดคั้นต้องการคำตอบ

    “ฉันให้คุณปาร์ค บอมยืมใช้เองล่ะ”

    “หา? ว่ายังไงนะ!!

    ถึงตอนนี้ มือที่เกาะกุมข้อมือบางอยู่กลับคลายออก ก่อนที่คริสจะเดินห่างออกมาไกลพอสมควร

    “นายทำอย่างนี้ได้ยังไง...ลู่หาน!!

    “ใจเย็นๆก่อนสิ...คริส!

    “ใจเย็นเหรอ? จะให้ฉันทำแบบนั้นได้ยังไง? ในเมื่อเพื่อนสนิทของฉัน ดันไปหลงเสน่ห์นังปิศาจคนที่ฉันเกลียดจนเข้าไส้!! ลู่หาน...นายทำแบบนี้ได้ยังไง!!

    “แทนที่จะโวยวายใส่ฉัน นายน่าจะขอบคุณฉันมากกว่านะ...คริส!

    “ลู่หาน!!” เสียงตะคอกที่ดังออกมา ทำเอาลู่หานต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหู และเมื่ออีกฝั่งดูจะสงบลงแล้ว เค้าจึงพูดขึ้นมาน้ำเสียงจริงจัง

    “ฟังฉันให้ดีๆนะ...คริส!! ฉันสนใจผู้หญิงคนนั้น และถ้าฉันจีบ ปาร์ค บอม ติด เธอก็จะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับนายอีก แล้วอย่างนี้มันไม่ดีตรงไหนล่ะ...คริส!

     

     “แต่...”

      

    “ไม่มีคำว่าแต่ นอกเสียจากว่า นายเองก็สนใจเธอเหมือนกัน!!

    “จะบ้าเหรอ!!! ฉันเกลียดยัยนั่นจะตาย!!!

    เสียงโวยวายที่ดังมาตามสาย เรียกรอยยิ้มบางๆให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน ก่อนที่เค้าจะเอ่ยย้ำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเค้าเอาจริง
     

    “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเชียร์ฉันด้วยล่ะกัน...คริส! ฉันรับรองได้เลยว่า ปาร์ค บอม จะออกจากชีวิตของนาย แต่จะเดินเข้ามาในชีวิตของฉันแทน!!

        

     


      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×