ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Doll Lover...รักมากมายเจ้าชายตุ๊กตา

    ลำดับตอนที่ #10 : The Doll Lover.....IX

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 58




     

     “อย่าลืมที่บอกไว้นะ จ...”

    “ห้ามถูกเนื้อต้องตัว ห้ามแกล้งหรือทำให้ตกใจ ห้ามเข้าไปในห้องนอนของซูจี ห้ามพาซูจีออกไปข้างนอกถ้าฮันนี่ไม่อยู่ และต้องอยู่เฝ้าบ้านหลังนี้ตลอดเวลา ฮันนี่..เค้าฟังที่ตัวเองพูดจนท่องได้ขึ้นใจแล้ว” จงอินชิงพูดขึ้นก่อนเพราะรู้ว่าหญิงสาวจะเอ่ยอะไรออกมา

    “ท่องได้แล้ว ก็ต้องทำตามด้วยล่ะ...จงอิน” บอมมี่ยกมือขึ้นยีหัวของเด็กหนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ก่อนจะจับมือของหญิงสาวมากุมไว้แนบอก เค้าไม่ชอบให้หญิงสาวทำแบบนี้มันเหมือนผู้ใหญ่ทำกับเด็ก...ซึ่งเค้าไม่ต้องการ

    “ปล่อยมือเลยจงอิน อย่ามาฉวยโอกาสนะ”

    “ฮันนี่อ่ะ นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ?” เด็กหนุ่มคลายมือที่กุมออกอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะมองคนตรงหน้าแววตาอ้อนๆ

    “งั้นฉันไปก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้านะ”

     

                แต่ก่อนที่จะเดินออกมา ข้อมือบางกลับถูกฉุดรั้งไว้ น้ำเสียงจริงจังที่เอื้อนเอ่ย ทำให้หญิงสาวถึงกับต้องหยุดฟัง

    “ทำไมตัวเองไม่อยู่ด้วยกันกับเค้าที่นี่เลยล่ะ? ทำไมต้องกลับไปอยู่กับคนคนนั้นด้วย? คนที่คอยจ้องแต่จะหาเรื่อง คนที่ไม่เคยยอมรับความจริง คนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองป่วย  คนแบบนั้นตัวเองรักษาไม่ได้หรอกนะ...ฮันนี่!

    “รักษาได้หรือไม่ มีแค่ฉันคนเดียวที่รู้ จงอินอย่าคิดเรื่องนี้แทนฉันเลย”

    “แต่...”

    “จงอินแค่ดูแลซูจีให้ฉันก็พอ เรื่องของคนคนนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของฉัน ถือว่าฉันขอร้องล่ะกัน”

    “ก็ได้...เค้าจะไม่ยุ่งเรื่องนั้น ส่วนเรื่องซูจีในเมื่อเค้ารับปากแล้ว ตัวเองก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกนะ เค้าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี” สายตาจริงจังไร้แววล้อเล่นฉายชัดออกมา บอมมี่ถึงกับกระตุกเบาๆที่หน้าอกข้างซ้าย รู้สึกผิดเต็มๆที่หลอกคนตรงหน้า คนที่ยอมและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    “แต่เค้าขอร้องตัวเองอย่างนึงได้ไหม?

    “หืม?”

    “ตัวเองสัญญากับเค้าได้ไหมว่าเสร็จงานนี้ ตัวเองจะกลับอเมริกากับเค้า”

                แม้จะมีอาการหน่วงๆที่ใจ แต่สัญญาที่จงอินเอ่ยปากขอออกมานั้น ต่อเค้าไม่ทวงถาม เมื่อถึงเวลาหญิงสาวเองคงต้องทำมันอยู่ดี

                “ได้...เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉันจะกลับอเมริกากับจงอิน”

     

     

                “เฮ้อ...”

                เสียงพรูลมหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัด ดังขึ้นทันทีที่ล้มตัวลงบนฟูกนิ่ม วันนี้ทั้งวันหญิงสาวเหนื่อยล้าไปทั้งกายและใจ แต่ไม่ทันจะได้พักสายตาและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับห้วงนิทรา เสียงโหวกเหวกกลับดังแหวกเข้ามาในหู มันดังลั่นจนเกินกว่าจะสงบจิตใจและปล่อยผ่านไปได้

                “บอกให้เอารถออกเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดที่ดังลั่นขึ้น ทำเอาคนที่ยืนเก้ๆกังๆกลางห้อง ถึงกับสะดุ้งโหยง

                “ค...คุณคริสครับ ดึกป่านนี้ไม่มีร้านไหนเข้าเปิดหรอกครับ”

                “ต้องมี! มันต้องมีสักร้านที่เปิดอยู่!! นายรีบไปเอารถเลยออกเลย อย่ามาพูดนู้นพูดนี่ถ่วงเวลาแบบนี้ เห็นไหม?! เอสของฉันจะตายอยู่แล้ว!!

                คนได้ฟังถึงกับส่ายหัวไปมา ที่จะตายไม่ใช่ไอ้ตัวปุกปุยในอ้อมกอดของเจ้านายของเค้าหรอก แต่เป็นตัวเค้าเองนี่ล่ะ...ที่ได้ตายแน่ๆ ถ้าขืนทำตามคำสั่งงี่เง่านั่น ให้ไปเคาะเรียกร้านซ่อมตุ๊กตาในเวลาตีสองแบบนี้

                “มีอะไรกันเหรอ?”

                “คุณบอมมี่ครับ เอ่อ...คือคุณคริสจะให้ผมพาไปร้านซ่อมตุ๊กตาครับ แต่เวลาแบบนี้ไม่มีร้านไหนเปิดแล้วล่ะครับ”

    “เฉิน!! ฉันบอกให้ไปเอารถออกไง!! ไม่ได้ยินเหรอไง?!!

    เสียงตวาดดังลั่นขึ้นอีกครั้ง มันดังขนาดที่บอมมี่ยังต้องยกมือขึ้นปิดหู ส่วนคนที่ถูกตวาดใส่ แม้จะกลัวพายุอารมณ์ของเจ้านาย แต่เค้าก็ไม่วายโอดครวญ

    “โธ่...คุณคริสครับ”

    “ฉันซ่อมให้ได้นะ” เสียงที่ดังขึ้น เรียกให้สายตาสองคู่มองตรงมาที่เธอทันที แต่เพียงแค่ชั่วอึดใจความหวังดีของหญิงสาวมีอันต้องสลาย เมื่อได้สบเข้ากับแววตาแข็งกร้าวของคริส ก่อนที่คำพูดของเค้าจะเชือดใจให้ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง

    “ไม่! แม่มดอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้! ฉันเคยพลาดมาแล้ว และมันจะไม่มีครั้งที่สอง!! นังแม่มด!!

    “คุณคริสครับ ลองให้คุณบอมมี่ซ่อมดูก่อนไหมครับ”

    “หุบปาก! แล้วไปเอารถออก!!

    และในขณะที่คนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเผลอ บอมมี่รีบฉกเอาเจ้าตัวปุกปุยในอ้อมกอดของเค้ามา แล้วรีบเขย่งขาเดียวตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองทันที

    คริสเซเสียหลักไปเล็กน้อยเพราะตกใจ แต่เมื่อได้สติเค้ารีบวิ่งตามไปที่ห้องนอนของคนก่อเรื่อง ก่อนจะกระหน่ำกำปั้นไปบนแผ่นไม้หนานั่นไม่ยั้ง  ปากก็ตะโกนเรียกคนข้างในอย่างโกรธจัด

     “นังแม่มด!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!! เปิด! บอกให้เปิดไงเล่า!!

    ยิ่งคนข้างในนิ่งเงียบ มีเพียงแค่เสียงของตัวเองดังก้องอยู่เท่านั้น ในใจของชายหนุ่มยิ่งร้อนรุ่ม ภาพเรื่องราวในอดีตของมิสซิสแมรี่กลับปรากฏชัดขึ้นในหัว วนลูปไปมาอยู่อย่างนั้น

    แม้ในใจอยากจะพังประตูเข้าไปช่วยตุ๊กตาตัวสำคัญของตัวเองแค่ไหน แต่ความเครียดที่ก่อตัวขึ้นเล่นเอาคริสถึงกับปวดหนึบตรงขมับร้าวไปจนถึงท้ายทอย ชายหนุ่มทรงตัวไว้ไม่อยู่ เค้าค่อยๆทรุดลงกับพื้น

    “คุณคริสครับ! เป็นยังไงบ้างครับ?!

    “ปวด...ปวดหัว”

    เฉินเห็นท่าไม่ดี เค้ารีบพยุงคนเป็นนายให้ลุกขึ้น ก่อนค่อยๆพาร่างสูงนั่นไปพักบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น

    “เฉิน...ช่วยเอสที นายช่วยเอสจากนังแม่มดที”

    “แต่คุณคริสครับ คุณบอมมี่ล็อคห้องแบบนั้น ผมจะเข้าไปยังไงล่ะครับ”

    “นายก็พังประตูเข้าไปไง...เฉิน”

    ได้ฟังคำรบเร้าของคนเป็นนายแล้วเฉินถึงกับส่ายหัว  เค้าไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่นะที่จะเตะหรือต่อยประตูให้พังได้ง่ายๆ แต่จะให้ปฏิเสธออกมาเลยก็กลัวว่าตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองอาจมีอันหลุดลอย

    “ไม่ต้องพังประตูหรอก...เฉิน”

    “แก...นังแม่ม..” ทั้งที่อยากจะจิกเรียกอีกฝ่ายแรงๆ แต่อาการปวดร้าวไปทั่วศรีษะ ทำเอาเค้าพูดไม่จบประโยค คริสทำได้แค่เพียงส่งสายตาแข็งกร้าวมองตามหญิงสาวที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะที่เธอจะนั่งลงข้างๆตัวเค้าอย่างแค้นเคือง

    “ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนี้เลยนะอู๋ ฟาน แต่เธอไม่ฟังฉันเอง”

    ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่นเมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายส่งมาให้

    “ให้โอกาสฉันสักครั้งนะ...อู๋ ฟาน ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ได้โปรดเชื่อใจฉัน ให้ฉันซ่อมตุ๊กตาตัวนี้ ถ้าเธอไม่ไว้ใจ ฉันจะนั่งทำอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆเธอ ให้เธอได้เห็นว่าฉันไม่มีวันทำร้ายหัวใจของเธออีกแล้ว”

    ทั้งที่บอกตัวเองว่าอย่าได้หลงกลไปคำพูดหวานๆของบอมมี่ แต่เค้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ความโกรธเกลียดในใจมันมีไม่พอจะต่อกรกับแม่มดตัวร้ายตนนี้ได้สักที เพราะเพียงแค่เค้าพยักหน้าตอบรับ ก็เป็นอีกครั้งแล้วที่เค้าต้องพ่ายแพ้

     

    หลังจากที่เจ้านายหนุ่มของเค้ายอมสงบศึก(ชั่วคราว) ตอนนี้ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเฉิน เหมือนกับฉากรักในหนัง ที่พระเอกคอยประคองตุ๊กตาตัวน้อย ให้นางเอกร้อยเข็มซ่อมแซมรอยขาดของเจ้าตัวปุกปุยบนตักหนานั่นอย่างขะมักเขม้น ยิ่งได้เห็นร่างของคนทั้งคู่เบียดเข้าใกล้กันมากขึ้นเท่าไหร่ เฉินถึงกับอดไม่ได้ที่ต้องยิ้มกว้างออกมา

    “เอ่อ...ผมขอตัวไปนอนก่อนได้ไหมครับ” ในที่สุดเค้าก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอไปมากกว่านี้

    “นายง่วงเหรอ? ถ้างั้นก็ไปเถอะ” คริสเงยหน้าขึ้นมาถาม ก่อนจะตัดสินใจบอกให้อีกฝ่ายไปนอนโดยไม่รอคำตอบ

    เมื่อเฉินไปแล้ว คนทั้งคู่ก็กลับมาสนใจเจ้าขนปุยสีขาวอีกครั้ง และเพียงแค่ไม่กี่ฝีเข็ม รอยขาดก็ถูกซ่อมแซมจนเสร็จสมบูรณ์ อารามดีใจ...คริสรีบยกตุ๊กตาขึ้นมาดูใกล้ๆ โดยไม่ทันได้ระวังว่าแขนของตัวเองจะชนเข้ากับแขนของคนข้างๆที่ยังไม่ทันได้เก็บเข็มในมือ และนั่นทำให้บอมมี่พลาดโดนเข็มตำบนปลายนิ้ว

    “โอ้ย!!

    “เป็นอะไร?!!” ชายหนุ่มรีบวางตุ๊กตาลงข้างตัว ก่อนจะหันมาสนใจหญิงสาวที่ตอนนี้เอามือกุมนิ้วที่โดนเข็มตำ และเมื่อเห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมา คริสรีบดึงมือของอีกฝ่ายมาตรงหน้า ก่อนจะอ้าปากงับเบาๆไปบนปลายนิ้วเรียวนั่น พร้อมกับดูดเบาๆเพื่อห้ามเลือด

    สิ่งที่ชายหนุ่มทำแม้จะไม่ถูกต้องตามหลักทางการแพทย์ แต่บอมมี่ไม่แม้จะเอ่ยปากห้าม เพราะตอนนี้เธอตกใจจนร่างทั้งร่างแข็งทื่อ หัวใจแทบจะหยุดเต้นไปเสียแล้ว

    “ทำไมเลือดไม่เห็นหยุดไหลเลย?” ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้น เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปไม่ได้ผล แถมเลือดยังไหลออกจากแผลมากกว่าเดิมเสียอีก

    “เอ่อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเอง” บอมมี่ค่อยๆดึงมือกลับ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง

    ความรู้สึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนปลายนิ้ว เรียกให้ใบหน้าหวานถึงกับเห่อร้อน หัวใจที่เคยเกือบหยุดเต้นกลับสั่นไหวราวกับมีคนรัวกลองอยู่ข้างใน หญิงสาวไม่คาดคิดว่าเลยว่าคนที่มีแต่ความเกลียดชังให้เธอ จะทำแบบนี้กับเธอได้

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

    เสียงเคาะประตูเรียกให้เธอหลุดออกจากภวังค์ บอมมี่สูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด พยายามสงบใจที่ปั่นป่วนให้กลับมานิ่งอีกครั้ง และเมื่อพร้อมเธอจึงเปิดบานประตูออกเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่เป็นต้นเหตุให้หวั่นไหว

    “เอ่อ...คือ”

    “หืม?”

    “คือ...ฉัน”

    บอมมี่ถึงกับคิ้วขมวดมุ่น งงกับท่าทีอึกอักของอีกฝ่าย แต่ไม่ทันได้เอ่ยถาม กล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

    “ฉันจะมาทำแผลให้เธอ” ชายหนุ่มพูดรัวออกมา ก่อนจะดึงมือของคนที่ช็อครอบสองให้เดินตามมานั่งที่เตียง

    ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากของคนทั้งคู่อีก มีเพียงเสียงกุกกักที่เกิดจากมือใหญ่หนาที่ค้นหายาและอุปกรณ์ทำแผลในกล่องสี่เหลี่ยมใบย่อมนั่น

    “แสบนิดนึงนะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกเมื่อกำลังจะแตะสำลีชุ่มแอลกอฮอล์ไปบนแผลเล็กๆนั่น

    “ซี๊ด...” แม้จะทำใจอยู่แล้วว่าต้องแสบ แต่บอมมี่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา

    “แสบมากเหรอ?” ไม่พูดเปล่า คริสยังเป่าลมเบาๆไปบนแผลนั่นราวกับว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ เค้าไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองทำเอาคนข้างๆถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว

    “แผลที่เท้าเธอยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ? เอ่อ...ฉันเห็นเธอเขย่งเมื่อกี้”

    “เกือบจะหายดีแล้วล่ะ แต่ฉันไม่อยากลงน้ำหนักมากกลัวมันจะอักเสบซ้ำน่ะ”

    “อืม...อย่างนั่นเองเหรอ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ แต่สายตาก็ยังคงจ้องอยู่กับการทำแผล

    “หลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องเจ็บตัว มันเป็นเพราะฉัน และหลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องเสียใจ มันก็เป็นเพราะฉันอีก”

    “อู๋ ฟาน คือ...”

    “ฉันขอโทษ”

    น้ำเสียงและแววตาจริงจัง ทำเอาคนได้ฟังไม่ได้ดีใจไปกับประโยคที่ได้ยิน ลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้น บอกให้หญิงสาวเตรียมตัวเตรียมใจรับความเจ็บปวดอีกครั้ง และมันก็จริงเมื่อประโยคถัดมาจากปากของเค้า...ทำเอาขอบตาร้อนผ่าว

    “ถ้าทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน ถ้ามันเป็นอย่างนั้น...ก็ช่วยอยู่ห่างๆ อย่าเข้าใกล้ฉันอีก เพราะต่อให้เธอทำดีแค่ไหน มันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เธอเคยทำเอาไว้ได้”

     

    “ไม่มีวันที่เธอจะลบล้างภาพแม่มดในอดีตไปได้...บอมมี่”

      

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×